รีวิวฉบับที่ 783 สวัสดีค่ะวันนี้จะพาไปชมโครงการระดับ Ultimate ชื่อว่า The Diplomat 39 จาก KPN คอนโด High Rise ใกล้ BTS พร้อมพงษ์มีระยะเดินประมาณ 100 เมตร ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 ซึ่งเป็นซอยที่เต็มไปด้วยโครงการระดับนี้อยู่แล้ว ดั้งนั้นเรื่องราคาก็ไม่ต้องห่วงค่ะวิ่งไปไกลอยู่เหมือนกัน ถ้ายังจำกันได้คุณฝนเคยพาไปดู Diplomat สาทร มาเมื่อ 2 ปีที่แล้วราคาอยู่ที่ประมาณ 200,000 บาท/ตร.ม. คราวนี้เปิดตัวมาราคาก็ไต่ระดับไปอยู่ประมาณ 280,000 บาท/ตร.ม.แล้วค่ะ
Fact @ 26 February 2015
- The Diplomat 39 (เดอะ ดิโพลแมท 39)
- KPN Group Co., Ltd.
- ULTIMATE CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่: ซ.สุขุมวิท 39 เขตวัฒนา กทม.
- คอนโด High Rise 31 ชั้น 1 อาคาร
- ที่จอดรถประมาณ 102 % มีที่จอดทั้งหมด 160 คัน ไม่รวมจอดซ้อมคัน
- พื้นที่โครงการประมาณ 1-3-37 ไร่ 156 ยูนิต
- 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 54 – 60 ตร.ม. ราคาประมาณ 15 ล้านบาท
- 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด74 – 94 ตร.ม. ราคาประมาณ 26 ล้านบาท
- 3 Bedroom 3 Bathroom ขนาด 134 – 193 ตร.ม.
- Duplex 2 ชั้น 3 Bedroom 3 Bathroom ขนาด 157 -168 ตร.ม.
- Penthouse ขนาด 135 – 450 ตร.ม. มีจำนวน 4 ยูนิต
- ฝ้าเพดาน : ส่วนกลางสูง 5 เมตร,
- ฝ้าเพดาน : ห้อง Penthouses ชั้น 7 สูง 3.5 เมตร, ห้องชั้น 8-24 สูง 3 เมตร และห้องที่อยู่ตั้งแต่ชั้น 25-30 สูง 3.5 เมตร
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 15-185 ล้านบาทหรือประมาณ 280,000บาท/ ตร.ม.
- เริ่มก่อสร้าง: มิ.ย. 2558
- คาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จ: มิ.ย. 2562
- www.thediplomatcondo.com
- 02-789-9000
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะคะ
พิกัด : 13.731453, 100.570612
จากแผนที่ของโครงการ จะเห็นว่า ที่ตั้งของโครงการ The Diplomat 39 มีจุดเด่นคือเป็นคอนโดที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า ซึ่งโครงการอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าเพียง 100 เมตรเท่านั้น ถือว่าเป็นทำเลที่เดินทางสะดวกในระยะเดินถึง
ตัวโครงการตั้งอยู่บนเส้นถนนสุขุมวิท ในซอยสุขุมวิท 39 ซึ่งหากพิจารณาจากการเดินทางแล้ว ถือว่าเป็นถนนเส้นที่อยู่ใกล้ใจกลางเมืองและมีทางลัดที่สามารถเชื่อมต่อกับถนนใหญ่หลายเส้นค่ะ เช่น
ตัวถนนสุขุมวิทเอง หากขับเข้าเมืองตรงไปเรื่อยๆ(เลียบเส้นรถไฟฟ้า BTS)จะผ่านแยกอโศก ซึ่งระหว่างทางจะเจอ Terminal 21 ผ่านแยกราชประสงค์ ไปจะเป็น เซ็นทรัลเวิร์ล สยาม
ถนนเพชรบุรี(ผ่านแยกเอกมัยเหนือ-เพชรบุรี) จริงๆถนนเพชรบุรีก็เป็นถนนที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ แต่เป็นถนนเส้นคู่ขนานกับถนนสุขุมวิท ซึ่งมีถนนอโศกมนตรี และสุขุมวิทซอยย่อยๆเป็นตัวตัดผ่าน แต่หากจากโครงการขับบนถนนเพชรบุรีเดินทางไปผ่านแยกอโศก-เพชรบุรี เลี้ยวขวาก็จะไปทะลุถนนพระราม 9 ซึ่งสามารถไปห้างฟอร์จูน เซ็นทรัลพระราม 9 หรือเอสพลานาดได้
แต่หากขับบนเส้นถนนเพชรบุรีตรงไปเรื่อยๆ ผ่านแยกอโศก แยกประตูน้ำก็สามารถไปช็อปเสื้อผ้าที่แพลตตินั่ม ประตูน้ำ หรือไปพันทิปได้
นอกจากนี้ถนนสุขุมวิทยังมี ถนนพระรามที่ 4 เป็นถนนคู่ขนานอีกด้าน โดยมีถนนรัชดาภิเษกเป็นตัวตัดผ่านแยกพระราม 4 ซึ่งสามารถไปยังแยกวิทยุ ไปราชเทวีได้ค่ะ
ซึ่งจากแผนที่ จะเห็นว่าทำเลโดยรอบของถนนสุขุมวิทจะแวดล้อมไปด้วยถนนใหญ่ ซึ่งสามารถไปยังสถานที่สำคัญๆได้หลายที่จึงเป็นทำเลใจกลางเมืองที่ดีที่หนึ่ง เดินทางด้วยรถยนต์ไปได้หลายเส้นทาง แต่ก็จะตามมาด้วยรถที่ติดมากกกกก ค่ะ
เนื่องจากทำเลเส้นสุขุมวิทเป็นถนนที่หลายๆคนน่านะรู้อยู่แล้วว่า รถติดมากก การเดินทางด้วยรถยนต์จึงจำเป็นต้องมีทางลัดเป็นตัวช่วยมีทางเข้า-ออกให้เลือกหลายเส้นทางเลยค่ะว่าจะทะลุไปทางไหน โดยถ้ามาจากสยามสามารถเข้าซอยสุขุมวิท 39 ได้เลย โครงการจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ
จากซอยทองหล่อ สามารถเข้ามาที่โครงการได้โดยทะลุเข้าซอยสุขุมวิท 49/11 จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 39
จากทางถนนเพชรบุรี ก็สามารถเข้าโครงการได้โดยเลี้ยวเข้าซอยเพชรบุรี 38/1 จะทะลุเข้าซอยสุขุมวิท 39 ตรงมาเรื่อยๆจะเห็นโครงการอยู่ทางขวามือ
และหากมาจากถนนอโศกมนตรี ก็สามารถเข้าทางซอยสุขุมวิท 21/3 เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสวัสดี(เป็นทาง one way) จะทะลุเข้าซอยสุขุมวิท 39 เข้ามาจะเจอโครงการอยู่ทางขวามือเช่นกัน
และหากใครที่มาจากนอกเมืองทางพระโขนงบางนา สามารถเข้าทางโครงการได้โดยวิ่งเข้าซอยสุขุมวิท 49 เลี้ยวซ้ายเข้าซอยพร้อมมิตร ก็จะสามารถทะลุเข้าซอยสุขุมวิท 39 ได้เช่นกันค่ะ เวลารถติดหนักๆทางลัดตรงนี้ช่วยประหยัดเวลาได้เหมือนกันนะคะโดยหากใครที่ต้องการเข้าเมือง ก็สามารถขับจากโครงการออกซอยสุขุมวิท 49 แล้ววิ่งไปเส้นสุขุมวิทได้เช่นกัน(ตรงทางออกซอยสุขุมวิท 49 จะเป็นทางแยกยูเทิร์น)
ต่อมา มาดูเรื่องการเดินทางด้วยรถไฟฟ้ากันบ้างค่ะ โดยจุดเด่นของโครงการ คือติดกับ BTS ซึ่งโครงการจะอยู่ห่างจาก BTS พร้อมพงษ์ 100 เมตร และมีสถานีที่ติดต่อ 2 สถานี คือ สถานีอโศก ซึ่งเป็นสถานีที่ Interchange กับ MRT สุขุมวิท ใครจะไปรถไฟฟ้าได้ดินถือว่าสะดวกมาทีเดียว และสถานีนี้ยังมี Terminal21 ที่เรารู้จักกันดีว่ามี Food Court ที่ถูกและดี ^^
สถานีทองหล่อ ซึ่งเป็นย่านที่มี lifestyle more อยู่เยอะ คึกคักไปด้วยชาวต่างชาติและคนไทย และมีร้านอาหารนานาชาติหลากหลาย เป็นแหล่งท่องเที่ยวและศูนย์รวมธุรกิจบันเทิงแห่งหนึ่งของชาวต่างชาติในกรุงเทพ
หากเดินจากรถไฟฟ้าเราจะเจอ The District Em ซึ่งประกอบด้วยห้างดิ เอ็มโพเรียม, ดิ เอ็มควอเทียร์ และดิ เอ็มสเฟียร์ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของ 3 โครงการศูนย์การค้าระดับเวิร์ลคลาสใจกลางสุขุมวิท จากเดอะมอลล์ กรุ๊ป เพื่อยกระดับสุขุมวิทให้เป็นย่านการค้า แหล่งธุรกิจ โรงแรม ออฟฟิศที่พักอาศัย และศูนย์ความบันเทิงต้อนรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ซึ่งตอนนี้ดิ เอ็มควอเทียร์กำลังดำเนินการสร้างอยู่ ส่วนห้างสรรพสินค้าที่เรารู้จักกันดีคือ ดิ เอ็มโพเรียม ที่หลายๆคนก็คงมาเดินเล่นช็อปปิ้งกันบ้างแล้ว ในดิ เอ็มโพเรียมนี้ก็มี TCDC ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการออกแบบอยู่ข้างในด้วย
เรื่องของความอุดมสมบูรณ์ จาก MRT พร้อมพงษ์เดินไปที่โครงการ จะมี Family Mart อยู่หน้าซอย ร้านอาหาร สถานบันเทิง ร้านขนม ร้านกาแฟ ตลอดทั้งเส้นทาง โดยเฉพาะร้านที่เป็นสไตล์ญี่ปุ่นจะมีมาก เพราะเป็นย่านที่มีคนญี่ปุ่นอยู่เยอะ รวมทั้งยังมีโรงพยาบาล ร้านนวด ร้านซักรีดที่อำนวยความสะดวก เพราะซอยนี้มีโครงการคอนโดอยู่หลายโครงการ(ตัวหนังสือสีส้ม) ทั้งโครงการ 39 by Sansiri โครงการสร้างเสร็จมีลูกบ้านเข้าอยู่แล้ว ซึ่งโครงการนี้จะอยู่ติดกับเจ้า The Diplomat 39 เลย และที่กำลังก่อสร้างมี Marque ของ Major Development, Galerie rue de จาก AP, XXXIX(อ่านว่า Thirty Nine หรือ 39) ของ แสนสิริ
โดยทางด้านทิศเหนือของโครงการ จะติดกับ 39 by Sansiri และด้านทิศตะวันตกก็มองไปเห็นเอ็มควอเทียร์ ซึ่งเป็นตึกสูงในระยะใกล้ๆทั้งคู่ อาจมีเรื่องของความอึดอัดหรือเสียความเป็นส่วนตัวอยู่บ้าง สำหรับคนที่พักอาศัยอยู่ในทิศนั้นๆ
ในด้านทิศตะวันออกเป็นบ้านคนซึ่งอยู่อีกด้านของถนน ฝั่งนี้จะสบายสายตาไม่แออัด แต่ด้านตะวันออกเฉียงใต้จะมี Galerie rue de 39 กับ Marque บังเต็มๆ และด้านทิศใต้ ติดกับร้านกาแฟ RABIKA COFFEE ซึ่งเป็นโซนอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ด้านนี้ก็จะโล่งๆไปจนถึงฝั่งตรงข้ามของถนนสุขุมวิทมีตึกธนาคาร UOB อยู่
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ
ต่อมาเราจะพาไปดูทำเลรอบๆโครงการกันนะคะ โดยจะพาเดินไป 2 เส้นทาง คือ เส้นทางสีน้ำเงิน(เข้าซอยสุขุมวิท 39) และเส้นทางสีแดง(เข้าซอยสุขุมวิท 37) โดยจะเริ่มจากเส้นทางสีน้ำเงินก่อนนะคะ
เริ่มจาก BTS พร้อมพงษ์ เข้าซอยสุขุมวิท 39 ผ่านหน้าที่ดินของโครงการและไปที่ Sale Gallery กันค่ะ
เริ่มจาก BTS พร้อมพงษ์ จะเจอห้างดิ เอ็มโพเรียม ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และมี TCDC(Thailand Creative Design Center) ซึ่งเป็นห้องสมุดและศูนย์การออกแบบ รวมทั้งมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการออกแบบอยู่เรื่อยๆ
ส่วนอีกด้านที่เราเดินลงบันไดาจะเป็นศูนย์การค้าดิ เอ็มควอเทียร์ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
สถานีพร้อมพงษ์เป็นสถานีที่ใกล้โรงแรมใหญ่ๆ และสถานที่สำคัญๆหลายแห่ง
มีป้ายบอกทางออกไปยังที่ต่างๆ
เราจะเดินออกประตูทางขวามือกันนะคะ
เดินออกทางลงนี้กันค่ะ เป็นทางลงบันไดเดียวข้างหน้าเป็นอาคารพาณิชย์
เดินลงมาจากบันได BTS จะเจอสามแยก ซึ่งแยกที่บรรจบกับถนนสุขุมวิท คือซอยสุขุมวิท 24 รถค่อนข้างหนาแน่นค่ะ เพราะซอยสุขุมวิท 24 นี้สามารถไปทะลุถนนพระราม 3 ได้
เดินลงมาจะเจอธนาคารออมสิน เราจะยูเทิร์นกลับ เพื่อไปยังซอยสุขุมวิท 39 กันนะคะ
เดินยูเทิร์นมาจะเจอ Family Mart ซึ่งมีของขายเต็มเลย
ติดกันเป็นร้านกาแฟและเบเกอรี่ THRITY NINE ESPRESSO
ติดกันจะเป็นร้าน SUN BOOKS ซึ่งขายหนังสือภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดค่ะ
ถัดมาเราเจอซอยสุขุมวิท 37 อยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งมีรถกระป๊อวิ่งออกมาด้วย
ข้างหน้าเป็นร้านอาหารไทย มีเมนูภาษาญี่ปุ่นด้วย
เมนูที่หน้าร้านค่ะ
มองเข้าไปในซอยสุขุมวิท 37 เหมือนจะสามารถทะลุไปยังซอยอื่นได้ด้วย เดี๋ยวเราจะพาเดินตรงไปหน้าซอยสุขุมวิท 39 ก่อนนะคะ
ถัดจากซอยนั้นมาเราจะเจอร้าน SUN MIX ขายสินค้ามือ 2 ของคนญี่ปุ่น
ถัดไปเป็น 7eleven ซึ่งเป็น 7eleven ที่มีกาแฟขายด้วย
หน้า 7eleven จะมีป้ายบอกพื้นที่เขตนะคะ ซึ่งในซอยสุขุมวิท 39 จะเป็นพื้นที่เขตวัฒนา และมีป้ายบอกว่าในซอยสุขุมวิท 39(ซอยพร้อมพงษ์) ของเราเป็นเส้นทางลัดไปถนนเพชรบุรีได้ด้วย
ถัดไปเป็นร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้า และเรามาถึงแล้ว ซอยสุขุมวิท 39 เดี๋ยวเราจะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยกันนะคะ
ขอเพิ่มเติมนิดนึงนะคะ ตรงหน้าซอยสุขุมวิท 39 จะมีแยกซึ่งรถที่จะเข้าทางต้นซอยนี้ต้องเป็นรถที่มาจากในเมืองเท่านั้น รถที่มาจากฝั่งนอกเมืองเข้าไปในเมือง(สุขุมวิทฝั่งเลขคู่) จะไม่สามารถเลี้ยวข้ามแยกเข้ามาซอยนี้ได้นะคะ เพราะมีตัวกั้นอยู่
เราเข้ามาที่ต้นซอยสุขุมวิท 39 กันแล้วค่ะ มุมมองที่เห็นจะเป็นแบบนี้ ขนาดถนนซอยไม่กว้างมากนะคะ แต่มีฟุตบาททั้งสองข้างทางให้เดินได้ และมีร้านค้าแผงลอยอยู่ทั้งสองข้างทางเลย
เดินเข้ามานิดหน่อยเราจะเจอร้าน COCA สุกี้
ฝั่งตรงข้ามร้าน COCA สุกี้กำลังก่อสร้างคอนโด Marque ของ Major Development และจะเห็นว่าในซอยมีอาคารสูงอยู่เยอะพอสมควรเลยค่ะ
ที่ติดกับ Marque เป็นโครงการ Galerie rue de 39 จาก AP ซึ่งตัวโครงการกำลังก่อสร้างค่ะ
เดินต่อไปอีกนิดจะเป็นร้านขายสินค้าญี่ปุ่นมือสอง ซึ่งมีซอยแยกเข้าไปทางซ้ายมือ อยากรู้จังว่ามีอะไรน้า เดี๋ยวขากลับจากโครงการเราจะพาไปดูค่ะ
ทางเดินจะเป็นฟุตบาทกว้างประมาณ 1.20 เมตร ที่ติดกับร้านขายของญี่ปุ่นมือสอง จะเป็นร้านกาแฟ RABIKA COFFEE
ถัดจากร้านกาแฟ จะเจอที่ตั้งโครงการ The Diplomat 39 ค่ะ
โดยโครงการล้อมรั้วไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ปรับพื้นที่ค่ะ
ตรงข้ามโครงการเป็นบ้านพักอาศัยค่อนข้างร่มรื่นค่ะ
เราข้ามมายืนฝั่งตรงข้ามให้เห็นกันชัดๆนะคะ ตรงนี้เป็นพื้นที่โครงการ The Diplomat 39 นะคะ ปัจจุบันยังเป็นอาคารเดิมอยู่ยังไม่ได้ทุบ ส่วน Sale Gallery จะต้องเดินไปอีกค่ะ
มองออกไปหน้าซอยด้านถนนสุขุมวิทค่ะ ส่วนของอาคารด้านที่ติดถนน จะไม่มีตึกสูงบังวิวนะคะ
ถัดจากโครงการไปจะเจอคอนโด 39 จากแสนสิริ ซึ่งรั้วติดกับโครงการเลย ห้องที่อยู่ด้านนี้จึงจะจ๊ะเอ๋กับ 39 เต็มๆนะคะ
ถัดไปอีกเป็น Better Being Hospital
ถักมาอีกเป็นโครงการ XXXIX ของแสนสิริ และจะเห็นตึกของคอนโด Le Raffine อยู่ไกลๆ
เดินมาอีกนิดก็เจอเลยค่ะ Sale Office ของ The Diplomat 39 จะเห็นว่าฝั่งตรงข้ามมีร้านอาหารญี่ปุ่น และมีร้านขายเครื่องดื่มชากาแฟด้วย วันที่เราไปดูเป็นวันที่มีงานเปิดตัว ข้างหน้า Sale Office ค่อนข้างคึกคักทีเดียวค่ะ
ต่อไปเราจะพาไปเดินเส้นทางที่ 2 ซึ่งเป็นซอยสุขุมวิท 37 ซอยเล็กๆ ก่อนถึงโครงการกันนะคะ ว่าในซอยนั้นไปไหนได้ และมีอะไรบ้าง
เราเดินเข้าทางซอยสุขุมวิท 39 ค่ะ ลองเดินเข้าไปดูกันข้างใน ต้นซอยจะเห็นเป็นอาคารพาณิชย์และอาคารสำนักงานค่ะ มีรถกระป๊อด้วยเยอะเลย
เดินเข้าไปอีกหน่อย สุดทางเป็นซอยตัน
ที่เห็นอาคารเหลืองเด่นๆนั้นเป็นโรงเรียนสอนนวด ขึ้นป้ายภาษาญี่ปุ่นด้วยน่าจะมีคนญี่ปุ่นสนใจมาเรียนเยอะเหมือนกันนะคะการนวดไทยของเรา
มีซอยเลี้ยวไปทางซ้ายมือมี Eco Ring (ป้ายสีเหลืองๆ) เป็นบริษัทจัดจำหน่ายสินค้ามือหนึ่งและมือสองจากญี่ปุ่น และบริษัท Eclipse ในซอยมีโรตีขายด้วย
เดินเข้าไปในซอย มีป้ายร้านอาหารญี่ปุ่น
มีบาร์ Retro 39
ในซอยมีร้านนวด ร้านอาหารญี่ปุ่น
มองตรงไปจะเห็นหลังร้านของ COCA สุกี้ มองไปสุดซอยจะเห็นแนวรถไฟฟ้า สามารถทะลุไปยังถนนสุขุมวิทได้
มีร้าน Organic shop
เดินมาถึงต้นซอยเป็นร้านอาหารไทย และก๊วยเตี๋ยว
มีชาวต่างชาติมานั่งทานเรื่อยๆ เมนูเยอะมากกกก
เมนู เมนู เป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยค่ะ
หน้าตาอาหาร… ออส่วน จานนี้ 80 บาท
ข้าวลาบปลากระพง 70 บาท ข้าวคะน้าหมูกรอบไข่ดาว 80 บาท ราคาอาหารจานเดียวประมาณนี้ สนนราคามีตั้งแต่ 40 บาทไปจนถึง 300 บาท
ถ้านั่งอยู่ตรงนี้จะเห็นว่า ในซอยนี้มีรถกระป๊อผ่านไปเรื่อยๆตลอดเวลาเลยค่ะ
เป็นรถกระป๊อญีปุ่นซะด้วยสิ อิอิ ซึ่งการจราจรของรถกระป๊อจะขับจากซอยสุขุมวิท 39 มา แล้วทะลุออกซอยนี้แล้ววนกลับเข้าไปในซอยสุขุมวิท 39ใหม่ค่ะ
Special Recommend : สำหรับใครที่จะตัดสินใจมาอยู่โครงการ The Diplomat 39 เรื่องอาหารการกินก็เป็นเรื่องหลักใช่ไหมคะ เราจึงมีร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆละแวกโครงการมาแนะนำค่ะ
แน่นอนว่าย่านนี้เป็นย่านที่ชาวญี่ปุ่นอยู่เยอะ เราเลยมาเริ่มที่ร้าน “Gold curry”ร้านข้าวแกงกระหรี่ ตั้งอยู่เยื้องๆกับสำนักงานขายโครงการค่ะ หน้าร้านเป็นสีส้มแบบนี้เลย
จุดเด่นคือเป็นร้านข้าวแกงกระหรี่จานยักษ์ เลือกได้ตั้งแต่ 2 กิโลกรัมไปจนถึง 10 กิโลกรัม ถ้ากินคนเดียวหมดนี่ ฟรี!!! ค่าาาาา
เงื่อนไขเป็นภาษาญี่ปุ่นนะคะ ราคาตามนี้ แต่ถ้ากินคนเดียวหมดก็กินฟรี
ขนาด 2 กิโลกรัม หมดนี่อิ่มถึงพรุ่งนี้ อิอิ แนะนำให้กินเป็นหมู่คณะดีกว่าาน่าจะสบายท้องแบบไม่ต้องทรมานมาก
อีกร้านที่ติดกันเลยคือ โซบะ ซิงกิ
มีโชบะยำไทยด้วย่ะ เป็นเมนูฟิวชั่น 150 บาท
ร้านไอศกรีมไผ่ทอง ไอศกรีมรถเข็นธรรมดาราคาเบาๆก็มีให้เลือกนะคะ อากาศร้อนๆแบบนี้ในราคา 25 บาท ถือว่าฟินนนน
ต่อไปเป็นร้าน Le Blanc ร้านขนมปังที่อยู่ก่อนถึง Sale office ของโครงการค่ะ
เข้ามาข้างในจะเจอเบเกอรี่ทำสด หอมมกรุ่นมากกกก ราคาค่อนข้างสูงนะคะถ้าเทียบกับปริมาณชิ้น ราคาชิ้นละตั้งแต่ 25-100 บาท แต่อยากรู้ว่าจะอร่อยแค่ไหน เลยได้กลับบ้านไป 1 ชิ้น ถึงรู้ว่ารสชาติอร่อยเลยทีเดียว ^^
ต่อไปเป็นการเดินทางด้วยรถยนต์ เราจะเริ่มสตาร์ทจากถนนสุขุมวิท พาเข้าซอยสุขุมวิท 49 แล้วเลี้ยวเข้าซอยพร้อมมิตร ซึ่งจะสามารถทะลุเข้าซอยสุขุมวิท 39 ที่ตั้งของโครงการได้ค่ะ
เริ่มกันที่ถนนสุขุมวิท วันนี้แดดค่อนข้างแรงจ้า
หากขับตรงไปจะไปพร้อมพงษ์ อโศก สยาม ขาเข้าเมือง เราจะเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าซอยสุขุมวิท 49 กันค่ะ ซึ่งจะเห็นว่าเราเริ่มเส้นทางจากการเลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท เพราะ ทางแยกที่อยู่ต้นซอยสุขุมวิท 39 จะไม่สามารถเลี้ยวขวาได้ค่ะ
แยกนี้ค่อนข้างกว้างค่ะ เพราะมีพื้นที่ไว้ให้รถยูเทิร์นกลับรถทั้งสองทาง และเพื่อให้รถสามารถเลี้ยวขวาเข้าซอยสุขุมวิท 49 ได้
หน้าซอยมีร้านขายทอง และมีอพาร์ทเม้นให้เช่า
ในซอยมีท่ารถกระป๊อและ 7eleven ด้วย
ขับต่อมา ด้านซ้ายมือเป็นโครงการใหม่ คือโครงการ Liv@49 จาก Lucky Living ซึ่งโครงการกำลังล้อมรั้วก่อสร้างค่ะ
บรรยากาศในซอย ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย และซ้ายมือเป็นคอนโด Via 49 คอนโดแบบ Low Rise ค่ะ
มาถึงแยกแรก ถ้าเลี้ยวขวาจะไปสุขุมวิท 49/2 ซึ่งสามารถไปทองหล่อได้ แต่เราจะแยกไปทางซ้ายมือ คือสุขุมวิท 49 เพื่อไปโครงการกันนะคะ
เลี้ยวซ้ายเข้ามาจะเห็นอาคารบ้านพักอาศัย
ปลูกต้นไม้ค่อนข้างเขียวขจีทั้งสองข้างทาง ทุดทางจะเห็นว่ามีทางเลี้ยว
เราจะเลี้ยวขวาเพื่อไปยังซอยสุขุมวิท 39 ซึ่งเป็นถนนของโครงการกันค่ะ ซึ่งถนนเส้นที่เราเลี้ยวไปนั่นคือซอยสุขุมวิท 49
เข้าซอยมา มีน้ำปั่นขายอยู่ต้นซอยด้วย ซอยค่อนข้างเงียบ ไม่คึกคักเท่าไรนัก
ขับมาอีกหน่อย หันไปทางซ้ายมือจะเจอร้าน UFM ซึ่งขายสินค้าญี่ปุ่น
ตรงไปจะมองเห็นป้ายไกลๆทางซ้ายมือนั้นคือ ซอย 49/1 เดี๋ยวเราจะเลี้ยวเข้าซอยนั้นนะคะ
เข้าซอยมามีร้านพรม ซ้ายมือเป็นร้าน The 49 Terrace
ขับไปอีกนิดจะเจอทางแยก เราจะเลี้ยวซ้ายเพื่อไปโครงการ ซึ่งก็ยังอยู่บนซอยสุขุมวิท 49/1 อยู่
หน้าซอยมีร้านขายอาหารรถเข็นในซอยนี้ส่วนใหญ่จะเป็นทาวน์เฮาท์ ที่พักอาศัย
เราจะเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าซอยพร้อมมิตรกันค่ะ ข้างหน้าเป็นหอพักพร้อมมิตร วิลล่า
ในซอยพร้อมมิตรจะค่อนข้างเงียบค่ะ ในซอยนี้มีโบสถ์ของคนเกาหลีอยู่ด้วย
เราขับออกมาจนเกือบถึงหน้าซอย จะมี Lifestyle mall เล็กๆ มีอาหารขาย
Lifestyle mall เล็กๆที่อยู่ด้านขวามือค่ะ ลักษณะเป็นอาคารแบบร่วมสมัยสีเหลือง มีลานจอดรถตรงกลาง
*เพื่อจะได้เห็นชัดๆ จึงขออ้างอิงภาพจาก Google นะคะ
ขับมาจนถึงต้นซอยพร้อมมิตร ซึ่งจะทะลุถนนสุขุมวิท 39 หากเลี้ยวขวาจะสามารถไปทะลุถนนเพชรบุรีได้ เดี๋ยวเราจะเลี้ยวซ้ายไปดูโครงการกันนะคะ
พอเลี้ยวซ้ายออกมาเข้าซอยสุขุมวิท 39แล้ว จะเห็นว่ามีตึกอยู่เรื่อยๆเต็มสองข้างทาง
ทางซ้ายมือนี้ก็เตรียมล้อมรั้วกัน เตรียมปลูกสร้างอาคารแล้ว
ตรงไปอีกนิด ทางขวามือจะเป็น Grand 39 Tower และซ้ายมือจะเป็น Le Raffine
และที่ติดกับ Le Raffine ก็คือ The Diplomat 39 ส่วนนี้เป็นสำนักงานขายนะคะ ตัวโครงการยังไม่เริ่มก่อสร้าง
ถ้ามาโครงการก็เลี้ยวรถเข้าไปจอดด้านหลังได้เลยนะคะ ^^
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ดิ เอ็มโพเรียม 250 เมตร
- ดิ เอ็มควอเทียร์ 230 เมตร
- ดิ เอ็มสเฟียร์ 230 เมตร
- สวนเบญจกิตติ 450 เมตร
- โรงพยาบาลสมิติเวช 1.2 กิโลเมตร
“The Timeless Treasure” ทรัพย์สมบัติล้ำค่าไร้กาลเวลา คือคอนเซปต์ของโครงการที่ต้องการสร้างสถาปัตยกรรมที่คลาสสิคเป็นมรดกถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน การออกแบบจึงเป็นการผสมผสานและประยุกต์ระหว่างสถาปัตยกรรมสมัยใหม่แบบ Modern กับสมัยเก่าในยุคศตวรรษที่ 15 ที่เรียกว่า Palladian Architecture
ตัวอาคารจะใช้โทนสีหลักเป็นสีครีม สไตล์อาคารตามคอนเซปต์คือมีการผสมผสานของ 2 สไตล์คือสไตล์ย้อนยุคกับสมัยใหม่ ตั้งแต่ส่วนโถง Lobby ชั้น 1 ไปจนถึงส่วนของ Facilities ชั้น 7 จะเป็นสไตล์ย้อนยุค ใช้สีครีมที่มี Texture เป็นอิฐขรุขระ ตกแต่งอาคารด้วยโคมไฟ ราวระเบียง และช่องเปิดโค้ง แม้ในส่วนของชั้นจอดรถก็มีการใส่ Design ของช่องเปิดเป็นซุ้มโค้งลงไปเพื่อให้ภาพรวมของอาคารมีความกลมกลืนกับส่วนอื่นๆที่เป็นสไตล์ย้อนยุค
ส่วนพักอาศัยชั้น 8 ขึ้นมาจนถึงชั้นที่ 31 ตัวอาคารจะเป็นสไตล์โมเดิร์นสมัยใหม่ ใช้สีครีมเช่นกันแต่เป็น Texture เรียบๆ ตัวตึกใช้ฟังก์ชั่นของห้องต่างๆ เช่นระเบียง หรือสระว่ายน้ำของห้อง Penthouse มาทำให้อาคารไม่ดูเป็นแท่งสูงชะลูด แต่มีการเล่นระดับของตึกให้ดูมีลูกเล่น
ด้านหน้าอาคาร จะมีซุ้มประตูทางเข้าที่ค่อนข้างใหญ่และโออ่า การใช้วัสดุ รวมทั้งโคมไฟตกแต่งตามแบบฉบับ Palladian Architecture
เดินเข้ามาในโครงการสิ่งแรกที่เห็นคือโถงแปดเหลี่ยม ความสูง 5 เมตร มองตรงไปสุดทางตรงประตูโค้งที่ยาวตลอดแนวจะนำไปสู่โถงลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังห้องพัก หากเดินไปทางขวามือจะไปยังส่วนของ The Salon และหากเดินไปทางซ้ายมือ จะไปยังส่วนของ Lounge
The Salon ห้องนี้ทางโครงการจัดไว้ให้เป็นส่วนของพื้นที่รับรองเผื่อการสังสรรค์ หรือการจัดเลี้ยงต่างๆ โดยส่วนนี้มีทางไปสู่ที่จอดรถ service ที่รองรับเผื่อการ Catering ด้วย
ในส่วนของชั้น 7 ของโครงการจะเป็น The Club ที่เป็น Facilities อีกส่วนของโครงการ ประกอบด้วย The Club room ,Fitness ,Pool Deck และสระว่ายน้ำ
ทิศเหนือในส่วนของ The club, Pool deck และด้านหนึ่งของสระว่ายน้ำ จะติดกับ 39 by Sansiri ซึ่งเป็นตึกสูง แต่ก็ไม่ได้สูงทั้งแนวเพราะคอนโด 39 จะ set อาคารเข้าไปจากหน้าถนนค่อนข้างเยอะ ก็อาจมีส่วนของ The Club ที่อาจจะประชิดกับอาคารของ 39 ได้
ทิศตะวันออก ซึ่งเป็นส่วนของสระว่ายน้ำ จะติดกับถนนซอยสุขุมวิท 39 ซึ่งฝุ่นไม่น่าจะมาถึงชั้น 7 เสียงก็เช่นกัน ซึ่งด้านนี้โอเคตรงที่ ฝั่งตรงข้ามถนนก็ไม่มีตึกสูงด้วย ทำให้การว่ายน้ำในด้านนี้ค่อนข้างจะสบายๆไม่มีอะไรรบกวน ทิศตะวันออกนี้ก็เป็นทิศที่ไม่ร้อน ดังนั้นสามารถว่ายน้ำได้ตลอดวัน
ทิศใต้ เป็นส่วนของ Fitness ซึ่งจะติดกับอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ซึ่งสูงไม่ถึง Facilities ส่วนนี้อยู่แล้วเพราะอยู่ชั้น 7 ทำให้ฟิตเนสสามารถมองออกมาเห็นวิวโล่งๆสบายๆ
ทิศตะวันตก จะติดกับดิ เอ็มควอเทียร์ ซึ่งเป็นตึกขนาดใหญ่ ก็อาจทำให้ห้อง Penthouse ในห้องด้านทิศนี้อึดอัดอยู่บ้าง
*เนื่องจากทางโครงการไม่พร้อมที่จะเปิดเผยข้อมูลผังอาคาร เราจึงจำลองผังอาคารส่วน Facilities มาให้ดู ซึ่งผังนี้ไม่สามารถอ้างอิงขนาดที่แท้จริงได้นะคะ
ส่วนของ The Club ในชั้น 7 มีฝ้าเพดานสูง 5 เมตร ส่วนของ Corridor หรือทางเดินจะเป็นซุ้มโค้งตลอดแนว ประดับด้วยโคมไฟสไตล์ย้อนยุค ทางขวามือจะเป็นห้อง Fitness ซึ่งเป็นห้องกระจก ดังนั้นคนที่เดินอยู่ด้านนอกจึงสามารถมองเข้าไปในห้อง Fitness ได้ รวมทั้งคนในห้อง Fitness ก็สามารถมองออกมาเห็นทางเดินและสระว่ายน้ำด้านนอกได้ด้วยเช่นกัน
ภายในห้อง Fitness ด้วยฝ้าเพดานที่สูง 5 เมตรจึงทำให้ห้องดูโอ่โถงและโปร่ง เพราะกระจกทำให้ห้องดูกว้าง และส่องดูความฟิตแอนด์เฟิร์มของบอดี้ขณะเล่น Fitness ได้ด้วย
ถัดจากห้อง Fitness ไปจะเป็น The Club room ซึ่งเป็นพื้นที่สงบ สามารถมานั่งทำงาน อ่านหนังสือ หรือมานั่งพักผ่อนได้ การตกแต่งภายในโอ่อ่า ฝ้าเพดานและช่องหน้าต่างสูง
ออกมาด้านนอก จะเห็นสระว่ายน้ำ ซึ่งรอบๆสระว่ายน้ำก็มีการจัดสวนและพื้นที่นั่งริมสระ มองเข้าไปเห็นส่วนของ The Club room และ Fitness ด้วย
TYPICAL FLOOR PLAN ชั้น 9-21 เป็นแปลนตัวอย่างจากโครงการ โดยจะมีลิฟท์โดยสาร 4 ตัว คิดเป็นอัตราส่วนจำนวนห้องต่อลิฟต์ 39:1 ซึ่งถือว่าสบายมากๆไม่หนาแน่น, ลิฟท์ Service 1 ตัว และมีบันไดหนีไฟให้ทั้งหมด 2 บันได ความหนาแน่นสูงสุดต่อชั้นคือ 8 ยูนิต ผังอาคารจะนำแกนลิฟท์เอาไว้ตรงกลางและให้ห้องพักล้อมรอบๆแกนลิฟท์ไว้ ห้องพักก็จะเน้นให้มีขนาห้องที่ใหญ่กว่าปรกติถึงแม้จะเป็นแบบ 1 Bedroom ก็ยังได้พื้นที่ 50 กว่าตร.ม.ขึ้นไป ส่วน 2 Bedroom ก็จะได้ตั้ง 70 กว่าตร.เมตรขึ้นไป
สำหรับวิวแต่ละด้านฝั่งที่ติดกับ 39 และ เอ็มควอเทียร์ จะโดนบังวิวในระยะประชิด ซึ่งทางโครงการเค้าก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้วเลยออกแบบห้องให้มีช่องเปิดไม่กว้างมากสำหรับห้องที่หันไปด้านนั้น ส่วนวิวซอยสุขุมวิท 39 กับฝั่งที่ติดอาคารพาณิชย์จะดีขึ้นมาพอสมควรเพราะไม่มีอะไรมาบังในระยะประชิด แต่อาจมีเสียงรถจาก BTS บ้างนิดหน่อยสำหรับชั้นล่างๆ
เห็น Facilities ส่วนกลางของโครงการกันไปแล้ว เนื่องจากตัวโครงการตอนนี้ยังไม่เริ่มก่อสร้าง เราจึงจะพามาดูห้องตัวอย่างที่ Sale Office กันนะคะ^^
Sale Office ของโครงการ The Diplomat 39 มีการใช้สีครีม และสีดำ จำลองสไตล์และวัสดุของอาคารจริงค่ะ
เปิดประตูเข้าไปดูในโครงการกันค่ะ จะเห็นว่าเพดานสูงชะลูดมากกก
เข้ามาจะเจอโถงใหญ่เลย ฝ้าเพดานสูง 5 เมตรเท่าโถงจริงในโครงการค่ะ ซึ่งบันไดที่เห็นสุดทางนั้นจะเป็นทางขึ้นไปดูห้องตัวอย่าง
มองทางขวามือจะเจอโซฟารับแขกชุดใหญ่ ตกแต่งด้วยภาพศิลปะ
มองไปทางด้านซ้ายมือจะเป็น Lobby ต้อนรับ มีการตกแต่งด้านหลังเป็นกระจก เพื่อให้ห้องดูกว้าง ส่วนที่เชื่อมต่อกันจะเป็นซุ้มประตูโค้ง เดี๋ยวเราจะพาเดินไปดูทางนั้นกันค่ะ
ซุ้มประตู้นี้ทางโครงการจำลองให้เหมือนกับ Corridor ของจริงในอาคารในส่วนทางเดินไปขี้นลิฟต์ ซึ่งเป็น Gimmick เล็กๆที่โครงการมีให้ค่ะ
เดินเข้าซุ้มมาทางซ้ายมือ เราจะเจอโถงที่มีโมเดลตึก The Diplomat39 ตั้งตระหง่านอยู่ ซึ่งถัดไปที่เห็นเป็นประตูโค้งนั้นคือห้องชม Presentation
มาดูตัวโมเดลอาคารกันบ้าง ส่วนนี้เป็นอาคารทางด้านทิศตะวันออก ด้านหน้าโครงการติดกับถนนสุขุมวิท 39
อาคารทางด้านทิศใต้ จะติดกับอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น เราจะเห็นว่าตัวอาคารตั้งแต่ชั้นล่างสุด จนถึงชั้น 6 จะเป็นพื้นที่จอดรถ ส่วนชั้น 7 จะเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกและสระว่ายน้ำ
อาคารทางด้านทิศตะวันตก ติดกับดิ เอ็มควอเทียร์ จะเห็นว่าหากเรามาจากหน้าโครงการจะต้องวนรถมาเข้าทางนี้ค่ะ
อาคารทางด้านทิศเหนือ จะติดกับ 39 by Sansiri
ส่วนทางเข้าค่ะ จะเห็นว่าโครงการแยกทางเดินเข้าอาคาร และทางรถเข้าชัดเจน
โดยรถที่เข้ามาจะต้องวนไปขึ้นตึกที่ทางขึ้นอาคารจอดรถด้านหลัง
ขึ้นอาคารจอดรถด้านหลังอาคารตรงนี้ค่ะ ทางทิศตะวันตก
ส่วนคนที่นั่งแท๊กซี่มาหรือให้เพื่อนมาส่ง ตรงหน้าโถง Lobby มี Drop off ซึ่งสามารถจอดรับส่งคนตรงนี้ได้
ส่วนอีกด้านห้อง The Salon ซึ่งเป็นห้องที่รองรับการสังสรรค์ หรือจัดเลี้ยง(แยกไปทางขวามือของโถง Lobby) ประตูที่เชื่อมต่อที่จอดรถ เผื่อมีการขนย้ายอาหาร Catering ไว้ให้ด้วย
หากมองจากหน้าโครงการ รูปร่างอาคารชั้น 2 ไปถึงชั้น 6 จะดูเหมือนห้องทีมีบานหน้าต่างสูงมากๆ แต่จริงๆแล้วพื้นที่ใช้สอยของส่วนนี้คืออาคารจอดรถ ซึ่งมีการดีไซน์ให้กลมกลืนกับอาคารโดยรวมค่ะ
หน้าตาของชั้นจอดรถในทิศใต้ ตรงนี้ใต้อาคารสามารถจอดรถได้ด้วย
ถนนรอบโครงการค่อนข้างกว้าง ประมาณ 6 เมตร รถวิ่งสวนกันเข้า – ออก กำลังดี
บนชั้น 7 ที่เห็นมีสระว่ายน้ำและต้นไม้ปลูกอยู่นั่นคือ ส่วนของสระว่ายน้ำและ The Club ค่ะ ซึ่งเป็นส่วน Facilities หลักของโครงการ
เรามาซูมดูชัดๆกันดีกว่า สระว่ายน้ำขนาด 8 x 12 เมตร ค่อนข้างกว้างทีเดียว เป็นระบบน้ำเกลือ ซึ่งสระนี้มีความพิเศษตรงที่มีลำโพงอยู่ใต้น้ำ สามารถฟังเพลงไป ว่ายน้ำไปได้ชิวๆ ข้างสระจัดพื้นที่ให้มีโซฟานั่งปาร์ตี้ริมสระได้
กลับมาดูอาคารด้านหน้ากันต่อ ชั้น 31 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอาคารจะเป็นสวนดาดฟ้า
ส่วนของอาคารที่ยื่นออกมานี้ ชั้น 30 เป็นห้อง Penthouses แบบทั้งชั้นขนาด 450 ตร.ม. มีสระว่ายน้ำในตัว
ส่วน ชั้น 29 จะเป็นห้อง Penthouses 2 ห้อง โดยมีห้องขนาด 214 ตร.ม. และห้องขนาด 235 ตร.ม.
และชั้น 27 ที่เห็นระเบียงยาวๆนั้นเป็นห้อง 3 Bedroom ขนาด 193 ตร.ม. ห้องนี้จะพิเศษตรงที่ได้ระเบียงกว้างค่ะ
ส่วนของชั้น 31 ซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้า จะเป็นสวนหย่อมแบบทั้งชั้น สามารถมานั่งเล่นได้ค่ะ แต่คงต้องรอเวลาแดดร่มลมตก
ออกจากห้อง Presentation โครงการแล้ว ออกมาเราจะเจอโถงที่มีแกรนด์เปียโน เครื่องนี้วางอยู่ กับมีเสียงเพลงเบาๆ
มีชุดโซฟารับรอง ช่องแสงสูงโปร่งทำให้แสงเข้าดี
และมีหลังคากระจก เจ้านี่ช่วยพาแสงเข้ามาอีกทาง ด้วยความที่ฝ้าเพดานสูงทำให้แสงเข้า แต่ไม่รู้สึกร้อนมากนัก
มองจากมุมห้องนี้ขึ้นไปจะเห็นชั้นลอย ซึ่งห้องตัวอย่างจะอยู่บนนั้น เราไปดูกันค่ะ
มองจากชั้นบนไปที่โถงด้านล่าง ค่อนข้างสูงและโอ่อ่าค่ะ
มาถึงแล้ววว เราเข้าไปดูห้องตัวอย่างกันดีกว่าค่ะ ^^
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
- Lobby โถงทางเข้า 8 เหลี่ยม ฝ้าเพดานสูง 5 เมตร
- The Salon พื้นที่สังสรรค์และจัดเลี้ยง มีประตูเชื่อมต่อกับลานจอดรถ Service เผื่อมีการ Catering
- Business Center
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 8 x 12 เมตร มีลำโพงใต้น้ำ
- The Club
- สวนหย่อม และสวนลอยฟ้า(ชั้น 31 )ห้องออกกำลังกาย 1
- ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว
- ลิฟท์ Service 1 ตัว
- อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 39 : 1
- ที่จอดรถประมาณ 160 คันคิดเป็น 102 %
- ระบบ CCTV / Key Card
- ลิฟท์ล็อกชั้น
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม.
Type ห้องของโครงการมี 5 type ประกอบด้วย ห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 54 – 60 ตร.ม. , ห้อง 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 74 – 94 ตร.ม. , ห้อง 3 Bedroom 3 Bathroom ขนาด 134 – 193 ตร.ม. , ห้อง Duplex 2 ชั้น 3 Bedroom 3 Bathroom ขนาด 157 – 168 ตร.ม.และ ห้อง Penthouse ขนาด 135 – 450 ตร.ม.
ซึ่งเราจะพาไปดูห้องตัวอย่างมี 2 ห้อง คือ ห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 60 ตร.ม. และห้อง 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 92 ตร.ม. ค่ะ
ห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 60 ตร.ม. ถือว่าเป็นห้องที่ใหญ่กว่าห้องแบบ 1 Bedroom ทั่วๆไปมากพอสมควรเพราะส่วนใหญ่จะจัดมา 30 – 50 ตร.ม. การใช้งานในส่วนต่างๆเรียกว่าตอบสนองต่อการใช้ชีวิตของลูกบ้านได้เป็นอย่างดีมีพื้นที่กว้างกว่าปรกติ เปิดประตูห้องเข้ามาจะเจอฟังก์ชันที่แปลกกว่าที่อื่นๆเลยคือมีโถงแปดเหลี่ยมเหมือนโถง Lobby ของโครงการ เป็นพื้นที่ที่คนไทยบ้านเราจะไม่ค่อยได้เห็นนักต่อให้เป็นบ้านก็เถอะ ซึ่งโถงนี้มีส่วนที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำได้ด้วย ห้องน้ำจะมี 2 ประตูคือสามารถเข้าทางโถงแปดเหลี่ยม(ให้แขกเข้าได้) และเข้าทางห้องนอน เดินเข้ามาในห้องจะเจอ Living Room ซึ่งเชื่อมต่อกับโต๊ะกินข้าวเป็นห้องเดียว ซึ่งมีพื้นที่ครัวเชื่อมต่อกับห้องนี้ด้วย ถัดไปเป็นระเบียงห้องซึ่งมีคอมเพรสเซอร์แอร์ และมีประตูปิดให้ ถัดไปเป็นพื้นที่ส่วนห้องนอน และสุดท้ายห้องน้ำของที่นี่ถูกให้ความสำคัญค่อนข้างเยอะเพราะมีพื้นที่กว้างพอๆกับห้องนอน
ห้องนี้ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร และเฟอร์นิเจอร์ที่ให้เป็นแบบ Fully Fitted ซึ่งให้ Built-In เช่น ชุดเคาน์เตอร์ครัว พร้อมตู้เย็น เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน รวมทั้งเตาไมโครเวฟที่สามารถใช้เป็นเตาอบทำอาหารได้ด้วยเป็นแบบ Built-in , ตู้เสื้อผ้า, ตู้รองเท้า, ชั้นวางโทรทัศน์, ชั้นวางของตรงโทรทัศน์, สุขภัณฑ์ และเคาน์เตอร์ในห้องน้ำ รวมทั้งติดวอลเปเปอร์สีครีมและติดบัวที่ผนังให้ด้วย เราไปดูห้องตัวอย่างกันเลยดีกว่าค่าา
เริ่มที่หน้าห้องกันค่ะ ประตูเป็นประตูบานไม้ค่อนข้างหนาทีเดียว กลอนประตูห้องพักเป็นแบบ Digital Door Lock (ยี่ห้อ Yale หรือเทียบเท่า)
พื้นไม่มีการยกระดับ มีการปิดคิ้วเรียบร้อย
เข้ามาในห้องมีตัวติดกันกระแทกให้ด้วย
เข้าไปในห้องจะเจอโถง 8 เหลี่ยม และมองเข้าไปตรงๆจะเห็น Living Room ก่อนเลย พื้นภายในห้องเป็น Engineering Wood
มองไปทางซ้ายมือจะเห็นประตูทางเข้าห้องน้ำ ซึ่งห้องน้ำนี้มีประตูทะลุไปสู่ห้องนอนได้ด้วย มองตรงไปจะเห็น Living Room ข้อดีของห้องน้ำแบบนี้จะช่วยให้ลูกบ้านมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เวลามีเพื่อนหรือแขกมาก็ใช้ห้องน้ำได้โดยไม่ต้องเดินผ่านห้องนอน
ซึ่งตู้ที่เราเห็นตรงนี้ หากเปิดมาจะเป็นชั้นรองเท้า ยาวสูงจนถึงเพดานค่ะ คุณผู้หญิงน่าจะชอบ
มือจับเป็นแบบนี้ค่ะ บานพับเป็นแบบ Soft-Close
จากตรงชั้นวางรองเท้า มองออกไปที่ประตูซึ่งจะมีตาแมวให้ลักษณะแบบนี้นะคะ และที่สำคัญมองจากตรงนี้จะเห็นโถงทางเข้าแปดเหลี่ยมชัดเจน ซึ่งจุดตรงนี้มีข้อดีตรงที่ว่า
สำหรับเวลาออกจากห้อง เราสามารถติดกระจกไว้ตรงผนังด้านตรงข้ามกับห้องน้ำ วางเก้าอี้เตี้ยๆสักอันไว้นั่งเวลาใส่รองเท้า และส่องกระจกเพื่อเช็คลุคก่อนออกจากห้องและสำหรับเวลาเข้ามาในห้อง แน่นอนว่าเราใส่รองเท้าเข้ามาอยู่แล้ว ตรงนี้สามารถวางพรมกรองฝุ่นจากรองเท้าจุดหนึ่ง เสร็จแล้วเราก็นำรองเท้าไปเก็บที่ตู้รองเท้า เพื่อเปลี่ยนใส่รองเท้าอยู่ห้องก็ได้
ดังนั้นพื้นที่โถงตรงนี้สามารถเป็นพื้นที่จัดการตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนเข้า-ออกห้องได้เป็นอย่างดีค่ะ
เดินเข้ามายังส่วนของ Living Room ซึ่งเป็นห้องเดียวกับส่วนรับประทานอาหาร และมีส่วนระเบียงที่เชื่อมต่อกัน
โดยชั้นวางโทรทัศน์ของห้องนั่งเล่นจะเชื่อมติดกับผนังของห้องนอนค่ะ
จากระยะที่ยืนถ่าย ไปถึงโทรทัศน์นั่นคือระยะการดูทีวี ระยะประมาณ 1.30 เมตร ซึ่งระยะดูทีวีสามารถขยับได้อีกหน่อยแต่จะไปเบียดเอาพื้นที่ทานอาหาร ก็ฃองจัดเฟอร์นิเจอได้ตามความต้องการ
ส่วนตู้วางโทรทัศน์ และชั้นวางของด้านข้างโครงการ Built-In ให้แบบนี้เลยค่ะ
การปิด-เปิด ของตู้วางโทรทัศน์ ซึ่งมี 2 ช่วงคือเป็นลิ้นชักและบานพับปิด-เปิด ทั้งหมดเป็นแบบ Soft-Close
ผนังด้านที่ติดกับชั้นข้างทีวี จะเป็นหน้าต่าง ที่บานเปิดค่อนข้างสูงเกือบถึงเพดานค่ะ แสงเข้ากำลังดี
ถัดจากส่วน Living Room จะเป็นส่วนของระเบียง ซึ่งเป็นบานเลื่อนกระจกสีเขียว 2 บาน ตัวล็อกเป็นแบบในภาพเลยค่ะ
ตรงพื้นมีการยกระดับประมาณ 5 ซม. เพื่อกันน้ำเข้าห้อง และแบ่งส่วนพื้นที่ มีการเก็บบัวที่ขอบพื้นยกระดับด้วย งานค่อนข้างเรียบร้อย
ความกว้างของระเบียง 90 ซม.ใช้กระเบื้องเซรามิคสีเทาขนาด 30×60 ซม. ค่ะ
ราวระเบียงเป็นบานกระจกนิรภัย Tempered ราวจับยึดเป็นสแตนเลสค่ะ เนื่องจากโครงการนี้มีช่องเปิดรอบๆตึกค่อนข้างน้อย ดังนั้นตัวระเบียงจะไม่ได้เป็นกระจกทั้งหมดแต่จะเป็นปูนก่อสูงขึ้นมาประมาณ 60 ซม. ส่วนนึงอาจเป็นเพราะรอบๆโครงการมี 2 ด้านที่ถูกตึกขนาบข้างเลยไม่จำเป็นต้องเน้นช่องเปิดใหญ่ๆ
ที่เก็บคอมเพรสเซอร์แอร์แอร์ 2 ตัวแยกเป็นสัดส่วนเรียบร้อย มีประตูเก็บสามารถเข้าไป service ได้ มือจับตามภาพเลยค่ะ และตัวคอมเพรสเซอร์แอร์หันหน้าออกนอกระเบียงทำให้แม้เปิดแอร์ลมร้อนก็ไม่เป่าใส่ สามารถไปยืนที่ระเบียงได้
ระหว่างพื้นระเบียงและส่วนวางคอมเพรสเซอร์แอร์ มีการยกระดับพื้นประมาณ 5 ซม.ค่ะ
ไฟระเบียงเป็นไฟดาวน์ไลท์ มีให้ 1 ดวง
เรากลับเข้ามาในห้องกันต่อนะคะ ถ้ามองจากระเบียงเข้าไปในห้องจะได้มุมประมาณนี้ คือมองเห็นโถงแปดเหลี่ยม และถัดไปจะเป็นห้องครัว สวิตซ์เปิด-ปิดไฟในห้องจะเป็นของ Bticino (สีเทา) ระบบเปิด-ปิดแอร์และปรับระดับแสงสว่างจะเป็นแบบ Touch Screen (ปุ่มควบคุมทางซ้ายมือ)
ห้องครัว เป็นแบบ Built-In ให้แบบนี้ทั้งชุดเลยค่ะ ประตูบานจริงจะได้เป็นบานไม้ทึบไม่ใช่บานกระจกแบบในรูป มือจับตามภาพเลยค่ะ
พื้นมีการเก็บคิ้วเรียบร้อย พื้นผิวเป็นกระเบื้องสีอ่อนขนาด 60×60 ตร.ม.
ชุดครัวทาโครงการให้ทั้งหมดนี้ค่ะ หน้าบานตู้ครัวเคลือบผิวแบบ Hi-Gloss ส่วนบานตู้ชั้นบนจะมีการปิดผิวด้วยกระจกอีกชั้นเพื่อความเงางามและคงทน บานพับทั้งหมดเป็นแบบ Soft-Close ยกเว้นบานพับที่เคาน์เตอร์อ่างล้างมือเป็นแบบธรรมดา ตู้ข้างๆอ่างล้างมือเว้นช่องและต่อท่อไว้ให้สำหรับใส่เครื่องซักผ้า แต่ช่องค่อนข้างเล็ก ต้องเป็นเครื่องซักผ้าที่ขนาดเล็กกว่าปกติอาจซักได้ไม่ค่อยมาก
ไมโครเวฟของ Kuppersbusch ทางโครงการให้มา ซึ่งสามารถเป็นเตาไมโครเวฟและเป็นเตาอบปรับอุณหภูมิได้
พื้นผิว Top เคาน์เตอร์ครัวและผนังด้านหลังเคาน์เตอร์ เป็นหินควอทซ์ ทำความสะอาดคราบสกปรกได้ง่าย อ่างล้างจานสี่เหลี่ยมผืนผ้า และก็อกน้ำของ TEKA
ชุดครัวอีกด้านได้ช่องเปิดแบบนี้ค่ะ ซ่อนไฟที่เคาน์เตอร์มาให้ด้วย
ตู้ชั้นล่างเค้าจะเว้นช่องเล็กๆเป็นแนวตลอดความยาวเคาน์เตอร์ครัวให้สอดมือไปเปิดตู้ได้ บานพับเป็นแบบ Soft-Close ทั้งหมด
เตาและที่ดูดควันของ Kuppersbusch
ตู้เย็นก็ Built-In มาให้เช่นกัน ยี่ห้อ TEKA
ห้องครัวมีไฟดาวน์ไลท์มาให้ 2 ดวง
ต่อไปเราเดินไปดูที่ห้องนอนกันบ้างค่ะ พื้นเป็น Engineering Wood เชื่อมต่อกับห้องรับแขกเลย
เดินเข้ามาจะเจอมุมนี้เลยค่าา เตียงนี้โครงการไม่ได้ให้นะคะ แต่เป็นตัวอย่างได้ว่าห้องค่อนมีพื้นที่ ไม่อึดอัด สามารถวางเตียง Queen size ขนาดประมาณนี้ได้สบายๆ
ที่หัวเตียงมีปลั๊กให้เสียบโคมไฟชาร์ทแบทโทรศัพท์หรือเสียบโคมไฟได้ค่ะ
พื้นที่ข้างเตียงและปลายเตียงมีขนาดค่อนข้างกว้างทีเดียว สามารถพาเพื่อนมานั่งเล่นหมากเก็บ หรือเกมครอสเวิร์ดได้สบายๆ
พื้นที่ด้านข้างเตียงฝั่งตู้เสื้อผ้า พื้นที่พอดีให้เดินไปหยิบเสื้อผ้าและแต่งตัวได้ค่ะ
พื้นที่ข้างเตียงอีกด้านหนึ่ง เหลือพื้นที่สบายๆเช่นกัน
ตู้วางโทรทัศน์ที่และโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ปลายเตียง โครงการ Built-In มาให้
ตู้วางโทรทัศน์เป็นลิ้นชักแบบในภาพเลยค่ะ ขนาดต่อบานค่อนข้างยาวใส่ของได้เยอะพอสมควร และถัดไปอีกส่วนเป็นโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆที่ยกขึ้นมาแล้วจะเป็นบานกระจก ข้างในเป็นช่องใส่เครื่องประดับหรือเนคไท ข้างๆมีปลั๊กไฟ เผื่อเสียบที่ม้วนผมหรือไดร์ผมได้ สำหรับคุณผู้หญิง
ซึ่งแม้จะเปิดลิ้นชักสุดแล้ว พื้นที่ปลายเตียวก็ยังเหลือให้เดินได้อยู่ค่ะ
ช่องเปิดภ่ยในห้อง หน้าต่างค่อนข้างสูงทำให้ห้องสว่างดีค่ะ มือจับเป็นแบบในภาพเลย
มองขึ้นไป มีการเจาะช่องเพื่อใส่รางผ้าม่านไว้ให้ด้วยค่ะ
ส่วนต่อไปเป็นตู้เสื้อผ้า ซึ่งอยู่ข้างๆทางเข้าห้องน้ำโครงการ Built-In มาให้เป็นแบบยาวติดผนัง
ตู้เสื้อผ้าเป็นบานเลื่อนเปิดได้ 2 ด้านค่ะ มีไฟเปิดให้อัตโนมัติ ด้านซ้ายมือด้านบนมีราวสามารถแขวนเสื้อได้ และชั้นล่างก็มีราวที่สามารถแขวนกางเกงได้เช่นกัน ส่วนทางด้านขวามือสามารถแขวนเสื้อได้ และมีลิ้นชักเก็บชิ้นเล็กชิ้นน้อย 2 ชั้น ส่วนชั้นด้านบนสามารถเก็บหมอน ผ้าห่ม ผ้านวมได้
ฝ้าเพดาน มีไฟดาวน์ไลท์ให้ด้านในฝ้าหลุม 4 ดวง (ตัวห้องจริงไม่ได้เจาะให้นะคะ) และนอกฝ้าหลุม 2 ตัว
ถัดไปมาดูที่ห้องน้ำกันบ้าง
พื้นห้องน้ำมีการลดระดับลงไปประมาณ 5 ซม.
ห้องน้ำมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง นี่คือระยะทางเดินที่เรามี จากเคาน์เตอร์ มาถึงประตูมีพื้นที่ว่างเปล่าประมาณ 2 เมตร ถือว่าเป็นห้องน้ำที่มีพื้นที่เยอะทีเดียว
ส่วนแรกเมื่อมองเข้ามาจะเห็นส่วนของอ่างล้างหน้า ที่ใหญ่พอสมควร จะเห็นว่าทั้งพื้น ผนัง และ Top เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็นหินอ่อนให้ทั้งหมด (ห้องจริงก็ให้หินอ่อนค่ะ)
อ่างล้างหน้าเป็นรูปวงกลม ขนาดกำลังพอดี ส่วนก็อกน้ำยกขึ้นแล้วหมุน ค่อนข้างใช้ง่าย หากมือเปื้อนโฟมล้างหน้าหรือสบู่ แล้วใช้หมุนเปิดเพื่อล้างหน้างี้ก็ยังสะดวกมือค่ะ ก็อกเป็นของ Hansgrohe และอ่างล้างหน้าเป็นของ KOHLER
ที่เคาน์เตอร์ล้างหน้ามีปลั๊กไที่มีฝาครอบให้ด้วย เผื่อการไดร์ผม หรือทำอะไรที่ต้องไฟฟ้า ส่วนตู้ Built-In และกระจกโครงการให้มาแบบนี้เลยนะคะ
พอลองเปิดลิ้นชักเคาน์เตอร์ออกมา บานเปิดค่อนข้างยาวแต่ด้วยพื้นที่ห้องเราที่เยอะ ก็เปิดได้สบายๆค่ะ เก็บแชมพูเก็บสบู่ หรืออุปกรณ์ห้องน้ำได้เยอะเลย บานนี้เป็นบานแบบกดกระเด้งนะคะ
ส่วนถัดไปเป็นอ่างอาบน้ำ
ชุดก็อกอาบน้ำและฝักบัวที่อาบน้ำได้ ขนาดพอดีมือ
มีราวแขวนผ้าให้ค่ะ
มองไปด้านตรงข้ามกับอ่างอาบน้ำเป็นประตูทางออกไปสู่โถงแปดเหลี่ยม และห้องอาบน้ำ
มือจับประตูอาบน้ำเป็นลักษณะนี้ค่ะ ซึ่งสามารถแขวนผ้าเช็ดตัวได้ด้วย
พื้นมีการลดระดับเล็กน้อยเพื่อไม่ให้น้ำไหลออกมาเปียกส่วนแห้ง พื้นที่ส่วนเปียกเป็นกระเบื้องโมเสก
มีการตกแต่งฝาท่อระบายน้ำด้วยกระเบื้องแบบเดียวกับพื้นห้อง พื้นจึงดูเรียบร้อยมากขึ้น
ชุดฝักบัวของ Hansgrohe มีระบบจำอุณหภูมิอาบน้ำ ที่อาบครั้งหลังสุด ช่วยให้การใช้งานสะดวกสบายขึ้นเยอะ ไม่ต้องมาคอยปรับอุณหภูมิกันบ่อย ฝักบัวอยู่ค่อนข้างสูง เพราะโครงการเจาะกลุ่มชาวต่างชาติจึงทำสเกลการติดฝักบัวค่อนข้างสูง
ฝักบัวค่อนข้างใหญ่มากทีเดียว สายฝักบัวสามารถเก็บเข้าร่องสแตนเลสได้เลย ข้อดีของสายฝักบัวแบบนี้คือสามารถเก็บสายได้ง่ายและทนทาน
อย่าคิดว่าโครงการระดับนี้จะมีให้แค่ฝักบัวนะคะ Rain Shower ก็มีให้แถมเป็นติดตั้งไว้บนฝ้าเพดานเรียบร้อยเลย ของ Hansgrohe เช่นกัน และมีไฟดาวน์ไลท์ให้ในส่วนที่อาบน้ำ 1 ดวง
สุขภัณฑ์โถส้วม ทั้งหมดเป็นของ KOHLER ค่ะ
สายฉีดชำระ
ที่ใส่กระดาษทิชชู่
ในห้องน้ำมีไฟดาวน์ไลท์ให้ทั้งหมด 4 ดวงค่ะ
ห้อง 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 92 ตร.ม. เปิดประตูห้องมาจะเจอ Corridor เป็นทางยาว แล้วเลี้ยวขวามาจะเจอโถงแปดเหลี่ยม ถัดมาจะเป็นส่วนของ Living Room ซึ่งเชื่อมต่อกับส่วนรับประทานอาหารและระเบียงห้อง ส่วนที่เชื่อมต่อกับโต๊ะรับประทานอาหารอีกทางคือส่วนครัวซึ่งนอกจากมีส่วนของการประกอบอาหารแล้วยังมี Storage เล็กๆเก็บของได้ด้วย ส่วนถัดมาเป็นห้องน้ำซึ่งแขกสามารถเข้าได้ ส่วนฝั่งตรงข้ามกันเป็นห้องนอนเล็ก ซึ่งคนในห้องนอนเล็กก็ใช้ห้องน้ำส่วนนี้ด้วยเช่นกัน ส่วนสุดท้ายคือห้องนอนใหญ่ที่มีทั้ง Walk in closet อยู่ในตัว และมีห้องน้ำใหญ่ที่มีอ่างอาบน้ำและมี Rain shower ให้อีกด้วยแต่ห้องน้ำและห้องนอนในห้องนี้จะเล็กกว่าห้องแรกเล็กพอสมควร
ห้องนี้ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร และเฟอร์นิเจอร์ที่ให้เป็นแบบ Fully Fitted ซึ่งให้ Built-In เช่น ชุดเคาน์เตอร์ครัว พร้อมตู้เย็น เตาไฟฟ้า-ที่ดูดควัน รวมทั้งเตาไมโครเวฟที่สามารถอบอาหารได้ด้วยเป็นแบบ Built-In ,ตู้เสื้อผ้า ,ตู้รองเท้า ,ชั้นวางโทรทัศน์ ,ชั้นวางของตรงโทรทัศน์ ,สุขภัณฑ์ และเคาน์เตอร์ในห้องน้ำ รวมทั้งติดวอลเปเปอร์สีครีมและติดบัวที่ผนังให้เหมือนกับห้อง 1 Bedroom
เข้าห้องไปสิ่งแรกที่เจอคือ Corridor ทางเข้าที่ยาวและสามารถวางตู้เก็บของสวยๆที่ไม่ลึกมาก หรือเป็นโถงเรียบๆติดงานศิลปะตรงทางเข้าก็เก๋ไปอีกแบบ พื้นห้องเป็น Engineering Wood ตรงสุดทางที่เราเห็นเป็นผนังไม้นั่นคืออะไรกัน??
ลองเปิดดู ปรากฏว่าเป็นตู้รองเท้ายาวถึงเพดานเลยทีเดียว ส่วนนี้โครงการจะ Built-In มาให้นะคะ การใช้งานจริงคงจะต้องมีบันไดไว้หยิบรองเท้าบ้างหละ
จากโถงทางเดิน มีไฟดาวน์ไลท์ให้ 4 ตัว เป็นจุดๆไปตามทางค่ะ
เราเลี้ยวขวา ก่อนถึงห้องจะเจอโถงแปดเหลี่ยมเหมือนกับห้อง 1 Bedroom ต้อนรับอยู่ ตรงนี้วอลเปเปอร์ไม่ได้สีนี้นะคะ จะได้เป็นสีอ่อน ในส่วนของโถงแปดเหลี่ยมโครงได้จัดกระจก กับเก้าอี้นั่งไว้ให้เป็นไอเดีย เผื่อเป็นพื้นที่เช็คลุคนิดนึงก่อนออกจากห้อง
เดินเข้าไปปุ๊บเราจะเจอ Living Room ซึ่งมีส่วนเชื่อมต่อกับห้องรับประทานอาหาร ห้องนี้โครงการจัดมาออกสไตล์เอเชีย มีกลิ่นอายจีนๆปนอยู่
ตรงกระจกกลมๆที่เราเห็นไกลๆ โครงการจัดไว้ให้เป็นโซฟานอนเล่นริมหน้าต่างอ่านหนังสือชิวๆ หน้าต่างเป็นบานกระทุ้งลูกบิดลักษณะเหมือนกับห้อง 1 Bedroom
ตรงกลางห้องข้างๆโซฟา มีการติดตั้งเต้ารับฝังพื้น (Sockets) ไว้ให้ เผื่อใช้งานได้เอนกประสงค์
มาลองยืนด้านมุมโต๊ะกินข้าว จะเห็นว่าตรงส่วน Living Room โครงการได้ Built-In โต๊ะวางโทรทัศน์ไว้ให้
นอกจากโต๊ะวางโทรทัศน์แล้ว ชั้นที่อยู่ข้างๆก็ให้ด้วยเช่นกัน
ลิ้นชักเป็นบานกดกระเด้งค่ะ เปิดออกมาจะเป็นลักษณะนี้ มีที่ให้เก็บของได้เยอะพอสมควร
หน้าต่าง เมื่อปิดม่านโปร่ง จะได้แสงรำไรๆๆตอนบ่ายๆ
แต่ถ้าเปิดหน้าต่างมาแสงเข้าค่อนข้างดีมากค่ะ เพราะเป็นกระจกเต็มบาน สูงเกือบถึงเพดาน แต่ตัวระเบียงยังคงเหมือนดิมคืนมีส่วนที่เป็นปูนก่อสูงขึ้นมาแล้วค่อยเป็นผนังกระจก ห้องที่อยู่ทางทิศเหนือ -ทิศตะวันออกคงชิวๆ แต่ห้องที่อยู่ทางทิศใต้คงร้อนน่าดู
เราลองไปดูที่ระเบียงกันค่ะ มีการยกระดับพื้น ความกว้างของระเบียง 90 ซม. ใช้กระเบื้องเซรามิคสีเทา ขนาด 30×60 ซม. ราวระเบียงเป็นบานกระจกนิรภัย Tempered ราวจับยึดเป็นสแตนเลสเหมือนห้อง 1 Bedroom ค่ะ
ที่เก็บคอมเพลสเซอร์แอร์ 3 ตัวแยกเป็นสัดส่วน(เนื่องจากมีเพิ่มมาอีก 1 ห้องนอน) มีประตูเก็บสามารถเข้าไป service ได้ และตัวคอมเพลสเซอร์แอร์หันหน้าออกนอกระเบียงเหมือนห้อง 1 Bedroom ทำให้ลมร้อนไม่เป่าเข้ามาที่ระเบียง สามารถไปยืนที่ระเบียงได้แม้เปิดแอร์ค่ะ
ออกมาจากระเบียงจะเจอส่วนนั่งรับประทานอาหาร กลางวันถ้าไม่ปิดม่านนี่แสงเข้าดีแบบไม่ต้องเปิดไฟค่ะ (ถ้าอยู่ในห้องที่ทิศทางไม่ร้อนนะ)
ถอยห่างออกมาอีกนิด จะเห็นว่าระยะห่างของเก้าอี้กับโซฟาก็ไม่ชิดเกินไปนัก สามารถเดินได้รอบ และหากเอาเก้าอี้ออกมานั่งจริงๆอยู่ในระยะที่ไม่ได้ประชิดติดจนอึดอัด
หันไปอีกด้าน ส่วนที่เชื่อมต่อกันคือห้องครัว ซึ่งมีประตูเป็นบานเลื่อน 2 บานเหมือนห้อง 1 Bedroom เป็นตัวป้องกันกลิ่น ซึ่งบานเลื่อนของจริงจะเป็นแบบทึบลายไม้นะคะ
รางเลื่อนของประตู มีการตีซ่อนรางให้เสมอไปกับผนัง มีการเก็บความเรียบร้อยที่ดูใส่ใจรายละเอียด
พื้นห้องครัวมีการลดระดับลงเล็กน้อย ปูพื้นด้วยกระเบื้องสีอ่อนขนาด 60×60 ตร.ม.ซึ่งจะเห็นว่าไม่มีรางเลื่อนที่พื้นให้รกตานะคะ เพราะมีรางเลื่อนอยู่ด้านบนแล้ว
ชุดครัวของห้องนี้ยังคงให้หน้าบานตู้ครัวเคลือบผิวแบบ Hi-Gloss บานพับทั้งหมดเป็นแบบ Soft-Close ยกเว้นบานพับที่เคาน์เตอร์อ่างล้างมือเป็นแบบธรรมดาเหมือนกับห้อง 1 Bedroom ตู้เย็นเป็น Built-In ไปกับตู้ และมีแผงควบคุมไฟอยู่ในตู้ด้านบนตู้เย็น
ไมโครเวฟของ Kuppersbusch ซึ่งสามารถเป็นเตาไมโครเวฟและเป็นเตาอบปรับอุณหภูมิได้ ลิ้นชักใต้ไมโครเวฟเปิดมาเป็นที่เก็บช้อนส้อม
บานพับแบบ Soft-Close ในตู้ค่ะ
ก็อกน้ำ ลูกบิด และอ่างล้างมือของ TEKA
หากหันหน้าเข้าไปที่ครัว แล้วมองมาทางขวามือ จะเจอตู้อีกชุด ซึ่งมีเตาและที่ดูดควัน ของKuppersbusch
ซึ่งจะเห็นว่าจริงๆแล้ว การทำอาหารในพื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างจะแคบและอึดอัดไปหน่อยนะคะ ถ้ามีพื้นที่มากกว่านี้หน่อยก็คงจะดีคุณแม่บ้านจะได้ทำอาหารได้อย่างสะดวกๆ
มองไปทางซ้ายมือจะเป็น Storage ที่เปิดออกมาเป็นชั้นเก็บของยาวถึงเพดาน
เดินเข้ามา มีมุมวางเครื่องซักผ้า ซึ่งพื้นที่วางเครื่องซุกผ้าห้องนี้จะมากกว่าห้อง 1 Bedroom ทำให้สามารถวางเครื่องซักผ้าได้เครื่องใหญ่กว่า
ช่องเปิดที่ติดมุม พอเปิดมาก็เป็นช่องที่เก็บของเข้าไปได้ลึกทีเดียว มองในแง่มุมนึงก็ดีที่เก็บของได้เยอะ แต่อีกแง่ก็คือ สมมุติเก็บยาสระผมไว้ แล้วมันเข้าไปลึกเกินไป เราอาจไม่ได้ใช้มัน และอาจจะลืมไปเลยก็ได้ว่ามันเคยอยู่ตรงนี้ 5555
ออกจากครัว เราเดินตรงไปทางห้องนอน ที่เราเห็นประตูข้างหน้า ถ้าแยกขวาไปจะเป็นห้องนอนเล็ก แยกซ้ายมือไปจะเป็นห้องน้ำ ส่วนตรงไปสุดทางจะเป็นห้องนอนใหญ่ค่ะ
มาเริ่มที่ห้องนอนเล็กกันก่อนนะคะ ^^
ห้องนอนเล็กเป็นห้องขนาดไม่ใหญ่มาก กะทัดรัด วางเตียง Queen Size เข้าไปเลยค่อนข้างเต็ม
ทางเดินเข้าห้อง ค่อนข้างมีพื้นที่เหลือ แต่พื้นที่ปลายเตียงจะค่อนข้างแคบแค่ระยะเดินได้ค่ะ ซึ่งตรงนั้นมีเต้ารับไว้เผื่อให้เสียบโทรทัศน์ด้วย แนะนำเป็นแบบติดผนังจะดีกว่าค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยให้พื้นที่ปลายเตียงเหลือแล้ว ยังจะช่วยให้ระยะการดูทีวีของเราไกลออกไปอีกหน่อย ช่วยให้ไม่เสียสายตาด้วย
ข้างเตียงเป็นตู้เสื้อผ้า มีระยะเหลือพอยืนแต่งตัวได้ค่ะ ที่หัวเตียงมีปลั๊กให้ด้วยเผื่อเสียบใช้ไฟ
ปลายเตียงอีกด้านหนึ่ง จะมีพื้นที่ตรงส่วนที่มีหีบวางอยู่ ตรงนั้นสามารถทำเป็นโต๊ะหนังสือ หรือวางโตีะเครื่องแป้งได้ค่ะ
พื้นที่ข้างเตียงอีกด้านหนึ่ง มีพื้นที่เดินออกไปเปิด-ปิดหน้าต่างพอดี
หน้าต่างห้องนอนแสงเข้ากำลังดีค่ะ จะเห็นว่าหน้าต่างบานเปิดสูง และที่เพดานมีร่องผ้าม่านให้ด้วย
ตู้เสื้อผ้าโครงการ Built-In มาให้ สูงถึงฝ้าเพดาน ตู้เป็นบานเปิด-ปิด บานพับ Soft-Close ค่ะ
เราเดินออกจากห้องนอนไปดูห้องน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันนะคะ
พื้นห้องน้ำลดระดับประมาณ 5 ซม.
พื้น ผนัง และ Top เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็นหินอ่อนให้ทั้งหมดเหมือนกับห้อง 1 Bedroom ค่ะ
หัวก็อกน้ำของ Hansgrohe ส่วนอ่างล้างหน้ารูปวงกลมของ KOHLER
มีเต้ารับเผื่อเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งมีฝาครอบไว้ให้ ป้องกันไฟดูด
ทางโครงการ Built-In ตู้ที่อ่างล้างหน้ามาให้อีกเช่นกันได้ประมาณนี้ ช่องเปิดตัวนี้จะกำลังดี บานเปิดไม่ใหญ่เวอร์มากเหมือนห้องแรก
สุขภัณฑ์ โถส้วม สายชำระ ที่แขวนกระดาษทิชชู่ ของ KOHLER
ตู้อาบน้ำ ที่พื้นมีการลดระดับลงเล็กน้อยเหมือนห้องแรก ส่วนเปียกปูพื้นด้วยกระเบื้องโมเสกลายหินอ่อน ที่ประตูมีราวจับที่เป็นที่แขวนผ้าเช็ดตัวได้
ภายในตู้อาบน้ำ มีการเจาะช่องที่ผนังไห้ไว้เผื่อวางสบู่ ยาสระผม เครื่องใช้ในห้องน้ำ ห้องนี้ไม่มี Rain Shower แบบติดฝ้าเพดานมาให้แต่มีมาให้ในชุดฝักบัวอาบน้ำเลย
ภายในห้องอาบน้ำมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวง
ถัดจากห้องน้ำ ไปดูที่ห้องนอนใหญ่กันค่ะ เดินเขามาจะเจอโถงทางเข้าเล็กๆ จะมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวงที่หน้าห้องน้ำ แต่เสียดายที่ไม่ให้ไฟดาวน์ไลท์หรือไฟส่องสว่างใดๆตรงโถงทางเข้าห้องใหญ่ ถ้ามาอยู่จริงๆแล้วหาโคมไฟเก๋ๆสักดวงมาติดน่าจะดีนะคะ
เข้ามาจะเจอห้องนอนกับเตียงขนาด King size ฝ้าเพดานและหน้าต่างค่อนข้างโปร่ง
พื้นที่ข้างเตียง ส่วนของหัวเตียงมีเต้ารับไว้ให้เสียบชาร์ทโทรศัพท์ หรือวางโคมไฟเผื่ออ่านหนังสือก่อนนอนได้
ปลายเตียงเป็นตู้ที่โครงการ Built-In มาให้ มีตู้ใส่ของ กับโต๊ะเครื่องแป้งให้เหมือนห้องแรก
แต่ ..เปิดตู้มา ทางก็เต็มม ยกเว้นว่าถ้าไม่ได้เปิดพร้อมกันแน่ๆ ก็ต้องเอียงตัวเปิดตู้เอาดีกว่า
พื้นที่ข้างเตียง ด้านที่มีหน้าต่างค่ะ พื้นที่เหลือให้เดินได้สบาย
เราลองแหวกม่านออกไปดู โปร่งดีค่ะ ห้องนี้จะได้กระจกแบบ Bay Window
มีการทำร่องฝ้า เพื่อซ่อนรางผ้าม่าน ทำให้เวลาติดตั้งผ้าม่าน ตรงนี้จะดูเรียบร้อย
ด้านหลังฉากหัวเตียง มีเต้ารับสามารถใช้เสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือโทรศัพท์ได้
ถัดจากส่วนห้องนอนไปจะเป็น Walk in Closet และห้องน้ำ
ส่วน Walk in Closet ที่ทางโครงการ built-In มาให้
ห้องน้ำ เปิดเข้ามาเจออ่างล้างหน้า และตู้อาบน้ำเข้ามุม วัสดุพื้นผิว Top เคาน์เตอร์ พื้นผนัง เป็นหินอ่อนเช่นเดิม
พื้นห้องน้ำลดระดับลงเล็กน้อย มีคิ้วปิดงานเรียบร้อย
เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า หัวก็อกน้ำและตัวอ่างล้างหน้าใช้ของ KOHLER กระจกให้แบบนี้ค่ะ
เปิดลิ้นชักตู้ออกมาได้แบบนี้ พอเก็บพวกอุปกรณ์ใช้ในห้องน้ำได้สบายๆ บานเปิดเป็นบานกดกระเด้ง บานพับแบบ Soft-Close ค่ะ
มาดูกันตรงตู้อาบน้ำ ที่อยู่ติดกันเป็นโถส้วม ซึ่งอยู่ค่อนข้างชิด ทำให้เวลาปิด-เปิด จะต้องระวังประตูกระแทกโถส้วมนะคะ
ห้องอาบน้ำน้องนี้เป็น Sexy Shower เล็กน้อย อาบไปดูวิวตึกไป หน้าต่างเป็นบานกระทุ้งค่ะ
ส่วนชุดอาบน้ำเป็นชุดฝักบัว และ Rain Shower ของ Hansgrohe ซึ่งมีระบบจำอุณหภูมิอาบน้ำ ที่อาบครั้งหลังสุดได้ด้วย ชุดนี้จะเหมือนกับของห้อง 1 Bedroom ผนังมีการเจาะช่องเพื่อจะได้วางแชมพูหรือสบู่ได้
ลูกบิดของหน้าต่างห้องอาบน้ำค่ะ
ส่วนของสุขภัณฑ์ โถส้วม สายชำระ และที่แขวนกระดาษทิชชู่ได้ของ KOHLER
อ่างอาบน้ำ ยี่ห้อ KOHLER และให้หัวก๊อกน้ำของ Hansgrohe มีฝักบัวเหมือนกับห้อง 1 Bedroom
ไฟในห้องน้ำเป็นไฟดาวน์ไลท์ ให้มา 4 ดวงค่ะ มีพัดลมดูดอากาศให้ 1 ตัว โดยรวมแล้วห้องน้ำของ 2 Bedroom จะมีขนาดเล็กและไม่อลังการเท่าแบบ 1 Bedroom แต่จะได้ Common Area ที่มากกว่า
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 26February 2015
- 1 Bedroom ชั้น 22 ห้อง A2 เนื้อที่ 57 ตร.ม. ราคา 16,780,401 หรือ 294,393 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom ชั้น 12 ห้อง B4 เนื้อที่ 92 ตร.ม. ราคา 26,301,512 หรือ 285,886 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted ชุดครัว/ไมโครเวฟแบบเตาอบในตัว/แอร์แบบ Ceiling Concealed/ตู้เสื้อผ้า/ชั้นวางทีวี/ตู้เย็นแบบ Built-in/สุขภัณฑ์ /ชุดอาบน้ำ /วอลเปเปอร์สีอ่อน /บัวตกแต่งผนัง
- เพดานสูง 3 เมตร และห้องที่อยู่ตั้งแต่ชั้น 25-30 เพดานสูง 3.5 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง ห้อง 1 Bedroom 100,000บาท
- จอง ห้อง 2 Bedroom 300,000 บาท
- จองห้อง 3 Bedroom ขึ้นไป 500,000 บาท
- ทำสัญญา 5 % ของราคาห้อง
- เงินดาวน์ 25% ของราคาห้อง
- โอน 70 % ของราคาห้อง
- ค่าส่วนกลาง 90 บาท ต่อตารางเมตร ต่อเดือน
- ค่ากองทุนส่วนกลาง 900 บาท ต่อตารางเมตร
ณ วันที่รีวิว ตอนนี้ทางโครงการขายได้แล้วประมาณ 80 % ค่ะ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเลของ The Diplomat 39 ถือว่าสามารถเป็นโครงการระดับ ULTIMATE ได้สบายๆค่ะเพราะเป็นโครงการที่มีการเดินทางสะดวก ซึ่งจุดเด่นคือใกล้รถไฟฟ้าในระยะที่เดินได้สบายๆเพียง 100 เมตรก็ถึงแล้ว การเดินทางอย่างอื่นก็มีทั้งพี่วินมอเตอร์ไซค์หน้าปากซอยแก๊งค์ใหญ่เลย รถกระป๊อก็มีวิ่งทั้งวัน และถ้าอยากขึ้นรถเมล์ก็เดินไป 100 เมตรเช่นกัน ถ้าถึงถนนใหญ่จะเจอป้ายรถเมลล์ค่ะ ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ก็สามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทางทั้งจากถนนสุขุมวิท ถนนอโศกมนตรี ถนนเพชรบุรี และซอยทองหล่อ แต่ข้อเสียคือย่านนี้ออกไปทางไหนก็รถติดมาก มากกกนะคะ
สภาพแวดล้อม ถ้าอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 เราจะมีเพื่อนบ้านที่เป็นโครงการหรูเยอะมากทั้งคอนโด Marque, 39 by Sansiri, XXXIX, Le Raffine, บ้านสวนเพชร และ Galerie rue de 39 ทำให้ในซอยมีทั้งร้านอาหาร ร้านซักรีด ร้านสะดวกซื้อ ที่สามารถอำนวยความสะดวกเราได้หลายๆอย่างเพื่อรองรับคนที่อยู่อาศัยที่พักเหล่านี้ ร้านอาหารส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านอาหารนานาชาติโดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่น ที่มีราคาสูงกว่าปกติอยู่บ้างนะคะ เพราะค่อนข้างจะเจาะกลุ่มคนมีเงินและชาวต่างชาติที่มีค่อนข้างเยอะ แต่ร้านราคาปกติก็มีให้เลือกอยู่ค่ะ นอกจากนี้โครงการยังอยู่ใกล้ The District Em ซึ่งประกอบด้วยห้างดิ เอ็มโพเรียม, ดิ เอ็มควอเทียร์ และดิ เอ็มสเฟียร์ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของ 3 โครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่ จากเดอะมอลล์ กรุ๊ป เพื่อยกระดับสุขุมวิทให้เป็นย่านการค้า แหล่งธุรกิจ โรงแรม ออฟฟิศที่พักอาศัย และศูนย์ความบันเทิงต้อนรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ซึ่งตอนนี้ดิ เอ็มควอเทียร์กำลังดำเนินการสร้างอยู่ ส่วนห้างสรรพสินค้าที่เรารู้จักกันดีคือ ดิ เอ็มโพเรียม ที่หลายๆคนก็คงมาเดินเล่นช็อปปิ้งกันบ้างแล้ว ซึ่งในดิ เอ็มโพเรียมนี้ก็มี TCDC(Thailand Creative Design Center) ซึ่งถ้าใครเป็นสมาชิกก็สามารถไปนั่งทำงานหรือชมนิทรรศการเกี่ยวกับการออกแบบได้บ่อยเลยทีเดียว ส่วนดิ เอ็มควอเทียร์, ดิ เอ็มสเฟียร์ขณะนี้กำลังก่อสร้าง อนาคตอันใกล้น่าจะได้ใช้กันค่ะ
บริบทโดยรอบของโครงการ ด้านหน้า(ทิศตะวันออก)จะติดกับถนนสุขุมวิท 39 ซึ่งเป็นทางออกหลัก ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านคนจึงไม่มีปัญหาในเรื่องของมุมมอง และทางทิศใต้เป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ซึ่งส่วน Facilities ของโครงการจะอยู่ในชั้นที่ 7 ทิศนี้จึงไม่มีปัญหาในเรื่องมุมมองเท่าใดนัก โดยทิศที่จะมีปัญหาทางด้านมุมมองคือทิศตะวันตก ซึ่งติดกับดิ เอ็มควอเทียร์ ซึ่งเป็นตึกใหญ่ และทิศใต้ที่ติดกับ 39 By Sansiri ซึ่งเป็นคอนโด High Rise ที่สร้างเสร็จแล้วเปิดหน้าต่างไปจ๊ะเอ๋กันเต็มๆค่ะ ดังนั้นแม้โครงการจะอยู่ใระดับ ULTIMATE CLASS แต่ก็ไม่ใช่ทุกทิศที่จะได้มุมมองที่ดีนะคะ สำหรับใครที่สนใจคงต้องเลือกทิศทางห้องให้ดีๆเพราะถ้าเลือกผิดชีวิตเปลี่ยน คงไม่มีใครอยากอยู่ห้องที่เปิดหน้าต่างไปเป็นตึกทึบๆแน่
การออกแบบเป็นการผสมผสานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่แบบ Modern กับสมัยเก่าในยุคศตวรรษที่ 15 ที่เรียกว่า Palladian Architecture ซึ่งเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมคลาสสิคสไตล์อิตาลี โดยใช้สีครีมเป็นหลัก โครงการจึงมีจุดเด่นที่สไตล์คลาสสิคหรูหราและ Facilitiesที่จัดเต็ม ความหนาแน่นของห้องสูงสุดอยู่ที่ 8 ยูนิตต่อชั้น โดยอ้างอิงจาก Typical Floor Plan ชั้น 9-21 ของโครงการ ซึ่งถือว่าไม่มากเกินไป ลิฟต์มีให้ 4 ตัว คิดเป็นอัตราส่วนลิฟต์เท่ากับ 39 : 1 ซึ่งถือว่าสบายมากๆชิวๆไม่แออัด ไม่ต้องแย่งกันขึ้น-ลงลิฟต์ และที่จอดรถไม่รวมซ้อนคัน 160 คัน คิดเป็น 100% กว่านิดๆ ตรงนี้เป็นข้อดีมากๆสำหรับคนใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นประจำไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีที่จอดแต่ถ้าห้องไหนมีรถมากกว่า 1 คัน อาจต้องจอดซ้อนคันเอาซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาเท่าไหร่เพราะยังพอมีที่ให้จอดซ้อนได้อีกนิดหน่อย
ส่วนกลาง Lobby Double Space รูปทรงแปดเหลี่ยม ฝ้าเพดานสูง 5 เมตร มี Loungeให้นั่งพักคอย มีห้อง The Salon ซึ่งช่วยให้ลูกบ้านสามารถจัด Private Party เล็กๆได้สบาย ห้องนี้สามารถรับรองแขกได้เป็นอย่างดีเพราะมีจุดเชื่อมต่อลานจอดรถ Service สำหรับการ Catering ทางเดินขึ้นไปโถงลิฟต์มีประตูซุ้มโค้งไล่ไปตาม Corridor ทางเดิน ทำให้รู้สึกโออ่าตามคอนเซปต์ Palladian Architecture ส่วน Facilities หลักจัดมาให้ที่ชั้น 7 ตั้งแต่ The Club ห้องที่สามารถไปนั่งพักผ่อน อ่านหนังสือคุยเล่นกับเพื่อนได้, Fitness และสระว่ายระบบเกลือน้ำขนาด 8 x 12 เมตร ที่มีลำโพงใต้น้ำให้และถือว่ามีการวางทิศทางที่โอเค เพราะด้านยาวอยู่ในด้านทิศตะวันออก ส่วนด้านกว้างอยู่ทางด้านทิศเหนือกับทิศใต้ ดังนั้นการว่ายน้ำที่ไม่หันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์แม้ว่าจะขึ้นหรือตกจะดีที่สุด ขึ้นไปที่ชั้นบนสุดชั้น 31 ก็มีสวนหย่อมและสวนลอยฟ้า แต่สิ่งที่น่าเสียดายสำหรับโครงการระดับนี้คือไม่ได้นำส่วนกลางหลักๆไว้ที่ชั้นบนสุด ไม่อย่างนั้นบรรยากาศในการใช้งานจะเปลี่ยนไปเยอะเลย แต่โดยรวมถือว่าให้มาเยอะและหลากหลายฟังก์ชันดีค่ะ
การออกแบบห้อง มี Gimmick เล็กๆ โดยการสร้างโถงแปดเหลี่ยมให้เป็น First Impression ที่คนจะเห็น ตั้งแต่ตัวโถง Lobby จนมาถึงห้องนอนเปิดประตูมาก็เจอโถงแปดเหลี่ยม ตรงจุดนี้ถือว่าโดดเด่นแปลกตาไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่ และการจัดพื้นที่บางส่วนในห้อง จะไม่เหมือนกับการวางผังห้องทั่วๆไป อย่างห้อง 1 Bedroom จะทำห้องน้ำขนาดใหญ่พอๆกับห้องนอนเลยทีเดียว ซึ่งก็คงมีทั้งคนชอบและไม่ชอบถ้าคนไหนไม่ได้ใช้เวลาในห้องน้ำนานๆอาจรู้สึกว่าใหญ่เกินไปสู้เอาพื้นที่มาให้ห้องนั่งเล่นดีกว่า และเมื่อมาเปรียบเทียบกับห้อง 2 Bedroom จะมีส่วนที่แปลกอยู่หน่อยตรงที่ให้ โถงทางเข้าอลังการมาก มี Corridor เชื่อมต่อกับโถงแปดเหลี่ยมมายังห้อง Living Room ตรงส่วนนี้ทำได้ดี แต่ยังรู้สึกว่าขนาดของห้องนอนแต่ละห้องให้มาแคบไปหน่อย แม้จะเป็น Master Bedroom ก็ไม่ใหญ่มาก ยังดีที่มีกระจกเข้ามุมช่วยทำให้ห้องดูโปร่งมากขึ้น จากการเข้าไปดูห้องตัวอย่างของโครงการทั้งสองห้อง ทำให้เห็นว่าสิ่งที่โดดเด่นของโครงการคือสไตล์และการเลือกใช้วัสดุ รวมถึงการออกแบบรายละเอียดจุดเล็กๆน้อยๆให้น่าสนใจได้
ซึ่งวัสดุอุปกรณ์ที่มีให้ในห้องจะเป็นแบบ Fully Fitted ประกอบด้วย แอร์เป็นแบบฝังไว้ให้ในเพดาน, ตู้เสื้อผ้า Built-In สูงถึงเพดาน, ตู้วางทีวีและชั้นวางของหน้าทีวี, อ่างล้างหน้า , สุขภัณฑ์ และอ่างอาบน้ำ ยี่ห้อ Kohler และให้หัวก๊อกน้ำของ Hansgrohe ส่วนพื้นห้องน้ำและผนังห้องน้ำ เป็นหินอ่อน, ชุดฝักบัว และ Rain Shower ของ Hansgroh , วอลเปเปอร์สีอ่อนและบัวตกแต่งผนัง, ชุดครัวให้ก๊อกล้างจาน และอ่างล้างจานยี่ห้อ TEKA พื้นผิว Top เคาน์เตอร์ครัวและผนังเคาน์เตอร์ครัวเป็นหินควอทซ์ มีการซ่อนไฟ LED ให้ด้วย, หน้าบานตู้ครัว Built-In เคลือบผิวแบบ Hi-Gloss ทั้งหมด ให้เตาไมโครเวฟและเตาอบแบบ Built-in ยี่ห้อ kuppersbusch พร้อมตู้เย็นแบบ Built-In ยี่ห้อ TEKA , พื้นห้องเป็น Engineering wood, กลอนประตูห้องพักเป็นแบบ Digital Door Lock (ยี่ห้อ Yale หรือเทียบเท่า) ซึ่งถือว่าโครงการให้วัสดุต่างๆมาดีทีเดียว
โครงการ The Diplomat 39 เป็นโครงการที่ มีจุดเด่นในด้านทำเล เพราะอยู่ใกล้รถไฟฟ้าพร้อมพงษ์แค่ 100 เมตร การออกแบบ รายละเอียด และวัสดุ ตามคอนเซปต์ “The Timeless Treasure” ซึ่ง KPN พยายามทำให้ตัวนี้เป็น Masterpiece เป็นสิ่งก่อสร้างที่เมื่อผ่านไปนานๆแล้วยังดูไม่ตกยุค นอกจากการดูห้องตัวอย่างที่เป็น 1 Bedroom และ 2 Bedroom แล้ว โครงการยังมีห้อง Panthouse และ Duplex ก็ทำให้รู้ว่าโครงการต้องการรองรับคนทีมีกำลังซื้อห้องที่มีมูลค่าสูงในราคาระดับร้อยล้านซึ่งหมายความว่า กลุ่มเป้าหมายต้องเป็นชาวต่างชาติ เป็นนักธุรกิจ หรือคนมีกำลังทรัพย์และอยากจะอยู่ในย่านนี้ ซึ่งต้องการความหรูหราเป็นพิเศษอยู่แล้ว ดังนั้นโครงการนี้ก็คงตอบโจทย์สำหรับคนที่มองหาคอนโดระดับ ULTIMATE CLASS ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีความเป็นส่วนตัว Facilities ที่โอ่อ่า เดินทางไม่ไกล ใกล้ BTS ในย่านสุขุมวิท ในราคาประมาณ 15 – 30 ล้าน (ไม่นับห้อง 3 Bedroom และ Penthouse)
Judgement
ราคาของคอนโดระดับ ULTIMATE ความคุ้มค่าด้านราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อ ความคุ้มค่าด้านอารมณ์คือปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตราบเท่าที่ทางเรายังไม่สามารถวัดค่ามาตรฐานทางอารมณ์ได้ จึงมิอาจให้คะแนนได้นะคะ
BOTTOM LINE
The Diplomat 39 คอนโดมิเนียมใจกลางเมืองที่เหมาะกับคนที่ชอบการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า หรือการเดินทางด้วยรถยนต์ที่สามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง ชอบโครงการที่มีสไตล์คลาสสิคหรูหรา ส่วนกลางที่โอ่อ่าแบบจัดมาเต็มและมีที่จอดรถเพียงพอ มีความเป็นส่วนตัวสูงไม่ชอบความพลุกพล่าน
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิก www.thinkofliving.com พร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม คลิกที่นี่ https://thinkofliving.com/