รีวิวฉบับที่ 2111 ..วันนี้จะพาไปชมคอนโดเปิดใหม่กับ The Livin รามคำแหง ความน่าสนใจคือเป็นคอนโดที่เปิดตัวมาในราคาต่อตารางเมตรถูกสุดในกลุ่มคอนโด High Rise มือหนึ่งใกล้สถานี Interchage แยกลำสาลี ที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 3 สาย (เหลือง ส้ม และน้ำตาล) ในระยะเดินสบาย 170 เมตร และใกล้ The Mall บางกะปิ …โครงการให้ Facilities มาตอบโจทย์คนรุ่นใหม่และจัดไว้บนชั้นสูงแบบเต็มชั้น จำนวนยูนิตจะเยอะหน่อยที่ 1,900 กว่าๆ ในราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท ไปชมกันเลยค่ะ
ข้อมูลโครงการ
23 August 2020
- The Livin Ramkhamhaeng (เดอะ ลิฟวิ่น รามคำแหง )
- Risland (Thailand) Co.,Ltd.
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2020 ได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่: ถนน รามคำแหง เขต บางกะปิ
- ที่ดินประมาณ 8-3-33 ไร่
- คอนโด High Rise 42 ชั้น 1 อาคาร 1,938 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 69 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 755 คัน คิดเป็น 41% (ยังไม่รวมจอดซ้อนคัน)
- เริ่มก่อสร้าง : Q1 ปี 2021
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q2 ปี 2024
- Studio 22.22-22.92 ตร.ม.
- 1 Bedroom 26.99-29.98 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus 32.32-32.87 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 38.58-61.49 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท (Studio 22 ตร.ม.) / หรือตร.ม.ละ 72,272 บาท
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 80,000 บาท/ตร.ม.
- ช่วงราคาต่อตารางเมตร ต่ำสุด – สูงสุดประมาณ 67,500 – 92,000 บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
- เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 085-505-1284
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มค่ะ
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.713492, 100.600415
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
โครงการ The Livin รามคำแหง ตั้งอยู่บนย่านบางกะปิ–รามคำแหง เป็นย่านแห่งมหาวิทยาลัย โดยมีมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ทั้งรามคำแหง และอัสสัมชัญ เรียกได้ว่าเป็น “แคมปัสทาวน์” อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ที่มีการแข่งขันกีฬารายการใหญ่มีผู้ชมนับแสนคน นับเป็นย่านที่มีศักยภาพสูง มีความคึกคักตลอดสาย และยังเป็นแหล่งชุมชนหนาแน่นดั่งเดิมที่มีมานาน จึงมีความอุดมสมบูรณ์พร้อมสำหรับการใช้ชีวิตและการอยู่อาศัย
ด้านความอุดมสมบูรณ์ที่ใกล้โครงการมากที่สุดคงหนีไม่พ้นห้างร้านและตลาดต่างๆ ซึ่งจะกระจุกตัวอยู่ใกล้ๆ แยกบางกะปิ ทั้ง The Mall บางกะปิ, ตะวันนา, Makro, Tesco Lotus, ตลาดบางกะปิ และห้างพันธุ์ทิพย์ ตัวโครงการอยู่ใกล้แยกบางกะปิประมาณ 700 เมตร เราลองเดินดูแล้วก็ไหวอยู่นะ เพราะโซนนั้นมีความคึกคัก เดินช้อปปิ้งผ่านตลาดไปเพลินๆ ก็ไปถึง The Mall และ Tesco Lotus ได้เลย แต่ก็แอบเหนื่อยนิดหน่อยอยู่เหมือนกัน
สำหรับที่ตั้งของโครงการอยู่บนถนนรามคำแหงช่วงที่เลยแยกลำสาลีขึ้นมาหน่อย ดูจากภาพรวมจะเห็นว่าสามารถเดินทางโดยรถยนต์ได้สะดวกเพราะอยู่ใกล้แยกลำสาลี แยกบางกะปิ ที่เชื่อมต่อถนนสายสำคัญหลายเส้นทั้งถนนลาดพร้าว ถนนเสรีไทย ถนนนวมินทร์ ถนนศรีนครินทร์ ถนนมีนบุรี
จากที่ตั้งโครงการที่อยู่ทางฝั่งขาออกเมืองจึงเชื่อมต่อไปทางมีนบุรี ทางเสรีไทยได้ง่าย ส่วนการเดินทางเข้าเมืองไปบางกะปิ ลาดพร้าว ต้องไปกลับรถมานิดหน่อย แต่ถนนรามคำแหงนี้ขึ้นชื่อว่ารถติดมาก ยิ่งในปัจจุบันมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มจึงทำให้เราจะยังคงเห็นรถติดหนักอยู่แบบนี้อีกอย่างน้อย 2 – 3 ปี แต่เมื่อโครงการรถไฟฟ้าก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรไปได้เยอะเลยทีเดียวค่ะ
สำหรับการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะของย่านนี้ ถือว่ามีตัวเลือกที่หลากหลาย ในปัจจุบันมีทั้งรถเมล์ เรือ Taxi วินมอเตอร์ไซค์ และที่สำคัญในตอนนี้ได้มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี) ซึ่งสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ MRT สถานีลำสาลี ซึ่งเป็นสถานี Interchange กับสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และสายสีน้ำตาล (แคราย-ลำสาลี) โดยสถานีแยกลำสาลีจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 170 m. ซึ่งถือว่าเป็นระยะที่สามารถเดินได้สบาย
รถไฟฟ้าที่จะเสร็จเป็นสายแรกในทำเลรอบโครงการคือ สายสีเหลืองที่คาดว่าจะสร้างเสร็จและเปิดใช้บริการช่วงกลางปี 65 ตามมาด้วยสายสีส้มที่กำหนดเสร็จเลื่อนไปประมาณปี 67 ตามข่าวล่าสุดของ รฟม. ซึ่งก็เป็นช่วงเดียวกับที่คอนโดจะสร้างเสร็จประมาณปี 67 พอดี ส่วนสายสีน้ำตาลคงต้องรอกันอีกหน่อยเพราะมีข่าวว่าจะเปิดประมูลช่วงปี 64 ค่ะ
นอกจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแล้วยังสามารถเดินทางด้วยเรือโดยสารที่คลองแสนแสบได้ โดยท่าเรือที่ใกล้ที่สุดคือ ท่าเรือบางกะปิ ถัดจากท่า The Mall บางกะปิมา 1 สถานี ซึ่งอยู่ด้านหลังโครงการในระยะเดินประมาณ 400 เมตร ถ้าในอนาคตโครงการมีการเปิดประตูทางออกด้านหลังที่ติดกับคลองก็จะมีระยะเหลือประมาณ 130 เมตร เท่านั้นค่ะ จึงสามารถนั่งเรือเข้าเมืองไปทางอโศก ประตูน้ำ ไปสุดจนถึงผ่านฟ้าได้ง่ายมากๆ
ซูมเข้ามาให้เห็นระยะห่างกับตัวสถานีกันชัดขึ้นหน่อย จากแผนของรฟม. ที่กำหนดทางขึ้นลงของสถานีมาแล้ว เราจึงสามารถวัดระยะจาก สถานี Interchange แยกลำสาลี ถึงโครงการได้ในระยะประมาณ 170 เมตร ข้ามถนนพ่วงศิริไปนิดเดียวก็ถึงตัวโครงการแล้วค่ะ
การเดินทางในวันนี้จะเริ่มจากถนนศรีนครินทร์ มุ่งหน้าเข้าหาแยกลำสาลีที่กำลังก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้ากันอยู่ รถจะติดเป็นพิเศษนิดนึง แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนรามคำแหง รวมระยะทางประมาณ 500 เมตร ก็ถึงโครงการแล้วค่ะ
เส้นทางการเดินทาง
สี่แยกใหญ่ที่เห็นด้านหน้าคือแยกลำสาลี ที่การจราจรค่อนข้างแน่นตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงที่กำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าแบบนี้ ซึ่งไม่ต้องกังวลนะคะเพราะโครงการมีกำหนดสร้างตึกเสร็จช่วงเดียวกับที่รถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้วค่ะ
หลังจากถึงสำนักงานขายกันแล้ว เราจะพาเดินชมบรรยากาศรอบๆ โครงการกันอีกสักหน่อย เพราะขนาดแปลงที่ดินของโครงการนี้ค่อนข้างใหญ่ ติดถนน 2 ทางคือถนนรามคำแหงและถนนพ่วงศิริ จะเป็นอย่างไรไปดูต่อกันเลย
ฝั่งตรงข้ามโครงการบนถนนรามคำแหงจะเห็นยอดของคอนโด High Rise 2 อาคาร ที่เล่าให้ฟังแล้วว่าลองไปเช็คราคามาเห็นว่ามีบางห้องราคาพอๆ กับ The Livin ที่เป็นคอนโดเปิดใหม่เลยนะ ราคาของโครงการนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่ก็ต้องยอมรับอย่างนึงว่าจำนวนยูนิตของ The Livin เยอะกว่าเพื่อนๆ ด้วยเช่นกัน
ฝั่งซ้ายของโครงการเป็นบรรยากาศของอาคารพาณิชย์ริมถนนรามคำแหง แต่เราลองเดินดูร้านส่วนใหญ่ไม่ใช่ร้านอาหารแหละ เป็นพวกร้านขายของใช้ อุปกรณ์ก่อสร้างมากกว่าของกิน
นอกจากอาคารพาณิชย์ริมถนนแล้ว ในซอยก็เป็นอาคารพาณิชย์ด้วยเช่นกัน แต่จะเป็นที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ บรรยากาศก็ดูสงบดีแม้ว่าจะอยู่ติดกับถนนใหญ่นะคะ
เรามาดูฝั่งขวาของโครงการกันบ้าง เงียบสงบคล้ายๆ ฝั่งซ้ายเลย
ลองพาเดินมาบริเวณแยกที่ตัดกับถนนพ่วงศิริ ซึ่งเป็นเส้นทางที่จะใช้เดินไปสถานีรถไฟฟ้าในอนาคต ก็มีฟุตบาทให้เดินริมทางได้ มีทางม้าลายให้ข้าม ที่รู้สึกได้อย่างนึงคือ บนเส้นนี้คนขับรถเร็ว มอเตอร์ไซค์ก็เยอะนะ ระวังกันด้วย
เข้ามาดูบรรยากาศในซอยพ่วงศิริกันต่อ ซอยนี้จะเชื่อมกับถนนลาดพร้าว-เสรีไทย ที่ใช้เดินไป The Mall บางกะปิ ได้ ทางเดินกว้างเดินสบายกว่าถนนรามคำแหง บนเส้นนี้เราเห็นมีร้านอาหารเปิดอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งหากโครงการสร้างเสร็จเราเดาว่าในอนาคตคงมีความคึกคักมากกว่านี้
เดินมาประมาณ 1 ช่วงตึกจะเห็นรั้วของโครงการ The Livin แล้ว โครงการอยู่ติดถนนพ่วงศิริ ยาวไปจนถึงคลองแสนแสบเลย ซึ่งโครงการแจ้งว่าในอนาคตคาดว่าจะเปิดประตูให้คนเดินเข้าออกทางฝั่งนี้ได้ ทำให้เดินไป The Mall ไปช้อปปิ้งที่ตลาดบางกะปิ ไปท่าเรือใกล้ขึ้น
เข้ามาในพื้นที่ของโครงการที่กำลังก่อสร้างอยู่ ทางทิศเหนือจะเป็นทิศที่ติดกับคลองแสนแสบ จึงไม่มีอาคารที่ติดกับโครงการทางฝั่งนี้นะคะ
ทางทิศตะวันออกจะติดกับกลุ่มอาคารพาณิชย์ 4-5 ชั้น ซึ่งไม่ได้กระทบกับห้องพักของโครงการเพราะเริ่มต้นที่ชั้น 7 แต่ในอนาคตพื้นที่ทางฝั่งนี้มีศักยภาพจะขึ้นเป็นอาคารสูงได้นะคะ
ทิศใต้คือทิศที่มองออกไปทางถนนรามคำแหง จะติดกับกลุ่มอาคารพาณิชย์ 4-5 ชั้น ซึ่งไม่ได้มีผลต่อห้องพัก โซนนี้เรามองว่าเรื่องวิวค่อนข้างปลอดภัย เพราะกลุ่มอาคารพาณิชย์นี้น่าจะรวมแปลงยาก ถึงรวมแปลงได้ก็น่าจะขึ้นได้แค่อาคารไม่เกิน 8 ชั้น
ทิศตะวันตกจะมองออกไปทางถนนพ่วงศิริ ซึ่งจะมีถนนช่วยเป็นตัวกั้นไม่ให้มีอาคารมาขึ้นในระยะประชิดอยู่แล้ว แต่ฝั่งตรงข้ามนั้นก็มีศักยภาพที่จะขึ้นเป็นอาคารสูงได้อยู่เหมือนกันค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบของโครงการส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์ 4-5 ชั้น ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อการพักอาศัยในโครงการนะ พูดได้ว่าปัจจุบันยังไม่มีอาคารสูงบังวิวในระยะประชิดเลย แต่ในอนาคตคงมีบ้างเพราะทำเลมีศักยภาพและเห็นมีแปลงที่ดินเปล่าที่สามารถพัฒนาเพิ่มได้อยู่
เดี๋ยวเราจะอธิบายลักษณะของตัวอาคารกันก่อน ค่อยพูดถึงเรื่องวิวโดยละเอียดอีกที จะได้ช่วยตัดสินใจได้ว่าจะเลือกห้องฝั่งไหนค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- MRT Lam Sali Station (Orange &Yellow) ~ 170 m.
- Bangkapi Pier ~ 400 m. (จากหน้าโครงการ ซึ่งในอนาคตมีแผนจะเปิดประตูทางออกด้านหลัง ห่างท่าเรือประมาณ 130 m.)
- NIDA Business School ~ 1 km.
- Tesco Lotus Bangkapi ~ 1.1 km.
- Ramkhamhaeng Advent International School ~ 1.2 km.
- The Mall Bangkapi ~ 1.3 km.
- Vejthani Hospital ~ 2.1 km.
- Paseo Town ~ 2.3 km.
- Ramkhamhaeng Hospital ~ 2.8 km.
- Samitivej Srinakarin Hospital ~ 3 km.
- Ramkhamheang University ~ 3.3 km.
- Makro Bangkapi ~ 3.5 km.
- Wellington International University ~ 4.1 km.
- Assumption University ~ 5.7 km.
รายละเอียดโครงการ
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้เราคงเห็นคอนโดเปิดใหม่บนถนนรามคำแหงหลายโครงการ เพราะเป็นถนนอีกเส้นหนึ่งที่โครงการรถไฟฟ้ากำลังจะเป็นรูปเป็นร่าง สำหรับโครงการ The Livin รามคำแหง เป็นคอนโดเปิดใหม่ใกล้สถานี Interchange แยกลำสาลี ที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 3 สาย โครงการนี้จึงเป็นตัวเลือกสำคัญสำหรับคนที่ต้องการอยู่ในทำเลเดินเชื่อมต่อรถไฟฟ้าได้ทั้ง 3 สาย และอยู่ใกล้ท่าเรือในระยะเดินได้
และจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของโครงการคือ เค้าจัดเต็มพื้นที่ส่วนกลางมาให้เยอะ จัดวางไว้หลายชั้น ตั้งแต่ชั้น 1, 7, 42 และ Rooftop ตามคอนเซปต์ Living Beyond Boundary คือการจัดฟังก์ชันและพื้นที่ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย ที่เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ จะเห็นได้ว่า Facilities ค่อนข้างทันสมัย โดยเฉพาะพื้นที่ส่วนกลางบนชั้น 42 เช่น Co-Working Space, Co-Kitchen และ Game Room เป็นต้น
อย่างไรก็ตามโครงการมีจำนวนยูนิตที่ค่อนข้างเยอะหน่อยเมื่อเทียบกับโครงการอื่นโดยรอบสถานี อยู่ที่ 1,938 ยูนิต แต่พอเทียบราคากับโครงการรอบๆ แล้วจะเห็นว่ามีในราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรถูกสุดในบรรดาคอนโด High Rise รอบสถานี Interchange นี้ เริ่มต้น 1.59 ล้านบาท หรือเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 80,000 บาท/ตร.ม.
มาดูภาพรวมของโครงการกันก่อนค่ะ …โครงการ The Livin รามคำแหง เป็นคอนโด High Rise มีความสูง 42 ชั้น 1 อาคาร มีจำนวนยูนิตในโครงการ 1,938 ยูนิต บนที่ดินเกือบ 9 ไร่ ชั้นที่พักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 7 และจะยกพื้นที่ส่วนกลางหลักๆ ไปไว้บนชั้น 7 และ ชั้น 42 เพื่อให้ได้เห็นวิวเมืองโดยรอบ
สำหรับห้องพักถูกออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัดหน่อย ส่วนใหญ่จะเป็นห้อง Studio, 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus ขนาดประมาณ 22-32 ตร.ม. จึงช่วยทำให้ราคา Package รวมของห้องหยิบจับง่ายขึ้น
จากแปลงที่ดินของโครงการจะอยู่ติดถนน 2 ฝั่ง คือทางถนนรามคำแหง และถนนพ่วงศิริ เป็นข้อดีของโครงการที่มีแผนจะเปิดทางเข้าออก 3 ทาง คือ
- ทางถนนรามคำแหง เป็นทางเข้าออกหลักที่สามารถใช้รถเข้าออกได้ทางเดียว
- ทางถนนพ่วงศิริ มีแผนจะทำเป็นประตูเล็ก ให้ลูกบ้านเดินเข้า-ออก
- ทางคลองแสนแสบ มีแผนจะเปิดประตูทางด้านหลังอีก 1 ประตู เพื่อให้ลูกบ้านสามารถเดินเชื่อมต่อไปท่าเรือบางกะปิได้สะดวก
***ขอหมายเหตุ ไว้นิดนึงว่า ประตูคนเดินเข้า-ออกทางถนนพ่วงศิริและทางคลองแสนแสบยังอยู่ในขั้นตอนขออนุญาตอยู่นะคะ จึงยังไม่สามารถยืนยันตำแหน่งที่แน่นอนได้
ทางเข้า – ออกรถของโครงการจะแบ่งเป็น 4 ช่องคือ ทางเข้าออกของลูกบ้าน และทางเข้าออกของ Visitors แบบนี้มีผลดีกับลูกบ้านที่มี Keycards ก็สามารถเข้าออกได้เลย ไม่ต้องรอรถติดหน้าโครงการเวลาที่มี Visitors มาแลกบัตร ซึ่งทางเข้าแบบนี้ส่วนใหญ่จะใช้กับโครงการบ้านเดี่ยว ไม่ค่อยเห็นใช้กับคอนโดนะคะ
เส้นทางการเดินรถยนต์ในโครงการอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือเป็นถนน One-Way เข้าไปแล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อวนหาที่จอดรอบอาคาร หรือไปขึ้นที่จอดรถบนอาคารก็ได้
หากใครมาส่งลูกบ้านก็สามารถวนมาส่งที่ Drop-Off บริเวณหน้าทางเข้าอาคารได้สะดวก ซึ่งโครงการนี้เป็นคอนโดใหญ่จึงออกแบบให้มี Lobby อยู่ 2 ตำแหน่ง บริเวณด้านหน้าและด้านหลังของอาคาร ถ้าห้องพักอยู่ใกล้ Lobby ฝั่งไหนก็สามารถเลือกขึ้นฝั่งนั้นได้ ทำให้เดินไปห้องได้ไม่ไกล
ตามทางเดินรถมาถึงด้านข้างโครงการที่ติดกับถนนพ่วงศิริ จะมีสวนหย่อมขนาดใหญ่ประมาณ 2 ไร่ครึ่งที่วางไว้ตรงกลางอาคาร เผื่อใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศออกมานั่งในสวนบ้างก็สามารถเดินเชื่อมออกมาได้ง่าย
ส่วนกลางหลักๆ ก็จะจัดไว้บนชั้น 7 เป็นสระว่ายน้ำและ Indoor Facilities ที่ได้วิวสระว่ายน้ำ
มาดูรายละเอียดของ Facility บนชั้น 7 กันสักนิด เริ่มจากสระว่ายน้ำความยาว 50 เมตร ซึ่งจะแบ่งพื้นที่ภายในออกเป็น Lap Pool ให้ออกกำลังกายได้อย่างจริงจัง และ Kid’s Pool เป็นสระเด็กที่โครงการเรียกว่า Kid’s Aqua Corner
นอกจากนี้ยังมีส่วนกลางที่เป็น Indoor Facilities ที่วางตำแหน่งไว้ให้ได้วิวสระสระว่ายน้ำ ได้แก่ ห้องเด็กเล่น (Kid’s Planet), Gym, Yoga, Boxing และ Lounge
วนมาถึงด้านหลังอาคารจะมีทางเข้า Lobby อีก 1 ตำแหน่ง เพราะโครงการรู้ว่าจำนวนยูนิตในอาคารค่อนข้างเยอะ การกระจาย Lobby ออกเป็น 2 ส่วนจึงช่วยให้ลูกบ้านทั้งโครงการไม่ต้องไปรอลิฟต์ที่ตำแหน่งเดียว และหากมีการเปิดใช้ประตูเข้าออกด้านข้างและด้านหลังก็จะได้ไม่ต้องเดินไปถึง Lobby ด้านหน้าด้วย ทำให้การอยู่อาศัยสะดวกขึ้นค่ะ
สำหรับภาพรวมของชั้นบนๆ ของอาคารจะมีลูกเล่นที่ทำเป็น Step ลดหลั่นไป ทำให้มีหลายๆ ชั้นที่มีสวนเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง อยู่บนชั้น 15, 20, 26,30, 34, 36 และ 40 เพื่อเพิ่มมุมนั่งเล่นในสวน ได้บรรยากาศสวนที่สงบ เป็นส่วนตัวขึ้น
ซึ่งโครงการนี้จะล็อกชั้น ให้ใช้สวนได้เฉพาะลูกบ้านที่มีห้องอยู่บนชั้นนั้นๆ เราว่าการจัดการแบบนี้ดี เพื่อช่วยให้ห้องพักบนชั้นที่มีสวนมีความปลอดภัยเช่นเดียวกับห้องพักบนชั้นอื่นๆ ทำให้ห้องพักบนชั้นเหล่านี้ถือว่าเป็นห้องที่มี Value พิเศษ รวมๆ พื้นที่สวนของทุกชั้นทั้งโครงการก็มีพื้นที่ถึง 6,000 ตร.ม. เลยนะ
Facilities หลักอีกส่วนจะอยู่บนอาคารที่ชั้น 42 ซึ่งจัดมาแบบเต็มชั้น และเพิ่มความพิเศษกว่าส่วนกลางอื่นๆ โดยทำเป็นฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume ทำให้พื้นที่ดูโปร่ง น่าใช้งาน
ฟังก์ชันที่เลือกมาให้ก็เหมาะกับกลุ่มวัยรุ่นยุคใหม่ที่ทำงานผ่านทางออนไลน์ได้ หรือต้องการพื้นที่ให้นัดคุยงาน นัดประชุม เช่น Meeting Room, Co-Kitchen Studio, Co-Working Space &Workshop Studio และมีส่วนกลางเพื่อการพักผ่อนอย่าง Theater Room, Game Room, E-Sport Entertainment และ Sky Lounge
ขึ้นมาบนชั้น Rooftop จะจัดฟังก์ชันหลักๆ เป็นพื้นที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง ได้แก่ เส้นทางวิ่ง Loop นึงประมาณ 100 เมตร และสวนส่วนกลางให้ขึ้นมาชมวิว เปลี่ยนบรรยากาศได้อีกมุมหนึ่งในโครงการค่ะ
ภาพจำลองบรรยากาศของโครงการ เป็นคอนโด High Rise อาคารใหญ่ มีจุดเด่นที่อยู่ใกล้สถานี Interchange แยกลำสาลีและแปลงที่ดินติดถนน 2 ฝั่ง
ก่อนไปดูแปลนเราอยากพาไปชมบรรยากาศภายใน Sales Gallery กันหน่อย เค้าตกแต่งมาโดยได้แรงบันดาลใจจาก Bulgari Hotel ที่ Milan ประเทศ อิตาลี ที่ใช้ไม้เป็นหลักและเพิ่มความวิบวับด้วยรายละเอียดสีทองๆ ให้บรรยากาศดูอบอุ่น
การตกแต่งด้วยคอนเซปต์นี้จะใช้กับพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย สไตล์ Homey
มาดู Master Plan ของโครงการ The Livin รามคำแหง กันต่อ ดูจากรูปของที่ดินจะเป็นแปลงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่เปิดทางเข้าออกหลักให้เชื่อมกับถนนรามคำแหง โดยพื้นที่ตั้งของตัวอาคารจะไม่ได้อยู่ติดกับถนนรามคำแหงนะ จะขยับเข้ามาด้านในอยู่ติดถนนพ่วงศิริกับคลองแสนแสบแทน เรามองว่าตรงนี้มีข้อดีที่ช่วยหลบความวุ่นวายและมลภาวะจากถนนใหญ่อย่างรามคำแหงได้เป็นอย่างดี
ในชั้นนี้พื้นที่นอกอาคารส่วนใหญ่จะเป็นทางเดินรถและสวน ซึ่งวางตำแหน่งไว้ให้ติดกับถนนพ่วงศิริ จึงเป็น Set Back ที่ดีให้กับอาคาร ช่วยให้ห้องพักไม่อยู่ติดถนนมากเกินไป สำหรับที่จอดรถส่วนใหญ่จะอยู่บนอาคาร และบางส่วนที่อยู่รอบอาคาร โดยรวมมีสัดส่วนที่จอดรถคิดเป็น 41% (ยังไม่รวมจอดซ้อนคัน) ถือว่าเป็นสัดส่วนที่ไม่น้อยเกินไปสำหรับโครงการใกล้รถไฟฟ้า
ตัวอาคารสร้างเต็มพื้นที่ด้านใน สำหรับ Lobby ที่เป็นส่วนต้อนรับจะไม่ได้อยู่ตรงหน้าทางเข้าเป๊ะๆ นะ เค้าวางหลบมาทางด้านข้าง ซึ่งการวางแบบนี้มีข้อดีที่ทำให้เกิด Privacy เพิ่มขึ้นอีกระดับ และมี Lobby ให้ 2 ตำแหน่ง เพื่อกระจายความหนาแน่นในการใช้งาน เพราะโครงการนี้มียูนิตค่อนข้างเยอะ
ส่วนของ Lift Lobby มีให้เลือกใช้ 3 ตำแหน่ง กระจายอยู่ทั้งด้านหน้า ตรงกลางและด้านหลังของอาคาร ทำให้ห้องพักทุกตำแหน่งเดินไม่ไกลจากลิฟต์มากนัก มีลิฟต์โดยสาร 10 ตัว และ Service Lift อีก 1 ตัว ดังนั้นอัตราส่วนลิฟต์จะอยู่ที่ 194 : 1 ถ้าเทียบกับโครงการระดับราคานี้ ในทำเลนี้ก็ถือว่าพอๆ กันนะคะ
โครงการมี Shop 3 ยูนิต โดยจะวางร้านค้า 1 ร้านไว้ด้านหน้าโครงการ เดาว่าน่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อ ส่วนอีก 2 ร้านอยู่ใกล้ๆ กับ Lobby ทั้ง 2 ตำแหน่ง
ห้องพักอาศัยของโครงการเริ่มที่ชั้น 7 ซึ่งเป็นชั้นที่มีส่วนกลางหลักๆ ของโครงการที่จัดไว้ให้ ได้แก่ Swimming Pool ขนาดประมาณ 50 x 10 ม. ที่ออกแบบให้มีโซน Kid’s Pool ด้วย
ส่วนกลางภายในอาคารก็จัดไว้หลากหลาย ได้แก่ Gym, Boxing Hit, Lounge, Yoga, Kid’s Room หรือที่โครงการเรียกว่า Kids Planet ซึ่งแต่ละฟังก์ชันก็จะมีขนาดพื้นที่ที่ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าให้มาเยอะดี และจัดวางตำแหน่งให้ได้วิวสระทั้งหมด จึงน่าจะได้วิวดี ดูน่าใช้งาน
ห้องพักอาศัยบนชั้นนี้มีทั้งหมด 54 ยูนิต โดยห้องส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 1-Bedroom มีให้เลือกทั้ง 4 ทิศเลยนะ ส่วนแบบ 2-Bedroom จะเป็นห้องมุมทั้ง 4 ด้านของอาคาร
สำหรับการเลือกห้องพักของคอนโด High Rise แบบนี้หลายคนคงให้ความสำคัญเรื่องวิวใช่มั้ยคะ เรามองว่าพื้นที่แถบนี้ส่วนใหญ่ยังสามารถพัฒนาขึ้นเป็นอาคารสูงได้ จึงขอเลือกห้องที่พอการันตีวิวได้ว่าจะไม่มีอาคารมาบังนะ..
บนชั้น 7 นี้มีตำแหน่งของห้องพักที่เรามองว่าน่าสนใจคือห้องทางทิศใต้ที่อยู่ตรงกับทางเข้าโครงการ และห้องพักอีกโซนหนึ่งที่เราว่าน่าสนใจคือห้องที่ได้วิวสระว่ายน้ำ ซึ่งระยะห่างระหว่างตึกค่อนข้างไกลอยู่ที่ประมาณ 80 เมตร จึงไม่ได้ทำให้อึดอัดหรือรบกวนความเป็นส่วนตัวมากนัก
มาดู Typical Floor Plan ของโครงการที่ชั้น 9-14 เป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น โดยแปลนก็จะเหมือนกับที่ชั้น 7 แต่มีจำนวนยูนิตมากขึ้นถึง 69 ยูนิต
ตำแหน่งของห้องพักอาศัยที่เรามองว่าน่าสนใจคือห้องทางทิศใต้หันออกอยู่ด้านหน้าโครงการ จึงไม่มีอาคารมาบังวิวในอนาคต และอีกโซนหนึ่งคือห้องที่หันออกทางทิศตะวันตก จะได้วิวที่หันเข้าหาถนนพ่วงศิริ ทำให้ไม่มีอาคารมาบังวิวในระยะประชิด อย่างน้อยก็มีถนนกั้นค่ะ
สำหรับห้องพักในชั้นที่เหลือก็จะมีแปลนเหมือนตามรูปนี้แหละ แต่จะค่อยๆ ลดหลั่นจำนวนห้องลงไป ถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวหน่อยก็ให้เลือกชั้นสูงไว้ จะมีจำนวนห้องน้อยกว่าชั้นล่างๆ ค่ะ
สำหรับชั้น 42 จัดเป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งชั้น ส่วนใหญ่จัดฟังก์ชันให้เหมาะกับการทำงาน และพักผ่อนเป็นหลัก ซึ่งแน่นอนว่าส่วนกลางบนชั้นนี้จะได้วิวเมืองโดยรอบ
ฟังก์ชันที่จัดไว้ได้แก่ BBQ Corner, Co-Kitchen Studio, Sky Lounge, Board Game/ Game Club/ E-Sport Entertainment, Theater, Co-working Space&Working Studio, Meeting Room
สำหรับชั้นบนสุดของอาคารจะเป็น Rooftop ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางบนชั้นนี้จัดฟังก์ชันให้เหมาะสำหรับการวิ่ง Jogging โดยมี Loop สำหรับวิ่งรอบละ 100 เมตร มีเครื่องเล่นออกกำลังกาย และมีพื้นที่สวนให้ขึ้นมาพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศได้ค่ะ
นอกจากพื้นที่บนนี้จะมีฟังก์ชันเป็นชั้น Facilities แล้ว Rooftop ยังมีข้อดีที่ช่วยป้องกันความร้อนจากบนหลังคาให้แก่พื้นที่ส่วนกลางบนชั้น 42 ได้เป็นอย่างดีอีกด้วยค่ะ
ขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของอาคารแล้ว เราของอธิบายเรื่องวิวโดยรอบกันหน่อย ถ้าดูตามสภาพปัจจุบัน โครงการจะไม่มีอาคารสูงมาบล็อกวิวในระยะเลยนะคะ แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่ยังมองเห็นว่ามีที่ว่างที่สามารถพัฒนาเป็นอาคารสูงได้
อย่างเช่นที่ดินเปล่าใกล้ๆ โครงการทางทิศเหนือ และทิศตะวันออก ที่ต้องลุ้นกันต่อไปว่าจะถูกพัฒนาเป็นอะไร ส่วนทางทิศตะวันตกไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเท่าไหร่เพราะอย่างน้อยก็มีระยะ Set Back และถนนพ่วงศิริ กั้นทำให้มั่นใจได้ระดับนึงว่า จะไม่มีอาคารมาบล็อกวิวใกล้ๆ
ส่วนทางทิศใต้นั้นเรามองว่า การที่ตัวอาคารเข้ามาอยู่ด้านใน ไม่ติดถนนทำให้มีระยะ Set Back ที่ห่างจากคอนโดสูงในฝั่งตรงข้ามมากอยู่ จึงการันตีได้ในระดับนึงว่าจะไม่มีอาคารมาบล็อกวิวในระยะประชิดทางฝั่งนี้ค่ะ
เราเอาภาพถ่ายจาก Drone เป็นวิวประมาณชั้น 42 มาฝาก โซนนี้ยังไม่มีอาคารสูงมากสักเท่าไหร่ แต่แนะนำให้เลือกมุมที่ค่อนข้างปลอดภัยจากแปลงที่ดินว่างๆ เอาไว้ก่อนนะ
วิวช่วงเย็นอีกสักรูปนึงค่ะ จากบนชั้น 42 เช่นเดียวกัน
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สวนหย่อมที่ชั้น 1, 20, 26, 34, 40 และ ดาดฟ้า (รวมพื้นที่สวนเกือบ 4 ไร่)
7th Floor
- Lap Pool ระบบเกลือ ขนาด 50×10 เมตร ลึก 1.20 เมตร
- Kid’s Aqua Corner
- Kid’s Planet
- Gym
- Yoga
- Boxing
- Lounge
42nd Floor
- Sky Lounge
- Meeting Room
- Theater Room
- Co-Kitchen Studio
- Co-Working Space &Workshop Studio
- Game Room
- E-Sport Entertainment
Rooftop
- Jogging Track
- Garden
- ลิฟต์โดยสาร 10 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 194 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 755 คันคิดเป็น 41 % (ยังไม่รวมจอดซ้อนคัน)
- ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card
แบบห้อง
โครงการ The Livin รามคำแหง เป็นโครงการที่มีรูปแบบห้องให้เลือกหลากหลาย ห้องพักส่วนใหญ่เป็นแบบ Studio, ห้อง 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus ขนาด 22 – 32 ตร.ม. ซึ่งเป็นขนาดยอดฮิตของโครงการที่ติดถนนรามคำแหงเลย
สำหรับ The Livin รามคำแหง เค้าทำราคาออกมาได้จับต้องง่ายหน่อย มีราคาเฉลี่ยทั้งโครงการอยู่ที่ 80,000 บาท/ตร.ม. ถ้าไซส์ 22 ตร.ม. ก็มีราคาเริ่มต้นประมาณ 1.59 ล้านบาท สำหรับรูปแบบห้องพักอาศัย มีให้เลือกทั้งหมด 4 ประเภท ดังนี้
- Studio 22.22-22.92 ตร.ม.
- 1 Bedroom 26.99-29.98 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus 32.32-32.87 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 38.58-61.49 ตร.ม.
โครงการขายแบบ Fully Fitted ให้เคาน์เตอร์ครัว Hob&Hood ของ Franke และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ American Standard ถ้าเทียบกับราคาก็ถือว่าสมเหตุสมผล เหมาะกับคนที่มีเงินก้อนสำหรับตกแต่งเพิ่มอีกหน่อยค่ะ
ห้องตัวอย่าง Type แรกที่จะพาไปดู คือห้อง 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม. เป็นห้องขนาดเล็กที่พักอาศัย 1-2 คนได้ลงตัวดี ห้อง Type นี้เน้นพื้นที่ทำอาหารที่เป็นแบบครัวปิด ติดระเบียง เหมาะกับคนที่อยากได้ครัวไทยแบบเป็นสัดส่วนระบายอากาศได้ดี
ห้องนอนของที่นี่จะมีขนาดใหญ่หน่อย ทำให้มีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าภายในห้องได้ มีช่องหน้าต่างในตัว จึงดูโปร่ง ได้รับแสงธรรมชาติแบบเต็มๆ แลกกับพื้นที่นั่งเล่นและห้องน้ำที่อยู่ด้านในอาคาร ในเวลากลางวันหากไม่เปิดไฟ ก็ต้องอาศัยแสงที่ลอดผ่านห้องนอนและห้องครัวมาแทน
ส่วนตำแหน่งวางโต๊ะทานข้าวจะอยู่ข้างโซฟา จึงสามารถนั่งทานอาหารและดูทีวีไปได้ในเวลาเดียวกัน ส่วนห้องน้ำจะอยู่ด้านในอาคารจึงต้องอาศัยระบบระบายอากาศของอาคารล้วนๆ ค่ะ
เข้ามาในห้องจะเจอกับห้องนั่งเล่นเป็นส่วนแรก ห้องนอนและห้องครัวจะถูกวางตำแหน่งไว้ด้านในติดกับหน้าต่างทั้งหมด ระดับฝ้าเพดานที่ 2.6 เมตร ปูพื้นด้วยไม้ลามิเนตตามมาตรฐานโครงการระดับนี้
ภายในห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ที่รวม Living & Dining เข้าไว้ด้วยกัน แม้พื้นที่ไม่กว้างเท่าไหร่แต่ก็วางฟังก์ชันได้ลงตัวดี
สำหรับพื้นที่นั่งเล่นมีระยะดูทีวีประมาณ 2.6 ม. มีขนาดทีวีที่เหมาะสมที่ขนาดประมาณ 55 นิ้ว ซึ่งบริเวณชั้นวางทีวีนั้นจะได้เป็นพื้นที่โล่งๆ ไม่ได้ Built-in มาให้ เราจึงสามารถออกแบบชั้นวางทีวีตามที่เราชอบได้เลย
ตำแหน่งวางชุดโซฟาจะมีขนาดให้พอวางโซฟาแบบ 2 ที่นั่งได้ ส่วนโต๊ะกลาง ถ้าจะวางโต๊ะกลางก็เลือกตัวเล็กๆ หน่อยไม่ให้บังทางเข้าออกหน้าประตูห้องนะคะ
สังเกตุพื้นที่ฝั่งผนังวางทีวีจะมีพื้นที่พอให้ Built-in ตู้ไว้ฝั่งหนึ่ง และเหลือพื้นที่สำหรับติดทีวีได้ ตรงนี้เป็นข้อดีนะ เพราะหลายๆ ที่ที่เคยดูมาบางทีถ้าแคบเกินไป จะไม่เหลือพื้นที่ให้ทำตู้เก็บรองเท้าเลย
ติดกับโซฟาเป็นตำแหน่งของโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง เวลาเลือกซื้อโต๊ะเก้าอี้ก็อย่าเลือกขนาดใหญ่มาก ให้เหลือพื้นที่สักหน่อย เวลาขยับเก้าอี้เข้าไปนั่งจะได้สะดวกค่ะ
ถ้าไม่ชอบโต๊ะทานอาหารที่หันเข้าหาผนัง ก็เลือกขนาดโต๊ะให้เล็กกว่านี้แล้วนั่งแบบเข้ามุมแทนก็ได้ค่ะ
ด้านหลังของชั้นวางทีวีจะเป็นทางเข้าห้องน้ำ ส่วนตัวชอบให้ตำแหน่งของห้องน้ำเชื่อมกับห้องนั่งเล่นนี่แหละ เผื่อเวลาเพื่อนมาหาจะได้เข้าห้องน้ำสะดวก ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนเรานะ
บริเวณหน้าห้องน้ำเป็นพื้นที่โล่งๆ สำหรับไว้วางตู้เย็น ลองวัดพื้นที่คร่าวๆ มาก็ประมาณ 0.9 x 0.7 ม. ถ้าวางตู้เย็นขนาดตามห้องตัวอย่างก็ประมาณ 8 คิวค่ะ
มาดูในห้องน้ำกันต่อ สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้ ก็จะได้ครบตามอย่างห้องตัวอย่างเลย รวมถึงช่องวางของแบบ Built-in ด้วยค่ะ
ภายในห้องน้ำแบ่งแยกส่วนเปียกแห้งไว้ด้วยฉากกั้นอาบน้ำและขอบธรณี ทำให้สามารถใช้งานได้เป็นสัดส่วน พื้นและผนังปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ทั้งหมด
อ่างล้างมือขนาดกะทัดรัด มีพื้นที่ขอบอ่างให้วางของได้นิดหน่อย แต่คงไม่พอสำหรับสาวๆ ที่ของใช้จะเยอะหน่อย ก็แนะนำให้เลือกติดตู้กระจกที่มีชั้นวางของภายในตู้ให้เก็บของได้เพิ่มขึ้น
ใต้อ่างล้างมือมีตู้เก็บของบานเปิดปิด ให้เก็บของได้อีกนิดหน่อย
สุขภัณฑ์ 2 ชิ้นของ American Standard มาเป็น Set พร้อมสายฉีดชำระและแกนใส่กระดาษทิชชู่
ด้านข้างสุขภัณฑ์มีช่องให้วางของได้นิดหน่อย ตามปกติในห้องน้ำก็จะวางพวกน้ำหอมปรับอากาศ ก็เป็นของจำเป็นสำหรับห้องน้ำในคอนโด ที่ไม่ได้มีหน้าต่างระบายอากาศนะคะ
สำหรับพื้นที่อาบน้ำจะมีฉากกั้นอาบน้ำบานเลื่อนเป็นแบบ 3 ตอน ทำให้สามารถเปิดเข้าออกได้กว้าง พื้นที่อาบน้ำมีขนาดกว้างยาวประมาณ 0.9 x 0.8 ม. เป็นขนาดที่ยืนอาบน้ำแล้วพอจะหมุนตัวได้เล็กน้อย
ภายในพื้นที่อาบน้ำ จะติดตั้งฝักบัวอาบน้ำมาให้เรียบร้อยของ American Standard ข้อดีของห้องน้ำนี้คือ มี Built-in ผนังเป็นช่องสำหรับวางของใช้ในห้องน้ำมาให้ด้วย ซึ่งหากไม่มีมาให้แล้วต้องเจาะเอง ก็ต้องดูเรื่องของงานระบบให้ดีๆ ว่าแนวท่ออยู่ตรงไหนนะ
โครงการเก็บรายละเอียดมาให้เรียบร้อยดี โดยติดขอบยางกันกระแทกที่ฉากกั้นบานเลื่อนเอาไว้ให้
สำหรับห้องนอนและครัวจะมีประตูกระจกบานเลื่อนกระจกแบบ 2 ตอน เพื่อกั้นพื้นที่ออกจากส่วนอื่น ห้องครัวจึงได้เป็นครัวปิด ทำให้กลิ่นและควันเวลาทำอาหารไม่ให้ฟุ้งไปทั่วห้อง
ในส่วนของประตูห้องนอนที่เป็นบานกระจก จะทำให้เสียความเป็นส่วนตัวภายในห้องไปได้เหมือนกัน ก็สามารถแก้ด้วยการติดม่านบังสายตาเพิ่มเติมได้
รางประตูบานเลื่อนในแต่ละห้องถูกฝังลงบนพื้นเลยทำให้เดินเข้าออกได้สะดวก
ภายในห้องมีพื้นที่ใช้สอยพอสมควรให้วางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ เห็นบรรยากาศดูโปร่งๆ ไม่อึดอัดแบบนี้ เป็นเพราะพื้นที่ในห้องค่อนข้างกว้าง และมีบานหน้าต่างอยู่ในห้องจึงได้แสงธรรมชาติผ่านเข้ามาแบบเต็มที่
บานหน้าต่างในห้องเป็นแบบบาน Fixed ผสมบานกระทุ้งให้สามารถเปิดระบายอากาศได้ จากตำแหน่งของหน้าต่างทำให้เราสามารถนอนมองวิวจากบนเตียงได้เลย และถ้าใครอยากติดทีวีในห้องนอนแนะนำเป็นแบบแขวนผนัง
หน้าต่างบานกระทุ้งเปิดได้กว้างทีเดียว มือจับมีขนาดมาตรฐาน สามารถเปิดใช้งานได้สะดวก และติดเส้นกำมะหยี่ช่วยกันเสียงภายนอกไว้เรียบร้อย
อีกฝั่งหนึ่งของเตียงนอนจะมีพื้นที่เหลือให้วางตู้เสื้อผ้าได้
พื้นที่ข้างเตียงที่เหลือค่อนข้างกว้างทีเดียว มีระยะกว้างประมาณ 1.2 เมตร ทำให้เราสามารถเปิดตู้เสื้อผ้าได้สะดวก
ภายในห้องครัวมีความกว้างไม่มาก ซึ่งโครงการจะ Built-in Pantry ครัวมาให้เรียบร้อยตามแบบในห้องตัวอย่าง
พื้นที่สำหรับเดินทำครัวกว้างประมาณ 70 ซม. เรามองว่าเหมาะจะยืนทำอาหารคนเดียวเพราะเดินสวนกันไม่ได้นะ พื้นในห้องครัวปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้จึงดูแลรักษาง่าย
ตู้ใต้เคาน์เตอร์ครัวจะได้มาเป็นตู้เก็บของและช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้า แบบนี้มีทั้งข้อดีข้อเสียคือ ทำให้มีพื้นที่เก็บของใช้ และอุปกรณ์ต่างๆ น้อยลงแต่ก็ทำให้สามารถวางเครื่องซักผ้าในห้องได้ เราจึงใช้งานพื้นที่ระเบียงสำหรับตากผ้า ปลูกต้นไม้ได้เต็มที่
เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีตู้เก็บของที่เป็นบานเปิดปิด หน้าบานเป็นไม้ลามิเนต ซึ่งตู้ใต้อ่างล้างจานมีพื้นที่ให้ใช้เก็บของเล็กๆ น้อยๆ ได้แต่ใส่ของเต็มไม่ได้ เพราะต้องเว้นพื้นที่ไว้เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจานด้วย
มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง แบ่งพื้นที่ใช้งานมาได้ครบทั้งล้างจาน, เตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควัน และมีพื้นที่โล่งอีกเล็กน้อยไว้ให้เตรียมอาหาร Top เป็นหินสังเคราะห์
ห้องตัวอย่างจะติดกระจกไว้เป็น Backsplash ด้านหลังเคาน์เตอร์ครัว ซึ่งห้องจริงจะได้เป็นผนังกระเบื้องแทนนะคะ มีข้อดีคือเวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Franke จะใช้อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ หรือ ทำอาหารทานกันในห้องก็ได้ มาพร้อมเครื่องดูดควันแบบหมุนเวียน ซึ่งห้องครัวนี้เป็นครัวปิดที่ติดกับระเบียง เราจึงสามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายกลิ่น ควันได้เลยค่ะ
ถัดไปเป็นซิงค์ล้างจานของ Franke มีขนาดและความลึกพอสมควรที่ล้างจานแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมา
มีตู้ช่องโล่งให้วางไมโครเวฟได้
ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิดปิด
ภายในตู้แบ่งเป็นช่องเก็บของย่อยๆ บานพับเป็นแบบ Soft Close
ด้านในสุดของห้องครัวจะมีประตูกระจกบานเลื่อนสำหรับเปิดออกไประเบียง และเป็นช่องแสงให้กับห้องครัวด้วย
พื้นที่ระเบียงขนาดประมาณ 1.5 x 1.1 ม. ก็เป็นขนาดที่วางราวตากผ้าได้ หรือหากใครอยากปลูกต้นไม้บนระเบียง ก็แนะนำให้ใช้เป็นราวตากที่ติดกับผนัง ก็จะช่วยลดพื้นที่ได้ดีค่ะ
ส่วน Condensing Unit ถูกออกแบบมาเป็นแบบแขวน จัดวางตำแหน่งมาให้อยู่ชิดผนังและหันเข้าหาระเบียง ซึ่งแนะนำว่าติดตั้งตัวปัดทิศทางลมร้อนเพิ่มอีกหน่อย จะทำให้ความร้อนไม่สะสมอยู่ที่ระเบียงค่ะ
ดวงไฟในห้องก็จะได้เป็นดาวน์ไลท์ตามแบบในห้องตัวอย่าง ส่วนฝ้าเรียบๆ ทาสีขาวปกติค่ะ
ขยับมาที่ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 32 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้นทำให้มีการเพิ่มฟังก์ชันในส่วนของ Multi – Purpose Room ขึ้นมาอีก 1 ห้อง เหมาะกับคนที่ต้องการห้องอเนกประสงค์สำหรับทำงาน หรือต้องการ Walk-in Closet ที่ดูเป็นสัดส่วน
แต่แปลนนี้ก็มีข้อแตกต่างจากแบบแรก คือครัวจะได้เป็นครัวเปิด จึงเหมาะกับคนที่ทำอาหารเพียงเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ทำอาหารหนักๆ หรือมีกลิ่นฉุนเป็นประจำ
สำหรับข้อด้อยของแปลนนี้คือ พื้นที่นั่งเล่นไม่ได้วิวภายนอก โซนครัวและห้องน้ำจะถูกจัดไว้ด้านในตัวอาคารทำให้ต้องพึ่งระบบระบายอากาศของอาคารล้วนๆ ค่ะ
เข้ามาภายในห้องจะเจอพื้นที่นั่งเล่นรับแขกก่อนเลย ถัดเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่สำหรับทำครัวและทานอาหาร ด้านในสุดเป็นห้องนอนที่มีประตูบานเลื่อนกระจกกั้นพื้นที่ไว้เป็นสัดส่วน ซึ่งห้องนั่งเล่นก็ต้องอาศัยแสงธรรมชาติที่ลอดผ่านจากประตูกระจกนี้มาช่วยให้บรรยากาศในห้องดูโปร่งขึ้น
ภายในโซนนั่งเล่นมีการจัดวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง มีระยะดูทีวีประมาณ 2.2 เมตร มีขนาดทีวีที่เหมาะสมกับระยะนี้อยู่ที่ 49 นิ้ว
ส่วนผนังหลังชั้นวางทีวีจะมีความกว้างแค่พอให้วางทีวีได้สะดวก แต่จะไม่มีพื้นที่สำหรับทำตู้เก็บของบริเวณหน้าห้องเหมือนห้องแบบแรกนะคะ
ติดกับโซฟามีพื้นที่โล่งๆ ให้วางโต๊ะทานอาหาร ลักษณะการจัดวางโต๊ะในห้องตัวอย่างจะเหมือนกับแบบแรก ซึ่งห้องนี้มีพื้นที่ที่กว้างขึ้นทำให้สามารถจัดวางโต๊ะในรูปแบบอื่นได้
พื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานอาหารค่อนข้างกว้าง ถ้าใครชอบดูทีวีไปทานอาหารไปก็มีพื้นที่ให้หมุนโต๊ะอาหารมาติดกับโซฟาได้นะคะ
ฝั่งตรงข้าม Living&Dining Area เป็นตำแหน่งของ Pantry ครัว ซึ่งอยู่ระหว่างห้องน้ำและห้องอเนกประสงค์ จุดที่น่าสังเกตคือเค้าวางตำแหน่งของเครื่องซักผ้าไว้ที่ Pantry ครัวเลย ทำให้สามารถใช้งานระเบียงได้เต็มที่เหมือนห้องแบบแรกค่ะ
ชุดครัวของห้องนี้จะได้เป็น Pantry ตัว L มีขนาดกะทัดรัดหน่อย ไม่ได้มีพื้นที่ให้ทำอาหารเยอะนัก เหมาะกับคนที่ทำอาหารทานเล็กๆ น้อยๆ หรืออุ่นอาหารเท่านั้น
ส่วนที่เราชอบสำหรับ Type นี้คือห้องน้ำที่ได้พื้นที่กว้างขึ้น เดินเข้าไปแล้วไม่อึดอัด ด้านในติดตั้งวัสดุอุปกรณ์ของ American Standard ให้ครบถ้วนเหมือนกับห้องน้ำในห้องแบบแรกเลยนะคะ
พื้นที่ภายในห้องจะแบ่งพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งไว้เรียบร้อย
สำหรับพื้นที่ด้านในห้องในส่วนที่ติดกับหน้าต่างจะเป็นห้องนอนและห้องอเนกประสงค์ ซึ่งหากต้องการความเป็นส่วนตัวในแต่ละห้องก็ติดม่านเพิ่มได้นะคะ
พื้นที่ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงใหญ่ได้สบายๆ และมีหน้าต่างอยู่ภายในห้อง ทำให้สามารถนอนมองวิวจากบนเตียงนอนได้เลย
ในส่วนของปลายเตียงนั้นเป็นตำแหน่งสำหรับติดทีวี แนะนำให้ติดแบบแขวนดีกว่าเพื่อประหยัดพื้นที่ทางเดินรอบเตียงค่ะ
ภายในห้องนอนยังมีพื้นที่ข้างเตียงให้วางตู้เสื้อผ้าได้เช่นเดียวกับห้องแบบแรก หรือถ้าเจ้าของห้องเป็นสาวๆ ก็สามารถทำห้องอเนกประสงค์ให้เป็น Walk-in Closet และใช้พื้นที่บริเวณนี้สำหรับวางโต๊ะทำงานแทนได้
พื้นที่ข้างเตียงที่เหลือมีระยะประมาณ 1.2 เมตร จึงสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย
ปิดท้ายด้วยห้องอเนกประสงค์ ซึ่งหากดูหลายๆ โครงการจะเห็นว่าบางที่จัดแปลนห้องนี้ให้เชื่อมต่อกับห้องนอนนะ แต่ที่นี่แยกออกมาจากห้องนอนเลยทำให้ใช้งานได้เป็นสัดส่วนดี เช่น หากแฟนเราเข้านอนแล้ว แต่เรายังต้องทำงานอยู่ ก็จะได้ไม่รบกวนกัน
ห้องนี้จะมีข้อจำกัดในการเลือกขนาดเฟอร์นิเจอร์นะ ถ้าเลือกเฟอร์ฯ ชิ้นใหญ่ จะทำให้ขวางทางเดินเข้าเข้าออกประตูทั้ง 2 ด้าน หรือเปิดประตูบานเลื่อนลำบาก แต่ข้อดีก็คือเป็นห้องที่สามารถเชื่อมไประเบียงได้ เผื่อทำงานเหนื่อยๆ อยากเปลี่ยนบรรยากาศ ไปดูวิว รับลมบ้าง
พื้นที่ระเบียงของห้องนี้มีขนาดใหญ่กว่าห้อง 1 Bedroom Plus ของโครงการทั่วๆ ไป โดยมีขนาดประมาณ 2.1 x 0.8 เมตร พอให้วางราวตากผ้าและเหลือพื้นที่ให้ปลูกต้นไม้กระถางได้อีกนิดหน่อย
การติดตั้ง Condensing Unit จะถูกแขวนไว้ด้านบน ห้องนี้ติดแบบให้ลมร้อนหันออกด้านนอก ทำให้ความร้อนไม่สะสมอยู่ที่ระเบียง และมีราวลูกกรงเหล็กกั้นไว้ให้ดูเรียบร้อย ส่วนตัวชอบระเบียงของห้องนี้นะ เพราะมีพื้นที่เหลือให้ยืนชมวิวได้
สวิชต์เปิด – ปิดและปลั๊กไฟจะได้ตามมาตรฐานของโครงการค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคา
23 August 2020
- Studio / ชั้น 10 ห้อง 1012 / เนื้อที่ 23.85 ตร.ม. / ราคา 1,722,619 บาท หรือ 72,227 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom / ชั้น 10 ห้อง 1013 / เนื้อที่ 27.6 ตร.ม. / ราคา 2,144,598 บาท หรือ 77,703 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus / ชั้น 10 ห้อง 1018 / เนื้อที่ 32.83 ตร.ม. / ราคา 2,356,058 บาท หรือ 71,765 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom / ชั้น 10 ห้อง 1010 / เนื้อที่ 55.07 ตร.ม. / ราคา 3,987,054 บาท หรือ 72,400 บาท/ตร.ม.
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.60 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
- Hob & Hood / ของยี่ห้อ Franke
- จอง 5,000 บาท
- ทำสัญญา 3%
- ดาวน์ 5% ผ่อนดาวน์ 40 งวด
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเล : โครงการ The Livin รามคำแหง ตั้งอยู่บนทำเลย่านรามคำแหง-บางกะปิ ในตำแหน่งที่ใกล้ความอุดมสมบูรณ์สูงสุดของย่าน คือบริเวณแยกบางกะปิที่กระจุกตัวกันของห้างร้านและตลาดต่างๆ ทั้ง The Mall บางกะปิ, ตะวันนา, Makro, Tesco Lotus, ตลาดบางกะปิ และห้างพันธุ์ทิพย์ โดยตัวโครงการอยู่ใกล้แยกบางกะปิ ประมาณ 700 เมตร นอกจากนี้บนเส้นรามคำแหงยังเป็น “แคมปัสทาวน์” มีมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ 2 แห่งคือ ม.รามคำแหง และ ม. อัสสัมชัญ และเป็นที่ตั้งของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จึงนับเป็นอีกทำเลที่มีศักยภาพในการพัฒนา
การเดินทางโดยใช้รถ : ตัวโครงการอยู่ติดถนนรามคำแหงฝั่งขาออกเมือง แต่จะเลยแยกลำสาลีมาหน่อย ทำให้เดินทางออกเมืองไปเส้นมีนบุรี และเสรีไทยได้ง่าย แต่ถ้าต้องการเข้าเมืองไปทางลาดพร้าว บางกะปิ นวมินทร์ หรือไปศรีนครินทร์ ต้องไปกลับรถมานิดหน่อย โดยโครงการมีที่จอดรถประมาณ 755 คัน คิดเป็น 41% (ยังไม่รวมจอดซ้อนคัน) ถือว่าเป็นสัดส่วนที่ไม่มากนัก แต่เมื่อเทียบกับโครงการรอบๆ รถไฟฟ้าแล้วก็ถือว่าไม่ได้น้อยกว่าเพื่อนๆ นะคะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : เรามองว่าการเดินทางโดยการขนส่งสาธารณะเป็นจุดเด่นของโครงการนี้เลยเพราะ โครงการนี้เป็นคอนโดเปิดใหม่ที่มีราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรถูกสุด ในกลุ่มคอนโด High Rise มือหนึ่งใกล้สถานี Interchange แยกลำสาลี ซึ่งจะเป็นสถานีที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 3 สาย คือ สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี), สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และสายสีน้ำตาล (แคราย-ลำสาลี) โดยตัวสถานีจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 170 m. ซึ่งถือว่าเป็นระยะที่สามารถเดินได้สบาย
สำหรับในปัจจุบันมีทั้งรถเมล์, Taxi, วิมอเตอร์ไซค์ นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางด้วยเรือโดยสารที่คลองแสนแสบได้ โดยท่าเรือที่ใกล้ที่สุดคือ ท่าเรือบางกะปิ ในระยะเดินประมาณ 400 เมตร ถ้าในอนาคตโครงการมีการเปิดประตูทางออกด้านหลังที่ติดกับคลองก็จะมีระยะเหลือประมาณ 130 เมตร ซึ่งเป็นรูปแบบการเดินทางที่ยังเป็นที่นิยมของชาวรามคำแหงอยู่ในปัจจุบัน
วัสดุ : วัสดุทั้งพื้น, ผนัง, ชุดครัวแลสุขภัณฑ์ต่างๆ ที่ให้มาค่อนข้างมาตรฐานตามราคา คือถ้าไปดูโครงการโดยรอบที่ราคานี้ก็จะให้ของสเปคนี้นี่แหละ ส่วนสิ่งที่คิดว่าน่าจะให้ได้ดีกว่านี้คือ เครื่องดูดควันของชุดครัวในห้องที่เป็นครัวเปิด น่าจะเดินท่อให้ปล่อยออกด้านนอกอีกสักหน่อยจะดีค่ะ
การออกแบบ : ทำออกมาได้ดีพอสมควรสำหรับคอนโดที่มีจำนวนยูนิตเยอะเกือบ 2,000 ยูนิต มีความยากที่จะออกแบบให้การอยู่อาศัยไม่อึดอัด ซึ่งทางโครงการก็ได้แยก Lobby ออกเป็น 2 ส่วนและจัด Lift Lobby ไว้ 3 ตำแหน่ง ทำให้ผู้อยู่อาศัยทั้งอาคารสามารถกระจายไปใช้งานตามจุดต่างๆ ที่อยู่ใกล้กับห้องพักของตัวเองได้ และห้องพักของทั้งอาคารไม่บังวิวกันเอง
เรามองว่าส่วนกลางทำออกมาได้น่าใช้งาน จากขนาดของ Facilities ส่วนกลางหลักๆ ในแต่ละชั้นที่ค่อนข้างใหญ่ เช่น สวนบนชั้น 1 ก็รวมเป็นพื้นที่เดียวกันเลยประมาณ 2 ไร่ครึ่ง ขึ้นมาที่ 7 ก็จัดสระว่ายน้ำยาว 50 เมตร และวางให้ Indoor Facilities ทั้งหมดได้วิวสระว่ายน้ำ ส่วนชั้น 42 ก็จัดส่วนกลางไว้แบบเต็มชั้น แถมยังมีสวนหย่อมที่แทรกอยู่ตามชั้นต่างๆ เพื่อเป็นมุมพักผ่อนสำหรับคนที่ต้องการความสงบหน่อย เป็นส่วนตัวมากขึ้น และจัดการให้ใช้ได้เฉพาะลูกบ้านในชั้นนั้นๆ ทำให้ลูกบ้านได้ความปลอดภัยในการพักอาศัย
สำหรับการออกแบบห้องพักอาศัย เน้นไปที่ห้องขนาดเล็กแบบ Studio, 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus เพื่อให้ราคา Package รวมต่อห้องหยิบจับง่าย มีรูปแบบห้องให้เลือกหลากหลาย ทั้งครัวเปิด ครัวปิด เน้นไปที่ห้องนอนจะมีขนาดใหญ่หน่อย และมีหน้าต่างในห้อง
สาธารณูปโภค : โดยรวมถือว่ามีหลากหลายและน่าใช้งานนะคะ โดยส่วนกลางจะแยกออกเป็น 4 ชั้นหลักๆ คือที่ชั้น 1, 7, 42 และ Rooftop นอกจาก Facilities หลักๆ ที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้วอย่างพวกสระว่ายน้ำ, Fitness, Yoga โครงการนี้มีการเพิ่ม Facilities ที่จัดมาให้เข้าไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการพื้นที่ทำงาน ห้องประชุม ที่อยู่ในโครงการ เช่น Co-Working Space, Co-Kitchen, Meeting Room และฟังก์ชันที่ใช้สำหรับพักผ่อนเช่น Game Room ซึ่งจัดพื้นที่ส่วนกลางมาเยอะ แต่ก็ต้องแชร์กับลูกบ้านจำนวน 1,900 กว่าๆ ยูนิตด้วยเช่นกัน สำหรับอัตราส่วนลิฟต์ถือว่าค่อนข้างหนาแน่นอยู่ที่ 194 : 1 คงต้องเผื่อเวลาขึ้นลงลิฟต์ในช่วงเร่งด่วนกันสักนิดค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 80,000 บาท/ตร.ม., 23 August 2020
- ทำเล 8.5/10 – ติดถนนใหญ่ ใกล้สถานี Interchange แยกลำสาลี เชื่อม 3 สถานีและใกล้ The Mall บางกะปิ
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – สะดวก จุดกลับรถอยู่ไม่ไกล ที่จอดรถ 41%
- ไม่ใช้รถ 9/10 – ตัวเลือกการเดินทางหลากหลาย อนาคตมีรถไฟฟ้าใช้ในระยะเดินถึง
- วัสดุ 7/10 – มาตรฐานทั่วไป Fully Fitted
- แบบ 7.75/10 – แม้ว่ายูนิตเยอะแต่พยายามออกแบบให้ไม่อึดอัด ห้องพักจัดฟังก์ชันลงตัวเกือบทุกแบบ
- สาธารณูปโภค 8.5/10 – ส่วนกลางให้มาเยอะ พื้นที่ขนาดใหญ่น่าใช้งาน
- MAIN CLASS
- 8.2 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ The Livin รามคำแหง เหมาะกับคน 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือคนที่อยากอยู่คอนโดสูง ในย่านรามคำแหง-บางกะปิ หาคอนโดใกล้สถานี Interchange แยกลำสาลี ในระยะที่เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าได้สบาย ไม่ไกลจาก The Mall บางกะปิมากนัก เดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะเป็นหลักทั้งทางรถและทางเรือ และเป็นคนรุ่นใหม่ที่ชอบพื้นที่ส่วนกลางที่ทำงานได้ รับได้กับการอยู่คอนโดใหญ่ จำนวนยูนิตเยอะ ในงบประมาณจำกัดตั้งแต่ 1.59 – 4 ล้าน มีกำลังผ่อนต่อเดือนตั้งแต่ 11,000-28,000 บาท
หรือมองอีกแง่หนึ่งจะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการซื้อคอนโดที่มีราคาหยิบจับง่ายในทำเลใกล้สถานีรถไฟฟ้า Interchange เพื่อรอราคาขึ้นในอนาคต
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving