รีวิวฉบับที่ 1062 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการ The Nest สุขุมวิท 22 เป็นโครงการ Low rise จำนวน 2 อาคาร รวม 316 ยูนิตบนซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ข้างๆกับร้านอาหารเรือนมัลลิกา โดยเป็นทำเลที่เข้าได้จากทั้งซอยไผ่สิงโต, ซอยสุขุมวิท 16, 22, 24, 26 หรือจากซอยอรรถกวีที่ติดกับถนนพระรามสี่ ยูนิตมีให้เลือกหลากหลายและมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ที่ชั้น 1 แบบ outdoor
Facts @ 21 April 2016
- The Nest Sukhumvit 22 (เดอะ เนสท์ สุขุมวิท 22)
- The nest property company limited (PM group company)
- HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : คลองเตย
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 316 ยูนิต แบ่งเป็นอาคาร A จำนวน 210 ยูนิตและอาคาร B จำนวน 106 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด : 31 ยูนิต
- ที่จอดรถ : ประมาณ 105 คันคิดเป็น 33% (ไม่รวมซ้อนคัน)
- ที่ดิน : ประมาณ 2-2-63.9ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : Q1 ปี 2559
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : เดือนธันวาคม ปี 2560
- Studio 24 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท (ห้องโปรโมชั่น)
- 1 Bedroom 28.5-33 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.5 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 41-56.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 5.5 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท (ห้องโปรโมชั่น)
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 125,500 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 120,000 – 138,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 092-354- 9955
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.724949, 100.563278
แผนที่โครงการ คอนโด The Nest สุขุมวิท 22 อยู่ในซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ ซึ่งเป็นซอยที่ตัดผ่านตั้งแต่ซอยสุขุมวิท 16 ไปจนถึงซอยอรรถกวี ห่างจาก MRT ศูนย์สิริกิติ์ ทางออกที่ 4 ระยะเดิน 500 เมตรผ่านซอยไผ่สิงโต
โครงการคอนโด The Nest สุขุมวิท22 ตั้งอยู่บนซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ ซึ่งเป็นซอยที่คนที่ใช้เส้นทางแถวพร้อมพงษ์ พระรามสี่และรัชดารู้กันว่าเป็นซอยลัดในที่สามารถเลาะตั้งแต่ซอยสุขุมวิท 16 ไปจนถึงซอยอรรถกวีซึ่งช่วยให้ไม่ต้องไปติดบนถนนสุขุมวิทหรือพระรามสี่ ที่ถ้าใครผ่านไปมาบ่อยๆช่วงเช้าและตั้งแต่หกโมงเย็นไปที่ไม่ขยับกันเลย ด้วยความสามารถการลัดของซอยทำให้ซอยเศรษฐีทวีทรัพย์มีความพลุกพล่านสูง แต่รถวิ่งไม่เร็วเพราะเป็นซอยเล็ก แต่ภายในซอยก็ไม่ได้มีความเจริญมาก กลับกลายเป็นทางผ่านที่สองข้างทางเป็นอาคารพาณิชย์สูงไม่เกิน 5 ชั้นที่ปลูกสร้างมานานแล้วซะมากกว่า
จากระยะเดินภายในซอยมาสู่วงกว้างของทำเล ซึ่งด้วยตัวทำเลลากรัศมีออกมาประมาณ 2 กิโลเมตร ความอุดมสมบูรณ์ภายในพื้นที่สูงมากๆ ทั้งศูนย์การค้าอย่าง Emporium Emquartier Terminal21 และสำนักงานออฟฟิสต่างๆตรงแยกอโศกที่มีพื้นที่ด้านหลังต่อกับซอยสุขุมวิท 16 ทำให้ซอย 16 มีร้านอาหารเยอะมากๆรวมถึงคอนโด Low rise ด้วย แต่ภายในทำเลนี้คอนโดระดับบนราคาสูงจะอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 24 ที่มีคอนโดเรียงตั้งแต่หน้าซอยฝั่งสุขุมวิทเข้ามา มีพื้นที่ Retail รองรับทั้ง 24 avenue และร้านกาแฟต่างๆ คอนโดแพงน้อยลงมาหน่อยจะอยู่บนซอยสุขุมวิท 22 นอกจากนั้นก็ยังมีสวนสาธารณะเบญจกิตติที่ศูนย์สิริกิติ์ สวนเบญจสิริ สวนลุมในระยะไม่ไกลมาก ส่วนการขึ้นลงทางด่วน ถ้ามาจากฝั่งเหนือก็จะต้องลงทางลงเพลินจิตใต้ข้างๆกับโรงงานยาสูบแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระรามสี่เพื่อผ่านแยกพระรามสี่ ส่วนการขึ้นทางด่วนก็อยู่บนถนนพระรามสี่เช่นเดียวกันตรงคลองเตย
การเดินทางด้วยขนส่งมวลชนอย่าง MRT หรือ BTS นั้นอยู่ในรัศมีที่ไม่ไกล แต่สภาพแวดล้อมไม่ค่อยน่าเดินมากเท่าไรนัก โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ MRT ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทางออก 4 โดยจะมีทางเดินมาตัดที่ซอยไผ่สิงโตพอดี เดินๆตามทางไปเรื่อยถึงโครงการในระยะ 500 เมตร แต่สภาพซอยคือไม่มีทางเดินเท้า มีรถวิ่งตลอด และคดเคี้ยว โดยอีกวีธีคือใช้บริการพี่วินที่อยู่หน้าสถานีเลย หรือถ้าเป็นคนใช้เส้น BTS สถานีที่ใกล้คือ BTS พร้อมพงษ์ หรือว่าจะไปที่ BTS อโศกที่ต่อกับ MRT สุขุมวิท เลยก็ได้
แต่ถ้าเป็นคนทำงานแถวถนนรัชดาใกล้ๆแยกอโศกสามารถวานพี่วินไปถึงภายใน 10 นาทีได้เหมือนกัน แต่ถ้าจะเรียกแท๊กซี่อาจจะยากหน่อยเพราะไม่ใช่เส้นทางหลัก น่าจะต้องเดินมาที่ซอยสุขุมวิท 22 หรือ 24 จะเยอะกว่ารวมถึงรถตู้และรถเมล์ที่จะมีบนถนนพระรามสี่และสุขุมวิทตลอดทั้งเส้น
เส้นทางแรกที่เราจะพากันวันนี้คือเส้นทางเดินจาก MRT ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทางออกที่ 4 โดยเดินเข้าซอยไผ่สิงโต แล้วเดินตามทางเลี้ยวๆคดๆไปจนถึงแยกที่มีซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ทางขวามือ โดยช่วงประมาณ 20 เมตรจะเป็น one-way เดินเลี้ยวขวาเข้าซอยตรงมาถึงช่วง two-way ปกติอีกหน่อย ที่ดินโครงการจะอยู่ทางซ้ายมือข้างๆกับร้านอาหารเรือนมัลลิกา
เริ่มต้นการเดินทางกันที่ MRT ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทางออกที่ 4 เดินขึ้นบันไดเลื่อนมาสัมผัสความร้อนของกรุงเทพกันค่ะ
หันมองมาทางขวาจะเจอกับร้านรถเข็นขายขนมและเครื่องดื่ม ข้างๆกันจะมีพี่วินคอยให้บริการอยู่จุดแรกด้วย
บนทางออก 4 ของสถานีถ้าเดินมาตรงถนนใหญ่จะเป็นฝั่งตรงข้ามของตัว Hall ของศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์พอดี เป็นฝั่งถนนรัชดาภิเษกแยกอโศกมุ่งหน้าแยกพระรามสี่ ตรงกลางมีเลนสะพานข้ามแยกไปทางพระราม 3 จำนวน 2 เลน
เดินตามทางมาที่ข้างสถานีจะเจอกับป้ายรถเมล์
เดินเลียบทางเท้ามาอีกจะเจอกับทางเดินแยก 2 ทาง ทางขวาคือเดินตรงไปจะเป็นพื้นที่จอดรถของ MRT ที่เรียกว่า park and ride หรือจอดแล้วจร แต่ฝั่งนี้จะเป็นฝั่งที่เป็นสมาชิกรายเดือนจอดกลางแดด ส่วนถ้าเดินไปทางซ้ายจะไปทะลุซอยไผ่สิงโต
เดินตามพี่เสื้อส้มไปเลยค่ะ จะเจอกับบันไดไม่กี่ขั้นก่อนจะไปถึงซอยไผ่สิงโต
หันไปทางขวาจะเป็นฝั่งต้นซอยไผ่สิงโตที่เข้าได้จากถนนพระรามสี่ อาคารที่เห็นแหลมๆคืออาคารสำนักงานให้เช่า FYI center ที่พึ่งจะเปิดผ้าคลุมเก็บรายละเอียดขั้นสุดท้ายที่แปลงมุมถนนพระรามสี่พอดี ซึ่งถือว่าเป็นอาคารสำนักงาน grade A
หันมาทางซ้ายจะเจอกับพี่วินอีกจุดหนึ่งรอให้บริการ จากจุดนี้ถึงโครงการจะอยู่ที่ 500 เมตร มองผ่านๆเลยค่ะจะเห็นว่าไม่มีทางเท้าฝั่งซ้ายมือตั้งแต่ตรงนี้เป็นต้นไป ใครจะเดินเสี่ยงหน่อยต้องตัดรถไปเดินอีกฝั่ง ใครใช้บริการพี่วินจะถึงเร็วหน่อย เราจะเลี้ยวซ้ายตามทางไปเรื่อยๆ
เลี้ยวซ้ายเสร็จก็เลี้ยวขวา เส้นทางค่อนข้างยึกยือนิดนึงนะคะ แต่ถ้าขับรถในซอยไผ่สิงโตจะถือว่าทางโอเค เพราะถนนเป็นแบบเลนเดียวสวนกันได้พอดีๆ แต่ช่วงเลี้ยวจะต้องระวังรถสวนบ่อยหน่อย
เลี้ยวมากลางๆซ้ายจะเป็นบ้านพักอาศัยและตึกแถวพักอาศัย ไม่เหมือนช่วงต้นซอยที่แทบจะไม่มีสิ่งปลูกสร้างเท่าไร ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารรถเข็น
เลี้ยวซ้ายตามทางอีกที จะเห็นว่าจะมีป้ายทางลัดสีเขียวๆบอกทางอยู่เรื่อยๆ เราก็วิ่งตามทางนั้นแหละนะคะ
ตรงมาก็จะเป็นอาคารพาณิชย์สูงสองชั้นทางซ้ายมือ บรรยากาศค่อนข้างเป็นชุมชน ตัดกับทางขวาหน่อยที่เป็นอาคารขึ้นสูงประมาณ 8 ชั้น โดยมีส่วนที่เป็นหอพัก อพาร์ตเมนท์ และคอนโด 1 หลัง
เรามาถึงแยกกันแล้วนะคะ จริงๆแล้วเราต้องเลี้ยวขวาเข้าซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ แต่ถ้าเป็นรถจะเข้าไม่ได้เพราะทางแคบมาก one-way เท่านั้นและเป็นทิศทางจากในซอยทางขวาออกมา ไม่ใช่ทางที่เราจะเลี้ยวขวาเข้าไป แต่จากการสอบถามพี่วินในพื้นที่บอกว่า ถ้าเดินหรือนั่งพี่วินจะสามารถซอกแซกเลี้ยวขวาเข้าไปได้ ซึ่งระยะถึงที่ดินโครงการจะอยู่ในซอย two-way ปกติถัดจากพื้นที่ one-way นี้ไปอีกนิดเดียว
ส่วนถ้าเราเลี้ยวซ้ายจะไปที่ท้ายซอยสุขุมวิท 16 หรือซอยที่เป็นพื้นที่ด้านหลังตึกของสำนักงานต่างๆที่อยู่บนเส้นรัชดา ทำให้มีคอนโด อพาร์ตเมนท์ ของกินคึกคักมากในช่วงกลางวัน ตรงไปเรื่อยๆจะไปออกยังถนนรัชดาภิเษก อีกนิดนึงจะถึงแยกอโศก ส่วนถ้าเราตรงไปจะไปออกซอยสายน้ำผึ้ง 2 แล้วออกที่ซอยสุขุมวิท 22 เพื่อออกถนนสุขุมวิทได้
เราตัดสินใจแล้วว่าจะเดินเท้าเข้าซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ช่วง one-way นี้ให้ดูกันนะคะ
เดินเข้ามาในซอยช่วงประมาณ 20 เมตรที่เป็น one-way ความกว้างของซอยตามภาพเลยว่าพอให้รถคันเดียวผ่านเท่านั้น และทิศทางคือออกจากซอยฝั่งตะวันออกไปตะวันตก ซึ่งถ้าเราเดินหรือใช้บริการพี่วินก็ระวังรถเฉี่ยวนิดนึงนะคะ
ตรงเข้าซอยเศรษฐีทวีทรัพย์มา ผ่าน 20 เมตรแรกก็จะเป็นทาง two-way ปกติเรียบร้อย มีทางเดินรถเลนเดียวสองทาง สภาพแวดล้อมเป็นพื้นที่พักอาศัยเหมือนอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น หอพัก และร้านบริการต่างๆ ส่วนทางขวามือเป็นพื้นที่จอดรถ
เดินตรงเข้าไปหน่อยจะเจอกับร้านอาหารเรือนมัลลิกาทางซ้ายมือ พื้นที่โครงการจะอยู่แปลงถัดไปที่ล้อมรั้วทำการก่อสร้างกันอยู่
เงยหน้าขึ้นไปจะเห็นแปลงที่เยื้องๆกันทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของไซท์เป็นคอนโด aguston ที่เข้าได้จากซอย 22 อาคารที่อยู่ใกล้โครงการสูง 35 ชั้น น่าจะบังแดดให้ได้พอสมควร
ตรงกลางที่ดินฝั่งที่ติดกับซอยจะเป็น Sales office ของโครงการ ภายในจะมีห้องตัวอย่างให้เยี่ยมชมค่ะ
พื้นที่โครงการจะไปสุดที่พื้นที่ที่ล้อมรั้วไว้ ติดกับตึกแถวสูง 4 ชั้นทางขวามือ ถ้าเราตรงไปเรื่อยๆบนซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ก็จะไปทะลุกับซอยสุขุมวิท 22 24 ซอยอารีและซอยอรรถกวี
เรามายืนอยู่หน้า Sales office หันหน้าไปทางฝั่งตรงข้ามกับไซท์ก็จะมีซอยย่อยคือซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ 1 ที่เป็นซอยยึกยือซ้ายขวาๆไปต่อกับท้ายซอยของซอยสุขุมวิท 22 ได้
มองไปทางขวาก็จะมีซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ 2 อยู่อีกฝั่งเช่นเดียวกัน อยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านอาหารเรือนมัลลิกา สิ่งปลูกสร้างตรงข้ามกับแปลงที่ดินโครงการคืออาคารพาณิชย์ที่กำลังปรับปรุงอยู่
เส้นทางที่สองเป็นเส้นทางจากแยกพระรามสี่ มาจากหัวลำโพง ผ่านแยกพระรามสี่ ผ่านซอยไผ่สิงโตมา ที่เราไม่เลี้ยวเข้าไปเพราะเราเลี้ยวขวาที่ one-way ไม่ได้ ดังนั้นเราจึงต้องตรงมาบนถนนพระรามสี่ แล้วเลี้ยวซ้ายที่ซอยอรรถกวีที่ต่อกับซอยสุขุมวิท 24 ตรงเข้าไปเลี้ยวซ้ายที่ซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ ตรงไปเรื่อยๆโครงการจะอยู่ทางขวามือ ก่อนจะถึงร้านอาหารเรือนมัลลิกา
เริ่มจากถนนพระรามสี่จากฝั่งหัวลำโพงมุ่งหน้าแยกพระรามสี่ เราจะตรงไปบนถนนพระรามสี่นี้ผ่านแยกไปนะคะ ส่วนถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปถนนรัชดามุ่งหน้าแยกอโศก ส่วนเลี้ยวขวาจะไปเข้าถนนพระราม 3 มุ่งหน้าแยก ณ ระนอง
ผ่านแยกมาแล้วก็ยังอยู่บนถนนพระรามสี่ มีทางเข้า FYI center อยู่ทางขวามือ บนถนนพระรามสี่เป็นถนนใหญ่ 4 เลนสองทิศทาง ทำให้การข้ามแยกเป็นแบบสะพานลอยยาวๆเพื่อให้มีการข้ามไปมาได้ของคนที่จะขึ้นรถเมล์หรือรถตู้
ตรงมาอีกหน่อยทางซ้ายมือจะเป็นต้นซอยไผ่สิงโตที่เราเดินกันในเส้นทางที่แล้ว ด้านหน้าจะค่อนข้างคึกคักมีพี่วิน มีร้านอาหารรถเข็น ฝั่งตรงข้ามของถนนคือตลาดขนาดใหญ่ท่าเรือคลองเตยขนาดใหญ่
ตรงไปเรื่อยๆบนถนนพระรามสี่ จะมีทางโค้งยาวๆไป
แล้วเราก็จะมาชิดซ้ายที่หน้าซอยอรรถกวี ที่หน้าซอยจะมีป้าย Tesco lotus อันใหญ่ๆ มีปั้มน้ำมันอยู่หน้าซอย
เลี้ยวเข้ามาในซอยอรรถกวีซึ่งเป็นซอยที่ยาวต่อเนื่องมาจากซอยสุขุมวิท 24 จากถนนสุขุมวิท ช่วงปลายซอยจะมีชื่อเป็นซอยอรรถกวีที่ต่อยาวมาถึงถนนพระรามสี่ตรงๆ ทำให้ซอยนี้เป็นที่นิยมในการวิ่งรถลัดไปมา ซึ่งรถติดมากนะคะในซอยนี้
ตรงมาเรื่อยๆ ฝั่งซ้ายมือจะเป็นโรงแรม Davis ออกแบบแนวฝรั่งจ๋า ด้านหน้าทางขวามือจะเป็น neighborhood mall เล็กๆระหว่าง wing ของโรงแรม Davis คือ 24 avenue ภายในก็จะมีร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านเบอร์เกอร์
ตรงเข้ามาจนถึงแยกที่เห็นคอนโดทางซ้ายมือคือ Lumpini 24 ที่สูงมากๆ เราจะเลี้ยวซ้ายตรงนี้เข้าซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ ส่วนถ้าตรงไปจะเข้าสู่ตัวซอยสุขุมวิท 24 ออกถนนสุขุมวิทได้
เลี้ยวซ้ายเข้ามาช่วงต้นซอยจะเป็นพื้นที่ร้านค้าที่ไม่ค่อยมีผู้เช่าเท่าไร มีพี่วิน มีที่จอดรถนิดหน่อย ส่วนใหญ่ร้านที่เปิดจะเป็นร้านอาหาร ร้านสปาสำหรับแขกต่างชาติ ร้านซักรีดเพราะในซอยสุขุมวิท 24 คอนโด High rise เยอะมากๆ
ตรงเข้ามาในซอยอีกก็จะเป็นทางยาวๆ สองฝั่งมีสิ่งปลูกสร้างทั้งโรงแรม อาคารพาณิชย์ และที่อยู่อาศัยประเภทต่างๆ
ตรงมาด้านหน้าก็จะมาทะลุกับซอยสุขุมวิท 22 ซึ่งถ้าเลี้ยวขวาไปจนสุดก็จะสามารถไปออกที่ถนนสุขุมวิทได้ ส่วนเราจะเลี้ยวซ้ายตรงเข้าไปในซอยเศรษฐีทวีทรัพย์กันต่อ หัวมุมแยกจะมี 7-11 ที่อยู่ใกล้ที่สุดจากที่ดินโครงการ
ผ่านแยกตรงเข้ามาสิ่งปลูกสร้างภายในซอยจะเริ่มเป็นอาคาพาณิชย์เป็นแนวยาวทั้งสองฝั่งไปเรื่อยๆ แต่ค่อนข้างเงียบนะคะ
ตรงมาอีกหน่อยจะเจอพื้นที่ล้อมรั้วก่อสร้างทางขวามือเป็นพื้นที่โครงการพอดี มี Sales office อยู่ตรงกลางแปลงที่ดินติดกับซอย ฝั่งตรงข้ามซอยเป็นอาคารพาณิชย์ทั้งส่วนที่กำลังใช้งานชั้นล่างเป็นร้านค้า ชั้นบนเป็นส่วนพักอาศัย และที่กำลังคลุมผ้าปรับปรุงอยู่ เดี๋ยวเราจะตรงไปบนซอยกันซักนิดให้ดูทาง one-way ด้านหน้า
ตรงมาบนซอยหน้าโครงการ ฝั่งขวามือคือเรือนมัลลิกา ทางซ้ายมือคือซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ 2 ตรงไปเรื่อยๆ
ตรงมาก็จะเห็นทางที่บีบแคบ จากทาง two-way อยู่ดีๆจะเป็นทาง one-way เฉยๆเลย
ความยาวประมาณ 20 เมตร ผ่านออกมาได้ก็จะเจอกับแยกที่เราใช้กันในการเดินทางแรก คือถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปออกซอยไผ่สิงโตที่มี MRT ศูนย์สิริกิติ์ทางออกที่ 4 อยู่ ส่วนถ้าตรงไปออกซอยสุขุมวิท 16 ที่ถนนรัชดา ส่วนทางซ้ายจะไปออกซอยสายน้ำผึ้ง 2 ที่สามารถคดเคี้ยวไปออกซอยสุขุมวิท 22 ได้
มาดูเพื่อนบ้านระยะใกล้กันหน่อยนะคะ ที่ดินโครงการเป็นรูปตัว L เข้า-ออกได้จากซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ด้านหน้าซึ่งมีรถผ่านตลอดวัน ฝั่งซ้ายของโครงการหรือทิศตะวันตกคือร้านอาหารมัลลิกาสูง 2 ชั้น ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของโครงการคือคอนโด aguston 2 อาคาร อาคารที่ใกล้กว่าสูง 35 ชั้น เงาลงบนแปลงที่ดินโครงการพอดีในช่วงเช้าๆ นอกนั้นบนซอยจะเป็นอาคาพาณิชย์สูงไม่เกิน 5 ชั้น บางคูหามีผู้อยู่อาศัย บางคูหากำลังอยู่ในช่วงปรับปรุง สลับกับหอพัก Low rise
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ร้านอาหารเรือนมัลลิกา 20 เมตร
- MRT ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 500 เมตร (ระยะเดิน)
- 24 avenue 500 เมตร (ระยะเดิน)
- BigC พระรามสี่ / A square/ K village 850 เมตร (ระยะเดิน)
- โรงพยาบาลท่าเรือ 1.4 กิโลเมตร
- Emporium 1.6 กิโลเมตร
- Exchange tower 1.8 กิโลเมตร
- สวนเบญจสิริ 1.9 กิโลเมตร
- กรมศุลกากร 1.9 กิโลเมตร
- Terminal 21/ BTS อโศก/ MRT สุขุมวิท 2 กิโลเมตร
- Tesco Lotus พระรามสี่ 2.4 กิโลเมตร
- ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และสวนเบญจกิตติ 3 กิโลเมตร
- โรงงานยาสูบ 3.9 กิโลเมตร
- สวนลุมพินี 5.6 กิโลเมตร
โมเดลของโครงการ The Nest สุขุมวิท 22 คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร รวม 316 ยูนิต โดยแบ่งออกเป็น อาคาร A รูปร่างเป็นตัว U อยู่หน้าโครงการมีจำนวน 210 ยูนิตและอาคาร B รูปร่างเป็นตัว I อยู่ด้านหลังโครงการมีจำนวน 106 ยูนิต โดยอาคารทั้งสองจะเข้าถึงได้จากซอยเศรษฐีทวีทรัพย์จากอาคาร A ด้านหน้าทางเดียว ตัวอาคารใช้สีเหลืองนวล-น้ำตาลในการตกแต่ง พื้นที่ชั้น 1 เป็นพื้นที่จอดรถ มีห้องฟิตเนส สระว่ายน้ำ พื้นที่สีเขียงรอบๆและระหว่างอาคาร ชั้น 2-8 เป็นห้องพักล้วนๆ
ทางเข้าโครงการ จะเข้าได้จากซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ ปีกฝั่งตะวันตกหรือฝั่งที่ใกล้กับร้านอาหารมัลลิกา โดยเมื่อขับเข้าไปที่ชั้น 1 ของอาคารก็จะเป็นพื้นที่จอดรถใต้อาคารที่ทั้งอาคาร A และ B จะเชื่อมต่อกันยาว มีที่จอดรถประมาณ 105 คันคิดเป็น 33% ของห้องพักทั้งหมด ซึ่งถือว่าน้อยไปหน่อยสำหรับทำเลที่เหมาะกับการขับรถแบบนี้นะคะ
ส่วนปีกฝั่งตะวันออกของอาคาร A หรือฝั่งที่ติดกับอาคารพาณิชย์จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นภายนอกอาคาร โดยที่ชั้น 1 ด้านหน้าจะจัดเป็นร้านกาแฟตามที่เขียนไว้ใน Floorplan หรือผังอาคารของโครงการ
พื้นที่ Facility ส่วนใหญ่อยู่ที่พื้นที่ตรงกลางของอาคาร A ที่มีการออกแบบเป็นรูปตัว U โดยจะประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำขนาด 7 x 11 เมตร โดยมีทั้งความลึกของเด็กและผู้ใหญ่ โดยรอบข้างก็จะมีการจัด Landscape ทั้งส่วนที่เป็นสนามหญ้า ต้นไม้บังความเป็นส่วนตัวหน่อยและส่วนพื้นที่นั่งเล่นภายในศาลาเล็กๆที่ข้างสระ โดยห้องที่อยู่ฝั่งด้านในของอาคาร A ก็จะได้วิวส่วน Facility ไปแทนพื้นที่รอบนอกของโครงการ
ถ่ายรูปโมเดลกันให้ดูชัดๆกับพื้นที่ส่วนกลางภายในอาคาร A โดยลูกบ้านของอาคาร B ก็สามารถเดินเข้ามาใช้พื้นที่ส่วนกลางตรงนี้ได้เหมือนกันนะคะ โดยผ่าน Lobby ที่ชั้น 1 ของอาคาร A แต่ว่าจะเดินไกลกว่าหน่อย
ภาพจำลองของโครงการ มองจาก Lobby ชั้น 1 ไปยังสระว่ายน้ำกลางแจ้งที่อยู่ตรงกลางของอาคาร A ไปฝั่งหน้าโครงการ
สุดพื้นที่ของส่วนกลางก็จะเป็นศาลา ที่จะมีการจัดชุดโซฟาไว้ให้ด้านใน เรากำลังมองย้อนกลับจากรูปที่แล้วคือย้อนกลับไปยังพื้นที่ Lobby ผ่านสนามหญ้าและสระว่ายน้ำของโครงการ
ฝั่งตะวันตกของโครงการหรือฝั่งร้านอาหารมัลลิกามองเข้าไปยังพื้นที่โครงการ จะเห็นว่าอาคาร A จะอยู่ติดกับซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ และฝั่งซ้ายจะมีระยะห่างระหว่างอาคาร ก่อนจะเป็นอาคาร B ทางซ้ายมือ ซึ่ง Facade ของอาคารตกแต่งด้วยสีนวล-น้ำตาลเรียบๆทั่วไป
ฝั่งเหนือมองเข้าอาคาร จะเจอกับอาคาร B เต็มๆ
ฝั่งตะวันออกมองเข้าหาอาคารจะมีอาคาร A อยู่ทางซ้ายมือติดกับซอยหน้าโครงการ และอาคาร B ฝั่งขวามือ พื้นที่ว่างระหว่างอาคารจะมีส่วนที่จัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นด้วย
พื้นที่นั่งเล่นระหว่างอาคาร A และ B จัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นกลางแจ้ง มีชุดโต๊ะสนามและเก้าอี้ไว้ให้หลายชุด โดยพื้นที่ระหว่างอาคารนี้จะสามารถนั่งเล่นได้ตั้งแต่เวลาประมาณบ่ายสาม เพราะแดดจะอ้อมใต้ทำให้อาคาร A จะบังพื้นที่นั่งเล่นตรงนี้ไว้ตามทฤษฎี แต่ด้วยความร้อน ลมร้อน หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ประเทศไทยร้อนขนาดนี้ทฤษฎีก็อาจจะช่วยไม่ได้
บรรยากาศจำลองของพื้นที่นั่งเล่นระหว่างอาคาร
ผังชั้น 1 จะมีทางเข้า-ออกโครงการที่อาคาร A ฝั่งตะวันตกข้างๆกับร้านอาหารมัลลิกา โดยจะมีป้อมพี่ยามอยู่ทางขวามือจากทางเข้า เมื่อตรงเข้าไปก็จะเจอกับพื้นที่จอดรถใต้อาคารที่เชื่อมกันทั้งพื้นที่ โดยมีที่จอดรถประมาณ 105 คันคิดเป็น 33% (ไม่รวมซ้อนคัน) การเข้าอาคาร A จะเป็นการเข้าที่ Lobby เดินตรงเข้าไปจะเจอโถงลิฟท์ ฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องนิติบุคคล มีทางเดินไปยังฟิตเนส และภายในฟิตเนสก็จะมีประตูเปิดออกไปยังพื้นที่นั่งเล่นระหว่างอาคาร A และ B ส่วนถ้าเดินมาทางหน้าโครงการจาก Lobby ก็จะเจอกับสระว่ายน้ำขนาด 7 x 11 เมตรที่มีทั้งความลึกผู้ใหญ่และเด็ก พื้นที่ข้างสระที่วางเก้าอี้ตัวยาว สนามหญ้า Waterscape ยาวตามทางมายังศาลาและสนามเด็กเล่นด้านหน้า รวมถึงมี Coffee shop ที่ด้านหน้าโครงการอีกด้วย
การเข้าอาคารของอาคาร B จะต่างจากอาคาร A หน่อยตรงที่จากพื้นที่จอดรถจะมีโถงลิฟท์อยู่ที่ตรงกลางเลย ไม่มี Lobby ดังนั้นอาคาร B จะเหมาะกับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่า มีจำนวนยูนิตน้อยกว่า และมีลิฟท์ที่อัตราส่วนน้อยกว่า ทำให้สะดวกในการขึ้น-ลงเวลารีบๆ แต่อาคาร A จะเหมาะกับคนที่ต้องการเข้าถึง Facility มากกว่า เข้า-ออกโครงการได้สะดวกกว่าหน่อย
ชั้น 2 อาคาร A จะมีทั้งหมด 18 ยูนิต โดยยูนิตที่ปีกตะวันตกที่หายไปจะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ส่วนตรงกลางจะเป็น Lobby ที่มีความสูงแบบ Double ceiling height กินพื้นที่ของชั้น 2 ไปด้วย ภายในชั้น 2 จัดห้องพักเป็นแบบ Double corridor คือมีห้องฝั่งตรงข้าม ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 1 ห้องนอนที่ปีกตะวันออกของอาคาร A จำนวน 11 ยูนิต มีแบบ 2 ห้องนอนจำนวน 2 ยูนิตที่ห้องมุมด้านหน้าโครงการ และมุมตะวันออกเฉียงเหนือ และห้อง studio type จำนวน 5 ยูนิตที่ทิศเหนือของอาคาร
ชั้น 2 อาคาร B ที่อยู่ด้านหลังมีทั้งหมด 17 ยูนิต จัดเป็นแบบ Double corridor เช่นกัน โดยเกือบจะทั้งหมดเป็นแบบ 1 ห้องนอน Type B3-A ที่เป็นห้องตัวอย่างของโครงการจำนวน 15 ยูนิต และอีก 1 ยูนิตที่เป็นห้องมุมคือ Type B5 1 ห้องนอนเช่นกัน
ลิฟท์ของโครงการจะมีทั้งหมด 4 ตัว โดยเป็นลิฟท์โดยสารทั้งหมด ไม่มี Service lift อยู่ที่ อาคาร A 2 ตัว ทำให้อัตราส่วนอยู่ที่ 105:1 และอาคาร B อีก 2 ตัว อัตราส่วน 53:1
ชั้น 3-8 ของอาคาร A เป็นชั้นที่มีจำนวนมากที่สุดของโครงการอยู่ที่ 31 ยูนิต มีแบบ studio type 5 ยูนิตที่ทิศเหนือเหมือนเดิม มีแบบ 2 ห้องนอนจำนวน 5 ยูนิตที่มุมต่างๆของอาคาร และนอกนั้นเป็นแบบ 1 ห้องนอนที่จะมีการคละแบบแตกต่างทั้งหน้าแคบ หน้ากว้าง และขนาดต่างๆ ส่วนอาคาร B ชั้น 3-8 ก็จะเป็นแบบเดียวกับชั้น 2
เนื่องจากโครงการเป็นคอนโด Low rise สูง 8 ชั้น ทำให้เรื่องวิวน่าจะไม่ใช่เรื่องที่สำคัญมากสำหรับการตัดสินใจเท่ากับคอนโด High rise แต่การดูทิศให้แดดเข้าให้เหมากับช่วงเวลา หรือทิศทางลมน่าจะเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง ใครที่ชอบแดดเช้าก็จะต้องเลือกฝั่งตะวันออกซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนฝั่งใต้จะเหมาะกับคนตื่นสายหน่อย และกลับบ้านดึกหน่อย เพราะความร้อนของอากาศช่วงบ่ายจะได้ระบายออกไปบ้างแล้ว ส่วนทิศเหนือจะเป็นทิศที่แดดไม่แรงและมีลมตลอด ส่วนทิศใต้จะเป็นทิศที่แดดส่องถึงทั้งวัน ส่วนเหลี่ยมมุมอาคารตามการออกแบบอาคาร A และ B ทำองศากันเป็นมุมฉาก ทำให้จะมีห้องฝั่งเหนือของอาคาร A และฝั่งใต้ของอาคาร B มีการจ๊ะเอ๋กันบ้าง แม้ว่าจะระยะห่างของอาคารจะกว้างอยู่พอสมควร รวมถึงอาคาร A ที่อยู่ฝั่งด้านในที่มีห้องฝั่งตรงข้ามเป็นเพื่อนบ้างตรงๆกัน ทั้งนี้ต้องพิจารณาถึงอาคารรอบข้างด้วย เช่นคอนโด aguston สูง 35 ชั้นที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของที่ดินโครงการ น่าจะมีส่วนในการบังแดดของห้องที่อยู่ใกล้เคียง ข้อดีคือแดดไม่ลงที่เราโดยตรง แต่ข้อเสียคือแสงไม่เข้าห้องเช่นกัน
ต่อมาเป็นรูปบรรยากาศจำลองภายในอาคาร ส่วน Lobby ที่ชั้น 1 จะออกแบบเป็น Double ceiling height คือกินพื้นที่ชั้น 2 ไปด้วย
หันไปอีกทางก็จะเป็นส่วน Mailbox หลังฉากภายในพื้นที่ Lobby เดียวกัน
ตรงเข้ามาที่โถงลิฟท์โดยสาร 2 ตัว
ห้องฟิตเนสที่อยู่ด้านหลังห้องนิติบุคคล
ต่อมาจะพามาดูบรรยากาศของ Sales office หน่อยนะคะ จากรูปคือทางเข้าด้านนอก
เข้ามาด้านใน การตกแต่งก็จะให้ความรู้สึกเดียวกับภาพบรรยากาศจำลองภายในคอนโด จะรู้สึกนวลๆ ทองๆ น้ำตาลๆหน่อย โดยจะมีโมเดลโครงการวางตรงกลางเด่น ล้อมด้วยชุดเก้าอี้ ด้านหลังคือเคาท์เตอร์ sale ข้างๆกันจะมีทางเดินเข้าไปยังห้องตัวอย่างแบบ 1 bedroom
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby
- สระว่ายน้ำกลางแจ้ง 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 7 x 11 เมตร แบ่งสระเด็กและสระผู้ใหญ่
- ห้องออกกำลังกาย
- พื้นที่นั่งเล่นภายนอกอาคารใกล้สระว่ายน้ำอาคาร A
- พื้นที่นั่งเล่นระหว่างอาคาร A และ B
- ลิฟท์โดยสารไม่ล็อกชั้น 2 ตัวต่อหนึ่งอาคาร รวมกันเป็น 4 ตัว ไม่มี Service lift
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 105:1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 53:1
- ที่จอดรถประมาณ 105 คันคิดเป็น 33% (ไม่รวมซ้อนคัน)
- ระบบ CCTV / Access Card
เริ่มจากห้องตัวอย่างของโครงการ Type 1 ห้องนอน ซึ่งภายในโครงการมีอีกหลายแบบที่ขนาด 28.5 – 33 ตารางเมตร จะมีการปรับพื้นที่ใช้สอยใหญ่เล็กบ้าง มีการสลับตำแหน่งนิดหน่อย แต่รวมๆแล้วคือ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ เหมาะกับการอยู่คนเดียวสบายๆหรืออยู่เป็นคู่
ส่วนแบบห้องตัวอย่างห้องนี้เป็น Type B3-A พื้นที่ห้องขนาด 28.5 ตารางเมตร รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้ากว้าง 7.5 เมตร โดยเมื่อเราเดินผ่านเข้าประตูไปก็จะเจอกับพื้นที่นั่งเล่น ที่มีโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้อยู่ใกล้กับทางเข้า ด้านหน้าเป็นโซฟาและทีวี โดยที่ผนังจะมีตู้เอนกประสงค์แบบ Built-in มาให้ ฝั่งซ้ายของห้องจะเป็นห้องน้ำและห้องครัว โดยห้องครัวก็จะต่อกับระเบียงอีกที ส่วนห้องนอนจะอยู่อีกฝั่ง ด้านในมีเตียง ตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in และพื้นที่วางโต๊ะเครื่องแป้งมาให้ข้างๆ แบบห้องจะมีการลำดับส่วนที่ต้องการระบายอากาศคือห้องน้ำ ห้องครัวและระเบียง โดยภายในห้องน้ำจะมีหน้าต่างระบายอากาศมายังห้องครัว และต้องพัดอีกทีเพื่อออกระเบียง
ตำแหน่งของ Type B3-A จะอยู่ที่อาคาร A ฝั่งตะวันออกและตะวันตกที่หันหน้าออกนอกพื้นที่ และอาคาร B ทุกห้องที่เป็นแบบ 1 ห้องนอนยกเว้นห้องมุม จึงเป็นแบบ 1 ห้องนอนที่มีจำนวนมากที่สุดของโครงการ
เริ่มตั้งแต่ทางเข้าเลยนะคะ ห้องตัวอย่างจะไม่ติดประตูจริงมาให้ดูแต่เป็นวัสดุ UPVC บานสีขาวมีมือจับแบบก้านโยกปลักเปิดเข้าไปทางซ้าย ไม่ได้ติด Digital doorlock มาให้
พื้นภายในห้องส่วนที่เป็นพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนจะปูด้วยพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร
มุมมองจากประตูทางเข้า ด้านหน้าจะเป็นห้องนั่งเล่นที่มีชุดโต๊ะและเก้าอี้ทานข้าวอยู่ทางขวามือ ตรงกลางเป็นโซฟา โต๊ะกลาง ฝั่งตรงข้ามเป็นทีวี ลึกเข้าไปทางขวาเป็นห้องนอนด้านใน ผนังที่กั้นระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนภายในห้องจริงจะได้เป็นผนังฉาบปูนเรียบทาสีขาวปกติ ไม่ใช่เป็นบานใสๆเหมือนในห้องตัวอย่างนะคะ ส่วนฝั่งซ้ายมือหลังประตูทางเข้าจะเป็นห้องน้ำและห้องครัวที่มีส่วนเปิดไปยังระเบียงด้านนอกได้
รายการการขายของโครงการจะได้เป็นแบบ Fully fitted คือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นลอยจะไม่ได้ แต่จะได้เป็นเฟอร์นิเจอร์ Built-in เพื่อการใช้งานพื้นที่ที่คุ้มค่าแทนอย่างตู้เอนกประสงค์ภายในห้องนั่งเล่นและตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอน นอกจากนั้นส่วนครัวและห้องน้ำก็จะได้ตามห้องตัวอย่าง ได้แอร์ตามแบบห้อง เช่น ภายในห้องตัวอย่างเป็นแบบ 1 ห้องนอนจะได้แอร์ 2 ตัวติดที่ห้องนั่งเล่นและห้องนอน ทั้งนี้ยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้าและของตกแต่งต่างๆนะคะ
หันมาอีกฝั่งที่เป็นผนังใกล้กับประตูทางเข้าจะมีการจัดวางโต๊ะทานข้าวและเก้าอี้ 2 ตัวหันหน้าเข้าหากัน โดยพื้นที่วางตรงนี้จะมีขนาดประมาณ 0.75 x 2.00 เมตร โดยตอนที่เลือกเฟอร์นิเจอร์เป็นชิ้นๆก็ควรจะเอามากะระยะวางให้เรียบร้อยก่อนนะคะ ผนังในห้องตัวอย่างจะเป็นกระจกสะท้อน แต่ในห้องจริงจะได้เป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวปกติ
หันมาทางซ้ายจะเจอกับโซฟาตัว I โต๊ะกลางที่เตี้ยหน่อย และฝั่งตรงข้ามคือชั้นวางทีวีที่ดีไซน์คล้ายชั้นวางของตกแต่ง แล้วเอาทีวีแบบตั้งโต๊ะวางลงไป ระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.7 เมตร ส่วนโซฟาก็ไม่ควรจะเกินความยาวผนังที่ 2 เมตร และไม่ควรเป็นแบบตัว L เพราะจะมีความยาวเกินไปซักหน่อย ถ้าต้องการพื้นที่นั่งเพิ่มแนะนำเป็นโซฟาตัวเดี่ยวแบบไม่มีพนัก
ช่องแสงภายในห้องนั่งเล่นจะเป็นแบบหน้าต่างบานเลื่อน 2 บานเลื่อนได้ซ้าย-ขวารับลม ด้านล่างเป็นแบบบาน Fixed รับแสงอย่างเดียว ด้านบนเป็นตำแหน่งแอร์ภายในห้องนั่งเล่น ทำให้เวลาติดม่านจะต้องวัดความสูงตั้งแต่ใต้แอร์ลงมาถึงพื้น ไม่ใช่ความสูงของของทั้งหมดที่ 2.45 เมตร
การเปิด-ปิดล็อกของบานหน้าต่างเป็นแบบเลื่อนขึ้น-ลงปกติ กรอบบานหน้าต่างเป็นอลูมิเนียมพ่นสีออกเทาเข้ม
ฝั่งตรงข้ามกับโซฟาจะเป็นชั้นวางทีวี และด้านหลังของชั้นวางทีวีจะมีตู้เอนกประสงค์แบบ Built-in แอบอยู่ สองฝั่งของผนังตรงกลาง ฝั่งซ้ายจะเป็นห้องน้ำที่อยู่ห่างจากห้องนอนหน่อย ส่วนฝั่งขวาจะเป็นทางเข้าห้องครัวที่ไม่มีบานประตูเลื่อนปิด ซึ่งภายในห้องครัวจะมีบานประตูเลื่อนสำหรับการออกไปยังระเบียง
ตู้เอนกประสงค์ที่อยู่ด้านหลังของโต๊ะวางทีวี เป็นบานแบบดึงเปิดออก โดยด้านในจะมีการแบ่งชั้นไว้สำหรับการใส่ของ น่าจะจำพวกของใช้มากกว่าของที่โชว์ เพราะมีบานปิดมิดชิด ส่วนด้านล่างจะเป็นแบบบานโล่งกว้าง 0.8 เมตร และลึก 0.45 เมตร
การจัดเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องตัวอย่างที่เอาโต๊ะวางทีวีตัวยาวมาปิดขวาง Built-in ทำให้พรีเซนต์รายการขายที่เป็นจุดเด่นอย่าง Built-in ได้ไม่ค่อยดีนักนะคะ แต่ก็สะท้อนกับการใช้งานจริงว่าถ้าต้องการมีโต๊ะวางทีวีภายในห้องนั่งเล่น จะต้องเป็นโต๊ะตัวเล็กกว่านี้หรือที่จริงแล้วการมี Built-in ที่ผนังฝั่งนี้นั้นไม่น่าจะได้ใช้ประโยชน์จริงๆ
ต่อมาเป็นภายในห้องน้ำที่ระดับพื้นลดลงจากห้องนั่งเล่นประมาณ 4 เซนติเมตร โดยพื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 60 เซนติเมตร
ภายในห้องน้ำขนาด 1.75 x 2.10 เมตร ประกอบไปด้วย 3 ส่วนตามการออกแบบมาตรฐาน ไล่ตั้งแต่ซ้ายมือคืออ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมติดกับผนัง ด้านบนเป็นกระจกส่อง มีด้านล่างเป็นชั้นวางของเครื่องใช้ภายในห้องน้ำเล็กๆ ตรงกลางเป็นโถสุขภัณฑ์จาก American standard พร้อมที่ใส่ทิชชูและสายฉีดชำระ ชั้นวางของสองชั้นด้านบนโถสุขภัณฑ์จะไม่ได้นะคะ ส่วนทางขวามือเป็นพื้นที่อาบน้ำเข้ามุมแบบยืน
อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม มีชั้นวางของด้านล่างติดมาด้วยเป็นชิ้นเดียวกัน แทนพื้นที่ข้างอ่างที่วางได้น้อยนิด ส่วนกระจกส่องจะเป็นแบบติดผนังที่มีความหนาหน่อยมีที่วางของด้านล่าง วางแปรงสีฟัน ยาสีฟันได้
โถสุขภัณฑ์จาก American standard เป็นแบบสองชิ้น โดยสองฝั่งจะมีที่ใส่ทิชชูแบบติดผนังและสายฉีดชำระอีกฝั่ง โดยถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าสายฉีดชำระอยู่ทางซ้ายเมื่อใช้งาน แต่ในห้องจริงจะมีการย้ายมาฝั่งขวาเพื่อความถนัดของบุคคลทั่วไปนะคะ
ฝั่งขวามือเข้ามุมเป็นพื้นที่อาบน้ำแบบยืน จะมีฉากกั้นอาบน้ำให้เล็กๆเหมือนในห้องตัวอย่าง แต่ไม่มีประตูปิดในพื้นที่ที่เหลือ ทำให้น้ำก็กระเด็นเหมือนเดิม แต่พื้นที่น้อยลงเท่านั้น อุปกรณ์ที่ติดมาให้ก็จะมีฝักบัวแบบมือจับ ที่วางสบู่ติดผนัง และที่แขวนผ้า ผนังส่วนที่ติดกับห้องครัวจะมีหน้าต่างบานเลื่อนขนาดจิ๋วติดไว้เพื่อให้มีการระบายอากาศ
พื้นที่อาบน้ำขนาด 0.9 x 1.2 เมตร ปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 60 เซนติเมตร ไม่ได้ลดระดับลงจากพื้นที่ปกติ แต่ว่ามีการก่อปูนขึ้นมากั้นสูงประมาณ 3 เซนติเมตร กันน้ำท่วมได้บ้าง
ฝักบัวอาบน้ำเป็นแบบถือ มีตัวก๊อกเดียวเป็นแบบหมุนปรับความร้อนเย็น ส่วนการกดหรือดึงจะเป็นการผ่อนเบาปริมาณแรงน้ำ ไม่ได้ติดเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ภายในห้องน้ำนะคะ
ฝักบัวมือจับ ตรงดามค่อนข้างเหลี่ยมจะจับยากกว่าแบบโค้งๆหน่อย แต่รัศมีของน้ำค่อนข้างกว้างดี
อุปกรณ์ภายในห้องน้ำเป็นแบบติดผนัง มีที่วางสบู่ก้อนเดียวและที่แขวนผ้าเช็ดตัว
หน้าต่างบานเล็กที่อยู่ภายในห้องน้ำต่อเชื่อมกับห้องครัวเป็นแบบานเลื่อนขนาเล็กมาก มีตัวล็อกได้ แต่เป็นตัวช่วยในการระบายอากาศสิ่งเดียว เพราะจากการสอบถามไม่มีพัดลมระบายอากาศหรือเครื่องดูดอากาศเข้าระบบเลย
ต่อมาเป็นห้องครัวที่อยู่ข้างๆกับห้องน้ำ ไม่มีประตูกั้นปิดทำให้กลิ่นอาหารภายในห้องครัวอาจจะเข้ามาให้ห้องนั่งเล่นที่เป็นพื้นที่กลางได้ พื้นของห้องครัวปูวัสดุเดียวกับห้องน้ำคือกระเบื้องขนาด 30 x 60 เซนติเมตร เพื่อการทำความสะอาดและดูแลที่ง่ายกว่าไม้ลามิเนต
ภายในห้องครัวขนาด 1.35 x 1.75 เมตร โดยส่วนที่ได้คือเคาท์เตอร์ด้านล่างรูปตัว L และด้านบนเป็นแบบติดผนังฝั่งเดียว ที่ผนังจะมีการติดกระเบื้องในส่วนที่คาดว่าจะมีการกระเด็กจากการทำอาหารที่สามารถเช็ดถูได้ โดยจะเว้นที่วางตู้เย็นไว้ให้ใกล้กับทางเข้าห้องครัว
บนผนังทางซ้ายมือจะมีหน้าต่างบานเลื่อนขนาดเล็กจะเป็นจุดระบายอากาศที่เชื่อมระหว่างห้องน้ำและห้องครัว โดยการหมุนเวียนอากาศจะไม่ไปไหนเลยถ้าไม่มีการเปิดประตูบานเลื่อนใหญ่ที่ระเบียงด้วย
พื้นที่วางตู้เย็นกว้าง 0.85 เมตร โดยสามารถซื้อมาวางได้ทั้งแบบประตูบานเดียว สองบาน หรือจะมีที่เก็บช่องด้านล่างด้วยก็ได้ แต่วัดความกว้างว่าให้เอามาในห้องครัวได้ด้วยนะคะ
เคาท์เตอร์รูปตัว L แบบเข้ามุมที่ได้ ประกอบไปด้วยอ่างล้างจาน 1 หลุมที่ค่อนข้างเบียดไปชิดกับมุมทำให้ใช้งานค่อนข้างลำบาก ส่วนฝั่งขวาจะเป็น hob and hood แบบ 2 หัว แค่ 2 การใช้งานก็เต็มพื้นที่แล้วทำให้ไม่มีที่เตรียมอาหาร
ตัว hood ดูดควันเป็นแบบดึงออกเพื่อใช้งานเหมือนในคอนโดทั่วไป เสียงก็จะดังวืดๆ
ด้านล่างของเคาท์เตอร์รูปตัว L จะมีทั้งแบบบานเปิดใต้อ่างล้างจาน ค่อนข้างแคบมาก และแบบช่องเปิดใต้ hob and hood เป็นที่วางไมโครเวฟ และลิ้นชักด้านล่างอีกจุด
ด้านบนจะแบ่งเป็นฝั่งซ้ายและขวา โดยฝั่งซ้ายจะเป็นช่องเปิด แบ่งชั้นล่างและชั้นบนลึก 0.6 เมตร แต่อีกส่วนที่เป็นด้านหน้าของ hood จะไม่ลึกมากวางได้แค่ขวดเครื่องปรุงเหมือนในห้องตัวอย่างนี้เลย แต่จะมีบานปิดด้วยอีกที ด้านบนมีช่องเหลือจากความสูงฝ้าที่ 2.45 เมตร ตัวช่องค่อนข้างทำความสะอาดยากพอสมควรนะคะ แต่ถ้าจะปิดทึบไปเลยเพื่อกันฝุ่นก็ได้
ในห้องครัวจะมีประตูบานเลื่อน 2 ตอนออกไปยังระเบียง โดยกรอบบานเป็นอลูมิเนียมพ่นสีเทาเข้มๆเหมือนกับบานหน้าต่างเลื่อนภายในห้องนั่งเล่น สามารถติดมู่ลี่บังแดดที่บานประตูนี้ได้ เนื่องจากตัวเคาท์เตอร์รูปตัว L ได้มีการเว้นร่องไว้ให้ประมาณเกือบ 10 เซนติเมตร และที่แนะนำติดมูลี่มากกว่าผ้าม่านเพราะมีการทำความสะอาดที่ง่ายกว่า ตัวผ้าม่านจะไม่เหมาะกับพื้นที่ใช้งานทำอาหารเพราะกลิ่นจะติดผ้าอยู่นาน
พื้นระเบียงจะลดลงจากห้องครัวนิดเดียว และมีตัวกั้นด้วยปูนที่ฉาบขึ้นมาปิดกรอบบานประตู ทำให้เวลาเดินต้องก้าวข้ามและช่วยกันน้ำขังจากส่วนระเบียงเข้ามาภายในห้องได้
พื้นที่ระเบียงขนาด 1.1 x 1.7 เมตร ปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 30 เซนติเมตร สามารถวางเครื่องซักผ้าที่ระเบียงได้เพราะต่อท่อไว้เรียบร้อย แต่สำหรับคนที่จะส่งซักรีดก็ปล่อยเป็นพื้นที่ว่างไปก็ได้ค่ะ
สำหรับคนที่จะซื้อเครื่องซักผ้ามาวาง แนะนำเป็นแบบฝาหน้าจะดีกว่าเพราะจะได้วางตะกร้าบนเครื่องซักผ้าไปเลย พื้นที่ข้างๆก็เหลือไม่เยอะเท่าไร
บนประตูบานเลื่อนที่เชื่อมกับห้องครัวก็จะมีไฟติดผนังเพื่อส่องสว่างเป็นแบบดวงโคมซาลาเปา
ตัวระเบียงจะเป็นส่วนที่ยื่นออกมาจากพื้นที่ห้องนิดหน่อย ทำให้เห็นวิวในองศาที่กว้างกว่าแบบห้องที่มีระเบียงที่อยู่ในแนวเดียวกับอาคาร
เราจะไปต่อที่ห้องนอนที่อยู่ด้านหลังของห้องนั่งเล่นหรือทางขวาจากประตูทางเข้าห้องนะคะ โดยผนังอย่างที่บอกไปว่าจะเป็นผนังทึบฉาบปูนเรียบทาสีขาวธรรมดา ไม่ใช่แบบใสๆทะลุกันแบบในห้องตัวอย่าง รวมถึงผนังที่ติดเป็นกระจกสะท้อนด้วย แต่ก็สามารถทำได้เพราะจะทำให้ห้องดูมีความเชื่อมกันและขนาดดูใหญ่ขึ้น
พื้นภายในห้องนอนปูด้วยลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร โดยปูเรียบเข้าไปจากห้องนั่งเล่นเลย
ห้องนอนขนาด 2.6 x 3.5 เมตร ฝั่งซ้ายวางเตียงขนาดใหญ่ได้แล้วก็ยังมีพื้นที่เหลือข้างเตียงทุกด้าน แต่ตัวเตียงนี้ไม่ได้มีมาให้ในรายการขายนะคะ ฝั่งขวาก็จะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in และพื้นที่ว่างสำหรับโต๊ะเครื่องแป้ง ส่วนช่องแสงภายในห้องนอนก็จะเป็นหน้าต่างบานเลื่อน 2 ตอน เหนือหน้าต่างก็จะเป็นตำแหน่งแอร์
พื้นที่ปลายเตียงเหลือ 50 เซนติเมตร
ส่วนพื้นที่ข้างเตียงฝั่งใกล้ผนังเหลือพื้นที่ 35 เซนติเมตรพอให้กระโดดขึ้นเตียงได้ หรือจะเขยิบไปหน่อยให้วางโต๊ะข้างเตียงตัวเล็กๆอีกตัวได้ แต่ก็อย่าลืมเหลือพื้นที่สำหรับการรูดม่านเปิด-ปิดไว้ด้วยนะคะ
ฝั่งขวาของทางเข้าห้องนอนก็จะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ที่ทางโครงการจะให้มาด้วย แบ่งออกเป็น 3 ช่อง โดยฝั่งขวาจะเป็นแบบซอยย่อยหน่อยวางของได้ ส่วน 2 ฝั่งซ้ายจะเป็นแบบบานประตูเปิดดึงเปิดสำหรับใส่เสื้อผ้าที่ใส่ไม้แขวน และสิ่งที่เฟอร์นิเจอร์ Built-in ดีคือสร้างมาเต็มความสูงของฝ้าที่ 2.45 เมตร ส่วนฝั่งซ้ายที่ห้องตัวอย่างทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง ทางโครงการจะไม่ได้ให้มา ดังนั้นถ้าเจ้าของห้องเป็นผู้ชายไม่ต้องการการแต่งหน้า สามารถปรับเปลี่ยนเป็นการวางของ วางกีต้าร์ วางชั้นใส่หนังสือเข้าไปก็ได้
ตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in เมื่อเปิดออกมาแล้วก็จะเป็นแบบแขวนเสื้อยาวได้ทั้งตัว ด้านบนมีช่องเก็บของ อาจจะใส่เครื่องนอนที่นานๆหยิบที
บานประตูทำมาเป็นแบบแยกชิ้นบน-ล่าง แต่ถ้าอย่างให้เปิดทีเดียวได้ทั้งบนและล่างก็สามารถทำแบบห้องตัวอย่างคือเอาแผ่นเหล็กมาแล้วลงสกรูเชื่อมติดกันก็จะกลายเป็นบานปิดบานเดียว
ต่อมาเป็นห้องแบบ Studio type ขนาด 24 ตารางเมตรที่เป็นขนาดที่เล็กที่สุดของโครงการ โดย Type A2 นี้จะอยู่ที่อาคาร A ทิศเหนือ หรือฝั่งที่หันหน้าชนกับอาคาร B โดยจะประมาณ 3 ยูนิตต่อ 1 ชั้น
จากทางเข้าห้องเข้ามา จะมีพื้นที่ครัวอยู่ทางซ้ายมือ ถัดเข้าไปจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานข้าวและเก้าอี้ ส่วนฝั่งขวาของประตูทางเข้าเป็นทางเข้าห้องน้ำที่จะมีขนาดค่อนข้างเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส ทำให้อาจจะดูคับแคบไปซักหน่อย ส่วนภายในจะเป็นพื้นที่เตียงนอนต่อจากพื้นที่ครัวเลย ทำให้การทำครัวอาจจะต้องระวังเรื่องกลิ่นและการระบายอากาศ ข้างเตียงสามารถแบ่งเป็นโต๊ะทำงานเล็กๆได้ ส่วนฝั่งตรงข้ามเตียงคือที่วางทีวีและตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in มาให้ ส่วนด้านในสุดคือระเบียงที่เปิดจากประตูเลื่อน 2 ตอน
แบบห้อง 1 ห้องนอนอีกแบบขนาด 27.5 ตารางเมตร การออกแบบค่อนข้างเหมือนกับห้อง Studio type ขนาด 24 ตารางเมตรด้านบน โดยเพิ่มส่วนที่เป็นพื้นที่นั่งเล่นระหว่างห้องน้ำและห้องนอนเข้ามา และกั้นพื้นที่ห้องนอนด้วยประตูบานเลื่อน 2 ตอนอีกที ทำให้ดูเป็นสัดเป็นส่วนขึ้นมาอีกหน่อย โดยดีไซน์นี้เป็นแบบห้องที่ใช้กันทั่วไปในคอนโดเพราะเป็นห้องแบบหน้าแคบและขนาดไม่เกิน 30 ตารางเมตร
แบบสุดท้ายคือ 2 ห้องนอนขนาด 45.5 ตารางเมตร โดยจะเป็นห้องมุมของอาคาร A ที่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือ โดยมีประมาณ 2 ห้องต่อชั้น โดยเปิดประตูหลักเข้าไปจะเจอกับห้องน้ำแขกทางซ้ายมือ ถัดไปคือห้องครัวที่มีประตูเลื่อนปิดเรียบร้อย และด้านในมีประตูบานเลื่อนอีกชั้นไปยังพื้นที่ซักล้าง ถ้าเข้าห้องแล้วเดินตรงจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นที่มีระเบียงอีกจุดหนึ่งที่แยกการใช้งานกันอย่างสิ้นเชิง คือส่วนใกล้ห้องนั่งเล่นจะเป็นส่วนชมวิว เปิดรับลม แต่ส่วนระเบียงเล็กใกล้ห้องตัวคือไว้สำหรับซักล้างวางเครื่องซักผ้าได้พอดี จากห้องนั่งเล่นจะมีประตู 2 บานคือห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำในตัว และห้องนอนเล็กที่วางได้แค่เตียงเดี่ยว
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 21 April 2016
- Studio 24 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท (ห้องโปรโมชั่น) หรือ 124,580 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom 28.5-33 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.5 ล้านบาท หรือ 122,800 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedrooms 41-56.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 5.5 ล้านบาท หรือ 134,145 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted
- เพดานสูง 2.45 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จองพร้อมทำสัญญา ห้อง studio และ 1 ห้องนอน 60,000 บาท และแบบ 2 ห้องนอน 100,000 บาท
- ดาวน์ประมาณ 18% ผ่อนดาวน์ 23 งวด
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 50 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน (เก็บล่วงหน้า 1 ปี)
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
The Nest สุขุมวิท 22 เป็นโครงการที่อยู่ทำเลใจกลางเมืองถ้านับด้วยรัศมีวงกว้างๆที่มีความอุดมสมบูรณ์ตามความเป็นเมือง คือมีทั้งศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่าง Emporium Emquatier Terminal21 ใกล้แหล่งอาคารสำนักงานใกล้อโศก และมีถนนใหญ่ที่เป็นที่สัญจรหลักคือสุขุมวิทและพระรามสี่ แต่พอขยับเข้ามาในวงใกล้ๆในระยะที่พอเดินจากโครงการได้ประมาณ 800 เมตรกลับเป็นทำเลที่ไม่ค่อยมีความอุดมสมบูรณ์เท่าไร อาจจะเป็นเพราะอยู่ในซอยที่เป็นซอยลัดสำหรับการขับรถ ไม่ใช่การเดินเพราะไม่มีทางเท้าและไม่ใช่ซอยใหญ่ที่ความนิยมในการพักอาศัย แต่ด้วยราคาทั้งต่อตารางเมตรเฉลี่ยที่ 125,500 บาทและ Package ราคาขายที่เริ่มราวๆ 3 ล้านบาทจะหาทำเลที่อยู่ในซอยสุขุมวิท 22 หรือ 24 หรืออโศกไม่ได้อยู่แล้ว จะได้ก็ช่วงปลายๆซอยสุขุมวิท 16 ใกล้ๆกัน
การเดินทางโดยใช้รถ โครงการตั้งอยู่ในซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ที่เป็นซอยเชื่อมตั้งแต่ซอยสุขุมวิท 16 ไปจนถึงซอยอรรถกวีที่เป็นซอยที่เชื่อมกับซอยสุขุมวิท 26 ทำให้คนในพื้นที่นิยมใช้ในการเป็นทางลัดไปมาจะไม่ต้องไปรถติดที่ถนนสุขุมวิทและพระรามสี่ที่ติดมากในช่วงเช้าและหลังหกโมงเย็น ซึ่งถ้าผู้อยู่อาศัยเป็นคนขับรถจะค่อนข้างสะดวกถ้าทำงานไม่ไกลมากบนถนนสุขุมวิทหรือพระรามสี่หรือต้องการขึ้น-ลงทางด่วน เพราะสามารถขึ้น-ลงที่เส้นพระรามสี่จะเป็นจุดที่สะดวกที่สุด แต่การใช้รถจะเข้าถึงที่ดินโครงการได้จากซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ฝั่งซอย 22, 24, 26 เท่านั้น เพราะฝั่งซอย 16 มาจะไม่สามารถผ่านระยะ one-way สั้นๆใกล้โครงการได้ตามเส้นทางที่พาไปชม
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ สถานี MRT ที่ใกล้ที่สุดคือสถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ออกทางออกที่ 4 จะระยะห่างจากโครงการ 500 เมตร ซึ่งก็อยู่ในระยะที่เดินได้ แต่ด้วยสภาพแวดล้อมไม่ค่อยชวนเชิญให้เดินเท่าไรเนื่องจากไม่มีทางเท้า และสองฝั่งเป็นที่พักอาศัยแบบตึกแถวสูงไม่เกิน 5 ชั้นมากกว่า และบ้างก็จะเป็นพื้นที่ชุมชน บ้างเป็นพิ้นที่ปล่อยว่าง แต่ถ้าจะใช้บริการพี่วินจะอยู่ในทุกๆจุดทั้งที่หน้าสถานีและในซอยไผ่สิงโต ส่วนอีกสถานีอีกจุดที่ใกล้คือ BTS พร้อมพงษ์ประมาณ 1.4 กิโลเมตรซึ่งระยะจะพอๆกันกับ BTS อโศกที่เป็นจุด Interchange กันของ MRT สุขุมวิทด้วย นอกจากนั้นพี่วินมีที่หน้าโครงการ แต่ปัญหาอาจจะอยู่ที่รถเมล์ แท๊กซี่และรถตู้ที่ต้องเดินไปที่ถนนพระรามสี่หน่อย
วัสดุของโครงการตามราคาและรายการโปรโมชั่นวันที่เข้าไปรีวิว ถือว่าค่อนข้างโอเค ได้เป็นแบบ Fully fitted คือจากห้องตัวอย่างไม่ได้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวอย่างโซฟา เตียง เก้าอี้ แต่จะมีเฟอร์นิเจอร์ Built-in มาให้อย่างตู้เอนกประสงค์ที่ห้องนั่งเล่น ตู้เสื้อผ้าที่ห้องนอนที่ให้มาเต็มความสูงที่ 2.45 เมตรที่งานค่อนข้างละเอียดและเป็นแบบ Soft close ที่ได้มาเหมือนในห้องตัวอย่างคือห้องน้ำและห้องครัวได้ hob and hood สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจาก American standard แต่สเปกที่เลือกมาในแบรนด์ถือว่าเกรดยังเฉยๆ พื้นห้องนั่งเล่นและห้องนอนจะปูด้วยกระเบื้องไม้ลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร ห้องน้ำกับห้องครัวจะปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 60 เซนติเมตร ได้แอร์ตามแบบห้องเช่น 1 ห้องนอนได้ 2 ตัว แต่ไม่ได้เครื่องใช้ไฟฟ้า
การออกแบบโครงการ ด้วยขนาดแปลงที่ดินขนาดประมาณ 2 ไร่ครึ่ง สามารถทำเป็นอาคารเดียวต่อกันใหญ่ๆก็ได้ แต่โครงการเลือกจะแบ่งเป็น 2 อาคาร โดยอาคารด้านหน้ารูปตัว U คืออาคาร A มี 210 ยูนิต อาคารด้านหลังคืออาคาร B มี 106 ยูนิต รวมกันแล้ว 316 ยูนิต โดยแต่ละอาคารมีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ออกแบบห้องพักเป็นแบบ Double corridor คือมีห้องฝั่งตรงข้ามด้วย แบบห้องมีให้เลือกตั้งแต่ 24-56.5 ตารางเมตร แต่ห้องส่วนใหญ่ห้องจะเป็นแบบ 1 ห้องนอน Type B3-A หน้ากว้าง 7.5 เมตร ตามแบบห้องตัวอย่าง ซึ่งถือว่าเป็นห้องหน้ากว้างแบบ 1 ห้องนอนขนาดไม่เกิน 30 ตารางเมตรที่หาได้ยาก แต่ก็จะมีแบบอื่นๆตามเหลี่ยมมุม อย่างแบบ 2 ห้องนอนที่ห้องมุม และแบบ Studio อยู่ทางทิศเหนือของอาคาร A โดยคนที่ชอบการเข้าถึง Facility มากกว่าจะเหมาะกับอาคาร A และคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เพื่อนบ้านในอาคารน้อยกว่าจะเหมาะกับอาคาร B และมีห้องทิศเหนือที่เหมาะกับการอยู่อาศัยจำนวนมากกว่า
ส่วนกลางแทบจะทั้งหมดอยู่ที่ชั้น 1 มีทั้งส่วนที่เป็นกลางแจ้งและในอาคาร โดยจากทางเข้าโครงการจะเข้าที่ปีกอาคารฝั่งตะวันตกของอาคาร A พื้นที่จอดรถชั้น 1 จะต่อเนื่องกันทั้งหมดรวม A และ B จำนวนประมาณ 105 คันคิดเป็น 33% (ไม่รวมซ้อนคัน) ที่อาคาร A จะมี Lobby ตกแต่งสีนวล-ทอง-น้ำตาลตรงกลาง ด้านหลังมีห้องนิติบุคคลและฟิตเนส ข้างๆกันเป็นโถงลิฟท์ แต่เดินมาหน้าโครงการจะเจอกับประตูที่เปิดออกมาเจอสระว่ายน้ำขนาด 5 x 7 เมตร มีสนามหญ้า พื้นที่สีเขียว ศาลา สนามเด็กเล่น และ Coffee shop นอกจากนั้นก็จะมีที่พื้นที่ระหว่างอาคาร A และ B ที่เป็นพื้นที่นั่งเล่นรับลมนอกอาคาร ส่วนอาคาร B จะไม่มี Lobby แต่เป็นโถงลิฟท์ไปเลย
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 125,500 บาท/ตร.ม., 21 April 2016
- ทำเล 7.5/10 – ทำเลกว้างๆใจกลางเมือง แต่อยู่ในซอยเศรษฐีทวีทรัพย์รถพลุกพล่าน ไม่ค่อยมีความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดิน
- เดินทางด้วยรถ 8.5/10 – ซอยเศรษฐีทวีทรัพย์เป็นทางลัดพระรามสี่-สุขุมวิท-รัชดาที่ดี แต่มี one-way จากซอยไผ่สิงโต ที่จอดรถน้อย
- ไม่ใช้รถ 7.25/10 – 500 เมตรถึง MRT ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ สภาพซอยไม่น่าเดิน ควรใช้บริการพี่วิน
- วัสดุ 7.5/10 – fully fitted ได้ห้องน้ำ ห้องครัว เฟอร์นิเจอร์ built-in
- แบบ 7.5/10 – แบบห้องหลากหลาย แต่ออกแบบโครงการเรียบๆไปหน่อย
- สาธารณูปโภค 7/10 – อยู่ที่ชั้นล่าง มีสระว่ายน้ำ พื้นที่สีเขียว ฟิตเนส แต่ขนาดค่อนข้างเล็กสำหรับ 2 อาคาร 316 ยูนิต ลิฟท์ไม่ล็อกชั้น ที่จอดรถ 33%
- HIGH CLASS
- 7.56 / 10.00
BOTTOM LINE
The Nest สุขุมวิท 22 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดที่เดินทางด้วยรถเส้นพระรามสี่-สุขุมวิท-วงแหวนบ่อย หรือใช้ MRT ในระยะพี่วินเป็นหลัก หรืออีกทีคือทำงานแถวอโศกไปเลย มีพื้นที่บ้านเยอะหน่อยภายในโครงการ ในงบประมาณ 3 – 7.5 ล้านบาทและเผื่อเงินตกแต่งอีกนิดหน่อย หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 21,000 – 50,000 บาท/เดือน
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )