รีวิวฉบับที่ 773 สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปดูคอนโดสร้างเสร็จ The Knight I และ The Knight II by Khightbrige คอนโด Low Rise 8 ชั้น คู่แฝดในซอยแบริ่ง วันนี้โครงการสร้างเสร็จมีลูกบ้านทยอยเข้าอยู่กันแล้ว เราเลยจะพามาอัพเดทว่าหน้าตาตึกเสร็จแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูกันเล้ยย
Fact @ 12 February 2015
- The Knight I by Knightsbridge
- Origin Property
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในซอยแบริ่ง
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 70 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 30% รวมจอดซ้อนคัน
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 10 ยูนิต
- ที่ดินประมาณ 0-1-60 ไร่
- 1 Bedroom 27-34 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms 44-45 ตารางเมตร
- ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
- ราคาเริ่มต้น 1.62 ล้านบาทหรือประมาณ 63,000บาทต่อตารางเมตร
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS แบริ่ง ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS แบริ่ง
- http://www.knightcondo.com/project.html
- โทร 092-7160033
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
พิกัด 13.657676, 100.606073
จากแผนที่ของโครงการจะเห็นว่า ที่ตั้งโครงการ The Knight นั้น อยู่ในซอยแบริ่ง 1 ซึ่งเป็นซอยย่อย ในซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่ง ค่ะ สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถยนต์โครงการนี้จะเชื่อมด้วยถนนหลัก 2 สาย คือถนนสุขุมวิท และถนนศรีนครินทร์ ซึ่งตัวโครงการจะเยื้องมาทางถนนสุขุมวิทมากกว่า
ถนนทั้ง2สายคือ ถนนสุขุมวิท และถนนศรีนครินทร์สามารถเชื่อมเข้าเมืองได้ทั้งคู่ โดยไม่ต้องขึ้นทางด่วน ซึ่งเส้นสุขุมวิทที่เป็นถนนหลักของโครงการสามารถตรงเข้าไปสยามได้ และถนนศรีนครินทร์ที่ถือว่าเป็นถนนเส้นรองของโครงการสามารถเชื่อมกับเขตบางกะปิได้ ซึ่งถนนทั้ง2สายมีการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นทั้งคู่
แต่ในบริเวณที่ตั้งโครงการยังมีตัวเลือกอื่นๆในการเดินทาง คือทางด่วน ที่ใช้งานได้ค่อนข้างสะดวกนอกจากเวลาเช้าและเย็นที่คนเข้าเมืองและออกเมืองกันเยอะมากค่ะ โดยทางด่วนมีให้เลือก 2 ทางคือ ทางด่วนบางนาที่สามารถเข้าเมืองหรือออกชลบุรีก็ได้ แต่ขาเข้าเมืองรถจะเยอะมากในช่วงเวลาเร่งด่วน
ส่วนเส้นที่2คือ วงแหวนกาญจนาภิเษกซึ่งมีตำแหน่งขึ้นได้2ทางคือถ้าจะไปทางพระราม2 จะใช้ทางขึ้นบริเวณถนนสุขุมวิทที่เลยไปทางสำโรง แต่ถ้าจะขึ้นไปทางรามคำแหงหรือรามอินทรา จะใช้ทางขึ้นบริเวณบางนา-ตราด จะสะดวกกว่าค่ะ
เนื่องจากโครงการอยู่ใน ถนนสุขุมวิท107 (ซอยแบริ่ง) แยก แบริ่งซอย1 ช่วงกลางซอย ซึ่งซอยนี้ถ้าตรงเข้ามาเรื่อยๆ จะบรรจบกับ ลาซาลซอย12 ที่เชื่อมกับถนนสุขุมวิท105(ซอยลาซาล)ได้ด้วย
ทำเล บริเวณรอบๆโครงการ ถือว่าเป็นทำเลที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินถึง แม้จะระยะ 850 เมตร ที่ถือว่าค่อนข้างเดินเหนื่อย แต่ก็มีตัวเลือกที่เป็นพี่วินมาส่งจากหน้าปากซอย และระหว่างทางก็มีของกิน ทั้งร้านก๋วยเตี๊ยว ไอศกรีม ร้านอาหารตามสั่ง ข้าวแกง ฝั่งตรงข้ามถนนสุขุมวิทก็เป็นตลาดขนาดใหญ่ให้จับจ่ายซื้อของได้ โครงการสามารถทะลุซอยลาซาล ที่เป็นซอยที่มีความอุดมสมบูรณ์เช่นกัน เรียกได้ว่าอยู่ที่นี่สบายๆและเพื่อนบ้านค่อนข้างเยอะ ทั้ง Knightbridge โครงการรุ่นพี่ The Gallery, Pantasia Villa , Cassia , Notting Hill , Pause และหลายๆโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้น ย่านนี้จึงน่าจะเติบโตได้อีกมากในด้านที่อยู่อาศัยอนาคต
เราจะพาเดินจาก BTS แบริ่ง ไปที่ถนนสุขุมวิท 107(ซอยแบริ่ง) และทะลุเข้าซอยแบริ่ง 1 แยก 2 เพื่อเข้าไปดูโครงการค่ะ
นี่ตือเส้นทางที่เราจะเดินกัน ระยะจาก BTS มาถึงโครงการเดินมาประมาณนี้ค่ะ
เริ่มสตาร์ทเท้ากันบน BTS แบริ่งค่ะ หันไปด้านถนนแบริ่ง จะเห็นโครงการ The Knight I และ The Knight II อยู่ไกลๆ ข้างหน้าที่เด็กเตะบอลนั้นคือสนามกีฬาของโรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูวร์ค่ะ ส่วนพื้นที่ว่างข้างเคียงกำลังปรับที่ดินซึ่งเราไม่ทราบว่ากำลังจะสร้างอะไร
จะเห็นว่าที่ดินว่างเปล่านั้นการสร้างที่พักชั่วคราวของคนงาน ถัดไปเป็นที่จอดรถ และบริเวณโดยรอบเป็นคอนโด หอพัก อาคารพาณิชย์ และที่พักอาศัยซะเป็นส่วนใหญ่
ลองเดินออกจากสถานีด้านซอยลาซาล จะมีร้านขายอาหารรถเข็นตั้งอยู่พอสมควร
ลองเดินตรงไปข้างหน้าเป็นซอยลาซาลค่ะ ปากซอยมี 7eleven ใหญ่ด้วย เราจะเดินย้อนไปอีกทางนะคะ
เราเดินมาที่ถนนใหญ่เลียบถนนสุขุมวิทกันนะคะ ฝั่งตรงข้ามจะเห็น 7eleven และร้านขายของ
ฝั้งตรงข้ามถัดไปอีกก็มีปั๊ม ESSO ค่ะ เวลาสายๆของวันพฤหัส รถไม่ค่อยติดมากค่ะ
เดินต่อไปจะเจอร้านผ้าเบรค ทางเข้าโรงแรม ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นเต้นท์รถนะคะ
เดินต่อไปอีกจะเจอโรงรับจำนำ ร้านขายของ
เดินต่อมา มีป้อมพี่วินคอยให้บริการอยู่นะคะ
เดินต่อมาจะเจอร้านรถเข็น ขายกล้วยปิ้ง ไข่ปิ้ง ร้านขายลูกชิ้น และถัดไปเป็นสามแยกค่ะ
โดยตรงไปจะสามารถไป เทพารักษ์ ปู่เข้าสมิงพราย และสำโรง ได้ค่ะ ส่วนเราจะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 107(แบริ่ง)กันนะคะ
เข้าซอยมานิดนึงเราจะเจอโรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูวร์ เจ้าของสนามฟุตบอลที่เรามองลงมาจาก BTS ค่ะ
มองไปฝั่งเยื้องๆกัน เป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ซึ่งเป็นร้านขายของกิน ..เพียบบค่ะ
เดินต่อมา เราเจอสำนักงานขาย ของ Pause
ถัดมาอีกนิดเจอสำนักงานขาย VOQUE CONDO
เยื้องๆฝั่งตรงข้าม เราเจอ knightsbridge ที่เป็นรูปเป็นร่างแล้ว และ The Gallery ที่อยู่คู่กัน ด้านหลังเป็นอพาร์ทเม้นต์ให้เช่า ส่วนพื้นที่ฝั่งนี้เป็นที่ดินเปล่าค่ะ
ด้านหน้า Knightsbridge
ด้านหน้า The Gallery มีหมีด้วย
ถัดไปเป็นตึกหน้าตายุโรปๆ มีทั้งอาคารพาณิชย์ให้เช่า และหมู่บ้าน โครงการ Fantasia Villa 2 จุดสังเกตจะเป็นป้ายร้านสปาที่เด่นมาก
ถัดมาเป็น 7eleven ที่อยู่หน้าซอยโครงการ เป็น 7eleven ใหญ่ทีเดียวค่ะ
เลี้ยวเข้าทางซ้ายมือซอยแบริ่ง 1 ค่ะ จะเห็นตู้เอทีเอ็มธนาคารออมสินอยู่ต้นซอย ช่วงที่เข้าไปเก็บข้อมูลกำลังซ่อมพื้นทางเดินอยู่พอดีเลยดูไม่ค่อยเรียบร้อยสักหน่อยนะคะ
เดินเข้าซอยมาเป็นซอยเล็กๆค่ะ แต่ในซอยมีคอนโดขึ้น 3-4 โครงการเลยทีเดียว
เดินมานิดเดียวก็เจอโครงการของเราค่ะ The Knight I และ The Khight II อาคารสีฟ้าขาวคู่ฝาแฝด
เราเดินเข้าไปดูด้านในซอยกันก่อนนะคะว่ามีอะไรบ้าง มองไปไกลๆที่มีมอเตอร์ไซค์จอด 2 คันนั้นคือซุ้มพี่วินอีกจุดนอกจากหน้าปากซอยนะคะ
ค่าบริการ ไปปากซอย 10 บาทเท่านั้นค่ะ
เดินเลยไปเป็น Cassia และ Notting Hill เป็นคอนโดเพื่อนบ้านเราทั้งคู่ค่ะ
มองตรงไปจะเป็นสามแยก ซึ่งถ้าเลี้ยวซ้าย จะสามารถทะลุไปซอยลาซาลได้
เลี้ยวขวา สุดทางไปเป็นอพาร์ทเม้นต์ให้เช่า
ถ้ามองไปซ้ายมือจะเป็นแยก ซึ่งสามารถไปทะลุซอยสุขุมวิท 105 (ซอยลาซาล) ได้ค่ะ
เราเดินกลับมาที่โครงการตึกจะหันหน้าเข้าหากันค่ะ ด้านซ้ายเป็น The Knight I ด้านขวาเป็น The Knight II
เดินเลยโครงการไปจะเป็นที่เรียนพิเศษภาษาอังกฤษ และเป็นอาคารบ้านพักอาศัยค่ะ
Special recommend : แน่นอนว่าเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ สำหรับใครที่สนใจโครงการ The Knight จากการสอบถามคนที่อยุ่บริเวณนี้ เค้าแนะนำว่า มีร้านก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่ง เด็ดดด โดยเราเดินออกมาจากโครงการ (ซอยแบริ่ง 1 ) เดินตรงมาเรื่อยๆนิดเดียว จะเจอซอยที่มีป้ายเยอะๆแบบนี้ค่ะ
เข้ามาจะเจอร้านอาหารตามสั่ง ร้านป้ายไวนิล ร้านแว่นและฟิตเนส
มองทางขวามือจะเห็น “ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือกางมุ้ง” เจ้านี้ค่ะ
บรรยากาศในร้าน ช่วงบ่ายก็ยังมีคนมาเรื่อยๆ
หน้าตาก๋วยเตี๋ยวว.. ชามเดียวไม่พอ
เดินออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ก็มีร้านไอศกรีมกะทินมสด เจ้าของร้านบอกว่าทำเอง รสชาติใช้ได้ มีเครื่องให้เลือกหลากหลาย ถ้วยเล็กราคา 20 บาท ถ้วยใหญ่ราคา 30 บาทค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- 7 eleven ~100 เมตร
- BTS แบริ่ง ~ 850 เมตร
- โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์ 600 เมตร
- เมเจอร์ซินีเพล็กซ์ ~600 เมตร
- BITEC บางนา ~1.5 กิโลเมตร
- เซ็นทรัลบางนา ~ 4 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ~ 4 กิโลเมตร
- พาราไดซ์พาร์ค ~5 กิโลเมตร
- ซีคอนสแควร์ ~6 กิโลเมตร
- เมกาบางนา ~12 กิโลเมตร
เจาะลึกตัวโครงการ
โครงการ The Knight I เป็นคอนโดตึกแฝดคู่กับ The Knight II เป็นคอนโดแบบ Low Rise สูง 8 ชั้น 70 ยูนิต ขนาดแปลงที่ดินอยู่ที่ 160 ตารางวา มีสิ่งอำนวยความสะดวกเป็น Fitness สระว่ายน้ำ และสวนดาดฟ้า โดยตัวอาคารใช้สีฟ้า-ขาว
มาเริ่มกันที่ Floor Plan นะคะ โครงการจะจัดสาธารณูปโภคและ Facilities ไว้ที่ชั้น G ซึ่งประกอบด้วย LOBBY, สำนักงาน,ห้องไฟฟ้า,ห้องฟิตเนส สระว่ายน้ำ รวมทั้งที่จอดรถ โดยในโครงการมีพื้นที่จอดรถให้ 30 %รวมจอดซ้อนคัน คิดแล้วลูกบ้านก็จะสามารถจอดรถได้ประมาณ 20 คัน โดยในโครงการจะมีรถ Shuttle Service ให้ ซึ่งจะใช้ที่จอดรถร่วมกับลูกบ้าน(เสียที่ให้เค้าจอดไปอีก 1 คัน) โดยพื้นที่จอดรถทั้งหมดถูกจัดให้อยู่ในชั้นนี้ จึงกินพื้นที่ไปกว่า 60 % แต่ก็ไม่ได้แย่ค่ะ เพียงแต่ที่จอดอาจจะไม่พอกับลูกบ้าน เพราะระยะทาง 850 กม.ถึงรถไฟฟ้า หลายคนคงใช้รถส่วนตัวกัน ใครกลับมาดึกๆที่จอดรถเต็ม คงต้องไปฝากรถไว้กับตำรวจ เอ้ยย ฝากในซอยข้างๆบ้าง
ส่วนลิฟต์ในโครงการจะมีให้ 1 ตัวค่ะ โครงการมี 70 ยูนิต ก็คิดเป็นอัตราส่วน 70 : 1 ถือว่ากำลังดี แต่ถ้าลิฟต์เสียก็ต้องมีเดินขึ้นลงบันไดบริหารขากันบ้างล่ะน้าา
มาดูที่ผังชั้น 2 กันบ้าง ผังนี้จะเหมือนกันถึงชั้น 6 นะคะ แต่ในส่วนของยูนิตพักอาศัยทั้งหมดจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ถึงชั้น 8 มีชั้นละ 10 ยูนิต รวมแล้ว 70 ยูนิต โถงทางเดินออกแบบมาเป็นแนวยาว มีหน้าต่างช่องแสงอยู่ตรงปลายทางเดินและบันไดขึ้นลงทั้งสองด้านของ Corridor ทำให้แสงเข้าอาคารไม่มืดทึบค่ะ
ขึ้นมาดูผังชั้น 7 ห้องทิศเหนือจะได้เป็นระเบียงยาว แต่พื้นที่ห้องก็จะลดลงนะคะ อันนี้ต้องเลือกเอาตามความชอบ ส่วนห้องทางทิศใต้ขนาดเท่าเดิม
ผังชั้น 8 จะมีห้อง 2 BEDROOM อยู่ 1 ห้องคือห้อง 809 นอกนั้นเป็น 1 BEDROOM ค่ะ มีด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่ห้องจะมีระเบียงยาว แต่ห้องจะเล็กลงมาอีก ส่วนด้านทิศใต้ห้องขนาดเท่าเดิมค่ะ
เห็นผังกันแล้ว เราไปดูหน้าตาส่วนกลางชั้น 1 กันดีกว่าค่ะ เนื่องจากวันที่ไปรีวิว เราได้ไปดูส่วนกลางและห้องตัวอย่างของ The Knight II ก่อน แล้วก็มาชม The Knight I ต่อ เลยเห็นว่าสองตึกนี้แตกต่างกันที่ตัวล็อบบี้เท่านั้น ส่วน Facilities ส่วนอื่น เค้าเป็นแฝดพี่แฝดน้องท้องเดียวกันออกมาเลย งั้นก่อนอื่น เราไปดู The knight II ก่อน แล้วจะพาไปดู The Knight I นะคะ^^
มาเริ่มกันที่ The Knight II ตึกจะอยู่ด้านซ้ายมือ ส่วนด้านขวาเป็น The Knight I ตรงไปจะเป็นซอยบ้านพักอาศัย
ก่อนถึงโครงการจะติดกับบ้านคน และด้านหลังตึกเป็น Cassia Condo
หน้าโครงการเป็นที่จอดรถค่ะ ด้านหน้าไม่มีรั้วว มีแต่เสาไฟฟ้าที่เป็นตัวบอกอาณาเขต
ถ้ามองที่หน้าตึกมุมเต็มๆจะเป็นแบบนี้ค่ะ
ทางเข้า ด้านซ้ายมือเป็น LOBBY ส่วนด้านขวามือเป็นป้อมยามค่ะ ด้านหลังก็เป็นที่จอดรถรัวๆ
เข้ามาก็จะเจอทางเข้า LOBBY ค่ะ
อีกด้านก็เป็นป้อมยาม มีเก้าอี้สำหรับพี่ยามสองคน ผลัดเวรกันตรวจความเรียบร้อย
เดินเข้ามา นิดหน่อยก็เป็นกำแพงด้านหลังโครงการแล้ว มีที่จอดรถได้คันหนึ่ง แต่คงถอยลำบากนิดนึงนะคะ
ที่พอจอดรถคันเล็กๆ Yaris , Nissan March หรือ Mini cooper สักคัน
เดินกลับมาที่ Lobby กันดีกว่าค่ะ
พื้นเป็น Slope เล็กน้อย ตรงนี้โอเคค่ะ
เข้ามาปุ๊บจะเจอกับ Lobby ซึ่งเป็นส่วนเดียวกับสำนักงานค่ะ
มีที่นั่งพักคอย มีแมกกาซีนให้นั่งอ่านรอเพื่อน
มองไปอีกด้านหนึ่งจะเป็นโถงลิฟต์ค่ะ โดยมีที่นั่งพักคอยเล็กๆ มีตู้จดหมาย และมีกระดานบอร์ดสำหรับติดประกาศค่ะ
โถงลิฟต์ค่อนข้างกว่างพอดีๆกับ 70 ยูนิต มีโทรศัพท์ให้โทรเข้าห้อง ถัดจากลิฟต์ซ้ายมือจะเห็นประตูทางออก
ออกมาเป็นห้องฟิตเนสค่ะ พื้นเป็นพื้นไม้ลามิเนต ใส่รองเท้ากีฬาพื้นยางจะได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดๆชัดหน่อยนะคะ
ห้องเล็กๆกระทัดรัด บรรจุเครื่องเล่นได้ 5 เครื่อง รวมฟิตบอลอีก 1 อัน ห้องนี้แสงสว่างตอนกลางวันเข้าดีมากๆไม่ต้องเปิดไฟเลยค่ะ
มีประตูทางออกไปสระว่ายน้ำ
ประตูเปิดออกด้านนอก พื้นมีการยกระดับที่ค่อนข้างแคบและกระชั้นในระยะการเปิดประตูเข้า-ออก
ออกจากห้องฟิตเนสเป็นสระว่ายน้ำค่ะ มีโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งริมสระ
มีสระเด็กที่พื้นที่ไม่มากนัก เนื่องจากพื้นที่จำกัด และ มี Jacuzzi นั่งเล่นได้ค่ะ สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือนะคะ
เราเดินมาที่ริมสระว่ายน้ำ ด้วยความที่พื้นที่มีน้อย แต่โครงการอยากให้ออกกำลังกายได้ด้วย จึงติดระบบ Swim Jet เข้าไปด้วย ซึ่งเป็นระบบสร้างกระแสน้ำ ทำให้สามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้ โดยอาศัยการว่ายทวนน้ำค่ะ ซึ่งแม้ว่าสระจะเล็ก แต่ก็ยังสามารถออกกำลังกายได้จริง
ทางโครงการเปิดระบบ Swim Jet ให้ดู น้ำจะออกมาเป็นระรอกคลื่น ทำให้เหมือนเราว่ายน้ำอยู่ในแม่น้ำที่มีน้ำไหลเชี่ยวค่ะ
มุมมองจากขอบสระมองเข้าไป สามารถขึ้น-ลงสระว่ายน้ำได้ทางนี้ค่ะ
พื้นด้านหน้าประตูมียกพื้นขึ้น และลดระดับลงตรงทางเข้าห้องน้ำ ระวังตอนเดินเข้า-ออกประตูจะสะดุดได้ง่ายๆนะคะ
ในส่วนของสระว่ายน้ำ โครงการมีอ่างล้างหน้าและส่วนของห้องน้ำให้ กระจกมองเห็นครึ่งตัว ส่วนตรงหน้ากระจกมีเคาน์เตอร์เล็กๆวางของได้ และส่วนของประตูห้องน้ำเป็นแบบมีช่องระบายอากาศได้ค่ะ
มีห้องส้วม ซึ่งมีสายชำระให้ด้วย กระเบื้องปูพื้นสีครีมขนาด 40X40 ซม.
และมีห้องอาบน้ำ สำหรับล้างตัวหลังจากว่ายน้ำค่ะ ใช้กระเบื้องปูพื้นสีครีมขนาด 40X40 ซม. เช่นกัน
เดินออกมาจะเจอโถงลิฟต์ที่เคยเดินผ่านไป แผงกดขึ้น-ลงลิฟต์ เป็นแบบ Touch screen ค่ะ
บรรยากาศข้างในลิฟต์เป็นโทนไม้อบอุ่นสีน้ำตาลอ่อนค่ะ มีราวจับและมีกระจกสำหรับส่องครึ่งตัว
เวลาขึ้น-ลงก็ใช้ระบบสแกนบัตร และแผงกดขึ้น-ลงลิฟต์ เป็นแบบ Touch screen เช่นกัน
ข้อจำกัดและคำแนะนำในการใช้ลิฟต์
จากนั้นเราเดินขึ้นบันไดหนีไฟจากชั้น 8 เพื่อไปดูสวนดาดฟ้ากันค่ะ
เปิดประตูออกมา เจอวิวนี้เลย จานน้ำพุที่นอกหน้าต่างค่ะ พื้นเป็นพื้นปูนขัดมัน มีช่องแสงขนาดใหญ่เป็นบานกระจกทำให้แสงเข้าเต็มที่ค่ะ
มองออกไปเห็นต้นไม้สีเขียว น้ำพุ และเปลนั่งเล่น
ประตูเข้า-ออกใช้บานเปิดคู่ เปิดออกไปเจอลาน มีการยกระดับเพื่อแบ่งพื้นที่ชัดเจนค่ะ
มีลานกว้างๆ ไม่ได้มีต้นไม้บังแดดอาจไม่เหมาะสำหรับช่วงกลางวันของเมืองร้อนอย่างประเทศไทย แต่หากเป็นลานจัดปาร์ตี้เล็กๆกับเพื่อนช่วงหัวค่ำถึงมืดๆ น่าจะเหมาะดีค่ะ ส่วนที่นั่งในวันที่ไปรีวิวยังเป็นทรายอยู่ เพราะทางโครงการ ยังสร้างไม่เสร็จค่ะ
เดินออกมาอยู่ที่ลานดาดฟ้า มีจานน้ำพุอยู่ กับมีเปลให้นั่งเล่น ด้านนี้ไม่ร้อนมาก แต่แนะนำว่ารอเวลาแดดร่มลมตกดีกว่าค่ะ
เรามาต่อกันที่ส่วนกลางของ The Knight I กันต่อนะคะ ส่วน Detail ในต่างๆในส่วนกลางเช่น สวนดาดฟ้า ลิฟต์ ห้องน้ำบริเวณสระว่ายน้ำ จะเหมือนกันกับ The Knight II แต่ที่ต่างกันชัดๆคือฟังก์ชั่น และการตกแต่งในส่วน LOBBY คะ่ มุมมองจากทางเข้าโครงการ The Knight I คือตึกที่มีป้ายโฆษณาติดอยู่นั่นค่ะ
เดินมาถึงโครงการจะเจอที่จอดรถก่อนเลย มีทั้งที่จอดหน้าโครงการและจอดใต้ตึกค่ะ ป้ายโครงการทำติดกับตัวผนังตึกทำให้ไม่เด่นมากนัก รถใหญ่จอดก็บังแล้ว
ทางเข้าที่จอดรถใต้อาคาร จะเห็นว่าทางเข้ากลับด้านกับ The knight II
ซ้ายมือเป็นป้อมยามค่ะ เพดานมีการทาสีท้องพื้น แต่ยังโชว์งานระบบอยู่
ยืนอยูตรงกลางลานจอดรถ พื้นที่ค่อนข้างกว้างค่ะ
มองไปที่รั้วของโครงการมีที่จอดรถแบบมินิอีกเช่นกัน
แม้อาจจะกลับรถยากนิดนึง แต่พื้นที่จอดตรงช่องท้ายนี้กว้างกว่า The Knight II นะคะ นอกจากนี้ยังไม่มีตึกสูงๆรอบด้านที่จะทำให้อึดอัด
จอด Yaris ได้ 1 คันสบายๆ
ฝั่งตรงข้ามกับป้อมยาม แน่นอนเป็นส่วนของ LOBBY ค่ะ
เดินเข้าประตูมาเป็น Lobby มีการตกแต่งผนังเป็นกระจกเพื่อให้ห้องดูกว้าง
ถัดไปเป็นสำนักงานและโถงลิฟต์ รวทั้งยังมีที่นั่งพักคอยอีกจุด
อีกมุมนั่งพักคอย เป็นมุมโซฟาชิคๆชิวๆค่ะ นั่งรอลิฟต์ได้ถ้ารอนาน
ถัดจาก Lobby ไปเป็นฟิตเนสค่ะ
ฟิตเนสห้องเล็กๆน่ารักจิ้มลิ้ม แสงเข้ากำลังดีค่ะ มองออกไปมีวิวกำแพงต้นไม้ และลานจอดรถ
มีเครื่องเล่นประมาณ 4 เครื่อง มีดัมเบล และ ฮูล่าฮูป ทลายพุง
สเต็ปทางเดินไปสระว่ายน้ำ ค่อนข้างสูงไปนิสนึงนะ
เดินออกมาเป็นสระว่ายน้ำ คาดว่า อนาคตจะมีโต๊ะเก้าอี้ริมสระให้เหมือน The knight II คู่แฝดเค้าน้า
สระนี้ก็มีห้องน้ำให้เช่นกัน
เดินไปดูที่สระว่ายน้ำ คานตรงนี้ค่อนข้างเตี้ย เจ๊ในภาพสูง 165 ซม. คนที่สูงมากกว่า 165 ซม.คงต้องระวังหัวชนคานกันนิดนึงนะค้าา
มีสระเด็กและ อ่างจากุชชี่เหมือน The knight II ค่ะ
สระว่ายน้ำระบบ Swim Jet ก็มีให้เช่นกัน สระว่ายน้ำด้าน The knight I จะโปร่งโล่ง สบายตากว่า The knight II นิดนึง เพราะไม่มีสิ่งปลูกสร้างห้อมล้อมนอกจากตึกของเราเอง แต่อนาคตต้องลุ้นกันต่อไปว่าจะมีการสร้างโครงการหรือไม่นะคะ
Product Walkthrough
ห้อง 1 BED 1 BATHROOM ขนาด 33.40 ตร.ม. ห้อง B703 ตึก The Knight II รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขายแบบ Fully-Furnishedให้เฟอร์ Built-in ทั้งหมดที่เห็นรวมเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว คือถือกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาพร้อมอยู่ได้เลย แต่แบบจะไม่เหมือนในห้องตัวอย่างนะคะ ซึ่งจัดฟังก์ชั่นออกมาได้ค่อนข้างลงตัวค่ะ เดินเข้าไปเจอโถงรับแขก โต๊ะกินข้าวที่เป็นส่วนต่อกับห้องครัวที่เป็นห้องครัวแยก มีประตูเปิด- ปิดป้องกันกลิ่นเข้ามาในห้อง
เริ่มจากหน้าห้องกันก่อนเลยค่ะ ประตูเป็นประตูปิดแผ่นลามิเนตไม้ ดีไซน์โอเคแต่วัสดุปิดค่อนข้างบาง กุญแจล็อก 2 ชั้นคือเป็นลูกบิดกุญแจและเป็นมือบิด รวมทั้งมีตาแมวให้ค่ะ
พื้นห้องยกระดับเล็กน้อยจากพื้นทางเดิน ทำให้ห้องดูเป็นสัดส่วนแยกจากพื้นที่ทางเดิน พื้นห้องเป็นพื้นลามิเนตลายไม้ หนา 8 มม.
เดินเข้ามาเจอห้อง Living Room เป็นโซฟารับแขก ถัดไปจะเป็นส่วนนั่งทานข้าว ซึ่งมีห้องครัวและห้องนอนแยกออกไปอีก
เรามายืนที่กลางห้อง แล้วมองกลับไปที่ประตูกันนะคะ โดยมีตัวกันกระแทกติดให้ด้วย ส่วนแรกที่เราจะเจอเลยก็คือ Living Room ระยะของการดูทีวีประมาณ 2.5 เมตร กำลังพอดีไม่มากไม่น้อยเกินไปค่ะ
โต๊ะวางทีวีเป็นแบบติดผนัง วางทีวีเครื่องเล็กได้ แต่แนะนำเป็นทีวีแบบแขวนผนังก็ช่วยให้ผนังด้านนี้ดูเต็ม และประหยัดพื้นที่ด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เก็บของและวางของ ซึ่งตัวบิ้วท์อินทางโครงการให้ทั้งหมดนะคะ
ชุดโต๊ะทีวี มีลิ้นชักเปิดเก็บของได้ 2 ช่อง ส่วนตู้ข้างทีวีเปิดได้เช่นกัน เป็นชั้นวางรองเท้ายางถึงเพดานค่ะ เยอะดีแต่สำหรับคุณผู้หญิงไม่รู้จะพอไหม อิอิ แอบแปลกนิดนึงที่นำชั้นวางรองเท้าไว้ตรงนี้ แทนที่จะวางหน้าห้องซึ่งก็มีพื้นที่เหลืออยู่ ส่วนช่องวางของก็สำหรับวางของตั้งโชว์กระจุกกระจิกได้ค่ะ
ส่วนนั่งเล่น โซฟา กับโต๊ะทานข้าวมีแถม แต่ว่าไม่ใช่แบบนี้นะคะ
โต๊ะกินข้าวอยู่ติดกับโซฟา ชุดโต๊ะเก้าอี้ขนาดใหญ่ที่สุดก็คงได้เท่าในภาพค่ะ เพราะพื้นที่ค่อนข้างจำกัด หน้าต่างบานเปิดกว้างและสูงดีค่ะ ทำให้แสงเข้าได้เต็มที่ แต่เสียดายด้านนี้ ตรงข้ามกับน้อง The Knight I เต็มๆ ถ้าย้ายมาอยู่จริงหน้าต่างบานนี้อาจจะไม่ค่อยได้เปิดม่านนัก
ถัดไปเป็นส่วนของห้องครัวและห้องนอนค่ะ
ครัวยกพื้นเล็กน้อยค่ะ เพราะเป็นรางเลื่อน ประตูกระจกสีเขียวบานเลื่อน 2 บาน
ชุดครัวได้ตามนี้เลยนะคะ รวมทั้งตู้เย็นด้วย
มีที่ว่าง เต้าเสียบปลั๊กไฟ และท่อเตรียมไว้ให้สำหรับวางเครื่องซักผ้าค่ะ เดี๋ยวโครงการจะมีให้ด้วยนะคะ
เคาน์เตอร์ครัว สามารถมีลิ้นชักเปิดออกมามีพื้นที่วางของเพิ่ม
เตาไฟฟ้าและอ่างล้างมือได้แบบนี้ มีการติดกระเบื้องกันเปื้อนเวลาทำอาหารให้ค่ะ จะได้เช็ดทำความสะอาดง่าย
ซิงค์ล้างจานได้ของ HAFELE ก็อกน้ำได้รูปทรงโค้ง และมีที่พักจานให้เล็กน้อยค่ะ พอสำหรับวางแก้วกาแฟเล็กๆหลังล้างได้
ตู้ครัวสามารถเปิด – ปิด เก็บของได้ตามภาพค่ะ และมีลิ้นชักเก็บช้อนส้อม รวมทั้งลิ้นชักวางของเพิ่ม
ชั้นวางของด้านบน สามารถเก็บถ้วยหรือเครื่องปรุงต่างๆได้ ซึ่งพื้นที่กว้างพอที่จะวางไมโครเวฟ โดยโครงการเตรียมเผื่อไว้ให้แล้วโดยการติดเต้าเสียบปลั๊กไฟไว้ให้ด้วยค่ะ
ต่อไปเป็นพื้นที่ระเบียง มีการยกระดับจากพื้นครัวประมาณ 5 ซม. ประตูเป็นบานเลื่อนค่ะ ตัวล็อกตามภาพเลยค่ะ
ในส่วนของระเบียงมีก็อกน้ำให้เผื่อล้างระเบียงหรือซักผ้ามือ และช่องระบายน้ำค่ะ ใช้กระเบื้องขนาด 30X30 ซม.
มีคอนเดนซิ่งแอร์ 2 ตัว ของห้องนอนและห้องนั่งเล่น โดนหันด่านเป่าลมร้อนเข้าระเบียงห้อง ข้อดีคือตากผ้าตอนดึกได้ ตื่นเช้ามาผ้าแห้งเลยค่ะ ส่วนข้อเสียคือถ้าเปิดแอร์ไว้แล้วออกไปที่ระเบียงนี่ เซาว์น่ากันเลยทีเดียว
นี่คือวิวที่มองออกไปนอกระเบียง ทางทิศใต้ค่ะ ด้านหน้าจะเป็นบ้านพักอาศัยซะส่วนใหญ่ค่ะ
ส่วนด้านขวามือ ที่เป็นทิศตะวันออกจะเห็นตึก The Knight I และบ้านพักอาศัยค่ะ
ต่อไปเปิดไปดูห้องนอนกันบ้าง โครงการจะให้เตียงแบบนี้พร้อมฟูกที่นอนให้ด้วย พื้นที่ปลายเตียงมีปลั๊กให้เสียบทีวี แนะนำเป็นทีวีเสียบผนังค่ะเพราะจะได้มีระยะเดิน
ช่องเปิดค่อนข้างกว้างค่ะ กลางวันไม่ต้องเปิดไฟก็สบายๆสว่างดี บวกกับห้องนี้มุมดีไม่โดนตึกบังทั้งวิวทั้งลม แต่ถ้าเป็นห้องอื่นที่ตรงกับตึกอื่นตรงๆอาจจะไม่ค่อยได้เปิดม่านรับแสงเท่าไหร่นักเพราะเสียความเป็นส่วนตัว อันนี้ก็แล้วแต่มุมห้องของแต่ละคนนะคะ
พื้นที่ปลายเตียง และพื้นที่ข้างเตียงค่อนข้างเหลือ แนะนำพื้นที่ข้างเตียงวางโต๊ะหัวเตียงหรือโต๊ะทำงานเล็กๆได้ หรือใครชอบโล่งๆห้องนี้โอเคไม่อึดอัดค่ะ
เดินมาดูพื้นที่ข้างเตียงอีกด้านหนึ่ง ไม่กว้างมากแต่พอมีพื้นที่เดินและเลื่อนผ้าม่านค่ะ
มุมจากเตียงมองไปที่ตู้เสื่อผ้า มีพื้นที่ค่อนข้างเยอะดี ส่วนนี้มีจุดที่ไม่ลงตัวคือขนาดของตู้เสื้อผ้าที่โครงการให้ เพราะเหลือพื้นที่ด้านข้าง ระหว่างตัวตู้กับกำแพงห้อง ค่อนข้างเยอะซึ่งจะเป็นตัวกักเก็บฝุ่นชั้นดี
ตู้เสื้อผ้าเปิดมาได้ชั้นแบบนี้ค่ะ
ออกมาจากห้องนอนจะเจอโถงเล็กๆหน้าห้องน้ำ ซึ่งโครงการจัดมาให้ดูเป็นโต๊ะทำงาน ซึ่งเราอาจจะเปลี่ยนเป็นโต๊ะเครื่องแป้งหรือจัดอย่างอื่นได้ตามความชอบค่ะ
ต่อมาเป็นห้องน้ำค่ะ ตกแต่งเป็นโทนสีครีม มีอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ ฉากกั้นอาบน้ำ และฝักบัวอาบน้ำมาให้ครบมาตรฐาน
พื้นห้องน้ำลดระดับประมาณ 5 ซม. และพื้นภายในปูด้วยกระเบื้องสีครีม ขนาด 40X40 ซม.
กระจกเงามีให้แบบครึ่งตัว ตรงหน้ากระจกก่อผนังขี้นมาเป็นชั้นวางของได้ Top Counter เป็นหินแกรนิตสีดำ ส่วนตัวอ่างล้างหน้ามีการบิ้วท์อินตู้ให้สามารถวางใส่ของได้
อ่างล้างหน้าได้ของ COTTO ค่ะ
ก็อกน้ำของ COTTO ได้ลูกบิดแบบนี้ค่ะ ข้อเสียของลูกบิดแบบนี้คือ ถ้าเราล้างหน้าแล้วมือเปื้อนโฟมล้างหน้าอยู่ลื่นๆ จะบิดได้ยากหน่อย
โถสุขภัณฑ์ได้ของ COTTO เช่นกัน
สายฉีดชำระ
บานเลื่อน 3 บาน แบบนี้ดีที่จะทำให้ช่องเปิดของเรากว้างขึ้นค่ะ มีการทำธรณีกั้นเพื่อกันน้ำไหลไปส่วนแห้ง
ขนาดของฝักบัวเมื่อเทียบสเกลกับมือแล้ว ตัวลูกบิดจับถนัดมือใช้งานง่ายดีค่ะ เวลาสบู่ลื่นๆมือก็บิดได้ไม่ไม่มีปัญหา
มีไฟดาวน์ไลท์สี่เหลี่ยมให้ 1 ดวง ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ได้ช่วยให้ห้องสว่างพอค่ะ น่าจะให้เพิ่มอีกสักดวง หรือสองดวงก็ยังดี และมีที่ดูดอากาศให้ค่ะ
ห้องแบบ 2 BEDROOM 1 BATHROOM ขนาด 44.13 ตร.ม. ห้อง B405 ตึก The Knight II ห้องเป็นรูปตัว L ขายแบบ Fully Furnishedให้เฟอร์ Built-in ทั้งหมดที่เห็นรวมเฟอร์ลอยตัวเช่นกัน เฟอร์นิเจอร์ที่แถมจะเป็นสีขาว คนละตัวกับห้องตัวอย่างนะคะ แปลนออกมาได้ค่อนข้างโอเค เดินเข้ามาเจอครัวที่มีฉากกั้นกับพื้นที่นั่งเล่น ถัดมาเป็น Living Room ซึ่งแบ่งเป็นพื้นที่รับประทานอาหารและโซฟานั่งดูทีวี มี Corridor อยู่ในห้องที่สามารถตกแต่งได้ตามใจชอบ เช่น บิ้วท์อินเป็นตู้เก็บของก็สามารถมีที่เก็บของได้อีกเยอะมาก โดยใน TYPE นี้มี 2 ห้องนอนเป็นห้องนอนเล็ก กับห้องนอนใหญ่ ซึ่งห้องนอนเล็กก็สามารถปรับเป็นห้องทำงานได้ ตามไลฟ์สไตล์
มาเริ่มกันที่หน้าห้อง ประตูไม้ มีลูกบิดและตาแมวเหมือนกับห้อง TYPE แรกค่ะ เราจะเข้าห้องทางซ้ายมือกันนะคะ
เปิดประตูมาปุ๊บจะเจอห้องครัว พื้นห้องเป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม.เหมือนพื้นห้องส่วนอื่น ต้องระวังน้ำหกใส่หน่อยนะคะ เพราะลามิเนตจะบวมได้
ตู้เย็นโครงการให้มาด้วย โดยขนาดของตู้เย็นกำลังดีไม่ใหญ่คับช่องมากเกินไป และมีเนื้อที่พอให้เปิด-ปิด สวิตซ์ไฟได้พอดี เพราะถ้าตู้เย็นสูงและใหญ่กว่านี้จะเปิด-ปิดไฟได้ลำบากนะคะ
มองกลับไปที่ประตูทางเข้า
ห้องนี้มีเครื่องซักผ้าให้นะคะ ใช้ขนาด 6.5 กิโลกรัม จะขนาดพอดีกับพื้นที่นี้
ไปดูที่ระเบียงกันค่ะ ระเบียงวางคอนเดนซิ่ง 3 ตัว คือของห้องรับแขก ห้องนอนเล็ก และห้องนอนใหญ่ ถ้าเปิดแอร์ 3 เครื่อง ออกไประเบียงน่าจะร้อนระอุทีเดียว
มีการยกระดับธรณีเพื่อกันน้ำเข้า ประมาณ 5 ซม.กระเบื้องสีครีม ขนาด 30X30 ซม.
ซึ่งโครงการวางเก้าอี้ไว้นั่งเล่น ที่ระเบียง ที่มีคอนเดนซิ่ง 3 ตัว.. มันคือการเซาว์น่านั่งรับลมร้อนนั่นเอง แต่ไม่ได้ร้อนขนาดนั้นเสมอไปค่ะ ในกรณีที่ไม่ได้เปิดแอร์มุมนี้ก็สามารถนั่งเล่นได้
เดินกลับมาที่ตรงนี้ ซึ่งเป็นทางเดินจากห้องรับแขกไปยังห้องนอน และห้องน้ำค่ะ
ซึ่งโถงทางเดินในห้อง จะเป็นทางเดินยาวคล้ายๆ Corridor ค่ะ หลังตู้บานนั้นจะเป็นห้องนอนใหญ่ ซึ่งขอแนะนำสำหรับผู้ที่เข้าอยู่ ด้วยตัวเส้นทางเดินของห้อง เวลาคนออกจากห้องน้ำ หรือห้องนอน ก็จะเดินในแนวเส้นสีแดงตามธรรมชาติ ซึ่งถ้าเปลี่ยนเป็นวางตู้ Built-in แนวยาวในอีกด้านหนึ่งแทน ก็จะได้ตู้แบบเต็มพื้นที่ผนัง เก็บของได้เยอะ และไม่เปลืองพื้นที่ด้วยค่ะ
มาดูห้องนอนเล็กกันค่ะ เปิดประตูไปจะเจอช่องแสงกว้าง พื้นใช้ลามิเนตลายไม้ 8 มม.
พื้นที่ข้างเตียงเหลือค่อนข้างเยอะ สามารถเปิดตู้เสื้อผ้าแต่งตัวได้สบายๆ ห้องนี้แถมเตียงและฟูกด้วยเช่นกัน
พื้นที่ปลายเตียงเหลือแค่ระยะเดินได้ค่ะ
มองจากปลายเตียงไปจะเจอตู้เสื้อผ้า สไตล์เดียวกับห้อง 1Bed ช่องแสงกว้างทำให้แสงเข้าดี
แต่น่าเสียดายที่หน้าต่างส่วนหนึ่งโดนตู้บัง เหลือพื้นที่เป็นซอกไว้เก็บผ้าม่านเวลาเลื่อนเปิด และเก็บฝุ่น
มุมจากเตียงมองไปที่ตู้เสื้อผ้า ถ้ามาอยู่จริงก็สามารถใส่เฟอร์นิเจอร์แต่ได้ไม่น่าเกิน 1 ชิ้น เช่นโต๊ะเล็กตัวนี้ เพราะพื้นที่เต็มค่ะ
ลักษณะชั้นในตู้เสื้อผ้าให้มาแบบนี้ค่ะ
เปิดประตูมาดูที่ห้องนอนใหญ่กันต่อนะคะ
เข้ามาจะเจอเตียงขนาด 6 ฟุต มีช่องแสงกว้างทั้งสองด้านของห้อง พื้นเป็นลามิเนตลายไม้เช่นกันค่ะ
ช่องทางเดินระหว่างเตียงกับตู้เสื้อผ้ากำลังดีค่ะ ตรงโคมไฟหัวเตียงนั้น เราสามารถเปลี่ยนเป็นโต๊ะหัวเตียงมาวางได้ เผื่อวางของก่อนนอน เช่น วางหนังสืออ่านก่อนนอน หรือชาร์ทโทรศัพท์ตั้งปลุกตอนเช้า เพราะที่ห้วเตียงมีปลั๊กให้
ที่หัวเตียงเป็นหน้าต่างบานใหญ่ ซึ่งเตียงที่โครงการให้มานั้นบังช่องแสงนี้ไปด้วยเล็กน้อย แต่แสงในห้องก็โอเคค่ะ ไม่ได้มีผลมาก
เปิดผ้าม่านดู ช่องแสงอีกด้านหนึ่ง แสงเข้าดีมากค่ะ แต่อาจจะร้อนช่วงบ่าย และความไม่เป็นส่วนตัว เพราะจ๊ะเอ๋กับตึกข้างๆเต็มๆ
ทางเดินด้านริมหน้าต่างข้างเตียงก็เดินได้สบายๆค่ะ และพื้นที่พอวางโต๊ะเล็กๆหัวเตียงด้านนี้ได้ด้วย
ชั้นข้างในตู้เสื้อผ้าให้มาแบบนี้ค่ะ มีนาฬิกามาวางไว้เตือนตอนเช้าไปทำงานด้วยแน่ะ ^^
ในห้องมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 2 ดวงค่ะ และมีเครื่องตรวจจับควันให้ด้วย
ต่อมาไปดูห้องน้ำกันค่ะ ห้องนี้มีห้องน้ำให้แค่ห้องเดียวนะคะ
วางฟังก์ชั่นของห้องน้ำเหมือนห้อง 1BED ทุกอย่าง สุขภัณฑ์อ่างล้างหน้า ก็อกน้ำ โถสุขภัณฑ์เป็นของ COTTO ค่ะ
ประตูห้องน้ำเป็นประตู HDF ขนาด 0.70X2.00 เมตร
ห้องนี้มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ค่ะ รวมทั้งมีชั้นวางของเป็นพลาสติกสีขาว ฝักบัวสีขาวทรงกลม
ที่วางสบู่สแตนเลส และก็อกน้ำลูกบิดเหมือนห้อง 1BED ค่ะ แตกต่างกันที่ฝักบัว ขนาดประมาณนี้
มีการยกระดับประมาณ 5 ซม.กันน้ำไหลไปส่วนแห้ง ระดับประมาณนี้ค่ะ
ผนังด้านบนมีหน้าต่างให้ด้วย ทั้งช่วยระบายอากาศและช่วยให้แสงเข้า
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 12 February 2015
- 1 Bed อาคาร The Knight II ชั้น 7 ห้อง B703 เนื้อที่ 33.40 ตร.ม. ราคา 2,500,000 บาท หรือ 74,850 บาท/ตร.ม.
- 2 Bed อาคาร The Knight II ชั้น 4 ห้อง B405 เนื้อที่ 44.13 ตร.ม. ราคา 3,094,000 บาท หรือ 70,111 บาท/ตร.ม.
- fully furnished ครัว/แอร์/ตู้เสื้อผ้า/ชั้นวางทีวี/เตียง/ฟูก/โซฟา/โต๊ะทานข้าว /เครื่องซักผ้า/ตู้เย็น
- เพดานสูง 2.4 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- Shuttle Bus ไปกลับ BTS แบริ่ง
- จอง 2,900 บาท
- ทำสัญญา 10,000 บาท
- ค่ากองทุน 380 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 38 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
ณ วันที่รีวิว ตอนนี้ตึก The Knight I ขายไปแล้ว 65 ยูนิต เหลือ 5 ยูนิต และ The Knight II ขายไปแล้ว 61 ยูนิตเหลือ 9 ยูนิต
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
***เนื่องจาก Mr.Boom เคยทำรีวิวไปแล้ว จึงขอยกรีวิวเจาะลึกรวบยอดของ Mr.Boom มาไว้ให้อ่านกันเลยนะคะ โดยจะเปลี่ยนแปลงอัพเดทเฉพาะเนื้อหาของโครงการที่เป็นปัจจุบันค่ะ***
เจาะลึกรวบยอด
ทำเลของ The Knight อยู่ในจุดที่เหมาะสมในการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว เดินทางสะดวกในโซนสุขุมวิท-ศรีนครินทร์-บางนา-สมุทรปราการ นอกจากนี้ยังมีทางด่วนบางนาให้ใช้วิ่งเข้าเมืองได้ หรือจะวิ่งขาออกไปมอเตอร์เวย์ก็ได้ รวมไปถึงถนนวงแหวนรอบนอก ที่มีทางขึ้นอยู่ไม่ไกลมากจากโครงการ แต่ว่าที่จอดรถของโครงการนี้มีเพียง 30% เท่านั้น ด้วยทำเล และระดับราคานี้ ถือว่าน้อยไป และอาจจะมีปัญหาเนื่องจากที่จอดรถไม่พอได้
ทั้งนี้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้านั้นก็ทำได้เช่นกัน แต่แน่นอนว่าคงไม่ได้สะดวกเท่ากับโครงการที่อยู่ติดรถไฟฟ้า เนื่องจากระยะห่างจากสถานี BTS แบริ่งอยู่ที่ประมาณ 850 เมตร เลยระยะที่คนทั่วไปจะเดินเท้ากันแล้ว แต่โครงการก็มี Shuttle Service คอยให้บริการรับส่งลูกบ้านด้วย ซึ่งก็จะช่วยได้เยอะ ถ้าใครที่จะเดินแนะนำให้ลองไปสำรวจพื้นที่ด้วยตัวเองทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อให้แน่ใจว่าเดินไหวนะครับ
สภาพแวดล้อมและความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ ความคึกคักของชุมชนไม่น่าเป็นห่วง มีเซเว่นอยู่ปากซอยห่างจากโครงการแค่ 100 เมตร คงจะช่วยได้เยอะพอสมควร อีกทั้งซอยแบริ่งเป็นซอยที่มีรถยนต์สัญจรไปมาตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะเป็นซอยใหญ่ที่เชื่อมสุขุมวิทกับศรีนครินทร์เข้าด้วยกัน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
การออกแบบโครงการ มีความหนาแน่นของห้องอยู่ที่ 10 ยูนิตต่อชั้น ซึ่งก็ไม่มากเกินไป แต่ก็มีจุดที่น่าเป็นห่วงอยู่บ้าง เช่น ลิฟท์ที่มีตัวเดียว อัตราส่วนลิฟท์อยู่ที่ 70:1 ซึ่งก็ถือว่าดี แต่มีข้อควรระวังตรงที่ถ้าเกิดลิฟท์ตัวนี้เสียขึ้นมาหรือเกิดมีการขนของ ยกของ ซ่อมบำรุงลิฟท์ ซึ่งไม่ใช่เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นบ่อย คงต้องเห็นลูกบ้านออกกำลังกายเดินขึ้นลงบันไดกันทั้งโครงการ เป็นอีกจุดหนึ่งที่อาจจะมีปัญหาได้
การออกแบบห้อง ด้วยขนาดที่ดิน 160 ตารางวา นำมาสร้างอาคาร 8 ชั้น ทำให้การจัดวาง Floor Plan ได้ห้องส่วนใหญ่เป็นห้องขนาดเล็ก หน้าแคบ และในแต่ละชั้นก็จะมีห้องที่มี Layout แปลกๆมาให้เห็นด้วย เช่นห้องติดลิฟท์ ห้องติดโถงบันได ทำให้การจัดวางเฟอร์ในห้องพวกนี้อาจจะไม่ลงตัว เท่ากับห้องที่ออกแบบมาเหมือนห้องตัวอย่าง ก็แนะนำให้ไปเลือกห้องที่ออกแบบได้มาตรฐานก่อน เพราะห้องพวกนี้จัดออกมาได้ค่อนข้างลงตัว ได้ฟังก์ชั่นค่อนข้างครบ มีครัวแยกส่วน มีระเบียงที่ใช้งานได้
วัสดุอุปกรณ์ที่จัดให้ในห้อง ให้แบบ Fully Furnished คือมี ครัว, แอร์ 2 ตัว, ตู้วางทีวี, ตู้เสื้อผ้า, ฉากกั้นอาบน้ำ, เตา, ที่ดูดควัน,โต๊ะทำงาน , โซฟา ,โต๊ะกินข้าว ,เตียง,ฟูกที่นอน ห้องน้ำ ใช้ของ Cotto, พื้นเป็นลามิเนต, ครัว Hafele ให้เหมือน Knightsbridge แบบก๊อบปี้กันมาเลย ก็นับว่าให้มาได้สมราคา ไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง Knightsbridge หรือ คอนโดในระดับราคาเดียวกัน
ทางด้านสิ่งอำนวยความสะดวก ถูกย่อส่วนตามขนาดที่ดิน หลายๆจุดเลยจะดูเล็กไปหน่อย เช่น ห้องฟิตเนส, ห้องล็อคเกอร์ หรือ ล็อบบี้ ส่วนสระว่ายน้ำก็เล็ก แต่ยังดีที่มีระบบ Swim Jet มาให้ ทำให้ใช้ออกกำลังกายพอได้ (ด้วยการว่ายทวนน้ำ) แต่ก็คงจะไม่ได้ความรู้สึกเหมือนสระว่ายน้ำใหญ่ๆแน่นอน
โครงการ The Knight เป็นโครงการที่พยายามจะเจริญรอยตามโครงการรุ่นพี่ที่เป็นตึกสูงอย่าง Knightsbridge ครับ แต่ก็ต้องบอกตรงๆว่าเป็นไปไม่ได้ ด้วยทั้งขนาดที่ดินและสภาพทางกายภาพที่ไม่เอื้ออำนวย ยกเว้นแต่พื้นที่และวัสดุภายในห้องพักที่ทำออกมาได้ใกล้เคียง เนื้อโครงการเองมีหลายๆจุดที่ยังทำได้ไม่ดีเท่ามาตรฐานที่ Knightsbridge เคยวางเอาไว้ อย่างไรก็ดี The Knight ก็ถือเป็นอีกโครงการที่น่านำมาพิจารณาสำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโด Low Rise ที่เน้นความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ในราคาล้านกลางถึงสองล้าน บนทำเลสุขุมวิท-แบริ่ง ครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 70,000-80,000 บาทต่อตารางเมตร, 12/02/2013
- ทำเล 8/10 – ซอยแบริ่ง อยู่ในเส้นรถไฟฟ้า และมีอาหารของกินให้เลือกหลากหลาย
- เดินทางด้วยรถ 7/10 – เดินทางสะดวก ใกล้ทางด่วน ออกบางนา-ตราดง่าย เข้าซอยมาง่าย แต่ที่จอดรถมีน้อยไปหน่อย
- ไม่ใช้รถ 8/10 – เดิน 850 เมตรจากรถไฟฟ้า มีวินมอเตอร์ไซด์ทั้งหน้าซอยและกลางซอย และมี Shuttle Bus ให้
- วัสดุ 8/10 – ถ้าเทียบกับราคาแล้วมีการใช้วัสดุที่โอเค แต่งานก็ยังไม่ค่อยเนี้ยบเท่าไหร่
- แบบ 7/10 – ห้องส่วนใหญ่ทำได้มาตรฐาน แต่การจัดวางเฟอร์นิเจอร์บางตัวยังจัดแปลกๆ เช่นการจัดวางที่ไม่เต็มเหลือซอกให้ฝุ่นเข้า
- สาธารณูปโภค 6.5 /10 – ลิฟท์ตัวเดียว สระว่ายน้ำ ฟิตเนส มีให้ครบแต่ขนาดเล็ก สวนดาดฟ้าไม่ค่อยมีอะไรแต่มีพื้นที่ให้สังสรรค์ได้ และที่จอดรถมีน้อย
- MAIN CLASS
- 7.45 / 10.00
BOTTOM LINE
The Knight I เหมาะสำหรับคนที่ทำงานในโซนสุขุมวิท-แบริ่ง-สมุทรปราการ หรือคนพื้นที่ในย่านนี้ ที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่ใช้รถยนต์สะดวก และใช้รถไฟฟ้าได้บ้าง ในงบประมาณล้านปลายๆ ถึงสามล้านต้นๆ
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิก www.thinkofliving.com พร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม คลิกที่นี่ https://thinkofliving.com/register/