รีวิวโครงการ
The Sneak EP.35 – The Origin 2 โครงการใหม่ (ลาดพร้าว 15 / รัชดา-ลาดพร้าว)
10 สิงหาคม 2019
รีวิวฉบับที่ 1912 … มาดูอีกโครงการน้องใหม่ในตระกูล The Origin กันกับ The Origin ลาดพร้าว 15 คอนโด Low Rise ที่ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว15 ห่างจาก MRT ลาดพร้าว ทางออก 3 ประมาณ 600 เมตร ในซอยนี้เราสามารถเดินลัดเข้า บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า ลาดพร้าว ได้แบบสบายๆ โครงการมีส่วนกลางมาให้ใช้ครบครัน ในราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาทค่ะ
Fact @ 23 July 2019
- The Origin Ladprao 15 (ดิ ออริจิ้น ลาดพร้าว 15)
- บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จํากัด (มหาชน)
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : ถนนลาดพร้าว เขตจตุจักร
- ที่ดินประมาณ 1-1-6 ไร่
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 163 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 25 ยูนิตที่ชั้น 4-7
- ที่จอดรถประมาณ 40% รวมจอดซ้อน
- เริ่มก่อสร้าง : Q4 2562
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q1 2564
- 1 Bedroom 24 – 29 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus 35 – 36 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 45.50 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท (Promotion)
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 90,000 บาท/ตร.ม. (ราคาณ.วันเข้าไปรีวิว สอบถามอีกครั้งจากทางโครงการค่ะ)
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 020-300-000
ก่อนจะเข้าไปชมรายละเอียดของโครงการ เราจะขอเกริ่นเกี่ยวกับแบรนด์ของโครงการกันสักเล็กน้อยค่ะ โดย“ดิ ออริจิ้น” (The Origin) เป็นแบรนด์คอนโดน้องใหม่จาก บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่ทำออกมาเจาะตลาดกลุ่มวัยรุ่นที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน (First Jobber) และกลุ่มที่กำลังต้องการซื้อคอนโดมิเนียมเป็นทรัพย์สินอย่างแรก (First Condo Buyer) โดยมีแผนจะเปิดตัวทั้งหมด 6 โครงการ 6 ทำเล ทั่วกรุงเทพฯ เริ่มต้นด้วย The Origin Ram209 Interchange และ The Origin รัชดา – ลาดพร้าว ที่เราเพิ่งมีรีวิวมาให้ชมกัน ต่อมาก็เป็นคิวของ The Origin ลาดพร้าว15 สำหรับโครงการอื่นๆก็จะเปิดตัวตามๆกันมาค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด Google Maps โครงการ : 13.811674, 100.572286
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
พิกัด Google Maps สำนักงานขาย : 13.806278, 100.575481
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
The Origin ลาดพร้าว 15 ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 จากถนนใหญ่เข้าซอยไปประมาณ 450 เมตร โครงการอยู่จะอยู่ทางซ้ายมือ ซอยลาดพร้าว 15 นี้เป็นซอยที่เป็นทางเชื่อมสามารถลัดเลาะถึงกันได้ 3 ทางด้วยกัน คือ ลาดพร้าว ซอย 1 , ลาดพร้าว ซอย 15 และพหลโยธิน 24 ดังนั้นจึงสามารถใช้เส้นทางเชื่อมออกถนนหลักสามเส้นคือ ลาดพร้าว/รัชดาภิเษก/พหลโยธิน ถือว่าเป็นทำเลที่ตอบโจทย์เรื่องการเดินทางด้วยรถยนต์พอสมควรนะคะ ข้อดีของทำเลนี้คือ ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีทางเลือกในการใช้เดินไปยังถนนลาดพร้าวเพื่อเชื่อมต่อไปยังบางกะปิก็ได้ ใช้ถนนพหลโยธินเพื่อไปยังรัชโยธินหรืออนุเสาวรีย์ และใช้ถนนรัชดาภิเษกเพื่อใช้เดินทางไปยังโซนรัชดาภิเษกฝั่งที่มุ่งหน้าไปยังพระราม9 ซึ่งเป็นแหล่งรวมอาคารสำนักงานและศูนย์การค้ามากมายก็ได้ ตัวเลือกที่มีหลากหลายนี้สามารถทำให้เราจัดสรรการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ในช่วงเวลาที่เร่งรีบหรือรถติดได้ค่ะ
สำหรับความอุดมสมบูรณ์ ทำเลนี้ถือว่ามีความเจริญสูง โดยเฉพาะบนถนนลาดพร้าวตอนต้นตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าวมาจนถึงแยกรัชดา-ลาดพร้าว ที่มีทั้งในส่วนอาคารออฟฟิศ โรงเรียน และแหล่ง Shopping อย่างยูเนียนมอลล์ ซึ่งเป็นแหล่งช็อปปิ้งราคาน่าคบหาสำหรับวัยรุ่น วัยทำงานตอนต้นหน่อยๆ และฝั่งตรงข้ามก็มีห้างดังอย่างเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งเป็นห้างขวัญใจของคนในย่านนี้อยู่แล้ว ถัดมาหน่อยบนถนนลาดพร้าวจะมี BigC Extra เรื่องอาหารการกินหลักต้องยกให้ที่ริมถนนหลักลาดพร้าว ที่เป็นแนวอาคารพาณิชย์ มีทั้งร้านขนาดเล็กถึงกลางให้เลือกอยู่พอสมควร มีร้านเจ้าดังอย่างข้าวต้มเป็ดอ้วน ข้าวต้มแป๊ะเม๊ง บ้านหมี่เจ้แดงบ้านโป่ง รวมไปถึงของกินแบบสตรีทฟู๊ดที่ซอยลาดพร้าว 18 ฝั่งตรงข้าม ฯลฯ นอกจากนั้นยังมี “กูร์เมต์ มาร์เก็ต” ซูเปอร์มาร์เก็ตระดับหรูของกินหลากหลาย ที่อยู่ใต้ดินตัวสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าวด้วยจากโครงการเราสามารถเดินไปได้ไม่ไกล พื้นที่สีเขียวในย่านนี้ก็ข้ามไปที่โซนสวนขนาดใหญ่อย่างสวนจตุจักร สวนรถไฟ สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาถึงก็ออกกำลังกายได้เลย ถนนอีกเส้นหนึ่งที่มีความเจริญไม่แพ้กันคือเส้นรัชดาภิเษก ตั้งแต่สี่แยกรัชโยธินที่เป็นที่ตั้งของตึกออฟฟิศ ไล่มาตามถนนเป็นสถานที่ราชการ มายังแยกรัชดา-ลาดพร้าว สวนลุมไนท์บาซาร์รัชดา ถ้าตรงไปเรื่อยก็จะเกาะไปตามแนวรถไฟฟ้าใต้ดินมุ่งหน้าแยกอโศกที่เต็มไปด้วยอาคารสำนักงานและศูนย์การค้าชื่อดังค่ะ
การใช้เส้นทางลัดภายในซอยนั้น ซอยลาดพร้าว 15 สามารถเชื่อมต่อกับลาดพร้าวซอย 1 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Union mall และ MRT พหลโยธินได้ และยังสามารถใช้ทางลัดไปซอยออกไปยังถนนรัชดาภิเษกบริเวณข้างศาลอาญาได้ (ตรงซอยทางออกข้างศาลอาญา ถนนค่อนข้างแคบ แนะนำให้เดินทางโดยใช้วินมอเตอร์ไซค์) นอกจากนี้ ซอยลาดพร้าว1 ยังสามารถเชื่อมไปยังซอยพหลโยธิน 24 เพื่อไปยัง Tesco Lotus ลาดพร้าว โรงเรียนหอวังหรือแยกรัชโยธินได้ ถนนภายในซอยนี้เป็นถนน 2 เลนที่รถสามารถขับสวนกันได้แต่เนื่องจากเส้นทางหักเลี้ยวเยอะ ควรระมัดระวังในการขับรถด้วยนะคะ
การเดินทางโดยรถสาธารณะบริเวณหน้าโครงการจะเงียบๆหน่อย เนื่องจากตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว15 ที่แยกออกมาทางฝั่งขวา ทำเลนี้ค่อนข้างสงบและมีเพื่อนบ้านเป็นบ้านพักอาศัยเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าเดินออกมาอีกหน่อยก็จะเจอกับวินมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ซอยลัดไปไหนมาไหนได้สะดวก ถ้าออกมาหน้าปากซอยจะสามารถเรียกรถได้ครบเลยทั้งแท็กซี่ รถเมลล์และรถไฟฟ้า ปัจจุบันรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการอยู่ที่ใกล้กับโครงการที่สุดคือรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จากโครงการเดินทางไปยัง MRT ลาดพร้าวทางออก3 ระยะทางประมาณ 600 เมตร เป็นระยะทางที่ไม่ไกล ข้อดีเรื่องรถไฟฟ้าของทำเลนี้คือ มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่คาดว่าจะเสร็จสิ้นพร้อมเปิดให้บริการในปี 2563 นี้ มีสถานีห้าแยกลาดพร้าวเเละสถานีพหลโยธิน 24 ที่ใกล้กับตัวโครงการ ถ้าเสร็จจะมีข้อดีคือไม่ต้องเปลี่ยนจากขบวนที่จตุจักรอีกแล้ว และตอนนี้ยังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองลาดพร้าว-สำโรง มีสถานีรัชดาบริเวณแยกรัชดาฯ-ลาดพร้าว ซึ่งจะเป็นจุด Interchange กับ MRT สถานีลาดพร้าวพอดีเรียกได้ว่าทำเลนี้กำลังจะมีตัวเลือกในการเดินทางเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคตค่ะ
ซอยลาดพร้าว15 พอเราเข้าซอยมาจะเจอกับทางแยก ถ้าเราไปทางฝั่งซ้ายจะเป็นทางที่ลัดเข้าไปด้านข้าง Big C ได้ ฝั่งนี้จะค่อนข้างคึกคักมีรถผ่านตลอดเวลา แต่ถ้าไปทางฝั่งขวาจะเป็นโซนบ้านพักอาศัยที่เงียบสงบ โครงการเราจะอยู่ทางฝั่งนี้ เราลองวัดระยะจาก Google จะเห็นว่าจาก MRT ลาดพร้าวทางออก3 ไปถึงโครงการจะมีระยะประมาณ 600 เมตร ซึ่งสามารถเดินได้แบบมีเหงื่อเล็กน้อย ถ้าใครรีบหรือขี้เกียจเดินก็มีพี่วินประจำอยู่หลายจุดค่ะ
การเดินทางวันนี้เราจะเดินจาก MRT ลาดพร้าวทางออก3 เข้าซอยลาดพร้าว15 ไปยังโครงการให้ดูกันนะคะ ว่าจะผ่านอะไรและบรรยากาศในซอยเป็นอย่างไรบ้าง สำหรับสำนักงานขายจะอยู่ในซอยลาดพร้าว23 ที่เดียวกับโครงการ The Origin รัชดา-ลาดพร้าวนะคะ
เรามาเริ่มกันที่ MRT ลาดพร้าวทางออกที่ 3 ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้กับโครงการเรามากที่สุดนะคะ
ก่อนจะเดินไปโครงการกันต่อ เราอยากบอกนิดนึงว่า MRT ลาดพร้าว ชั้นใต้ดินบริเวณทางออก4 จะมี Gourmet Martket ตั้งอยู่ ซึ่งGourmet market นี้เป็น supermarket ที่เราจะเจอตามห้างในเครือ The Mall Group แต่สาขานี้พิเศษคือเปิดที่ชั้นใต้ดินอาคารจอดรถ MRT สถานีลาดพร้าวเลย เวลาให้บริการก็ 7 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม มีทั้งส่วนของ Supermarket ,Food court , ร้านขนมปัง, ร้านกาแฟ เหมาะสำหรับคนที่ใช้รถไฟฟ้า ก่อนไปเรียนหรือทำงานก็หาอะไรทานก่อนได้ หรือตอนเย็นก็ซื้อของใช้ของกินเข้ามาก็สะดวกเลยค่ะ
พอออกมาจากสถานีก็จะเจอกับพี่วินมอเตอร์ไซค์เลย ถ้าใครขี้เกียจเดินก็ใช้บริการพี่เค้าได้นะคะ
แอบส่องอัตราค่าโดยสารกันสักหน่อย จะเห็นว่ามีตัวเลือกค่อนข้างหลากหลายเลยทีเดียว
เดินต่อมาจะเจอร้าน บะหมี่บ้านโป่ง เจ๊แดง ตอนนี้ยังดูไม่ค่อยครึกครื้นเพราะว่าเป็นเวลาบ่าย ร้านนี้ถือเป็นอีกร้านหนึ่งใน Signature ย่านนี้ก็ว่าได้ อันดับแรกทำเลของแกอยู่ติด MRT ประตู 3 นี่แหละ แวะมาทานง่ายมาก
บะหมี่บ้านโป่งเจ้แดง เปิดร้านตั้งแต่บ่าย 3 จนถึง ตี 2 !!! เอาใจสายนอนดึกหรือไปแฮงเอาท์แล้วมาปิดจ็อบที่นี่ เมนูหลักๆในร้านก็ได้แก่ บะหมี่ปู, หมูแดงหมูกรอบ เส้นบะหมี่เค้าไม่เหมือนใครแถมปูยังสดๆอีกด้วย หรือถ้าใครไม่อยากกินบะหมี่ก็มี ข้าวมันไก่ ผัดซีอิ๊ว, ข้าวผัดปู, โกยซีหมี่, ต้มตีนไก่ซุปเปอร์, เกี๊ยวลวกจิ้ม, ต้มยำหม้อไฟ โอยยย เยอะมากจำไม่หมด ตัวเราเองก็เคยมาฝากท้องที่นี้หลายครั้งอยู่ ใครผ่านมาแถวนี้ก็ลองดูนะคะ
ฝั่งตรงข้ามเป็นซอยลาดพร้าวเลขคู่ที่ริมถนนเป็นตึกแถว อาคารพาณิชย์ มีร้านค้า ร้านอาหารอยู่ตลอดทางสามารถเดินข้ามไปหาอะไรทานได้ โดยเฉพาะซอยลาดพร้าว18 ที่ช่วงเช้าและเย็นจะมีร้านมาตั้งแผงขายของกินกันค่อนข้างเยอะในราคามิตรภาพ
เราจะเลี้ยวขวาเข้าซอยลาดพร้าว15 นะคะ
จุดสังเกตคือหน้าปากซอยลาดพร้าว 15 จะมีร้าน The Fat Cow ตั้งอยู่ค่ะ เค้าแฮมเบอร์เกอร์และ Craft Beer ด้วยแต่ยังไม่เคยลองสักทีนะคะ ใครเคยกิน อร่อยมั้ยบอกต่อกันได้นะ ^^
เข้ามาในซอยที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นตึกแถวและบ้านพักอาศัย บรรยากาศเงียบสงบ เป็นถนนที่รถสวนกัน 2 เลน
เดินต่อมาอีกนิดถ้าเห็นแยกนี้ให้เราตรงไปนะคะ ถ้าเราเลี้ยวไปทางซ้ายจะเป็นทางไปเข้าด้านข้างของ Big C ค่ะ
จากนั้นตรงไปเรื่อยๆตามทางเลย ฝั่งนี้จะเป็นซอยลาดพร้าว15 ที่เป็นบ้านพักอาศัยเป็นส่วนใหญ่ บรรยากาศจึงสงบเงียบ
ตรงต่อมาจะเจออีกแยก ให้เราตรงต่อไปนะคะ
ตรงเข้ามาซักระยะบรรยากาศจะสงบกว่าช่วงหน้าปากซอย สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยแนวราบ
ถึงแล้วค่ะโครงการ The Origin ลาดพร้าว 15
The Origin ลาดพร้าว 15 ตั้งอยู่บนที่ดินประมาณ 1-1-6 ไร่ ที่ดินฝั่งที่ติดกับถนนซอยจะโค้งๆหน่อย สังเกตว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบจะเป็นบ้านพักอาศัยทั้งหมดเลยค่ะ มีอพาร์ทเม้นท์แทรกตัวอยู่บ้างแต่ไม่เยอะ เราจะได้บรรยากาศที่สงบจริงๆ อีกทั้งโครงการนี้ก็มีจำนวนยูนิตไม่เยอะด้วยค่ะ (163 ยูนิต) แต่ละฝั่งของโครงการจะติดกับ
- ทิศเหนือ – ติดกับบ้านพักอาศัยแนวราบ
- ทิศตะวันออก – ติดกับซอยลาดพร้าว15 และบ้านพักอาศัยแนวราบ
- ทิศใต้ – ติดกับซอยลาดพร้าว15 และบ้านพักอาศัยแนวราบ
- ทิศตะวันตก – ติดกับบ้านพักอาศัยแนวราบและอพาร์ทเม้นท์
ทิศเหนือ หรือฝั่งด้านหลังโครงการจะเป็นกับบ้านพักอาศัยนะคะ ตอนนี้โครงการล้อมรั้วเรียบร้อยแล้ว เราถ่ายจากด้านหน้าเข้าไปจะเห็นว่าด้านหลังเป็นบ้านแนวราบเป็นส่วนใหญ่ค่ะ
พอเลยส่วนที่ล้อมรั้วไปแล้วก็เป็นบ้านพักอาศัยค่ะ
ฝั่งตรงข้ามโครงการหรือทิศตะวันออกและทิศใต้เป็นบ้านพักอาศัยค่ะ
ที่ดินตั้งอยู่ด้านทางโค้งนี้เลยซึ่งฝั่งตรงข้ามจะเป็นบ้านพักอาศัยไปทั้งแนวค่ะ
ส่วนทิศตะวันตก เป็นบ้านพักอาศัยแนวราบและอพาร์ทเม้นท์ค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น (รวมระยะกลับรถ)
- BigC Extra ∼ 850 m.
- สวนลุมไน้ท์บาซาร์ รัชดาภิเษก ∼ 1.3 km.
- ยูเนี่ยนมอลล์ ∼ 2 km.
- เซ็นทรัลลาดพร้าว ∼ 2.5 km.
- ศาลอาญา ∼ 2.3 km.
- โรงเรียนหอวัง ∼ 2.9 km.
- อาคารซัน ทาวเวอร์ ∼ 2.7 km.
- การบินไทย ∼ 2.7 km.
- Major รัชโยธิน ∼ 3.9 km.
- ตึกช้าง ∼ 3.9 km.
- บางกอก แอร์เวย์ ∼ 4.7 km.
- ธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ SCB Park ∼ 4.7 km.
- มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ∼ 4.8 km.
- ตลาดนัดสวนจัตุจักร ∼ 4.2 km.
- กรมส่งเสริมการส่งออก ∼ 5.6 km.
The Origin ลาดพร้าว 15 เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 163 ยูนิต โครงการนี้ออกแบบในสไตล์ Iconic Black&White ภายใต้แนวคิด “เรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดา” โดยเลือกใช้โทนสี Mono Tone ที่ดูเรียบเท่ห์เพื่อให้เหมาะกับ Lifestyle ของคนรุ่นใหม่ การวางผังของอาคารจะเป็น L-Shape โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นสวนและสระว่ายน้ำ โดยพื้นที่ส่วนกลางจะอยู่ที่ชั้น 2-3 ของอาคาร และมีสวนดาดฟ้าอยู่อีก 1 จุด ชั้น 2-8 จะเป็นห้องพักอาศัยซึ่งมีให้เลือกทั้ง 1 Bedroom ,1 Bedroom Plus และ 2 Bedrooms ส่วนที่จอดรถจะแยกอยู่ชั้นล่างซึ่งจะไม่รบกวนการใช้งานกัน ทำให้เราได้ความเป็นส่วนตัวจากการใช้พื้นที่ส่วนกลาง
พื้นที่ส่วนกลางโครงการนี้จัดมาให้ค่อนข้างหลากหลายนะคะ โดยจะอยู่ที่ชั้น 2 , 3 , 8 และ Roof Top โดยทางโครงการมีการเลือกส่วนกลางที่มีฟังก์ชันที่เหมาะกับคนทำงานและกลุ่ม Freelance เช่น Co-working space ที่มีอุปกรณ์สำนักงานมาให้ , Sharing Service & Smart locker เป็นต้น นอกจากนั้นทางโครงการยังมีบริการทำความสะอาดเข้ามาเสริมให้ โดยเราสามารถเรียกแม่บ้านได้เดือนละ 1 ครั้งตลอด 1 ปีค่ะ
ชั้น 1 เป็นที่จอดรถทั้งหมดเป็นช่องจอดแบบธรรมดา เดินรถแบบทางเดียวจึงไม่ต้องกังวลว่ารถจะขับสวนกันวุ่นวาย รวมๆแล้วจอดแบบซ้อนคันได้ประมาณ 40% พื้นที่รอบๆโครงการจัดเป็นสวนหย่อม พอจอดรถเสร็จแล้วถ้าอยากเข้าอาคารจะมีโถงลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังอื่นๆ ซึ่งต้องใช้คีย์การ์ดในการผ่านเข้าไปเท่านั้นค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางอยู่รวมกับห้องพักอาศัยโดยจะมีการกั้นแบ่งโซนกันชัดเจน คนที่จะเข้าส่วนพักอาศัยต้องใช้คีย์การ์ดถึงจะผ่านเข้าไปได้ อีกทั้งลิฟต์ที่โครงการให้เป็นแบบล็อคชั้น คนนอกจะเดินเนียนๆขึ้นมาไม่ได้นะคะ และด้วยจำนวนยูนิตที่ไม่เยอะมากทำให้มีอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 81 : 1 ถือว่าไม่หนาแน่นค่ะ พื้นที่ส่วนกลางในชั้นนี้จะประกอบด้วย Lobby , Self Storage & Mail Box & Smart Locker สำหรับฝากและส่งของซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับคนที่ทำงานเลิกดึกๆไม่มีเวลารับของกับนิติหรือกลุ่ม Freelance ได้ มีห้องประชุม Co-Working Space ที่มีอุปกรณ์สำนักงานมาให้ และ Co-Passion Studio เอาไว้ถ่ายรูปรีวิวสินค้าต่างๆ และมีบริการ Sharing Service ยืมของใช้ต่างๆจากนิติบุคคลมาอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมให้ มี Laundry อำนวยความสะดวกให้กับคนที่ไม่มีเครื่องซักผ้า ส่วนใครที่อยากออกกำลังกายก็จะมีสระว่ายน้ำพร้อมพื้นที่นั่งพักผ่อนและห้องอาบน้ำ-แต่งตัวมาให้ค่ะ
ห้องพักอาศัยวางผังแบบตัว L มีลิฟต์อยู่ตรงกลางทำให้เราสามารถเดินกระจายออกไปได้ทั้ง 2 ฝั่งในระยะที่เท่าๆกันได้ เนื่องจากมีส่วนกลางอยู่ในชั้นนี้ด้วยจึงทำให้ห้อง 1 Bedroom ประมาณ 24-25 ตารางเมตรได้โถงทางเดินแบบ single corridor ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและมีห้อง 1 Bedroomทางฝั่งทิศใต้ที่มองออกมาจากระเบียงเห็นสวนและสระว่ายน้ำเลย ถือเป็นห้องวิวดีของ Low Rise แลกกับอาจจะได้ยินเสียงคนใช้พื้นที่ส่วนกลางนิดหน่อย ส่วนห้องที่อยู่ตามมุมจะเป็นห้องขนาดใหญ่ 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroomค่ะ
มุมนี้คือบรรยากาศของ Lobby และ Co-Working Space ที่มีฝ้าเพดานสูงโปร่งโล่ง มีผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกเห็นวิวสระว่ายน้ำและสวนหย่อมได้ ในนี้ทางโครงการจะมีวางอุปกรณ์สำนักงานมาให้ด้วยนะคะ
ส่วน Lobby ก็จัดที่นั่งมาให้แบบสบาย ๆ พื้นที่บริเวณนี้จะอยู่ต่อเนื่องกับ Co-Working Space เลย
ชั้นนี้จะมีสระว่ายน้ำระบบเกลือด้วย ซึ่งจะอยู่เชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนกลางหลักเลยค่ะ
ชั้น 3 จะมีพื้นที่ส่วนกลางคือฟิตเนสและห้อง Gadget Room หรือ ห้องสำหรับฟังเพลง ดูหนัง โดยคนที่จะมาใช้พื้นที่ส่วนกลางจะต้องเดินขึ้นมาจากชั้น 2 คนที่อยู่ชั้น 3 ไม่สามารถเดินเข้ามาได้นะคะเพราะมีผนังกั้นไว้ ทำให้ชั้นนี้ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนยูนิตที่น้อยกว่าชั้น Typical และไม่มีพื้นที่ส่วนกลางมาปะปน โดยการจัดผังต่างๆจะคล้ายกับชั้น 2 ค่ะ
คนที่เลือกห้องฝั่งด้านในโครงการจะเห็นวิวเป็นพื้นที่ส่วนกลางคือสวนหย่อมและสระว่ายน้ำนะคะ
ห้องฟิตเนสมีอุปกรณ์มาให้ครบครัน ผนังด้านหนึ่งถูกออกแบบเป็นหน้าต่างมองออกไปเห็นวิวด้านนอก ซึ่งเครื่องออกกำลังกายที่เลือกมาตั้งตรงนี้คือพวกลู่วิ่งเวลาออกกำลังกายไปก็จะเห็นวิวไปด้วย ส่วนอีกฝั่งเป็นกระจกเงาเอาไว้สำรวจและจัดท่าทางเวลาออกกำลังกายและช่วยให้ห้องมีความกว้างมากขึ้นอีกด้วย โทนสีที่ให้ออกแบบห้องนี้จะมาในโทนขาว-ดำเท่ๆค่ะ
อีกห้องที่ชื่อแปลกๆคือ Gadget Room หรือ ห้องสำหรับดูหนัง ฟังเพลง ภายในห้องแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนๆ เป็นสัดส่วนดี เราชอบโซนที่เป็นเหมือนซุ้มเรียงกัน 3 อันให้เข้าไปนั่งพักผ่อนกันได้
การจัดผังในชั้น 4-7 จะคล้ายๆกันกับผังชั้น 2-3 เลยค่ะ โดยจะมีแค่ห้องพักอาศัยอย่างเดียว ไม่มีพื้นที่ส่วนกลางมาปะปน จำนวนห้องพักจะอยู่ที่ 25 ยูนิตต่อชั้น ห้องพักส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 1 Bedroom ฝั่งที่หันออกด้านนอกจะเป็นห้องเล็ก ส่วนฝั่งด้านในของชั้นนี้จะมีห้องเพิ่มขึ้นมาแทนตำแหน่งของพื้นที่ส่วนกลางคือห้องแบบ 1 Bedroom ส่วนห้อง 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom ถูกจัดให้อยู่บริเวณมุมของอาคารค่ะ
สำหรับชั้น 8 การวางผังห้องพักเหมือนเดิมแต่มีบางห้องหายไปแทนที่ด้วย พื้นที่ Semi-Outdoor ที่เราออกมาใช้นั่งเล่นพักผ่อนได้ค่ะ
ชั้นดาดฟ้าจะมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่อีกจุดหนึ่งนั่นก็คือสวนหย่อมให้เราขึ้นมานั่งเล่นพักผ่อนรับลมได้ ทางโครงการได้มีลูกเล่นโดยการใส่ฟังก์ชัน Outdoor Charger มาให้ เราสามารถเอามือถือขึ้นมาชาร์จแบตได้ด้วยค่ะ
พื้นที่พักผ่อนแบบ Semi-Outdoor ชั้น 8 ที่สามารถเดินเชื่อมขึ้นไปยังสวนดาดฟ้าได้ จะเห็นว่าทางโครงการเลือกใช้ราวกันตกเป็นกระจกเพื่อเปิดให้คนที่มาใช้งานได้รับวิวได้มากขึ้นค่ะ
บรรยากาศของสวนดาดฟ้าที่เป็นสวนเล่นระดับ มีที่นั่งให้ขึ้นมาพักผ่อน และมี Outdoor Charger ให้เราสามารถเอามือถือขึ้นมาชาร์จแบตได้ด้วยค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- ชั้น 2
- Lobby Hall
- Self Storage
- Mail Box & Smart Locker
- Sharing Service
- Laundry
- Meeting Room
- Co-Passion Studio, Co-Working Space
- Swimming Pool
- Fitness
- Gadget Room
- Pocket Garden
- Rooftop Garden
ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมในวันนี้คือ 1 Bedroom 26.50 ตารางเมตร โดยโครงการนี้ขายแบบ Fully Fitted + เฟอร์นิเจอร์ Built-in บางชิ้นเช่น ตู้เสื้อผ้า ตู้รองเท้า ฐานเตียงค่ะ
1 Bedroom 26.50 ตารางเมตร เริ่มต้นจากทางเข้าห้องมาเป็น Common Area ที่วางชุดโซฟาและโต๊ะทานข้าวได้กำลังพอดี ไม่เล็กมากไป ส่วนห้องนอนจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามายัง Common Area ได้ แต่ถ้าใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นต้องปิดม่านเอานะ ภายในห้องนอนได้ขนาดกำลังดี วางตู้เสื้อผ้าและเตียงขนาด 5 ฟุตได้ ส่วนครัวได้แบบครัวปิด ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารเพราะประตูจะสามารถกันกลิ่นได้พอสมควร และครัวยังเชื่อมต่อกับระเบียง สามารถเปิดประตูระบายอากาศหรือออกไปซักล้างได้สะดวก สุดท้ายคือบริเวณหน้าห้องน้ำมีจัดโต๊ะเครื่องแป้งไว้ให้นั่งแต่งหน้าแต่งตัวได้ค่ะ
นอกจากรายการวัสดุมาตรฐานและเฟอร์นิเจอร์บางรายการแล้ว ทางโครงการยังมี Home Automation ซึ่งสามารถควบคุมการเปิด-ปิดไฟ แอร์ Smart Mirror ผ่านทาง Application ในมือถือมาให้ทุกห้องอีกด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกบ้าน
นอกจากนั้นยังมีบริการอื่นๆตามนี้เลยค่ะ
โครงการนี้มี Digital Door Lock มาให้ทุกห้องนะคะ ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งการตั้งรหัส คีย์การ์ด กุญแจ รวมถึงสามารถตั้งอายุการใช้งานของรหัสได้ด้วยค่ะ
เข้ามาภายในห้องจะเป็นส่วน Common Area ก่อนนะคะ โดยพื้นที่นี้เชื่อมทั้งพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารเลย ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องนอนซึ่งกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกสูงถึงฝ้า ทำให้บรรยากาศบริเวณนี้ไม่มืดทึบ มีความโปร่งโล่ง ส่วนระยะของทีวีห้องนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2 ม. ถือว่ามีระยะพอสมควรนะคะ เลือกทีวีขนาดใหญ่ 40″-42″ จะกำลังดีกับระยะสายตา ฝ้าเพดานห้องนี้จะสูง 2.5 ม. ส่วนพื้นเป็นไม้ลามิเนตค่ะ
มุมมองกลับไปทางฝั่งหน้าห้องนะคะ จะเห็นว่าพื้นที่ Common Area ค่อนกว้างขวางทีเดียว ฝ้าได้เป็นแบบฉาบเรียบนะคะ ไม่ได้มีหลืบไฟตกแต่งแบบนี้
บริเวณหน้าห้องเราจะได้ตู้รองเท้ามาแบบนี้ ถือเป็นฟังก์ชันที่ดีเหมาะกับการอยู่อาศัยในคอนโดนะคะ เพราะช่วยให้เราไม่ต้องวางรองเท้าเกะกะได้ และชั้นด้านบนยังใช้เก็บของเล็กๆน้อยๆได้อีก
ตรงกลางมีทำตะขอสำหรับแขวนกุญแจด้วยค่ะ เป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่น่ารักดี
ด้านล่างมีช่องสำหรับระบายอากาศซึ่งช่วยทำให้ในตู้ไม่เหม็นอับค่ะ
พื้นที่นั่งเล่นจะเชื่อมต่อกับห้องนอนเลย กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ในห้องตัวอย่างวางเป็นโซฟายาวเลย ซึ่งเราสามารถลดขนาดโซฟาลงแล้วหาโต๊ะทานข้าวมาวางเพิ่มได้นะ
ถัดไปเป็นส่วนห้องนอนนะคะ ห้องนี้จะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 3 ตอน ทำให้เปิดประตูได้กว้างมากขึ้น
เข้ามาในห้องนอนกันต่อนะคะ ฟังก์ชันหลักๆของห้องนี้คือตู้เสื้อผ้าและเตียงนอน สามารถวางเตียงได้แบบ Queen Size พร้อมมีหน้าต่างบานใหญ่ที่ผนังด้านข้างเอาไว้เปิดรับแสงธรรมชาติ
ตู้เสื้อผ้าเราได้แบบนี้เลยค่ะ ด้านในแบ่งฟังก์ชันออกเป็นชั้นวางของ ราวแขวนชุดสั้น ชุดเดรสยาว พื้นที่เก็บของชิ้นใหญ่ด้านบน
เตียงเราได้แต่ฐานนะคะ ไม่รวมฟูกและของตกแต่ง ตำแหน่งของเตียงจะอยู่ด้านข้างหน้าต่าง นอนชมวิวได้สบายๆเลย
ฐานเตียงมีการทำลิ้นชักมาให้ ใช้เก็บของเล็กๆน้อยๆได้อีกด้วย ถือเป็นการเพิ่มฟังก์ชันในกับเฟอร์นิเจอร์ของเราค่ะ
ด้านข้างเตียงทางฝั่งซ้ายจะติดกับตู้เสื้อผ้าเลย ส่วนฝั่งขวาจะมีระยะพอให้ผ้าม่านพาดผ่าน ซึ่งถ้าใครอยากวางของก็สามารถทำ Low wall ที่ผนังด้านหลังเอาไว้สำหรับวางของได้
ปลายเตียงพอดีๆกับพื้นที่เลยค่ะ ถ้าอยากติดทีวีจะต้องแขวนเอานะคะ
ผนังข้างเตียงเป็นหน้าต่างขนาดใหญ่ สามารถรับแสงเข้ามาได้เต็มๆช่วยทำให้ห้องสว่างมากขึ้น แต่ถ้าเวลาไหนที่เราอยากจะนอนหรือภายนอกมีแสงสว่างมากเกินไปก็สามารถหาม่านมาปิดเพิ่มเอาได้
สำหรับแอร์จะได้ของ Daikin นะคะ จำนวน BTU ขึ้นอยู่กับขนาดห้องค่ะ
สำหรับปลั๊กเป็นของ Panasonic ซึ่งในห้องนอนและห้องน้ำจะมีหัวชาร์จแบบ USB มาให้ด้วย
ระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำจะมีพื้นที่แต่งตัว มุมนี้จริงๆ เป็นมุมที่ดีนะที่ทางโครงการจัดฟังก์ชันมาให้ ทำให้เราสามารถใช้พื้นที่ใช้สอยภายในได้คุ้มค่ามากขึ้น
สำหรับตู้นี้ในห้องตัวอย่าง Built-in ให้ดูเป็นไอเดียค่ะ ซึ่งถ้าใครชอบแบบนี้ก็สามารถทำตามกันได้ ฟังก์ชันสามารถใช้ได้ทั้งเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะทำงานและพื้นที่เก็บของ การใช้งานค่อนข้างอเนกประสงค์ประมาณนึง ถ้าติดตั้งกระจกเงาเพิ่ม เวลาอาบน้ำเสร็จก็ออกมานั่งแต่งตัวได้สะดวกเลยค่ะ
ด้านบนเป็นตู้ส่วนด้านล่างมีลิ้นชักสามารถเอาไว้เก็บของใช้ได้ค่ะ
ถัดมาที่ห้องครัว ส่วนนี้ก็กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 3 ตอน ทำให้เปิดประตูได้กว้างมากขึ้นได้
ครัวในห้องนี้เป็นครัวปิด เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารอีกทั้งยังสามารถเปิดประตูเชื่อมต่อกับระเบียงได้อีกด้วย ทางโครงการให้เคาน์เตอร์ครัวมาแบบนี้เลย พื้นห้องครัวปรับให้เป็นแกรนิตโต้แทน เพื่อจะได้ทำความสะอาดและดูแลรักษาได้ดีมากขึ้น
เคาน์เตอร์ครัวเราได้ตามนี้เลย หน้าบานกรุด้วยลามิเนต Top เป็นหินสังเคราะห์ พร้อมอุปกรณ์ต่างๆและ Soft Close
อ่างล้างจานได้เป็นแบบหลุมเดียวของ Hafele ดีไซน์มาให้วางอยู่ด้านล่าง Top
เตาไฟฟ้าก็เป็นของ Hafele เช่นเดียวกัน แบบ 2 หัวซึ่งเหมาะกับการใช้งานในห้องแบบ 1 Bedroom
เครื่องดูดควันได้เป็นแบบหมุนเวียนของ Hafele
ส่วนตู้ด้านบนหน้าบานเป็นกระจก เปิดออกมาเก็บของได้พอสมควรเลย
ถัดจากครัวไปเป็นระเบียงที่เน้นการใช้งานเป็นพื้นที่ซักล้างมากกว่า
ระเบียงนี้จะเป็นพื้นที่สำหรับวาง Condensing Unit ของแอร์ซึ่งหันเป่ามาด้านข้าง เราสามารถหา Grill มาติดเพื่อเปลี่ยนทิศทางลมได้นะ ส่วนด้านล่างเป็นเครื่องซักผ้าค่ะ
ระเบียงมีขนาดประมาณ 0.95 x 1.50 เมตร ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค
พร้อมมีไฟส่องสว่างมาให้ด้วยค่ะ
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้องน้ำ ห้องจริงเราจะได้ประตูมาด้วยนะคะ
ภายในห้องน้ำแบ่งออกเป็นส่วนแห้งส่วนเปียกเป็นสัดส่วน กั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย สุขภัณฑ์และกระเบื้องที่กรุตามพื้นและผนังได้ตามนี้เลยค่ะ
ด้านล่างอ่างล้างหน้าจะมีตู้ที่เปิดออกมาเก็บของเล็กๆน้อยๆได้
ส่วนโถสุขภัณฑ์เป็นของ Hafele นะคะ
ใกล้ๆกับอ่างล้างหน้าทางโครงการทำปลั๊กมาให้สำหรับใครที่อยากจะไดร์ผมก็สะดวกเลย แถมยังมีที่ชาร์จแบบ USB มาให้ด้วยค่ะ
พื้นที่อาบน้ำหรือส่วนเปียกที่กั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำเป็นสัดส่วน ที่ผนังทำเป็นช่องเอาไว้วางของได้ด้วยซึ่งสะดวกมากๆ เราไม่ต้องหาชั้นวางสบู่มาเพิ่มค่ะ
ซูมให้ดูพื้นที่เก็บของค่ะ วางได้เยอะพอสมควรเลย
พื้นที่อาบน้ำจะมีขนาด 0.80 x 1.00 เมตรถือว่าใหญ่กว่ามาตรฐานนะคะ ยืนอาบได้สบายๆ
ฝักบัวจะได้เป็นของ American Standard นะคะ
ระหว่างพื้นห้องครัวมาห้องน้ำจะมีการลดระดับ และ ระหว่างส่วนแห้งกับส่วนเปียกจะมีการก่อธรณีเพื่อแยกการใช้งานให้เป็นสัดส่วนนะคะ
The Origin ลาดพร้าว15
สำหรับแปลนของ The Origin ลาดพร้าว15 ทั้งหมดสามารถคลิกและ Slide ดูได้ที่นี่ค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 23 July 2019
- ราคาห้องพัก – รอข้อมูล Update จากทางโครงการ
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.50 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง n/a บาท
- ทำสัญญา n/a บาท
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง n/a บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเล : The Origin ลาดพร้าว 15 ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 เข้าไปประมาณ 450 เมตร ถือเป็นทำเลลาดพร้าวตอนต้นที่ยังไม่ข้ามแยกรัชดา-ลาดพร้าว ซึ่งข้อดีของมันคือรถไม่ติดเท่าฝั่งที่มุ่งหน้าไปทางบางกะปิและมีซอยลัดให้ใช้หลายซอยอยู่ อย่างฝั่งเลขคี่จะเน้นลัดไปพหลโยธิน รัชดาภิเษก ส่วนฝั่งเลขคู่จะลัดไปวิภาวดีรังสิตเป็นต้น ทำเลนี้ถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์สูงมากๆ มีครบครันทั้งแหล่งช้อปปิ้งอย่างยูเนียนมอลล์ และเซ็นทรัลลาดพร้าว นอกจากนั้นยังมี BigC Extra กูร์เมต์ มาร์เก็ต และร้านอาหารเจ้าดังริมถนนลาดพร้าว ใกล้โรงเรียน และอาคารสำนักงานที่อยู่บนเส้นวิภาวดีรังสิต รัชดาภิเษกและรัชโยธิน ไม่ไกลจากพื้นที่สีเขียวในย่านนี้ก็ข้ามไปที่โซนสวนขนาดใหญ่อย่างสวนจตุจักร สวนรถไฟ สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาถึงก็ออกกำลังกายได้เลย ถนนอีกเส้นหนึ่งที่มีความเจริญไม่แพ้กันคือเส้นรัชดาภิเษก ตั้งแต่สี่แยกรัชโยธินที่เป็นที่ตั้งของตึกออฟฟิศ ไล่มาตามถนนเป็นสถานที่ราชการ มายังแยกรัชดา-ลาดพร้าว สวนลุมไนท์บาซาร์รัชดา อีกทั้งเป็นทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้าทั้ง MRT ลาดพร้าวและรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (อนาคต)
การเดินทางโดยใช้รถ : ซอยลาดพร้าว 15 นี้เป็นซอยที่เป็นทางเชื่อมสามารถลัดเลาะถึงกันได้ 3 ทางด้วยกัน คือ ลาดพร้าว ซอย 1 , ลาดพร้าว ซอย 15 และพหลโยธิน 24 การใช้เส้นทางลัดภายในซอยนั้น ซอยลาดพร้าว 15 สามารถเชื่อมต่อกับลาดพร้าวซอย 1 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Union mall และ MRT พหลโยธินได้ และยังสามารถใช้ทางลัดไปซอยออกไปยังถนนรัชดาภิเษกบริเวณข้างศาลอาญาได้ นอกจากนี้ ซอยลาดพร้าว1 ยังสามารถเชื่อมไปยังซอยพหลโยธิน 24 เพื่อไปยัง Tesco Lotus ลาดพร้าว โรงเรียนหอวังหรือแยกรัชโยธินได้
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : โครงการนี้ต้องเดินออกมาต่อรถหน่อย ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งวินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ สำหรับรถไฟฟ้าปัจจุบันมี MRT สถานีลาดพร้าวที่ห่างจากโครงการประมาณ 600 เมตร (ทางออก3) ถ้านั่งต่อไปอีก 1 สถานีจะเป็นสถานีพหลโยธินที่ในอนาคตสามารถไป interchange กับสถานีห้าแยกลาดพร้าว รถไฟฟ้าสายสีเขียวได้ และยังมีสถานีรัชดารถไฟฟ้าสายสีเหลืองลาดพร้าว-สำโรง ที่สามารถ Interchange กับ MRT สถานีลาดพร้าวได้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางค่ะ
วัสดุ : ให้มาค่อนข้างดี ขายแบบ Fully Fitted + เฟอร์นิเจอร์ Built-in บางชิ้น อย่างห้อง Smart Closet จะได้ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่เต็มๆเลย จุดที่คิดว่าค่อนข้างดีคือ เคาน์เตอร์ครัว Top หินสังเคราะห์ อุปกรณ์ครัวและสุขภัณฑ์ของ Hafele และการให้เทคโนโลยีต่างๆ เช่น ระบบ Home Automation ที่ชาร์จมือถือ แบบ wifi , Smart Mirror ในห้องน้ำเป็นต้น
การออกแบบ : โครงการนี้ถือว่าทำออกมาได้ดี ออกแบบภายใต้แนวคิด “เรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดา” โดยเลือกใช้โทนสี Mono Tone ที่ดูเรียบเท่ห์เพื่อให้เหมาะกับ Lifestyle ของคนรุ่นใหม่ การวางผังของอาคารจะเป็น L-Shape โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นสวนและสระว่ายน้ำ ชอบการจัดพื้นที่ส่วนกลางแยกออกมาจากห้องพัก กั้นส่วนชัดเจน มีการจัดผังทำให้ห้องพักมีความเป็นส่วนตัว
สาธารณูปโภค : พื้นที่ส่วนกลางให้มาค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต อยู่ที่ชั้น 2-3 ของอาคาร และมีสวนดาดฟ้าอยู่อีก 1 จุด ส่วนกลางของที่นี่จะมีฟังก์ชันที่เหมาะกับคนทำงานและกลุ่ม Freelance เช่น Co-working space ที่มีอุปกรณ์สำนักงานมาให้ , Sharing Service & Smart locker และ Studio สำหรับถ่ายภาพสินค้า เป็นต้น นอกจากนั้นทางโครงการยังจัดบริการแม่บ้านเข้ามาเสริมให้ซึ่งใช้ได้ 1 ครั้งในระยะเวลา 1 ปีค่ะ ส่วนพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆก็มีให้ใช้ครบไม่ว่าจะเป็น Lobby ฟิตเนส สระว่ายน้ำ สวนหย่อมค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 90,000 – 120,000 บาท/ตร.ม., 23 July 2019
- ทำเล 7.5/10 – อยู่ในซอยลาดพร้าว 15 ห่าง MRT ลาดพร้าวประมาณ 600 เมตร
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – สะดวกสามารถใช้ซอยลัด เข้า-ออกได้หลายเส้นทาง ที่จอดรถ 40%
- ไม่ใช้รถ 7/10 – ต้องเดินออกมาเรียกวินมอเตอร์ไซค์หรือแท็กซี่ ไป MRT ต้องต่อรถ
- วัสดุ 7.5/10 – ให้มาค่อนข้างดี โครงการขายแบบ Fully Fitted + Home Automation
- แบบ 7.75/10 – ออกแบบค่อนข้างดีทั้งตัวอาคารและห้องพัก
- สาธารณูปโภค 8/10 – ให้มาหลากหลายถือว่าเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต
- UPPER CLASS
- 7.53 / 10.00
BOTTOM LINE
The Origin ลาดพร้าว 15 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดราคาหยิบจับง่ายในย่านรัชดา-ลาดพร้าว อาจจะเป็นคนที่ทำงานในย่านนี้ หรือมีความชื่นชอบทำเลที่อุดมสมบูรณ์ มีรถไฟฟ้าและมีเส้นทางลัดทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางที่หลากหลาย ชอบความเป็นส่วนตัว มีงบประมาณ 1.79-4 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 13,000-28,000 บาท/เดือน
#เปิดจองครั้งแรก 31 ส.ค. นี้
พร้อมรับ Gift Voucher ใช้เป็นส่วนลดสูงสุด 300,000 .-* สำหรับเข้าจองในงาน!
ได้แล้ววันนี้ที่สำนักงานขาย https://bit.ly/2SCZrNm
“THE ORIGIN’’ 2 โครงการใหม่ทำเล “รัชดา- ลาดพร้าว” ย่านไลฟ์สไตล์สุดฮิป ใกล้จุดตัด New Interchange #สายสีน้ำเงิน #สายสีเหลือง
- ดิ ออริจิ้น ลาดพร้าว 15 l 600 ม. จากสถานี MRT ลาดพร้าว มีความเป็นส่วนสูงเพียง 163 ยูนิต เริ่ม 1.79 ลบ.*
- ดิ ออริจิ้น รัชดา-ลาดพร้าว l 25 ม. จากสถานี MRT รัชดา (สายสีเหลือง) จุดตัด New Interchange รถไฟฟ้า 2 สาย เริ่ม 2.29 ลบ.*
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษก่อนใคร! คลิก https://bit.ly/2Ysapf2
#TheOrigin #จัดจ้านย่านรัชดา #จัดจ้านย่านลาดพร้าว #จัดจ้านย่านอินเตอร์เชนจ์ #สู้ๆนะ #ใช้ชีวิตอย่างที่เชื่อ #LiveYourValue #EmphathyDesignthinking
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving