The Key พระราม 3

รีวิวฉบับที่ 1973 …  เปิดตัวโครงการใหม่ที่มาพร้อมกับห้างใหญ่อย่าง Terminal 21 พระราม 3 ที่ห่างกันไม่ถึง 45 ม. เดิน 2 นาทีเข้าห้างได้แล้ว กับโครงการ The Key พระราม 3 เป็นหนึ่งในโครงการใหม่ส่งท้ายปีของ Land & Houses ที่เด่นเรื่องทำเล โดยเป็นคอนโด High Rise 38 ชั้น พร้อมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา เพียง 484 ยูนิต ที่ถือว่าค่อนข้างส่วนตัว เราไปดูรายละเอียดกันค่ะ

ข้อมูลโครงการ

Fact @ 24 October 2019

  • The Key Rama 3 (เดอะ คีย์ พระราม 3)
  • บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ถนนพระราม 3 เขตบางคอแหลม
  • คอนโด High Rise 38 ชั้น 1 อาคาร 484 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 16 ยูนิต
  • ที่จอดรถคิดเป็นประมาณ 51% รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 3-0-42 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : Q1 / 2563
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : 2565
  • 1 Bedroom 29.80-30.40 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.3 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 1 Bath 51.50-52 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.5 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 2 Baths 54.20-61.30 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.60 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 3.3 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 110,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1198

**โครงการเปิดให้ชมห้องตัวอย่าง ในวันที่ 2-3 พฤจิกายน 2562 หากใครสนใจพบกันที่ Sales Gallery ได้เลยนะค

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.689829, 100.504639
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

โครงการ The Key พระราม 3 อยู่บนถนนพระราม 3 ที่มีลักษณะเฉพาะตัวสูง โดยเป็นถนนที่วิ่งขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา ตามส่วนโค้งของแม่น้ำเลย เริ่มตั้งแต่สะพานกรุงเทพจนสิ้นสุดที่แยก ณ ระนอง(คลองเตย) นอกจากนี้ยังมีถนนเส้นอื่นๆที่วิ่งมาตัดกับถนนพระราม 3 อีกด้วย ถ้าเราดูจากภาพด้านบนเริ่มจากฝั่งซ้ายมือ เป็นถนนเจริญกรุง, ถนนเจริญราษฏร์, ถนนรัชดาภิเษก, ถนนสาธุประดิษฐ์ และถนนนราธิวาสราชนครินทร์

  • ถนนเจริญกรุง – เป็นเส้นที่วิ่งขนานแม่น้ำเจ้าพระยา(ฝั่งตรงข้ามกับ ICON SIAM) ไปเรื่อยๆจนถึงแถวๆหัวลำโพง และต่อไปทางเยาวราชได้เลยนะ นอกจากนี้ยังเชื่อมไปออกถนนจันทน์, สาทร, สีลม, สุรวงศ์, สี่พระยาได้อีกด้วย
  • ถนนเจริญราษฎร์ – เป็นถนนเส้นสั้นๆที่ตัดจากพระราม 3 ไปยังถนนสาทร โดยเป็นถนนที่มีจุดขึ้น-ลงทางด่วนศรีรัช (ด่านถนนจันทร์) แถมรถไม่ค่อยติดด้วยนะ และถ้าจะไปขึ้นสะพานตากสิน ก็ต้องใช้เส้นนี้แหละ
  • ถนนรัชดาภิเษก – (เส้นที่ขนานไปกับทางด่วนเฉลิมมหานคร) เป็นเส้นที่ตัดผ่านถนนหลายเส้น ทั้งถนนสาธุประดิษฐ์, ถนนนราธิวาสฯ, ถนนนางลิ้นจี่ ไปจนถึงแยกคลองเตย ซึ่งตรงนี้จะเชื่อมเข้าอโศกได้ด้วย แต่แอบบอกนิดว่ารถติดพอสมควรเลย
  • ถนนสาธุประดิษฐ์ – เป็นถนนที่ตัดมาจากถนนจันทน์ โดยส่วนใหญ่เป็นลักษณะชุมชนเก่า ที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ตลาดต่างๆ เรียกว่าหาของกินได้สบายๆ
  • ถนนนราธิวาสฯ – เป็นเส้นที่วิ่งยาวไปสาทร,สีลมได้

สรุปแล้วถึงจะไม่ได้อยู่ใจกลางเมือง แต่ก็เชื่อมกับถนนเส้นอื่นๆที่วิ่งเข้าใจกลางเมืองได้ไม่ยาก รวมถึงเป็นการเพิ่มตัวเลือกในการเดินทางได้ค่อนข้างหลากหลายทีเดียว ซึ่งถ้าใครวิ่งเส้นพระราม 3 เป็นประจำ จะพบว่าเป็นเส้นที่ถนนไม่ติดเลย แต่จะมีติดอยู่บ้างในช่วงเวลาเร่งด่วน บริเวณปลายเส้นถนนพระราม 3 ฝั่งที่เชื่อมกับสะพานกรุงเทพ และฝั่งที่เชื่อมกับถนนอโศก ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้โครงการของเราจะโดนไปด้วยนะ ต้องเผื่อเวลาเดินหน่อยนะคะ

ส่วนความอุดมสมบูรณ์ ต้องบอกว่าในจุดที่ตั้งโครงการกำลังจะเป็น NEW HUB ของย่านพระราม 3 เลย เพราะจะมีห้างดังอย่าง Terminal 21 มาเปิดให้บริการ ซึ่งคาดว่าจะสร้างเสร็จตอนปลายปี 2564 ที่สร้างเสร็จก่อนคอนโดอีกนะ รวมถึงฝั่งตรงข้ามโครงการ มีห้างเดิมอย่าง Tree On 3 ให้บริการอยู่แล้วด้วย ซึ่งภายในจะมีร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต และฟิตเนสครบครัน นอกจากนี้ส่วนใหญ่ในย่านนี้จะเป็นชุมชนเก่าที่ด้านในเป็นบ้านแนวราบ ส่วนที่ติดถนนใหญ่เป็นตึกแถวที่ชั้นล่างทำเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ที่หาของกินได้ง่าย เรียกว่าอุดมสมบูรณ์ทีเดียวแหละ

หรือถ้าขยับออกไปหน่อยก็จะมีทั้ง Asiatique, Home Pro, Big C, Tops Market, Vanilla Moon และ Central Plaza พระราม 3 เป็นต้น หรือถ้าใครจะไปโรงพยาบาลใกล้ๆก็จะมี รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ ให้บริการตลอด 24 ชม. ส่วนโรงเรียนที่เดินทางไปง่ายๆเลย ก็มี รร.กรุงเทพคริสเตียน, รร.อัสสัมชัญ (แผนกประถม), รร.อัสสัมชัญคอนแวนต์, รร.เซนต์หลุยส์ และรร.นานาชาติ Shrewsbury เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีวัดวาอารมตลอดทั้งเส้นพระราม 3 เลยนะ

สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะ ถือว่าสะดวกทีเดียว เพราะตัวโครงการเองห่าง BRT เจริญราษฎร์เพียง 10 ม. สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก BRT ต้องขอเกริ่นนิดนึงว่าเป็นรถประจำทางที่มีเลนวิ่งพิเศษ เพื่อความรวดเร็ว โดยวิ่งตั้งแต่บริเวณท่าพระไปจนถึงสาทร ซึ่งเชื่อมกับ BTS ช่องนนทรีได้เลย โดยเก็บค่าโดยสารเพียง 15 บาทตลอดสาย ที่ราคาถูกดีนะ แต่ต้องบอกก่อนว่ารถสาธารณะแบบนี้มีโอกาสที่จะยกเลิกได้ ซึ่งจะแตกต่างจากโครงการที่มีรถไฟฟ้าตัดผ่านนะ หรือถ้าใครอยากไปขึ้น BTS โดยตรงเลย ใกล้สุดจะเป็นสถานีสะพานตากสิน ห่างไปประมาณ 4.2 กม. ส่วนรถสาธารณะอื่นๆก็เรียกง่าย ทั้ง Taxi และพี่วินมอเตอร์ไซค์ เพราะโครงการติดถนนใหญ่ แถมมีป้ายรถเมล์ให้บริการอยู่ด้านหน้าเลย

สำหรับจุดขึ้น-ลงทางด่วนที่อยู่ใกล้โครงการมีอยู่ 3 จุดด้วยกัน นั่นคือ

  • ทางด่วนด่านถนนจันทน์ (เบอร์ 1) อยู่ใกล้ๆกับสี่แยกถนนเจริญราษฎร์ตัดกับถนนจันทน์ โดยเป็นทางขึ้นไปด่วนศรีรัช ที่ขับไปทางพระราม 9 – แจ้งวัฒนะ
  • ทางด่วนด่านบางโคล่ (เบอร์ 2) สำหรับทางขึ้นเป็นเส้นที่วิ่งไปทางเดียวกับเบอร์ 1 ส่วนทางลงมาโครงการต้องวิ่งมาจากทางด่วนศรีรัชเท่านั้นนะ
  • ทางด่วนด่านสาธุประดิษฐ์ (เบอร์3) บริเวณแยกสาธุประดิษฐ์ ใกล้ๆเซ็นทรัลพระราม 3 เป็นทางขึ้นด่วนเฉลิมมหานคร ที่ขับไปทางบางนา – ดินแดง หรือจะวิ่งไปพระราม 9 ก็ได้

การเดินทางของเราในวันนี้เริ่มจากทางด่วนศรีรัชลงป้ายถนนจันทร์ > พอลงมาให้ขับตรงผ่านสี่แยกเข้าถนนเจริญราษฎร์ > วิ่งยาวไปจนสุดทาง > หลังจากนั้นให้เลี้ยวขวาเข้าถนนพระราม 3 > ขับตรงไปอีกนิดโครงการอยู่ฝั่งซ้ายมือค่ะ โดยมีระยะรวมประมาณ 4.1 กม.

Image 1/6
ขับผ่านสี่แยกตรงไปบนถนนเจริญราษฎร์

ขับผ่านสี่แยกตรงไปบนถนนเจริญราษฎร์

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการนอกจากห้าง Terminal 21 ,ห้าง Tree on 3 และอาคารสำนักงานต่างๆแล้ว ก็ยังมีที่ดินว่างเปล่าอยู่รอบๆอีกหลายแปลงนะคะ ซึ่งในอนาคตก็สามารถพัฒนาเป็นตึกสูงได้เช่นกัน สำหรับที่ดินโครงการมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวลึกเข้าไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา แต่จะไม่ติดแม่น้ำเพราะมีที่ดินเปล่าอยู่ด้านหลัง ส่วนตัวโครงการเองติดถนนพระราม 3 เลย ทำให้เดินทางเข้า-ออกโครงการได้ง่าย

  • ทิศเหนือ : ติดกับ ถนนพระราม 3
  • ทิศตะวันออก : ติดกับศูนย์ Honda ที่ได้ที่ดินยาวจนถึงแม่น้ำเลย
  • ทิศใต้ : พื้นที่ดินเปล่า (ของบุคคลอื่น)
  • ทิศตะวันตก : พื้นที่ดินเปล่า (ของบุคคลอื่น)

เดินออกมาด้านนอกโครงการ ฝั่งตรงข้ามเป็นคอนโด High Rise สูง 19 ชั้น ส่วนฝั่งซ้ายมือเป็นห้าง Tree on 3 ค่ะ

สำหรับห้าง Tree On 3 ภายในมีร้านอาหารชั้นนำที่เรารู้จักกันดี รวมถึงมีซูเปอร์มาร์เก็ตอย่าง Max Value ให้เราเดินช้อปปิ้งของเข้าบ้านได้

เราจะขอพาเดินไปทางขวามือกันก่อน ติดกับโครงการเลยเป็นศูนย์ Honda ซึ่งถ้าใครรถเสียหรือต้องมาเช็คระยะ ก็เดินกลับไปรอที่ห้องก่อนได้เลย

ถัดมาอีกนิดเป็นพื้นที่โครงการ Terminal 21 ที่ปัจจุบันเริ่มก่อสร้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามกำหนดการคาดว่าจะสร้างเสร็จปี 2564 นะ

สำหรับถนนบริเวณนี้ เป็นถนนขนาดใหญ่ฝั่งละ 4 เลน ที่มีคลองคั้นตรงกลาง ทำให้ไม่สามารถเดินข้ามถนนเองได้ ต้องเดินข้ามสะพานลอยเท่านั้นนะ

เราจะพาเดินไปฝั่งซ้ายกันต่อ ใกล้ๆโครงการมีป้ายรถเมล์ให้บริการ ซึ่งถ้าใครใช้บ่อยๆน่าจะคุ้นเคยกันดี ถัดไปเราก็จะมองเห็นตัวสถานี BRT เจริญราษฎร์แล้ว

เราพาเดินขึ้นมาดูบรรยากาศด้านบนกัน ซึ่งตรงนี้สามารถซื้อบัตรผ่านตู้ได้เองเลย โดยมีค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย ซึ่งถ้านั่งไปฝั่งสาทรที่เชื่อมกับ BTS ช่องนนทรี ก็ประมาณ 9 สถานี หรือถ้านั่งไปฝั่งราชพฤกษ์ที่เดินไป BTS ตลาดพลู ได้ ก็ประมาณ 2 สถานีเอง

ติดกับโครงการเป็นพื้นที่ดินเปล่า ที่ปัจจุบันด้านหน้าทำเป็นร้านขาย ต้นไม้ ดอกไม้ ที่มีให้เลือกหลากหลายสายพรรณ

เดินมาอีกหน่อยเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3-4 ชั้น ที่ชั้นล่างทำเป็นร้านค้าพาณิชย์ แถมมีที่จอดรถได้ด้วย แต่จะมีช่องจอดไม่มากนะ

สำหรับบริเวณนี้มีร้านค้า ร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ให้บริการ ที่เปิดตลอด 24 ชม. เราสามารถฝากท้องได้ตลอดทั้งวัน

กลับมาดูภายในโครงการกันดูบ้าง ซึ่งปัจจุบันล้อมรั้วพร้อมก่อสร้างแล้ว

ทิศตะวันตก- ที่ปัจจุบันยังไม่เห็นตึก High Rise บังวิวเลย แต่เนื่องจากติดกับที่ดินเปล่าขนาดใหญ่ ที่อาจจะเกิดตึกสูงบังวิวในอนาคตได้นะ

ทิศใต้ – ติดกับที่ดินเปล่ารอการพัฒนา ที่หันออกไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา

ทิศตะวันออก – ติดกับศูนย์ Honda ที่หันออกไปทาง Terminal 21 ห้องที่หันฝั่งนี้น่าจะการันตีวิวได้ดีกว่านะคะ

สำนักงานขายของโครงการจะอยู่ที่ริมถนนพระราม 3 ฝั่งมุ่งหน้าสะพานกรุงเทพ จะเห็น Sales Gallery อยู่ทางซ้ายมือ ให้ชะลอความเร็ว เตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าโครงการค่ะ

ประตูทางเข้า Sales Gallery ดูเก๋ดีนะ มีตัวอักษรที่นิยมใช้ในช่วงยุค 20th ด้วยนะ

การตกแต่งภายในตามคอนเซ็ปต์ Mid-Century Modern Design ที่เลือกเฟอร์นิเจอร์เส้นสายรูปทรงเลขาคณิตให้ดูเรียบง่าย โดยนิยมใช้ในยุค Twentieth Century ซึ่งเป็นเอกลักษณ์น่าสนใจดี

นอกจากนี้ยังจัดชุดโซฟาให้หลากหลาย ต้อนรับลูกค้าที่มาเยี่ยมชมโครงการ โดยภายในมีทั้งโมเดล และมีห้องตัวอย่างให้ดู 2 แบบค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • รถสาธารณะ

  • BRT เจริญราษฎร์ ~ 10 เมตร
  • จุดขึ้น-ลงทางด่วนศรีรัช ~ 2.8 กม.
  • BTS สุรศักดิ์ ~ 4.1 กม.
  • สะพานวงแหวนอุตสาหกรรม ~ 6.0 กม.
  • MRT คลองเตย ~ 12 กม.

  • ห้างสรรพสินค้า
    • Terminal 21 ~ 45 เมตร
    • Tree on 3 ~ 85 เมตร
    • Homepro พระราม 3 ~ 2.0 กม.
    • Asiatique ~ 2.3 กม.
    • โรบินสัน บางรัก ~ 4.5 กม.
    • Central Plaza พระราม 3 ~ 5.1 กม.

  • โรงพยาบาล
    • โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ~ 1.5 กม.
    • โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ~ 4.6 กม.
    • โรงพยาบาลเลิศสิน ~ 4.8 กม.

  • สถานศึกษา
    • โรงเรียนนานาชาติ Shrewsbury ~ 3.3 กม.
    • โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ~ 4.6 กม.
    • โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม ~ 5.0 กม.

    รายละเอียดโครงการ

    ภาพจำลองโครงการ The Key พระราม 3 เป็นคอนโด High Rise สูง 38 ชั้น บนถนนพระราม 3 ที่ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งตัวอาคารตกแต่งมาในสไตล์ Mid-Century Modern (MCM) เน้นความเรียบง่าย พร้อมทั้งใช้เส้นสายแนวตั้งให้อาคารดูสง่างาม โดยตัวอาคารจะวางขวางไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ห้องพักอาศัยทั้งหมดหันออกทางทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ที่มีแดดแรงอยู่บ้างในช่วงบ่ายๆ แต่จะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาทุกห้องนะ นอกจากนี้ลองสังเกตจากบริบทโดยรอบ ยังไม่มีตึกสูงในระยะประชิดนะ

    มาดูภาพรวมของโครงการกันก่อนนะคะ The Key พระราม 3 คอนโดใหม่ในย่านพระราม ที่จุดชูโรงเลยคือทำเลดี ใกล้แหล่ง NEW HUB ของย่านนี้อย่าง Terminal 21 พระราม 3 (อยู่ในระหว่างก่อสร้าง) และใกล้ BRT เจริญราฎร์เพียง 10 ม. ซึ่งเป็นรถสาธารณะหลักของคนในย่านนี้ ที่มีคนใช้หนาแน่นในช่วงเวลาเร่งด่วน โดยจะเชื่อมไปท่าพระ-สาทรได้เลย

    ภาพรวมเป็นคอนโดวิวแม่น้ำเจ้าพระยา บนที่ดิน 3 ไร่กว่า อีกทั้งภายในโครงการยังมียูนิตเพียง 484 ยูนิต ที่ได้ความเป็นส่วนตัว เมื่อเทียบกับโครงการระดับเดียวกันในละแวกนี้ ส่วน Facilities ให้มาครบครัน กระจายในชั้นที่ 1, 6, 37 และ 38 ทำให้การใช้งานพื้นที่ส่วนกลาง กระจายตัว ไม่อึดอัด ส่วนตัว Product เน้นห้องขนาดใหญ่ 30 ตร.ม.

    • ชั้น 1st : Lobby + สวนหย่อมโครงการ
    • ชั้น 2nd-5th : ที่จอดรถประมาณ 51% รวมจอดซ้อนคัน
    • ชั้น 3rd : ที่จอดรถ + Meeting Room
    • ชั้น 6th : Main Facilities
    • ชั้น 7th-36th : เป็นห้องพักอาศัยเต็มพื้นที่ สูงสุด 15 ยูนิต/ชั้น
    • ชั้น 37th : สวนหย่อม + ห้องพักอาศัยเพียง 4 ห้อง
    • ชั้น 38th : พื้นที่ Sky Lounge ให้มาชมวิวมุมสูงได้

    เส้นทางการเดินรถจะเป็นแบบ One Way เพื่อให้การสัญจรง่ายขึ้น ทางเข้า-ออกมีไม้กั้นกระดก พร้อมป้อมรปภ.ดูแลตลอด 24 ชม. + CCTV เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของลูกบ้าน รอบๆโครงการเดินรั้วต้นไม้สูง ทำให้บรรยากาศดูร่มรื่นมากขึ้น โซนด้านหน้ามีพื้นที่สวนหย่อมที่มานั่งเล่น เดินเล่น หรือจะพาเด็กมาวิ่งเล่นก็ได้ เพราะปูพื้นหญ้ามาให้เรียบร้อย เวลาล้มจะได้ไม่เจ็บตัวค่ะ

    ถัดเข้ามามีพื้นที่ Drop off ที่ไว้รับ-ส่งคน โดยถ้าเป็นรถภายนอกสามารถวนออกได้เลย ไม่ต้องขับเข้าไปด้านในโครงการ ซึ่ง Lobby ได้ความสูงแบบ Double Volume ที่ทำให้รับแสงภายในได้เต็มที่

    โมเดลจำลองบริเวณ Main Facilities ของโครงการที่ชั้น 6 ซึ่งจะได้สระว่ายน้ำยาวว่ายน้ำจริงจังได้เลย ด้านข้างมีสวนหย่อมให้นั่งเล่น ชมวิวชิลล์ๆได้ / ส่วนฟังก์ชันอื่นๆ ก็ได้ความสูงแบบ Double Volume พร้อมกระจกสูง ที่ทำให้รับแสง + ชมวิวได้เต็มที่

    โมเดลจำลองบริเวณ Sky Garden ชั้น Roof Top ของโครงการ ที่ปูพื้นหญ้ามาให้ โดยจะแบ่งเป็น 2 ชั้น ให้เลือกใช้งานได้ เหมาะมานั่งเล่นชมวิวแม่น้ำ หรือนอนดูดาวก็ดีนะ

    บริเวณ Sky Lounge ได้ความสูงแบบ Double Volume ที่ทำให้ภายในดูโล่ง + ล้อมรอบด้วยกระจก ที่นั่งชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบ 180องศาได้เลยนะ

    ในส่วน Master Plan ลักษณะการวางอาคารกับที่ดินคือ วางอาคารตรงกลางและล้อมรอบด้วยถนนภายในโครงการ ที่เดินรถทางเดียวตามลูกศรสีแดง โดยมีที่จอดรถทั้งแบบ Indoor และ Outdoor นอกจากด้านหน้าโครงการมีพื้นที่สวนหย่อม ที่เป็นลานกว้างๆ ที่สามารถพาเด็กๆมาวิ่งเล่นได้ กลับมาที่จุด Drop off มีทางเข้าอาคารอยู่ ประตูเข้าไปเป็นพื้นที่ Lobby Lounge พร้อมวางชุดที่นั่งมาให้ และมีห้อง Mailbox ของลูกบ้านมาให้ด้วย ส่วนลิฟต์ต้องใช้ Key Card ในการเข้า-ออกนะ โดยลิฟต์โดยสารมีทั้งหมด 4 ตัว อัตราส่วนประมาณ 121:1 ที่ถือว่ากลางๆยังไม่หนาแน่นมาก ส่วนลิฟต์ Service จะใช้รวมกันนะคะ

    สำหรับชั้นที่ 2nd-5th เป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมด โดยมีที่จอดรถประมาณ 51% รวมจอดซ้อนคัน ที่ถือว่าไม่มากนะ ถ้าเทียบกับทำเลที่ใช้รถยนต์เป็นหลัก แต่พิเศษสำหรับชั้นที่ 3rd จะมีห้อง Meeting Room เพิ่มขึ้นมา

    สำหรับชั้น 6 เป็นพื้นที่ Main Facilities ของโครงการซึ่งจะมีทั้งสระว่ายน้ำระบบเกลือยาว ที่เราสามารถว่ายน้ำจริงจังได้เลย นอกจากนี้ยังมี  Jacuzzi ให้นั่งผ่อนคลายได้อีกด้วย ถัดไปมีทั้ง Co-Living Area, Game Room, Yoga Room และ Fitness ให้บริการเพิ่มเติม ครบครันดี

    สำหรับชั้น Typical Floor Plan เริ่มที่ชั้น 7th-36th Floor Plan ที่ตำแหน่งห้องเหมือนกันทุกชั้น มีจำนวนยูนิตสูงสุด 16 ยูนิต/ชั้น ที่ถือว่ากำลังดี โดยเน้นห้อง 1 Bedroom เป็นหลัก ส่วนห้อง 2 Bedrooms ส่วนใหญ่จะถูกวางไว้ที่มุมของตัวอาคาร ตัวห้องพักอาศัยหันออกทางทิศตะวันตกและตะวันออก ที่อาจจะโดนแดดเรงในช่วงบ่ายๆได้ / ทางเดินมีช่องแสง 3 จุด ที่ให้แสงส่องเข้ามา + ระบายอากาศ แต่ช่วงกลางอาคารแสงอาจจะส่องมาไม่ถึงนะ ทางเดินเป็นแบบ Double Corridor ที่เวลาใช้งานจริงอาจจะเปิดมาจ๊ะเอ๋กับเพื่อนบ้านได้

    สำหรับห้องที่เราทำกรอบสีแดง เป็นตำแหน่งห้องที่ไม่ติดกับผนังเพื่อนบ้านเลย ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง แต่สำหรับฝั่งทิศตะวันตกจะติดกับพื้นที่ดินเปล่า ซึ่งอาจจะมีตึกสูงเกิดขึ้นในอนาคตได้ ถ้าใครกลัวโดนบังวิวให้เลือกห้องทางทิศตะวันออกที่หันไปทาง Terminal 21 ซึ่งเป็นการการันตีวิวได้ระดับนึงค่ะ

    ถัดขึ้นมาที่ชั้น 37th Floor Plan ฝั่งซ้ายมือเป็นพื้นที่ Facilities ของโครงการที่มีทั้ง Seating area และ Sky Garden ไว้ให้ชมวิวในมุมสูงได้ ซึ่งสำหรับห้องพักอาศัยในชั้นนี้ต้องทำใจหน่อยนะคะ เพราะจะมีคนเดินผ่านไปผ่านมาหน้าห้องตลอดเวลา เนื่องจากตัวลิฟต์อยู่ด้านในค่ะ

    ส่วนชั้นที่ 38th เป็น Facilities ของโครงการ มีทั้ง Sky Garden และ Sky Lounge ข้อดีคือถึงแม้ว่าเราจะอยู่ห้องชั้นล่างๆ เราก็สามารถขึ้นมาชมวิวมุมสูงของโครงการได้ โดยจะได้วิวแบบ 360องศา เลยนะ

    ทัศนียภาพจำลองทางเข้า-ออกโครงการ ที่ฝั่งขวาเป็นสวนหย่อม ทำให้บรรยากาศภายในดูร่มรื่นดี พร้อมป้ายชื่อโครงการขนาดใหญ่

    ทัศนียภาพจำลองสวนหย่อมของโครงการ ที่ภายในจัดซุ้มที่นั่งมาให้ + มีต้นไม้ใหญ่ ดูร่มรื่นดี พร้อมพื้นหญ้า ที่พาเด็กๆมาวิ่งเล่นได้สบายๆ

    ทัศนียภาพจำลองพื้นที่ Lobby ของโครงการ ที่ได้ความสูงแบบ Double Volume ที่ทำให้ภายในดูโปร่งโล่งดี พร้อมจัดเฟอร์นิเจอร์ตามคอนเซ็ปต์ Mid-Century Modern ที่เลือกเฟอร์นิเจอร์เส้นสายรูปทรงเลขาคณิตให้ดูเรียบง่าย

    ทัศนียภาพจำลองพื้นที่สระว่ายน้ำที่ชั้น 6 ของโครงการ ซึ่งเป็นลักษณะแบบ Outdoor ที่เวลาฝนตกอาจจะไม่เหมาะใช้งานนะคะ

    สระว่ายน้ำหันออกไปทาง Terminal 21 ที่ได้ทั้ง City View & River View

    ทัศนียภาพจำลองพื้นที่ Co-Living Space ที่ภายในได้ความสูงแบบ Double Volume พร้อมกระจกสูงเต็มพื้นที่ ทำให้แสงส่องเข้ามาถึงได้เต็มที่ รวมถึงนั่งมองวิวได้เพลินๆเลย ส่วนเฟอร์นิเจอร์เป็นรูปทางเลขาคณิตสวยงามดี

    ตำแหน่งห้อง Fitness หันออกพื้นที่สวน ซึ่งเวลาใช้งานจะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น / ภายในจัดเครื่องเล่นมาให้ทั้งแบบ Cardio และ Weight Training ครบครัน

    ถัดขึ้นมาที่ชั้น 38 เป็นพื้นที่ Sky Garden และ Sky Lounge ที่เราสามารถขึ้นมาชมพระอาทิตย์ตกดิน หรือดูดาวก็ได้ เพราะโครงการปูพื้นหญ้ามาให้ใช้งานด้วย

    ทัศนียภาพจำลองพื้นที่ Sky Lounge ที่ชั้น 38th ซึ่งข้อดีคือห้องที่ไม่ได้อยู่ชั้นสูงๆ ก็สามารถขึ้นมาดูวิวมุมสูงของโครงการได้ โดยจะเป็นวิวแบบ 180องศาเลยนะ > <

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • ชั้นที่ 1
    • สวนหย่อม + Seating area
    • Lobby
    • Mailbox
    • ชั้นที่ 2-5
    • ที่จอดรถแบบ Conventional Parking
    • ชั้นที่ 3
    • Meeting Room
    • ชั้นที่ 6
    • สระว่ายน้ำระบบเกลือ
    • Jacuzzi
    • ห้องออกกำลังกาย
    • Co-Living Space
    • Yoga Room
    • Game Room
    • Seating area
    • ชั้นที่ 37,38
    • Sky Lounge
    • สวนหย่อม
    • Seating area
    • ลิฟต์โดยสาร 4 ตัว/อาคาร
    • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 121 :  1
    • Service Lift  1 ตัว (รวมในโถงลิฟต์โดยสาร)
    • ที่จอดรถคิดเป็นประมาณ 51% รวมจอดซ้อนคัน
    • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV + Key Card Access

    แบบห้อง

    ห้องพักอาศัยของโครงการ มีให้เลือก 3 แบบ 1 Bedroom, 2 Bedrooms 1 Bath, 2 Bedrooms 2 Bath รูปแบบการขายของที่นี่จะเป็นแบบ Fully Fitted คือ ให้ให้เฟอร์ฯ มาบางส่วน เช่น เคาน์เตอร์ครัว Hob & Hood, ตู้วางรองเท้า, ตู้เสื้อผ้า, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ และ Digital Door Lock ของ MAZI ซึ่งเฟอร์นิเจอร์บางตัวที่ให้เป็นแบบสั่งพิเศษ สำหรับโครงการนี้โดยเฉพาะเลย ซึ่งหน้าตาจะเป็นอย่างไร ไปดูกันค่ะ

    ห้องตัวอย่างห้องแรกที่จะพาไปดูคือ ห้อง 1 Bedroom ขนาด 29.89 – 30.16 ตร.ม. เปิดเข้ามาเป็นพื้นที่ครัวเปิด เน้นทำอาหารเบาๆ ไม่เหมาะทำอาหารที่มีกลิ่นควันมากนัก แต่ก็มีพื้นที่สามารถกั้นเป็นครัวปิดได้อยู่ ฝั่งตรงข้ามทำเป็นตู้วางรองเท้ามาให้ และมีพื้นที่เหลือวางโต๊ะกินข้าวได้อีกนิดหน่อย ถัดไปเป็นพื้นที่ Living Area วางโซฟา 2 ที่นั่งกำลังดี ซึ่งตรงนี้ติดกับระเบียง ทำให้รับแสงธรรมชาติ +ดูวิวได้เต็มที่ / ในส่วนของห้องนอน โครงการกั้นกระจกบานเลื่อนใสมาให้แยกใช้งาน โดยห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตได้กำลังดี พร้อมหน้าต่างบานกระทุ้งถึง 3 บาน ที่ช่วยระบายอากาศได้ดียิ่งขึ้น ส่วนห้องน้ำต้องเข้าจากห้องนอนเท่านั้น กรณีมีแขกมาบ้าน ก็อาจจะทำให้ความเป็นส่วนตัวลดลงนะ

    ประตูหน้าห้องได้บานไม้ปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้

    มือจับเป็น Digital Door Lock ยี่ห้อ MAZI ที่สั่งทำพิเศษเป็นสีดำทั้งอัน สวยงามดี โดยใช้งานได้ทั้งตั้ง รหัส, การ์ด และกุญแจ นอกจากนี้ยังมีช่อง AIR POST ที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของทาง Land & Houses ซึ่งเป็นระบบระบายอากาศที่ไม่พึงประสงค์ภายในห้อง แม้ประตูหน้าต่างภายในจะปิด จึงเสมือนเป็นคอนโดที่สามารถหายใจได้เอง นอกจากนี้ยังได้กรุฉนวนที่ดูดซับเสียงและกันแมลงเอาไว้ให้เรียบร้อย

    ส่วนธรณีประตูระดับเท่ากับทางเดินด้านนอกเลย ซึ่งฝุ่นจากภายนอกอาจจะลอดเข้ามาในห้องได้ แนะนำให้ติดผ้าดันฝุ่นตรงช่องว่างด้านล่างประตู ก็สามารถกันฝุ่นเข้าห้องได้ดีพอสมควรแล้วค่ะ

    เปิดประตูเข้ามาในห้องเจอกับพื้นที่ห้องครัวเปิด เชื่อมกับพื้นที่นั่งเล่น ยาวไปจนถึงระเบียงเลยนะ ซึ่งข้อดีคือแสงส่องเข้ามาถึงด้านใน / ความสูงพื้นถึงฝ้า 2.60 ม. พร้อมผนังของจริงเป็นฉาบเรียบทาสีเทาควันบหรี่ให้ ดูเท่ๆนะ

    ชุดครัว Built-in ได้ความสูงเต็มผนังแบบนี้เลยนะ

    พื้นห้องเป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. ที่ทนทานต่อแรงกระแทกและรอยขีดข่วนได้ดี แต่จะไม่ทนความชื้น เวลาใช้งานต้องระวังน้ำหกลงไป แล้วอาจจะทำให้พื้นบวมได้ โดยหลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้วมีระยะใช้งานกว้างถึง 1.68 ม. ที่ใช้ 1-2 คนพร้อมกันกำลังดี

    กิมมิคเลยคือตู้ตรงกลางที่เป็นกระจกสีชา พร้อมภายในติดตั้งไฟมาให้ตามนี้เลย เหมาะเป็นพื้นที่โชว์ของสวยงามได้ / นอกนั้นเป็นหน้าบานทึบปิดผิวด้วยลามิเนตเคลือเนื้อซาติน ข้อดีคือเช็ดทำความสะอาดง่าย และเป็นรอยขีดข่วนยากกว่าเมลามีน ภายในแบ่งเป็นชั้นย่อยๆเอาไว้เก็บของได้ พร้อมมีช่องวางไมโครเวฟได้

    ตู้มาพร้อม Soft Close เพื่อป้องกันไม่ให้ตู้เกิดเสียง และลดแรงกระแทกก่อนที่หน้าบานจะปิดสนิท

    Top เคาน์เตอร์เป็น HPL = High Pressure Laminate ที่ไม่มีรอยต่อ ทำให้ซึมเข้าไปได้ยาก พร้อม Backsplash เป็นลามิเนตสีเทา แบบเดียวกับท็อปครัวเลยนะ

    ความพิเศษอยู่ที่อ่างล้างจานยี่ห้อ Teka ทำเป็นสีดำทั้งอัน ขนาด 40 x 40 ซม. มาพร้อมก๊อกน้ำทรงสูง ใช้งานง่าย ส่วนชุดเตาไฟฟ้าได้เป็นแบบ 2 หัว พร้อม Hood ยี่ห้อ TEKA แบบหมุนเวียนออกนอกอาคาร

    ชุดครัวด้านล่างมีช่องวางเครื่องซักผ้ามาให้ ตรงกลางเป็นช่องใต้อ่างล้างจานไว้เก็บของได้ ส่วนริมทางซ้ายมือ ชั้นล่างสุดเป็นซิงค์ไว้เสียบจาน ชาม ที่เปียกค่ะ / ส่วนหน้าบานเป็นลามิเนตเคลือเนื้อซาตินเช่นเดียวกันค่ะ

    นอกจากนี้ยังมีช่องสำหรับวางช้อนส้อมมาให้ด้วยนะ ซึ่งภายในแบ่งเป็นช่องๆมาให้แล้ว

    ฝั่งตรงข้ามบริเวณทางซ้ายของเส้นปะ ทางโครงการ Built-in ตู้มาให้แบบนี้เลย ซึ่งถ้าวางตู้เย็นเหมือนห้องตัวอย่าง ตู้ด้านบนจะเปิดยากหน่อยนะ

    ซึ่งภายในตู้ Built-in แบ่งเป็นลิ้นชักย่อยๆมาให้แล้วเรียบร้อย ซึ่งจะมีทั้งไว้เก็บรองเท้า, เก็บของจุกจิก และเก็บของขนาดไม่ใหญ่มากได้

    ถัดมาเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่ติดกับระเบียง ทำให้ได้รับแสงธรรมชาติ + มองวิวภายนอกได้เต็มที่เลยนะ อีกทั้งยังติดกับระเบียงที่เดินออกไปสูดอากาศได้ง่าย

    สำหรับห้องนี้วางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่งได้สบายๆ แต่จะวางโต๊ะทานข้าวไม่ได้ ถ้าใครชอบแยกฟังก์ชันใช้งานแนะนำ ให้ปรับเป็นโซฟา 2 ที่นั่ง ที่เพิ่มโต๊ะทานข้าวได้อยู่นะ

    ฝั่งขวามือเป็นตำแหน่งวางชุดทีวี ซึ่งเราสามารถดูเป็นไอเดียแล้วจัดตามเองได้นะ

    หลังวางเฟอร์ฯมีระยะทีวีกว้างประมาณ 1.92 ม. ซึ่งขนาดทีวีที่เหมาะกับระยะสายตาอยู่ที่ประมาณ 46″- 50″ กำลังดี แถมเหลือพอวางโต๊ะกลางเล็กๆได้อีกด้วย

    ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดตั้งไฟ Downlight มาให้เรียบร้อยค่ะ

    ระเบียงกั้นด้วยประตูอลูมิเนียมสีเทา 2 ตอน + กระจก Reflective ที่ช่วยป้องกันแสง UV ได้ระดับ / ประตูบานเลื่อนไม่เต็มผนัง โดยจะเว้นระยะด้านบนไว้วาง Condensing Unit เพื่อไม่ให้บดบังสายตาในการมองวิวค่ะ

    บริเวณมือจับเซาะร่องให้ใช้งานง่าย พร้อมปุ่มล็อค และติดสักกะหลาดไว้สำหรับกั้นฝุ่นบริเวณขอบประตู ทางออกจะมีธรณีประตูยกสูงขึ้นจากระเบียงประมาณ 5 ซม. เพื่อกันน้ำฝนและความชื้นจากระเบียงค่ะ

    พื้นที่ระเบียงขนาด 2.72 x 0.80 ม. ที่สามารถเก้าอี้ออกมานั่งชมวิวสูดอากาศ หรือจะเอาราวตากผ้าเล็กมาวางก็ได้นะ / พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 ซม.

    ส่วนถ้าใครติดตั้งแอร์เพิ่มเติม แนะนำให้แขวน Condensing Unit เหมือนในห้องตัวอย่าง ที่แขวนเอาไว้เหนือหัว พร้อมเอาลมร้อนออกด้านนอกอาคารค่ะ

    ต่อไปมาดูห้องนอนกันค่ะ ทางเข้าอยู่ด้านข้างชุดวางทีวี ที่ได้เป็นประตู Fix + บานเลื่อนกระจกใส Temper Glass 1 ตอน กว้างประมาณ 95 ซม. เป็นระยะที่เดินสบาย ซึ่งพอเป็นแบบนี้แล้วจะไม่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้มากนัก รวมถึงถ้าใครชอบความเป็นส่วนตัวแนะนำให้ติดผ้าม่านเพิ่มนะคะ

    ห้องนอนเหมาะวางเตียงขนาด 5 ฟุต มีพื้นที่เหลือเดินรอบเตียงได้กำลังดี

    พร้อมหน้าต่างบานกระทุ้งถึง 3 บาน ที่ช่วยระบายอากาศภายในห้องได้ดียิ่งขึ้น / ส่วนกระจกเป็นแบบ Reflective เหมือนข้างนอกเลย

    เมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตไปแล้ว จะเหลือพื้นที่ปลายเตียงประมาณ 60 ซม. ซึ่งเป็นระยะที่เดินได้ผ่านได้สบายๆ ซึ่งไม่แนะนำให้ติดทีวีบริเวณนี้นะคะ ส่วนฝั่งริมหน้าต่างเหลือประมาณ 51 ซม. ที่พอวางโต๊ะหัวเตียงได้ เหมาะกับคนที่ชอบเล่นมือถือก่อนนอน เพราะพอวางบนเตียงเราชอบทำตกพื้นบ่อยๆ อิอิ

    ตู้เสื้อผ้าได้หน้าตาแบบนี้ เป็นมาตรฐานทุกห้อง โดยลักษณะสูงเต็มผนัง + บานเป็นกระจกสีชา ที่ดูทันสมัยดี พร้อมติดไฟ LED มาให้ด้านใน / ด้านข้างมีชั้นวางของมาให้เพิ่มเติมด้วย

    โดยมีระยะหน้าตู้กว้างประมาณ 97 ซม. ที่ค่อนข้างกว้าง เราสามารถยืนเปลี่ยนเสื้อผ้าได้สบายๆเลยนะ

    ภายในตู้ชั้นบนมีพื้นที่เก็บกระเป๋า / ส่วนชั้นล่างมีลิ้นชักให้เก็บของชิ้นเล็กๆได้นะ โดยรวมดูใช้งานได้หลากหลายดี แต่ติดนิดนึงที่ตู้จะไม่สามารถใส่ชุด Dress ยาวๆได้

    ด้านข้างตู้มีลิ้นชัก พร้อมที่กั้นเก็บเพื่อความเป็นระเบียบ / ด้านบนมีชั้นวาง + ที่แขวนกุญแจ โดยเน้นโทนสีดำสวยงามดี

    ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว ติดไฟ Downlight มาให้เรียบร้อย

    ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียก-แห้งเป็นสัดส่วนชัดเจน โดยบริเวณพื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นมาให้ป้องกันน้ำไหลออกมาด้านนอก

    พื้นและผนังเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ เช็ดทำความสะอาดง่าย โดยพื้นที่หน้าโถสุขภัณฑ์กว้างประมาณ 73 ซม. มีระยะการใช้งานได้กำลังดี

    ส่วนกระจกมีความโค้งมน สวยงามดี มาพร้อมชั้นวางของใต้กระจกได้นิดหน่อย โดยเน้นโทนสีดำที่ดู Modern ดีนะ

    อ่างล้างหน้ายี่ห้อ Cristina หรือเทียบเท่า ขนาด 46 x 29 ซม. + ก๊อกน้ำดีไซน์สวย แปลกตาดี / ใต้อ่างมีชั้นวางของมาให้เพิ่มเติมด้วย

    โถสุขภัณฑ์ยี่ห้อ Cotto มาพร้อมสายชำระ + แกนใส่กระดาษทิชชู่ที่ผนังด้านหลัง ซึ่งเวลาใช้งานอาจจะต้องเอี่ยวตัวเล็กน้อย

    ซึ่งยังคงคอนเซปต์โทนสีดำ ที่มาพร้อมดีไซน์ เก๋ๆ  > < น่าสนใจดี

    บริเวณที่อาบน้ำมีฉากกั้นมาให้ โดยเป็นลักษณะบานเลื่อน 2 ตอน ที่ได้เป็นกระจก Tempered Glass ที่แข็งแรงกว่ากระจกทั่วไปค่ะ

    พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.00 x 1.46 ซม.  ที่ค่อนข้างกว้างใช้งานสบายๆ / พร้อมขอบสูง 8 ซม. ป้องกันน้ำไหลออก ภายในมีจุดระบายน้ำอยู่ที่มุม

    ส่วนฝักบัวได้เป็นแบบ Hand Shower + จุด Junction ที่ไว้ใส่เครื่องทำน้ำอุ่นเรียบร้อย รวมถึงติดอุปกรณ์วางของด้านข้างมาให้เรียบร้อย

    ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดตั้งไฟ Downlight + เครื่องดูดอากาศมาให้ 1 จุด

    ถัดมาเป็นห้อง 2 Bedrooms ขนาด 51.55 – 52.02 ตร.ม. ลักษณะห้องหน้ากว้าง ที่ทำให้แสงส่องเข้ามาถึงทุกฟังก์ชันภายในห้อง เปิดประตูเข้ามาเป็นพื้นที่ Common area ยาวจนถึงระเบียง ที่ทำเป็นพื้นที่ Dining + Living ขนาดใหญ่ได้สบายๆเลย ส่วนฝั่งขวาเป็นครัวเปิด ที่ไม่เน้นทำอาหารจริงจัง แต่ก็พอจะกั้นเป็นครัวปิดได้ ส่วนห้องน้ำต้องเข้าจากพื้นที่ Common area ซึ่งข้อดีคือเวลาแขกมาบ้านไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนก่อน ทำให้เราไม่เสียความเป็นส่วนตัว แต่แอบเสียดายที่ห้องนอนใหญ่ไม่มีประตูเข้าห้องน้ำโดยตรง ซึ่งพอดูจากแปลนแล้วก็พอทำได้อยู่นะ / สำหรับพื้นที่ห้องนอนใหญ่ เราสามารถวางเตียง 5 ฟุตกำลังดี มีพื้นที่เหลือรอบเตียงให้จัดเฟอร์ฯอื่นๆได้ ส่วนห้องนอนเล็กก็วางเตียง 5 ฟุตได้เช่นกัน แต่จะมีพื้นที่เหลือรอบเตียงไม่มาก

    เปิดเข้ามาเป็นพื้นที่ Common Area ยาวจนถึงระเบียง ที่แสงส่องเข้ามาถึงภายในได้เต็มที่ โดยได้ความสูงพื้นถึงฝ้า 2.60 ม.

    หันกลับมาบริเวณประตูฝั่งขวามือโครงการ Built-in ตู้วางรองเท้ามาให้นะ / พื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. โดยหลังจากวางเฟอร์ฯ มีระยะใช้งานประมาณ 1.13 ม. ที่ค่อนข้างกว้างทีเดียว

    โดยจะได้ชั้นวางแบบนี้เลย Gimmick เลยคือได้กระจกที่หมุนใช้งานได้ ซึ่งด้านหลังก็สามารถแขวนของเพิ่มเติมได้อีก เรียกว่าใช้งานได้เต็มที่เลย

    ฝั่งตรงข้ามตู้ มีพื้นที่เหลือวางโต๊ะ 4 ที่นั่งได้กำลังดี โดยหลังจากวางเฟอร์ฯแล้ว มีระยะระหว่างโซฟา-โต๊ะกินข้าว ประมาณ 1.22 ม. ที่เดินใช้งานได้สบายๆ

    สำหรับห้องครัวได้เป็นชุด Built-in แบบ L-shaped ที่ทำให้เก็บของได้เยอะกว่าห้องที่แล้ว โดยเป็นรูปแบบที่เหมาะสมในการใช้งานค่ะ

    โดยได้เป็นครัวเปิด ที่ไม่เน้นทำอาหารจริงจัง แต่ถ้าใครอยากทำครัวปิดให้ทำ Partition เหมือนห้องตัวอย่าง ก็สามารถติดตั้งประตูบานเลื่อนเพิ่มได้ เพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นกระจายไปติดเฟอร์ฯ ภายในห้องค่ะ / หลังจากวางเฟอร์ฯ มีระยะใช้งานกว้างประมาณ 1.42 ม. ที่ใช้งานพร้อมกัน 2-3 คน ได้สบายๆเลยนะ

    ชั้นบนเป็นตู้เก็บของที่สูงจนถึงฝ้าเพดานเลย หน้าบานเป็นลามิเนตเคลือบด้วยซาติน ภายในแบ่งเป็นชั้นๆมาให้เรียบร้อย ซึ่งพอเป็นรูปตัว L-Shaped จะเปิดใช้งานพร้อมกัน 2 ฝั่งไม่ได้นะ

    Top เคาน์เตอร์เป็น HPL = High Pressure Laminate ที่ไม่มีรอยต่อ ทำให้ซึมเข้าไปได้ยาก พร้อม Backsplash เป็นลามิเนตสีเทา แบบเดียวกับท็อปครัวเลยนะ / ส่วนซิงค์ล้างจาน + Hob & Hood ได้เหมือนห้องที่แล้วเลยนะ

    ชั้นล่างมี Accessories ด้านในมาให้เหมือนกับห้องที่แล้ว แต่จะมีช่องเก็บของได้มากกว่า

    ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight มาให้เรียบร้อย

    ฝั่งตรงข้ามีประตูเดินเข้าห้องนอนเล็กค่ะ

    สำหรับห้องนอนเล็กขนาด 2.98 x 2.49 ม. ที่เราสามารถวางเตียง 5 ฟุตได้ ( 1.8 x 2 ม.) โดยพอวางแล้วน่าจะมีระยะเดินใช้งานได้กำลังดี ซึ่งถ้าชอบเตียงใหญ่ๆ แนะนำให้วางชิดหน้าต่างเลย จะได้มีพื้นที่เหลือวางโต๊ะทำงานได้อีก

    หันกลับมาอีกฝั่งจะมีช่องที่เราสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าเพิ่มได้ ซึ่งตรงนี้โครงการจะไม่มีมาให้นะคะ

    ฝ้าเพดานของจริงฉาบเรียบทาสีขาว ติดไฟ Downlight มาให้ ไม่มีไฟซ่อนนะ

    กลับออกมาด้านนอกบริเวณ Living area จะเป็นพื้นที่ติดระเบียง ที่รับแสงธรรมชาติ + นั่งชมวิวได้เพลินๆเลย ซึ่งตรงนี้วางโซฟาสำหรับ 4-5 ที่นั่งได้เลยนะ / โดยมีระยะทีวีกว้างประมาณ 2.8 ม. ซึ่งขนาดทีวีที่เหมาะกับระยะสายตาอยู่ที่ประมาณ 50″- 60″ ที่ถือว่าวางทีวีขนาดใหญ่ได้สบายๆเลย

    ระเบียงกั้นด้วยประตูอลูมิเนียมสีเทา 2 ตอน + กระจก Reflective ที่ช่วยป้องกันแสง UV ได้ระดับ ซึ่งประตูบานเลื่อนห้องนี้ได้ความสูงเกือบเท่าผนังห้องเลย ทำให้มองวิวได้กว้างขึ้น โดยไม่มี Condensing Unit มาบังวิว

    พื้นที่ระเบียงขนาด 2.18 x 0.68 ม. ที่ใช้งานได้เต็มที่ พร้อมราวกั้นตกเป็นเหล็กสูง 1 ม. เป็นระยะที่จับใช้งานถนัดค่ะ

    ด้านข้างเราสามารถวาง Condensing Unit ตามห้องตัวอย่างได้ แต่โครงการนี้จะไม่ได้ให้เครื่องปรับอากาศมานะคะ / โดยหันลมร้อนออกด้านนอกได้ หรือถ้าใครกลัวเสียงดัง จะทำเป็นประตูบานทึบปิดเลยก็ได้

    มาดูพื้นที่ห้องน้ำกันต่อ ซึ่งต้องเข้าจากพื้นที่ Common area เท่านั้น ซึ่งเวลามีแขกมาบ้าน จะได้ไม่ต้องเดินผ่านส่วน Private ก่อนค่ะ

    สำหรับห้องน้ำห้องนี้น่าสนใจดีนะ มีการแบ่งแยกใช้งาน ทำให้เราสามารถใช้งานพร้อมกันได้เลย ซึ่งถ้าใช้งานแล้วเขินๆแนะนำให้ติดฟิล์มกระจกฝ้าเพิ่มเติมค่ะ

    โดยมีพื้นที่บริเวณอ่างล้างหน้าประมาณ 1.36 ม. ที่ค่อนข้างกว้างเลย

    กระจก + อ่างล้างหน้าจะได้เหมือนกับห้องที่แล้วเลยนะคะ

    พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.56 x 0.90 ซม. ที่ใช้งานได้สบายๆเลย พร้อมทั้งมีจุดระบายน้ำอยู่ที่มุมให้ด้วย

    โถสุขภัณฑ์ยี่ห้อ Cotto มาพร้อมสายชำระด้านหลัง + แกนใส่กระดาษทิชชู่ด้านข้าง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมในการใช้งาน

    ฝ้าเพดานฉาบเรียบ พร้อมติดตั้ง Downlight + เครื่องดูดอากาศมาให้ 2 จุดเลย ช่วยให้ระบายความชื้น และกลิ่นภายในห้องน้ำได้ดียิ่งขึ้น

    สำหรับห้องนอนใหญ่ วางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตได้กำลังดี ซึ่งตรงนี้จะได้หน้าต่างกว้างเกือบเต็มผนังเลยนะ พร้อมกระจกบานกระทุ้ง 2 บาน ที่ช่วยระบายอากาศภายในได้ดีเลย

    บริเวณปลายเตียงมีพื้นที่เหลือพอที่จะ Built-in ชั้นวางของเพิ่มเติมได้ด้วยนะ

    โดยแนะนำให้วางเตียงชิดหน้าต่างจะได้มีพื้นที่เหลือหน้าตู้เสื้อผ้าเยอะขึ้น / ซึ่งหลังจากวางเฟอร์ฯแล้ว มีพื้นที่เหลือปลายเตียง 88 ซม. ที่เดินใช้งานได้สบายๆเลย

    สำหรับตู้เสื้อผ้าจะเหมือนกับห้องที่แล้วเลยนะคะ

    หลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้ว จะมีพื้นที่หน้าตู้ประมาณ 60 ซม. ซึ่งพอเปิดตู้แล้วเราจะทำให้เราเดินใช้งานไม่ได้นะ ส่วนตัวอยากให้เปลี่ยนเป็นกระจกบานเลื่อน เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้งานค่ะ

    ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight มาให้เรียบร้อย

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคา

    เนื่องจากทางโครงการยังไม่ได้เปิดขายอย่างเป็นทางการ จึงยังไม่มีรายละเอียดราคาทั้งหมด มีเฉพาะราคาเบื้องต้น

    • 1 Bedroom 29.80 – 30.40 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.30 ล้านบาท
    • 2 Bedrooms 51.50 – 52 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.50 ล้านบาท

    • รูปแบบการขาย Fully Fitted
    • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.60 เมตร
    • Kitchen & Sink / Top เคาน์เตอร์เป็น HPL = High Pressure Laminate
    • Hob & Hood / ของยี่ห้อ TEKA หรือเทียบเท่า
    • จอง n/a บาท
    • ทำสัญญา n/a บาท
    • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
    • ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

    บทสรุป

    ทำเล :

    โครงการ The Key พระราม 3 เป็นโครงการคอนโด High Rise สูง 38 ชั้น ติดถนนพระราม 3 ที่เข้า-ออกได้สะดวก ซึ่งต้องบอกก่อนว่าถนนเส้นนี้จะวิ่งคู่ขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยาเลย ทำให้คอนโดได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา สวยงามเลย ที่ต้องบอกว่าโครงการนี้ได้เปรียบเรื่องทำเลดีทีเดียว อยู่ในตำแหน่งที่กำลังเป็น NEW HUB ใหม่ของย่านพระราม 3 อย่าง Terminal 21 พระราม 3 ที่ห่างจากโครงการเพียง 45 ม. เรียกได้ว่าเดินไปไม่ถึง 2 นาที ก็ถึงแล้วนะคะ นอกจากนี้ยังเป็นทำเลที่มีห้างเก่าอย่าง Tree On 3 อยู่แล้วด้วย รวมถึงอาคารพาณิชย์ที่ติดถนนใหญ่ก็ทำชั้นล่างเป็นร้านค้า ร้านอาหารให้เลือกใช้บริการได้ หรือถ้าขยับไปหน่อยก็มีทั้ง Central Plaza พระราม 3 และ Hyper Market ที่กระจายตัวอยู่รอบๆ

    การเดินทางโดยใช้รถ :

    ถือว่าสะดวกพอสมควรสำหรับคนใช้รถใช้ถนน เนื่องจากศักยภาพของถนนระราม 3 ที่เป็นถนนใหญ่ 8 ช่องการจราจร ไม่มีปัญหารถติดมากนักและมีถนนเส้นอื่นๆ มาตัดหลายเส้น ทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางได้หลากหลาย รวมทั้งมีทางด่วนตัดผ่านสามารถใช้ทางขึ้น-ลงบริเวณถนนเจริญราษฎร์ หรือบริเวณหน้าเซ็นทรัลพระราม 3 ก็ได้ เหมาะกับคนที่ทำงานในย่านสาทร-สีลม ที่ใช้เส้นนราธิวาสไปเพียงไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว ซึ่งหันกลับมามองจำนวนที่จอดรถรวมซ้อนคันอยู่ที่ 51% ให้มาไม่มาก เมื่อเทียบกับทำเลที่ใช้รถยนต์เป็นหลัก

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : 

    สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะ ถือว่าสะดวกทีเดียว เพราะตัวโครงการเองห่าง BRT เจริญราษฎร์เพียง 10 ม. โดยวิ่งตั้งแต่บริเวณท่าพระไปจนถึงสาทร ซึ่งเชื่อมกับ BTS ช่องนนทรีได้เลย โดยเก็บค่าโดยสารเพียง 15 บาทตลอดสาย ที่ถูกดีนะ แต่ต้องบอกก่อนว่ารถสาธารณะแบบนี้มีโอกาสที่จะยกเลิกได้ ซึ่งจะแตกต่างจากโครงการที่มีรถไฟฟ้าตัดผ่านนะส่วนรถสาธารณะอื่นๆก็เรียกง่าย ทั้ง Taxi และพี่วินมอเตอร์ไซค์ เพราะโครงการติดถนนใหญ่ แถมมีป้ายรถเมล์ให้บริการอยู่ด้านหน้าเลย

    การออกแบบอาคาร :

    ตกแต่งในสไตล์ Mid-Century Modern ที่เน้นรูปทรงเลขาคณิตพร้อมสีพื้นฐานที่นิยมในช่วงนั้น ทำให้บรรยากาศดูรวมสมัยมากยิ่งขึ้น ในส่วนของการจัดผังอาคาร ขอชมเรื่อง Facilities ที่กระจายการใช้งาน ไม่หนาแน่นจนเกินไป ในส่วนของชั้น Typical Floor Plan ได้ทางเดินแบบ Double Corridor ซึ่งเวลาใช้งานอาจจะเปิดมาเจอกับเพื่อนบ้านได้ แต่ด้วยยูนิต 16 ยูนิต/ชั้น ที่ถือว่ายังไม่ค่อยมาก โดยโครงการเน้นเป็นห้อง 1 Bedroom ค่อนข้างเยอะ เหมาะอยู่อาศัย 1-2 คนกำลังดี สำหรับลิฟต์โดยสารให้มาทั้งหมด 4 ตัว อัตราส่วนประมาณ 121: 1 คือ ที่เป็นระดับกลางๆ ใช้งานได้พอดี

    การออกแบบตัวห้อง : 

    ตัวห้องเริ่มต้นขนาดใหญ่ พร้อมฝ้าเพดานสูงถึง 2.60 ม. ที่ช่วยทำให้บรรยากาศภายในดูโล่งอยู่ เริ่มที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 29.80-30.41 ตร.ม. จัดออกมาได้เป็นสัดส่วนดี ห้องนั่งเล่นและห้องนอน จะอยู่ชิดริมอาคาร ทำให้รับแสง+ มองวิวได้เต็มที ส่วนห้องครัวได้ เป็นห้องครัวเปิดที่ไม่เหมาะทำอาหารจริงจังมากนัก  แต่ก็มีพื้นที่เหลือสามารถกั้นเป็นครัวปิดได้ ในส่วนของห้องน้ำจะอยู่ด้านในห้องนอน ที่อาจจะทำให้ความเป็นส่วนตัวลดลงเล็กน้อย / ถัดมาที่ห้อง 2 Bedrooms ขนาด 51.50-52 ตร.ม. เป็นลักษณะห้องหน้ากว้าง ที่แสงส่องเข้ามาถึงทุกฟังก์ชัน โดยส่วน Common จะอยู่ตรงกลางที่ใช้งานได้ทั่วถึงจากทุกที่ เชื่อมต่อกับส่วน Dining + Kitchen ที่ให้ความรู้สึกต่อเนื่องกันดี ทำให้สามารถจัดปาร์ตี้เล็กๆได้เลย ส่วนของห้องน้ำแบ่งพื้นที่ใช้งานมาให้ ที่สามารถใช้งานพร้อมกันหลายๆคนได้ ถัดมาในห้องนอนก็สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้ทั้ง 2 ห้องเลยนะ

    วัสดุ : 

    โครงการขายของแบบ Fully Fitted ที่ให้ของมาค่อนข้างดีเลย มีสั่งทำพิเศษเฉพาะโครงการนี้ โดยเริ่มจากประตูแบบ Air-Post ที่เป็นนวัตกรรมของทาง LH พร้อม Digital Door Lock ยี่ห้อ MAZI / ท็อปครัวได้ HPL = High Pressure Laminate ที่น้ำซึมเข้าไปได้ยาก + หน้าบานลามิเนตเคลือบซาติน ที่ทำความสะอาดง่าย และทนรอยขีดข่วนได้ดี, ซิงค์ล้างจานสีดำ + ก๊อกน้ำ ที่สั่งทำพิเศษ และ Hob & Hood ของ Teka โดยจะเป็น Hood ที่ดูดออกด้านนอกอาคารด้วยนะ / Built-in ตู้วางรองเท้า และตู้เสื้อผ้ามาให้ ส่วนสุขภัณฑ์ยี่ห้อ Cotto + Cristina นอกนั้นเราต้องเตรียมงบเพิ่มในการตกแต่งด้วยนะคะ

    สาธารณูปโภค :

    พื้นที่ Facilities ให้มาครบครัน เริ่มตั้งแต่ชั้นที่ 1,6,37 และ 38 ที่พร้อมกระจายตัวการใช้งาน ที่ทำให้บรรยากาศภายในไม่อึดอัด เริ่มจากชั้น 1 มีสวนหย่อมให้มานั่งเล่น หรือเดินเล่นๆได้ ถัดขึ้นมาชั้น 6 เป็นส่วนของ Main Facilities ที่มีทั้งสระว่ายน้ำ, Jacuzzi, Yoga Room, Game Room และห้องฟิตเนส ที่ให้ใช้งานได้หลากหลาย ส่วนชั้น 37 และ 38 เป็นพื้นที่ Sky Garden และ Sky Lounge ที่อยู่ชั้นบนสุด ข้อดีคือถึงแม้ว่าจะไม่ได้ซื้อห้องบนๆ แต่ก็ยังมองวิวมุมสูงของโครงการได้อยู่นะ


    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 110,000 บาท/ตร.ม., 24 October 2019

    • ทำเล 8/10 – ใกล้ห้าง Terminal 21 พระราม 3 ที่กำลังเป็น NEW HUB ใหม่ของย่านพระราม 3
    • เดินทางด้วยรถ 8/10 – ใกล้ทางด่วน ใกล้แหล่งออฟฟิศ เชื่อมหลายถนน ที่จอดรถ 51% ที่ถือว่าไม่มาก ถ้าเทียบกับโครงการที่ใช้รถยนต์เป็นหลัก
    • ไม่ใช้รถ 7.25/10 – ใกล้ BRT เจริญราษฎร์เพียง 10 ม. ที่เชื่อมกับ BTS ช่องนนทรี ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกที่สำคัญของคนในย่านนี้
    • วัสดุ 7.5/10 – ขายแบบ Fully Fitted วัสดุได้ตามมาตรฐาน มีดีไซน์เฉพาะตัว
    • แบบ 8.5/10 – จำนวนยูนิตน้อย ได้ความเป็นส่วนตัว แบบห้องดูดี ไม่อึดอัด จัดฟังก์ชันลงตัว
    • สาธารณูปโภค 8/10 – Facilities ครบครัน กระจายตัวใช้งาน

    • UPPER CLASS
    • 7.86 / 10.00

    BOTTOM LINE

    The Key พระราม 3 เหมาะกับคนที่ต้องการวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ล้อมรอบไปด้วยความอุดมสมบูรณ์อย่างห้าง Terminal 21 อีกทั้งยังเข้าเมืองไปย่านสีลม-สาทรได้มายาก เดินทางสะดวกด้วยรถยนต์และรถสาธารณะ พร้อม Facilities ครบครัน ส่วน Product เริ่มต้นห้องใหญ่ 30 ตร.ม. เหมาะอยู่อาศัย 1-2 คนกำลังดี ในราคาเริ่มต้น 3.3 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 21,000 บาท/เดือน


    ติดตามพวกเราได้ที่
    Website : www.thinkofliving.com
    Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
    YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
    Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
    Facebook : ThinkofLiving