รีวิวฉบับที่ 1311 …วัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมรีวิวคอนโด Siamese Exclusive 42 จาก ไซมิส แอสเสท คอนโด High Rise สไตล์ญี่ปุ่น สูง 31 ชั้น อยู่ใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินได้สบายประมาณ 300 ม. ห้องพักดูโปร่งด้วยความสูงฝ้าเพดาน 2.9 ม. ให้วัสดุมาดีเมื่อเทียบกับคอนโดระดับเดียวกันในทำเลนี้ โครงการจะเปิด Pre-sale วันที่ 25 มีนาคมที่จะถึงนี้แล้ว เรามาชมรายละเอียดโครงการกันก่อนเลยค่ะ 😀

Fact @ 21 March  2017

  • Siamese Exclusive 42 (ไซมิส เอ๊กซ์คลูซีพ 42)
  • บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : คลองเตย
  • คอนโด High Rise 31 ชั้น 1 อาคาร 449 ยูนิต และร้านค้า 5 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 17 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 217 คันคิดเป็น 48% (ที่จอดรถอัตโนมัติ 175 ช่องและที่จอดรถส่วนกลาง 42 ช่อง)
  • ที่ดินประมาณ 2-1-77 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : เดือนกรกฎาคม ปี 2560
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : เดือนธันวาคม ปี 2563
  • 1 Bedroom 33.67-42.99 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.8 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 47.06-66.53 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 7.3 ล้านบาท
  • 3 Bedrooms 87.98-98.62 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 19.1 ล้านบาท
  • Penthouse 141.75-157.20 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.9 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 5.8 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 185,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด n/a-n/a บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS เอกมัย ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS เอกมัย
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่ 
  • โทร  : 089 202 1411

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.717004, 100.584723

แผนที่จากทางโครงการ Siamese Exclusive 42 อยู่ในซอยสุขุมวิท 42 ห่างจากรถไฟฟ้าเอกมัยในระยะ 300 ม.

ที่ตั้งของโครงการ Siamese Exclusive 42 ตั้งอยู่ต้นซอยสุขุมวิท 42 ใกล้กับ Gateway เอกมัย ซึ่งซอยสุขุมวิท 42 นั้นเป็นซอยที่เชื่อมถนนสุขุมวิท เเละถนนพระราม 4 เข้าด้วยกัน แต่ถนนเส้นนี้เป็นวันเวย์และมีรถใช้งานค่อนข้างเยอะ ใครที่จะอยู่ในซอยนี้ต้องจำซอยลัดกันหน่อยก็สามารถใช้รถยนต์ได้ไม่ยาก จากโครงการสามารถเลือกใช้เส้นทางได้หลากหลาย ทั้งถนนพระราม 4 ออกไปสีลม, สามย่าน หรือใช้ถนน สุขุมวิทไปออกเพลินจิต, ชิดลม, สยาม หรือใช้ถนนเพชรบุรี ไปออกทางพญาไท เป็นต้น จึงทำให้ถนนใหญ่ และถนนซอยช่วงนี้เป็นจุดที่มีการจราจรหนาแน่นทั้งฝั่งเลขคู่และเลขคี่ เมื่อมองดูถนนที่ล้อมรอบซอยเอกมัยจะเห็นว่าเป็นถนนที่รถติดทั้งนั้น ดังนั้นการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวในย่านนี้ จะต้องเผื่อเวลากันหน่อยนะคะ

ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถค่อนข้างสะดวกพอสมควร เมื่อลงจาก BTS สถานีเอกมัยเดินประมาณ 300 เมตรก็ถึงโครงการ เป็นระยะที่เดินได้สบายๆ หรือจะเดินลัด Gate Way เอกมัยลงมาแล้วเลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 42 ไปเลยก็ได้ และจากสถานีเอกมัยถ้านั่งรถไปอีก 2 สถานี ก็จะถึงสถานีพร้อมพงษ์ ถัดจากสถานี พร้อมพงษ์ก็จะเป็นสถานี อโศก ซึ่งเป็นจุดเชื่อมกับ MRT อีกด้วย ซึ่งความสะดวกที่อยู่ใกล้เส้นทางรถไฟฟ้า BTS จะอยู่ตรงที่การเดินทางเข้าเมืองอย่างสีสม-สาทร เพลินจิต-สยาม สามารถนั่ง BTS ไปได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสถานีให้เสียเวลา

การจราจรจากถนนสุขุมวิทและถนนพระราม 4 ต้องเดินทางดังภาพนะครับ ใช้ซอยสุขใจหรือซอยสมานฉันท์ ในการทะลุไปมาระหว่างซอย 42 และซอย 40 ก็จะช่วยให้สามารถเลี่ยงแยกเอกมัย-สุขุมวิท ได้

จากที่ตั้งโครงการอยู่ซอยสุขุมวิท 42 เป็นซอยในย่านเอกมัยที่มีความสงบหน่อย แต่สามารถเข้าถึงแหล่งความคึกคักในซอยสุขุมวิท 63 ได้ไม่ยากแค่ข้ามฝั่งถนนสุขุมวิท สภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการในระยะเดินเท้า 500 เมตร จัดอยู่ในระดับอุดมสมบูรณ์มาก มีครบ ตั้งแต่ห้าง Gateway เอกมัย ภายในมีร้านอาหารหลายร้าน, มีโรงหนังที่ Major ฝั่งตรงข้าม, ร้านอาหารดีๆ, มินิมาร์ท, ร้านค้า, ร้านขายยา, ร้านอาหารข้างทาง และ 7-11

ส่วนแหล่งความอุดมสมบูรณ์ในซอยสุขุมวิท 63 มีความเจริญมานานแล้วและหาของกินง่ายมาก มีร้านอาหารอร่อยและชื่อดังอยู่หลายร้านที่เปิดกลางวันและกลางคืน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวยามราตรีย่านนี้ขึ้นชื่อหลายร้านค่ะ ทั้งร้าน นั่งเล่น, Demo Pub และร้านอาหารอื่นๆที่รวมกันอยู่ใน Arena 10 นอกจากนั้นก็มี Community Mall หลายที่ อย่าง เวิ้งโบราณ, The Third Place, Taste Thonglor คนชอบเที่ยวยามราตรีอยู่โครงการนี้สะดวกแน่นอนค่ะ

ถ้าเบื่อย่านนี้ สามารถเดินขึ้นรถไฟฟ้าไปหาความศิวิไลย์ที่ดีขึ้นได้อีกตามแนวสถานีรถไฟฟ้า สุขุมวิท นั่งไปแค่สถานีเดียวก็ทองหล่อแล้ว, ถัดไปสถานีพร้อมพงษ์ที่มี Emporium และ EmQuatier เป็นตัวชูโรง หรือนั่งยาวไปอโศก-ชิดลม-สยาม คงไม่ต้องพูดถึงมีศูนย์การค้าให้เลือกอีกเพียบ

ถึงแม้ถนนซอยต่างๆในย่านนี้ที่รถค่อนข้างติด แต่ก็ยังมีตัวช่วยในการเดินทางอย่างเส้นทางด่วน เริ่มกันที่ทางพิเศษเฉลิมมหานครเป็นเส้นทางที่จะวิ่งเข้าไปในเมืองฝั่ง สีลม สาทร และสามารถไปเชื่อมต่อกับทางพิเศษศรีรัชไปทางฝั่งจตุจักร วิภาวดีรังสิต ได้ ทางขึ้นทางด่วนอยู่ห่างจากโครงการ 3.4 กม. ดูเหมือนไม่ไกลเท่าไหร่แต่การจะเดินทางไปขึ้นทางด่วนก็ต้องใช้เวลาพอสมควร โดยใช้ซอยสุขุมวิท 40 ทะลุมายังถนนพระราม 4 จากถนนพระราม 4 เลี้ยวขวาเข้าถนนกล้วยน้ำไท แล้วเลี้ยวขวาอีกทีเพื่อขึ้นทางด่วน ส่วนขากลับใช้เส้นทางเดียวกับขามา แต่ต่างกันที่ใช้ซอยสุขุมวิท 42 แทน ด้วยระยะประมาณ 1.6 กม.

นอกจากทางพิเศษเฉลิมมหานคร ก็ยังมีตัวช่วยอย่างทางด่วนรามอินทราอาจนรงค์อีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งทางขึ้นทางด่วนมีระยะห่างจากโครงการ 2.3 กม. โดยวิ่งออกมาทางถนนสุขุมวิทแล้วเลี้ยวซ้ายขึ้นทางด่วนได้เลย ส่วนขากลับโครงการก็ลงทางด่วนสุขุมวิท 50 มีระยะจากจุดลงทางด่วนถึงโครงการประมาณ 3.9 กม.

การเดินทางไป Siamese Exclusive 42 ในวันนี้จะเริ่มต้นมาจาก BTS เอกมัย แล้วเดินลัดเข้า Gateway เอกมัย พาชมบรรยากาศในศูนย์การค้าว่ามีอะไรบ้าง แล้วเดินเข้าซอยสุขุมวิท 42 ไป ระยะทางจากสถานี BTS ไปถึงโครงการประมาณ 300 ม. ค่ะ พร้อมแล้วก็ไปกันเลย

เริ่มกันที่สถานีรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์ ที่อยู่บนถนนสุขุมวิทค่ะ สถานีนี้คนจะไม่ได้ขึ้นลงเยอะเหมือนอย่างสถานีสำคัญ เช่น อโศก เวลารอรถก็พอจะมีที่เหลือให้เข้าไปได้ตลอดค่ะ

E7_update (1)

จาก BTS เราเลือกใช้ทางออกหมายเลข 4 ที่เชื่อมเข้า Gateway เอกมัยได้เลย

บรรยากาศบนสถานีนี้ค่อนข้างคึกคักทีเดียว จะเห็นมีพวกร้านขายชานม ขายขนมอยู่หลายร้าน เราก็เดินตามทางออก 4 ออกมา

ทางเดินเข้า Gateway เอกมัยจะเชื่อมกับตัวสถานีรถไฟฟ้าแบบนี้เลย

หน้าศูนย์การค้าจะมีร้านค้ามาเปิดขาย ทั้งขายอาหาร เสื้อผ้า ของใช้ เครื่องประดับ

ร้านค้าจะขายกันเต็มลานทางเชื่อมห้างเลย เราจะเดินเข้าไปดูด้านในกันต่อนะคะว่ามีร้านอะไรบ้าง

ร้านอาหารด้านในส่วนใหญ่จะเป็นอาหารสไตล์ญี่ปุ่น ทั้งชาบู ปลาดิบ ราเมง และก็มีร้านขายของใช้เจ้าดัง Tsuruha ที่มีให้แวะช้อปปิ้งก่อนกลับบ้านได้

เราจะลงไปชั้นล่างเพื่อเดินไปออกประตูด้านข้างฝั่งซอยสุขุมวิท 42 เลยนะคะ

บรรยากาศโดยรวมของชั้นล่างจะเป็นชั้นของกินทั้งชั้นเลย มีทั้งร้านอาหารแบบนั่งทานจริงจัง และร้านแบบซื้อกลับไปทานที่บ้าน

บรรยากาศดูคึกคัก คนไม่เยอะ เดินซื้อได้สบาย นอกจากนี้ยังมี Max Value ให้เลือกช้อปปิ้งของเข้าบ้านอีกด้วย

เดินออกมาจาก Gateway ทางฝั่งซอยสุขุมวิท 42

ทางเดินฟุตบาทเข้าไปในซอยสุขุมวิท 42 นั้นค่อนข้างดีทีเดียว กว้าง เดินสบาย แต่เรื่องไฟตามทางยังไม่มากนัก ดึกๆ จะเดินเข้าโครงการก็ให้ระวังหน่อยนะคะ

ซอยสุขุมวิท 42 เป็นถนนวันเวย์ 2 เลน เส้นนี้เป็นทางเชื่อมจากถนนพระราม 4 เข้าถนนสุขุมวิท จึงมีรถใช้งานค่อนข้างเยอะเลยนะ รถจะติดนิดนึง ก็ต้องทำใจกันหน่อย ทำเลใจกลางเมืองก็แบบนี้ ><*

เดินเข้ามาในซอยอีกหน่อย ฝั่งซ้ายจะผ่านคอนโด Rhythm สุขุมวิท 42 สูง 36 ชั้น

ติดกันเป็นบ้านอยู่อาศัย 1-2 ชั้น แปลงที่ดินที่เป็นบ้านอยู่อาศัยในซอยนี้ส่วนใหญ่จะเห็นเป็นบ้านใหญ่ มีที่ดินค่อนข้างกว้างขวาง ซึ่งในอนาคตที่ดินแปลงเหล่านี้ก็อาจจะถูกพัฒนาเป็นคอนโดก็ได้นะ

ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น บางห้องก็เปิดชั้นล่างเป็นร้านค้า

เดินต่อมาจะเจอซอยบาร์โบส 1 ทางฝั่งซ้าย ถัดจากซอยนี้ไปก็ถึงที่ตั้งของโครงการแล้ว ปัจจุบันบนที่ดินโครงการจะตั้งสำนักงานขายอยู่ด้านหน้านะคะ

มองเข้าไปในซอยบาร์โบสที่ติดกับโครงการ ซอยนี้เป็นซอยตันแต่ไม่เปลี่ยว เป็นทางเข้าออกคอนโด The Address ที่อยู่ด้านใน จึงจะเห็นมีคนและรถผ่านเข้าออกอยู่ตลอด

สำนักงานขาย จะอยู่บนที่ดินของโคงการเลย เป็นอาคารชั่วคราว 1 ชั้น ด้านหน้ามี Sky Tube ติดชื่อโครงการไว้เรียบร้อย ใครสนใจก็เดินเข้าไปชมห้องตัวอย่างได้นะ

มาดูบรรยากาศโดยรอบของโครงการกันค่ะ ในเส้นเหลืองคือพื้นที่ของโครงการ ถ้ามองย้อนออกไปทางถนนสุขุมวิท จะเห็นอาคารสูงนั่นคือคอนโด Rhythm สุขุมวิท 42 สูง 36 ชั้น ที่คอยบล๊อกวิวทางทิศเหนืออยู่ ส่วนอาคารส้มๆนั่นก็ Gateway เอกมัยที่เราเดินผ่านมาค่ะ

ส่วนพื้นที่ของโครงการอีกฝั่งจะอยู่ติดกับอาคารสูง 7 ชั้น แต่ไม่ได้ติดแบบประชิดซะทีเดียว แต่ถูกบล๊อกวิวระยะไกลด้วยอาคารสำนักงานที่เป็นกระจกสีฟ้าๆนั่นค่ะ

มองผ่านที่ดินของโครงการเข้าไปทางด้านหลังจะเห็นคอนโด The Address สูง 8 ชั้น ที่บล๊อกวิวอยู่ทางฝั่งทิศตะวันออก แต่โชคดีที่อาคารนี้เป็น Low Rise ดังนั้นห้องพักบนชั้นสูงๆ ของโครงการ ก็สามารถรับวิวโล่งๆได้อยู่ค่ะ

ส่วนฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นบ้านอยู่อาศัย 1-2 ชั้น ฝั่งนี้จึงเป็นฝั่งที่ได้วิวดีที่สุดนะคะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

มาดูสรุปพื้นที่รอบข้างของคอนโด Siamese Exclusive 42 แบบแผนที่กันนะคะ สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะไม่ได้ติดตึกสูงในระยะประชิดเลยนะคะ ส่วนใหญ่จะติดกับถนนซอยและบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ซึ่งที่เหล่านี้เป็นที่ดินขนาดใหญ่ที่มีโอกาสในการพัฒนาในอนาคต จะมีบ้างที่เป็นคอนโดสูง 8 ชั้นที่ติดอยู่ด้านหลัง

โครงการออกแบบมาให้ห้องพักอาศัยหันออก 2 ด้านคือทางทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ซึ่งทั้ง 2 ทิศก็ได้วิวที่ค่อนข้างโอเคกับคอนโดสูงๆ นะ โดยแต่ละด้านของแปลงที่ดินติดกับ

  • ทิศเหนือติดกับ อาคารสูง 2 ชั้น 
  • ทิศตะวันออกติดกับ คอนโด The Address 8 ชั้น
  • ทิศใต้ –  ติดกับ ที่โล่งและถัดไปเป็นอาคารสูง ~ 7 ชั้น
  • ทิศตะวันตกติดกับ ซอยสุขุมวิท 42 ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารสูง 2 ชั้น

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Gateway เอกมัย
  • Major Cineplex เอกมัย
  • Park Lane เอกมัย
  • Health Land เอกมัย
  • อาคารสำนักงานสรชัย
  • Big C เอกมัย
  • Arena 10
  • อาคารสำนักงาน  S.S.P. Tower
  • Charn Issara Tower 2
  • J Avenue

 


เจาะลึกตัวโครงการ

Siamese Exclusive 42 เป็นคอนโดฯ High Rise 1 อาคาร สูง 31 ชั้น บนที่ดินประมาณ 2-1-77 ไร่ ถูกออกแบบในสไตล์ญี่ปุ่น ที่มีความเรียบง่ายแต่ให้อารมณ์ที่อบอุ่น ตัวอาคารแยกออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ ส่วนที่เป็นอาคารสูง จะเป็นพื้นที่ Lobby และห้องพักอาศัย อีกส่วนหนึ่งคืออาคารเล็กๆ สูง 7 ชั้น ที่อยู่ด้านหน้าทางเข้า เป็นส่วนของที่จอดรถอัตโนมัติ Facilities ส่วนกลางของโครงการนี้จะจัดเต็มมาพิเศษคือจะมีสระว่ายน้ำ 2 สระ ห้อง Fitness 2 ห้อง ที่ชั้น 7 และชั้น 31

เข้ามาที่ผังชั้น 1 ของโครงการ Siamese Exclusive 42 มีทางเข้าออกโครงการทางเดียวทางซอยสุขุมวิท 42 ตัวอาคารส่วนที่ติดกับทางเข้าออกถูกจัดเป็นร้านค้า ส่วนตัวห้องพักอาศัยจะถูกจัดให้อยู่ด้านในนิดนึง ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวลดความพลุกพล่านจากบริเวณริมถนน จากหน้าโครงการจะมีป้อมยามคอยรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.และใช้ Key Card Access เพื่อเข้าออกค่ะ

ชั้น 1 ของอาคารไม่มีห้องพักอาศัยนะคะ จะเป็นส่วนของ Lobby ร้านค้า และทางขึ้นที่จอดรถ เส้นทางเดินรถในโครงการเมื่อขับเข้ามาด้านในจะผ่านทางเข้าที่จอดรถอัตโนมัติทางฝั่งซ้าย ซึ่งเป็นที่จอดรถของลูกบ้านส่วนใหญ่เลย ส่วนที่จอดรถบนอาคารแบบปกตินั้น ก็มีเช่นกันแต่จะเป็นสิทธิของห้องพักขนาดใหญ่ที่ทางโคงการกำหนดไว้เท่านั้น

ทางเข้า Main Lobby ของโครงการไม่ได้ถูกออกแบบให้เห็นเด่นเป็นสง่าตั้งแต่ด้านหน้าโครงการนะคะ ผู้ออกแบบตั้งใจให้เดินผ่านสวนเข้ามาหน่อย เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศเพื่อเข้าสู่พื้นที่พักอาศัย ซึ่งแขกของลูกบ้านสามารถมานั่งรอได้ในบริเวณนี้ แต่ไม่สามารถขึ้นชั้นพักอาศัยได้ เพราะ ทางขึ้นห้องพักจะขึ้นผ่าน Lift Lobby โดยใช้ Key Card แสกนผ่านเข้าไปเท่านั้น พอใช้ Key Card ผ่านประตูเข้ามาแล้วจะเข้าสู่ Lobby 2 อีกตำแหน่งหนึ่งที่ใช้เป็นจุดพักคอยได้ ซึ่ง Mail Box และ นิติบุคคลก็จะอยู่ในโซนนี้ด้วย

ภาพบรรยากาศบริเวณ Main Lobby ของโครงการ ที่แขกของลูกบ้านสามารถมานั่งรอได้ในบริเวณนี้ ออกแบบโดยใช้ฝ้าเพดานสูงเพื่อให้บรรยากาศของความโปร่งสบาย และดูหรูหราด้วยวัสดุที่เลือกใช้ตกแต่ง

บรรยากาศภายใน Lobby 2 ที่ต้องใช้ Key Card แตะผ่านประตูเข้ามา จึงใช้ได้เฉพาะลูกบ้านนะคะ

ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Mail Box ดูโปร่งด้วยผนังกระจกและฝ้าเพดานสูง

ขึ้นมาชั้น 2-4 พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่จอดรถของโครงการ ทั้งส่วนที่เป็นที่จอดรถอัตโนมัติและที่จอดรถบนอาคารแบบปกติ ชั้นนี้เริ่มมีห้องพักอาศัยแล้วนะคะ มีจำนวนยูนิตอยู่ที่ 6 ยูนิตต่อชั้น นับเป็นข้อดีเหมือนกันนะที่จำนวนยูนิตต่อชั้นน้อยก็จะได้ความเป็นส่วนตัวสูงกว่าชั้นที่มียูนิตเยอะๆ เป็นสำหรับผู้ที่จอดรถในอาคารจะมีทางเดินเชื่อมเข้า Lift Lobby ได้จากที่จอดรถเลยค่ะ

ต่อไปเป็นเรื่องของวิว วิวของห้องพักส่วนใหญ่ในชั้น 2-4 จะเปิดโล่งในทิศตะวันตก ได้วิวเมืองแต่ก็คงไม่ได้วิวมุมกว้างอย่างชั้นที่สูงๆ ขึ้นไปกว่านี้ ส่วนทิศตะวันออกจะโดนบล๊อกวิวด้วยคอนโดสูง 8 ชั้นที่อยู่ทางด้านหลัง

ขึ้นมาชั้น 5 จะเริ่มเป็นชั้นที่มีห้องพักอาศัยและพื้นที่บางส่วนเป็นพื้นที่สีขียวส่วนกลาง ซึ่งห้องพักในชั้นนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้วิวมุมสูง แต่ก็มีข้อดีที่มีพื้นที่สีเขียวส่วนกลางอยู่บนชั้นเดียวกัน ห้องพักบางส่วนจะได้เป็นห้องวิวสวน โดยมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 16 ยูนิต สำหรับห้องในชั้นล่างๆ แบบนี้ทางโครงการเน้นไปที่ห้องแบบ 1 ห้องนอนขนาดเล็ก 34-35 ตร.ม. ให้มีจำนวนห้องมากที่สุด โดยห้องพักของโครงการจะหันออกเพียง 2 ทิศ คือห้องทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก

โถงลิฟท์มีตำแหน่งเดียวอยู่ชิดทางซ้ายของอาคาร จากที่อาคารไม่ได้ใหญ่มากทำให้ห้องทางฝั่งขวาของอาคารไม่ได้เดินไกลจากลิฟท์เท่าไหร่นะคะ ในโถงจะมีลิฟท์จะมีลิฟท์ 3 ตัว เป็นแบบล็อกชั้น มีอัตราส่วนลิฟท์เฉลี่ยทั้งโครงการ  150 : 1 ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่เยอะแต่ก็เป็นธรรมดาของคอนโด High Rise ใจกลางเมืองแบบนี้ไปแล้ว ทางเดินจัดเป็น Double corridor วางห้องพักขนาบทางเดิน 2 ฝั่ง การจัดวางห้องในอาคารใช้วิธีการจัดวางเรียงไปตามรูปทรงอาคาร สำหรับการเข้าถึงพื้นที่สีเขียวบนชั้นนี้ พอออกจากลิฟท์มาแล้วจะต้องเดินผ่านห้องพักอาศัยมาหน่อย แต่ทางโครงการก็ออกแบบทางเข้าห้องพักที่อยู่ติดกับลิฟท์ให้หลบมุม เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวแก่ห้องพักอาศัยที่อยู่ใกล้ลิฟท์ เรื่องวิวในชั้นนี้ก็ไม่ต่างจากจากชั้น 2-4 นะคะ แต่จะมีห้องที่ได้วิวสวนเพิ่มขึ้นมาด้วย

ต่อไปที่ชั้น 6 จะเริ่มเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น ผังในส่วนห้องพักจะเหมือนกับชั้น 5 เลย ต่างกันที่ในชั้นนี้ไม่มีพื้นที่ส่วนกลางแล้ว และแบ่งห้องพักเพิ่มขึ้นเป็น 17 ห้อง ส่วนเรื่องของวิวจะเหมือนกับชั้น 7 เลย ต่างกันที่ถ้าเป็นชั้นสูงขึ้นมาก็จะได้วิวเมืองที่กว้างขึ้นค่ะ

ขึ้นมาชั้น 7 จะเป็นชั้นที่มี Facilities ส่วนกลางหลักๆ อย่างสระว่ายน้ำ, ห้อง Fitness, สวน, ส่วนภายในห้องน้ำจะมีห้อง Steam ให้ด้วย จึงเป็นชั้นที่จะมีลูกบ้านผ่านขึ้นลงบ่อยๆ เพื่อใช้พื้นที่ส่วนกลางนี้ ซึ่งพื้นที่สระและสวนส่วนกลางบนชั้นนี้จะถูกบริหารด้วยบริษัท Siamese Hospitality จำกัด ทางโครงการแจ้งว่าสำหรับลูกบ้านจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการใช้บริการต่างหากนะคะ แต่จะเป็นเท่าไหร่นั้นคงต้องรอฟังกันต่อไป อย่างไรก็ตามทางโครงการมีสระว่ายน้ำชั้นบนสุดไว้ให้บริการลูกบ้านตามปกติ ไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่วนห้องพักในชั้นนี้มีการแบ่งห้องเป็น 16 ยูนิตแบบเดียวกับชั้น 5

ส่วนเรื่องวิวห้องที่หันออกทางทิศตะวันตกจะได้วิวสระ สวนเหมือนกัน แต่ไม่ได้ติดสวนเลยเหมือนแบบที่ชั้น 5 นะคะ ส่วนวิวทางทิศตะวันออกยังถูกบล๊อกวิวด้วยคอนโดสูง 8 ชั้นอยู่เลย

ภาพจำลองบรรยากาศในห้อง Fitness ด้วยผนังกระจกทำให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายไป ชมวิวด้านนอกไปได้

ขึ้นมาที่ชั้น 8 – 25 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น มียูนิตต่อชั้นที่ 17 ยูนิต เน้นที่ห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 34-35 ตร.ม.เป็นหลัก ส่วนพวกห้อง 2 Bedroom จะเป็นห้องมุม ชมวิวได้ 2 ฝั่งนะคะ

สำหรับเรื่องวิวตั้งแต่ชั้น 8 ขึ้นมา ห้องพักอาศัยทั้งทางทิศตะวันออกและตะวันตกจะพ้นจากการถูกบล๊อกวิวในระยะประชิดแล้วนะคะ แนะนำว่าวิวทางทิศตะวันตกจะเป็นวิวที่ดีสุด แต่ก็ต้องแลกมากับแดดที่จะแรงกว่าด้านอื่นๆ อยู่พอสมควร

ขึ้นมาบนชั้น Roof Top จัดเป็นชั้น Facilities ของโครงการเต็มชั้นอีกเช่นกัน ได้แก่ Sky Edge Swimming Pool ที่ออกแบบให้มี Pool Terrace สำหรับนั่งเล่นริมสระ ห้อง Fitness และ ห้องน้ำแยกชายหญิง ที่จัด Steam ไว้ให้บริการด้วย ส่วนพื้นที่โดยรอบจะมีสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่เปิดพื้นที่ให้ลูกบ้านในชั้นต่างๆได้มีโกาสขึ้นมาชมวิวเมืองจากชั้นบนสุดได้ค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Fitness บนชั้น 31

ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้องน้ำส่วนกลาง

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ระว่ายน้ำ 2 สระ ระบบเกลือ

  • สระบนชั้น Rooftop ขนาด 4.8 x 18 เมตร
  • สระบนชั้น 7 (พื้นที่ออกโฉนดมีการบริหารงานพื้นที่และบริการพิเศษโดยบริษัท Siamese Hospitality จำกัด ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ) ขนาด 3.3 x 16.25 เมตร

  • Steam
  • Rooftop
  • ห้องออกกำลังกาย 2 ห้อง
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 150 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 217 คันคิดเป็น 48%
  • ระบบ CCTV / Access Card
  •  


    Product Walkthrough

    โครงการทำแบบห้องออกมาให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ 1 – 3 Bedroom และ Penthouse สำหรับห้องตัวอย่างมีให้ชม 2 แบบ คือแบบห้อง 1 Bedroom ขนาด 33.67 ตร.ม. เน้นไปที่การอยู่อาศัย 1-2 คน ส่วนใครที่มีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก ก็มีห้องตัวอย่างแบบ 2 Bedroom ขนาด 52.68 ตร.ม. ให้ชมกันด้วย ตามมาดูกันเลย

    มาดูห้องแรกก่อน เป็นห้องขนาดเล็กที่สุดในโครงการ คือแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 33.67 ตร.ม. สำหรับ Type นี้เข้ามาให้ห้องจะเจอพื้นที่นั่งเล่นก่อนเลย ถัดเข้าไปเป็นครัวและส่วน Dining ที่ติดกับระเบียงห้องจึงเปิดระบายอากาศเวลาทำอาหารได้ แต่ครัวนี้เป็นครัวเปิดจึงเหมาะกับคนที่ใช้ครัวแค่นิดหน่อย ไม่ได้ชอบทำอาหารที่มีกลิ่นมากนะคะ อีกฝั่งเป็นห้องนอน ซึ่งภายในได้หน้าต่างบานใหญ่เต็มผนัง ในตำแหน่งที่ถ้าเรานอนอยู่บนเตียงก็จะได้วิวด้านนอกพอดี สำหรับห้องน้ำจะเข้าได้จากทางห้องนั่งเล่น มีข้อดีที่เวลามีเพื่อนๆมาห้องก็เข้าห้องน้ำจากทางห้องนั่งเล่นได้ ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนค่ะ

    ประตูหน้าห้องได้เป็นประตูไม้อัดปิดผิวลามิเนต หรือเทียบเท่า มือจับประตูให้มาพร้อม Digital Door Lock ค่ะ

    เข้ามาภายในห้องจะเจอพื้นที่นั่งเล่นรับแขกก่อนเลย ห้องน้ำจะอยู่ด้านหลังประตู ถัดเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่สำหรับทำครัว และทานข้าวขนาด 2 ที่นั่ง ในห้องครัวจะมีประตูกระจกเปิดออกไประเบียง ซึ่งห้องนั่งเล่นก็ต้องอาศัยแสงธรรมชาติจากประตูกระจกนี้มาช่วยให้บรรยากาศในห้องไม่มืดทึบ ส่วนประตูฝั่งขวาที่อยู่ติดกับชั้นวางทีวีคือประตูเข้าห้องนอน

    โครงการขายห้องแบบ Partly Furnished จะไม่ได้แถมเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเหมือนในห้องตัวอย่าง แต่ก็จะได้พวก Built-in เกือบครบเลยนะคะ ได้ชิ้นไหนบ้างจะค่อยๆอธิบายไป เริ่มจากตู้ Built-in ที่ติดกับประตูห้อง สำหรับห้องจริงก็ได้แบบนี้ มีช่องสำหรับเก็บรองเท้าและวางของใช้ เป็นตู้ที่มีบานปิดเรียบร้อย

    มือจับตู้ถูกออกแบบให้ขอบด้านบนถูกเฉือนเป็นสามเหลี่ยม เพื่อให้เกิดช่องสำหรับสอดมือไปดึงลิ้นชักออกได้ ซึ่งแบบนี้มีข้อดีที่ไม่ต้องกลัวมือจับตู้หลุดอีกต่อไปค่ะ

    มาดูห้องน้ำกันก่อน ทางห้องตัวอย่างไม่ได้ติดตั้งประตูไว้ให้ ซึ่งบานประตูที่ได้เป็นบานไม้อัดกันชื้นปิดผิวลามิเนต หรือเทียบเท่า

    ภายในห้องน้ำจะถูกแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจน ผนังและพื้นโดยรอบทั้งหมดเป็นกระเบื้องเซรามิก ที่แตกต่างกันคือ กระเบื้องพื้นจะเป็นแบบด้าน เพื่อช่วยกันลื่นภายในห้องน้ำค่ะ

    ส่วนเคาน์เตอร์ในห้องน้ำจะได้ของแบรนด์ Lavenz ตามแบบห้องตัวอย่าง

    อ่างล้างหน้ามีขนาดใหญ่พอสมควร ด้านข้างเหลือพื้นที่สำหรับวางของใช้ได้โดยรอบ

    ตู้ใต้เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าได้เป็นแบบมีหน้าบานปิด ซึ่งก็เอาไว้ใส่ของเล็กๆน้อยได้ แต่อย่าลืมเว้นพื้นที่ไว้เผื่อซ่อมท่อสักหน่อยค่ะ

    โถสุขภัณฑ์ได้แบบ One-piece wall hung water closet with an electric toilet seat ยี่ห้อ American Standard หรือเทียบเท่า มากับที่แขวนกระดาษชำระ ด้านข้างมีการเว้นพื้นที่พอสมควรให้นั่งสบาย และทำให้สะดวกในการหยิบทิชชู่

    ในส่วนพื้นที่อาบน้ำทางโครงการให้ฉากกั้นอาบน้ำมาด้วย วัสดุเป็นกระจกเทมเปอร์แบบบานผลักเปิดปิด

    ภายในใช้วัสดุปูพื้นและผนังเหมือนกับพื้นที่ส่วนแห้งนะคะ และติดตั้งอุปกรณ์อาบน้ำมาครบเซตของ Grohe

    พื้นที่อาบน้ำมีขนาดกว้างประมาณ 1.06 x 1.4 เมตร

    พื้นห้องน้ำส่วนเปียกจะลดระดับลงมาจากส่วนแห้งอยู่หน่อย เพื่อกันน้ำจากพื้นที่อาบน้ำไม่ให้ไหลออกไปส่วนอยู่อาศัยอื่นๆ

    หน้าตาของฝักบัว, ก๊อกเปิดปิด และ Rain Shower จาก Grohe มาพร้อมที่วางที่วางสบู่ด้านข้างที่จะ Built-in มาให้เลย

    ตำแหน่งของห้องน้ำอยู่ภายในห้องฝั่งที่ติดกับโถงทางเดินอาคาร ทำให้ห้องน้ำตำแหน่งนี้ไม่มีหน้าต่างระบายอากาศ ทางโครงการจึงติดตั้งพัดลมระบายอากาศไว้ให้ ส่วนไฟในห้องห้องน้ำที่ได้จะเป็นดาวไลท์แบบที่เห็นนะคะ

    ออกจากห้องน้ำแล้วเข้าสู่ห้องนั่งเล่นกันต่อ ห้องนี้สูง 2.9 เมตร เป็นระดับความสูงที่มากกว่าคอนโดในระดับราคานี้ในทำเลเดียวกัน ทำให้ห้องของโครงการได้บรรยากาศที่ดูโปร่งโล่งเป็นพิเศษ พื้นห้องในส่วนนั่งเล่นและห้องนอนจะได้เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียริ่ง ภายในห้องนั่งเล่นมีการจัดวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ซึ่งชุดโซฟารับแขกและโต๊ะกลางจะไม่ได้แถมมาให้นะคะ แต่จะได้ชั้นวางของแบบ Built-in ด้านข้างที่ติดกับห้องครัวนะ

    ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่นนี้มีระยะ 2.9 ม. สามารถติดทีวีขนาดใหญ่ถึง 60 นิ้วได้เลย

    ติดกันกับห้องนั่งเล่น คือส่วนของ Pantry ครัวและโต๊ะทานอาหาร 2 ที่นั่ง ที่ถัดเข้ามาด้านใน ซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ทางโครงการแถมมาให้ พื้นส่วนครัวนี้ปูด้วยกระเบื้องเซรามิก เวลาพื้นเลอะเทอะก็ทำความสะอาดได้ง่าย

    เคาน์เตอร์ครัว Built-in เป็นแบบเฉพาะของโครงการ วัสดุเป็นโครงไม้กรุลามิเนต Top เป็นหินสังเคราะห์ ภายในตู้มีช่องเก็บของหลายขนาดและมีลิ้นชักใส่ช้อนส้อม ซึ่งบานพับเป็นแบบ Soft close เวลาเปิดปิดตู้ก็จะไม่มีเสียงหน้าบานกระแทก

    มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ให้ช่องเคาน์เตอร์มา 3 ช่องจึงค่อนข้างลงตัว ช่องหนึ่งเป็นซิงค์ล้างจาน อีกช่องเป็นเตาไฟฟ้าและช่องตรงกลางเป็นพื้นที่สำหรับเตรียมอาหาร ส่วน Backsplash ด้านหลังจะได้เป็นกระจกเหมือนในห้องตัวอย่างเลย ทำให้เวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

    ซิงค์ล้างจานได้ของ Teka ได้ตามมาตรฐานโครงการ มีขนาดพอจะใส่จานชามได้หลายใบ และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมา

    โครงการให้เตาแม่เหล็กไฟฟ้าของ Teka มาค่ะ ให้มาเป็น Set พร้อมพัดลมดูดควัน ซึ่งเป็นระบบต่อท่อออกด้านนอกจึงดูดกลิ่นได้ดีกว่าระบบหมุนเวียนภายในห้อง

    ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 3 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของย่อยๆ

    สำหรับเคาน์เตอร์ครัวออกแบบมาให้มีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น ตามห้องตัวอย่างจัดวางตู้เย็นขนาด 11.4 คิวไว้ดูลงตัว ถ้าผู้อยู่อาศัยห้องไหนจะซื้อตู้เย็นก็อย่าลืมคำนึงถึงขนาดพื้นที่วางด้วยนะคะ

    ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวเป็นโต๊ะทานอาหารแบบ 2 ที่นั่ง ซึ่งจะได้โต๊ะทานข้าวมาแบบนี้เลย เป็นแบบพับเปิดปิดได้

    ภายในโต๊ะพับติดตั้งปลั๊กไฟไว้ให้ 1 ตำแหน่ง

    ติดกับกับห้องครัวเป็นประตูกระจกบานสไลด์ เพื่อเปิดออกไประเบียงค่ะ

    พื้นจากห้องครัวกับพื้นระเบียงใช้กระเบื้องเซรามิกปูต่อเนื่องกันมาเลยนะคะ ข้อดีของกระเบื้องชนิดนี้คือทำให้ทำความสะอาดง่าย มีความคงทนต่อสภาพแวดล้อม และผิวหน้ากระเบื้องจะป้องกันการลื่นได้ค่ะ แต่พื้นที่ทั้ง 2 ส่วนไม่ได้มีการลดระดับหรือมีธรณีประตูกั้น ต้องระวังเรื่องของน้ำฝนจากทางระเบียงไม่ให้ไหลเข้าห้องค่ะ

    พื้นที่ระเบียงมีขนาด 1.1 x 2.2 ม. ซึ่งเป็นพื้นที่ไว้สำหรับวางราวตากผ้านะคะ ขอบระเบียงถูกกั้นราวกันตกไว้เรียบร้อย วัสดุเป็นกระจก ทำให้สามารถมองทะลุออกไปชมวิวด้านนอกได้สะดวก

    ฝั่งหนึ่งของระเบียงเป็นตำแหน่งสำหรับตั้งเครื่องซักผ้า มีการเดินท่อน้ำ ติดตั้งก๊อกน้ำและสวิตซ์ไฟไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ

    ด้านบนเครื่องซักผ้าเป็นที่ตั้งของ Compressor แอร์ 2 ตัวซึ่งเป็นแบบแขวน ห้องตัวอย่างไม่ได้ติด Grill เบนทิศทางลมออกได้ไว้ให้ แต่ห้องจริงที่ส่งมอบให้ลูกบ้านจะติดตั้งไว้ให้นะคะ

    ต่อไปมาดูห้องนอนกันบ้าง ด้านในห้องนอนมีขนาดกว้างอยู่ จัดฟังก์ชันได้ทั้งเตียง โต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะเขียนหนังสือ และตู้เสื้อผ้าเลยทีเดียว ห้องตัวอย่างจัดเตียงไว้ขนาด 5 ฟุต ซึ่งห้องนี้จะมีความลึกพอสมควรจึงไม่ต้องวางเตียงแบบชิดผนังฝั่งหนึ่ง ทำให้มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือให้เดินได้โดยรอบ จุดเด่นของห้องนี้อีกอย่างคือผนังกระจกที่ได้สูงจากพื้นเกือบถึงฝ้าเลย ทำให้ห้องนอนดูโปร่ง ได้แสงธรรมชาติสามารถชมวิวจากบนเตียงนอนได้เลย เฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้จะไม่ได้โต๊ะและเตียงนะคะ จะได้เพียงตู้เสื้อผ้าค่ะ

    พื้นที่ปลายเตียงไม่เหลือพอให้ตั้งชั้นวางทีวีได้นะคะ ถ้าจะติดทีวีก็สามารถติดแบบแขวนผนังเหมือนห้องตัวอย่างเลยค่ะ

    กลับเข้ามาด้านในห้องนอน อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นตำแหน่งของตู้เสื้อผ้าที่โครงการ Built-in ไว้ให้ และข้างเตียงมีพื้นที่พอให้ตั้งโต๊ะทำงานหรือถ้าเป็นคุณผู้หญิงก็ทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็เหมาะดีค่ะ

    ตู้เสื้อผ้าที่โครงการ Built-in ไว้จะเป็นตู้บานเลื่อน 2 บาน หน้าบานเป็นบานทึบก็ทำให้ดูเรียบร้อยดี ภายในมีราวแขวนผ้า ซึ่งแขวนได้ทั้งแบบเสื้อผ้าตัวสั้นและตัวยาวนะคะ และมีลิ้นชักเก็บของอีก 4 ช่อง ส่วนด้านบนเป็นตู้เก็บของแบบบานเปิด ไว้เก็บผ้านวมผืนใหญ่ๆได้ค่ะ

    ซูมมาให้ดูมือจับ เป็นอลูมิเนียมที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย

    ต่อไปมาดูห้องแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 52.68 ตร.ม. กันต่อ ถ้าดูจาก Unit Plan จะเห็นว่าห้องนี้เป็นห้องหน้ากว้าง และเป็นห้องมุม ทำให้มีพื้นที่รับวิวมากกว่าห้องปกติ ห้องส่วนใหญ่ในห้องนี้จึงมีส่วนที่ติดกับผนังที่เป็นช่องแสงทั้งหมด ตั้งแต่ห้องนั่งเล่น, ห้องนอนเล็ก, ห้อง Master Bedroom (ยกเว้นห้องครัว ห้องน้ำ) มีข้อดีหลักๆ คือช่องแสงจะช่วยเพิ่มปริมาณแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาในห้องได้

    Layout ของห้องนี้ต่างกับห้องแบบแรก คือนำครัวมาไว้หน้าห้องแล้วจัดพื้นที่ส่วนนั่งเล่นไว้ด้านในติดกับหน้าต่าง ซึ่งเป็นลักษณะของครัวเปิด (Pantry) ซึ่งมีระยะพอให้กั้นเป็นครัวปิดได้แต่ไม่มีหน้าต่าง ต้องระบายกลิ่นออกทางที่ดูดควันเท่านั้น ติดกันกับห้องครัวเป็นส่วนรับประทานอาหารและห้องนั่งเล่นที่จะติดอยู่กับระเบียง, หน้าต่าง โดยที่ระเบียงของห้องนี้จะแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ด้านบนและเป่าออกด้านนอกห้องทำให้ห้องไม่ร้อน และทำให้ใช้งานพื้นที่ระเบียงได้เต็มพื้นที่เหมือนแบบห้องแบบแรก ห้องน้ำใน Type นี้เป็นแบบ 3 Function โดยทั้ง Master Bedroom และห้องนอนเล็กจะใช้ห้องน้ำด้านนอกร่วมกับส่วนรับแขกค่ะ

    เมื่อเราเปิดประตูเดินเข้าห้องมาแล้ว เราจะพบกับส่วนที่เป็น Pantry ครัว ก่อนอันดับแรก มองผ่านเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่ทานอาหารและนั่งเล่น ตามลำดับ บรรยากาศของห้องด้านในค่อนข้างโปร่งจากฝ้าเพดานห้องที่สูง 2.9 เมตร และผนังกระจกด้านในที่ได้บานใหญ่ ได้แสงธรรมชาติแบบเต็มๆ

    ส่วนพื้นที่ครัวเข้าไปยืนทำอาหารได้ 1-2 คนเท่านั้น แต่ถือว่าจัดฟังก์ชั่นมาครบดีทั้งเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และ Counter ครัวทำให้ใช้งานได้จริงจังระดับหนึ่งทีเดียว แต่หากจะอยู่อาศัยจริงก็สามารถติดฉากกั้นเพิ่มเพื่อกันไม่ให้กลิ่นและควันฟุ้งเต็มห้องและติดเครื่องดูดอากาศแบบต่อท่อออกไปด้านนอกเพิ่มอีกตัวหนึ่งก็สามารถใช้ครัวได้เต็มที่แล้วค่ะ

    ผ่านส่วนของ Pantry ครัวเข้ามา จะเป็นพื้นที่ทานอาหารและห้องนั่งเล่นที่อยู่ในโซนเดียวกัน เวลาทานอาหารก็สามารถนั่งดูทีวีไปด้วยได้

    ห้องตัวอย่างจัดชุดโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งชุดโต๊ะนี้จะไม่ได้แถมมาให้นะคะ ผู้อยู่อาศัยสามารถหาซื้อแบบที่ชอบเองได้

    ตำแหน่งวางโต๊ะทานอาหารนี้จะติดกับประตูกระจกสไลด์ที่เปิดเชื่อมไประเบียงด้านนอก ซึ่งเวลากลางวันแสงธรรมชาติจะเข้ามาในห้อง ช่วยให้บรรยากาศในห้องไม่มืดทึบ

    พื้นที่ระเบียงมีขนาดพอๆ กับห้องแบบแรกและพื้นที่ใช้สอยบริเวณระเบียงก็เป็นตำแหน่งสำหรับวางเครื่องซักผ้าเช่นกัน

    มาดูรายละเอียดพื้นที่นั่งเล่นกันบ้าง พื้นที่นั่งเล่นติดกับผนังกระจกทำให้มีแสงธรรมชาติเข้ามาภายในพื้นที่นั่งเล่น เฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้จะได้เฉพาะชั้นวางทีวี สำหรับชุดโซฟา โต๊ะกลาง และชุดโต๊ะด้านข้างชั้นวางทีวีจะไม่ได้แถมมาให้นะคะ

    ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่น มีระยะห่างประมาณ 2.4 เมตร มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 50 นิ้ว

    ด้านข้างของห้องนั่งเล่นเป็นทางเดินเข้าสู่ห้องนอนทั้ง 2 ห้อง และห้องน้ำที่อยู่ด้านใน

    ผ่านพื้นที่นั่งเล่นและส่วนครัวเข้ามาจะเจอโถงทางเดินที่เชื่อมห้องต่างๆ ภายในนะคะ ขวามือห้องแรกคือห้องน้ำ ถัดไปห้องที่อยู่ตรงกลางเป็นห้องนอนเล็ก และห้องทางซ้ายมือเป็นห้องนอนใหญ่ค่ะ ซึ่งทั้งห้องนอนเล็กและห้องนอนใหญ่จะต้องใช้ห้องน้ำกับส่วนกลางนะคะ

    มาดูห้องน้ำกันต่อนะคะ ห้องน้ำนี้มีความพิเศษที่เป็น 3 ฟังก์ชันนะคะ คือส่วนด้านหน้าที่เห็นนี้เป็นอ่างล้างหน้าซึ่งไม่มีประตูกั้น ส่วนด้านซ้ายเป็นห้องสุขา ตรงกลางเป็นพื้นที่แปรงฟัน ส่วนด้านขวาเป็นห้องอาบน้ำค่ะ

    พื้นห้องน้ำของพื้นที่ส่วนเปียก จะถูกลดระดับลงเพื่อกั้นไม่ให้น้ำเข้ามายังส่วนพักอาศัยอื่นค่ะ

    ประตูห้องน้ำทั้ง 2 ฝั่งเป็นประตูกระจกเทมเปอร์บานเปิดปิด มีมือจับและตัวล็อกเรียบร้อย

    ภายในห้องอาบน้ำแบ่งเป็นพื้นที่ 2 ส่วนหลักๆ คือ พื้นที่ฝักบัวอาบน้ำและอ่างอาบน้ำ ผนังและพื้นโดยรอบเป็นกระเบื้องเซรามิกทั้งหมดแบบเดียวห้องน้ำในห้องแบบแรก

    พื้นที่ยืนอาบน้ำมีขนาด 1.2 x 1 ม. เป็นขนาดมาตรฐานที่ใช้งานได้ไม่อึดอัดนัก

    ส่วนอ่างอาบน้ำจะเป็นแบบฝังอยู่ด้านในแบบนี้ ได้อ่างอาบน้ำของ Lavenz หรือเทียบเท่า

    อ่างอาบน้ำจะติดตั้งอุปกรณ์อย่างฝักบัวไว้เรียบร้อยได้ของ Grohe

    ด้านในของอ่างอาบน้ำจะมี Built-in ชั้นวางของเอาไว้ด้วย

    มาดูอีกฝั่งหนึ่งที่เป็นห้องสุขามีประตูกั้นปิดเรียบร้อย สามารถเข้าไปปลดทุกข์หนักเบาได้เท่านั้นไม่สามารถอาบน้ำได้ค่ะ

    สุขภัณฑ์จะได้แบบเดียวกับห้องแรกเลยนะคะ มาพร้อมกับแกนใส่กระดาษทิชชู่ในห้องน้ำ

    พื้นที่ภายในห้องสุขา มีขนาดที่พอนั่งได้อยู่ไม่ถึงกับอึดอัดค่ะ

    ต่อไปเป็นห้องนอนเล็กมีขนาดกว้างพอสมควร สามารถตั้งเตียงขนาด 5 ฟุตได้และมีพื้นที่พอ Built-in โต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าได้ด้วย ถือว่าเป็นห้องนอนเล็กที่อยู่ได้สบาย ห้องนี้จะมีความลึกพอสมควรจึงไม่ต้องวางเตียงแบบชิดผนังฝั่งหนึ่ง ทำให้มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือให้เดินได้โดยรอบ ห้องนอนใน Type นี้ จะได้ผนังกระจกบานใหญ่เหมือนกับห้องนอนในห้องตัวอย่างแบบแรกที่พาชมมานะคะ

    พื้นที่ปลายเตียงเป็นตำแหน่งของตู้เสื้อผ้า Built-in ที่ทางโครงการจะให้มาแบบนี้เลย แต่จะไม่ได้ให้เตียงนอนนะคะ ข้อด้อยของห้องนี้อย่างนึงคือ ไม่มีพื้นที่สำหรับวางทีวีหรือติดทีวีแขวนผนังได้ค่ะ

    ต่อไปมาดูห้องนอนใหญ่กันบ้าง ห้องนี้จะมีขนาดใหญ่กว่าและลงตัวกว่าห้องนอนเล็ก มีพื้นที่สำหรับจัดวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้และยังเหลือพื้นที่ให้เดินได้รอบเตียง  ไฮท์ไลท์ของห้องนี้คือได้หน้าต่างแบบ Bay Window ทำให้ห้องนี้สามารถเปิดมุมรับวิวได้มากขึ้น

    จากภายในห้องมองออกไปทางประตูที่เดินเข้ามา จะมีตู้เสื้อผ้า Built-in อยู่ติดกับประตูเลย ซึ่งห้องจริงก็จะได้ตู้เสื้อผ้ามาแบบนี้นะคะ ส่วนเตียงนอนและโต๊ะหัวเตียงทางโครงการไม่มีให้นะคะ ผู้อยู่อาศัยสามารถเลือกซื้อแบบที่ชอบมาใส่ได้เลย

    ตู้เสื้อผ้า Built-in และชั้นวางของได้ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ

    หน้าตาของปลั๊กไฟที่ได้ของ Panasonic ค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

     

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 21 March  2017

    • 1 Bedroom เนื้อที่ 33.67 ตร.ม. ราคา 5.8 ล้านบาท หรือ 172,260 บาท/ตร.ม.

    • Partly Furnished
    • ฝ้าเพดานสูง 2.9 เมตร
    • Digital Door Lock
    • Built-in shoes cabinet and shelf
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • Built-in wardrobe
    • Bathtub
    • One-piece wall hung water closet with an electric toilet seat
    • Wallpaper
    • จอง 50,000 บาท
    • ทำสัญญา 5%
    • ดาวน์ 15% ผ่อนดาวน์ 30 งวด
    • ค่ากองทุน 800 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 75 บาท/ตร.ม./เดือน + ค่ากองทุนรายเดือน 5 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล – โครงการตั้งอยู่ต้นซอยสุขุมวิท 42ใกล้กับ Gateway เอกมัย โดยซอยสุขุมวิท 42 นี้เป็นซอยย่อยในย่านเอกมัยที่มีความสงบและสามารถเข้าถึงแหล่งความคึกคักในซอยสุขุมวิท 63 ได้ไม่ยากแค่ข้ามฝั่งถนนสุขุมวิท ซึ่งซอย 42 นั้นเป็นซอยที่เชื่อมถนนสุขุมวิท เเละถนนพระราม 4 เข้าด้วยกัน แต่ถนนเส้นนี้เป็นวันเวย์และมีรถใช้งานค่อนข้างเยอะ สภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการในระยะเดินเท้า 500 เมตร จัดอยู่ในระดับอุดมสมบูรณ์มาก มีครบ ตั้งแต่ห้าง Gateway เอกมัย ภายในมีร้านอาหารหลายร้าน, มีโรงหนังที่ Major ฝั่งตรงข้าม, ร้านอาหารดีๆ, มินิมาร์ท, ร้านค้า, ร้านขายยา, ร้านอาหารข้างทาง และ 7-11

    การเดินทางโดยใช้รถ – ทำได้สะดวก หากวิ่งจากตัวตึกออกไปก็สามารถเลือกได้ว่าจะเลี้ยวซ้ายหรือขวา ซ้ายวิ่งเข้าสุขุมวิทไปทางทองหล่อ ส่วนขวาวิ่งออกพระโขนงไปขึ้นทางด่วน หรือถ้าใครอยากจะไปพระราม 4 ก็ต้องย้อนเข้าซอยสุขุมวิท 40 ตรงนี้จะอ้อมๆหน่อย แต่โดยรวมแล้วก็ยังสะดวกอยู่ ไม่ได้เป็นปัญหาหนักหนาอะไร เสียดายเรื่องที่จอดรถอยู่เหมือนกันว่าให้มาที่ 48% ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่ต่ำหากเทียบกับราคาขาย คอนโดมิเนียมในระดับราคานี้

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – ค่อนข้างสะดวกพอสมควร เมื่อลงจาก BTS สถานีเอกมัยเดินประมาณ 300 เมตรก็ถึงโครงการ เป็นระยะที่เดินได้สบายๆ หรือจะเดินลัด Gate Way เอกมัยลงมาแล้วเลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 42 ไปเลยก็ได้ และจากสถานีเอกมัยถ้านั่งรถไปอีก 2 สถานี ก็จะถึงสถานีพร้อมพงษ์ ถัดจากสถานี พร้อมพงษ์ก็จะเป็นสถานี อโศก ซึ่งเป็นจุดเชื่อมกับ MRT อีกด้วย ซึ่งความสะดวกที่อยู่ใกล้เส้นทางรถไฟฟ้า BTS จะอยู่ตรงที่การเดินทางเข้าเมืองอย่างสีสม-สาทร เพลินจิต-สยาม สามารถนั่ง BTS ไปได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสถานีให้เสียเวลา

    วัสดุ – อุปกรณ์จัดมาให้เกรดดีกว่าคอนโดระดับราคาเดียวกันในทำเลนี้ ห้องขายแบบ Partly Furnished ประตูติด Digital Door Lock มาให้ พื้นได้เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียริ่ง สุขภัณฑ์ของ American Standrad ได้ฝาชักโครกแบบอัตโนมัติ อุปกรณ์ในห้องน้ำของ Lavenz และ Grohe อุปกรณ์ในห้องครัวของ Teka ภายในห้องได้เฟอร์นิเจอร์ Built-in เกือบทั้งหมด ยกเว้นส่วนที่ลอยตัวอย่างชุดโซฟาและเตียงนอน

    การออกแบบ – ห้องในโครงการถือว่าจัดฟังก์ชันมาได้ลงตัว จุดที่ชอบเลยคือให้ฝ้าเพดานมาสูง 2.9 ม. ซึ่งสูงกว่าคอนโดในระดับราคานี้ในทำเลเดียวกัน นอกจากจุดเด่นเรื่องฝ้าเพดานแล้ว ยังมีรายละเอียดการออกแบบอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น ผนังกระจกที่จะให้มาแบบเต็มบานสูงจากพื้นจนเกือบถึงฝ้า และบางห้องยังได้เป็น Bay Window ในเกือบทุกจุดที่สามารถทำได้

    แบบตึกก็มีข้อดีเช่นกัน ในเรื่องช่องแสงและการเจาะ Void ในจุดต่างๆ ให้ลม แดด สามารถเข้าได้ และมีการไหลเวียนของอากาศธรรมชาติ ไม่ให้ทึบ มืดหรืออึดอัด โครงการจัด Facilities ส่วนกลางหลักๆ ไว้ที่ชั้นบนสุด ซึ่งเป็นข้อดีที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยทุกๆชั้น มีพื้นที่ให้ขึ้นไปชมวิวมุมสูงได้

    โครงการวางห้องพักให้หันออกเพียง 2 ทิศทาง คือห้องทางทิศตะวันออกและตะวันตก โดยห้องที่ได้วิวดีที่สุดคือห้องทางทิศตะวันตก ส่วนทิศตะวันออกพอพ้นชั้น 8 ขึ้นมาแล้ว ก็จะพ้นกับการบล๊อกวิวในระยะประชิด แม้ว่าวิวทิศตะวันตกจะได้วิวเมืองเปิดโล่งมากที่สุด แต่ก็ต้องแลกมากับความร้อนที่มากเป็นพิเศษกว่าทิศอื่นๆ

    สาธารณูปโภค พื้นที่ส่วนกลางจะมี 2 ส่วนหลักๆ มีสระว่ายน้ำ 2 สระ, ห้อง Fitness 2 ห้อง และสวนบนอาคาร ไล่มาจากชั้น 5 จะมีสวนส่วนกลาง ขึ้นมาที่ชั้น 7 เป็นชั้นที่มีสระว่ายน้ำ Fitness และสวนอีกตำแหน่งหนึ่ง แต่ในชั้นนี้หากลูกบ้านต้องการใช้งาน จะต้องเสียเงินเพิ่มนะคะ ส่วนอีกสระหนึ่งจะอยู่บนชั้น 31 เป็นพื้นที่ส่วนกลางเต็มทั้งชั้น มีครบทั้งสระว่ายน้ำ, ห้อง Fitness, ห้องน้ำ, Steam และสวน โดยชั้นนี้ลูกบ้านสามารถใช้งานได้ตามปกติ ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มค่ะ

     

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา 185,000 บาท/ตร.ม., 21 March 2017

    • ทำเล 7.5/10 – ทำเลดี มีความสงบและไม่ไกลแหล่งอุดมสมบูรณ์
    • เดินทางด้วยรถ 7/10 – ถนนวันเวย์ รถติดหน่อย ให้ที่จอดรถ 48%
    • ไม่ใช้รถ 8.75/10 – ใกล้รถไฟฟ้า 300 ม. เดินไปใช้งานได้สะดวก
    • วัสดุ 8/10 – ให้วัสดุดี เมื่อเทียบกับคอนโดระดับเดียวกันในทำเลนี้
    • แบบ 8/10 – ฟังก์ชันลงตัว ออกแบบมาได้โปร่ง ให้ฝ้าเพดานสูง บางส่วนได้ Bay Window 
    • สาธารณูปโภค 7.75/10 – ให้มาเยอะแต่บางส่วนต้องเสียเงินเพื่อเข้าใช้งาน

    • LUXURY CLASS
    • 7.76 / 10.00

    BOTTOM LINE

    Siamese Exclusive 42 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดมือ 1 ย่านเอกมัย อยู่ใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินได้  และยังใช้รถยนต์ไปขึ้นทางด่วนได้สะดวก ชอบการออกแบบห้องของโครงการที่ดูโปร่ง เพดาสูง และการ Built-in เฟอร์นิเจอร์ของโครงการ ต้องการห้องที่ใช้วัสดุดี มีงบประมาณระดับ 6-20 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 42,000 – 140,000 บาท/เดือน 

    ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ

    สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )