รีวิวโครงการ

รีวิวตึกเสร็จ The Privacy เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ คอนโด High Rirse ติดถนนใหญ่กรุงเทพ-นนทบุรี ห่างสถานีเตาปูน 500 เมตร จาก พฤกษา [Walk-in รีวิว]

18 มกราคม 2022

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1813 … ใครกำลังมองหาโครงการใกล้สถานีเตาปูน ที่เป็นจุด Interchange กับสายสีน้ำเงิน ซึ่งจะเปิดให้ใช้ในปี 63 วันนี้เราจะพาชมโครงการใหม่ล่าสุดจากพฤกษา กับโครงการ The Privacy เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ ห่างรถไฟฟ้าสถานีเตาปูน 500 เมตร เป็นคอนโด High Rise สูง 36 ชั้น ติดถนนกรุงเทพ-นนทุบรี จุดเด่นคือมีระบบ Home Automation ภายในห้องพักที่ใช้งานผ่านมือถือ พร้อมห้องหลากหลายขนาด ในราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท

Fact @ 20 FEBRUARY 2019

  • The Privacy Taopoon Interchange (เดอะ ไพรเวซี่ เตาปูน อินเตอร์เชนจ์)
  • บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : เขตบางซื่อ
  • คอนโด High Rise 36 ชั้น 1 อาคาร 486 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 17 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 211 คันคิดเป็น 43% รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 2-1-97.1 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : พฤษภาคม 2562
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : พฤษภาคม 2564
  • Studio 22.25-22.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • 1 Bedroom 26.50-29.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus 34.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 49.25-50.25ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.70 เมตร
  • ราคา 1.89-6.00 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ: 100,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : n/a
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1739

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.8119651,100.5314847

แผนที่จากทางโครงการ The Privacy เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่บนถนนกรุงเทพ – นนทบุรี เราขอเรียกสั้นๆว่าถนนกรุงเทพ-นนท์ นะคะ โครงการอยู่ฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าไปแยกเตาปูน (ฝั่งซอยเลขคู่) และมีระยะห่างจาก รถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีเตาปูน 500 เมตร

ทำเลที่ตั้งของโครงการ แต่เดิมถ้าใครพูดถึงย่านเตาปูนก็คงจะนึกถึงแหล่งชุมชน ที่มีแนวตึกแถวเก่าเรียงรายทั้ง2ฝั่งถนน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ แต่หลังจากการมาของรถไฟฟ้าสายสีม่วงทำให้พื้นที่บริเวณนี้กลายเป็นทำเลเนื้อหอมอีกทำเลหนึ่งของผู้ประกอบการ  เริ่มมีคอนโดมิเนียมเกาะตามแนวถนนใหญ่ สำหรับตัวโครงการ The Privacy เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่บนถนนกรุงเทพ – นนท์ เป็นเส้นที่เชื่อมประชาราษฏร์สาย 2 ไปออกวงศ์สว่าง, นนทบุรีได้ ตัวโครงการจะได้เปรียบเรื่องทำเล โดยจะอยู่ฝั่งมุ่งหน้าไปเตาปูน ซึ่งจะมีซอยลัดไปออกถนนประชาชื่นได้ ซึ่งเส้นประชาชื่นจะค่อนข้างคึกคัก มีคอนโดเกิดใหม่ขึ้นเยอะ อีกทั้งยังใกล้สำนักงานใหญ่อย่าง SCG ทำให้มีพนักงานออฟฟิศค่อนข้างมาก รวมถึงยังเดินทางไปในตัวเมืองอย่างย่านอารีย์-สะพานควาย-จตุจักร ในเวลาไม่นานมากนัก นอกจากนี้ยังใกล้ทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ที่เชื่อมไปต่อกับทางด่วนพิเศษศรีรัชสามารถเข้าไปยังในตัวเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกทั้งรถยนต์และรถสาธารณะเลยนะคะ

มองในมุมคนทำงานประจำอยู่แถวบางซื่อ-ประชาชื่น-เกียกกาย จะถือว่าอยู่ในระยะที่ไม่ไกลมาก โดยจะอยู่ห่างจากสี่แยกเตาปูนประมาณ 500 เมตร สำหรับย่านนี้ยังอยู่ในพื้นที่ชุมชนที่มีตลาดหลายแห่ง อย่างตลาดเตาปูน, ตลาดบางซ่อน,ตลาดบางโพ และตลาดศรีเขมา รวมถึงอาคารพาณิชย์ที่ชั้นล่างทำเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ให้เห็นกันตลอดทาง นอกจากนี้ยังมี Hyper Market อย่าง Big C วงศ์สว่าง, Tesco Lotus ประชาชื่น และปัจจุบันมีห้างเปิดใหม่อย่าง Gateway บางซื่อ ที่เพิ่งจะเปิดให้บริการเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้เอง ทำให้แถวนี้คึกคักมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังใกล้แหล่งงานขนาดใหญ่ของ SCG ซึ่งมีพนักงานจำนวนค่อนข้างเยอะ ส่งผลให้ย่านนี้มีพนักงานออฟฟิศเป็นหลัก แต่ติดนิดนึงที่ถนนกรุงเทพ-นนท์และเส้นประชาชื่นเลียบคลองประปาในช่วงเวลาเร่งด่วนนั้น จะมีปริมาณรถค่อนข้างเยอะ อาจจะต้องเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าหรือทางด่วนแทนนะคะ

เราจะไม่พูดถึงห้างใหม่ย่านนี้อย่าง Gateway บางซื่อ ก็คงจะไม่ได้ เนื่องจากห้างนี้เป็นห้างขนาดใหญ่ที่เพิ่งจะเปิดให้บริการเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้เอง  แล้วเดิมคนที่อยู่อาศัยในย่านนี้ถ้าอยากจะเดินห้างเเล้ว (ไม่นับ Lotus , Big-C) ตัวเลือกของเขาคือ… นู่นเลยค่ะ เซ็นทรัลลาดพร้าว หรือโซนปิ่นเกล้าโน่นเลย ไม่ก็มาทางฝั่งงามวงศ์วาน ซึ่งอันที่จริงถ้าเราจะพูดถึงเรื่องอาหารการกินเเถวนี้ก็มีตลาดค่อนข้างเยอะใช่ไหมค่ะ หรือจะเป็น Hyper Market ก็มีให้ใช้บริการอยู่เเล้ว แต่เดี๋ยวก่อน เเล้วในเรื่องความบันเทิงอื่นๆอย่างโรงหนัง ร้านอาหารตามห้างละ มันยังไม่มีเลยจริงๆ ดังนั้นการเปิดตัวของ Gateway บางซื่อนี้ก็นับเป็นสิ่งหนึ่งที่คนเเถวนี้ตั้งหน้าตั้งตารอคอยกันเลยค่ะ

ภายในห้างโดยรวมก็นับว่าใช้งานสะดวกและความบันเทิงครบครันอยู่นะคะ ตั้งแต่ชั้นล่างๆเลยจะเน้นขายอาหารเป็นหลัก มี Supermarket บูธขายอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขนม หลากหลายเเบรนด์ แบบที่ห้างใหญ่ใจกลางเมืองมีที่นี่ก็มีเช่นกัน (มี Starbucks 2 ชั้น ใครเบื่อๆก็มานั่งทำงานได้สบาย) เเถมยังมี Food court ที่ออกแบบได้น่ารักทีเดียว การออกแบบในหลายๆส่วนของที่นี่จะดูสนุกสนานและไม่ได้ดูญี่ปุ่นจ๋าแบบ Gateway เอกมัยนะคะ นอกจากนี้ถ้าใครอยาก Shopping ที่นี่ก็มีเเบรนด์เสื้อผ้า Fast fashion อย่าง H&M หรือจะเป็นเสื้อผ้าเรียบง่าย Everyday looks อย่าง Uniqlo ก็มีร้านที่นี่ สามารถมาอัพเดทเทรนกันได้ตลอด และสำหรับครอบครัวที่มีเด็กๆอยู่ เราขอแนะนำ Game center และสวนสนุก ก็ถือเป็นตัวเลือกของพ่อแม่ในการพาลูกๆมาเที่ยวเล่นทำกิจกรรมในวันหยุดสุดสัปดาห์ได้นะคะ และที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้คือ โรงหนังในเครือ Major cineplex ด้วย และยังมี Fitness ของ Jetts ที่เปิดให้เล่นตลอด 24 ชม.ด้วยค่ะ ใครที่อยู่คอนโดแล้วอยากออกกำลังกาย แต่ติดที่ว่ากลับบ้านดึกตลอด ก็มาเล่นกันที่นี่เเทนได้เลยค่ะ

สำหรับคนที่อยู่คอนโด The Privacy เตาปูน Interchange คงจะมองการใช้รถไฟฟ้าเป็นหลัก โดยตัวโครงการจะอยู่ระหว่างจุด Interchange ทั้ง 2 สถานี ของรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่จะวิ่งตามแนวถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เราขอเรียกสั้นๆว่าถนนกรุงเทพ-นนท์ 

สำหรับสถานีเตาปูน : จะเป็นจุด Interchange ของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ) ที่สามารถข้ามไปกรุงเทพฝั่งตะวันตกได้ นอกจากนี้ยังเชื่อมไป MRT บางซื่อ ที่สามารถเชื่อมเข้าไปยังตัวเมืองได้  ตัวสถานีตั้งอยู่แยกเตาปูน-หัวลำโพง โดยจะมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 500 เมตร

สำหรับสถานีบางซ่อน : จะเป็นจุด Interchange ของรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน (บางซื่อ – ตลิ่งชัน) ที่จะเชื่อมกับสถานีบางซื่อซึ่งกำลังเป็น Main Station แห่งใหม่ของคนกรุงเทพ เป็นศูนย์กลางการเปลี่ยนถ่ายคมนาคมทางรางใหญ่ที่สุดในอาเซียน ตัวสถานีตั้งอยู่บริเวณทางรถไฟสถานีบางซ่อน โดยจะมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 800 เมตร

สำหรับสายสีน้ำเงิน(บางซื่อ-ท่าพระ) จะเปิดให้ใช้งานปี 63 ส่วนสายสีแดงอ่อนอาจจะต้องรอกันสักหน่อยนะคะ

ถ้าใครจะมาโครงการให้ใช้ทางออกหมายเลข 3 ลงมา ผ่านตลาดเตาปูนที่จะเปิดในช่วงเย็นประมาณ 5 โมง – 1 ทุ่ม ซึ่งทางผู้เขียนมาถ่ายช่วงสายๆ ทำให้ยังไม่เห็นร้านค้ามาขายในพื้นที่นะคะ ถัดไปเป็นอาคารพาณิชย์ที่ชั้นล่างทำเป็นร้านค้า ร้านอาหารตลอดเส้นทางจนถึงโครงการ แต่ช่วงต้นจะมีความคึกคักมากกว่าช่วงกลางซอยนะคะ

มุ่งหน้าตามถนนกรุงเทพ-นนท์ ขึ้นมาทางเหนือเรื่อยๆจะเป็น สถานีบางซ่อน ซึ่งบริเวณนี้ ตัวสถานีจะค่อนข้างยาว เนื่องจากเป็นสถานีที่เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน (บางซื่อ – ตลิ่งชัน) บริเวณนี้จะมีทั้งตลาดบางซ่อน และตลาดสยามยิปซี ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นชุมทางสยามมาร์เก็ต บรรยากาศจะคล้ายๆตลาดนัด ที่ให้คนมาเดินเล่นกันในยามค่ำคืน

ถ้าใครจะมาตลาดบางซ่อน ให้เลือกทางลงหมายเลย 4 แล้วเดินต่อมาอีกนิดหน่อย สำหรับตลาดนี้จะขายตลอดทั้งวัน แต่จะคึกคักมากหน่อยช่วงเย็นๆ ตอนที่ผู้เขียนมาเป็นช่วงกลางวัน ทำให้ยังไม่ค่อยมีคนมาจับจ่ายใช้สอยมากเท่าไหร่นะคะ

เดินต่อไปอีกนิดจะเป็นถนนใต้ทางด่วนพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ถ้ามาจากโครงการสามารถใช้ทางนี้ลัดไปขึ้นทางด่วนได้ ไม่ต้องไปรถติดบริเวณถนนประชาราษฏร์สาย 1 และ 2 มองถัดไปจะเห็นตลาดนัดอย่าง “ชุมทางสยามมาร์เก็ต” ที่จะเปิดในช่วงเย็นๆตั้งแต่ 6 โมงเป็นต้นไป

เราขอแวะมาดูรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อนกันสักหน่อย ปัจจุบันโครงสร้าและสะพานเชื่อมสถานีเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มีประกาศเปิดใช้งานอาจจะต้องติดตามข่าวสารกันสักหน่อยนะคะ

แผนที่สำหรับเดินทางจากโครงการไปขึ้นทางด่วนพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ที่สามารถไปบางใหญ่หรือจัตุจักร โดยจะเสียค่าทางด่วน 50 บาท แต่ถ้าใครอยากเชื่อมต่อกับทางด่วนพิเศษศรีรัช จะต้องเสียเงินอีก 1 ต่อค่ะ

  • เส้นทาง – ไปขึ้นทางด่วน ด่านศรีรัช-วงแหวนรอบนอก เริ่มจากโครงการ ให้เลี้ยวซ้ายออกมาถนนใหญ่ หลังจากนั้นให้กลับรถไปฝั่งตรงข้าม ตรงไปเรื่อยๆจนเจอสถานีบางซ่อน ให้เตรียมเลี้ยวซ้ายบริเวณแยกใต้ทางด่วน เข้าถนนใต้ทางด่วน(ซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 27) ให้วิ่งตามทางไปเรื่อยๆ จะเจอทางขึ้นด่วน มีระยะทางประมาณ 3.3 กิโลเมตร

แผนที่สำหรับเดินทางจากด่วนพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกไปโครงการ ซึ่งทั้ง 2 เส้นจะมีทางลงชื่อเดียวกันคือ ป้ายประชาราษฏร์สาย 1 โดยจะลงมาบริเวณใต้ทางด่วนนะคะ

  • เส้นทางที่ 1 –  ลงป้ายประชาราษฏร์สาย 1 ฝั่งที่มาจากบางใหญ่ ลงมาเจอแยกบริเวณตลาดบางซ่อน ให้เราเลี้ยวขวาเข้าถนนกรุงเทพ-นนท์ ขับตรงไปเรื่อยๆ เราจะเห็นโครงการอยู่ทางซ้ายมือ มีระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร
  • เส้นทางที่ 2 – ลงป้ายประชาราษฏร์สาย 1 ฝั่งที่มาจากจตุจักร ลงมาจากทางด่วนให้กลับรถ หลังจากนั้นให้ใช้เส้นทางเดียวกับทางที่ 1 มีระยะทางประมาณ 3.3 กิโลเมตร

สำหรับเส้นทางที่จะพาไปวันนี้ เราจะเริ่มจาก MRTบางซื่อ บริเวณสำนักงานใหญ่ SCG ผ่านซอยปูนซีเมนต์ไทย เข้าถนนประชาราษฏร์สาย 2 ผ่านแยกประชาชื่น ตรงไปจนถึงแยกเตาปูน ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนกรุงเทพ-นนท์ ขับตรงไปเรื่อยๆ เราจะเห็นโครงการอยู่ฝั่งขวามือ ให้กลับรถไปฝั่งโครงการ ตรงมาอีกนิดนึงจะเจอทางเข้าโครงการให้เลี้ยวซ้ายเข้าได้เลยนะคะ ตอนที่ผู้เขียนขับมารถไม่ติดมากใช้เวลาประมาณ 7 นาทีก็ถึงโครงการแล้วค่ะ

เริ่มจากบริเวณ MRTบางซื่อ ให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าซอยปูนซีเมนต์ไทย ฝั่งซ้ายมีจะเป็นสถานีบางซื่อ ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในอนาคตจะเป็น Main Stationแห่งใหม่ของคนกรุงเทพเลยค่ะ

หลังจากเลี้ยวซ้ายมา เข้าซอยซอยปูนซีเมนต์ไทย บริเวณนี้ทั้ง 2 ฝั่งจะเป็นแหล่งงานของ SCG ขนาดใหญ่ มีพนักงานออฟฟิศค่อนข้างมาก ทำให้พื้นที่โดยรอบส่วนใหญ่ทำมาเสิร์ฟพนักงานออฟฟิศเป็นหลัก

ตรงมาเรื่อยๆจะมีสะพานข้ามไปถนนประชาราษฏร์สาย 2 ที่มีสถานีเตาปูน ตั้งอยู่

ขึ้นมาด้านบนอาจจะตกใจเล็กน้อยเนื่องจากเป็นสะพานแต่ทางที่เรามาจะบังคับให้เลี้ยวขวา ถ้าใครมาใช้งานอาจจะต้องระวังรถบนสะพานกันด้วยนะคะ มองไปไกลๆเราจะเห็น Tesco Lotus สาขาประชาชื่น ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1 กิโลเมตร

หลังจากลงสะพานมาเราจะเข้าถนนประชาราษฏร์สาย 2 ให้เราขับผ่านแยกประชาชื่น ตามป้ายบางโพไป

ขับตรงไปเรื่อยเราจะเห็นสถานีเตาปูนแล้วนะคะ

ขับตรงมาบริเวณแยกเตาปูน ให้เราเลี้ยวขวาเข้าถนนกรุงเทพ-นนท์

เข้าถนนกรุงเทพ-นนท์เราจะเห็นตลาดเตาปูนอยู่ฝั่งซ้ายมือ ถัดไปเป็นตึกแถวที่ชั้นล่างทำเป็นร้านค้าพาณิชย์ตลอด 2 ข้างทาง ซึ่งช่วงต้นซอยจะคึกคักพอสมควรเลยทีเดียว

ขับตรงมาเรื่อยๆประมาณ 700 เมตร จะเจอที่กลับรถบริเวณด้านหน้าซอยไสวสุวรรณให้เรากลับรถไปฝั่งโครงการ

หลังจากกลับรถมาแล้วเราจะเห็นโครงการอยู่ฝั่งซ้ายมือค่ะ

สำหรับวันนี้เราจะพาเดินเท้าไปยังบริเวณรอบๆโครงการด้วย ซึ่งใกล้จะมีซอยลัด ที่ไปออกถนนประชาชื่นได้ ส่วนซอยฝั่งตรงข้ามก็สามารถไปออกถนนประชาราษฏร์สาย 1 (ย่านบางโพ) ไปชมบรรยากาศรอบๆโครงการกันเลยค่ะ

  • ซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 12 ไปออก ซอยประชาชื่น 8
  • ซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 18 ไปออก ซอยประชาชื่น 10
  • ซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 20 ไปออก ซอยประชาชื่น 11
  • ซอยไสวสุวรรณ ไปออก ประชาราษฏร์สาย 1 ซอย 28 (ซอยนี้เป็น One Way )
  • ประชาราษฏร์สาย 1 ซอย 24 มาออก ซอยประชานฤมิตร (ซอยนี้เป็น One Way )

ปัจุบันด้านหน้าโครงการทำเป็น Sale Gallery ของโครงการ ที่มีรูปร่างดีไซน์ค่อนข้างโดดเด่นจากบริเวณรอบข้างเลย ถ้าใครสังเกตด้านหน้าจะมีป้ายซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 16 ปัจจุบันซอยนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่โครงการด้วยนะคะ

เดินตรงมาเรื่อยๆ จะมีตึกแถวที่ชั้นล่างทำเป็นร้านค้าพาณิชย์ทั้งร้านซ่อมรถและร้านอาหาร นอกจากนี้ยังมีปั๊มแก๊สเก่าด้านในมีร้านล้างรถสามารถมาใช้บริการกันได้ค่ะ

เดินตรงมาเรื่อยๆเราจะเจอซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 18 ที่เชื่อมไปออกซอยประชาชื่น 10 และ 11 ได้ค่ะ

ถัดมีที่หน้าปากซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 20 มีป้ายรถเมล์และทางม้าลายเพื่อข้ามไปฝั่งตรงข้าม ถนนที่นี่ดีเนื่องจากมีเกาะกลางขนาดใหญ่ ทำให้เวลาข้ามไม่ลำบากค่ะ

ข้ามไปบริเวณไสวสุวรรณ เป็นแหล่งค้าขายเฟอร์นิเจอร์เก่าแก่ของย่านนี้เช่นเดียวกับซอยประชานฤมิตร ด้านหน้ามีพี่วินมอเตอร์ไซค์ ถ้าใครขี้เกียจเดินก็สามารถใช้บริการในบริเวณนี้ได้ ราคาก็ตามป้ายเลยค่ะ

ถัดมามีร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ซึ่งเป็นร้านที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดแล้วนะคะ โดยด้านหน้าจะมีป้ายรถเมล์ สำหรับป้ายนี้จะมีรถเมล์ ปอ. 16 30 50 51 65 97 505 ผ่าน ถ้าใครนั่งเป็นประจำน่าจะรู้จักดีเลยทีเดียว

เดินตรงมาเรื่อยๆฝั่งตรงข้ามโครงการมีร้านข้าวหมูแดง วันที่ไปรีวิวผู้เขียนไปชิมมาแล้วอร่อยทีเดียว ราคาจานละ 45 บาท รวมๆแล้วเห็นได้ว่าราคาไม่สูงมากนักเนื่องจากเป็นย่านชุมชน ถ้าใครอยู่แถวนี้จะประหยัดค่าอาหารได้มากทีเดียว เดินตรงไปเรื่อยๆจะมีร้านเฟอร์นิเจอร์ และ “ร้านชาบูจันท์เตาปูน” เป็นร้านบุฟเฟต์ ถ้าใครหิวมากๆก็เดินมากินได้ง่ายค่ะ

เดินตรงมาอีกนิดมีสะพานลอย ซึ่งสะพานนี้จะไม่มีหลังคาคลุม ถ้าใครต้องมาใช้งานบ่อยๆ แนะนำให้พกร่มไว้กันแดดกันฝนนะคะ เราขอพาทุกคนไปดูบรรยากาศด้านบนกันสักเล็กน้อย

ขึ้นมาด้านบนบริเวณถนนกรุงเทพ-นนท์ แต่ละฝั่งจะวิ่งได้ 2 เลนพร้อมเกาะกลางขนาดใหญ่ ทำให้กลับรถได้ง่าย แต่จะไม่สามารถจอดรถเป็นเวลานานๆได้ ถ้ามองด้วยตาเปล่าเราจะเห็นสถานีเตาปูนอยู่ใกล้ๆ จากตรงนี้เดินไปอีกประมาณ 400 เมตร ถือเป็นระยะเดินได้ พอมีเหงื่อออกนิดหน่อยค่ะ

หันกลับมาอีกฝั่ง เราจะเห็นโครงการอยู่ทางขวามือ มองออกมีตึกสูงอยู่ประปราย ซึ่งจะไม่มีผลกระทบกับตัวโครงการมากนัก ส่วนถ้าใครไปสถานีบางซ่อน ขอแนะนำให้นั่งพี่วินไปดีกว่าค่ะ

มองกลับไปมีซอยประชานฤมิตร แต่ซอยนี้เป็น One Way ที่มาจากถนนประชาราษฏร์ 1 ดังนั้นถ้าใครจะไป อาจจะต้องเข้าซอยไสวสุวรรณ ออกถนนประชาราษฏร์ 1 แล้วอ้อมกลับเข้ามาในซอยประชานฤมิตร เป็นสถานที่รวบรวมงานไม้ไว้ครบวงจร ทั้งงานตกแต่ง งานเฟอร์นิเจอร์ งานฝีมือ และอุปกรณ์เกี่ยวกับงานไม้ สำหรับใครที่กำลังมองหาเฟอร์นิเจอร์ไม้คุณภาพดีก็พลาดไม่ได้เลย ที่จะมาลองเดินดูที่ถนนเส้นนี้

บริเวณหน้าปากซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 12 จะมีพี่วินมอเตอร์ไซค์ ที่ใกล้กับโครงการมากที่สุด ถ้าใครขี้เกียจขอแนะนำให้เรียกพี่วินไป MRTเตาปูนเพียง 15 บาทเท่านั้น หรือถ้าใครไม่อยากเสียตังค์ก็สามารถเดินไปได้อยู่นะคะ

ฝั่งโครงการจะเป็นตึกแถว 2-4 ชั้น เรียงกันตามแนวถนนจนถึงบริเวณแยกเตาปูนเลยค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

บรรยากาศโดยรอบโครงการเยื้องกันในทางทิศใต้จะมี U delight บางซื่อ Station นอกนั้นจะเป็นที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ ยังไม่มีคอนโดในระยะประชิด ซึ่งด้านหน้าจะมีโครงสร้างของรถไฟฟ้าสายสีม่วงอยู่ ซึ่งจะไม่มีผลกระทบกับตัวโครงการเนื่องจากตัวอาคารอยู่ด้านใน ทำให้ไม่มีเสียงรบกวน แต่ในอนาคตด้านหน้าจะมีพื้นที่โครงการในอนาคตของพฤกษาเอง ทางผู้เขียนคิดว่าผู้ออกแบบน่าจะทำตัวอาคารไม่ให้บังกันเองนะคะ

  • ทิศเหนือ : ที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ
  • ทิศตะวันออก : ที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ
  • ทิศใต้ : อาคาร U delight บางซื่อ Station 30 ชั้น
  • ทิศตะวันตก : ที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ตลาดเตาปูน – 700 เมตร
  • สถานีตำรวจนครบาลบางโพ – 750 เมตร
  • Tesco Lotus ประชาชื่น – 1 กิโลเมตร
  • Gateway บางซื่อ – 1.3 กิโลเมตร
  • ตลาดบางซ่อน – 1.4 กิโลเมตร
  • SCG สำนักงานใหญ่ – 1.6 กิโลเมตร
  • ตลาดบางโพ – 1.7 เมตร
  • โรงพยาบาลบางโพ – 1.8 กิโลเมตร
  • โรงเรียนโยธินบูรณะ – 2.1 กิโลเมตร
  • BigC วงศ์สว่าง – 2.6 กิโลเมตร
  • ตลาดนัดสวนจตุจักร – 4.2 กิโลเมตร
  • สวนจตุจักร – 4.4  กิโลเมตร
  • สถานีขนส่งหมอชิต 2 – 4.5 กิโลเมตร
  • สถานีอารีย์ 2 – 6.0 กิโลเมตร
  • Central ลาดพร้าว – 6.4 กิโลเมตร
  • The Mall งามวงศ์วาน – 6.9 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ The Privacy เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ ในคอนเซ็ปต์ Tropical Luxury โดยจะเน้นสีโทนขาว น้ำตาล ทอง เป็นคอนโด High Rise สูง 36 ชั้น  ตั้งอยู่บนที่ดินเกือบ 2 ไร่ จำนวนยูนิตทั้งหมด 486 ยูนิตและร้านค้าอีก 1 ยูนิต ในชั้น 2-6 จะเป็นชั้นที่จอดรถทั้งหมด โดยจำนวนที่จอดรถทั้งหมดภายในโครงการรวมจอดซ้อนคันสามารถจอดได้ 211 คัน หรือคิดเป็นประมาณ 43% และชั้นพักอาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้น 7 ขึ้นไปจนถึงชั้น 36 โดยโครงการมี Facilities กระจายอยู่ ชั้นที่ 1 มี Lobby , Mail Room, Co-working Space และ Meeting Room ถัดมาชั้น 7 มี Garden และ Co-kitchen  สำหรับลูกบ้านมาทำกิจกรรม หรือปาร์ตี้เล็กๆได้  ส่วน Main Facilities ยกขึ้นไปที่ชั้น 35, 36 และ Roof Top นอกจากนี้พื้นที่ส่วนกลางทุกห้องติดตั้งระบบ Fresh Air System ที่สามารถกรองฝุ่นในอากาศได้ถึง 0.3 microns

มาดูภาพจำลองบรรยากาศของตัวอาคารและทางเข้าโครงการกันสักเล็กน้อย โดยพื้นที่ด้านข้างที่เป็นต้นไม้สีเขียว จะเป็นโครงการในอนาคตของพฤกษาค่ะ

ก่อนที่เราจะไปดูแปลนกันขอแวะไปดูบรรยากาศของ Sale Gallery กันก่อนค่ะ

ขับตรงมาด้านในมีพื้นที่จอดรถสำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการ หลังฉากกั้นจะเป็นพื้นที่ของโครงการ ซึ่งมองไปเห็นโครงการ U delight บางซื่อ Station อยู่ข้างๆ ต้องมารอลุ้นกันอีกทีหลังจากตึกเสร็จว่ามีห้องไหนที่โดนบังวิวบ้างนะคะ

บริเวณข้างใน Sale Gallery เดินเข้ามาเราจะเจอ Reception และโมเดลของทางโครงการ ภายในดูสะอาดสะอ้านดี พร้อมที่นั่งมากมายให้เลือกใช้บริการ รวมถึงมีห้องตัวอย่างให้ได้ดูกันด้วย ถ้าใครสนสามารถเยี่ยมชมโครงการได้แล้วนะคะ

มาเริ่มดูที่ผังโครงการกันก่อน ทางเข้า-ออกของโครงการอยู่ที่ถนนกรุงเทพ-นนท์ แต่ตัวอาคารต้องเดินเข้ามาอีกประมาณ 120 เมตร ข้อดีคือไม่มีเสียงรบกวนของรถไฟฟ้าและรถยนต์ พร้อมทางเดินที่มีต้นไม้คลุมตลอดทางเพื่อความสวยงามและร่มรื่น ถัดเข้ามาเจอป้อมรปภ. ซึ่งทางโครงการจะใช้ระบบสแกนป้ายรถยนต์ และมีการจับใบหน้าของคนในรถไว้เป็นข้อมูล เพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน ยังไม่ค่อยได้เห็นในโครงการอื่นมากนัก หลังผ่านป้อมมาเจอพื้นที่ Drop Off สามารถมารับ-ส่งคนเข้า Lobby บริเวณนี้ได้ ทางเดินรถของโครงการเป็นแบบ One Way วิ่งรอบตัวอาคาร มีทางขึ้น-ลงชั้นจอดรถอยู่ทางทิศใต้ รอบรั้วโครงการทำเป็นพื้นที่สีเขียว ทำให้บรรยากาศดูร่มรื่นมากยิ่งขึ้น

เรามาดูโมเดลจำลองกันสักเล็กน้อย ทางโครงการออกแบบทางเดินไว้สวยงาม น่าใช้งานทีเดียว เป็นการเดินรถเข้า-ออกอย่างละ 1 เลน มีป้อมอยู่ภายในทำให้เวลาคับขันจะไม่มีรถติดออกมาที่ถนนด้านนอกโครงการค่ะ ส่วนด้านข้างเป็นพื้นที่โครงการในอนาคตของพฤกษา

เรามาดูแปลนขยายของชั้น Ground Floor กันค่ะ ด้านหน้ามีพื้นที่ Drop Off โดยมีร้านค้า 1 ยูนิต และทางเข้ามามี Lobby ขนาดใหญ่ ภายในมีห้อง Co-working Space นอกจากนี้ยังมีห้อง Meeting Room ให้ใช้บริการอีกด้วย ซึ่งจะต้องจองผ่าน App ของโครงการ ที่ทางพฤกษาออกแบบมาพิเศษสำหรับโครงการนี้ ถัดเข้ามาก่อนเข้าโถงลิฟต์จะมีห้อง Mailbox ของลูกบ้าน โดยอาคารมีลิฟต์โดยสารอยู่ 2 ตัวและลิฟต์ Service อยู่ 1 ตัว ซึ่งอัตราส่วนลิฟต์โดยสารกับจำนวนห้องพักจะอยู่ที่ 1:243 ถือว่าหนาแน่นพอสมควร ในช่วงเวลาเร่งด่วนอาจจะต้องรอนานหน่อยนะคะ นอกจากนี้ด้านนอกตัวอาคารยังจัดพื้นที่สวนหย่อมให้ลูกบ้านออกมาใช้งานได้อีกด้วยค่ะ

ถัดมาที่ชั้นที่ 2-6 จะเป็นพื้นที่จอดรถของลูกบ้าน โดยทางโครงการให้ที่จอดรถมา 211 คัน หรือคิดเป็น 43% รวมจอดซ้อนคัน ส่วน Facade ออกแบบมาได้สวยงามทีเดียว ทำให้บดบังสายตาจากภายนอกได้ แต่ยังคงมีช่องให้รับแสงและลมจากภายนอกได้อยู่ ช่วยทำให้อาคารดูเรียบร้อยและได้ความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างโมเดลบริเวณด้านทิศเหนือ เป็นฝั่งที่มีห้องพักอาศัยมากที่สุด เนื่องจากเป็นทิศที่ไม่ค่อยร้อน แถมยังไม่มีอาคารบังวิวในระยะประชิดอีกด้วย

มาดูภาพจำลองบรรยากาศภายใน Lobby ตกแต่งมาในสไตล์ Tropical Luxury เน้นโทนสีขาว น้ำตาล ทอง คุมโทนสีโครงการให้เป็นไปในทางเดียวกัน พื้นใช้กระเบื้องหินอ่อน ส่วนโคมไฟใช้สีทอง เพิ่มความหรูหราให้ภายในห้อง มาพร้อมกระจกแบบ Ceiling Height  ทำให้ภายในดูกว้างมากยิ่งขึ้นค่ะ

มาดูภาพจำลองบรรยากาศภายใน Co-working Space บรรยากาศดูค่อนข้างอบอุ่น โดยทางโครงการจะมีชั้นหนังสือให้ลูกบ้านมาใช้บริการ รวมถึงยังมีที่นั่งหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้งานอีกด้วย ตัวห้องจะล้อมรอบด้วยกระจกแบบ Ceiling Height ทำให้ได้รับแสงธรรมชาติ รวมถึงภายในดูกว้างมากยิ่งขึ้น

ภายใน Meeting Room เป็นห้องประชุมที่สามารถจองผ่าน App โครงการ เพื่อมาใช้งานในห้องนี้ได้ ซึ่งอาจจะติดต่อสอบถามทางโครงการอีกทีค่ะ

ขึ้นมาชั้น 7 เป็นชั้นเริ่มต้นห้องพักอาศัย ลักษณะอาคารเป็นรูป L Shape ทำให้ไม่มีห้องไหนบดบังวิวกันเอง มีห้องพักอาศัย 16 ยูนิต เน้นห้อง 1 Bedroom เป็นหลัก ชั้นนี้มีพื้นที่สวนหย่อม พร้อมที่นั่งหลากหลายรูปแบบเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน แถมมีห้อง Co Kitchen เอาไว้จัดงานปาร์ตี้เล็กๆได้

ตัวอย่างโมเดลจำลองพื้นที่สวนหย่อมชั้นที่ 7

ภายในห้อง Co Kitchen มีพื้นที่ทำอาหารขนาดใหญ่ พร้อมโต๊ะที่รองรับคนได้ถึง 10 คน สามารถทำเป็นพื้นที่ปาร์ตี้ขนาดเล็กได้

ขึ้นมาชั้น 11-31 เป็นห้องพักอาศัยเต็มชั้น มียูนิตสูงสุดที่ 17 ยูนิต โถงลิฟต์อยู่ตรงกลางทำให้ห้องริมสามารถเดินมาใช้งานได้สะดวก เน้นเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.50-29.50 ตร.ม. เป็นหลัก ส่วนห้อง Studio และ 2 Bedroom มีเพียง 1 ห้อง/ชั้น เท่านั้น นอกจากนี้สังเกตว่าห้อง 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom ได้เป็นห้องหัวมุม ทางเดินแบบ Double Corridor มีช่องเปิดถึง 3 จุด ทำให้แสงส่องเข้ามาภายในทางเดินค่อนข้างเยอะ ห้อง 1 Bedroom Plus ด้านล่างขวา อาจโดนคอนโด U delight บางซื่อ Station บังได้นะคะ ต้องมารอลุ้นว่าตอนสร้างเสร็จจะเป็นยังไง ส่วนตำแหน่งห้องอื่นๆ ยังไม่มีตึกสูงในระยะประชิด ทำให้ได้วิวเปิดโล่งทีเดียว

ถัดขึ้นมาที่ชั้น 34 จะมียูนิตเหลือเพียง 10 ห้อง เนื่องจากมีการแบ่งส่วนไปใช้เป็นพื้นที่งานระบบใต้สระน้ำแทน รวมถึงมีการปรับย้ายตำแหน่งบันไดหนีไฟด้วยนะคะ

ชั้น 35 เป็นชั้น Facilities หลักของโครงการจะมีสระว่ายน้ำและ Sky Lounge โดยชั้นนี้ยังคงมีห้องพักอาศัยอยู่ แต่จะลดลงเหลือ 9 ยูนิต เน้นไปที่ห้อง 1 bedroom เหมือนเดิม สำหรับการใช้งานของทั้ง 2 ส่วนนั้น มีการแยกสัดส่วนกันชัดเจน ทำให้ลูกบ้านชั้นนี้ยังคงความเป็นส่วนตัว แถมยังเดินไปใช้งาน Facilities ได้ง่าย

ชั้น 36 เป็นชั้น Sky Fitness ที่สามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำได้ด้วย สำหรับห้องพักอาศัยเหมือนกับชั้นที่แล้วค่ะ

ถัดมาที่ชั้น Roof Top ของโครงการเป็นพื้นที่สวนขนาดใหญ่ มีหลากหลายฟังก์ชั่นให้เลือกใช้งาน ทั้งพื้นที่ชมวิว นั่งเล่น ออกกำลังกาย รวมถึงยังมีพื้นที่กว้างสามารถใช้ในกรณีฉุกเฉินได้ โดยจะใช้เฮลิคอปเตอร์แบบโรยบันไดลงมาได้

ตัวอย่างโมเดลจำลองบรรยากาศบริเวณ Facilities ด้านบนค่ะ

ภาพจำลองมุมสูงจะเห็น Rooftop Facilities โครงการพร้อมวิวรอบข้าง ข้อดีเลยของ Facilities ในชั้นบนคือการได้วิวในมุมสูงพร้อมใช้งาน Facilities ได้ด้วย ซึ่งลูกบ้านไม่จำเป็นต้องซื้อห้องชั้นสูงๆ ก็สามารถได้ชื่นชมวิวจากมุมสูงได้เหมือนกันค่ะ

บรรยากาศบริเวณสระว่ายน้ำ เป็นสระแบบ Infinity Edge ทำให้เห็นวิวรอบข้างได้เต็มที่เลย ขนาดสร้างกว้าง 8 x 15 เมตร ลึก 1.2 เมตร ระบบเกลือ โดยจะแยกส่วนกับ Kids Pool ขนาด 1.5 x 5.5 เมตร ลึก 60 ซม. นอกจากนี้ยังมีส่วน Jacuzzi อีกด้วยนะคะ

ภายในห้อง Sky Fitness จะเป็นกระจกแบบ Ceiling Height รอบห้อง รวมถึงยังเห็นวิวรอบโครงการที่ยังไม่มีอาคารสูงบดบังในระยะประชิด มองลงมาเห็นสระว่ายน้ำชั้นที่ 35 โดยห้องมีขนาดค่อนข้างกว้าง สามารถวางอุปกรณ์ได้หลายตัว ทำให้ไม่ต้องแย่งกันใช้งานนะคะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1

  • Lobby Lounge
  • Mail box
  • Co-Working Space
  • Meeting Room
  • EV Charger
  • Car Washing Area

  • ชั้น 7

  • The Garden
  • Co-Kitchen

  • ชั้น 34

  • Sky Lounge
  • Swimming Pool ขนา่ด 8 x 15 เมตร ระบบเกลือ
  • Kids Pool ขนาด 1.5 x 5.5 เมตร
  • Jacuzzi

  • ชั้น 35

  • Sky Fitness

  • ชั้น Roof Top

  • Sky Garden
  • Sky Pods
  • Observation Terrace

  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟต์  1 : 243
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 211 คันคิดเป็น 43% รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบ CCTV / Access Card

 


Product Walkthrough

โครงการ The Privacy เตาปูน Interchange ประกอบไปด้วยห้องพักอาศัยจำนวนทั้งสิ้น 486 ยูนิต มีทั้งห้อง Studio, 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus และ 2 Bedrooms โดยจะขายแบบ Fully Fitted ขนาดและจำนวนของแต่ละยูนิตมีรายละเอียดดังนี้

  • Studio 22.25-22.50 ตร.ม.
  • 1 Bedroom 26.50-29.50 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus 34.50 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 49.25-50.25 ตร.ม.

ในรีวิวนี้เราจะลองยกตัวอย่างบางห้องมาอธิบายผังให้ฟังกันนะคะ

เริ่มเลยจากห้อง 1 Bedroom Type B1 ห้องนี้จะมีขนาดอยู่ที่ 26.50-27.50 ตร.ม. เป็นห้องที่มีจำนวนมากที่สุด ลักษณะห้องหน้าแคบลึก ความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.70 เมตร จัดพื้นที่การใช้งานภายในห้องออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่ ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว และพื้นที่ระเบียง โดยจะคล้ายๆกับ The Privacy ตัวอื่นๆ แต่พิเศษกว่าคือมีการจัดพื้นการใช้งานเป็นสัดส่วนชัดเจน ทำให้แต่ละห้องไม่รบกวนกันค่ะ

เมื่อเข้าห้องมาจะเจอกับห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ทำให้หลังจากวางโซฟาสำหรับ 2 ที่นั่งแล้ว ยังมีพื้นที่เหลือวางโต๊ะกินข้าวสำหรับ 2 ที่นั่งได้อีกด้วย ซึ่งห้องนั่งเล่นจะไม่ได้วิวด้านนอก แต่ไม่ใช่ว่ามืดทึบเนื่องจากยังได้แสงสว่างที่มาจากห้องนอนอยู่ เนื่องจากใช้กระจกบานเลื่อนแยกสัดส่วนออกจากกัน ส่วนห้องนอนจะอยู่ชิดริมอาคารที่จะได้กระจกบานใหญ่ ซึ่งจะเห็นวิวและรับแสงได้เต็มที่ สำหรับห้องนี้ถ้าใครชอบความเป็นส่วนตัวแนะนำให้ติดผ่านม่านเพิ่มเติมได้ค่ะ

ความพิเศษของแปลนนี้จะมีทางเดินกั้นแยกระหว่างห้องน้ำและห้องครัว ซึ่งบริเวณนี้มีพื้นที่สามารถต่อเติมตู้เพิ่มได้ เราจะขอแวะมาดูส่วนของห้องน้ำกันก่อน ห้องน้ำอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานง่ายจากทุกพื้นที่ แต่ตัวห้องอยู่ด้านในทำให้ต้องใช้พัดลมระบายอากาศ ช่วยดูดความชื้นและกลิ่นออกด้านนอก ส่วนถัดไปคือห้องครัว เป็นครัวแบบปิดที่อยู่ติดกับพื้นที่ระเบียง ทำให้สามารถประกอบอาหารได้เต็มที่ ไม่ต้องห่วงเรื่องกลิ่นและควันจะเข้ามารบกวนภายในห้อง อีกทั้งยังได้เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ง่ายต่อการทำความสะอาด ถัดจากครัวไปเป็นระเบียงขนาดไม่ใหญ่เท่าไหร่ แต่เนื่องจากเครื่องซักผ้าวางอยู่ใต้เคาน์เตอร์ครัวแล้ว จึงไม่ต้องเสียพื้นที่ระเบียงไปวางเครื่องซักผ้าอีก

สำหรับห้องทุกห้องนั้นจะได้ Digital Door Lock จาก UNICOR โดยรุ่นนี้จะรองรับการเปิดเข้าทั้งรหัส, การ์ด, กุญแจ, เทคโนโลยี N.F.C

ประตูได้เป็นแบบ HDF ปิดผิวลามิเนต ขนาด 2.40 x 0.90 เมตร ส่วนธรณีประตูหน้าห้องกรุด้วยหินเทียมซึ่งมีความคงทนในการใช้งานพอสมควรและจบขอบอีกทีด้วยไม้สำเร็จรูป ภายในห้องใช้พื้นลามิเนตหนา 8 มม.

เมื่อเปิดเข้ามาภายในห้อง จะพบพื้นที่ส่วนแรกคือห้องนั่งเล่น มีระยะพื้นถึงฝ้า 2.70 เมตร พื้นภายในเป็นพื้นไม้ลามิเนต หนา 8 มม. มีคุณสมบัติผิวหน้าสามารถทนทานต่อรอยขูดขีดและแรงกดกระแทกได้ดี ภายในห้องจัดมาให้แบบ Fully Fitted สิ่งที่ได้คือชุดครัว สุขภัณฑ์ห้องน้ำ Wallpaperสีเทา และเครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 BTU. จำนวน 2 เครื่อง นอกจากนี้ภายในห้องยังมี Home Automation ยี่ห้อ B-Link อีกด้วย คือควบคุมการเปิดปิดเครื่องปรับอากาศและไฟได้ง่ายยิ่งขึ้น ห้องนี้ถึงแม้จะไม่ได้วิวภายนอก แต่ยังคงได้รับแสงธรรมชาติจากห้องนอนอยู่นะคะ

เมื่อวางชุดโซฟาและโต๊ะวางทีวีไปแล้วก็ยังเหลือพื้นที่พอสมควรให้สามารถวางโต๊ะกลางขนาดเล็กได้ โดยไม่ไปขวางทางเดิน สำหรับคนนั่งดูทีวีมีระยะประมาณ 2.10 ม. ซึ่งขนาดทีวีที่เหมาะกับระยะสายตาอยู่ที่ประมาณ 42″-50″ จัดว่าวางทีวีขนาดใหญ่ได้สบายเลยทีเดียว

หลังจากวางโซฟาสำหรับ 2-3 ที่นั่งแล้ว ทำให้ยังมีพื้นที่เหลือสามารถวางโต๊ะกินข้าวสำหรับ 2 ที่นั่งเข้ามุมได้อีก ของจริงผนังห้องได้เป็น Wallpaper สีเดียวกับห้องครัว

บริเวณเพดานจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight มาให้ 2 ดวง พร้อมเครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 BTU.

ส่วนด้านในคือห้องนอนของห้องนี้ มีประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน เปิดแบบ Double Slice บานขวาสุดจะเป็นบาน Fixed  ช่วยทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาถึงภายในห้องนั่งเล่นส่วนนี้ด้วย ประหยัดไฟได้ดีเลยทีเดียว

บริเวณมือจับเซาะร่องพร้อมปุ่มล็อคและมีสักกะหลาดไว้สำหรับกั้นฝุ่นบริเวณขอบประตู อีกทั้งทางโครงการยังได้ฝังขอบอลูมิเนียมไว้กับพื้น ทำให้เดินได้สะดวกไม่ต้องกลัวสะดุด ซึ่งพื้นที่ส่วนบานสไลด์นี้เมื่อเปิดกว้างสุดจะมีระยะประมาณ 1.5 เมตร

ภายในห้องนอนสามารวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ แต่ทางโครงการจะไม่ให้เฟอร์นิเจอร์มา ซึ่งลูกบ้านสามารถตกแต่งได้ตามใจชอบเลยนะคะ ห้องนอนได้กระจกบานใหญ่ รวมกับฝ้าเพดานสูง 2.7 ม. ก็ทำให้ตัวห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นพอสมควรเลยค่ะ

หลังจากวางเตียงแล้วมีพื้นที่เหลือไม่มากนัก ถ้าใครชอบดูทีวีในห้องแนะนำให้ติดเป็นทีวีแบบแขวนเพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งานค่ะ โดยฝั่งขวามือยังมีพื้นที่เหลือกว้างพอสมควร สามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งในบริเวณนี้ได้ ของจริงผนังห้องได้เป็น Wallpaper สีเดียวกับห้องครัว

ขนาดตู้เสื้อผ้าที่เหมาะกับพื้นที่ห้องนั้นจะเป็นตู้ขนาดไม่ใหญ่มาก ซึ่งเราสามารถดูเป็นไอเดียในการจัดวางตำแหน่งต่างๆของห้องได้

พื้นที่หน้าตู้หลังจากวางโต๊ะเครื่องแป้งแล้ว ยังมีพื้นเหลือกว้างประมาณ 1.60 เมตร ทำให้สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าได้สะดวกทีเดียวค่ะ

เมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตไปแล้ว จะเหลือพื้นที่ทางเดินรอบข้างและปลายเตียงให้พอเดินได้บ้าง อย่างฝั่งปลายเตียงมีระยะประมาณ 40 ซม. ซึ่งสามารถเดินได้พอดี ส่วนฝั่งที่ติดหน้าต่างจะเหลือค่อนข้างน้อย สำหรับคนที่ต้องการพื้นที่บริเวณหน้าห้องมากขึ้น ควรเลื่อนเตียงให้ชิดผนังฝั่งนี้นะคะ แต่สำหรับคนที่คุ้นเคยกับการมีโต๊ะหัวเตียง ก็สามารถเลื่อนออกมาสักหน่อยได้ค่ะ

ผนังกระจกค่อนข้างกว้างเลยนะคะ มีทั้งส่วนด้านล่างเกือบติดพื้นและด้านบนที่สูงเกือบจะถึงฝ้าเลย เรียกว่ากว้างเกือบจะทั้งแผ่นผนังเลยก็ว่าได้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นบาน Fixed ซึ่งไม่สามารถเปิดได้ มีบานกระทุ้งเพียง 1 บาน สามารถระบายอากาศภายในห้องได้ดี โดยจะได้เป็นขอบอลูมิเนียม Powder Coat พ่นสีดำ พร้อมกระจกตัดแสงสีเทา หรือที่เรียกกันว่า Euro Grey Glass ที่จะสามารถป้องกัน UV ได้ โดยจะมีคุณสมบติคล้ายกระจกสีเขียวตัดแสง แต่จะทำให้รูปร่างอาคารดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น

หน้าต่างบานกระทุ้งจะมีตัวล็อค ไม่สามารถเปิดได้กว้างมากนัก เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ส่วนบริเวณด้านจับเป็นแบบก้านโยกสามารถเปิดใช้งานได้ง่ายค่ะ

บริเวณเพดานจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight มาให้ 2 ดวง พร้อมเครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 BTU.

จบจากส่วนแรกแล้วมาที่ส่วนถัดไปกัน โดยทางเดินกั้นกลางระหว่างห้องน้ำและห้องครัว จะมีพื้นที่เหลือสามารถทำตู้เพิ่มเติมได้

ภายในห้องน้ำมีขนาดกำลังพอดี ลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวเข้าไป มีการจัดสรรส่วนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วนชันเจน มีการเรียงส่วนอ่างล้างมือ ส่วนโถสุขภัณฑ์ และพื้นที่อาบน้ำ พื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ชนิดกันลื่นขนาด 60 x 60 ซม. ผนังเป็นกระเบื้องเช่นเดียวกัน ทำความสะอาดง่ายและสวยงามทีเดียว สุขภัณฑ์เป็นของ Cotto ทั้งหมดค่ะ

พื้นที่ภายในห้องน้ำเป็นแนวยาวตามทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าของห้อง พื้นที่หน้าโถสุขภัณฑ์กว้างประมาณ 70 ซม. มีระยะการใช้งานกว้างพอสมควรใช้งานได้สบาย ประตูทางเข้าห้องน้ำมีขอบสูงขึ้นประมาณ 6 ซม. พื้นที่อาบน้ำให้ฉากกั้นอาบน้ำมาด้วย โดยจะได้ตามห้องตัวอย่างนี้ทั้งหมดเลย 

บริเวณเหนืออ่างล้างมือและสุขภัณฑ์ มีตู้กระจกเงา 3 ตอนขนาดใหญ่ ภายในเป็นชั้นวางของสามารถเก็ยอุปกรณ์ภายในห้องน้ำได้ครบครัน นอกจากนี้ชั้นด้านล่างจะเป็นแบบเปิดโล่ง ที่วางของใช้บ่อยได้โดยไม่ต้องเปิดตู้ หยิบของใช้งานได้ง่ายทีเดียว

ตู้เปิด-ปิด แถม Soft Close มาให้เพื่อป้องกันไม่ให้ตู้เกิดเสียง และลดแรงกระแทกก่อนที่หน้าบานจะปิดสนิท 

อ่างล้างหน้าเซรามิกของ Cotto ขนาด 55 x 35 ซม. ด้านบนสามารถวางของได้ ด้านล่างเป็นเคาน์เตอร์ใต้อ่าง สามารถเก็บของได้นิดหน่อย หน้าบานตู้ปิดผิวด้วยเมลามีนลายไม้ ตัวอ่างยกสูงขึ้นจากพื้น เพื่อให้ไม่โดนน้ำและง่ายต่อการทำความสะอาด

โภสุขภัณฑ์ของ Cotto เช่นกัน มาพร้อมสายชำระและที่ใส่กระดาษชำระสแตนเลส ซึ่งจะอยู่ผนังด้านหลัง อาจจะต้องเอียงตัวใช้งานกันสักเล็กน้อยค่ะ

สายชำระสแตนเลสจับถนัดมือ มาพร้อมกับที่ใส่กระดาษชำระแบบแกนเสียบ ไม่มีที่กันน้ำมาให้ ต้องระวังเปียกกันด้วยนะคะ

ส่วนอาบน้ำมีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ ที่ป้องกันไม่ให้น้ำออกมาเลอะส่วนอื่น แบ่งส่วนเปียกและแห้งออกจากกันชัดเจน พร้อมราวจับสแตนเลสที่แขวนผ้าเช็ดตัวด้านหน้าได้ นอกจากนี้ยังมีที่แขวนผ้าเช็ดตัวแบบติดผนังมาให้อีกด้วยค่ะ

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 78 x 88 ซม. ประตูทางเข้ากว้าง 60 ซม. พื้นที่อาบน้ำลดระดับลงประมาณ 3 ซม. มีจุดระบายน้ำอยู่ที่มุม

ส่วนอาบน้ำมีให้ทั้งแบบ Hand Shower และ Rain Shower เลย พร้อมช่องเก็บของมาให้ด้านข้าง เป็นตำแหน่งที่เหมาะสมใช้งานสะดวก

ฝักบัวแบบ Hand Shower ของ Cotto ขนาดใหญ่อาบได้สะใจทีเดียว สามารถปรับรูปแบบการไหลของน้ำได้หลากหลายเลย ช่องใส่อุปกรณ์อาบน้ำมีขนาด 27 x 43 ซม. ลึก 44 ซม. ทำให้วางของได้หลายอย่าง แต่ของที่อยู่ในๆจะหยิบยากสักหน่อยนะคะ

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 2 ดวง และพัดลมดูดอากาศ 1 จุดยี่ห้อ Panasonic ค่ะ

ถัดไปที่ห้องครัวได้เป็นครัวแบบปิดค่ะ โดยใช้ประตูบานเลื่อน 3 ตอน ขอบอลูมิเนียม Powder Coat พ่นสีดำ พร้อมกระจกใส ข้อดีของบานประตู 3 ตอน คือมีช่องทางเดินกว้างมากยิ่งขึ้น เดินใช้งานได้ง่าย บริเวณนี้มีการเปลี่ยนพื้นจากลามิเนต เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม. เพื่อง่ายแก่การทำความสะอาด

สำหรับขนาดของห้องครัวถือว่าให้พื้นที่มาไม่มากนัก เหมาะใช้งานได้ประมาณ 1-2 คนภายในห้องครัวมีลักษณะเป็นครัวปิด อย่างที่บอกไปว่ามีบานสไลด์ปิดกั้นแบ่งส่วน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นหรือควันที่เกิดจากการประกอบอาหารจะไปรบกวนส่วนอื่นๆภายในห้อง อีกทั้งยังมีตำแหน่งอยู่ริมระเบียง ทำให้สามารถระบายอากาศได้ง่าย ทางโครงการจะให้ชุด Built-in ครัวมา แต่จะไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้นะคะ

พื้นที่ภายในมีที่ยืนทำครัวจากเคาน์เตอร์ถึงผนัง มีระยะประมาณ 67 ซม. ยืนใช้งาน 1-2 คนเดียวได้พอดี บริเวณนี้ได้รับแสงธรรมชาติจากระเบียงซักล้างด้วยนะ นอกจากนี้ยังเปิดรับลมระบายอากาศได้ง่ายอีกด้วย

ชุด Built in ครัวที่ให้มามี 3 ระดับ ด้านบนสุดเป็นตู้เก็บของ มีหลายช่อง แบ่งเก็บของได้ค่อนข้างหลากหลาย ตู้หน้าบานปิดผิวเมลามีนสีเทา ข้อดีของเมลามีนคือสามารถทนความร้อน ทนความชื้น และทนน้ำได้ดีมากกว่าลามิเนต รวมถึงยังเช็คทำความสะอาดได้ง่าย

ภายในตู้ทำเป็นชั้นๆสามารถวางอุปกรณ์ครัวได้ ฝั่งซ้ายมือสุดจะเป็นช่องใส่ Hood ที่ทางโครงการได้ซ่อนท่อดูดควัน ทำให้ลิ้นชักตื่นมากกว่าอันอื่น Hob & Hood ยี่ห้อ Franke เป็นระบบหมุนเวียนออกนอกอาคาร ข้อดีคือกลิ่นจะไม่หมุนเวียนอยู่ภายในอาคารค่ะ

ตู้ด้านบนของเคาน์เตอร์ แถม Soft Close มาให้เพื่อป้องกันไม่ให้ตู้เกิดเสียง และลดแรงกระแทกก่อนที่หน้าบานจะปิดสนิท 

บริเวณเคาน์เตอร์ ทางโครงการจะให้วัสดุ Top เคาน์เตอร์เป็นหินเทียมสีขาวหนา 12 มม. หินเทียมคือการนำหินจริงมาบดและอัดกลับมาเป็นแผ่น คุณสมบัติทนน้ำและความร้อนได้ดี รวมถึงยังได้ Backsplash เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ซึ่งทำความสะอาดได้ง่ายและป้องกันคราบสกปรกจากเศษอาหารได้ ระหว่างซิงค์ล้างจานและเตาไฟฟ้ามีพื้นที่ตรงกลางพอใช้เตรียมอาหารได้

ทางโครงการให้ซิงค์ล้างจานสแตนเลสหลุมเดี่ยว ขนาด 40 x 40 ซม. พร้อมก๊อกน้ำล้างจานโครเมียมทรงสูง ปรับโยกซ้าย-ขวาได้ ส่วนพื้นที่ประกอบอาหาร จะให้ชุดเตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวพร้อมเครื่องดูดควัน ยี่ห้อ Franke ค่ะ

ชุดครัวด้านล่างฝั่งขวามือจะเป็นตู้ใต้ซิงค์ล้างจาน ซึ่งสามารถวางของขนาดใหญ่ในบริเวณนี้ได้ และด้านล่างมีลิ้นชักที่ใส่อุปกรณ์ช้อนส้อมให้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ตู้ด้านล่างหน้าบานปิดผิวด้วยเมลามีนลายไม้ ส่วนฝั่งซ้ายจะมีช่องวางขนาด 70 x 59 ซม. สามารถวางเครื่องซักผ้าขนาด 8 kg. ได้ค่ะ

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 1 ดวงค่ะ

ด้านข้างชุด Built in มีพื้นที่เหลือประมาณ 80 ซม.สามารถวางตู้เย็นขนาด 10.7 คิว ตามห้องตัวอย่างได้ แต่ทางโครงการจะไม่ให้เครื่องใช้ไฟฟ้ามานะคะ ถัดไปมีประตูเชื่อมต่อไปยังระเบียง เป็นประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน กรอบบานอลูมิเนียม Powder Coat พ่นสีดำ พร้อมกระจกตัดแสงสีเทาเหมือนในห้องนอนเลย ระเบียงมีขอบสูงขึ้น 12 เซนติเมตร เพื่อกันไม่ให้น้ำฝนไหลเข้ามาภายในตัวห้อง

พื้นที่ระเบียงภายนอกมีขนาด 1.30 x 97 เมตร พื้นเป็นกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. ด้านนอกมีขนาดถือว่าเหมาะสมใช้งานได้จริง พอะออกมายืนหรือตากเสื้อผ้าได้นิดหน่อย ราวระเบียงเป็นระแนงเหล็กสีดำสูงจากพื้น 1.1 เมตร พร้อมระแนงเหล็กสูงตั้งแต่พื้นถึงผ้า เพื่อซ่อนคอมเพรสเซอร์แอร์จากรูปด้านอาคารภายนอก

ทางโครงการได้แขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ ทำให้มีพื้นที่ด้านล่างเหลือใช้งานได้ ความพิเศษของคอมเพรสเซอร์แอร์ที่นี่ มีกริลแอร์ ไว้ระบายลมร้อนออกนอกห้องอีกด้วย จุดนี้ถือว่าทางโครงการได้ใส่ใจรายละเอียดของผู้ใช้งานดีทีเดียว

นอกจากนี้ยังติดตั้งก๊อกน้ำไว้ทำความสะอาดระเบียงหรือใช้ซักผ้าชิ้นเล็กๆได้ ส่วนไฟระเบียงจะติดไว้ด้านข้างแทนนะคะ

สำหรับสวิตช์ในห้องจะมีด้วยกัน 2 แบบ ทั้งแบบ Touch Screen และปุ่มเปิด-ปิดยี่ห้อ ART DNA นอกจากนี้ยังมีระบบสั่งเปิด-ปิดไฟผ่าน App ได้อีกด้วย ส่วน Wallpaper ได้สีตามนี้เลยนะคะ

ส่วนห้องตัวอย่างห้องที่ 2 ที่เราจะมาดูกันนี้นะคะ เป็นห้อง 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ 34.50 ตร.ม. ห้องนี้จัดมาให้แบบ Fully Fitted เช่นเดียวกัน ลักษณะห้องหน้ากว้างแคบ ทำให้แสงส่องถึงทุกพื้นที่การใช้งาน แต่คราวนี้ห้องครัวจะอยู่ด้านใน แต่จะได้ห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมาชิดริมหน้าต่างด้านนอก โดยแบ่งพื้นที่การใช้งานภายในห้องหลักๆ เป็น 6 ส่วน ได้แก่ ห้องนั่งเล่น, ห้องทานข้าว, ห้องครัว, ห้องนอน, ห้องอเนกประสงค์และระเบียง มีการจัดพื้นที่การใช้งานเป็นสัดส่วนชัดเจน

เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ ที่เชื่อมระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องทานข้าวเข้าด้วยกัน โดยห้องนี้จะสามารถวางโต๊ะกินข้าวแบบ 4 ที่นั่งได้สบาย ส่วนห้องนั่งเล่นจะติดกับพื้นที่ระเบียง ทำให้สามารถมองเห็นวิวและรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ รวมถึงห้องน้ำจะต้องเข้าจากบริเวณนี้ ทำให้สะดวกเวลามีแขกมาบ้าน ส่วนผู้พักอาศัยอาจจะต้องเดินกันสักหน่อย

มาดูกันต่อที่ฝั่งซ้ายมือด้านในสุดเป็นครัวปิด ภายในครัวออกแบบชุดครัวเป็นรูปตัว Lพร้อมฉากกั้นเข้ามุมรูปตัว L ทำให้ห้องดูโปร่งมากยิ่งขึ้น ถัดไปที่ทางเดินกั้นกลางก่อนไปห้องอเนกประสงค์ ทางโครงไารได้ Built in ตู้ตรงนี้มาให้เพิ่มเติม ภายในวางงานระบบมาให้สำหรับซื้อเครื่องซักผ้ามาใส่เองได้ ส่วนห้องอเนกประสงค์เป็นห้องชิดริมหน้าต่าง สามารถรับแสงและเห็นวิวได้เต็มที่ ห้องนี้สามารถจัดฟังก์ชันตามความต้องการของลูกบ้านได้เลย ยกตัวอย่างห้องเช่น ห้องนอนเล็ก ห้องทำงาน หรือถ้าใครมีเสื้อผ้าเยอะจะทำเป็นห้อง Walk in Closet ก็ได้ค่ะ ตัวห้องนอนใหญ่ จะมีพื้นที่วางเตียงกว้างขึ้น ถัดไปที่ห้องสุดท้ายอย่างห้องนอน ตำแหน่งชิดริมหน้าต่างด้านนอกเช่นเดียวกัน แต่ห้องนี้จะไม่มีห้องน้ำในตัว ข้อดีคือแขกที่มาเยี่ยมไม่ต้องเดินผ่านห้องนอน แต่เวลาใช้งานต้องเดินหลายต่อหน่อย ไปดูรายละเอียดภายในห้องกันเลยค่ะ

เข้ามาในห้องเจอพื้นที่ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อระหว่างส่วนทานข้าวและส่วนนั่งเล่นไว้ด้วยกัน ทำให้ห้องดูค่อนข้างโล่งทีเดียว อีกทั้งยังได้แสงจากบริเวณระเบียงส่องเข้ามาในตัวห้อง ทำให้ห้องไม่ทึบนะคะ ความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.70 เมตร พื้นไม้ลามิเนตขนาด 8 มม. สำหรับประตูทางเข้าห้องจะได้เป็นแบบ Digital Door Lock เช่นเดียวกับห้องที่แล้วนะคะ

หันกลับมาบริเวณด้านหน้าห้อง ฝั่งซ้ายมือจะเป็นทางเข้าห้องน้ำ ฝั่งขวามือจะเป็นส่วนทานข้าวที่ติดกับห้องครัว โดยสามารถวางโต๊ะกินข้าวสำหรับ 4 ที่นั่งได้สบาย ของจริงได้เป็น Wallpaperสีเทาทั้งห้องค่ะ

พื้นที่การใช้งานค่อนข้างกว้างทีเดียว สำหรับห้องจริงจะได้เป็นห้องเปล่าๆไม่มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งให้ ซึ่งเราสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ ที่เหมาะสมกับการใช้งานของเราเองได้ค่ะ

เราขอแวะไปดูบรรยากาศภายในห้องน้ำกันสักหน่อย ซึ่งด้านหน้าห้องน้ำมีพื้นที่เหลือสามารถทำเป็นตู้รองเท้าเพิ่มเติมในบริเวณนี้ได้ค่ะ

สำหรับธรณีประตูห้องน้ำจะยกสูง 6 ซม. เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลออกมาด้านนอกห้อง

ภายในห้องน้ำจะเหมือนกับห้องที่แล้วเลย มีการจัดสรรส่วนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วนชันเจน พื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ชนิดกันลื่นขนาด 60 x 60 ซม. ผนังเป็นกระเบื้องเช่นเดียวกัน ง่ายต่อทำความสะอาด สุขภัณฑ์เป็นของ Cotto ทั้งหมด

ภายในห้องน้ำจัดพื้นที่ใช้งานไว้ค่อนข้างลงตัว มีระยะหน้าโถสุขภัณฑ์กว้างประมาณ 80 ซม. เป็นระยะที่เดินใช้งานได้สะดวก

ชุดสุขภัณฑ์จะเหมือนกับห้องที่แล้ว มีตำแหน่งสายชำระที่ผนังด้านหลังอาจจะต้องเอี่ยวตัวสักเล็กน้อยค่ะ

ส่วนอาบน้ำมีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ ที่ป้องกันไม่ให้น้ำออกมาเลอะส่วนอื่น แบ่งส่วนเปียกและแห้งออกจากกันชัดเจน พร้อมราวจับสแตนเลสที่แขวนผ้าเช็ดตัวด้านหน้าได้ นอกจากนี้ยังมีที่แขวนผ้าเช็ดตัวแบบติดผนังมาให้อีกด้วยค่ะ

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 78 x 88 ซม. ประตูทางเข้ากว้าง 60 ซม. พื้นที่อาบน้ำลดระดับลงประมาณ 3 ซม. มีจุดระบายน้ำอยู่ที่มุม

ส่วนอาบน้ำมีให้ทั้งแบบ Hand Shower และ Rain Shower เหมือนห้องที่แล้วเลย แต่ห้องนี้ไม่มีช่องเก็บของมาให้ อาจจะต้องติดตั้งชั้นวางของเพิ่มเองในอนาคตค่ะ

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 2 ดวง และพัดลมดูดอากาศ 1 จุดยี่ห้อ Panasonic ค่ะ

ออกมากจากห้องน้ำ มองไปจะเห็นโต๊ะกินข้าวติดกับส่วนครัว ทำให้สะดวกในการใช้งาน ไม่ต้องผ่านส่วนอื่นๆก่อนค่ะ

ส่วนห้องครัวได้เป็นครัวแบบปิดค่ะ โดยใช้กระจกบานเลื่อน 3 ตอนเข้ามุม ที่ทำให้ห้องโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น แต่ห้องครัวอยู่ด้านใน ทำให้ต้องมีเครื่องดูดอากาศช่วยระบายอากาศ

บริเวณมือจับเซาะร่องพร้อมปุ่มล็อค พร้อมช่องเซาะร่องที่ทำให้ประตูปิดกันได้สนิท ทำให้ไม่มีกลิ่นเข้ามาภายในห้องนะคะ นอกจากนี้ยังฝังขอบอลูมิเนียมไว้กับพื้น ทำให้เดินได้สะดวกไม่ต้องกลัวสะดุด ซึ่งพื้นมีการเปลี่ยนจากไม้ลามิเนต เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม. เพื่อง่ายแก่การทำความสะอาด

ภายในห้องครัว จะมีขนาดกว้างขึ้นจากห้องที่แล้ว หลังจากวางชุดครัวแล้วมีพื้นที่การใช้งานประมาณ 85 x 1.75 เมตร สามารถใช้งานได้ 2-3 คนสบายๆ ลักษณะชุด Built in ครัวนี้จะเป็นรูปตัว L มี 3 ระดับเหมือนเดิม พร้อมเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นมาให้ด้านข้าง ขนาดกว้างประมาณ 80 ซม. สามารถใส่ตู้เย็นขนาด 10.7 คิว ตามห้องตัวอย่างได้ค่ะ

ส่วนเคาน์เตอร์ด้านบนมีช่องใส่ของค่อนข้างเยอะเลย หลายรูปแบบมากๆ ซึ่งทั้งหมดจะเป็นหน้าบานปิดผิวเมลามีนสีเทา ข้อดีของเมลามีนคือสามารถทนความร้อน ทนความชื้น และทนน้ำได้ดีมากกว่าลามิเนต รวมถึงยังเช็คทำความสะอาดได้ง่าย แถม Soft Close มาให้เพื่อป้องกันไม่ให้ตู้เกิดเสียง และลดแรงกระแทกก่อนที่หน้าบานจะปิดสนิท 

ส่วนชั้นกลางเป็นเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันและอ่างล้างจาน พร้อมพื้นที่เตรียมอาหารขนาดกว้างมากยิ่งขึ้น ลักษณะครัวรูปตัว L ทำให้ง่ายต่อการใช้งานพื้นที่หลายๆส่วน หมุนตัวหยิบจับได้สะดวก Topครัวเป็นหินเทียมหนา 12 มม. หินเทียมคือการนำหินจริงมาบดและอัดกลับมาเป็นแผ่น คุณสมบัติทนน้ำและความร้อนได้ดี รวมถึงยังได้ Backsplash เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ซึ่งทำความสะอาดได้ง่ายและป้องกันคราบสกปรกจากเศษอาหารได้

ชุดครัวด้านล่างมีช่องให้เลือกใช้หลากหลาย ตู้ด้านล่างหน้าบานปิดผิวด้วยเมลามีนลายไม้ พร้อมช่องวางที่สามารถใส่ไมโครเวฟเองได้ ด้านล่างของตู้มีการทำร่องเข้าไปประมาณ 10 ซม. เวลามายืนใช้งานสามารถยืนชิดเคาน์เตอร์ได้ค่ะ

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 1 ดวงค่ะ

ถัดออกมาที่บริเวณโถงทางเดินระหว่างห้องครัวแล้วห้องนั่งเล่น พื้นที่บริเวณนี้ทางโครงการจะ Built in ตู้มาให้เรียบร้อบ แต่ของจริงหน้าบานเป็นเมลามีนสีเทาสูงเต็มบาน (วัสดุเหมือนในห้องครัว) พร้อมวางงานระบบมาให้แล้ว สามารถนำเครื่องซักผ้ามาใส่ในบริเวณนี้ได้เลย

นอกจากนี้ยังติดตั้งก๊อกน้ำและมีปลั๊กไฟสำหรับเสียบเครื่องซักผ้าได้ รวมถึงมีการเดินท่อน้ำมาให้เรียบร้อยค่ะ

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 1 ดวงค่ะ

ถัดไปที่ห้องอเนกประสงค์ ของจริงจะได้เป็นประตู HDF ปิดผิวลามิเนต ขนาด 0.90 x 2.40 ม. ซึ่งพอมีประตูเข้ามากั้นแสงภายในห้องครัวจะลดลงต้องใช้ไฟ Downlight ช่วยค่ะ

ภายในห้องอเนกประสงค์สามารถใส่เตียงนอนขนาด 3.5 ฟุตได้ ข้อดีของห้องนอนจะอยู่ติดริมหน้าต่างเหมือนกับห้องนอนใหญ่ พร้อมกระจกบานกระทุ้ง 1 จุด ที่สามารถระบายอากาศและรับแสงแดดได้ดี อีกทั้งยังสามารถมองวิวได้เต็มที่ สำหรับห้องจริงจะได้เป็นห้องเปล่าๆไม่มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งให้ค่ะ

ในกรณีที่เราเอาเตียงไว้ริมหน้าต่าง ทำให้ด้านข้างเตียงจะมีพื้นที่การใช้งานประมาณ 1.00 เมตร ที่สามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดไม่ใหญ่มากนัก ส่วนปลายเตียงมีพื้นที่เหลือประมาณ 40 ซม. เป็นระยะที่พอเดินได้หรือวางของได้นิดหน่อยค่ะ

สำหรับห้องนี้ถ้าใครชอบดูทีวี ผู้เขียนขอแนะนำให้ใช้ทีวีแบบแขวนเพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งานค่ะ

บริเวณเพดานจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight มาให้ 1 ดวง พร้อมเครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 BTU.

ออกจากห้องอเนกประสงค์มาจะเป็นห้องนั่งเล่นที่ติดกับพื้นที่ระเบียง ทำให้มีแสงเข้ามาได้ห้องมากยิ่งขึ้นนะคะ

ส่วนของห้องนั่งเล่น สามารถวางโซฟาขนาด 3-4ที่นั่งได้ สำหรับห้องนี้ทางโครงการให้เครื่องปรับอากาศขนาด 12,000 BTU.

หลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้ว มีระยะดูทีวีจากโซฟาอยู่ที่ประมาณ 1.85 เมตร ซึ่งขนาดทีวีที่เหมาะกับระยะสายตาอยู่ที่ประมาณ 42″-47″ จัดว่าวางทีวีขนาดใหญ่ได้สบายเลยทีเดียว

ห้องนี้ทางโครงการได้เตรียมช่องเสียบสัญญาณทีวีไว้ให้เรียบร้อยค่ะ จุดเด่นคือห้องนี้จะติดกับพื้นที่ระเบียงทำให้รับแสงธรรมชาติเข้ามาในตัวห้องได้ดี นอกจากนั้นยังสามารถเปิดเพื่อให้อากาศถ่ายเทภายในห้องค่ะ

ประตูทางออกระเบียง เป็นประตูกระจกบานเลื่อน 2ตอน กรอบบานอลูมิเนียม Powder Coat พ่นสีดำ พร้อมกระจกตัดแสงสีเทา หรือที่เรียกกันว่า Euro Grey Glass ที่จะสามารถป้องกัน UV ได้ โดยจะมีคุณสมบติคล้ายกระจกสีเขียวตัดแสง แต่จะทำให้รูปร่างอาคารดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ทางโครงการได้วางคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ด้านข้าง ทำให้สามารถมองเห็นวิวได้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีอะไรมารบกวนสายตาค่ะ

พื้นที่ระเบียงภายนอกมีขนาด 3.00 x 80 เมตร พื้นเป็นกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. ด้านนอกกว้างกว่าห้องที่แล้ว สามารถออกไปยืนใช้งานพร้อมกันได้หลายคน ราวระเบียงเป็นระแนงเหล็กสูงจากพื้น 1.1 เมตร พร้อมระแนงเหล็กสูงตั้งแต่พื้นถึงฝ้าเพื่อซ่อนคอมเพรสเซอร์แอร์จากรูปด้านอาคารภายนอกอีกด้วย

ทางโครงการได้แขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ 2 เครื่อง และอีก 1 เครื่องจะวางไว้ที่พื้น โดยหันลมร้อนออกไปด้านนอกอาคารค่ะ

ส่วนไฟระเบียงจะติดไว้ด้านข้างเหมือนห้องที่แล้ว ส่วนผนังด้านบนก็เป็นที่ระบายอากาศของพัดลมดูดอากาศค่ะ

กลับเข้ามาบริเวณห้องนั่งเล่น ข้างตู้ทีวีจะมีประตูทางเข้าห้องนอนอยู่ค่ะ

ภายในห้องตัวอย่างจะใส่เตียงนอนขนาด 5 ฟุตได้ พร้อมโต๊ะหัวเตียงและตู้เสื้อผ้ามาให้ดูระยะการใช้งาน ข้อดีของห้องนอนจะอยู่ติดริมหน้าต่าง ซึ่งมีหน้าต่างบานกระทุ้งมาให้ สามารถระบายอากาศและรับแสงแดดได้ดี

ภายในห้องสามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดกลาง ทางผู้เขียนขอแนะนำให้ใช้เป็นตู้เสื้อผ้าแบบเลื่อนไป-มา เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้งานหน้าตู้ ของจริงผนังห้องได้เป็น Wallpaper สีเดียวกับห้องครัว

หลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้ว จะมีพื้นที่หน้าตู้ประมาณ 75 ซม. เป็นระยะที่พอเปลี่ยนเสื้อผ้าได้อยู่

ถ้าใครชอบดูทีวีในห้องแนะนำให้ติดเป็นทีวีแบบเขวนเพิ่มพื้นที่การใช้งานบริเวณปลายเตียง ห้องนี้ ทางโครงการได้เตรียมช่องเสียบสัญญาณทีวีไว้ให้เรียบร้อยค่ะ

เมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตไปแล้วจะเหลือพื้นที่ทางเดินรอบข้างและปลายเตียงให้พอเดินได้บ้าง อย่างฝั่งปลายเตียงมีระยะประมาณ 45 ซม. ซึ่งกว้างกว่าห้องเมื่อกี้สักเล็กน้อย ส่วนฝั่งที่ติดหน้าต่างจะเหลือค่อนข้างน้อย สำหรับคนที่ต้องการพื้นที่หน้าตู้เสื้อผ้ากว้างขึ้น แนะนำให้เลื่อนเตียงให้ชิดผนังฝั่งนี้นะคะ

บริเวณเพดานจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight มาให้ 2 ดวง พร้อมเครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 BTU.

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 20 FEBRUARY 2019

  • เนื่องจากทางโครงการยังไม่ได้เปิดขายอย่างเป็นทางการ จึงยังไม่มีรายละเอียดราคา แต่มีราคาเริ่มต้นที่ 1.89 ล้านบาท
  • ลงทะเบียนออนไลน์รับส่วนลด 10,000 บาท สำหรับห้องทุกขนาด ลงทะเบียนที่สำนักงานขาย รับส่วนลดเพิ่ม

  • 20,000 บาท สำหรับห้องStudio
  • 30,000 บาท สำหรับห้อง 1 ห้องนอน
  • 40,000 บาท สำหรับห้อง 1 ห้องนอน พลัส
  • 50,000 บาท สำหรับห้อง 2 ห้องนอน

  • Fully Fitted
  • ฝ้าเพดานสูง 2.70 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง n/a บาท
  • ทำสัญญา n/a บาท
  • ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล – โครงการ The Privacy เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ เป็นโครงการติดถนนกรุงเทพ-นนท์ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับถนนอื่นๆในระแวกนี้ได้ สะดวกทั้งเข้าเมืองและออกไปทางจังหวัดนนทบุรี เดินทางได้ค่อนข้างหลากหลาย อีกทั้งยังอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีเตาปูนประมาณ 500 เมตร เป็นสถานี Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่กำลังจะเปิดให้ใช้งานภายในปี 63 กันแล้ว ทำให้เป็นทำเลที่น่าจับตามองทีเดียว นอกจากนี้ยังมีความอุดมสมบูรณ์สูงทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ตั้งแต่อาหารตามตึกแถว แผงลอยต่างๆ ตลาด Hyper Market ไปจนถึงห้างสรรพสินค้า Gateway บางซื่อที่เพิ่มเปิดตัวมาได้ไม่นาน ทำให้ย่านนี้มีคนคึกคักมากยิ่งขึ้น สำหรับระยะเดินประมาณ 300-400 เมตรรอบโครงการ มีความอุดมสมบูรณ์พอสมควรแต่ก็ไม่ได้คึกคักมากนัก ส่วน Shop ภายในโครงการต้องมารอลุ้นกันอีกที ว่าจะเป็นร้านอะไรนะคะ

การเดินทางโดยใช้รถ – โครงการอยู่ติดกับถนนกรุงเทพ-นนท์ เดินทางไปไหนต่อไหนค่อนข้างสะดวก สามารถเข้าเมืองได้ด้วยการผ่านถนนประชาราษฎร์สาย 2 ผ่านถนนเทอดไท เข้าไปยังพหลโยธิน หรือถ้าจะออกนนทบุรีก็สะดวกเช่นเดียวกัน สำหรับคนที่ต้องการใช้ทางด่วนพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ตัวโครงการมีทางลัดที่วิ่งใต้ทางด่วนบริเวณตลาดบางซ่อน เพื่อหลีกเลี่ยงรถติดบริเวณถนนใหญ่ ทางด่วนนี้จะเชื่อมต่อตั้งแต่บางใหญ่ไปเชื่อมกับทางด่วนในเมือง เนื่องจากถ้าใครจะเชื่อมต่อกับทางด่วนในเมืองจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่ถือว่าเป็นการหลีกเลี่ยงรถติดที่ถนนด้านล่างได้ดีทีเดียว ภายในโครงการให้ที่จอดรถมา 43% รวมจอดซ้อนคัน อาจจะดูน้อยแต่ทำเลที่อิงการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก ถือว่าสะดวกทีเดียว เพราะลูกบ้านส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีรถส่วนตัวกันมากนัก และจากที่สำรวจโครงการใกล้รถไฟฟ้ามา ที่จอดรถเท่านี้ถือว่าเพียงพอสำหรับโครงการขนาดนี้แล้วค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – ตัวโครงการตั้งอยู่ระหว่างสถานีเตาปูนและบางซ่อน แต่ตัวโครงการจะอิงไปทางสถานีเตาปูนมากกว่า มีระยะห่างจากทางเข้าโครงการประมาณ 500 เมตร โดยที่ทั้ง 2 สถานีเป็นจุด Intechange ของรถไฟฟ้าที่ต่างสายกัน อย่างสถานีเตาปูนจะเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-เตาปูน) ส่วนสถานีบางซ่อนจะเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) ทำให้เราสามารถเลือกเดินทางได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ถ้าเส้นทางเสร็จครบวงจรเมื่อไหร่ ถือเป็นทำเลน่าจับตาทีเดียว นอกจากนั้นการอยู่ติดถนนใหญ่ทำให้สามารถใช้งานรถสาธารณะอื่นๆได้ง่าย เช่น มีวินมอเตอร์ไซค์และป้ายรถเมล์ที่ประกบซ้ายและขวาของโครงการแต่ต้องเดินไปสักหน่อยนะคะ รวมถึงยังมีแท็กซี่วิ่งผ่านไปมาหน้าโครงการตลอดเวลาอีกด้วย

การออกแบบโครงการ – ตัวโครงการมาพร้อมคอนเซ็ปต์ Tropical Luxury โดยเน้นสีโทนขาว น้ำตาล ทอง เป็นคอนโด High Rise สูง 36 ชั้น นอกจากนี้ยังมีการร่นระยะตัวโครงการให้ห่างจากถนนประมาณ 100 เมตร เพื่อป้องกันมลภาวะทางอากาศและเสียงที่จะมาพร้อมกับถนนใหญ่และรถไฟฟ้า พื้นที่ส่วนกลางจัดได้ค่อนข้างหลากหลาย มีการแบ่งทางเข้า-ออกแยกจากห้องพักอาศัยชัดเจน เรื่องความสวยงามทางโครงการออกแบบให้โดดเด่น มีลูกเล่นบริเวณ Facade ชั้นจอดรถ ที่ทำให้ตัวอาคารดูหรูหรามากยิ่งขึ้น นอกนั้นจะใช้เส้นตั้งช่วยทำให้คอนโดดูสูงสง่ามากยิ่งขึ้น

การออกแบบห้องพักอาศัย – มีห้องพักอาศัยให้เลือกหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ Studio – 2 Bedroom มีขนาดตั้งแต่ 22.25-50.25 ตร.ม. ส่วนที่เน้นมากที่สุดจะเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.50-29.50 ตร.ม. ที่มีมากถึง 60%ของตัวโครงการ ภายในห้องกั้นเป็นโซนชัดเจนไม่ให้รบกวนพื้นที่ใช้การใช้งานกัน จุดเด่นของห้องนี้คือครัวปิดริมระเบียง ทำให้สามารถถ่ายเทอากาศได้ดี ส่วนห้อง 1 Bedrooms Plus ขนาด 34.50 ตร.ม. จัดวางฟังก์ชันได้น่าสนใจ ลักษณะเป็นห้องหน้ากว้าง ทำให้แสงส่องถึงทุกๆพื้นที่ ห้องนี้ทางโครงการให้ตู้ที่สามารถใส่เครื่องซักผ้ามาให้ ทำให้ไม่ต้องไปรบกวนพื้นที่ระเบียง นอกจากนี้ยังเพิ่มห้องอเนกประสงค์เข้ามา เพื่อเป็นตัวเลือกให้ลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานตามใจชอบ ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลค่ะ

วัสดุ – ตัวโครงสร้างเป็นก่ออิฐฉาบปูน ซึ่งจะอมความร้อนน้อยกว่าโครงสร้าง Pre-cast วัสดุภายในโครงการให้มาค่อนข้างดีทีเดียว โครงการจัดมาให้แบบ Fully Fitted โดยจะให้ชุดครัว Wallpaper เครื่องปรับอากาศ และ ชุดสุขภัณฑ์มาด้วย เริ่มต้นที่ประตูห้องให้มาแบบ Oversize และระบบ Digital Door Lock ภายในห้องมี Home Automation ที่มีการใช้งานเปิด-ปิดผ่านระบบ Smart phone อีกด้วย พื้นจะให้เป็นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. แต่ผนังจะได้ Wallpaper สีเทาอ่อนตามแบบห้องตัวอย่างเลยนะคะ พื้นที่ครัวจะได้ Top เคาน์เตอร์เป็นหินเทียมหนา 12 มม. Hob&Hood ของ Franke หน้าบานตู้เป็นเมาลามีนพร้อม soft-close พื้นครัวเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ง่ายต่อการทำความสะอาด ส่วนห้องน้ำได้สุขภัณฑ์เป็น Cotto ทั้งหมด พื้นและผนังเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ พร้อมกระจกเงาขนาดใหญ่ภายในสามารถทำเป็นตู้เก็บของได้ นอกจากนี้หน้าต่างจะได้บานกระทุ้งทำให้ระบายอากาศภายในได้ดี รวมถึงกระจกแบบ Euro Grey Glass ที่จะสามารถป้องกัน UV ได้ 

สาธารณูปโภค – ถือว่าจัดมาให้เยอะทีเดียว นอกจากจะครบตามมาตรฐานแล้วยังมีมุมอื่นๆที่น่าสนใจอีกด้วยเริ่มต้นที่ชั้น 1 จะมีห้อง Co-working Space และห้อง Meeting Room ที่ลูกบ้านสามารถพาเพิ่อนมานั่งทำงานหรืออ่านหนังสือในบริเวณนี้ได้ ถัดไปที่ชั้น 7 เป็นพื้นที่สวนหย่อม และห้อง Co-Kitchen ให้ลูกบ้านมาจัดปาร์ตี้เล็กๆ ที่ไม่ค่อยได้เห็นในโครงการอื่นๆสักเท่าไหร่ ส่วน Main Facilities ถูกจัดไว้เป็นกลุ่มที่ด้านบนอาคาร ง่ายต่อการจัดการ ข้อดีคือสามารถใช้ Facilities พร้อมชมวิวในมุมสูงของอาคารไปด้วย โดยรวมแล้วถือว่าเป็นการกระจายการใช้งานได้ดีทีเดียว ทำให้ลูกบ้านไม่ต้องไปแย่งพื้นที่กันใช้ ยังไม่หมดเท่านี้ความพิเศษของโครงการนี้คือส่วน Facilities ทุกห้องจะติดตั้งระบบ Fresh Air System ที่สามารถกรองฝุ่นในอากาศได้ถึง 0.3 microns ซึ่งกำลังเป็นปัญหาของคนกรุงเทพในปัจจุบัน พร้อม Wifi ฟรีในพื้นที่ส่วนกลาง

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคา AVG 105,000 บาท/ตร.ม., 20 FEBRUARY 2019

  • ทำเล 7.5/10 – ติดถนนใหญ่กรงเทพ-นนท์ ความอุดมสมบูรณ์ระยะใกล้น้อย แต่มีห้างและตลาดโดยรอบอยู่ไม่ไกล
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ติดถนนใหญ่ ไปเชื่อมออกถนนอื่นได้สะดวก ใกล้จุดกลับรถ ที่จอดรวมซ้อน 43% ถือว่าให้มาไม่มาก
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ห่างสถานีเตาปูน Interchange 500 ม. ติดถนนใหญ่เข้า-ออกง่าย เรียกวินมอเตอร์ไซค์ หาแท็กซี่ง่าย
  • วัสดุ 7.5/10 – ขายแบบ Fully Fitted วัสดุภายในค่อนข้างดี ได้ทั้ง Digital Door Lock และ Home Automation กับราคานี้ถือว่าดีทีเดียว
  • แบบ 8/10 –  จัดแปลนอาคารดี ไปใช้งานส่วนกลางสะดวก ตัวห้องจัดฟังก์ชันลงตัวดี ได้ฝ้าสูง 2.7 ม.
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ให้มาเยอะและหลากหลาย มี Rooftop Facilities ได้วิวมุมสูง

  • UPPER CLASS
  • 7.60 / 10.00

BOTTOM LINE

The Privacy เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ เป็นโครงการใกล้รถไฟฟ้า เหมาะสำหรับคนที่ทำงานอยู่แถวย่านบางซื่อ ประชาชื่น เกียกกาย หรือละแวกใกล้เคียง ใช้รถส่วนตัวได้ ไม่ไกลจากทางด่วน หรือเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าได้ ตัวห้องจัดลงตัว วัสดุดี มีส่วนกลางใช้ใช้หลากหลาย มีงบประมาณประมาณ 1.89 ล้านบาท หรือเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 105,000 บาท/ตร.ม.