รีวิวฉบับที่ 900 วันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่างที่พึ่งเปิดให้เข้าชมกันและที่ตั้งโครงการ The Remarkable ศูนย์วิจัย 2 จาก Able Asset Group คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 87 ยูนิต พร้อมกับการออกแบบเพื่อการพักอาศัยเน้นการเข้าถึงธรรมชาติในสไตล์แบบ Modern อยู่ในซอยศูนย์วิจัย แยก 2 เข้าออกได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนเพชรบุรี ถนนพระราม 9 และถนนประดิษฐ์มนูธรรม โครงการจะเป็นอย่างไรนั้น เราไปชมพร้อมๆกันเลยค่ะ
Fact @ 18 August 2015
- The Remarkable Soonvijai 2 (เดอะ รีมาร์คเอเบิ้ล ศูนย์วิจัย 2)
- บริษัท เอเบิ้ล แอสเสท กรุ๊ป จำกัด
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ห้วยขวาง
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 87 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 13 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 41 คันคิดเป็น 47% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 49%
- ที่ดินประมาณ 0-3-24 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : ธันวาคม 2558
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ธันวาคม 2560
- 1 Bedroom 30.31 – 50.06 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.30 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 54.75 – 55.09 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6 ล้านบาท
- Penthouse 83.16 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 9.5 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.60 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 3.30 ล้านบาท หรือประมาณ 109,700 บาท/ตร.ม. ของห้องเริ่มต้น
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 110,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 104,310 – 115,812 บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ระหว่างการดำเนินการ
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร :089-333-8222
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.748434, 100.586934
แผนที่จากทางโครงการ ที่ตั้งของโครงการ The Remarkable ศูนย์วิจัย 2 ตั้งอยู่ในซอยศูนย์วิจัย แยก 2 สามารถเข้า – ออก ได้ 3 ทาง คือจากทางถนนเพชรบุรีตัดใหม่, ถนนพระราม 9 และถนนเอกมัย – รามอินทรา
ที่ตั้งของโครงการ The Remarkable ศูนย์วิจัย 2 ตั้งอยู่ในซอยศูนย์วิจัย แยก 2 หรือซอยเพชรบุรี 47 แยก 2 ซึ่งอยู่ระหว่างถนนเพชรบุรีขาออกและถนนพระราม 9 ขาเข้า โดยถนนเพชรบุรีนั้นยาวมาตั้งแต่แยกยมราชตรงมาทางทิศตะวันออกปลายสายเชื่อมกับถนนพัฒนาการและถนนรามคำแหง และถนนพระราม 9 ที่ยาวมาตั้งแต่ รัชดาและอโศก – ดินแดง ยาวไปจนตัดกับถนนศรีนครินทร์ ทำให้การเข้าถึงโครงการสามารถเข้าได้จากถนนหลายสายทั้งที่ตัดผ่านและบรรจบกัน และในย่านนี้ก็มีซอยขนาดใหญ่ที่เชื่อมถนนเข้าด้วยกันหลายสายอยู่ อย่างเช่น ซอยทองหล่อ, ซอยเอกมัย (สุขุมวิท 63) ที่เชื่อมถนนเพชรบุรีกับถนนสุขุมวิทไว้ด้วยกัน ซึ่งมีร้านรวง, Community Mall และคอนโดมิเนียมมากมายปลูกขึ้นตามซอย
หากมองในแง่คนที่อยู่อาศัยบริเวณนี้หรือทำงานประจำในแถบเพชรบุรีและพระราม 9 จะถือว่าอยู่ในตำแหน่งที่มีความสะดวกในการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ถึงแม้ว่าปริมาณรถในชั่วโมงเร่งด่วนอย่างช่วงเข้างานและหลังเลิกงานจะมีปริมาณรถค่อนข้างมากและติดขัดไปจนถึงหัวค่ำ เนื่องจากถนนเพชรบุรีมีจุดตัดกับถนนและซอยอื่นๆค่อนข้างเยอะ ทำให้ต้องเจอกับสัญญาณไฟจราจรเยอะเช่นกัน รวมทั้งในคืนวันศุกร์และวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ช่วงบริเวณทางเข้า RCA ที่เป็นแหล่งกินดื่มสังสรรค์ก็ยิ่งทำให้มีปริมาณของรถนั้นเข้า-ออกมากขึ้นด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีทางลัดและซอยเล็กๆมากมายให้ลัดเลาะได้ ช่วยให้หลบหลีกเส้นทางรถติดได้ค่ะ
สำหรับทางด่วนจะเป็นทางด่วนศรีรัชจะมีจุดทางขึ้น – ลงตรงถนนเพชรอุทัย เวลาใช้งานก็วิ่งไปออกใต้ทางด่วนแล้วตรงไปทาง RCA ค่ะ ในส่วนของสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ในระยะใกล้ที่สุดก็จะเป็น MRT เพชรบุรี ค่ะ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระยะเดินได้นะคะ เพราะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 4 กิโลเมตร ดังนั้นการเดินทางเข้าถึงโครงการหลักๆ ที่สะดวกที่สุดก็คงจะเป็นรถยนต์ส่วนตัว ไม่ก็นั่งพี่วินมอเตอร์ไซค์เข้าซอยค่ะ
เนื่องจากบริเวณของที่ตั้งโครงการอยู่ในส่วนของกรุงเทพชั้นในที่มีความเจริญค่อนข้างมาก ทำให้บนถนนเพชรบุรีนั้นส่วนใหญ่ที่พักอาศัยจะเป็นคอนโดมิเนียมติดถนน และอาคารสำนักงานใหญ่ๆ อย่างตึกชาญอิสสระ, ตึกอิตาเลี่ยนไทย, มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ, โรงเรียนสาธิต มศว. ประสานมิตร และโรงพยาบาลกรุงเทพที่ใกล้มากๆ
สำหรับร้านรวงขายอาหารแถบนี้ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ ตามริมถนนตึกแถวก็มีเปิดขาย เพราะนอกจากจะรองรับผู้คนในย่านนี้แล้ว ก็ยังมีลูกค้าที่เป็นพนักงานออฟฟิศจำนวนมากที่ทำงานในแถบนี้เช่นกัน ใครอยากไปกินอาหารชื่อดัง ร้านน่านั่งหน่อยก็ตามแถบซอยทองหล่อเลยค่ะ การจับจ่ายซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่ใกล้ที่สุดก็คงจะเป็น Foodland ใครหิวก็ไปฝากท้องกันตอนกลางคืนได้เช่นกันนะ และอีกย่านนึงที่อยู่ใกล้ๆ ที่ครึกครื้นมากในตอนกลางคืนจะเป็นที่ไหนไม่ได้ถ้าไม่ใช่ RCA สำหรับกลุ่มเพื่อนๆ นัดกันมาปาร์ตี้สังสรรค์ ทำให้ทำเลแถบนี้ค่อนข้างคึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน
แต่ในขณะเดียวกันบรรยากาศในซอยศูนย์วิจัยกลับค่อนข้างเงียบสงบ เนื่องจากในซอยนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ที่อยู่อาศัยกันมาแต่ดั้งแต่เดิม และอพาร์ทเมนท์สูงไม่เกิน 5 – 6 ชั้นบ้างเล็กน้อย ทำให้เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับโครงการมากขึ้น แต่ช่วงปากซอยจะมีความคึกคักมากหน่อยเพราะมีโรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงแรม A – One Bangkok และโรงเรียนดลวิทยาที่เปิดมานาน
การเดินทางของเราเริ่มต้นที่ถนนรามคำแหงตรงผ่านแยกพระราม 9 ตรงมาเรื่อยๆ ถึงสี่แยกที่ตัดกับถนนเพชรบุรีและถนนพัฒนาการ จึงเลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรบุรี ตรงมาเรื่อยๆเมื่อถึงซอยเพชรบุรี 47 แล้วให้เลี้ยวขวา จากนั้นเลี้ยวขวาอีกทีเมื่อถึง 3 แยกในซอย แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยศูนย์วิจัย 2 (เพชรบุรี 47 แยก 2) ค่ะ
จากถนนรามคำแหงขาเข้ามุ่งหน้าไปทางแยกพระราม 9 การจราจรค่อนข้างสะดวกในช่วงเวลาที่เลยชั่วโมงเร่งรีบไปแล้ว ฝั่งด้านขวาจะเห็น Foodland สาขารามคำแหง และถัดไปเป็นคอนโดมิเนียม High Rise ตั้งอยู่ริมสี่แยกพระราม 9
ขับตรงมาถึงแยกพระราม 9 จะเจอสัญญาณไฟ บริเวณนี้รถจะค่อนข้างหนาแน่นมากๆในช่วงเวลาหลังเลิกงานไปแล้ว
เมื่อผ่านแยกพระราม 9 มาแล้ว ขับตรงมาเรื่อยๆตามถนนรามคำแหง ก่อนถึงแยกที่ตัดกับถนนเพชรบุรีและถนนพัฒนาการ จะเห็น Airport Rail Link สถานีรามคำแหงด้านขวามือและที่อยู่ติดกันนั้นคือ A-Link Square เป็น Mall เล็กๆที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านเสริมความงาม ถัดไปอีกหน่อยเป็นตึก UM Tower ค่ะ
ตรงมาเรื่อยๆ จนถึงสี่แยกคลองตัน ถ้าเลี้ยวขวาเป็นถนนเพชรบุรี, เลี้ยวซ้ายถนนพัฒนาการ และถ้าตรงไปจะเป็นซอยสุขุมวิท 71 (ปรีดีพนมยงค์) ซึ่งเราจะเลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรบุรีกันนะคะ
บนถนนเพชรบุรีที่มีทั้งหมด 6 เลน และด้วยถนนตัดกับถนนอีกหลายสาย ทำให้มีสัญญาณไฟจราจรมากเช่นกัน ดังนั้นการจราจรจะค่อนข้างเคลื่อนตัวไปได้ช้าสักหน่อยค่ะ
ตรงมาด้านซ้ายมือจะเห็นตึกชาญอิสสระ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ 2 ข้างทางของถนนเพชรบุรีนี้มักจะเป็นอาคารสำนักงาน, คอนโดมิเนียม และอาคารพาณิชย์
เจออีกสัญญาณไฟจราจรนึงแล้วค่ะ ซึ่งจะตัดเข้าซอยทองหล่อนั่นเอง ปกติแล้วใครที่ออกมาจะซอยทองหล่อแล้วจะเลี้ยวขวาเข้าเพชรบุรีมุ่งหน้าแยกคลองตันจะทำได้ในบางเวลาเท่านั้นนะคะ บนเส้นนี้จะมีคอนโดมิเนียมอยู่ตามริมถนนเป็นช่วงๆ ช่วงที่มีเยอะหน่อยจะเป็นใกล้ๆจุดสำคัญต่างๆเช่น ทองหล่อ หรือ อโศก
ตรงมาอีกสักหน่อยจะเจอกับทางกลับรถ และสามารถเลี้ยวขวาเข้าซอยเพชรบุรี 47 หรือซอยศูนย์วิจัย ได้ค่ะ ซึ่งทั้งหน้าปากซอยและอีกฝั่งถนนจะมี 7-11 ด้วย
เมื่อเราเข้ามาในซอยศูนย์วิจัยจะเห็นได้ว่าโครงการสามารถเข้าได้ในหลายเส้นทางด้วยกัน A มาจากถนนเพชรบุรี, B ที่มาจากถนนพระราม 9 และ C จากถนนเอกมัย – รามอินทรา โดยเราจะเข้าโครงการด้วยเส้นทาง A กันก่อนนะคะ แล้วจะพาทุกท่านออกจากโครงการด้วยเส้นทาง B ค่ะ แล้วเราจะย้อนกลับมาที่สำนักงานขายของโครงการจะอยู่ในซอยพระราม 9 แยก 26 ที่อยู่ในเส้นทาง B ค่ะ นอกจากถนนเพชรบุรีแล้วยังมียังมีถนนกำแพงเพชร 7 (ถนนโลคัลโรด) ให้ใช้เลี่ยงรถติดได้อีกนะคะ
ตรงเข้ามาในซอยเพชรบุรี 47 (ศูนย์วิจัย) แล้วสิ่งแรกที่จะเห็นคือทางรถไฟนั่นเองค่ะ ซึ่งด้านบนทางรถไฟจะเป็นเส้นทางของ Airport Rail Link ค่ะ ตรงบริเวณนี้ถ้ามีรถไฟผ่านก็อาจจะทำให้รถติดนิดหน่อยนะคะ
เมื่อตรงเข้ามาภายในซอยศูนย์วิจัยแล้ว จะเห็นว่าขนาดความกว้างของถนนเป็น 2 เลนสวนทางกัน ตรงมาจนเจอกับ 3 แยกที่บริเวณแพทยสภา หากเลี้ยวซ้ายจะเจอโรงพยาบาลกรุงเทพ แต่เราจะเลี้ยวขวากันค่ะ
จากนั้นก็ขับตรงมาอีกสักหน่อยจะเห็นป้ายบอก ซอยเพชรบุรี 47 แยก 2 ให้เลี้ยวซ้ายเลยค่ะ และสำหรับทางไปสำนักงานขายจะต้องตรงไปอีกซอยนึงค่ะ
ถนนภายในแยก 2 นี้จะมีขนาดความกว้างน้อยไปหน่อยสำหรับรถสวนกัน ซึ่งมีทางเลี้ยวที่บังสายตาจากรถที่สวนมาด้วย ดังนั้นก็ต้องระวังกันหน่อยนะคะ และยิ่งสำหรับคนที่จะเดินเข้าโครงการด้วยต้องยิ่งระวังค่ะ เพราะไม่มีทางเท้าให้เดินได้สบายๆนะ
ตรงเข้ามาจะเห็นโรงแรม A – One Bangkok อยู่ทางด้านซ้าย รวมทั้งเป็นทางเข้า – ออกหลักของรถบัส รถทัวร์ที่มาลงในโรงแรมนี้ด้วยค่ะ
ฝั่งตรงข้ามโรงแรมจะเป็นบ้านเดี่ยวขนาดเล็กที่ทำเป็นอู่ซ่อมรถเล็กๆด้วย
ด้านข้างโรงแรมจะมีร้านค้าขายข้าวแกง อาหารตามสั่งให้พนักงาน จะเห็นว่าเค้าวางโต๊ะกันริมถนนเลย ซึ่งควรชะลอรถหน่อยนะคะ เพื่อไม่ให้เกิดการเฉี่ยวชนคนที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ ^^
ขับตรงมาจะสังเกตว่าภายในแยกนี้ค่อนข้างเงียบสงบทีเดียวค่ะ เพราะนอกจากจะเป็นซอยตันแล้ว ก็ยังมีบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่อยู่ในแยกนี้ด้วย ส่วนในฝั่งซ้ายมือจะเป็นที่พักสำหรับคนงานชั่วคราวค่ะ
ถึงที่ตั้งโครงการแล้วค่ะ ตอนนี้ยังไม่มีการก่อสร้างนะคะ โดยโครงการจะเริ่มสร้างในเดือนธันวาคม 2558 นี้
เดินเข้ามาดูภายในที่ดินโครงการขนาด 0 – 3 – 24 ไร่ จะเห็นว่าอาคารข้างเคียงที่มองเห็นจะเป็นบ้านเดี่ยว และอพาร์ทเมนท์สูงไม่เกิน 6 ชั้นที่อยู่ถัดไปอีกซอย
ด้านหน้าโครงการจะติดกับถนนซอยศูนย์วิจัย 2 และบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่
เยื้องไปทางด้านซ้ายเป็นที่ดินว่างเปล่า ล้อมรั้วสังกะสี
ซึ่งที่ดินว่างเปล่านี้ ข้างในที่ดินเป็นต้นจามจุรีขนาดใหญ่ ซึ่งมีผลกับโครงการด้วยนะคะ ทำให้ห้องพักอาศัยด้านหน้าในชั้นสูงๆหน่อยมองเห็นพื้นที่สีเขียวในระยะที่ใกล้มาก
หลังจากที่เดินทางเข้ามาที่เส้นทาง A กันไปแล้ว เราจะพาออกเส้นทาง B กันค่ะ
จากหน้าปากซอยศูนย์วิจัย 2 ให้ขับตรงไปอีกซอย คือซอยพระราม 9 แยก 26 ค่ะ
เลี้ยวซ้ายมาตามทางถนน
จะเจอสำนักงานขายที่ตั้งอยู่ต้นซอยพระราม 9 แยก 26 กันค่ะ ซึ่งสำนักงานจะอยู่ฝั่งซ้ายมือของซอย
เลี้ยวออกมาที่ซอยพระราม 9 แยก 26 แล้วขับตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 600 เมตร ภายในซอยจะเป็นถนน 2 เลนสวนทางกัน ในซอยไม่มีทางเท้าให้เดินนะคะ ใครจะเดินเท้าออกก็ต้องระมัดระวังกันด้วยค่ะ
ภายในซอยนี้จะค่อนข้างพลุกพล่านมากกว่าซอยศูนย์วิจัย 2 เนื่องจากซอยนี้ใช้เป็นทางเข้าออกของคนในบริเวณนี้ จากที่สอบถามพี่วินบอกว่าในช่วงเช้าและช่วงเย็นค่อนข้างติดทีเดียวค่ะ และเห็นได้ว่า ถึงแม้จะเป็นถนน 2 เลนสวนทางกันก็อาจจะใช้ได้เพียงเลนเดียว เพราะมีรถยนต์จอดตามข้างทางและกินพื้นที่มาเกือบเลนนึงเลย
ขับตรงมาเรื่อยๆจะมีสะพานข้ามคลองเล็กๆก่อนจะถึงแยกที่ตัดกับถนนพระราม 9
ถึงหน้าปากซอยที่ตัดกับถนนพระราม 9 แล้วค่ะ ซึ่งหน้าปากซอยจะมีสถานบันเทิง The Office เป็นจุดสังเกต
กลับมาที่หน้าสำนักงานขายของโครงการ จะตกแต่งด้วยระแนงเหล็กสีดำและสีลายไม้ ที่เหมือนกับวัสดุที่ใช้จริงของอาคาร
ภายในสำนักงานขายนั้นจะตกแต่งโดยใช้โทนสี และวัสดุคล้ายกับห้องชุดและบรรยากาศในล็อบบี้อาคาร เพื่อสร้างบรรยากาศจำลองให้ผู้ที่สนใจได้สัมผัสกับกลิ่นอายของโครงการด้วยค่ะ
มาดูบริเวณโดยรอบโครงการกันค่ะ ที่ตั้งโครงการอยู่ในซอยศูนย์วิจัย 2 ที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของโครงการหรือ ทิศ A ซึ่งเป็นซอยตันและถนนในซอยมีขนาดไม่กว้างมากนัก การที่รถจะวิ่งสวนกันไปมาภายในซอยนี้ในปริมาณที่มากนั้นจะค่อนข้างอาจจะติดสักหน่อย และฝั่งตรงข้ามจะเป็นบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่สูงไม่เกิน 2 ชั้น และที่ดินว่างเปล่าที่ภายในที่ดินปลูกต้นจามจุรีขนาดใหญ่ทำให้ค่อนข้างร่มรื่นทีเดียวค่ะ แต่ในอนาคตก็ไม่สามารถบอกได้ว่าที่ดินผืนนี้จะถูกพัฒนาเป็นอะไรต่อไป ในส่วนของทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือทิศ B จะติดกับบ้านเดี่ยว ส่วนทิศตะวันออกเฉียงใต้ หรือทิศ C จะติดกับบ้านเดี่ยวเช่นเดียวกัน ซึ่งหากมองในระยะสูงระดับคอนโดมิเนียม 8 ชั้น ก็จะสามารถมองเห็นถนนพระราม 9 แยก 26 โดยในซอยพระราม 9 แยก 26 นี้จะมีอพาร์ทเมนท์สูง 6 ชั้น และมีอาคารสูง 5 ชั้นที่สามารถมองเห็นได้ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระยะที่ใกล้มากจนบดบังทัศนียภาพทั้งหมดค่ะ และสุดท้ายคือทิศตะวันตกเฉียงใต้ หรือทิศ D จะติดกับบ้านเดี่ยว และไกลออกไปก็จะเป็นโรงเเรม A – One Bangkok ค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- โรงแรม A – One Bangkok ~ 130 เมตร
- สถานีตำรวจมักกะสัน ~ 600 เมตร
- โรงเรียนดลวิทยา ~ 800 เมตร
- โรงพยาบาลกรุงเทพ ~ 850 เมตร
- M Theater ~ 850 เมตร
- ชาญอิสสระ ~ 900 เมตร
- Foodland เพชรบุรี ~ 1.2 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลปิยะเวท ~ 2.4 กิโลเมตร
- อิตาเลี่ยนไทย ~ 2.9 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลพระราม 9 ~ 3.5 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ ~ 5 กิโลเมตร
- โรงเรียนสาธิต มศว. ประสานมิตร ~ 5.8 กิโลเมตร
ภาพจำลองภายนอกของโครงการ The Remarkable ศูนย์วิจัย 2 คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 87 ยูนิต ตัวอาคารเป็นรูปตัว E หันหน้าโครงการออกซอยศูนย์วิจัย 2 ตัวอาคารใช้สีธรรมชาติ แสดงถึงวัสดุจริง โดยใช้นำเฉดสีของปูนเปลือย และ Facade เป็นระแนงอลูมิเนียมลายไม้ตกแต่ง ชั้น 1 ใช้เป็นพื้นที่จอดรถ และส่วน Lobby ทั้ง Indoor และ Outdoor มี Facility คือ Fitness เริ่มมีส่วนของห้องพักที่ชั้น 2 – 8 และในชั้น 8 จะมีสระว่ายน้ำระบบเกลือ พร้อม Jet Spa รอบๆ ตัวอาคารเป็นที่จอดรถกลางแจ้ง ส่วน Landscape หน้าโครงการและต้นไม้ใหญ่รอบๆโครงการ
สำหรับทางเข้า – ทางออกโครงการจะแยกออกจากกันคนละทาง โดยทางเข้าโครงการจะอยู่ทางซ้าย ซึ่งเมื่อขับรถเข้ามาในซอยจะต้องเลี้ยวขวาตัดกับเลนรถทางขวาที่สวนทางกันเพื่อเข้าโครงการ ส่วนทางออกจากโครงการจะอยู่ทางด้านขวาค่ะ
Model คอนโดและพื้นที่โดยรอบของโครงการ จะเป็นแปลงที่ดินลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส การวางอาคารจะใช้พื้นที่ดินแบบเต็มพื้นที่ ล้อมรั้วเป็นต้นไม้ และปลูกไม้ยืนต้นโดยรอบอาคาร เพิ่มความร่มรื่นและใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ห้องพักอาศัยในชั้นล่างๆมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นอีกด้วยค่ะ
จากด้านหน้าโครงการ ห้องพักที่อยู่ด้านหน้าส่วนใหญ่จะเป็นห้องพักขนาดเล็กหน่อย จะได้วิวในส่วนของถนนในซอยโครงการและที่ดินว่างที่มีต้นจามจุรีขนาดใหญ่ ห้องที่อยู่ในทิศนี้จะเป็นทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ดังนั้นปริมาณแดดจะค่อนข้างมากกว่าด้านอื่นๆ ซึ่งโครงการจะออกแบบ Facade ระแนงที่ช่วยลดทอนแดดที่ส่องเข้ามาได้โดยตรง
ถัดมาในด้านซ้ายหรือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีห้องเล็กและห้องใหญ่ที่อยู่ห้องมุม สำหรับห้องพักอาศัยในด้านนี้จะมีทิศทางลมและแดดจะเหมาะสมมากในการอยู่อาศัย เพราะนอกจากจะได้ลมตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว ปริมาณแสงแดดที่ได้รับยังเป็นในช่วงเช้าและไม่โดนแดดช่วงบ่ายทำให้ห้องไม่ร้อนในช่วงเย็นด้วยค่ะ
มาที่ด้านหลังของโครงการหรือทิศตะวันออกเฉียงใต้นั่นเองค่ะ ยูนิตห้องในด้านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่โดยจะอยู่เป็นห้องมุมตามรูปลักษณ์อาคารที่เป็นรูปตัว E ด้านนี้มีการเว้นพื้นที่ว่างเพื่อเปิดช่องระบายอากาศให้กับโถงบันไดหนีไฟทั้ง 2 บันได สำหรับทิศทางลมของทิศนี้จะดีมาก มีลมพัดผ่านเย็นสบาย รวมทั้งทิศทางแดดของทิศตะวันออกนี้ก็ทำให้ห้องในทิศนี้ไม่อมแดดในช่วงตอนเย็นด้วยค่ะ
ซูมเข้ามาที่ช่องว่างที่เว้นไว้สำหรับบริเวณบันไดหนีไฟค่ะ ซึ่งมีความกว้างประมาณ 3 เมตร จะมีห้องพักด้านหนึ่งมีหน้าต่างเปิดออกมาในส่วนนี้ได้ เพื่อรับลมหรือระบายอากาศ ซึ่งอีกด้านหนึ่งจะเป็นผนังทึบแล้วมีสวนแนวตั้ง (Vertical Garden) จัดไว้ให้ค่ะ
มาต่อกันที่ด้านข้างของโครงการในทิศตะวันตกเฉียงใต้ ด้านบนของด้านนี้จะเป็นบริเวณของสระว่ายน้ำในโครงการ ซึ่งการวางสระว่ายน้ำไว้ในชั้นบนโครงการนั้นจะเพิ่มความความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งสระว่ายน้ำจะยกสูงขึ้นจากชั้น 8 ตามความลึกของสระว่ายน้ำ ดังนั้นห้องพักที่อยู่ใต้สระว่ายน้ำนั้นก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความสูงของฝ้าเพดานจะลดลงเนื่องจากความลึกของสระว่ายน้ำ แต่สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือห้องที่อยู่ใต้สระว่ายน้ำนั้นอาจจะมีโอกาสที่มีความชื้นบริเวณฝ้าสูงกว่าห้องพักบริเวณอื่นๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของการก่อสร้างโครงการค่ะ
ในส่วนของชั้น 1 บริเวณ Lobby โครงการ นอกจากจะมี Lobby แบบ Indoor แล้ว ยังมีพื้นที่ Lobby Outdoor ให้นั่งเล่นหรือให้บุคคลภายนอกที่มารอพบลูกบ้านได้นั่งพักคอยตรงบริเวณนี้ พร้อมสระน้ำเล็กๆเพิ่มบรรยากาศ
ในชั้น 2 ของด้านหน้าโครงการ จะเป็นห้อง 1 Bedroom Type E+ ซึ่งในตัวห้องจะเหมือนกันแต่มีความแตกต่างกันตรงขนาดของระเบียงที่มีความกว้างเพิ่มขึ้น รวมทั้งโครงการยังปลูกหญ้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับระเบียงอีกด้วยค่ะ
ขึ้นมาที่ Facility ด้านบนที่จะเป็นสระว่ายน้ำแบบ Jet Spa ด้วยระบบน้ำเกลือ ที่มีขนาดของสระ 4 x 11 เมตร ลึก 1.2 เมตร
มองมาที่มุมนี้จะเห็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนริมสระว่ายน้ำ แต่ไม่มีเป็น Day Bed ให้นะคะ
ภาพทัศนียภาพและบรรยากาศจำลองของโครงการ ส่วนแรกจะเป็น Lobby Outdoor ซึ่งจะเชื่อมต่อกับ Lobby Indoor โดยบริเวณนี้จะมีชุดโซฟาให้นั่งเล่น พร้อมสระน้ำพุเล็กๆเพิ่มบรรยากาศมากขึ้น
เข้ามาในส่วนทางเข้าอาคาร ชั้น 1 ตกแต่งในโทนสีน้ำตาลธรรมชาติ ฝ้าเพดานแบบซ้อนไฟด้านใน ผนังเป็นสีน้ำตาลธรรมชาติสลับกับการตกแต่งด้วยกระจกเงาติดฟิล์ม การจัดวางโซฟาแบบเดี่ยวๆ โดยส่วนของทางเข้าอาคารนี้จะเชื่อมกับส่วนของ Lobby Indoor ซึ่งอยู่ถัดไป
ในส่วนของ Lobby Indoor มีชุดโซฟาพร้อมโต๊ะกลางเป็นชุดๆ สำหรับเป็นพื้นที่นั่งคอยหรือพื้นที่ใช้พบปะกับบุคคลภายนอกโครงการที่เข้ามาติดต่อกับลูกบ้าน
ถัดมาในชั้น 1 นี้จะมีส่วนของห้อง Fitness โดยสามารถมองเห็นวิวภายนอกได้สองทาง โดยมีด้านหนึ่งเห็นสระน้ำพุเล็กๆในส่วนของ Lobby Outdoor ค่ะ
ในส่วนของชั้น 8 นั้น จะมี Facility หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ คือสระว่ายน้ำแบบ Jet Spa 1 สระ ขนาด 4 x 11 เมตร ลึก 1.2 เมตร ไม่มีสระเด็ก พร้อมพื้นที่นั่งเล่นชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดิน
วีดีโอภาพรวมของโครงการ The Remarkable ศูนย์วิจัย 2
เริ่มกันที่ผังชั้น 1 ของโครงการ มีขนาดพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ วางอาคารเต็มพื้นที่ ทางเข้าจะอยู่ด้านซ้าย มีป้อมยามอยู่ข้างๆ และออกทางด้านขวา เลี้ยวเข้ามาแล้วจะเจอกับ Drop off เล็กๆ เพื่อเข้าไปยังพื้นที่ทางเข้าที่เชื่อมกับส่วน Lobby ที่อยู่ถัดไป ที่จอดรถส่วนใหญ่จะจอดในชั้น Basement แต่ในชั้น 1 นี้จะมีที่จอดรถทั้งหมด 16 คน แต่รวมที่จอดรถทั้งหมดได้ 41 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 47% จอดซ้อนคันได้อีก 2 คัน จะอยู่ที่ 49% ด้านหน้าฝั่งขวาจะเป็น Lobby Indoor ที่เชื่อมกันกับ Lobby Outdoor ลิฟต์โดยสาร 1 ตัว ลิฟต์ 1 Service อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการคือ 87 :1 และบันไดหนีไฟอีก 2 จุด ภายในพื้นที่ Lobby 1 จุด และที่จอดรถกลางแจ้งอีก 1 จุด สภาพรอบตัวตึกปลูกไม้ยืนต้นและกั้นรั้วเป็นไม้พุ่ม
ลงมาที่ชั้น Basement หรือชั้นใต้ดิน จะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมด โดยมีบันไดหนีไฟ 2 ตัว และลิฟต์โดยสารที่สามารถขึ้นไปที่ Lobby และ ห้องพักได้ค่ะ
ชั้น 2 เป็นชั้นห้องพักอาศัย บนชั้นนี้มีห้องพักทั้งหมด 13 ยูนิต การจัดเรียงเป็นแบบ Double Corridor ตามแนวตึกรูปตัว E มีการเว้นช่องระบายอากาศให้กับบันไดหนีไฟ บริเวณทางเดินนี้ไม่มีช่องแสงหรือช่องระบายอากาศจากภายนอกได้เลย ห้องพักในชั้นนี้มีอยู่ 2 แบบใหญ่ๆ ซึ่งแบ่งเป็น 1 Bedroom (สีฟ้าเทา) ที่มีอีก 6 แบบย่อย และ 2 Bedroom (สีน้ำตาล) มี 3 แบบย่อย สำหรับใครที่เน้นวิวนั้นจะมีห้อง 1F, 1B, 2A และ 2B ที่สามารถมองวิวได้ 2 ทาง และห้อง 2C นั้นสามารถมองวิวได้ 1 ทางด้านหน้าแต่ด้านข้างก็สามารถเปิดหน้าต่างระบายอากาศได้
ถัดมาคือชั้น 3 – 7 มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 13 ยูนิต มีแบบห้องเหมือนกันกลับผังชั้น 2 มีแต่ห้องพักด้านหน้าที่แตกต่างไปคือ เป็นห้องแบบ 1 Bedroom Type 1E ที่ไม่มีระเบียงหน้าห้องขนาดใหญ่เท่ากับชั้น 2 แต่พื้นที่ใช้สอยภายในเหมือนกัน
ในชั้นสุดท้ายคือชั้น 8 โดยชั้นนี้มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 9 ยูนิต อย่างที่รู้ว่าชั้น Facility นั้นลูกบ้านทุกชั้นสามารถขึ้นมาใช้งานในชั้นนี้ได้ ดังนั้นบริเวณโถงลิฟต์น่าจะเพิ่มประตูกั้นในส่วนที่อยู่อาศัยของลูกบ้านเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ภายในชั้นนี้มีห้องขนาด Penthouse ที่มีพื้นที่ใช้สอย 83.16 ตารางเมตร อยู่ใกล้กับสระว่ายน้ำแต่ไม่มีหน้าต่างที่เปิดไปทางสระว่ายน้ำค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- ชั้น 1 Lobby (Indoor & Outdoor)
- ชั้น 1 ห้องออกกำลังกาย
- ชั้น 1 สวนส่วนกลาง
- ชั้น 1 ห้องน้ำส่วนกลาง
- ชั้น 8 สระว่ายน้ำระบบเกลือพร้อม Jet Spa 1 สระ ขนาด 4 x 11 เมตร ลึก 1.2 เมตร
- ลิฟต์โดยสาร 1 ตัว อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 87 : 1
- ลิฟต์ Service 1 ตัว
- สวนส่วนตัว (บางยูนิต)
- ที่จอดรถ 41 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 47% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 49%
- บริการรถรับส่ง (จากโครงการ ไปโรงพยาบาลกรุงเทพ และหน้าปากซอยถนนเพชรบุรี)
- ระบบ CCTV / Key Card Access
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง
ห้องตัวอย่างของโครงการจะมี Type เดียวนะคะ คือแบบ 1 Bedroom 1E ขนาด 34.26 ตารางเมตร เป็นแบบห้องที่มีจำนวนมากที่สุดในโครงการค่ะ มีทั้งหมด 20 ยูนิต
สำหรับห้อง 1 Bedroom 1E รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบ โดยมีพื้นที่ครัว และห้องนั่งเล่นอยู่ด้านขวา ถัดไปในด้านซ้ายจะเป็นห้องนอน เมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอกับ Pantry ครัว ซึ่งมี Hob & Hood ให้ แต่ใช้เป็นระบบหมุนเวียน Pantry ครัวนี้จะอยู่ติดกันกับโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่ง ฝั่งด้านซ้ายเป็นห้องน้ำที่สามารถเข้าใช้ได้จาก 2 ทางคือทางเข้าห้อง และจากทางห้องนอน ถัดมาจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นด้วยชุดโซฟาสำหรับ 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลาง และชั้นทีวีที่วางอยู่ติดผนัง เลยเข้ามาอีกหน่อยจะเป็นพื้นที่เอนกประสงค์ ซึ่งจะจัดไว้สำหรับเป็นพื้นที่ทำงานหรือจะวางเก้าอี้โซฟานั่งอ่านหนังสือได้ ด้วยแสงธรรมชาติที่ส่องผ่านเข้ามาจากหน้าต่างบานเลื่อนในห้องนี้
ถัดมาจะมีบานเลื่อนกั้นระหว่างพื้นที่ห้องนั่งเล่นและห้องนอน เพิ่มความเป็นสัดส่วนภายในห้อง ทั้งนี้หากเปิดบานเลื่อนก็สามารถนอนดูทีวีได้เช่นกัน สำหรับภายในห้องนอนมีเตียงขนาด 5 ฟุต (Queen Size) มีตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งทางด้านขวาติดกับห้องน้ำ เนื่องจากตำแหน่งของห้องน้ำจะอยู่ส่วนด้านในสุด ทำให้ไม่มีช่องระบายอากาศจากภายนอก คือต้องพึ่งพาระบบดูดอากาศของอาคารอย่างเดียว แบ่งออกเป็นส่วนแห้ง ส่วนเปียกชัดเจน ต่อมาที่ระเบียงห้องนอนเป็นประตูบานเลื่อนออกไปจากห้องนอน พื้นที่ระเบียงแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. บริเวณระเบียงสำหรับวางคอมเพรสเซอร์แอร์ที่เป่าออกนอกโครงการ และเครื่องซักผ้า 2. บริเวณที่สามารถนั่งเล่นหรือตากเสื้อผ้าได้ค่ะ
พื้นทางเข้าห้อง มีตัวจบด้วยไม้ทาสีดำ ส่วนพื้นห้องครัวเป็นพื้นเซรามิกด้านสีดำ ซึ่งในห้องจริงจะได้เป็นหินสีดำนะคะ ซึ่งง่ายต่อการทำความสะอาดและมีอายุการใช้งานที่มากกว่า
เมื่อเดินเข้ามาจะเจอกับส่วน Pantry ครัวก่อน และถัดไปจะเป็นโต๊ะรับประทานอาหารที่ Built-in ติดกับ Pantry ครัว มีจำนวนที่นั่งได้สำหรับ 2 ที่นั่ง ด้านในจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่อเนกประสงค์ถัดไป ส่วนทางขวาจะเป็นประตูบานเลื่อนที่เปิดไปเจอกับห้องนอน
โดยแนวคิดของโครงการจะเน้นไปทางสีธรรมชาติและใช้วัสดุที่เลียนแบบธรรมชาติเพื่อให้ได้ความรู้สึกที่เข้าถึงหรือใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น ดังนั้นการตกแต่งจะอยู่ในโทนของสีน้ำตาลเข้มเหมือนสีของไม้
รายการการขายในวันที่เข้าไปเก็บข้อมูลโครงการจะให้แบบ Fully Furnished คือให้ชุดเฟอร์นิเจอร์หลักๆมาครบ พร้อมแอร์ให้ทุกห้อง แต่ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างทีวี ตู้เย็น และไมโครเวฟนะคะ
ชุดเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L ท็อปเป็นหินเทียม พร้อมตู้ลอย ยี่ห้อ Starmark ผนังปูกระเบื้องสีขาวด้านหลังให้เป็น Backsplash ช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายและไม่เป็นคราบ
ตู้ลอยด้านบนเป็นบานเปิด Soft-Close มี 4 ตู้ โดยตู้ฝั่งซ้ายจะเป็นที่วาง Consumer Unit
เคาน์เตอร์ด้านล่างรูปตัว L มีลิ้นชักเก็บของได้ 2 ช่อง โดยตรงกลางเป็นที่ว่างไว้สำหรับวางตู้ไมโครเวฟ มีตู้บานเปิดอีก 2 ตู้ สามารถเก็บของได้
สวิตช์ไฟภายในห้องที่ให้จะมีลักษณะเป็นแบบนี้ค่ะ ยี่ห้อ Panasonic
ใต้ตู้ลอยมีหลอดไฟให้แสงสว่างซ่อนอยู่ พร้อมปุ่มสวิตช์เปิด – ปิด ทรงกลมด้านขวา
เตาไฟฟ้าเซรามิก 2 หัว พร้อม Hob & Hood ยี่ห้อ Teka โดยระบบดูดควันจะเป็นระบบหมุนเวียนค่ะ
ถัดมาเป็นอ่างล้างจานหลุมสแตนเลสทรงสี่เหลี่ยม พร้อมก็อกน้ำของ Franke
มีโต๊ะรับประทานอาหารที่ Built in ติดกับชุดเคาน์เตอร์ครัว กว้าง 40 เซนติเมตร พร้อมเก้าอี้สำหรับ 2 ที่นั่ง การจัดพื้นที่รับประทานอาหารแบบนี้ ข้อดีคือ ไม่เปลืองพื้นที่ภายในห้อง แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถนั่งรับประทานอาหารพร้อมกับดูทีวีไปได้ด้วย และพื้นที่ในการวางจานจะมีไม่เยอะเน้นอาหารจานเดียวมากกว่า ซึ่งในห้องจริงจะได้เป็นโต๊ะลอยตัวขนาดความกว้าง 40 เซนติเมตร ไม่ได้ Built in เหมือนห้องตัวอย่างนะคะ
ถัดจากพื้นเซรามิกด้านสีดำของพื้นที่ครัว จะจบด้วยขอบไม้ก่อนจะเป็นพื้นลามิเนต 8 มม.
บริเวณห้องนั่งเล่นจะมีชุดโซฟาสำหรับ 2 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง และชั้นวางของบริเวณทีวี โดยทีวีจะเป็นแบบติดผนัง สำหรับฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบบางส่วน และซ่อนไฟไว้ให้บริเวณขอบฝ้าด้วยค่ะ
ระยะห่างระหว่างทีวีและโซฟาจะอยู่ที่ประมาณ 1.45 เมตรค่ะ ใส่ทีวีขนาด 40 นิ้วได้
ชุดโซฟาบุด้วยหนังเทียมสีขาว 2 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางหน้ากระจก ขาโต๊ะเป็นสแตนเลสค่ะ
ทีวีเป็นแบบติดผนัง ซึ่งโครงการไม่มีให้ไว้นะคะ แต่แนะนำว่าให้วางทีวีแบบติดผนังตามห้องตัวอย่างค่ะ เพราะทำให้สามารถนอนดูทีวีจากห้องนอนได้ด้วย โดยไม่โดนโซฟาบัง แต่ตำแหน่งจะสูงหน่อยนะ
ตู้วางและเก็บของบริเวณทีวี หน้าเป็นกระจกชาสีดำ มีลิ้นชัก 1 ลิ้นชักอยู่ตรงกลาง และตู้เก็บของแบบบานเปิด 2 ตู้อยู่ด้านข้าง
ลึกเข้าไปอีกหน่อยคือพื้นที่อเนกประสงค์ ซึ่งไม่มีเก้าอี้โซฟาให้นะคะ ดังนั้นพื้นที่ว่างตรงนี้สามารถนำโต๊ะทำงานมาวางจัดหน้าหันออกหน้าต่าง หรือจะวางเก้าอี้โซฟาเพิ่มเหมือนห้องตัวอย่างไว้สำหรับนอนอ่านหนังสือเล่นก็ดีเช่นกัน
มีหน้าต่างบานเลื่อนกระจกชนิดตัดแสงขนาดใหญ่สามารถเปิดเลื่อนได้ทั้ง 2 ทาง วงกบอลูมิเนียมสีดำ
ตัวล็อกบานเลื่อนกระจกค่ะ
ภายนอกเป็น Facade ระแนงอลูมิเนียมสีไม้ นอกจากเป็นการตกแต่งแล้ว ยังช่วยลดทอนแสงแดดที่ส่องเข้ามาภายในตัวห้องได้ด้วยค่ะ
Facade ระแนงนี้มีลักษณะการใช้
ถัดมาก่อนที่จะเข้าไปในส่วนห้องนอน จะมีประตูบานเลื่อนลามิเนต 3 ตอนกั้นพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนไว้ ในกรณีที่มีเพื่อนมาเยี่ยมก็สามารถใช้กั้นปิด เพื่อความเป็นส่วนตัวได้ ซึ่งเท่าที่ลองเลื่อนเปิด – ปิดดูน้ำหนักกำลังดีไม่หนักจนเกินไปแต่มีอาการแกว่งอยู่บ้าง
ระบบรางของประตูบานเลื่อนอยู่บนฝ้าเพดาน ไม่มีรางที่พื้นทำให้ไม่มีรอยต่อและงานดูเรียบร้อยมากขึ้น
มือจับของประตูบานเลื่อนเป็นอลูมิเนียมตามนี้ค่ะ ไม่มีตัวล็อก
เข้ามาที่ห้องนอนขนาด 3.80 x 2.45 เมตร วางเตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมโต๊ะข้างเตียง 2 ตัว, ตู้เสื้อผ้าแบบ Built – In ชิดผนังอยู่ทางขวา ถัดไปจะเป็นส่วนของห้องน้ำ
พื้นที่ข้างเตียงด้านซ้ายมีความกว้าง 60 เซนติเมตร และพื้นที่ข้างเตียงด้านขวาที่ติดกับโต๊ะเครื่องแป้งมีความกว้างอยู่ที่ 45 เซนติเมตร
โต๊ะข้างเตียงมีลิ้นชัก 1 ลิ้นชัก ด้านบนเป็นเหล็กทำสี
ตู้เสื้อผ้าสูงขึ้นไปถึงฝ้าเพดานที่ 2.6 เมตร กว้าง 1.2 เมตร หน้าบานเป็นกระจกชาสีดำทั้ง 2 บาน จะแบ่งเป็นพื้นที่แขวนเสื้อ ชั้นวางของด้านบน และลิ้นชักใส่เสื้อผ้า 3 ลิ้นชัก ซึ่งเมื่อเลื่อนเปิดตู้เสื้อผ้าจะมีไฟส่องสว่างอัตโนมัติด้านในด้วยค่ะ
มือจับตู้เสื้อผ้าเป็นแผ่นอลูมิเนียมสีดำ
ถัดมาเป็นโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ตรงข้ามกับตู้เสื้อผ้าและใกล้กับห้องน้ำ มีกระจก 1 บานติดผนัง, ชั้นวางลอยติดผนัง มีลิ้นชักกว้างให้วางของ 2 ลิ้นชัก ด้านบนชั้นวางเป็นกระจกชาสีดำ และเก้าอี้สตูลบุหนังเทียมทรงกลม
บริเวณโต๊ะเครื่องแป้งมีปลั๊กไฟไว้ให้ สำหรับสาวๆเสียบสายเครื่องไดร์ผมได้ด้วยค่ะ
ประตูเข้าห้องน้ำเป็นประตูบานเปิดกระจกทั้งบานแบบ Frameless มีตัว Door Stopper อยู่ด้านบน ประตูห้องน้ำนี้พิเศษตรงสามารถใช้ได้ 2 ฟังก์ชั่นคือ เป็นทั้งประตูห้องน้ำ และประตูกั้นในโซนอาบน้ำด้วย ข้อเสียคือเมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วน้ำที่เปียกตรงประตูมาหยดตรงบริเวณหน้าห้อง ซึ่งเป็นโซนแห้งของห้องน้ำ และเนื่องจากประตูห้องน้ำเป็นกระจกใส คือสามารถมองเห็นกันได้ ไม่เป็นส่วนตัว ซึ่งถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่านี้ก็สามารถติดฟิล์มขุ่นได้ค่ะ
มือจับประตูค่อนข้างใหญ่ เป็นสแตนเลสค่ะ
ตัวจบพื้นเป็นไม้ พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิกลายไม้ และลดระดับพื้นห้องน้ำลงประมาณ 5 เซนติเมตร
ภายในห้องน้ำขนาด 1.70 x 2.45 เมตร สุขภัณฑ์เซรามิกสีขาวจาก Mogen แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ อ่างล้างมือพร้อมตู้กระจกบานใหญ่, โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่อาบน้ำ ผนังกรุด้วยกระเบื้องเซรามิก
ตู้กระจกบานเปิดใหญ่ สามารถใส่ของได้ 3 ชั้น ส่วนตู้ด้านล่างอ่างล้างมือเป็นแบบบานเปิดเก็บของได้เล็กน้อย
อ่างล้างมือแบบลอยตัวทรงสี่เหลี่ยม ยี่ห้อ Mogen หรือเทียบเท่า สามารถวางของบนอ่างล้างมือได้นิดหน่อย
ในส่วนของโถสุขภัณฑ์สีขาว จาก Mogen พร้อมสายฉีดชำระ
ในส่วนของพื้นที่อาบน้ำ มีการยกระดับกระเบื้องขึ้นมา
ฝักบัวสายอ่อนจาก HAFELE หรือเทียบเท่า เป็นแบบหัวก็อกหัวเดียว ด้านขวามีการยุบผนังเข้าด้านในเพื่อเป็นที่วางของได้
ลักษณะหัวฝักบัวเป็นทรงสี่เหลี่ยม ขนาดตามนี้ค่ะ
ห้องน้ำสามารถเข้าใช้ได้ 2 ทาง จากทางห้องนอน และจากทางเข้าห้องใกล้พื้นที่ครัว โดยบานประตูเป็นบานทึบ ซึ่งห้องตัวอย่างยังไม่ได้ติดตั้งนะคะ
ด้านระเบียงของห้องพัก มีประตูบานเลื่อนกระจกตัดแสงกรอบบานอลูมิเนียมสีดำ สามารถเปิดได้ทั้ง 2 ทาง
ธรณีประตูสูงประมาณ 3 เซนติเมตร พื้นที่ระเบียงมีขนาด 0.75 x 2.45 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกกันลื่นสีเทา ขนาด 30 x 30 เซนติเมตร
ด้านข้างระเบียงมีระแนงอลูมิเนียมสีดำบานเปิด กั้นพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ที่เป่าออกด้านนอก ทำให้พื้นที่ระเบียงนั้นใช้งานได้จริงและเป็นสัดส่วนอีกด้วยค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 18 August 2015
- 1 Bedroom 1E ชั้น 3 ห้อง 301 เนื้อที่ 34.24 ตร.ม. ราคา 3.748 ล้านบาท หรือ 109,462 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom 1E ชั้น 5 ห้อง 502 เนื้อที่ 34.26 ตร.ม. ราคา 3.819 ล้านบาท หรือ 111,471 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom 1E ชั้น 7 ห้อง 704 เนื้อที่ 34.26 ตร.ม. ราคา 3.888 ล้านบาท หรือ 113,485 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom 2C ชั้น 2 ห้อง 208 เนื้อที่ 55.09 ตร.ม. ราคา 5.995 ล้านบาท หรือ 108,821 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom 2C ชั้น 6 ห้อง 608 เนื้อที่ 55.09 ตร.ม. ราคา 6.215 ล้านบาท หรือ 112,815 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom 2C ชั้น 8 ห้อง 807 เนื้อที่ 55.09 ตร.ม. ราคา 6.326 ล้านบาท หรือ 114,830 บาท/ตร.ม.
- Fully Furnished
- Wallpaper
- เครื่องทำน้ำอุ่น
- เพดานสูง 2.6 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood (ระบบหมุนเวียนภายใน)
- Shuttle Bus
- จอง 20,000 บาท
- ทำสัญญา 5% ของราคาขาย
- ดาวน์ 10% ผ่อนดาวน์ 24 งวด
- ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ 1% (ชำระคนละครึ่ง)
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 58 บาท/ตร.ม./เดือน
- Promotion ลดสูงสุดถึง 350,000 บาท
- Presale 29-30 สิงหาคม 2015 พิเศษจองวัน Presale รับฟรี TV 40 นิ้ว
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ The Remarkable ศูนย์วิจัย 2 ตั้งอยู่บนเส้นเพชรบุรีที่เป็นโซนที่มีการเชื่อมต่อไปยังเส้นอื่นๆได้ โดยอยู่ระหว่างถนนเพชรบุรีและถนนพระราม 9 ตั้งอยู่ในซอยศูนย์วิจัย 2 เป็นซอยดั้งเดิมที่มีบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่อาศัยอยู่มานานเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากซอยนี้เป็นซอยตันทำให้บรรยากาศจะค่อนข้างเงียบสงบ จะแตกต่างกับคอนโดมิเนียมที่อยู่ติดถนนเพชรบุรีที่มีบรรยากาศค่อนข้างคึกคักและมีรถวิ่งผ่านเยอะ สำหรับร้านที่ต้องใช้ชีวิตประจำวันก็มีค่อนข้างครบครัน อย่างร้านในซอยก็จะมีร้านแนว Street Food ใกล้ๆกับรพ.กรุงเทพ ปากซอยมี 7 – Eleven แต่ถ้าอยากนั่งร้านดีๆหน่อยก็มีร้านอาหารดีๆอยู่บนเส้นทองหล่อเพียบเลยค่ะ สำหรับใครที่อยากจะเดินห้างใหญ่ๆต้องไปไกลหน่อยเพราะห้างที่ใกล้ที่สุดคือเซ็นทรัล พระราม 9 บริเวณนั้นก็จะมี Big C กับ Esplanade
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นเป็นการเดินทางที่สะดวกที่สุดสำหรับโครงการนี้ เพราะมีทางเข้า – ออก ได้ถึง 3 ทางด้วยกัน คือจากถนนเพชรบุรี, ถนนพระราม 9 และเลียบด่วนเอกมัย – รามอินทรา แถมทางขึ้น – ลงทางด่วนก็ไม่ไกลมากนัก มีทางลัดเลาะไปมาค่อนข้างเยอะ อย่างเส้นโลคัลโรดเป็นเส้นที่ไว้ใช้หนีเวลารถติดบนเส้นเพชรบุรีได้
สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัว ถึงแม้ว่าตัวโครงการไม่ได้ห่างจากถนนใหญ่มากนักมีระยะทางประมาณ 200 เมตร แต่การเดินจะลำบากนิดหน่อยเพราะตั้งแต่ถนนเพชรบุรีมาถึงในซอยโครงการไม่มีทางเท้าและต้องข้ามถนนและทางรถไฟ ปริมาณรถที่มารพ.กรุงเทพก็ค่อนข้างเยอะ ช่วงกลางคืนก็ยิ่งเปลี่ยวเลยค่ะ รวมทั้งที่ตั้งโครงการนั้นไม่ได้อยู่ในระยะของรถไฟฟ้า ก็ลดทอนความสะดวกสบายลงไปเยอะเพราะต้องต่อรถไปอีกต่อหนึ่งเพื่อขึ้นรถไฟฟ้า ทั้งนี้ทางโครงการมีนโยบายบริการลูกบ้านด้วย Shuttle Service ไปหน้าปากซอยและรพ.กรุงเทพก็พอช่วยให้ลูกบ้านสะดวกขึ้นในระดับนึง
วัสดุของโครงการตามราคาและรายการโปรโมชั่นวันที่เข้าไปรีวิว มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งครบชุดตามรูปแบบการขายแบบ Fully Furnished พร้อมแอร์ แต่ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า พื้นห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็นลามิเนตลายไม้สีน้ำตาลหนา 8 มิลลิเมตร พื้นครัวเป็นกระเบื้องเซรามิกสีดำด้าน และพื้นระเบียงด้านนอกเป็นกระเบื้องเซรามิกกันลื่นขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ฝ้าสูง 2.6 เมตร มีการซ่อนไฟในฝ้าบางส่วน ผนังมี Wallpaper ให้ เคาน์เตอร์ครัวครบพร้อม Hob & Hood แต่เป็นระบบหมุนเวียนภายใน ไม่ได้แยกห้องกั้นพื้นที่ครัวออกเป็นสัดส่วนทำให้ไม่เหมาะกับการทำอาหารหนักๆ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำยี่ห้อ Mogen และ HAFELE หรือเทียบเท่า
การออกแบบตัวอาคารทำเป็นรูปตัว E 1 อาคารและสร้างเต็มพื้นที่แปลงที่ดิน โดยแนวความคิดในการออกแบบคือการเข้าถึงธรรมชาติด้วยสีของวัสดุ เน้นพื้นที่สีเขียว Facade ที่ทำเป็นระแนงกันแสงแดดได้ในระดับนึง มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 87 ยูนิต มีโถงลิฟต์โถงเดียวฝั่งซ้าย ประกอบไปด้วยลิฟต์โดยสาร 1 ตัว โดยอัตราส่วนของลิฟต์คือ 87 : 1 อาจจะต้องแย่งกันใช้งานหน่อยนะคะ มีลิฟต์ Service 1 ตัว มีบันไดหนีไฟ 2 จุด หัว – ท้าย ตามความยาวอาคาร การวางผังเป็นแบบ Double Corridor มีห้องทั้งหมด 12 แบบ ขนาดห้องตั้งแต่ 30.31 – 83.16 ตารางเมตร แต่จะเน้นไปที่ห้องขนาด 1 Bedroom
การออกแบบฟังก์ชันห้อง 1 Bed จะไม่ต่างจากห้อง Studio เท่าไหร่นัก พื้นที่ครัวเป็นแบบครัวเปิดทำให้ไม่สามารถใช้งานครัวหนักๆได้ แถมการระบายอากาศแบบหมุนเวียนภายในอาจทำให้กลิ่นกระจายไปห้องอื่นๆและกลิ่นติดอยู่ในห้องเป็นเวลานาน ตำแหน่งของทีวีเหมาะสมสามารถนั่งดูบนโซฟาหรือจะนอนดูบนเตียงก็ทำได้ แต่ตำแหน่งทีวีจะต้องติดสูงหน่อย มีประตูบานเลื่อนลามิเนต 3 ตอนกั้นระหว่างห้องนอนและห้องนั่งเล่นเพิ่มความเป็นส่วนตัว แต่เมื่อปิดประตูแล้วจะไม่เหลือระยะให้เดินผ่านปลายเตียงได้
ห้องน้ำมีข้อดีตรงที่สามารถเข้าได้จาก 2 ทางคือจากห้องนอนและบริเวณครัว ที่แปลกคือประตูทางเข้าจากห้องนอนเป็นบานกระจกใสใช่ร่วมกับฉากกั้นอาบน้ำ ทำให้ขาดความเป็นส่วนตัวและเวลาเปิดประตูส่วนแห้งจะเลอะน้ำที่ไหลลงมาจากกระจก บริเวณระเบียงแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน สามารถนั่งเล่นบริเวณระเบียงได้ โดยมีการกั้นพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ที่เป่าออกนอกอาคาร ด้วยระแนงอลูมิเนียม
สาธารณูปโภคส่วนกลาง มีให้ในแบบมาตรฐาน ไม่ได้เยอะนักตามขนาดของโครงการ โดยชั้น 1 มี Lobby Indoor & Outdoor, Fitness room และชั้น 8 มีสระว่ายน้ำขนาด 4 x 11 เมตร แบบ Jet Spa ซึ่งสระว่ายน้ำที่อยู่ชั้นบนก็ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการใช้งานได้ดีค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 110,000 บาท/ตร.ม., 18 August 2015
- ทำเล 7.25/10 – อยู่ใกล้เส้นเพชรบุรี ในซอยศุนย์วิจัยที่เป็นซอยตันค่อนข้างสงบ
- เดินทางด้วยรถ 8.0/10 – เดินทางสะดวก เข้า – ออก ได้ 3 ทาง ใกล้ทางขึ้น – ลงทางด่วน
- ไม่ใช้รถ 7.0/10 – อยู่ในซอยไม่มีทางเท้า แต่มี Shuttle Service
- วัสดุ 8.0/10 – Fully Furnished ได้เฟอร์ที่ออกแบบมาพอดีห้องมาครบ
- แบบ 7.75/10 – มีแบบห้องเยอะ ไม่หนาแน่น ห้องมุมเยอะ มีลูกเล่นที่หน้าต่าง
- สาธารณูปโภค 7.25/10 – ให้มาพอใช้ได้ สระว่ายน้ำขนาดเล็กไปหน่อยเมื่อเทียบกับระดับราคา
- UPPER CLASS
- 7.49 / 10.00
BOTTOM LINE
The Remarkable ศูนย์วิจัย 2 โครงการในซอยศูนย์วิจัย 2 มีทางเข้า – ออกหลากหลาย เหมาะกับคนที่ทำงานในเมือง ต้องการความเป็นส่วนตัว ชอบโครงการเล็ก ไม่เน้น Facility ที่อลังการ เดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลัก ไม่ต้องการตกแต่งเยอะ มีงบประมาณราว 3.3 – 6.4 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 23,000 – 51,000 บาท/เดือน
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิก www.thinkofliving.com พร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม คลิกที่นี่ https://thinkofliving.com/