รีวิวโครงการ

คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.305 – รีวิวคอนโด The Cabana

28 พฤษภาคม 2017

อ่านรีวิวล่าสุด

%e0%b8%9b%e0%b8%81-cabana

รีวิวฉบับที่ 1237 … สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปดูตึกเสร็จโครงการ The Cabana ซึ่งแบบห้องของที่นี่เป็นแบบห้องของ Origin ในยุคแรกๆที่ปัจจุบันไม่ค่อยมีให้เห็นกันแล้ว ตัวโครงการเป็นคอนโด Low Rise ราคาล้านต้นๆที่หยิบจับเป็นเจ้าของได้ง่าย มีจุดเด่นคืออยู่ใกล้ห้างอิมพิเรียลสำโรงในระยะเดินถึง ซึ่งเราสามารถเดินทะลุห้างไปขึ้น Sky Walk เพื่อเดินไป BTS สำโรงได้เลย หน้าตาโครงการจะเป็นอย่างไรไปดูพร้อมๆกันเลยค่าา ^^

Fact @ 6 December, 2016

  • The Cabana (เดอะ คาบาน่า)
  • Origin Property
  • ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ต.สำโรง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร 719 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 38 ยูนิตที่อาคาร C
  • ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันประมาณ  35%
  • ที่ดินประมาณ 3-3-54 ไร่
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ไตรมาส 3 ปี 2559
  • 1 Bedroom 22.8 – 33.7 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus 35 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.29 ล้านบาทหรือประมาณ 56,000 บาทต่อตารางเมตร
  • ราคาเฉลี่ยโดยประมาณ 50,000 – 60,000 บาท ต่อตารางเมตร
  • เวปไซต์โครงการ คลิกที่นี่
  • โทร  020-300-000

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.65293,100.592794

cabana map

แผนที่จากทางโครงการแสดงให้เห็นว่า ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนรางรถไฟสายเก่า บริเวณด้านหลังห้างอิมพีเรียลสำโรงซึ่งในห้างจะมี Big C มีตลาดสำโรง และโรงพยาบาลสำโรงอยู่ใกล้ๆ เขยิบออกมาหน่อยบริเวณปู่เจ้าสมิงพรายจะเป็นโซนโรงงานและโชว์รูมรถค่อนข้างเยอะภาพรวมของโครงการนี้จึงเป็นชุมชนเก่าแก่ ใกล้ห้าง โรงพยาบาลและตลาดใหญ่จึงมีความอุดมสมบูรณ์สูง และยังเชื่อมต่อกับโซนอุตสาหกรรมจึงทำให้มีผู้อยู่อาศัยหนาแน่นทั้งกลุ่มคนในชุมชนดั้งเดิม เจ้าของธุรกิจ SME ไปถึงธุรกิจขนาดใหญ่ และพนักงานบริษัท

โครงการตั้งอยู่ในทำเลที่ไม่ได้หวือหวาเหมือนกับคอนโดในเมือง แต่ก็อยู่ในจุดที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงมากสำหรับย่านนี้แล้วค่ะ โดยตั้งอยู่บนถนนรางรถไฟสายเก่า หลังห้างอิมพีเรียลสำโรงซึ่งรอบๆห้างจะมีทั้งตลาดกลางค้าส่งสำโรง ตลาดเขมร ตลาดธรรมโรจน์พินิจ รวมทั้งมีตลาดสำโรงและตลาดเอี่ยมเจริญอยู่ฝั่งตรงข้ามห้างอีก เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์รวมตลาด ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกินเลย

นอกจากนี้บริเวณห้างอิมพีเรียลสำโรงยังมีท่ารถสองแถว/รถตู้ที่มีเส้นทางให้เลือกหลากหลาย หรือจะรอรถหน้าโครงการก็มีรถตู้และรถสองแถวขับผ่านตลอดทั้งวัน ที่สำคัญจากโครงการสามารถเดินทะลุห้างไปขึ้น Sky Walk เพื่อไป BTS สำโรงได้ โดยระยะทางจากโครงการถึงห้างประมาณ 250 เมตร ระยะทางจากในห้างถึงหน้าถนนสุขุมวิทประมาณ 400 เมตร และระยะทางบน Sky Walk ไปถึง BTS สำโรงอีกประมาณ 250 เมตร (เป็นระยะประมาณจากบันไดทางขึ้น Sky Walk ถึง BTS ) รวมระยะทางประมาณ 900 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่เดินเหนื่อยเหมือนกัน แต่ยังดีที่เราสามารถเดินเข้าห้างตากแอร์เย็นๆ จะแวะซื้อของ ช้อปปิ้งเพลินๆก็ได้ ถือว่าค่อนข้างสะดวกและสามารถเดินได้ในความเป็นจริง สำหรับใครที่ไม่อยากเดินโครงการก็มี Shuttle Service รับส่งให้

โดยภาพรวมแล้วโครงการนี้จึงเหมาะสำหรับคนที่มองหาคอนโดในย่านสำโรงที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง สามารถไปใช้รถไฟฟ้าในอนาคตได้ ใช้ชีวิตหรือทำงานอยู่ในห้าง โรงพยาบาล โรงงานแถวสำโรง สำหรับคอนโดล้านต้นๆ ที่มีราคาต่อ ตร.ม.อยู่ที่ 50,000-60,000 บาท ถือว่าเป็นราคาที่จับต้องได้ง่าย ถ้าใครที่เช่าอพาร์ทเม้นท์อยู่แถวนี้ก็สามารถเพิ่มเงินอีกหน่อยแล้วเปลี่ยนมาเป็นเจ้าของได้สบายๆค่ะ

ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนรางรถไฟสายเก่าซึ่งแต่เดิมเป็นทางเดินรถไฟสายปากน้ำ ต่อมาเมื่อยกเลิกรถไฟสายปากน้ำแล้วจึงปรับเป็นถนนขนาด 2 ช่องทางจราจรสวนทาง มีจุดเริ่มต้นจากถนนพระรามที่ 4 ในพื้นที่แขวงคลองเตย ไปตัดกับถนนสรรพวุธ ปู่เจ้าสมิงพรายแล้วไปสิ้นสุดที่ถนนกาญจนาภิเษกบริเวณพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ด้วยความที่ถนนนี้เป็นถนนทางเดินรถไฟเก่าที่ตัดกับถนนหลักๆหลายเส้นจึงทำให้ถนนเส้นนี้เป็นตัวเชื่อมระหว่างชุมชนเก่าแก่กับโซนโรงงานอุตสาหกรรมในย่านสมุทรปราการ อย่างในโซนปู่เจ้าสมิงพรายหรือเทพารักษ์นี้ก็จะมีบริษัทโตโยต้า พานาโซนิค รวมทั้งโรงงานขนาดเล็กถึงใหญ่  ถ้าใครลองไปยืนอยู่หน้าโครงการจะรู้เลยว่ามีรถผ่านไปมาหนาแน่นตลอดทั้งวัน ทั้งรถบรรทุก รถขนส่ง รวมทั้งรถส่วนตัวที่ใช้ถนนเส้นนี้เป็นทางลัดจากบางนาไปสมุทรปราการ ดังนั้นเวลาไปไหนต้องเผื่อการเดินทางนิดนึงนะคะ

การจะเข้าออกเมืองสามารถใช้ได้ทั้งถนนรางรถไฟสายเก่าไปพระราม  4, คลองเตย, บางนา, ปู่เจ้าสมิงพราย ไปถึงถนนกาญจนาภิเษกตรงออกไปสมุทรปราการได้ หรือจะใช้ถนนสุขุมวิทเข้า-ออกเมืองโดยสามารถใช้สะพานภูมิพล  3 เข้าเมืองก็สะดวก

สำหรับทางด่วนบริเวณใกล้ๆโครงการมีอยู่ทั้งหมด 3 จุด คือ ทางด่วนบางนาอยู่บริเวณ แยกบางนา ทางด่วนบริเวณซอยสุขุมวิท 62 และทางด่วนวงแหวนกาญจนาภิเษก ที่อยู่บริเวณพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ โดยทางด่วนที่สะดวกที่สุดคือทางด่วนบางนา จากโครงการสามารถวิ่งไปบนถนนรางรถไฟสายเก่าเข้าถนนสรรพวุธเพื่อไปขึ้นทางด่วนได้ง่ายค่ะ

เส้นทางที่เราจะพาไปวันนี้เริ่มจากสถานี  BTS แบริ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายแบริ่ง-สมุทรปราการ วิ่งไปบนถนนสุขุมวิทเพื่อพาไปอัพเดทเส้นรถไฟฟ้าด้วยว่าตอนนี้สร้างไปถึงไหนแล้ว ตรงไปเรื่อยๆแล้วไปกลับรถใต้สะพานหน้าตลาดเอี่ยมเจริญ ผ่านหน้าอิมพีเรียลสำโรงแล้วไปเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 78 จากนั้นทะลุถนนรางรถไฟเก่าก็จะเจอโครงการค่ะ

เริ่มที่ BTS แบริ่ง ฝั่งซ้ายที่ติดกับสถานีเป็นพื้นที่โล่งๆรอการพัฒนาอยู่ ส่วนขวามือเป็น APT แบริ่งมอลล์ มีของกินของใช้ขายค่ะ

ติดกับสถานี ด้านซ้ายมือเป็นโรงเรียนนานาชาติ เซนต์ แอนดรูวส์

ขับเลยไปหน่อยเลี้ยวซ้ายจะไปซอยแบริ่ง ซึ่งใกล้ๆซอยนี้จะเป็นจุดเริ่มโครงการสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย ซึ่งจากสะพานลอยข้างหน้าไป เราจะเริ่มเข้าสู่เขตสำโรงเหนือกันแล้ว

ระหว่างทางที่ขับมาในช่วงสายๆของวันพุธ รถติดสลับกับเคลื่อนที่ไปได้เรื่อยๆ ซึ่งปริมาณรถค่อนข้างเยอะมากทีเดียว ทั้งขาเข้า และขาออกสุขุมวิท สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะว่ากำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า BTS  ซึ่งในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าสร้างเสร็จ รถคงคล่องตัวกว่านี้มาก

นอกจากนี้ระหว่างทางเรายังเห็นรถเมล์ผ่านหลายสาย ดังนั้นคนไม่มีรถก็สามารถเข้าออกโครงการได้ง่ายทีเดียว

ถัดไปเจอตลาดสำโรงซึ่งเป็นตลาดค่อนข้างใหญ่ ตรงข้ามกันเป็นตลาดธรรมโรจน์พินิจ

ฝั่งตรงข้ามตลาดสำโรงจะเป็นอิมพีเรียลสำโรงและ Big C

ตรงมาอีกนิดเราจะเจอสะพานข้ามคลองสำโรงให้ชิดซ้ายเพื่อกลับรถใต้สะพานนะคะ

บริเวณข้างสะพานข้ามคลองสำโรงจะเป็นตลาดเอี่ยมเจริญ ซึ่งเป็นตลาดสดขนาดใหญ่ บรรยากาศคึกคักมากกก

เมื่อกลับรถมาแล้วเราจะเจออิมพีเรียลสำโรงและ Big C อยู่ข้างหน้า โดยบริเวณหน้า Big C จะมี Sky Walk ให้เดินไป BTS สำโรงได้ ทางซ้ายมือเป็นถนนข้างอิมพีเรียลสำโรงซึ่งเป็นทางลัดไปถนนรางรถไฟสายเก่าสามารถใช้ไปยังโครงการได้ โดยเส้นทางนี้เราจะพาเดินอีกทีในเส้นทางต่อไปนะคะ

 

แชะภาพห้างอิมพีเรียลมาให้ดูกันสักหน่อย คนที่ใช้ชีวิตอยู่แถวนี้ต้องคุ้นเคยกันอยู่แล้วเพราะเป็นห้างใหญ่ที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงมากสำหรับย่านนี้ ภายในห้างจะมี Big C อยู่ด้วย

บริเวณหน้าห้างจะเป็นจุดจอดรถตู้ รถเมล์ รถสองแถวขนาดใหญ่ จึงทำที่นั่งไว้ให้รองรับคนที่มารอรถ มองตรงไปจะเห็นสะพานลอยข้ามไปยังตลาดสำโรงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้

บรรยากาศของตลาดสำโรง จะเป็นตลาดใหญ่ที่แทรกตัวอยู่ภายในชุมชน จึงมีทั้งของที่ขายอยู่ในตึกแถวและริมฟุตบาท โดยตลาดนี้จะเชื่อมต่อกับตลาดเอี่ยมเจริญที่เป็นตลาดสดขนาดใหญ่อีกด้วย

จากอิมพีเรียลสำโรง เราขับรถต่อไปอีกนิดให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 78 ค่ะ

บรรยากาศภายในซอยสุขุมวิท 78 จะเป็นตึกแถว 3 ชั้นทั้งสองข้างทาง

ตรงมาสุดทางจะเจอศาลจีนให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางนะคะ

พอเลี้ยวซ้ายมาบรรยากาศก็จะเป็นตึกแถว 3-4 ชั้นอีกเหมือนเดิม

ตรงมาสุดทางให้เลี้ยวขวา

ขับตรงไปเรื่อยๆก่อนนะคะ

พอเรามาถึงสุดทางก็จะมาทะลุถนนรางรถไฟสายเก่าแล้ว มองไปทางซ้ายมือก็จะเจอโครงการ The Cabana อยู่ทางขวามือแล้วค่ะ

โดยตัวโครงการจะอยู่ติดกับถนนรางรถไฟสายเก่าเลย ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกแถวและร้านขายวัสดุก่อสร้าง

อีกฝั่งของโครงการจะอยู่ติดกับปั๊ม ปตท. ค่ะ

จากหน้าโครงการมองไปทางขวามือจะเห็นซอยสุขุมวิท 78 ซึ่งเป็นซอยที่เราใช้เดินทางมาในเส้นทางแรก

แวะดูสักหน่อย บรรยากาศเมื่อมองจากหน้าซอยเข้าไปเป็นแบบนี้

บริเวณต้นซอยสุขุมวิท 78 จะมีร้านขายแก๊สและมีร้านอาหารตามสั่งให้มาฝากท้องกันได้

บรรยากาศสองข้างทางจะเป็นบ้านพักอาศัย ตึกแถว และอพาร์ทเม้นท์ โดยด้านหลังอพาร์ทเม้นท์สีฟ้านั้นจะเป็นทางเลี้ยวไปยังอิมพีเรียลสำโรงและสามารถใช้เป็นทางลัดไปถนนสุขุมวิทได้ด้วย

มาถึงต้นซอยจะมีป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายไปอิมพิเรียลสำโรง ไม่หลงแน่นอน ถ้าตรงไปจะสามารถทะลุถนนปู่เจ้าสมิงพรายได้ แต่เราจะเลี้ยวซ้ายไปอิมพีเรียลกันนะคะ

เมื่อเลี้ยวมาเราจะเห็นอาคารจอดรถของห้างอิมพิเรียลสำโรงเด่นเป็นสง่า ส่วนตึกข้าง ๆกันทางขวามือเป็นโรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ บริเวณด้านหน้าที่เลียบกับถนนซอยนี้จะเป็นร้านขายต้นไม้และอุปกรณ์แต่งสวน เดี๋ยวเราจะข้ามถนนไปทางขวามือกันนะคะ

พอข้ามมาจะเห็นว่าระหว่างทางเดินไปห้างอิมพีเรียลมีฟุตบาทให้เรียบร้อย สามารถเดินได้ง่าย ระหว่างทางก็มีร้านขายอุปกรณ์แต่งสวน ปุ๋ยและต้นไม้ไปตลอดทาง

ต้นไม้ที่มีขายสวนใหญ่จะเป็นต้นเล็กๆทั้งแบบปลูกในกระถางและแบบแขวนซะเป็นส่วนใหญ่ ให้เอาไปแต่งห้องนอนหรือแต่งบ้านกันได้

เดินมาจนสุดทางจะเป็นสามแยกไปยังถนนเลียบห้างอิมพีเรียลทั้งสองฝั่ง โดยเราสามารถใช้เป็นทางลัดไปยังถนนสุขุมวิทได้ทั้งสองทาง(สำหรับการเดินนะคะ แต่ถ้าขับรถมาต้องไปทางซ้ายเพราะการวนรถเป็นแบบ One way ตามเข็มนาฬิกา) โดยเราจะเลี้ยวไปดูบรรยากาศทางขวามือกัน

พอเลี้ยวมาเราจะเจอที่จอดรถอยู่ทางขวามือ โดยจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 6.00 – 24.00 น. โดยคิดค่าบริการชั่วโมงละ 20 บาท จอดฟรี 15 นาทีแรก แต่ถ้าประทับตราร้านค้าในห้างจะสามารถจอดได้ฟรี  3 ชั่วโมงค่ะ

ต่อไปเราจะเดินเลี้ยวไปตามทาง โดยทางขวามือจะเป็นที่จอดรถของห้างที่มีฟุตบาทกว้างเดินได้สบายๆ ส่วนทางขวามือจะเป็นร้านค้า ร้านก๋วยเตี๋ยว

แวะมาดูกันซะหน่อยว่ามีอะไรให้ฝากท้องกันบ้าง อิอิ ตรงนี้เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเรือร้านเล็กๆ

ราคาก๋วยเตี๋ยวตามนี้เลยค่ะ ชามละ 12 บาทเท่านั้น ขนาดชามเล็กก็พอๆกับชามเล็กของก๋วยเตี๋ยวเรืออนุเสาวรีย์ ส่วนใครหิวมากๆก็มีแบบชามใหญ่ 30 บาทและพิเศษให้เลือก

รสชาติใช้ได้เลยหละ ชามขนาดนี้ 40 บาทค่ะ

ข้างๆกันมีร้านขายอุปกรณ์และอาหารของสัตว์เลี้ยง

ติดกันเป็นร้านทุกอย่าง 20 บาท มีตั้งแต่ของใช้ในบ้านไปถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพา เช่น หูฟัง สายชาร์จ

ใกล้ๆกันจะมีวินมอเตอร์ไซค์ ท่ารถสองแถว และมีรถตู้วิ่งผ่านเรื่อยๆ

เดินมาอีกนิดเราก็จะเจอทางเข้าลานจอดรถของห้าง และประตูเข้าห้าง เดี๋ยวเข้าไปเดินเช่นในห้างกันนะคะ

เข้ามาภายในห้างอิมพีเรียลสำโรงจะมีทั้งร้านขายเสื้อผ้า ร้านทอง ร้านขายเครื่องสำอางค์ราคาย่อมเยาว์ที่มีให้เลือกหลายร้าน เดินช้อปปิ้งกันได้ชิลๆ

โดยห้างจะมีประตูที่สามารถออกไปเดินยังซอยลาดพร้าวที่อยู่ข้างห้างได้

เมื่อเดินออกมาจากห้างอิมพีเรียลจะเป็นถนนลาดพร้าว ซึ่งชื่อซอยลาดพร้าวนี้อย่าเพิ่งสับสนว่าทำไมลาดพร้าวมาอยู่สำโรงนะคะ อันนี้เป็นแค่ชื่อซอยที่บังเอิญเหมือนกันเฉยๆ โดยซอยนี้จะเป็นซอยเลียบห้างอิมพีเรียลที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก มองตรงไปจะเห็นตลาดกลางค้าส่งสำโรง ตลาดเขมร และมีท่ารถสองแถวอยู่ตรงกลาง เดี๋ยวเราจะพาไปไล่ดูแต่ละจุดกันนะ

ตลาดกลางค้าส่งสำโรง จะมีทั้งโซนตลาดสดแบบนี้กับโซนสินค้าขายส่งที่เป็นของสดเหมือนกัน

ติดกันเป็นท่าจอดรถสองแถวท่าใหญ่ โดยมีรถสีฟ้าที่ผ่านหน้าโครงการในเส้นทางสำโรง – จัดสรร – มหาวงศ์ค่ะ

ฝั่งตรงข้ามท่ารถสองแถวก็มีที่จอดรถตลาดใหม่สำโรง ใครจะมาแวะห้างหรือตลาดก็มาจอดรถที่นี่ได้

ใกล้ๆกันมีตลาดที่คนพื้นที่เรียกว่าตลาดเขมร บริเวณตลาดจะมีพี่วินคอยให้บริการ โดยถ้าขึ้นจากตรงนี้ไปโครงการจะเสียค่าบริการประมาณ 10 บาท

เขามาภายในตลาดก็จะมีของสดทั้งผัก เนื้อ ของทะเล มีอาหารสำเร็จให้ซื้อกลับบ้านได้ หรือใครจะซื้อเสื้อผ้า รองเท้าก็มีขายนะ โดยตลาดนี้จะมีความยาวไปถึงถนนสุขุมวิทเลย ถือว่าสะดวกดีสำหรับคนที่ลงรถที่ถนนสุขุมวิทแล้วเดินกลับบ้านผ่านทางนี้ก็ซื้อของติดไม้ติดมือกลับบ้านได้เลย

เรากลับมาที่ซอยลาดพร้าว จะเห็นว่าทางซ้ายมือเป็นห้างอิมพีเรียล ส่วนทางขวามือเป็นตึกแถวที่มี 7/11 และมีของขายไปตลอดทางทั้งร้านขายโทรศัพท์ ร้านแว่น ร้านอาหาร ยาวไปจนถึงถนนสุขุมวิทเลย

เดินมาจนสุดทางจะเจอ Sky Walk ที่สามารถเดินไปยัง  BTS สำโรงได้

โดยทางขึ้น Sky Walk จะอยู่หน้าห้างอิมพีเรียลสำโรงเลยค่ะ ถ้าใครเดินเข้าห้างออกมาก็ขึ้น  Sky Walk ไป BTS สำโรงได้เลย

สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัย ตึกแถว และอพาร์ทเม้นท์  โดย

  • ทางด้านทิศเหนือจะติดกับ ปั๊ม ปตท.จึงไม่มีตึกสูงบังวิวในระยะประชิด
  • ทางด้านทิศตะวันออก จะติดกับถนนรางรถไฟสายเก่า ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านวัสดุก่อสร้าง
  • ทางด้านทิศใต้ ติดกับอาคาร 4 ชั้น และมีอพาร์ทเม้นท์ 5 ชั้นมาบล็อกวิวระยะไกล แนะนำให้เลือกชั้น 6-8 จะไม่มีตึกมาบังวิวค่ะ
  • ทางด้านทิศตะวันตก ติดถนนซอยและที่ดินว่างเปล่าของบุคคลอื่นที่เป็นพื้นที่สีเขียว โดยรอบข้างจะมีอพาร์ทเม้นท์อยู่ค่อนข้างเยอะแต่ไม่ได้อยู่ในระยะประชิดอะไรค่ะ


สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • อิมพีเรียลสำโรง
  • ตลาดสำโรง
  • ตลาดเอี่ยมเจริญ
  • พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ
  • St. Andrew International
  • โรงพยาบาลมนารมย์
  • บางกอกพัฒนา
  • โรงเรียนลาซาล
  • ไบเทคบางนา
  • เซ็นทรัลบางนา

 

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ The Cabana  เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 3 อาคาร ออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์น ใช้สีเทา-ขาว ทางเข้าโครงการสามารถเข้าได้จากถนนหลักคือซอยสุขุมวิท 78  การวางฟังก์ชั่นอาคารโดยรวมจะให้ชั้น 1 เป็นพื้นที่จอดรถใต้อาคาร ล็อบบี้ และมีสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลาง  ส่วนของห้องพักจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2-8 โดยชั้น 2 ที่อาคาร A จะมีห้องอเนกประสงค์ ส่วนที่ชั้น 2 ของอาคาร C จะมีฟิตเนส ส่วนชั้นดาดฟ้าของทุกอาคารจะมีสวนหย่อมด้วย โดยวันที่เราไปเก็บภาพโครงการยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี 100% จึงการเก็บความเรียบร้อยอยู่เป็นบางจุดนะคะ

ตัวอาคารแบ่งออกเป็น 3  อาคารคือ A, B และ C ล้อมรอบ  Facilities อย่างสระว่ายน้ำ โดยอาคารด้านในที่หันหน้าชนกัน จะเห็นวิวสระว่ายน้ำด้านล่างและห้องเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม ตัวอาคารวางผังในแนวเหนือใต้ทำให้ห้องพักอาศัยไม่ร้อน

พื้นที่ชั้น 1 จัดเป็นที่จอดรถ ไม่ Fix คัน ที่จอดรถถ้านับตามช่องจอดจะได้ประมาณ 173 คัน ถ้ารวมจอดซ้อนคันคิดเป็นประมาณ  35%  ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อยสำหรับทำเลนี้ที่ใช้รถสะดวก  ทางเข้า-ออกอาคารจะมีทางเดียวคือจากถนนรางรถไฟสายเก่า ผ่านรั้วกั้นไม้กระดกด้านหน้าโครงการโดยการสแกนคีย์การ์ด การเดินรถเป็นแบบ One way วนเข้าจากตึก A ไปตึก C ตามเข็มนาฬิกาค่ะ

โดยตำแหน่งของโถงลิฟท์จะอยู่ที่ Lobby ของแต่ละตึกโดยมีลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อหนึ่งอาคาร  ไม่มี Service ลิฟท์ โดยมีอัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 120 : 1 โดยอัตราส่วนลิฟท์ตึก A 127:1, อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 102:1 และอัตราส่วนลิฟท์ตึก C 131:1 มีบันไดหนีไฟ 2 จุดต่อหนึ่งอาคาร

ผังชั้น 2 ที่จะเริ่มเป็นส่วนพักอาศัยรวมกับชั้น Facilities  โดยที่ตึก A จะมีส่วน Lobby , Library อยู่ตรงทางเข้าโครงการ ส่วนตึก B จะเป็นห้องพักล้วนๆ ตึก C จะมี Lobby และห้องออกกำลังกายอยู่ที่ชั้น 2 ค่ะ

เข้ามาในโครงการจะคอร์ทตรงกลางที่มีศาลาและสระว่ายน้ำที่ถูกล้อมรอบด้วยอาคาร A, B และ C โดยการจอดรถภายในอาคารจะวนจอดตามเข็มนาฬิกาเป็น One Way โดยจะวนซ้ายเข้าทางตึก A แล้วไปออกที่ตึก C

เมื่อเดินเข้ามาในโครงการแล้วมองไปทางขวามือจะเจอประตูทางออกโครงการและทางเข้าตึก C

ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นตึก A ที่มีลานจอดรถอยู่ชั้น 1 ส่วนชั้น 2 เป็น Library เดี๋ยวเราจะพาเดินไปดูที่จอดรถใต้อาคารกันหน่อยนะคะ

เมื่อเข้ามาที่ใต้ตึก A จะเป็นที่จอดรถทั้งหมด โดยจะแบ่งที่จอดรถอยู่ทางซ้ายและขวา ส่วนตรงกลางเป็นถนนกว้างประมาณ 6 เมตร รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร มีการปลูกต้นไม้ไว้ตลอดแนว ซึ่งตอนนี้ยังเป็นต้นเล็กๆอยู่ ในอนาคตเมื่อต้นไม้โตขึ้นแล้วคงจะกลายเป็น Green wall ที่ช่วยให้รั้วดูร่มรื่นขึ้นมาก

เราเดินเลี้ยวมาตามทางก็จะเห็นบริเวณพื้นที่จอดรถทั้งหมด แต่ด้านหลังป้าย Welcome Home Cabana นั้นยังเป็นโซนที่อยู่ระหว่างเก็บความเรียบร้อยจึงกั้นป้ายไว้อยู่ ส่วนทางซ้ายมือจะสามารถมองเห็นสระว่ายน้ำได้จากที่จอดรถ ซึ่งตรงนี้ถ้ามีการปลูกต้นไม้เป็น Buffer มาช่วยบังสายตาหน่อยน่าจะดีนะคะ ลองนึกดูว่าถ้าเราว่ายน้ำอยู่แล้วต้องเห็นรถและคนผ่านไปผ่านมา คงรู้สึกหวิวๆอยู่เหมือนกันนะ

กลับมาที่คอร์ทตรงกลางระหว่างตึก A, B และ C จะเป็นศาลาและสระว่ายน้ำของโครงการ

โดยศาลานี้จะอยู่ตรงกลางระหว่างบ่อน้ำเล็กๆและสระว่ายน้ำ รวมทั้งมีการปลูกต้นไม้รอบๆช่วยเพิ่มบรรยากาศให้ดูผ่อนคลายขึ้น

การเข้ามายัง Facilities ส่วนนี้ต้องเดินผ่าน Lamp หรือถนนลาดเอียงปูพื้นด้วยปูนซีเมนต์ธรรมดา ทางซ้ายมือจะเป็นศาลานั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำ

โดยศาลานั่งเล่นจะเป็นเหล็กโปร่งทาสีดำ ปูพื้นด้วยกระเบื้องสีดำผิวมัน ภายในมีการวางโซฟาสนามมาให้ 1 ชุด

เมื่อนั่งอยู่ที่โซฟาจะสามารถมองวิวสระว่ายน้ำได้

สระว่ายน้ำของโครงการเป็นระบบเกลือ รูปทรง Free form ความยาว 25 เมตร รอบๆสระว่ายน้ำจะปูสนามหญ้าและปลูกต้นไม้รอบๆให้ ซึ่งต้องบอกไว้ก่อนว่าวันที่เราไปถ่ายสระว่ายน้ำยังไม่เรียบร้อยดีนะคะ ในอนาคตจะมีการปูกระเบื้องขอบสระและจัดภูมิทัศน์เพิ่มเติมมากกว่านี้

ถัดจากศาลานั่งเล่นไปจะมีบันไดทางลงไปสู่ Lobby ของตึก A

โดยประตูทางเข้า Lobby ตึก A  จะเป็นประตูบานเปิดคู่ที่สามารถเปิดเข้าไปได้เลยไม่ต้องใช้คีย์การ์ด เวลาเพื่อนแวะมาหาก็ให้นั่งรอที่ Lobby ตึกได้

เมื่อเข้ามาภายใน Lobby จะเป็นห้อง Double Volume ที่มีบันไดสามารถขึ้นไปใช้ Library ที่อยู่ชั้น 2 ได้ ทางซ้ายมือเป็นเก้าอี้ไว้ให้นั่งเล่นหรือเอาไว้ให้เพื่อนมานั่งรอเราได้ ส่วนทางขวามือเป็นเคาน์เตอร์ตอนรับ ใกล้ๆกันจะมีประตูทางเข้าโถงลิฟต์ที่ต้องเข้า-ออกโดยการแสกนคีย์การ์ดเพื่อความปลอดภัยของลูกบ้านค่ะ

เข้ามาภายในโถงลิฟต์จะมีลิฟต์ให้ 2 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 127:1 ส่วนทางซ้ายมือเป็นตู้จดหมายที่ Built-in มาให้เต็มพื้นที่ผนัง

ออกจากโถงลิฟต์มาเราจะพาขึ้นบันไดไปดู Library ที่ชั้น 2 กันนะคะ

ขึ้นบันไดมาเจอทางเข้า Library อยู่ทางขวามือ เปิดไปดูกันเลยย

เข้ามาภายใน  Library จะมีชุดโซฟา Built-in ไว้ให้นั่งเล่นอ่านหนังสือ, ห้องนิติบุคคล ห้องน้ำ และห้องประชุมไว้ให้

โดยพื้นที่ทางซ้ายมือจะมีโซฟา Built-in จำนวน 3 ชุด พร้อมโต๊ะกลางและเก้าอี้ไว้ให้นั่งเล่นหรือคุยงานกันได้

ส่วนทางขวามือจะมีเปลนั่งเล่นให้ 2 ตัว ถัดไปเป็นห้องนิติบุคคล ห้องน้ำ และ Meeting room

พื้นที่เปลนั่งเล่น

ห้องน้ำสาธารณะมีให้ 1 ห้อง รวมหญิง-ชาย

พื้นที่โซนด้านหลังจะมีโต๊ะนั่งทำงานขนาด 4 ที่นั่งจำนวน 2 ชุด ส่วนทางขวามือเป็น Meeting room

โดย Meeting room นี้เป็นห้องที่สามารถนั่งทำงานหรือประชุมงานแบบ Ptivate ได้ โดยการใช้งานห้องนี้จะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าก่อนเพื่อจะได้ให้แม่บ้านจัดเตรียมห้องและเป็นการ Fix เวลาไว้จะได้ไม่มีปัญหาการใช้งานชนกันค่ะ

โดยภายในห้องนี้จะมีโต๊ะทำงานจำนวน 12 ที่นั่งให้ มองตรงไปจะมีประตูสามารถเปิดออกไประเบียงด้านนอกได้

นอกจากนี้ยังมีผนังกระจกที่สามารถใช้ปากกาไวท์บอร์ดเขียนลงไปได้ เผื่อการประชุมที่ต้องใช้การเขียนอธิบาย

ถัดไปเราจะพาไปดู  Facilities ที่ตึก C กันบ้าง โดยตึกนี้จะมี Lobby อยู่ทีชั้น 1 และห้อง Fitness อยู่ที่ชั้น 2

เข้ามาภายใน Lobby ที่เป็นสำนักงานขายของโครงการในปัจจุบัน ซึ่งอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่เป็น Double Volume และเปลี่ยนผนังห้องเป็นกระจก บรรยากาศของห้องนี้ก็จะโปร่งขึ้นค่ะ ส่วนทางไปยังชั้น 2 จะเป็นบันไดชั่วคราวที่อยู่หลังประตูกระจกข้างๆเคาน์เตอร์ต้อนรับ

เมื่อเดินเข้ามาจะเจอบันไดชั่วคราวลักษณะแบบนี้

เราเดินวนไปตามบันไดเพื่อขึ้นไปยังชั้น 2

เมื่อขึ้นบันไดมาแล้วเราจะเจอโถงที่เชื่อมต่อกับประตูของโซนพักอาศัยทางซ้ายมือ และประตูห้องฟิตเนสทางขวามือ

ประตูห้องฟิตเนสเป็นประตูบานเปิดคู่แบบนี้

ภายในห้องฟิตเนสขนาด 120 ตารางเมตร บรรจุเครื่องออกกำลังกายประมาณ 16 เครื่อง บรรยากาศของห้องค่อนข้างโปร่งเนื่องจากมีกระจกรอบ ขณะออกกำลังกายจึงสามารถมองออกไปเห็นวิวนอกห้องได้ โดยทางซ้ายมือจะเห็นวิวฝั่งถนนสุขุมวิท 78 ส่วนถ้ามองตรงไปจะเป็นวิวสระว่ายน้ำ

มุมมองจากห้องฟิตเนสเมื่อมองออกไปยังฝั่งซอยสุขุมวิท 78

มุมมองจากห้องฟิตเนสเมื่อมองออกไปทางสระว่ายน้ำ

เมื่อมองไปยังประตูทางเข้าจะเห็นว่าผนังของห้องฟิตเนสก็ยังเป็นกระจกใสรอบๆช่วยให้ห้องดูโปร่งมากขึ้นอีก ถัดจากประตูทางเข้าจะเป็นห้องน้ำที่แยกหญิง-ชายเป็นสัดส่วน

เมื่อเปิดประตูเข้ามาดูภายในห้องน้ำหญิงจะเห็น Locker สำหรับเก็บของ

มีอ่างล้างหน้าให้ 2 อ่าง พร้อมห้องอาบน้ำและห้องสุขา

ภายในห้องอาบน้ำและห้องสุขาใช้โทนสีขาว-ครีมดูสะอาดตา

ถัดไปเป็นฝั่งตรงข้ามห้องฟิตเนสซึ่งเป็นโซนพักอาศัยและโถงลิฟต์ การเข้า-ออกประตูนี้จะใช้การสแกนคีย์การ์ดเพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน

เมื่อเข้ามาจะเจอห้องพักอาศัยจำนวน 3 ห้อง โดยปัจจุบันเป็นห้องตัวอย่างของโครงการนะคะ

ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นบันไดหนีไฟและโถงลิฟต์ ที่มีลิฟต์ให้จำนวน 2 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 131:1 ก็ค่อนข้างหนาแน่นในเวลาเร่งด่วน

ผังชั้น 3-8 ที่เป็นที่พักอาศัยล้วนๆ แต่ละตึกจัดห้องมาค่อนข้างเยอะค่ะ เพราะส่วนมากเป็นห้อง 1 Bedroom Type 22.8 ตารางเมตร  โดยตึก A มีทั้งหมด 37 ยูนิตต่อชั้น ตึก B มี 29 ยูนิตต่อชั้น ตึก C มี 38 ยูนิตต่อชั้น ห้องฝั่งรอบในโครงการ ได้วิวสระสวนสำหรับชั้นล่างๆ (ส่วนชั้นบนๆคงไม่มีใครก้มดู) ระยะห่างระหว่างตึกไม่มากเปิดหน้าต่างมาก็จะเห็นห้องเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม ไม่เห็นวิวระยะไกล ส่วนห้องวงรอบนอกแม้จะได้วิวระยะไกล แต่ก็ไม่การันตีว่าต่อไปในอนาคตจะมีตึกมาขึ้นข้างๆหรือเปล่า

แต่ละตึกมีลิฟท์ 2 ตัว ตึก A มี 254 ห้อง อัตราส่วนลิฟท์ 1 ตัวต่อ 127 ห้องจัดว่าน้อยกว่ามาตรฐาน  ตึก B มี 203 ห้อง อัตราส่วนลิฟท์ 1 ตัวต่อ 102 ห้องพอดีกับมาตรฐาน  ตึก C มี 262 ห้อง อัตราส่วนลิฟท์ 1 ตัวต่อ 131 ห้อง น้อยกว่ามาตรฐาน ซึ่งจะต้องรอลิฟท์นานกว่าปกติในช่วงเวลาเร่งด่วน

ชั้นดาดฟ้าของอาคาร  A, B และ C จะเป็นพื้นที่สวนทั้งหมดค่ะ

Cabana East View

มาดูวิวจากชั้นดาดฟ้าของโครงการกันบ้าง วิวทางด้านทิศตะวันออก ซึ่งเป็นด้านหน้าโครงการ จะเห็นถนนรางรถไฟสายเก่า ตึกแถวและบ้านพักอาศัยฝั่งถนนสุขุมวิท ทางขวามือเป็นห้างอิมพีเรียลสำโรง

Cabana North View

วิวทิศเหนือของตึก C จะอยู่ติดปั๊ม ปตท ทางฝั่งนี้จะเห็นอพาร์ทเม้นท์ค่อนข้างเยอะค่ะ

Cabana South View

วิวทิศใต้ของตึก A จะเป็นบ้านพักอาศัย และอาคารแนวราบซะเป็นส่วนใหญ่

Cabana West View    

วิวทางทิศตะวันตก จะเป็นที่ดินว่างเปล่าที่โล่งสายตาดี รอบๆเป็นอพาร์ทเม้นท์ค่อนข้างเยอะค่ะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • Library
  • มินิมาร์ท
  • สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ Free Form ความยาว 25 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย ขนาด 120 ตารางเมตร
  • สวนหย่อมที่ชั้น G และ ดาดฟ้า
  • Jogging track
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 120 : 1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 127:1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 102:1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก C 131:1
  • ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 35%
  • ระบบ CCTV / Access Card
  • Shuttle Service รับส่ง BTS


Product Walkthrough

เรามาเริ่มกันที่ห้องแบบ  1 Bedroom พื้นที่ 22.85 – 25.3 ตารางเมตร เหมาะกับการอยู่อาศัย  1-2 คน ความสูงฝ้าเพดาน 2.55 เมตร  เมื่อเข้าห้องไปปุ๊บสิ่งแรกที่เจอคือห้องนั่งเล่นที่สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารได้ ถัดไปเป็นห้องนอนที่ถูกกั้นด้วยประตูบานเลื่อน  2 ตอน ภายในห้องนอนโครงการจะ Built-in ตู้เสื้อผ้าพร้อมเตียงมาให้ ถัดมาจะเป็นครัวปิดที่มีประตูบานเลื่อนกั้นให้เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารซึ่งมีข้อดีคือกันกลิ่นเข้ามารบกวนส่วนอื่นๆของห้อง โดยห้องครัวจะ Built-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้เรียบร้อย โดยห้องครัวนี้จะเชื่อมต่อกับระเบียงรูปตัว L มีส่วนที่ยื่นออกไปไม่ได้กว้างมากแต่ก็พอใช้เป็นที่ตากผ้าได้  ถัดมาเป็นห้องน้ำซึ่งแยกส่วนเปียกส่วนแห้ง ติดตั้งอ่างล้างมือ โถสุขภัณฑ์รวมทั้งแยกส่วนอาบน้ำไว้ให้เรียบร้อยค่ะ

ประตูห้องเป็นประตูสำเร็จรูปลามิเนตลายไม้พร้อมติดตาแมวมาให้  กลอนประตูเป็นแบบก้านโยกสแตนเลสธรรมดา

พื้นห้องนอนเป็นลามิเนตลายไม้ มีคิ้วธรณียื่นขึ้นมาเล็กๆเพื่อปิดรอยต่อระหว่างพื้นโถงทางเดินและพื้นห้องนอน รวมทั้งยังช่วยกันไม่ให้แมลงต่างๆเข้าห้องได้

เปิดเข้ามาในห้องจะเจอห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับห้องนอน ส่วนทางซ้ายมือเป็นห้องครัว โดยเมื่อเทียบห้องตัวอย่างกับห้องมาตรฐานของจริงจะเห็นว่าโครงการ Built-in ให้เฉพาะตู้วางทีวีเท่านั้น ส่วนเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวอื่นๆอย่างโซฟาและโต๊ะรับประทานอาหารจะไม่ได้ให้มา ส่วนผนังห้องจะเป็นปูนฉาบเรียบทาสีธรรมดาไม่มีวอลเปเปอร์ติดมาให้นะคะ

มองกลับไปที่ประตูทางเข้าจะเห็นพื้นที่ของห้องนั่งเล่นทั้งหมด โดยหากเราจัดเฟอร์นิเจอร์แบบห้องตัวอย่างจะมีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ  2.2 เมตร เหมาะกับการวางทีวีขนาด 46″ จะเป็นขนาดที่พอดีกับสายตาค่ะ

โดยภายในห้องสามารถวางโซฟาและโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งแบบนี้ได้พอดีๆ เราสามารถซื้อเฟอร์นิเจอร์มาจัดห้องลักษณะนี้ได้

ฝั่งตรงข้ามกันเป็นตู้วางทีวีที่โครงการ Built-in มาให้เป็นรูปตัว L แบบนี้เลย เก็บของได้เยอะดี

เตียงที่โครงการให้มาเป็นฐานเตียงสีขาวไม่รวมฟูก หน้าตาแบบนี้ค่ะ

ข้างๆเตียงมีการ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ที่หัวเตียงความสูงจรดฝ้าเพดานเลย

ระยะจากปลายเตียงถึงผนังประมาณ 0.36 เมตร เป็นระยะที่ไม่กว้างมากนัก ไม่เหมาะกับการวางโต๊ะวางทีวีเพราะจะทำให้ไม่มีทางเดินผ่านเตียง แนะนำให้ติดตั้งทีวีติดผนัง จะช่วยประหยัดพื้นที่ได้ดีกว่าค่ะ โดยโครงการติดตั้งเต้ารับและที่เสียบสายเคเบิลมาให้เรียบร้อย

หน้าต่างข้างเตียงเป็นบานเข้ามุมช่วยให้ห้องดูโปร่งมาก ด้านนอกหน้าต่างจะเป็นระเบียงที่สามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นได้

เมื่อเปิดหน้าต่างออกมาจะเห็นว่าพื้นที่ระเบียงจะเชื่อมต่อกับห้องนอนแบบนี้ หากเราวางโต๊ะนั่งเล่นไว้ที่ระเบียงแบบห้องตัวอย่างก็สามารถเปิดหน้าต่างออกไปใช้งานระเบียง หรือจะปิดแอร์แล้วเปิดหน้าต่างไว้แบบนี้เพื่อให้ห้องโล่งขึ้นก็ได้

โดยห้องตัวอย่างนี้อยู่ที่ชั้น 2 ของตึก C เมื่อมองออกไปจะเห็นปั๊ม ปตท. ที่อยู่ด้านข้างค่ะ

ถัดไปเป็นห้องครัวปิดที่มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นไว้ ช่วยให้เวลาประกอบอาหารกลิ่นจะได้ไม่รบกวนส่วนอื่นๆของห้อง

โดยประตูห้องครัวจะติดตั้งรางเลื่อนไว้ด้านบนทำให้ที่พื้นไม่มีรางเลื่อนประตูมาเกะกะ

พื้นห้องครัวปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโตสีขาว มีการปิดคิ้วรอยต่อระหว่างพื้นห้องนั่งเล่นและห้องครัวเรียบร้อย

ราวระเบียงเป็นเหล็กโปร่งสูงประมาณ 1.2 เมตร ด้านบนติดตั้ง CDU แอร์ พร้อมระแนงช่วยพรางสายตาจากภายนอกเพื่อความสวยงามของอาคาร โดยทางซ้ายมือจะเป็นหน้าต่างเข้ามุมของห้องนอนและเป็นพื้นที่ของระเบียงหน้าห้องนอน

เมื่อเลี้ยวขวามาดูจะเห็นพื้นที่ระเบียงความกว้างประมาณ 0.6 เมตร เป็นพื้นที่ไม่กว้างมากนัก สามารถวางโต๊ะเก้าอี้ขนาด 2 ที่นั่งแบบห้องตัวอย่างได้ แต่ระยะจะกระชั้นหน่อย

พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้าน มีการยกธรณีประตูขึ้นมาประมาณ 10 ซม. เพื่อกันน้ำจากในห้องน้ำไหลออกมาเปียกพื้นในห้องครัว

ห้องน้ำใช้โทนสีขาว-น้ำตาล ด้านในจัดวางพื้นที่ใช้งานเป็น 3 ส่วนคือ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงา, จุดวางโถสุขภัณฑ์ และพื้นที่เปียกสำหรับอาบนำ้ซึ่งไม่มีฉากกั้นอาบน้ำให้นะคะ

ซูมสายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่ให้ดูใกล้ๆ โดยภายในโครงการจะใช้รุ่นนี้ทั้งหมดนะคะ

ถัดไปเป็นพื้นที่อาบน้ำที่ห้องตัวอย่างจะทำฉากกั้นแบบ 3 ตอนมาให้ดูเป็นไอเดียแต่ของจริงจะไม่มีให้นะคะ แนะนำให้หาฉากกั้นกระจกหรือผ้าม่านแบบกันน้ำมาติด เวลาอาบน้ำจะได้ไม่กระเด็นไปเปียกส่วนแห้ง

มีการติดตั้งชุดฝักบัวอาบน้ำพร้อมที่วางสบู่มาให้เรียบร้อย

ฝักบัวขนาดพอดีมือ ไม่ใหญ่มาก

ผังห้อง 1 Bedroom ขนาด 22.8 ตารางเมตร ห้องนี้เปิดประตูมาจะเจอส่วนนั่งเล่นที่มีครัวอยู่ด้วยนะคะ ตัว Pantry ได้ขนาดเล็กตามห้อง มีตู้วางทีวีวางข้างๆกัน ระยะดูทีวีโอเคแต่ทีวีมันไม่ Center กับโซฟานะ เวลานั่งดูก็ต้องเอียงทีวีหน่อย โต๊ะทานอาหารวางโต๊ะเล็กได้ข้างโซฟา หากอยากได้โต๊ะใหญ่คงต้องใช้โต๊ะพับได้จะได้ไม่เกะกะ ห้องนอนกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน พื้นที่วางเตียงค่อนข้างน้อย แต่ระยะปลายเตียงใช้ได้ วางทีวี ตู้เสื้อผ้า และเครื่องซักผ้าวางชิดระเบียง ตัวระเบียงขนาดพอใช้งานตากผ้าได้เพราะเขาแขวนคอมแอร์ไว้ด้านบนขอบประตูกระจกบานเลื่อนกั้นระเบียง ส่วนห้องน้ำจะอยู่ติดกับระเบียงซึ่งมีช่องเปิดระบายอากาศออกด้านนอกด้วย

 

ประตูห้องเป็นประตูสำเร็จรูปลามิเนตลายไม้พร้อมติดตาแมวมาให้  กลอนประตูเป็นแบบก้านโยกสแตนเลสธรรมดา

ภายในห้องจะจัดฟังก์ชั่นให้เป็นห้องนั่งเล่นและห้องนอน โดยมีฉากกั้นกระจกเป็นตัวแบ่งพื้นที่

มองกลับไปที่ประตูทางเข้าจะเห็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นทั้งหมด โดยโครงการจะให้เฉพาะเฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่ประกอบด้วยตู้วางทีวีและเคาน์เตอร์ครัว ส่วนเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวอย่างโซฟาหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าจะไม่มีให้นะคะ โดยถ้าเราจัดพื้นที่แบบห้องตัวอย่างจะมีระยะดูทีวีอยู่ที่ ประมาณ  3 เมตร เหมาะกับการวางทีวีขนาด 60″ จะเป็นระยะที่พอดีกับสายตาค่ะ

ด้วยความที่ห้องนี้เป็นแบบ studio เค้าเลยรวบฟังก์ชั่นครัวและห้องนั่งเล่นไว้ด้วยกันโดยการ Built-in ตู้ครัวและตู้วางทีวีไว้ด้วยกันซะเลย โดยให้ตู้ครัวอยู่ตรงกลางและเว้นช่องไว้ให้วางตู้เย็นทางขวามือ ส่วนตู้วางทีวีจะอยู่ทางซ้ายซึ่งเป็นจุดที่ไม่ได้เป็น Center ดังนั้นเวลาวางโซฟานั่งเล่นก็แนะนำให้ชิดมาทางฝั่งตู้วางทีวีหน่อยจะได้ดูทีวีได้ถนัดๆนะคะ

และเมื่อหันไปมองตรงจุดที่วางโซฟาจะเห็นว่าโครงการก็วางทีวีชิดไปฝั่งตรงข้ามทีวีจริงๆ ส่วนที่ว่างทางซ้ายมือก็สามารถวางตู้วางของได้

กลับมาดูที่ฟังก์ชั่นตู้ครัวที่เมื่อเปิดออกมาด้านบนจะเป็นชั้นวางของและตู้บานเปิดให้สามารถวางของเล็กๆน้อยได้ ส่วนเคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีช่องที่ทำไว้สำหรับวางไมโครเวฟ ลิ้นชักวางของ วางช้อนส้อม และพื้นที่ใต้อ่างล้างจานที่สามารถเอาไว้เก็บของใช้ในครัวได้

ผนังเคาน์เตอร์เป็นปูนฉาบเรียบทาสีธรรมดา จึงแนะนำให้ปูกระเบื้องหรือติดพลาสติกกันเปื้อนเพื่อทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาดนะคะ โดยที่เคาน์เตอร์นี้จะอ่างล้างจานมาให้อย่างเดียวไม่มีเตาและที่ดูดควันมาให้

เข้ามาภายในห้องนอนประมาณ 2.9 x 3.33 เมตร ที่มีห้องน้ำในตัวและเชื่อมต่อกับระเบียง โดยโครงการจะ Built-in เตียงขนาด  5 ฟุตเหมือนห้องแบบแรกพร้อมตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งมาให้แบบนี้เลย

ขนาดเตียงที่โครงการ Built-in มาให้จะชิดผนังทั้งสองข้างพอดี ทำให้ไม่มีพื้นที่เหลือข้างเตียง เวลานอนจึงรู้สึกเหมือนโดนผนังขนาบสำหรับบางคนก็จะรู้สึกอึดอัดเหมือนกันนะ แต่กับบางคนก็นอนได้ไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นต้องลองไปดูห้องจริงด้วยตัวเองว่าเราโอเคกับการนอนลักษณะนี้หรือไม่

ส่วนพื้นที่ปลายเตียงทางซ้ายมือจะเป็นพื้นที่ว่างสำหรับวางทีวีได้ โดยโครงการติดตั้งเต้ารับและที่เสียบสายเคเบิลไว้ให้เรียบร้อย ข้างกันเป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งที่โครงการ Built-in มาให้แบบนี้เลย

เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าออกมาจะเห็นว่าฟังก์ชั่นภายในตู้เสื้อผ้าก็มีให้ครบทั้งราวแขวนผ้า ลิ้นชักเก็บของ และช่องใส่ของด้านบนที่เอาไว้วางหมอนหรือผ้านวมได้ โดยเมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าออกมาแล้วจะยังเหลือพื้นที่ปลายเตียงอีกก็เป็นระยะที่สามารถยืนแต่งตัวได้สบายๆไม่อึดอัดอะไรค่ะ

ข้างๆกันเป็นโต๊ะเครื่องแป้งที่โครงการ Built-in มาให้แบบนี้ แต่เมื่อเอาเก้าอี้ออกจะเห็นว่ามีการติดตั้งงานระบบพร้อมเต้ารับไว้ให้ รองรับเครื่องซักผ้า เป็นการจัดฟังก์ชั่นที่แปลกดีเนื่องจากพื้นที่ห้องที่มีจำกัด เค้าก็เลยจัดไว้ตรงนี้ ซึ่งก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนนะคะ ว่าเราจะเอาไว้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งหรือจะวางเครื่องซักผ้า หรือจะใช้งานเป็นสองอย่างเลยก็ได้

ตรงข้ามกันเป็นห้องน้ำที่ติดตั้งประตูสำเร็จรูปสีขาว ลูกบิดเป็นหัวกลมสแตนเลสมาให้

โดยด้านหลังประตูจะติดตั้ง  Door Stop มาให้ด้วย ป้องการการกระแทกระหว่างประตูกับผนัง

พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้าน มีการยกธรณีประตูขึ้นมาประมาณ 10 ซม. เพื่อกันน้ำจากในห้องน้ำไหลออกมาเปียกพื้นในห้องครัว

อ่างล้างหน้าเป็นแบบลอยตัว ของ Cotto หรือเทียบเท่า พร้อมติดกระจกเงามาให้ที่ผนัง

โถสุขภัณฑ์ของ Cotto พร้อมสายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่ ที่ติดตั้งไว้ทางขวามือ(หันหน้าออกจากโถสุขภัณฑ์) เหมือนกัน

ถัดไปเป็นพื้นที่อาบน้ำที่ห้องตัวอย่างจะทำฉากกั้นแบบ 3 ตอนมาให้ดูเป็นไอเดียแต่ของจริงจะไม่มีให้นะคะ แนะนำให้หาฉากกั้นกระจกหรือผ้าม่านแบบกันน้ำมาติด เวลาอาบน้ำจะได้ไม่กระเด็นไปเปียกส่วนแห้ง

ที่ผนังห้องอาบน้ำมีการติดตั้งหน้าต่างบานกระทุ้งเพื่อช่วยระบายอากาศและให้แสงธรรมชาติเข้า

ที่ผนังฝั่งตรงข้ามกันมีการติดตั้งชุดฝักบัวอาบน้ำพร้อมที่วางสบู่มาให้เรียบร้อย

ราวระเบียงเป็นเหล็กโปร่งสูงประมาณ 1.12 เมตร และด้านบนมีการติดตั้ง CDU แอร์พร้อมระแนงเหล็กทาสีดำเพื่อ CDU แอร์เมื่อมองจากภายนอกมาให้ด้วย

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมัการติดตั้งโคมไฟซาลาเปาพร้อม CDU แอร์หน้าตาแบบนี้ค่ะ

เนื่องจากห้องตัวอย่างอยู่ที่ชั้น 2 ของตึก C ฝั่งด้านในอาคาร เมื่อมองออกมาจากระเบียงจะเห็นสระว่ายน้ำและห้องพักอาศัยฝั่งตรงข้ามแบบนี้

ปลั๊กและสวิตซ์ไฟเป็นของ Siemens หรือเทียบเท่า

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 6 December, 2016

  • 1 Bedroom(BS) อาคาร A ชั้น 3 ห้อง 321 ทิศใต้ เนื้อที่ 22.84 ตร.ม. ราคา 1.29 ล้านบาท หรือ 56,479 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom(BS) อาคาร C ชั้น 4 ห้อง 427 ทิศเหนือ  เนื้อที่ 22.84 ตร.ม. ราคา 1.34 ล้านบาท หรือ 58,669 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom(BS) อาคาร B ชั้น 6 ห้อง 611 ทิศใต้ เนื้อที่ 22.84 ตร.ม. ราคา 1.39 ล้านบาท หรือ 60,858 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom(B) อาคาร A ชั้น 2 ห้อง 222 ทิศใต้ เนื้อที่ 28.25 ตร.ม. ราคา 1.54 ล้านบาท หรือ 54,513 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom(B) อาคาร B ชั้น 3 ห้อง 310 ทิศใต้ เนื้อที่ 28.25 ตร.ม. ราคา 1.56 ล้านบาท หรือ 55,221 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom(B) อาคาร C ชั้น 5 ห้อง 520 ทิศเหนือ เนื้อที่ 28.25 ตร.ม. ราคา 1.61 ล้านบาท หรือ 56,991 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom + Plus (B-Plus) อาคาร A ชั้น 3 ห้อง 313 ทิศใต้ เนื้อที่ 35.90 ตร.ม. ราคา 1.965 ล้านบาท หรือ 54,735 บาท/ตร.ม.

  • Fully Furnished
  • ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Shuttle Bus ไปกลับ BTS สำโรง
  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา 25,000 บาท
  • ค่ากองทุน 380 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 38 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

 


เจาะลึกรวบยอด

The Cabana เป็นคอนโดราคาหยิบจับง่ายที่อยู่ในทำเลค่อนข้างดีสำหรับคนที่มองหาคอนโดสักที่ในย่านสำโรง โดยทำเลของคอนโดอาจจะไม่ได้หวือหวาเหมือนกับในเมือง แต่อยู่ในย่านที่เป็นแหล่งชุมชนดั้งเดิม มีบ้านพักอาศัย ตึกแถว และอพาร์ทเม้นท์ซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจุดเด่นของที่นี่คืออยู่ใกล้แหล่งอารยธรรมสำคัญของย่านนี้อย่างห้างอิมพีเรียลสำโรงที่มี Sky Walk ให้เดินไป BTS สำโรงได้ ในระแวกห้างก็จะมีตลาดใหญ่อย่างตลาดสำโรง ตลาดธรรมโรจน์พินิจ ตลาดเขมร ตลาดกลางค้าส่งสำโรง ให้สามารถไปซื้อของกันได้สะดวกมากๆ นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้โรงพยาบาลสำโรงจึงไม่ต้องห่วงในเวลาเจ็บป่วย ซึ่งตัวโครงการเองจะเริ่มต้นอยู่ที่ราวๆ 56,000 บาท หรือเริ่มอยู่ที่ล้านต้นๆซึ่งเป็นราคาที่จับต้องได้ง่าย ดังนั้นคนที่ทำงานในละแวกนี้ทั้งพนักงานห้าง คนขายของในตลาด บุคลากรในโรงพยาบาล หรือคนที่ต้องเช่าอพาร์ทเม้นท์อยู่เพื่อมาทำงานแถวนี้อยู่แล้วก็สามารถเปลี่ยนจากค่าเช่าแล้วเพิ่มเงินอีกนิดเพื่อเป็นเจ้าของคอนโดได้ค่ะ

การเดินทางโดยรถถือว่าสะดวก หลักๆก็สามารถไปใช้เส้นสุขุมวิทเพื่อเข้า-ออกเมือง โดยสามารถขึ้นสะพานภูมิพลไปยังพระราม 3 ได้สะดวก ส่วนทางด่วนก็ใช้เส้นถนนรางรถไฟสายเก่าไปยังถนนสรรพวุธเพื่อไปขึ้นทางด่วนบางนาได้เลย โดยการจราจรด้านหน้าโครงการค่อนข้างติดขัดเนื่องจากถนนรางรถไฟสายเก่านี้เป็นถนนที่ยาวตั้งแต่พระราม 4 ตัดถนนสรรพวุธไปถึงถนนกาญจนาภิเษกบริเวณช้างเอราวัณ ซึ่งบริเวณนี้จะมีโรงงานขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ค่อนข้างเยอะ ทำให้มีทั้งรถบรรทุก รถขนส่ง รวมทั้งรถที่สัญจรไปมาผ่านหน้าโครงการตลอดทั้งวันและค่อนข้างหนาแน่น รถจึงติดอยู่หน้าโครงการเป็นช่วงๆ โดยรวมแล้วการเดินทางโดยใช้รถค่อนข้างสะดวกแต่เสียดายให้ที่จอดรถมาแค่ 35% ค่อนข้างน้อยไปหน่อย

ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถก็เป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของโครงการนี้ เนื่องจากหน้าโครงการจะมีรถสองแถว รถตู้ และรถประจำทางผ่านตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีท่ารถใหญ่อยู่บริเวณห้างอิมพีเรียลสำโรงให้ไปเลือกขึ้นได้เลยว่าจะไปไหน และสำหรับใครที่ต้องการใช้รถไฟฟ้าที่จะแล้วเสร็จในอีกไม่นาน ก็สามารถใช้บริการ Shuttle Service ของโครงการรับส่งไป BTS หรือใช้บริการพี่วินก็ได้ สำหรับใครที่ขยันหน่อยก็เดินผ่านห้างอิมพีเรียลสำโรงเพื่อขึ้น Sky Walk ที่หน้าห้างไปยัง BTS สำโรงได้เลยค่ะ ระหว่างทางจากโครงการไป BTS ไม่เปลี่ยวสามารถเดินช้อปปิ้งไปได้เรื่อยๆ ต้องระวังเรื่องเดียวคือเดี๋ยวช้อปเพลินเท่านั้น อิอิ

วัสดุที่ให้มาค่อนข้างโอเคสำหรับราคานี้นะ โดยโครงการขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์ Built-in ทุกชิ้นตั้งแต่เตียง ตู้เสื้อผ้าโต๊ะวางทีวี ชุดครัวที่มีอ่างล้างมือให้แต่ไม่มีเตาและที่ดูดควัน พื้นห้องเป็นลามิเนตลายไม้ ส่วนสุขภัณฑ์ให้ของ Cotto ซึ่งสเปควัสดุก็ให้มาตามาตรฐานแต่จุดเด่นคือการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ลงตัวกับพื้นที่ขนาดจำกัดได้ครบและใช้งานได้จริง

การวางผังโครงการจะแบ่งเป็น 3 อาคารล้อมรอบ Facilities หลักอย่างสระว่ายน้ำและสวน โดยแต่ละอาคารก็จะมีพื้นที่ส่วนกลางที่ลูกบ้านของทั้ง  3 อาคารสามารถไปใช้งานด้วยกันได้หมด โดยที่ตึก A จะมีห้องสมุด ตึก C มีห้องฟิตเนส ส่วนตึก C ไม่มีอะไรนอกจากสวนดาดฟ้าซึ่งก็มีอยู่ในทั้ง 3 อาคารค่ะ ส่วนการออกแบบห้องพักอาศัยจะเน้นไปที่ห้องแบบ  1 Bedroom ขนาด 22.84 -28.25 ตร.ม. ส่วนใครที่อยากได้พื้นที่เพิ่มก็มีห้องแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม. มาให้เป็นตัวเลือกเพื่อตอบโจทย์คนในย่านนี้ที่ต้องการหาห้องราคาเบาๆ อยู่อาศัยกันแค่ 1-2 คน เน้นการใช้งานพื้นที่ขนาดเล็กที่มีฟังก์ชั่นครบ มี Built-in หลักๆให้ ซื้อเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวเข้าบ้านอีกนิดก็หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย

Facilities ของโครงการให้มาครบทั้ง ฟิตเนส ห้องสมุด และสวนดาดฟ้า แต่จะกระจายกันอยู่ตามตึกต่างๆ โดยที่ลูกบ้านทั้ง  3 อาคารสามารถใช้งานร่วมกันได้หมด โดยมีสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลางระหว่างอาคารทั้ง 3  ซึ่งมีทั้งข้อดีข้อเสียนะคะ ข้อดีคือช่วยให้โครงการมีมุมมองที่ดี ห้องพักทุกห้องสามารถมองลงมาเห็นวิวสระว่ายน้ำได้ แต่เมื่อทุกห้องมองลงมาเห็นได้ก็จะมีข้อเสียตรงที่จะไม่ได้ความ Privacy เวลาใช้งานสระว่ายน้ำเท่าใดนัก ส่วนลิฟต์โดยสารจะมีให้อาคารละ 2 ตัว อัตราส่วนลิฟต์จะหนาแน่นหน่อยเนื่องจากโครงการมีจำนวนยูนิตเยอะ ในเวลาเร่งด่วนหากมีคนรอลิฟต์เยอะก็ต้องใช้เวลารอนิดนึงนะคะ แต่โดยรวมแล้วก็ให้ Facilities มาครบและออกแบบมาได้ดูดีทีเดียวสำหรับโครงการราคานี้

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา  50,000 – 60,000 บาท/ตร.ม., 6 December, 2016

  • ทำเล 8.25/10 – ทำเลดีสำหรับคนพื้นที่ ติดถนนใหญ่ปลอดภัยไม่เปลี่ยว มีความอุดมสมบูรณ์สูง อยู่หลังห้างอิมพีเรียลสำโรง
  • เดินทางด้วยรถ 7.50/10 – จริงๆเดินทางด้วยรถสะดวกมากๆนะคะ แต่ให้ที่จอดรถมาน้อยไปหน่อย
  • ไม่ใช้รถ 8.50/10 – สะดวกมากสำหรับราคานี้ มีทางเลือกในการเดินทางครบเดินทะลุห้างมาขึ้นรถไฟฟ้าได้ด้วย
  • วัสดุ 7.75/10 – วัสดุได้มาตรฐาน ลงตัวกับพื้นที่
  • แบบ 7.00/10 – รูปแบบโครงการแน่นไปหน่อย แต่ออกแบบห้องมาได้พื้นที่คุ้มค่า และราคาห้องหยิบจับได้ง่าย
  • สาธารณูปโภค 7.50/10 – มีให้ครบทั้งสระว่ายน้ำ ห้อง Library ที่ตึก A และฟิตเนสที่ตึก C  รวมทั้งสวนที่ชั้นดาดฟ้าของทุกตึก

  • ECONOMY CLASS
  • 7.90 / 10.00

 

BOTTOM LINE

The Cabana เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดราคาหยิบจับง่ายในย่านสำโรง อยู่ในทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง สามารถใช้รถไฟฟ้าในอนาคตได้ง่าย  พักอาศัย 1-2 คน ชอบห้องขนาดกระทัดรัดที่มีฟังก์ชั่นใช้งานครบ  มีงบประมาณระดับ 1.29-1.96 ล้าน 

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )