รีวิวฉบับที่ 2092 … Skyrise Avenue สุขุมวิท 64 เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่เปิดตัว Phase แรกด้วยอาคารสูง 4 อาคาร มาพร้อมพื้นที่ส่วนกลางที่หลากหลายบนพื้นที่แนวราบหลายไร่ ภายในโครงการมีห้องพักอาศัยให้เลือกหลายขนาดตั้งแต่ 1 ไปจนถึง 3 ห้องนอน ออกแบบมาได้น่าสนใจส่วนวัสดุที่ให้ก็ดูดีเลยทีเดียว ในราคาเริ่มต้น 2.79 ล้านบาท เข้าไปดูรายละเอียดภายในกันเลยครับ
ข้อมูลโครงการ
30 June 2020
- Skyrise Avenue Sukhumvit 64 (สกายไรซ์ อเวนิว สุขุมวิท 64)
- บริษัท ริสแลนด์ ประเทศไทย จำกัด
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment ได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ซอยสุขุมวิท 64/2 เขตพระโขนง
- คอนโด Hise Rise 46-49 ชั้น 4 อาคาร 1,961 ยูนิต
- Tower D 48 ชั้น 493 ยูนิต
- Tower E 48 ชั้น 493 ยูนิต
- Tower F 46 ชั้น 471 ยูนิต
- Tower G 49 ชั้น 504 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 11 ยูนิต
- ที่จอดรถคิดเป็น 46% ไม่รวมซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 22 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : Q2/2564
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q2/2567
- 1 Bedroom ขนาด 28-35 ตร.ม. จำนวน 1,205 ยูนิต ราคา 2.79-4.2 ล้านบาท
- 2 Bedrooms ขนาด 45-55 ตร.ม. จำนวน 684 ยูนิต ราคา 4.3-7.1 ล้านบาท
- 3 Bedrooms ขนาด 80-100 ตร.ม. จำนวน 60 ยูนิต ราคา 7.1-12.9 ล้านบาท
- Duplex ขนาด 35-55 ตร.ม. จำนวน 12 ยูนิต ราคา 4.3-7 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.65 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 2.79 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ n/a บาท/ตร.ม.
- ราคาต่อตารางเมตร 97,000 – 123,000 บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02-026-6888 กด 7
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.685083, 100.608857
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
ตัวโครงการ Skyrise Avenue Sukhumvit 64 ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 64/2 แยกย่อยมาจากซอยสุขุมวิท 64 ที่สามารถเชื่อมต่อไปทางพิเศษเฉลิมมหานครได้ไม่ไกลโครงการ ส่วนหน้าปากซอยสุขุมวิท 64 ก็เป็นที่ตั้งของสถานี BTS ปุณณวิถี ซึ่งมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 470 ม. การตั้งอยู่ภายในซอยย่อยอาจจะทำให้เข้าถึงและสังเกตได้ยากหน่อย แต่ก็แลกมากับการหลีกเลี่ยงมลพิษจากเสียงและฝุ่นของถนนใหญ่ และมีความเงียบสงบที่มากกว่า แถมยังลัดเลาะเข้าออกได้หลายทางด้วยครับ
โซนนี้เป็นโซนที่เริ่มคึกคักมากขึ้นเรื่อยๆในช่วงหลังนี้ มีทั้งโปรเจคใหญ่ๆ อาคารสำนักงาน และคอนโดตามกันมาหลายตึก ซึ่งอุดมสมบูรณ์รอบๆมีให้เลือกค่อนข้างเยอะ ทั้งฝั่งเข้าเมืองและฝั่งออกเมือง แต่ถ้าลองมองภายในซอยสุขุมวิท 64 ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ที่พบล้วนแต่เป็นโครงการ Low Rise สูงประมาณ 8 ชั้น มีทั้งโครงการคอนโด เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ โครงการส่วนใหญ่จะขายไปเกือบหมดและโอนกันไปแล้ว จึงทำให้บริบทค่อนข้างเงียบสงบ และทำให้โครงการ Skyrise Avenue Aukhumvit 64 เช่าหรือซื้ออยู่เอง ก็มีความน่าสนใจทั้งนั้นครับ
ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการในระยะเดินจึงจะเน้นไปที่พวก 7-11 และ ร้านค้า ร้านอาหารทั่วไปที่เปิดตามบ้าน แต่ถ้าเดินออกมาถนนใหญ่อย่างสุขุมวิท ก็มี Wizdom 101 ที่เป็นมิกซ์ยูสคอมมิวนิตี้ขนาดใหญ่อยู่ฝั่งตรงข้ามซอยสุขุมวิท 64/2 เลย นอกจากนั้นก็มีตลาด ที่มีผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นพนักงานที่ทำงานในละแวกนี้ และชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทย ทำให้มีอาหารที่ค่อนข้างหลากหลายประเภทครับ
ส่วนใครที่ชื่นชอบการเดินชอปปิ้ง ในย่านนี้ก็มีศูนย์การค้าให้ใช้บริการกันเยอะเหมือนกันนะ
- Phyll สุขุมวิท 54 – ตั้งอยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 54 ข้างสำนักงานเขตพระโขนง เป็น Hybrid-Lifestyle Mall มีทั้งพื้นที่ Open-Air และ พื้นที่ภายใน รวมถึงชั้นใต้ดินด้วย มีสินค้าหลากหลายประเภท บนพื้นที่ขายขนาด 5,200 ตารางเมตร
- Century Movie Plaza Onnut – ตั้งอยู่ข้างๆ BTS อ่อนนุช เป็นโครงการ Mixed Use และโรงภาพยนตร์
- Whizdom 101 – Mixed use ขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท ภายในประกอบไปด้วย สวนสาธารณะขนาดใหญ่ คอนโด และ Community Mall บนเนื้อที่กว่า 43 ไร่ นอกจากนั้นยังมี True Digital Park สถานที่สำหรับคนยุคดิจิทัล ได้ครบทั้งที่ทำงาน พักผ่อน เพื่อตอบโจทย์กลุ่มสตาร์ทอัพให้ครบวงจร
- Bangkok Mall – ตั้งอยู่บริเวณถนนบางนา-ตราด ตัดกับสุขุมวิท ศูนย์การค้าและออฟฟิศบนพื้นที่ใหญ่เป็น 3 เท่าของสยามพารากอน ปัจจุบันกำลังก่อสร้างครับ
ในช่วงหลายปีมานี้ทำเลแถบสุขุมวิทตอนปลายมีคอนโดเกิดใหม่ตามรถไฟฟ้าค่อนข้างเยอะ สภาพชุมชนจึงค่อยๆพัฒนา ตามจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น เชื่อว่ามี Community Mall และ ศูนย์การค้าเหล่านี้ จะยิ่งทำให้ทำเลแถวนี้เจริญมากขึ้นไปอีกครับ
เส้นทางการเดินทาง
สำหรับการเดินทางไปโครงการของเราภายในวันนี้ จะเป็นทางมาตรฐานด้วยรถไฟฟ้า BTS นะครับ สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีปุณณวิถี ที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 470 เมตร (วัดจาก Google Map) ซึ่งปัจจุบันจะมีทางลงสถานีอยู่ช่วงหน้าปากซอยสุขุมวิท 64 แต่ในอนาคตจะมีมาเชื่อมต่อลงที่ปากซอยสุขุมวิท 64/2 ของเราเลย
เริ่มต้นการเดินทางด้วยการออกจากสถานีปุณณวิถีทางประตูทางออกหมายเลข 4 จากนั้นเดินมุ่งหน้าไปทางอุดมสุขประมาณ 300 เมตร จะเจอซอยสุขุมวิท 64/2 ให้เราเลี้ยวขวาเข้าไปเลยครับ จากนั้นเดินตรงเข้าไปอีกประมาณ 170 เมตร ก็จะเจอทางเข้าโครงการ ลองไปชมบรรยากาศกัน
เริ่มต้นการเดินทางวันนี้ที่ BTS สถานีปุณณวิถี ครับ ให้มองหน้าประตูทางออกหมายเลข "4" นะ สำหรับสถานีนี้เขาจะมี Skywalk ยาวเชื่อมไปยังสถานีอุดมสุขให้ด้วย และอย่างที่ผมบอกไปว่าในอนาคตจะมีทางลงสถานีให้ที่หน้าปากซอยสุขุมวิท 64/2 เลยครับ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
มาดูพื้นที่รอบโครงการกันบ้างครับ ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกก่อนว่าโครงการวางแนวอาคารให้มีมุมมองที่เหลื่อมกัน ไม่บังวิวกันเองมากนัก และได้มุมมองที่หลากหลาย ทำให้ส่วนใหญ่จะรับวิวทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และทิศตะวันตกเฉียงเหนือเป็นหลัก และแต่ละทิศก็มีความพิเศษของวิวที่แตกต่างกัน
รอบพื้นที่โครงการส่วนใหญ่จะเป็นที่พักอาศัยแนวราบ ทำให้วิวในระยะประชิดจะค่อนข้างโล่งเลยครับ มีเพียงทิศตะวันออกเฉียงใต้ที่มีพื้นที่ดินเปล่าขนาดใหญ่ติดกับพื้นที่โครงการเลย ทำให้วิวทางฝั่งนี้ก็ยังมีความเป็นไปได้ในการที่จะโดนอาคารขึ้นมาบล็อควิวได้อยู่ แต่ด้วยการหันของแนวอาคาร ทำให้ถึงจะขึ้นมาบล็อควิว ก็ไม่ได้บังเต็มๆซะทีเดียวครับ
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ – หันเข้าถนนสุขุมวิท จะได้ City View ที่ค่อนข้างคึกคักและมีแสงไฟ เป็นฝั่งที่เป็นทางเข้าออกของโครงการ ไม่ได้มีอาคารที่หันไปฝั่งนี้โดยตรง และในอนาคตจะมี Phase ที่ 2 ของโครงการขึ้นมาทางฝั่งด้วยนี้ด้วย ทิศนี้จะได้รับลมประจำปีของประเทศเรานะครับ
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ – เป็นฝั่งที่รับวิวหลักของโครงการปัจจุบันจะมองเห็นพื้นที่แนวราบ มีอาคารสูง 3 อาคารทางฝั่งนี้ ซึ่งมีระยะห่างอยู่ ไม่ได้ประชิด แต่มีพื้นที่เปล่าขนาดใหญ่พอๆกับโครงการเราติดกับตัวโครงการเลยครับ
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ – เป็นฝั่งที่ไม่ได้มีแนวอาคารหันมาโดยตรง แต่ก็มองเห็นอยู่ เป็นพื้นที่แนวราบซะส่วนใหญ่ วิวค่อนข้างโล่ง และทิศนี้จะเป็นทิศรับลมประจำปี แต่ได้รับความร้อนช่วงบ่ายสูง
ทิศตะวันตก – เป็นฝั่งที่เป็นวิวหลักของโครงการ จะมีพื้นที่พักอาศัยแนวราบซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทำให้ทางฝั่งนี้จะค่อนข้างโล่ง และจะได้แนวราบภายในโครงการที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางขนาดค่อนข้างใหญ่ตั้งอยู่ในระยะประชิด ทำให้ห้องที่หันทางฝั่งนี้จะได้วิวค่อนข้างกว้างและโล่งเลยทีเดียว
เมื่อหันหน้าเข้าโครงการแล้วมองไปทางขวา จะเป็นทางฝั่งที่เดินไปยังซอยสุขุมวิท 64/1 ครับ ตรงนี้จะเป็นของเขตของโครงการยาวเลย
ฝั่งตรงข้ามโครงการเยื้องๆจะเป็นอาคารสำนักงาน 7-8 ช้ัน
ข้างรั้วโครงการทางฝั่งทิศตะวันตกจะเป็นซอยย่อยเข้าไปภายใน เป็นพื้นที่พักอาศัย
ข้างๆซอยจะมี 7-eleven ให้บริการ จัดว่าง่ายและสะดวกมาก
ตรงต่อมาจะมีแนวบ้านเก่าและพื้นที่พักอาศัยแบบเป็นอาคาร 2-4 ชั้น
เดินมาจนสุดจะเป็นถนนสุขุมวิท 64/1 ซึ่งจะสามารถลัดเลาะออกไปถนนสุขุมวิท หรือจะไปใช้ทางด่วนเฉลิมมหานครได้ด้วย
กลับมาที่ฝั่งหน้าโครงการจะมีแนวต้นไม้ และมองเห็นอาคารของโครงการ The Muse สุขุมวิท และ Le Crique ที่เป็นอาคาร 8 ชั้นครับ
ส่วนด้านทิศตะวันออกของโครงการจะเห็นแนวอาคารสูงของ Centric Scene สุขุมวิท 64 ที่สูง 22 ชั้น และอาคารที่กำลังก่อสร้างอยู่ด้านข้าง
ลองขึ้นไปชมวิวมุมกว้างบนอาคารกันบ้างครับ เป็นวิวที่ถ่ายด้วย Drone จากประมาณชั้น 30 ของอาคาร ซึ่งจะเลือกมาเฉพาะมุมที่แนวอาคารหันไปโดยตรงเท่านั้นครับ
มุมมองทิศตะวันตกเฉียงเหนือจากประมาณชั้น 30 ของอาคาร – วิวทางฝั่งนี้จะเป็นพื้นที่พักอาศัยแนวราบซะส่วนใหญ่ เป็นพื้นที่บ้านและอาคาร Low Rise ไม่เกิน 8 ชั้น ทำให้แนวโน้มในการที่จะมีอาคารใหม่ขึ้นมาบล็อควิวทางฝั่งนี้จึงเป็นไปได้ยากหน่อย จึงจะได้วิวค่อนข้างโล่ง และที่สำคัญคือห้องพักอาศัยที่หันไปทางฝั่งนี้ จะได้แนวราบภายในโครงการที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางขนาดค่อนข้างใหญ่ตั้งอยู่ในระยะประชิด ทำให้ได้วิวค่อนข้างกว้างและโล่งเลยทีเดียว
มุมมองทิศตะวันออกเฉียงเหนือจากประมาณชั้น 30 ของอาคาร – ฝั่งนี้จะหันหน้าเข้าถนนสุขุมวิท เรียกว่าเป็น City View ที่สุดเลยก็ว่าได้ เห็นอาคารสูงที่กำลังก่อสร้าง และคอนโดตามแนวถนนสุขุมวิท แต่มีระยะค่อนข้างไกลทำให้ยังได้วิวโล่งอยู่ แต่มีที่ดินเปล่าขนาดใหญ่ติดกับพื้นที่โครงการเลย ทำให้วิวทางฝั่งนี้ก็ยังมีความเป็นไปได้ในการที่จะโดนอาคารมาบล็อควิวได้อยู่
มุมมองทิศตะวันตกจากประมาณชั้น 30 ของอาคาร – เป็นวิวอีกฝั่งที่มีความพิเศษเฉพาะตัว เพราะมีมุมมองที่เห็นทางด่วน และโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา (เฉพาะชั้นสูง) แถมทางฝั่งนี้จะไม่มีอาคารสูงด้วย ทำให้ได้วิวค่อนข้างโล่ง ชมพระอาทิตย์ตกดินได้สวยงามเลย แต่การที่เป็นทิศตะวันตกจึงจะรับแดดช่วงบ่ายเยอะหน่อย ทำให้ตอนบ่ายและกลางคืนอาจจะร้อนกว่าทิศอื่นๆบ้าง (คอนกรีตคลายความร้อน) แต่ถ้าไม่ค่อยอยู่ห้องช่วงกลางวันก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนักครับ
มุมมองทิศออกเฉียงใต้จากประมาณชั้น 30 ของอาคาร – จะมองเห็นแนวถนนทางพิเศษเฉลิมมหานคร วิวทางฝั่งนี้ก็ค่อนข้างโล่งนะครับ จะเป็นพื้นที่พักอาศัยแนวราบซะเป็นส่วนใหญ่ และมีพื้นที่ดินเปล่าขนาดใหญ่ติดกับโครงการอยู่ทางฝั่งนี้ด้วยเช่นกัน
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- BTS ปุณณวิถี ~ 470 m.
- Wizdom 101 + True Digital Park ~ 480 m.
- Anglo-Singapore International School ~ 600 m.
- BTS บางจาก ~ 1.4 km.
- Bangkok Mall ~ 1.8 km.
- Wells International School ~ 2.2 km.
- Berkley International School ~ 2.4 km.
- Century the movie plaza ~ 2.6 km.
- Century Movie Plaza ~ 2.6 km.
- Tesco Lotus อ่อนนุช ~ 2.6 km.
- Central บางนา ~ 4.3 km.
- Bangkok Pattana School ~ 4.4 km.
- โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ~ 4.8 km.
- โรงพยาบาลสุขุมวิท ~ 4.9 km.
- Gateway เอกมัย ~ 5.2 km.
- Mega บางนา + IKEA ~ 13.3 km.
รายละเอียดโครงการ
โครงการ Skyrise Avenue Sukhumvit 64 เป็นกลุ่มอาคาร Hige Rise ที่จะมีทั้งหมด 7 อาคาร และอาคารสำนักงาน 1 อาคาร บนพื้นที่ 22 ไร่ แต่ตอนนี้เปิดตัว Phase แรกออกมาด้วย 4 อาคาร ด้านในโครงการแยกออกจากกันอย่างชัดเจน และยังส่งผลให้โครงการ Skyrise Avenue Sukhumvit 64 เช่าหรือซื้ออยู่เองก็เหมาะครับ
โดยโครงการนี้จะออกแบบและสร้างทั้งหมดโดยคุณด้วง ดวงฤทธิ์ บุญนาค ซึ่งเขาออกแบบหลายๆส่วนสอดคล้องกับแนวคิดที่มีความ Minimal และดูเรียบง่าย แถมการวางผังต่างๆก็ทำออกมาได้น่าสนใจทีเดียว ทั้งการแยกพื้นที่พักอาศัยและพื้นที่ส่วนกลางออกจากกันอย่างชัดเจน การออกแบบพื้นที่จอดรถให้อยู่ใต้ดินทั้งหมด (ส่วนใหญ่) และการวางแนวอาคารให้หันเหลื่อมกัน และอีกหลายๆส่วนภายในโครงการ
อย่างที่บอกไปครับว่าจะมีอาคารพักอาศัยทั้งหมด 7 อาคาร โดยปัจจุบันจะเปิดตัวออกมาแค่ 4 อาคารก่อน ความสูงที่มีจะไม่เท่ากัน มีตั้งแต่ 46-49 ชั้น โดย Phase แรกของเราจะอยู่ด้านในโครงการ เข้าถึงได้ยากกว่าหน่อย แต่จะได้ความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องมีรถขับผ่านแถวอาคารบ่อยๆ แถมบางอาคารจะได้วิวที่แตกต่าง เช่นอาคาร G อาคารสุดท้าย จะมีฝั่งที่หันออกไปนอกโครงการโดยไม่เห็นแนวอาคารภายในโครงการเลย ซึ่งอาคารอื่นๆจะไม่ได้มีวิวแบบนี้ให้
มาลองดูกันที่ 4 อาคาร ของ Phase นี้กันครับ ทุกอาคารจะมีผังแบบเดียวกัน แต่มีความสูงไม่เท่ากัน โดยจะมีการแยกผู้พักอาศัยออกเป็น 2 กลุ่มในแต่ละอาคาร ได้แก่ ผู้พักอาศัยชาวไทย ที่อาคาร D และ E และผู้อาศัยชาวต่างชาติ ที่อาคาร F และ G โดยแต่ละอาคารจะมีความสูง ดังนี้
- อาคาร D สูง 48 ชั้น
- อาคาร E สูง 48 ชั้น
- อาคาร F สูง 46 ชั้น
- อาคาร G สูง 49 ชั้น
โดยจะมีพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดอยู่บนแนวราบทางฝั่งทิศตะวันตก แยกออกเป็น 3 จุดหลักๆ ซึ่งภายในจะประกอบไปด้วย..
- Co-Working Space
- Podcast Station
- Laundry Room
- Fitness
- Family Area
- Sauna Room
- Basketball
- Co-Kitchen Space
- Swimming Pool ขนาด 50 x 10 เมตร
มาลองดู Master Plan กันครับ จะเป็นผังทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดประมาณ 22 ไร่ มีทางเข้าออกทางเดียวทางซอยสุขุมวิท 64/2 จะมีป้อม รปภ. ดูแล 2 จุด ทั้งที่ฝั่งด้านหน้าสุดของโครงการ ที่จะมีอาคารสำนักงาน 5 ชั้น ของโครงการอยู่ทางฝั่งขวามือ และภายในโครงการที่จะเป็นส่วนพื้นที่พักอาศัย ถนนภายในโครงการจะเดินรถสวนกันได้ทั้งหมดเลยครับ เมื่อเข้ามาจะแยกเป็นทางฝั่งริมรั้วทิศตะวันตก จะเป็นจุดขึ้นลงพื้นที่จอดรถ ซึ่งจะเน้นไปที่การจอดรถใต้ดินทั้งหมด ข้อดีในจุดนี้คือลดมลภาวะทางสายตา ไม่ต้องเจอรถที่สะท้อนแสงขึ้นมาบนอาคาร แถมตัวรถเองก็ไม่ต้องจอดตากแดดตากฝนด้วย ซึ่งจะมีจุดขึ้นจากพื้นที่จอดรถอยู่หลายจุด (สีเหลือง) เชื่อมต่อกับ Cover Way เข้าสู่ตัวอาคารให้ ส่วนฝั่งแนวอาคารต่างๆจะเป็นถนนเพื่อให้วนรถเข้าไป Drop Off ได้ โดยอาคาร D และ E จะหันหน้าเข้าหากัน ส่วนอาคาร F และ G ก็หันหน้าเข้าหากันเช่นกันครับ พื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดจะอยู่ที่ด้านล่าง แยกสัดส่วนกับพื้นที่พักอาศัยอย่างชัดเจน เพื่อความเป็นส่วนตัวไม่รบกวนกัน และยังช่วยเป็นวิวให้กับพื้นที่พักอาศัยด้านบนด้วย ลองไปดูภาพในแบบจำลองกันครับ
ทางเข้าออกโครงการอยู่ที่ถนนซอยสุขุมวิท 64/2 ครับ เหมือนที่ผมพาไป แต่ในอนาคตจะมีป้อม รปภ. คอยดูแลตรงนี้ 1 จุด เข้าออกด้วยระบบ Keycard Access แบบ Easy Pass พร้อมอาคารสำนักงาน 5 ชั้นตั้งอยู่หัวมุมพื้นที่โครงการด้วย ซึ่งภายในจะจอดรถใต้ดิน 2 ชั้น และมีร้านค้าที่เปิดขายพื้นที่ให้ลูกบ้านซื้อไปประกอบกิจการกันได้จำนวน 2 ยูนิต
ภาพมุมสูงจะเห็นพื้นที่จอดรถและพื้นที่ส่วนกลางของพื้นที่โครงการในอนาคต (Phase 2) ซึ่งเขาจะแยกออกจากกันอย่างชัดเจน ดูแลด้วยนิติบุคคลคนละทีมเลย ซึ่งในแง่ของการอยู่อาศัยก็ถือว่าเป็นข้อดีนะครับ ที่จะช่วยให้ไม่รบกวนกัน ได้ความเป็นส่วนตัว แถมแยกการดูแลก็เพื่อให้ง่ายแก่การจัดการให้ทั่วถึงด้วย
ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่ของ Phase 1 เราในปัจจุบัน อย่างที่บอกไปว่าเส้นทางการเดินรถจะเป็นสวนเลนกันได้ทั้งหมด แยกออกเป็น 2 ทางหลักๆ คือทางเลียบแนวรั้วฝั่งทิศตะวันตก (ด้านล่างในรูป) จะเป็นทางไปยังพื้นที่จอดรถใต้ดิน ซึ่งจะแยกให้ 3 จุด ด้านล่างเชื่อมต่อกันได้ทั้งหมด จะมีที่จอดรถคิดเป็น 46% ไม่รวมซ้อนคัน ส่วนเส้นทางด้านบนจะเป็นทางแนวรถที่เข้าไปยังจุด Drop Off ของแต่ละอาคารพักอาศัย ซึ่งจะสามารถวนกลับมาลงไปจอดได้ด้วย และเนื่องจากมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ตรงกลางระหว่างทางเดินรถทั้งสองจุด ทำให้อาจจะมีบางช่วงที่ต้องมีการเดินข้ามถนนด้วย ตรงนี้ก็ต้องดูรถดีๆกันนิดนึงนะครับ
พื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ตรงกลางจะแยกออกเป็น 3 อาคาร ใหญ่ๆ โดยจะมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ปกคลุมอยู่โดยรอบ แต่ละอาคารจะแยกการใช้งานที่แตกต่างกันและมีห้องน้ำแยกชายหญิงภายในตัวให้ทั้งหมด จึงจะช่วยกระจายจำนวนผู้ใช้ออกจากกัน ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น ประกอบไปด้วย
- อาคารรับรอง : จะเน้นเป็นกิจกรรมรองรับคน หรือพักคอยซะเป็นส่วนใหญ่ บริบทเลยจะเงียบสงบไม่วุ่นวายนัก ประกอบไปด้วยพื้นที่รับรอง และ Co-Working Space ภายในจะมีมุม Podcast Station ไว้ให้สำหรับ Live ออกอากาศกันด้วย
- อาคารออกกำลังกาย : จะมีความ Active มากขึ้น จะเรียกว่าเป็น Gym มาตั้งอยู่ภายในโครงการเลยก็ว่าได้
- อาคารสระว่ายน้ำ : จะเป็นพื้นที่รองรับกิจกรรมทั้งเดี่ยวและกลุ่ม เพราะมาพร้อมพื้นที่ Co-Kitchen ที่สามารถมาทำอาหาร นั่งทานกันริมสระว่ายน้ำได้ เป็นพื้นที่รองรับผู้ติดตามได้ดีทีเดียว
นอกจากนั้นทางโครงการยังมีบริการรถรับส่ง BTS ปุณณวิถี ให้ด้วย ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้สรุปรายละเอียด จะแล้วแต่ทางนิติบุคคลและลูกบ้านตกลงกันอีกทีนะครับ
ทางเข้าของ Phase 1 ก็จะมีจุดป้อม รปภ. แยกให้อีก 1 จุด จัดเป็นการดูแลแบบ Double Security ที่ได้ความปลอดภัยดีเหมือนกัน
ภายฝั่งจอดรถใต้ดินก็จะมีถนนค่อนข้างกว้าง รถสวนกันได้สบายๆ ทั้งบนถนนและจุดขึ้นลงชั้นใต้ดิน
โดยจะมีจุดขึ้นลงพื้นที่จอดรถที่ด้านข้างให้ทุกอาคารพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้สามารถเข้าถึงอาคารพักอาศัยได้ง่ายครับ
โดยทางโครงการบอกว่าในอนาคตจะทำเป็น Cover Way กันฝนกันแดดข้ามไปยังพื้นที่พักอาศัยให้ ตรงนี้ต้องลองสอบถามโครงการอีกทีนะครับ และอีกอย่างที่ต้องระวังคือจะมีถนนตัดตรงกลางระหว่างแนวทางเดิน ทำให้เวลาเดินต้องระวังกันหน่อย
ส่วนริมรั้วอีกฝั่งจะเป็นทางที่เข้าไปยังจุด Drop Off ที่จุดมีให้ทุกอาคารแบบที่เห็นในภาพเลยครับ
โดยแต่ละอาคารจะหันหน้าเข้าหากันเป็นคู่ๆ เป็นการออกแบบเพื่อใช้ถนนร่วมกัน ทำให้ประหยัดพื้นที่ถนนในการเดินรถภายในโครงการ และสามารถใช้พื้นที่เพิ่มเป็นพื้นที่สีเขียวได้มากยิ่งขึ้น แถมยังจัดการดูแลได้ง่ายด้วย
มาดูอาคารแรกของเราครับ ที่เป็นส่วนของอาคารประเภทรับรอง ซึ่งกิจกรรมภายในจะเน้นเป็นการรองรับคนหรือพักคอย มีบริบทที่เงียบสงบ รับธรรมชาติรอบๆอาคารได้เป็นอย่างดี
อาคารถัดมาจะ Active มากยิ่งขึ้นด้วยการออกกำลังกายรูปแบบ Fitness หรือจะเรียกว่าเป็น Gym เลยก็ไม่ผิด เพราะขนาดที่ให้มาค่อนข้างกว้าง รองรับได้หลายคน และมีการออกกำลังกายหลายประเภทภายใน
ส่วนอาคารสุดท้ายด้านในสุด การอยู่ด้านในก็ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวขึ้นมาอีกหน่อย เพราะเป็นพื้นที่สระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาด 50 x 10 เมตร ซึ่งเป็นไซส์ Olympic เลยนะครับ แยกสระเด็กให้ภายใน ด้านข้างเป็นพื้นที่ Co-Kitchen ที่เป็นครัว และพื้นที่รับประทานอาหาร มาจัดปาร์ตี้ ทำอาหารทานกันได้สบายๆ
ด้านหลังจะมีพื้นที่สนาม Basketball ให้ด้วย สำหรับออกกำลังกายเป็นกลุ่ม
มาดูผังอาคารพักอาศัยกันบ้าง ซึ่งแต่ละอาคารจะมีรูปแบบผังที่เหมือนกัน ซึ่งอย่างหนึ่งเลยที่ผมชอบคือการที่ทางโครงการออกแบบให้วางห้องพักอาศัยในแต่ละชั้นได้น้อย ซึ่งมากที่สุดแค่ 11 ยูนิต / ชั้น เท่านั้นเอง จะช่วยให้ได้รับความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเยอะเลย โดยส่วนของชั้น 1 นี้จะมีห้องพักอาศัยแค่เพียง 5 ยูนิตเท่านั้น เพราะจะมีส่วนของพื้นที่ Lobby ด้วยครึ่งนึง แยกส่วนออกจากกันอย่างชัดเจน มีโถงลิฟต์อยู่ภายใน ให้ลิฟต์โดยสารมา 3 ตัว และลิฟต์ขนของ 1 ตัว ซึ่งห้องพักอาศัยทั้งหมดของชั้นนี้จะประกอบด้วยห้อง Duplex จำนวน 3 ห้อง และห้อง 1 Bedroom อีก 2 ห้องครับ โดยข้อดีอีกอย่างของชั้น 1 คือจะได้โถงทางเดินแบบ Single Corridor ไม่ต้องมีห้องฝั่งตรงข้ามห้องของเราครับ
ด้วยความที่ห้องพักอาศัยชั้น 1 มีห้อง Duplex และเป็นพื้นที่ Double Volume ของส่วน Lobby ทำให้ชั้น 2 เหลือพื้นที่ใช้สอยไม่เยอะนัก จึงกลายเป็นพื้นที่ส่วนกลางอีกจุดที่เข้าถึงจากบริเวณโถงลิฟต์ครับ เป็นห้องทำงาน Co-Working Space ส่วนด้านในจะแยกส่วนห้องพักอาศัยที่เป็นห้อง Duplex จากด้านล่างไว้ให้
จากนั้นจะขึ้นมาเป็นชั้น Typical Floor Plan ซึ่งเป็นผังหลักๆของชั้นต่างๆแล้วนะ มีตำแหน่งโถงลิฟต์ที่กลางอาคารเหมือนเดิม ทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายจากทุกตำแหน่งห้อง แนวทางเดินจะเป็น Double Corridor มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 11 ยูนิต / ชั้น สังเกตรูปทรงอาคารจะเป็น 4 เหลี่ยมขนมเปียกปูน ทำให้แต่ละห้องพักอาศัยจะมีมุมมองการรับวิวที่แตกต่างกัน เขาจึงออกแบบแบบห้องออกมาหลากหลายหน่อย โดยห้องมุมจะเป็นห้องขนาดใหญ่ 2 Bedrooms ขนาด 45-55 ตร.ม. ส่วนห้องที่อยู่ตรงกลางจะเป็น 1 Bedroom ขนาด 28-35 ตร.ม. ครับ
ส่วนชั้น High Zone ที่จะอยู่ 3 ชั้นด้านบนอาคาร จะเป็นห้องขนาดใหญ่ แบบ 3 Bedrooms ขนาด 80-100 ตร.ม. ทั้งหมด โดยจะมีจำนวน 5 ยูนิต/ชั้น เท่านั้นครับ ใครที่ชื่นชอบห้องขนาดใหญ่รับวิวมุมสูงก็เหมาะกับ 3 ชั้นบนสุดนี้เลย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Co-Working Space
- Co-Kitchen Space
- Podcast Station
- Laundry Room
- Fitness
- Family Area
- Sauna Room
- Basketball
- Swimming Pool ขนาด 50 x 10 เมตร
- ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ n/a: 1
- Service Lift n/a ตัว
- ที่จอดรถประมาณ n/a คันคิดเป็น 46% ไม่รวมซ้อนคัน
- ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ
แบบห้อง
โครงการนี้จะขายในรูปแบบ Fully Fitted ให้เฉพาะ Furniture Built-in มา แต่ไม่ได้ให้พวกเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวนะครับ โดยจะเริ่มต้นที่ Digital Door Lock จาก Samsung เข้ามาจะได้พื้นภายในห้องเป็นลามิเนตหนา 8 มม. ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสีให้ไฟ Downlight ทั้งห้อง ส่วนครัวจะได้พื้นเปลี่ยนเป็นแกรนิตโต้ให้ เคาน์เตอร์ครัวปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์ Back Splash ก็เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ เคาน์เตอร์ต่างๆเป็นลามิเนตผิว High Gloss Hob & Hood แบบหมุนเวียนภายในจาก Teka ส่วนห้องน้ำจะได้อุปกรณ์และสุขภัณฑ์จาก Kohler พร้อมฉากกั้นอาบน้ำ ส่วนอาบน้ำได้ทั้ง Rain Shower และ Hand Shower เลย นอกจากนี้ก็จะมีเครื่องปรับอากาศจาก Daikin 9,000 BTU. ให้มาตามขนาดห้อง
เริ่มดูกันที่ห้องแรกเลยครับ เป็นห้องที่มีขนาดเล็กที่สุดในโครงการแถมยังมีจำนวนมากที่สุดด้วย คือห้อง 1 Bedroom ขนาด 28-35 ตร.ม. จำนวน 1,205 ยูนิต ในราคา 2.79-4.2 ล้านบาท เป็นผังห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวลึก ภายในห้องนี้จะแยกสัดส่วนทุกพื้นที่อย่างชัดเจน เหมาะกับการอยู่อาศัย 1-2 คน
เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับห้องนั่งเล่นก่อนเลย มีพื้นที่วางตู้รองเท้ามาให้ด้วยเรียบร้อย พร้อมพื้นที่ที่สามารถวางโซฟาแนวยาวได้หลายขนาด หรือจะ Built-in เป็นที่นั่งยาวตลอดแนวเลยก็ได้ หรือจะวางโซฟาเล็กหน่อย เพื่อวางโต๊ะรับประทานอาหารด้านข้างก็ได้ครับ เพราะตัวห้องไม่ได้มีพื้นที่รับประทานอาหารที่ชัดเจนมาให้ ทำให้ต้องไปทานที่โซฟานะครับ เข้ามาด้านในจะเจอกับห้องน้ำและห้องครัวที่แยกออกจากกันซ้ายขวา ห้องน้ำอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานได้ง่ายจากทุกพื้นที่ ส่วนห้องครัวก็มีการกั้นสัดส่วนชัดเจน ข้อดีคือได้ครัวปิดติดระเบียง ทำให้สามารถทำอาหารได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นและควันจะไปรบกวนพื้นที่ส่วนอื่นภายในห้อง ส่วนห้องน้ำก็สามารถเข้าถึงได้ง่ายจากทุกพื้นที่ ไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวของห้องนอน ห้องสุดท้ายด้านในสุดคือห้องนอนที่เป็นช่องแสงหลักของห้องนี้ขนาดค่อนข้างกว้าง มีพื้นที่ใช้งานตู้เสื้อผ้าได้เต็มที่เลย แต่ด้วยความที่เป็นห้องแนวลึกจึงทำให้แสงจากส่วนนี้อาจจะเข้าไปถึงส่วนห้องนั่งเล่นได้ไม่เยอะนัก
เริ่มต้นที่ประตูไม้ HDF พร้อม Digital Door Lock จาก Samsung
เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ห้องนั่งเล่น มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าที่ 2.65 เมตร ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสีมาให้ครับ ตรงนี้จะ Built-in แบบห้องตัวอย่างเลยก็น่าสนใจ ลองชมเป็นไอเดียนะครับ
ด้านข้างประตูจะมีพื้นที่สำหรับวางชั้นวางรองเท้าไว้ให้ด้วย ระยะดูทีวีจะอยู่ที่ประมาณ 2.5 เมตร เหมาะกับทีวีที่มีสัดส่วนภาพ 16:9 ขนาดประมาณ 52-55 นิ้ว (ขนาดประมาณในห้องตัวอย่างเลยครับ)
ด้านในจะมีพื้นที่เชื่อมต่อไปยังส่วนอื่นของห้อง ซึ่งจะได้แนวกระจกสูงจากพื้นถึงฝ้าเลยสำหรับเชื่อมต่อเข้าห้องนอน ตรงนี้จะช่วยให้สามารถรับแสงจากภายนอกได้เยอะขึ้น
ฝ้าเพดานจะได้ไฟ Downlight ตรงนี้จะมีแอร์ daikin ขนาด 9,000 BTU. มาให้ด้วย
ก่อนจะเข้าไปภายในห้องนอน เลี้ยวไปดูพื้นที่ส่วนอื่นๆของห้องกันก่อนนะครับ ด้านข้างจะมีทางเดินเข้าไปด้านข้างของห้องครับ ตรงกลางจะเว้นพื้นที่ไว้ให้สำหรับทำตู้ชั้นวางของด้วย ฝั่งซ้ายจะเป็นห้องน้ำ ส่วนฝั่งขวาคือห้องครัว
เลี้ยวซ้ายมาดูห้องน้ำกันก่อน เป็นส่วนที่ส่วนตัวผมชอบมากครับ เพราะเขาตกแต่งด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อนโทนสีเทา-ดำมาให้ ซึ่งเราไม่ค่อยจะได้เห็นกันนักในโครงการระดับราคานี้ (ส่วนมากจะใช้สีขาว) ให้ความรู้สึกหรูหรามากยิ่งขึ้น และสิ่งที่ให้มาในห้องน้ำก็ตามห้องตัวอย่างนี้เลย
เริ่มต้นด้วยแนวกระจกเงาบานใหญ่สุดแนว แต่ไม่ได้ซ่อนไฟมาให้นะครับ
อ่างล้างหน้าแบบตั้งบนเคาน์เตอร์จาก Kohler พร้อมปลั้กไฟด้านข้างแบบมีฝาปิดกันน้ำมาให้ด้วย ส่วนโถสุขภัณฑ์จะได้แบบ 2 ชิ้น จาก Kohler เช่นกัน มาพร้อมที่ใส่กระดาษชำระและสายชำระสเตนเลส ติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสมพร้อมใช้งานครับ
ส่วนอาบน้ำจะได้ฉากกั้นอาบน้ำมาให้ พร้อมอุปกรณ์อาบน้ำทั้ง Hand Shower และ Rain Shower เลย
ส่วนอาบน้ำลดระดับเล็กน้อย ให้พื้นที่มาค่อนข้างกว้างครับ สามารถหมุนตัวอาบน้ำร้องเพลงได้สบายๆ
ฝ้าเพดานจะได้ไฟ Downlight มาให้ 2 ดวงครับ
ออกจากห้องน้ำมาดูห้องครัวกันต่อเลย อย่างที่บอกไปว่าเป็นครัวปิดติดระเบียง ทำให้สามารถทำอาหารได้เต็มที่ กลิ่นและควันไม่ไปรบกวนส่วนอื่นภายในห้อง แถมยังระบายอากาศได้ง่ายด้วยเพราะติดระเบียง อุปกรณ์และวัสดุที่ให้มาก็คิดมาแล้วสำหรับการใช้งานจริง ลองเข้าไปชมกันครับ
เริ่มที่พื้นห้องครัว ทางโครงการจะเปลี่ยนจากลามิเนตที่ไม่ค่อยทนความชื้น และมีพื้นผิวขรุขระที่จะทำความสะอาดได้ยากหน่อย มาเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวเรียบที่จะตอบโจทย์ในเรื่องของการทำความสะอาดและดูแลรักษาได้ง่ายกว่ามาให้
แนวทางเดินตรงนี้ขนาดไม่ได้กว้างนัก เหมาะกับการใช้งานทีละคนนะครับ มีระยะประมาณ 1 เมตร
ชุดครัวที่ให้มาก็ตามนี้เลยแต่เป็นสีเทา เป็นหน้าบานลามิเนต High Gloss ผิวมันจะช่วยให้สามารถเช็ดคราบสกปรกได้ง่าย ไม่สะสมเชื้อโรคและดูสวยงามด้วย
เคาน์เตอร์ครัวปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์ ที่มีคุณสมบัติทนความชื้นและสารเคมีได้ดี พื้นผิวเรียบไม่เก็บสะสมเชื้อโรค ทำความสะอาดได้ง่าย ส่วน Back Splash เขาก็ใช้วัสดุเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้เหมือนกับพื้นห้องครัวเลย
ส่วนอุปกรณ์ต่างๆที่ให้คือเตา แบบ 2 หัว และเครื่องดูดควันแบบหมุนเวียนภายใน จาก TEKA ครับ
ด้านล่างจะมีช่องเก็บของที่หลากหลาย และเก็บเครื่องซักผ้าด้วย ทำให้จะได้พื้นที่ระเบียงเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ด้านบนก็มีช่องเก็บของให้เยอะเลยครับ ทั้งแบบหน้าบ้านเปิดและปิด
ส่วนครัวจะได้ไฟ Downlight 1 ดวง
ที่ด้านในจะมีแนวประตูกระจกที่เชื่อมต่อกับระเบียง ให้มาแบบ Full Height เช่นเดิม เพื่อรับแสงจากภายนอกอย่างเต็มที่
พื้นที่ระเบียงมีขนาดพอที่ออกไปยืนสูดอากาศ ตากผ้าได้ มีแนวกั้น Condensing Unit ให้ด้วย
มาต่อกันที่ห้องนอนครับ จะเห็นว่าขนาดภายในค่อนข้างกว้างเลย วางเตียง 5 ฟุตได้ แถมยังมีตู้เสื้อผ้าที่ใช้งานได้สะดวก จุดเด่นคือได้แนวกระจกขนาดใหญ่นี่แหละครับ เพื่อให้เป็นช่องแสงหลักของห้องนี้
วางเตียง 5 ฟุตแล้วยังเดินรอบเตียงได้สะดวก สามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้ด้วย
แนวกระจกที่ให้มาก็จะได้เป็นบานเปิดสวิงออกด้านนอกมาด้วย จะช่วยให้สามารถรับลมจากด้านข้างได้มากกว่าบานกระทุ้ง
ส่วนด้านในห้องจะมีตู้เสื้อผ้ามาให้ Built-in วัสดุแบบนี้เลยครับ แต่จะได้เป็นสีเทา
ภายในมีช่องเก็บของที่หลากหลายครับ เหมาะกับการใช้งานได้ 1-2 คน
ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ได้ไฟ Downlight 2 ดวง พร้อมแอร์ Daikin ขนาด 9,000 BTU. อีก 1 ตัว
มาต่อกันที่ห้องแบบที่ 2 กันบ้าง เป็นห้อง 1 Bedroom เช่นเดิม แต่จะมีขนาดใหญ่ที่สุดที่ 35 ตร.ม. ภายในห้องจะมีพื้นที่ใช้สอยที่สามารถจัดได้หลากหลาย เพราะจะได้เป็นครัวเปิดติดผนังที่ทำให้พื้นที่ห้องดูกว้างมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าชอบทำอาหารก็อาจจะมีกลิ่นและควันไปรบกวนส่วนอื่นภายในห้องได้ง่ายหน่อย ส่วนห้องน้ำจะสามารถเข้าออกได้ 2 ทาง ทำให้สะดวกแก่การใช้งาน ห้องนั่งเล่นและห้องนอนจะติดผนังทำให้รับแสงได้เยอะครับ ลองไปชมกัน
เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับส่วนพื้นที่กลางห้องที่รวมพื้นที่ครัว พื้นที่รับประทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่นไว้ ด้วยขนาดที่ค่อนข้างกว้าง ทำให้สามารถจัดได้หลายแบบ ด้านข้างจะเป็นห้องน้ำที่เข้าออกได้ 2 ทาง ส่วนห้องนอนจะอยู่ด้านในติดกับแนวหน้าต่างรับแสงได้เต็มที่เช่นเดิม
เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้องจะได้ความโล่งตั้งแต่แรกเลยครับ โดยห้องจะสูงเท่าเดิม 2.65 เมตร พื้นช่วงทางเข้าจะกระเบื้องแกรนิตโต้ ข้อดีคือทำความสะอาดได้ง่าย เหมาะกับเป็นพื้นหน้าประตูและครัว เพราะเวลาเราใส่รองเท้าเข้ามาก็อาจจะมีสิ่งสกปรกติดมาด้วย รวมไปถึงการทำความสะอาดคราบอาหารหรือสิ่งสกปรกต่างๆจากการประกอบอาหารของครัว
ด้านหน้าทางเข้า ทางโครงการจะให้ตู้รองเท้าและชั้นวางของ Built-in มาให้แบบในรูปเลยครับ ตรงนี้ต้องขอชมเพราะคำนึงถึงการใช้งานจริง ที่เวลาเข้าออกควรจะต้องมีพื้นที่เก็บรองเท้า เพราะไม่งั้นจะไปเลื่อนภายในตัวห้องได้ง่าย รวมไปถึงพื้นที่วางของเล็กๆเพื่อความสะดวกในการใช้งาน เช่นกุญแจรถ คีย์การ์ด อุปกรณ์พกพาในการเข้าออกง่ายๆ เป็นต้น
ด้านข้างจะมีห้องน้ำของห้องครับ การตั้งอยู่ในตำแหน่งนี้ก็ถือว่าเหมาะสมและใช้งานง่ายดี อย่างแรกเลยคือจะเข้าหรือออกห้องก็ใช้ห้องน้ำก่อนได้ง่าย รวมไปถึงเวลาทำครัว รับประทานอาหารก็ใช้ได้ง่ายเช่นกัน นอกจากนั้นแล้วห้องน้ำยังสามารถเข้าถึงได้จากห้องนอนอีกทางด้วยเช่นกัน
ภายในห้องน้ำตกแต่งในรูปแบบเดิมและใช้วัสดุและอุปกรณ์เหมือนห้องที่แล้วเลยครับ แต่จัดวางอุปกรณ์ต่างๆเปลี่ยนตำแหน่งไป เนื่องจากมีประตูเข้าห้องน้ำได้ 2 ทาง แต่ก็ยังเลือกวางไล่ส่วนแห้งส่วนเปียกได้ดี ใช้งานง่าย
ภายในค่อนข้างกว้าง ห้องน้ำจะลดระดับลงจากพื้นที่ในห้องเล็กน้อย เข้าออกได้ง่ายทั้งสองทาง ประตูไม่ติดและไม่ชนกัน
อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์จาก Kohler เช่นเดิมครับ มีลักษณะเหมือนห้องที่แล้วเลย
ส่วนอาบน้ำก็เช่นกัน แต่จะได้ฉากกั้นอาบน้ำที่ใหญ่กว่า ทำให้ห้องดูโปร่งและโล่งมากยิ่งขึ้น
ภายในส่วนอาบน้ำเองก็จะมีพื้นที่อาบน้ำที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหน่อย ทำให้สามารถอาบน้ำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น หรือใครจะวางหรือแขวนที่วางอุปกรณ์อาบน้ำก็ทำได้ง่ายครับ
ถัดออกจากห้องน้ำมาดูส่วนพื้นที่หน้าห้องอีกฝั่งกันบ้าง เป็นส่วนของครัวและพื้นที่รับประทานอาหาร ซึ่งการตั้งอยู่ตรงนี้อาจจะทำให้กลิ่นและควันกระจายไปพื้นที่อื่นในห้องได้ง่ายหน่อย และจะระบายกลิ่นออกจากห้องยาก แต่ก็ช่วยทำให้ห้องดูกว้างมากยิ่งขึ้น แถมยังได้ความเป็นส่วนตัวของห้องนั่งเล่นเพิ่มมากขึ้นด้วย (ไม่ใกล้ประตู เวลาคนเข้าออกก็จะไม่รู้สึกตกใจหรือใกล้จนเกินไป) ดังนั้นการที่เป็นครัวเปิดห้องนี้จะเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยทำอาหารจริงๆจังๆทานเองนัก อาจจะอุ่นอะไรง่ายๆ ก็จะช่วยตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้ดีเลย
พื้นที่ครัวจะได้ชุดครัวหลักๆเหมือนห้องก่อนหน้านี้เลยครับ ทั้งวัสดุ ขนาด และอุปกรณ์ต่างๆ
เคาน์เตอร์ครัวปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์ Back Splash ก็เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ เคาน์เตอร์ต่างๆเป็นลามิเนตผิว High Gloss เตาไฟฟ้า 2 หัว และ เครื่องดูดควันแบบหมุนเวียนภายในจาก Teka
ด้านข้างจะมีพื้นที่รับประทานอาหารให้ ซึ่งจริงๆตรงนี้เราสามารถวางโต๊ะที่รองรับ 4 ที่นั่งได้เลยนะครับ หรือถ้าใช้โต๊ะเล็กหน่อย ก็จะได้พื้นที่กว้างไว้ทำอย่างอื่น ช่วยให้ห้องโล่งมากขึ้น ลองพิจารณาตามการใช้งานดูครับ
ไปดูกันต่อที่ส่วนด้านในเลย จะเห็นว่ามีช่องแสงที่ส่องเข้ามาถึงส่วนด้านหน้าห้องนี้ด้วย
ด้านในเป็นห้องนั่งเล่นที่มีขนาดพอๆกันกับห้องที่แล้ว จัดออกมาได้เหมาะกับการใช้งาน 1-2 คน สามารถเลือกวางโซฟาขนาดใหญ่ได้ แต่โต๊ะกลางแนะนำให้วางเป็นโต๊ะเล็กๆ เพราะต้องใช้ทางเดินเข้าออกระเบียง อีกทั้งเรามีพื้นที่กินข้าวที่ชัดเจน ไม่จำเป็นต้องใหญ่นัก ตรงนี้จะได้เครื่องปรับอากาศจาก Daikin ขนาด 9,000 BTU. มาให้ด้วย
ลองออกไปดูพื้นที่ระเบียงกันครับ
พื้นที่ระเบียงจะกว้างกว่าห้องที่แล้ว สามารถตากผ้าได้เต็มที่ หรือออกมายืนสูดอากาศพร้อมกัน 2 คนได้สบายๆ มีแนวระแนงปิดช่องวาง Condensing Unit ไว้ให้ด้วย ดูเรียบร้อย และดีต่อรูปด้านอาคาร
มาต่อกันที่ห้องด้านในสุดกันบ้าง เป็นห้องนอนที่ได้ความเป็นส่วนตัว อย่างแรกเลยคือจากประตูบานทึบ (ห้องที่แล้วเป็นกระจก) อย่างที่สองคือสามารถเข้าห้องน้ำได้จากในตัว ทำให้ไม่ต้องเดินออกมาภายนอก เวลามีแขกมาก็ไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวของห้องนอน
ภายในขนาดกว้างเช่นเดิม อยู่ 2 คนสบายๆเลย ด้วยการวางเตียง 5 ฟุต แถมยังมีโต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้ามาให้ด้วย ใช้งานได้ง่ายและไม่อึดอัด
พื้นที่รอบเตียงสามารถเดินได้สะดวก วางโต๊ะหัวเตียงได้ทั้งสองฝั่ง หรือใครชอบนอนกว้างๆก็วางเป็นเตียง 6 ฟุตเลยก็ได้ครับ
ด้านข้างให้แนวกระจกบาน Fixed พร้อมบานสวิงด้านข้างมาให้เช่นเดิม
ด้านในจะให้โต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้ามาให้ด้วย มีพื้นที่ใช้งานได้สบาย พร้อมประตูทางเข้าห้องน้ำครับ
Screen-Shot-2563-07-06-at-17.00.05
ผมเอาภาพห้อง Type C แบบ 2 Bedrooms 1 Bathroom ขนาด 45 ตร.ม. มาฝากให้ชมกันเป็น Gallery ด้วย สำหรับใครที่สนใจก็ลองชมกันได้ครับ จะเป็นห้องที่มีตำแหน่งอยู่มุมอาคาร ทำให้มีจุดเด่นที่แนวกระจก การเปิดรับวิวและช่องแสงที่เยอะ
Screen-Shot-2563-07-06-at-17.00.14
ส่วนห้องตัวอย่างอีกห้องจะเป็น Type D แบบ 2 Bedrooms 2 Bathrooms ขนาด 55 ตร.ม. ซึ่งจะมีตำแหน่งอยู่ที่มุมอาคารเช่นเดิม แต่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีห้องน้ำเพิ่มมาให้อีกห้อง ได้อ่างอาบน้ำรับวิวภายนอก ลองชมกันดูครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคา
30 June 2020
- 1 Bedroom Type A ขนาด 28 ตร.ม. ระดับราคา 2.8-3.4 ล้านบาท หรือประมาณ 92,000 – 120,500 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom Type B ขนาด 35 ตร.ม. ระดับราคา 2.8-3.4 ล้านบาท หรือประมาณ 82,000 – 118,500 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedrooms 1 Bathroom Type C ขนาด 45 ตร.ม. ระดับราคา 3.7-5.2 ล้านบาท หรือประมาณ 83,000 – 114,500 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedrooms 2 Bathrooms Type D ขนาด 55 ตร.ม. ระดับราคา 5.0-6.5 ล้านบาท หรือประมาณ 90,000 – 117,500 บาท/ตร.ม.
- 3 Bedrooms 2 Bathrooms Type E, F ขนาด 73 ตร.ม. ระดับราคา 8.4-8.7 ล้านบาท หรือประมาณ 115,000 – 118,500 บาท/ตร.ม.
- 3 Bedroom 3 Bathroom Type G, H ขนาด 87-90 ตร.ม. ระดับราคา 9.6-11 ล้านบาท หรือประมาณ 109,000 – 118,500 บาท/ตร.ม.
- 3 Bedroom 3 Bathroom Type I ขนาด 101 ตร.ม. ระดับราคา 11-12 ล้านบาท หรือประมาณ 115,000 – 118,500 บาท/ตร.ม.
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.65 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
- Hob & Hood / ของยี่ห้อ TEKA
- มีรถ Shuttle Bus ไปกลับ BTS ปุณณวิถี (รายละเอียดยังไม่สรุป)
- จอง 5,000 บาท
- ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 60 บาท/ตร.ม./เดือน
วันที่ 1 สิงหาคมนี้เขามีงาน Pre-Sale นะครับ ภายในงานมีโปรโมชั่นที่น่าสนใจมากมาย ทั้งห้องราคาพิเศษ และ Gift Voucher สูงสุด 100,000 บาท พร้อมห้องราคาพิเศษ 2.49 ล้านบาท ในงานเท่านั้น ลงทะเบียนรับสิทธิ์พิเศษได้ที่ คลิก
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
ทำเล : อยู่ในซอยสุขุมวิท 64/2 แยกย่อยมาจากซอยสุขุมวิท 64 มีระยะห่างจากสถานีรถไฟฟ้าปุณณวิถีประมาณ 470 ม. ซึ่งที่ตั้งโครงการจะเป็นซอยย่อยสามารถลัดเลาะได้หลายช่องทาง สภาพแวดล้อมจะเป็นย่านชุมชนอยู่อาศัย จึงเป็นทำเลที่ค่อนข้างสงบเงียบ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความเป็นส่วนตัวไม่วุ่นวาย และโครงการ Skyrise Avenue Sukhumvit 64 เช่าหรือซื้อก็น่าสนใจไม่น้อย ส่วนความอุดมสมบูรณ์ในระยะใกล้ไม่ค่อยมากนัก ในช่วงกลางวันจะมีร้านอาหารตามซอยต่างๆอยู่บ้าง ระยะเดินมี 7-eleven และร้านอาหาร 2-3 ร้าน ส่วนบริเวณใกล้เคียงก็มีปั๊ม ปตท. ที่มีร้านอาหารให้เลือกหลายร้านอยู่ท้ายซอยสุขุมวิท 64 ที่เปิดจนถึงประมาณ 3-4 ทุ่ม มี Wizdom 101 ฝั่งตรงข้ามซอยสุขุมวิท 64/2 แต่ถ้าในระยะ 3-5 กม. โดยรอบจะมีห้างให้เลือกหลากหลายทั้งทางฝั่งในเมืองบนถนนสุขุมวิท และที่ถนนบางนา-ตราด จำพวกศูนย์การค้าเล็ก-ใหญ่ โรงพยาบาล มีโรงเรียนอยู่รอบๆในบริเวณ
การเดินทางโดยใช้รถ : จัดว่าสะดวกและมีตัวเลือกในการใช้เส้นทางสำหรับคนที่ใช้รถยนต์ เพราะมีจุดขึ้น-ลงทางด่วนอยู่ไม่ไกล พร้อมปั้มน้ำมันให้ใช้บริการ และสามารถใช้ซอยเส้นทางลัดไปขึ้นทางด่วนโดยไม่ต้องผ่านถนนหลักเลยเลี่ยงรถติดได้ ทำให้สะดวกสำหรับผู้เดินทางด้วยทางด่วนเป็นประจำ แต่ทำเลตรงนี้ก็เป็นซอยสุขุมวิทที่ไกลจากเมืองพอสมควร การเข้าเมืองจึงมีช่วงเวลารถติดประจำต้องดูและคำนวณเวลาเดินทางดีๆด้วย ช่วงถนนสุขุมวิทหน้าโครงการก็มีจุดกลับรถใกล้ๆทั้งซ้ายและขวา ส่วนที่จอดรถคิดเป็น 46% ไม่รวมซ้อนคัน ถือว่าอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะยังมีรถไฟฟ้าเป็นตัวเลือกในการเดินทางที่สามารถเดินไปใช้ได้อยู่
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : สามารถเดินทางได้ด้วย BTS ปุณณวิถี ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 470 ม. แต่เนื่องจากโครงการอยู่ในซอยย่อยจะไม่มีรถสาธารณะผ่านเข้ามามากนัก ถ้าขยันเดินหน่อยก็สามารถเดินออกมาที่ถนนสุขุมวิทก็มีทางเท้าให้ตลอด หรือจะใช้ตัวช่วยอย่างพี่วินมอเตอร์ไซค์ก็ได้มีผ่านไปมาให้เห็นเรื่อยๆ แถมตัวโครงการเองก็จะมี Shuttle Service ให้บริการในอนาคตด้วย นอกจากนั้นยังจะทำ Skywalk ที่เชื่อมต่อกับ BTS มาลงที่หน้าปากซอยสุขุมวิท 64/2 ด้วย ไม่ต้องเดินริมถนนสุขุมวิท
วัสดุ : ถือว่าให้มาค่อนข้างตามมาตรฐานราคานะครับ โดยโครงการนี้จะขายในรูปแบบ Fully Fitted ให้มาเฉพาะ Furniture Built-in แต่ไม่ได้ให้พวกลอยตัวนะครับ โดยจะเริ่มต้นที่ Digital Door Lock จาก Samsung เข้ามาจะได้พื้นภายในห้องเป็นลามิเนตหนา 8 มม. ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสีให้ไฟ Downlight ทั้งห้อง ส่วนครัวจะได้พื้นเปลี่ยนเป็นแกรนิตโต้ให้ เคาน์เตอร์ครัวปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์ Back Splash ก็เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ เคาน์เตอร์ต่างๆเป็นลามิเนตผิว High Gloss Hob & Hood แบบหมุนเวียนภายในจาก Teka ส่วนห้องน้ำจะได้อุปกรณ์และสุขภัณฑ์จาก Kohler พร้อมฉากกั้นอาบน้ำ ส่วนอาบน้ำได้ทั้ง Rain Shower และ Hand Shower เลย นอกจากนี้ก็จะมีเครื่องปรับอากาศจาก Daikin 9,000 BTU. ให้มาตามขนาดห้อง
การออกแบบ : สำหรับตัวโครงการจะผมว่าเขาคิดมาเยอะเหมือนกันนะครับ ทั้งการคุมแนวคิด Modern Minimal ที่มีให้เห็นตัวแต่ฟอร์มอาคาร พื้นที่ส่วนกลาง ไปจนถึงการตกแต่งวัสดุภายในห้อง ทั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่ให้มาไปจนถึงภายในห้องน้ำ อีกส่วนที่ต้องชมคือวางผังโครงการ ที่มีการแยกพื้นที่พักอาศัย พื้นที่ส่วนกลาง และพื้นที่จอดรถออกจากกันอย่างชัดเจน การออกแบบพื้นที่จอดรถส่วนใหญ่ให้อยู่ใต้ดินทั้งหมด เพื่อมุมมองและบรรยากาศภายในโครงการ รวมไปถึงการวางแนวอาคารให้หันเหลื่อมกันที่สัมพันธ์กับผังของอาคารทำให้เกิดเป็นผังห้องในแบบต่างๆที่หลากหลาย เพิ่มตัวเลือกในการอยู่อาศัยที่เข้ากับ Lifestyle มากที่สุด
ส่วนผังห้องทางโครงการก็มีรูปแบบห้องมาให้เลือกตั้งแต่ 1 ไปจนถึง 3 ห้องนอน หรือใครที่ชอบห้องแบบ Duplex ก็มีมาให้เป็นตัวเลือกด้วยเช่นกัน ส่วนพื้นที่ภายในห้องก็ถูกออกแบบให้มีจุดเด่นมาในหลายสไตล์การอยู่อาศัย ทั้งรูปแบบครัวเปิดและครัวปิด ห้องนั่งเล่นแบบเข้ามุม หรือจะเป็นแนวกระจกโค้งขนาดใหญ่ภายในห้องนอน อ่างอาบน้ำรับวิวพื้นที่ภายนอก อีกอย่างที่ผมชอบคือส่วนเฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่ให้มา ต่างก็คำนึงถึงการใช้งานจริง เช่น ชั้นวางรองเท้าและตู้วางของที่หน้าห้อง ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่สามารถใส่กระเป๋าเดินทางได้ (จะมีในรูปแบบห้องขนาดใหญ่) ซึ่งการไม่มีพื้นที่เก็บกระเป๋าเดินทางมักจะเป็นปัญหาของคนที่อาศัยในคอนโดหลายๆท่าน
สาธารณูปโภค : จะเน้นไปที่พื้นที่แนวราบทั้งหมด ซึ่งถึงจะไม่ได้รับวิวมุมสูง ก็ไม่รู้สึกขาดทุนอะไร เพราะพื้นที่สีเขียวของ Phase แรกนี้คิดเป็น 40% ของพื้นที่โครงการทั้งหมด ซึ่งสร้างบรรยากาศร่มรื่นและกว้างใหญ่แบบไม่ได้ให้มาเล่นๆ ทำให้ในแต่ละส่วนจะมีขนาดที่ใหญ่และใช้งานได้จริง โดยจะแบ่งประเภทการใช้งานออกมาเป็น 3 ส่วนหลักๆ ทำให้กระจายการใช้งานออกไปตามรูปแบบประเภท ลดความหนาแน่นของแต่ละพื้นที่ได้ดี ให้ฟังก์ชันที่หลากหลาย ทั้งพื้นที่รับรองที่มีฟังก์ชัน Podcast Station ภายใน และอื่นๆ ส่วนของ Gym ก็มีขนาดใหญ่และรวบรวมการออกกำลังกายไว้หลากหลายรูปแบบให้เลือก ส่วนสระว่ายน้ำก็จัดมาให้ขนาด Olympic Size พร้อมพื้นที่ Co-Kitchen ขนาดใหญ่ สำหรับพักผ่อนและใช้งานเป็นกลุ่มได้ นอกจากนั้นในแต่ละอาคารเองก็มีพื้นที่ห้องสมุดในรูปแบบ Co-Working Space ให้ใช้งานด้วย แต่ก็อดเสียดายไม่ได้นะครับ ที่เป็นโครงการ High Rise ที่มีความสูงถึงเกือบ 50 ชั้น แต่ไม่มีพื้นที่ส่วนกลางที่ได้รับวิวจากมุมสูงเลย
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 123,000 บาท/ตร.ม., 30 June 2020
- ทำเล 7.5/10 -อยู่ในซอยสุขุมวิท64/2 มีรถไฟฟ้าให้ใช้และไม่ไกลทางด่วน
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ลัดเลาะได้หลายทาง ใกล้ทางด่วน แต่รถติด พื้นที่จอดรถมีมาให้ถือว่าเหมาะสม
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ไปใช้รถไฟฟ้าได้ห่างไป 470 ม. โครงการมี Shuttle Service ให้
- วัสดุ 7.75/10 – Fully Fitted เหมาะสมกับราคา เฟอร์นิเจอร์ Built-in ให้มาเหมาะสมกับพื้นที่ห้อง
- แบบ 8/10 – ออกแบบได้ตามแนวคิด วางผังได้ดี แบบห้องให้เลือกเยอะ
- สาธารณูปโภค 7.75/10 – ได้พื้นที่ส่วนกลางแนวราบเยอะ ให้มาหลายประเภท แต่เป็นโครงการ High Rise ที่ส่วนกลางไม่ได้วิวมุมสูง
- MAIN CLASS
- 7.61 / 10.00
BOTTOM LINE
Skyrise Avenue สุขุมวิท 64 เหมาะกับคนที่อยากอยู่คนโด High Rise ย่านสุขุมวิทตอนปลาย เป็นคนใช้รถยนต์และมีรถไฟฟ้า BTS เป็นทางเลือก ไม่ติดกับการที่ต้องมีเพื่อนบ้านเยอะ ชอบใช้พื้นที่ส่วนกลางขนาดพื้นที่ใหญ่ เน้นความร่มรื่นของพื้นที่สีเขียว ชอบส่วนกลางหลากหลายให้เลือก งบประมาณระดับ 3 – 12 ล้านบาท รวมเผื่อตกแต่งห้องเพิ่มเติม หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 21,000 – 84,000 บาท
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving