รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.221-อัพเดทการก่อสร้าง Rhythm อโศก1-2
7 กรกฎาคม 2016
รีวิวฉบับที่ 408 … Rhythm Asoke (ริทึ่ม อโศก) เป็นคอนโดแบรนด์ The Rhythm จากค่าย AP ที่เปิดตัวเป็นโครงการที่ 2 ในปี 2013 ต่อจาก Rhythm สุขุมวิท 42 ในงาน Live More ที่สยามพารากอน ตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่อโศก-ดินแดง ใกล้จุดลงทางด่วนพระราม 9 และ ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า MRT พระราม 9 ประมาณ 300 เมตรครับ
วันนี้คุณโอ๋จะพาเราไปชมทำเลของแปลงที่ดิน Rhythm Asoke กันก่อนที่คุณบีมจะมาวิเคราะห์ตัวโครงการ ห้อง และสรุปในสัปดาห์ถัดไปครับ
Fact @ 15 August 2013
- Rhythm อโศก
- บริษัท AP Thai จำกัด (มหาชน)
- HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- คอนโด High Rise 37 ชั้น 1 อาคาร 385 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 13 ยูนิต
- ที่จอดรรวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 46%
- ที่ดินประมาณ 1-2-86 ไร่
- คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2559
- Studio 21.5 ตารางเมตร
- 1 Bedroom 31 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms 41.5 ตารางเมตร
- 3 Bedrooms+ ไม่มี
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 2.58 ล้านบาท
- ราคาต่อตารางเมตรประมาณ 120,000 – 140,000 บาท
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ MRT พระราม 9 ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: MRT พระราม 9
- http://www.apthai.com
- โทร 1623
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
ทำเลที่ตั้งของ Rhythm Asoke จะอยู่ห่างจากแยก รัชดา พระราม 9 มาทางเพชรบุรีนะครับ โดยอยู่ห่างจากแยกประมาณ 150 เมตร และอยู่ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดินพระราม9 ประมาณ 300 เมตรครับ … ทำเลโครงการอยู่ด้านหลังสถาบันสอนพิเศษ Amsterdam ห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว โดยมีตึกเก่าที่กำลังปรับปรุงและคลองคั่นอยู่
ทำเลโครงการนี้ ต้องวิเคราะห์ละเอียดนะครับ ทั้งการเดินทางที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่มีเรื่องต้องพิจารณาพอสมควร รวมถึงสภาพแวดล้อมและวิวในทิศต่างๆ ล้วนมีผลต่อการเลือก Location ของห้องทั้งสิ้นครับ
มาดูเรื่องการเดินทางกันก่อนเลยนะ ตัวทำเลอยู่ในย่านที่จะเป็นศูนย์กลางของแหล่งทำงานสำนักงานทั้งหลาย เพราะอยู่ไม่ไกลจากอโศกสุขุมวิท และเดินไปย่าน Office ใหม่ ที่ G Land กำลังจะสร้าง ได้แบบไม่ลำบากเลย แต่การเดินทางโดยรถยนต์นี่ต้องทำอารมณ์กันเล็กน้อย เพราะถนนหน้าโครงการนี่เรียกว่าติดนรกแตกของจริงในตอนเช้าและเย็น เดี๋ยวผมค่อยๆอธิบายให้ฟังทีละเปลาะดีกว่าเนอะ 🙂
การเดินทางเข้าเมืองไปย่านสุขุมวิท หรืออโศก ออกจากโครงการแล้วต้องเลี้ยวซ้ายตรงแยกรัชดาตัดพระราม 9 (Amsterdam) แล้วตรงไปอีกประมาณ 200 เมตร เพื่อ U-Turn แล้วเลี้ยววนกลับมาผ่านหน้าโครงการ มุ่งตรงไปอโศกครับ ยุ่งยากนิดหน่อย และรถติด แต่ยังดีที่ระยะทางมันไม่ได้ไกลเท่าไร อาจจะติดไฟแดงสัก 2-3 ที ก็เรียกว่าเต็มที่แล้วครับ ส่วนเวลากลางวันและวันหยุด ค่อนข้างโล่ง สบายหน่อย
ส่วนในการเดินทางออกนอกเมือง คงไม่ลำบากเท่าไร ขับรถออกจากโครงการ สามารถเลี้ยวซ้ายไปดินแดงออกวิภาวดี หรือวิ่งเส้นรัชดาตรงๆไปออกวิภาวดี ก็ได้ ถ้าจะไปทางด้านสุวรรณภูมิ ก็เลี้ยวขวาตรงแยกรัชดาตัดพระราม9 แล้วตรงอย่างเดียวก็ได้ครับ ง่ายมาก
การเดินทางโดยใช้ทางด่วน เห็นทางด่วนอยู่ใกล้ๆ แต่มันจะสะดวกง่ายดายก็ตอนขาลงกลับบ้านเท่านั้นเอง (ตามลูกศรเหลือง) เพราะจุดลงทางด่วนอยู่ใกล้โครงการมาก ไม่ถึง 100 เมตร ส่วนเวลาจะขึ้น ที่ง่ายสุดคือวนตามแนวเส้นสีแดงครับ วนอ้อมหน่อยนะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถส่วนตัว สะดวกใช้ได้ เพราะติดถนนใหญ่ที่คึกคักแทบจะตลอด 24 ชั่วโมง สามารถเรียก Taxi ได้แทบจะตลอดเวลา เผลอๆ ยิ่งดึกจะยิ่งหาง่ายกว่าตอนเย็นๆกะตอนเช้าๆซะอีก ส่วนพี่วินต้องเดินไปเรียกตรง Amsterdam ครับ ไม่ค่อยสะดวกใจสำหรับสาวๆ ก็ข้ามไปเรียกฝั่งตรงข้ามได้ … ส่วน รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ใช้สถานี พระราม 9 ตรงหน้า Fortune จะเดินไปประมาณ 300 เมตร ซึ่งต้องข้ามแยกใหญ่นะครับ ระมัดระวังหน่อยก็ดี … ทำเลโครงการเรียกว่าค่อนข้างสะดวกพอสมควร
ตัวโครงการอยู่ในย่านที่กำลังมีการเติบตัวร้อนแรงที่สุดย่านหนึ่งของประเทศไทยนะครับ ร้อนแรงขนาดราคาคอนโดแถวนี้พุ่งขึ้นจนหยิบแทบจะไม่ได้กันเลยล่ะ มันร้อนลวกมือ 🙂 ผมเลยลองวงๆมาให้ดูว่า แถวนี้มันมีโครงการอะไรบ้างนะครับ
ที่เป็นแบบนี้ด้วยเหตุผลหลายอย่างนะครับ นอกจากปัจจัยระบบรางอย่าง รถไฟใต้ดิน ที่จะเป็นเส้นหลักมี ระบบรางอื่นๆมาเชื่อมในอนาคตอันใกล้นี้แล้ว พวกอาคารสำนักงานต่างๆที่อยู่ย่านสุขุมวิทอโศก ก็เริ่มล้นลามออกมา โดยการบุกเบิกของกลุ่ม G Land ที่จะมีอาคารสำนักงานและ Commercial Building ขึ้นติดๆกับ Central พระราม 9 และอาคารตลาดหลักทรัพย์ กับสำนักงาน AIA ที่จะขึ้นติดๆ Esplanade เหล่านี้จะทำให้มีมหาชน ชาว OL และ Salary Man ย้ายมาอยู่ที่นี่เพิ่มขึ้นกันเป็นปริมาณมหาศาลแน่ๆเมื่อเทียบกับปัจจุบัน
สิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆโครงการ ใกล้ๆไม่เกินระยะ 300 เมตร แทบจะเรียกได้ว่า ไม่มีอะไรเลย ยกเว้นคุณจะสามารถ ตีเนียน เข้าไปสั่งข้าวผัดกินใน Amsterdam ได้แบบไม่ขวยเขิล (เห็นเขาว่า ข้าวผัดจานนึงก็แพงอยู่นะครับ) … แต่ไม่ต้องตกใจไปครับ ถ้าคุณเป็นคนขยันเดินหน่อย ที่ระยะ 400 เมตร จะมี Fortune เป็นที่พึ่ง ซึ่งเป็นห้างประหลาดที่คุณจะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เพราะมีให้ตั้งแต่ อาหาร การกิน Supermarket ร้านแต่งหน้าทำผม ร้านขายของเก่า ของแปลกประหลาดที่คนทั่วไปไม่ค่อยจะเจอกัน ร้านกล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพ ร้านจักรยาน ร้านเกมส์ แหล่งซ่อมซื้อคอมพ์และสินค้า IT รวมไปถึงร้านขายแผ่นหนัง แผ่น CD หายาก 3 แผ่นร้อย และอื่นๆอีกมากมายที่มันแตกต่างจากห้างทั่วไปนะครับ … ส่วนฝั่งตรงข้าม Fortune คือ Central พระราม 9 ถ้าจะเดินมาก็ได้ แต่มันไกลหน่อย เดินไม่ยากเพราะใช้ทางเชื่อมรถไฟใต้ดินได้ครับ ห้าง Central ห้างนี้ ข้างนอก Central ข้างใน Robinson ดังนั้นอย่าคาดหวังเยอะ หวังได้แน่ๆคือพวกเรื่องของกินของใช้และธนาคารต่างๆครับ…ไม่นับเรื่องการเดินลง MRT แล้วนั่งต่ออีกไม่กี่สถานี ก็ถึงพวก Terminal21 หรือย่านสีลม นะ สะดวกมาก
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวกของที่นี่ ค่อนข้างจะสะดวกสำหรับคนขยันเดิน และกันดารสำหรับคนขี้เกียจเดินนะครับ
…. เราไปดูของจริงกันดีกว่าครับ…..
ตำแหน่งที่ตั้งของ Rhythm Asoke อยู่ตรงลูกศรสีเขียวชี้ให้ดูนะครับ
ผมลากเส้น ให้ดูตำแหน่งและขอบเขตที่ดินชัดๆ ล้อมรอบที่ดินโครงการจะเป็นอาคารสูง 3 – 4 – 5 ชั้นนะครับ ซึ่งไม่ได้มีผลอะไรกับวิวเท่าไร เพราะห้องพักอาศัยและ Facility ส่วนกลางเริ่มกันที่ ชั้น 6 ซึ่งเป็นชั้น 6 ที่สูงกว่าอาคารรายรอบพอสมควร
ดูสภาพแวดล้อม ตึกที่รายล้อมโครงการนะครับ รอบๆแบบติดรั้วโครงการ ก็จะมีพวกอาคารพาณิชย์ ด้านซ้ายมือ ส่วนด้านหลังเป็นอาคารพักอาศัยอพาร์ตเมนท์ 4 ชั้น ส่วนขวามือเป็นอาคารเก่าที่อยู่ในระหว่างตกแต่งใหม่เป็นอพาร์ตเมนท์ 5 ชั้น … ทั้งหมดไม่ค่อยจะมีผลกับวิว เพราะอย่างที่บอกว่า ห้องพักและ Facility จะอยู่สูงกว่าครับ
Zoom ให้ดูที่ตั้งโครงการชัดๆ ถ้าเรายืนอยู่ที่ถนนหันหน้าเข้าหาโครงการ ทางเข้าโครงการจะอยู่ประมาณลูกศรเหลือง และขวามือติดรั้วโครงการ จะเป็นซอยเล็กๆ เข้าไปตึกแถวและอพาร์ตเมนท์ด้านใน
Amsterdam ที่แยกรัชดา พระราม 9
แยกรัชดาตัดพระราม 9 ขวามือแท่งยาวๆคือโรงแรม Grand Mercure ที่เป็นตึกยาวเชื่อมกับ Fortune แต่งหน้าตาตึกใหม่ ดูสวยสดใสขึ้นเยอะ 🙂
เส้นรัชดา ตรงนี้ Fortune คงเป็นแหล่งพึ่งพิงสำหรับคนย่านนี้ไปอีก ยาวๆครับ
พื้นที่ก่อสร้างโครงการเนื้อที่ 1 ไร่ครึ่ง เมื่อก่อนเป็นอาคารพาณิชย์ ตอนนี้กำลังรื้อถอนปรับหน้างานอยู่ ไม่ควรเดินเข้ามาดูนะครับ อันตรายมาก อย่าคิดเดินเข้ามาเองเด็ดขาดครับ
ด้านหน้าโครงการจะติดกับถนนใหญ่เลย
สภาพภายในพื้นที่โครงการ ที่กำลังรื้อถอน ปรับสภาพพื้นที่… ย้ำอีกทีว่าอย่าเข้ามาดูเองครับ ผมเป็นห่วง
ด้านหลังโครงการ จะติดกับ อพาร์ตเมนท์ 4 ชั้นหลังนี้
ให้ดูแนวรั้วด้านหลังโครงการ
ดูรูปของจริงไปแล้วจะเห็นว่าในระยะประชิด ตัวโครงการอยู่ติดอาคาร 3-4-5 ชั้น ในทิศ ใต้ – ตะวันตก – เหนือ ตามลำดับ ส่วนด้านตะวันออก จะติดถนน จึงค่อนข้างสบายใจได้ในเรื่องที่จะมีตึกสูงมาขึ้นติดๆกัน ยกเว้นทิศใต้ที่เป็นอาคารพาณิชน์จะพร้อมใจกันขายยกแผง ส่วน อพาร์ตเมนท์ 5 ชั้นในทิศเหนือเจ้าของเพิ่งจะปรับปรุงเป็นห้องเช่า คงจะยังอยู่ไปอีกนานพอสมควร ส่วนด้านทิศตะวันออกที่เป็นถนน ฝั่งตรงข้ามถนนแถวซอยเลิศแก้ว ถ้าจะขึ้นตึกสูง ก็คงได้แต่จะยากอยู่สักหน่อยครับ… ดังนั้น ระยะประชิดคงมีพื้นที่ให้หายใจพอสมควร ส่วนมุมบังวิวไกลๆแบบ Block มิด ในตอนนี้ มีแต่ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จะมี Ideo Mobi – Condolette Midst – Aspire ยืนเข้าแถวรอรับน้องอยู่
วิวในด้าน ทิศใต้ จะเป็น City View อโศกสุขุมวิท ส่วนวิวด้านทิศเหนือจะเป็นวิวของถนนรัชดายาวๆตลอดแนว … วิวด้านทิศตะวันตกค่อนข้างจะโล่ง โดยมี Back Ground เป็น City วิวย่านพญาไท ส่วนด้านทิศตะวันออก จะเป็นวิวที่ บ้าน บ้าน ที่สุด เพราะเป็นวิวทางด้านคลองตันนู่นเลย
ถนนหน้าโครงการ ส่วนด้านซ้ายมือคือซอยเลิศแก้ว ที่พอจะสร้างอะไรอะไรได้อยู่หากรวบรวมที่ดินได้มากพอ แต่ก็มีระยะถนนทำให้ตึกที่จะขึ้นในอนาคต คงต้องร่นและอยู่ห่างจากตึก Rhythm Asoke (ที่ต้องร่นเช่นกัน) ในระยะประมาณ 60 เมตร
ฝั่งตรงข้ามโครงการ คือ Office ของ Rock Worth ที่ขายเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน ถัดไปจะเห็นตึกสูงสามแท่ง ซ้ายสุดคือ Ideo Mobi ขวามือคือ Aspire และในอนาคต ช่องตรงกลางระหว่าง Ideo Mobi กับ Aspire จะมี Condolette Midst ขึ้นมาอีกตึก เรียกว่า วิวด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ Rhythm Asoke จะโดนบังวิวไกลๆค่อนข้างจะ มิด
ฟุตบาททางเท้าของอาคารพาณิชย์แถวหน้าโครงการ เดินได้ครับ
อาคารพาณิชย์ห้องที่ ติดๆกับโครงการ จะเป็นสำนักงานของ KCAR หรือกรุงไทยคาร์เร้นท์
ระหว่าง กรุงไทยคาร์เร้นท์ กับโครงการ คั่นด้วยซอย ซอยนี้นะครับ เป็นซอยตื้นๆ ที่เป็นทางเข้าของอพาร์ตเมนท์ด้านในที่เห็นอยู่นั่นแหละ
ทางลงทางด่วน รัชดาภิเษก จากตรงนี้วนลงมาเข้าโครงการระยะทางไม่ถึง 100 เมตร
ด้านหน้าโครงการ ติดรั้วบอกไว้ชัดเจนแล้วว่า เป็น Rhythm Asoke ของ AP แน่ๆ
ผมจะพาเดินไปดูแนวทางเดินจากหน้าโครงการ ไปรถไฟใต้ดิน MRT สถานี พระราม 9 นะครับ ทางเท้าแคบหน่อย ต้องเดินอย่างระมัดระวัง เดินให้ห่างถนนนะครับ เดินตรงไปทางแยกพระราม 9 นั่นเลย
เดินตรงมานิดเดียวก็จะผ่านหน้าอาคารอพาร์ตเมนท์ที่กำลังปรับปรุง เมื่อปรับปรุงเสร็จคงจะดูดีและน่าเดินกว่านี้ครับ
เราจะเดินขึ้นสะพานข้ามคลองไป
สภาพน้ำในคลอง ที่เราเดินผ่าน ค่อนข้างจะดำเนอะ 🙂
เดินลงสะพานข้ามคลองมาก็เห็นแยกพระราม 9 แล้วครับ
มองย้อนกลับไปที่สะพานที่เพิ่งข้ามมา
แยกนี้เลี้ยวซ้ายไปดินแดง วิภาวดี … ตรงไปก็รัชดา … เลี้ยวขวารามคำแหง… เราเดินตรงไปครับ ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามซึ่งคือโรงแรม Grand Mercure
ถนนใหญ่แต่ข้ามง่ายนะครับ เดินข้ามาเกาะกลางที่มีสวนหย่อมนี้ก่อน แล้วรอจังหวะไฟแดงข้ามไปฝั่งตรงข้ามต่อไป
อดแอบมอง Ideo Mobi คอนโดรุ่นพี่ที่กำลังจะเสร็จอยู่แล้วไม่ได้เนอะ 🙂
รอจังหวะไฟแดงเพื่อข้ามไปฝั่งตรงข้ามนะครับ
ที่บอกว่าข้ามถนนง่ายเพราะรถมันติดๆอยู่แบบนี้แหละครับ 🙂
ห้าง Central พระราม 9 อยู่เลยแยกไปนิดเดียว พอจะเดินไปได้ครับ
ส่วนด้านขวามือนี้ ก็มุ่งหน้าไปรามคำแหง
อ้อ ตรงแยกพระราม 9 ตัดรัชดา เขาห้าม U-Turn นะครับ อย่าคิดทำล่ะ
เดินข้ามถนนตรงมาเรื่อยๆนะครับ
เราก็จะถึง MRT สถานีพระราม 9 แบบสบายๆ ที่ระยะเดิน 300 เมตร สถานีนี้ อยู่หน้า Fortune เราจะเลือกเดินลงสถานีไปเข้า Central พระราม 9 ก็ได้อีกเช่นกัน
วิวของโครงการ Rhythm อโศก
ทิศใต้และตะวันตกเฉียงใต้ของโครงการจะมองไปที่ทางด่วนจตุรทิศ ตรงนี้แม้ว่าจะมีเสียงรบกวนจากการจราจรบนทางด่วน แต่ก็จะได้วิวของพื้นที่สีเขียวบริเวณ Airport Link นะครับ เรียกว่ามี Trade Off กันไปได้
ต่อมาเป็นวิวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งจะมองไปทางถนนพระราม 9 ได้วิวเป็นแบบนี้ พอใช้ได้อยู่แต่ก็ไม่ได้สวยอะไรมากมาย มีตึกหนาๆบังเป็นระยะๆ
ทิศใต้ฝั่งตะวันออกนะครับ เป็นด่านเก็บเงิน … จะเห็นทางด่วนอ้วนๆ ส่วนทางทิศใต้แนวตรงก็จะเห็นวิวเมือง มองย้อนเข้าไปทางเส้นอโศกครับ
สุดท้ายก็คือทิศตะวันออกและทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จะเห็นเพื่อนบ้านอย่าง IDEO Mobi พระราม 9, Aspire พระราม 9 และแปลงที่ดินของ Condolette Midst พระราม 9 ที่กำลังจะสร้างครับ
เจาะลึกตัวโครงการ
โครงการ Rhythm อโศกมีทั้งหมด 37 ชั้น โดยจะเป็นชั้นพักอาศัยตั้งแต่ชั้น 7 – 36 ทำให้พ้นแนวตึกรอบข้างไปหมดแล้ว และจะจอดรถระหว่างชั้น B – 6F รวมที่จอดรถพร้อมซ้อนคันได้ 46%
พวกภาพ Perspective เหล่านี้เกิดจากการไปถ่ายเอาหน้างาน … ถ้าเรามีภาพที่ดูดีกว่านี้จะเอามาเปลี่ยนให้นะครับ จะได้สวยขึ้น
ภาพแรกเป็น Lobby ที่มีความสูง 6 เมตร แบบ Double Volumn
ภาพที่สองเป็นส่วนกลาง ที่อยู่บนชั้น 7-9 จากสระว่ายน้ำชั้น 7 มองไปเห็น Fitness ชั้น 8 และสวนบริเวณชั้น 9
ชั้น G แปลงที่ดินเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า เข้าออกได้ทางเดียวจากบริเวณหน้าถนนอโศก-ดินแดง โดยชั้น G จะเน้นส่วนที่เป็น Lobby มีสวนด้านหน้าทอดระยะให้ Lobby ห่างจากถนนใหญ่พอสมควร
ชั้น G มีที่จอดรถเล็กน้อย ลูกบ้านสามารถวนขึ้นไปจอดชั้น 2F – 6F หรือลงไปจอดชั้น B ก็ได้
ต่อมาเรามาดูชั้น Facility Floor กันก่อนที่ชั้น 7 สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือ กว้าง 7.5 ยาว 20 เมตร สามารถใช้งานได้จริง ชั้นนี้ยังคงมีห้องพักอาศัยอยู่ และจะมีบันไดสามารถเดินขึ้นไปชั้น 8-9 ที่มี Facility ได้เช่นกัน
ชั้น 8 มี Facility เป็นห้องฟิตเนสลอยอยู่เหนือสระว่ายน้ำ ขนาดของห้องฟิตเนสน่าจะอยู่ราวๆ 80 ตารางเมตร
ชั้น 9 เป็นส่วนของสวนพักผ่อน อยู่ด้านบนห้องฟิตเนสอีกทีหนึ่ง
ไม่เลวที่สามารถโยกพื้นที่สวนบางส่วนมาบริเวณนี้ได้ ไม่ต้องยกขึ้นไปอยู่บนชั้นดาดฟ้าทั้งหมด
ชั้น 10 – 36F เป็นชั้นพักอาศัยหลัก มีห้องพักด้วยกัน 13 ห้องต่อชั้น แบ่งเป็น
- Studio ขนาด 21.5 ตารางเมตร 6 ห้อง
- 1 Bedroom 31 ตารางเมตร 4 ห้อง
- 2 Bedrooms 41.5 ตารางเมตร 3 ห้อง
จะเห็นว่าโครงการนี้ไม่มีห้องที่ Layout ประหลาดๆหลุดออกมาเลย
ห้อง C9 – B13 ด้านบนในส่วนของ Core Lift และบันไดหนีไฟนั้นจะเป็นห้องที่หันไปทางทิศตะวันตก รวม 5 ห้อง และห้อง C8 – C1 จะเป็นห้องที่หันไปทางทิศตะวันออก รวม 8 ห้อง ปลายทางเดินทั้งสองฟากมีส่วนที่เป็นหน้าต่าง ให้แสงและลมธรรมชาติพัดผ่านจากเหนือไปใต้ได้ ทำให้ Floor Plan ของโครงการนี้ไม่อับไม่ทึบ
ส่วนของ Lift โดยสารนั้นมีเพียง 2 ตัว จัดเป็นอัตราส่วนประมาณ 192 ห้องพักต่อลิฟท์ 1 ตัว ซึ่งจัดว่าต่ำมาก หากเทียบกับโครงการอื่นๆที่ใช้แบรนด์ Rhythm แต่ก็ยังดีที่มีลิฟท์บริการแยกให้ต่างหากครับ
ห้องพักที่นี่จัดว่าเป็นขนาดเล็กมากที่สุดที่แบรนด์ The Rhythm เคยทำขึ้นมาเช่นกัน คือ 21.5 – 41.5 ตารางเมตร ซึ่งหากเอาไปเทียบกับโครงการอย่าง The Rhythm สุขุมวิท 42 ที่พึ่งเปิดตัวไป ห้องขนาด 41.5 ตารางเมตร นั้นเล็กกว่าห้อง 1 Bedroom อีกนะครับ แต่ The Rhythm อโศก เอามาจัดวางเป็น 2 Bedrooms 1 Bathroom
ด้วยขนาดที่เล็กลง แม้ว่าราคาต่อตารางเมตรจะสูงขึ้นเป็น 120,000 – 140,000 บาทต่อตารางเมตร ก็ยังสามารถคงระดับราคาแพคเกจให้อยู่ระหว่าง 2.5 – 5.5 ล้านบาทได้
ชั้น 37F เป็นชั้นบนสุดของตึกนี้ มี Facility หลักๆก็คือสวนสาธารณะ, Jogging Track และพวกเครื่องเล่น Fitness แบบ Outdoor
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ชั้น 7
- ห้องออกกำลังกาย ชั้น 8
- สวนชั้น 9 และชั้น Roof Top
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์ 192:1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถ รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 46%
- ระบบ CCTV / Access Card
- Digital Doorlock / Proxy Lift
Product Walkthrough
เรามาวิเคราะห์ห้องตัวอย่างผ่านกระดาษกันก่อนที่จะไปดูห้องจริงกันนะครับ
ห้องแรกเป็นแบบ 21.5 ตารางเมตร ห้อง Studio ที่เล็กที่สุดที่ The Rhythm เคยทำมา … โดย Rhythm Asoke นั้นขายเป็นแบบ Fully Fitted ห้องนี้ก็จะกลายเป็นห้อง โล่งๆ แบบว่าไม่มีผนังใดๆนอกจากผนังห้องน้ำและระเบียงกันเลยทีเดียว
ไม่รู้จะอธิบายอะไร เพราะมันเป็นกล่องโล่งๆ ทุกอย่างขึ้นกับการจัดวางของเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวภายในห้อง ให้ใช้พื้นที่ได้มากที่สุด
เรียกง่ายๆว่า ถ้างบไม่ถึง ก็ไม่ทางเลือกล่ะ
ห้องต่อมาเป็นแบบ 31 ตารางเมตร ซึ่งจะมีด้วยกัน 2 แบบ ซึ่งทั้งสองแบบมีห้องน้ำอยู่ในห้องนอนทั้งคู่ จะต่างกันที่ห้องนั่งเล่น ระเบียง และครัว
แบบแรกเป็นแบบห้องนั่งเล่นใหญ่ ครัวเปิด ระเบียงอยู่ติดกับห้องนั่งเล่น เหมาะสำหรับคนที่ชอบพื้นที่นั่งเล่นใหญ่ๆ กว้างๆ แต่ไม่ให้ความสำคัญกับครัวมากนัก
แบบที่สองนั้นจะเป็นแบบที่แยกครัวออกไปเป็นสัดส่วน ทำให้ใช้ครัวปิดและมีช่องหน้าต่างระบายอากาศได้ ส่วนของที่นั่งรับประทานอาหารก็จะเป็น Counter ติดหน้าต่าง หรือที่ทาง AP เรียกว่า Sky Kitchen ที่ไม่จำเป็นต้องเอาไว้นั่งกินข้าวอย่างเดียว เอามาเป็นที่น่ังทำงาน ทำการบ้าน ก็ได้เช่นกัน *แต่ต้องนั่งตอนที่ไม่มีแดดนะ* เพราะโครงการนี้หันหน้าเข้าหาทิศตะวันออกและตะวันตก หน้าต่างบานนี้จะได้รับแสงตรงๆและร้อนมากในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์หันเข้ามาเต็มๆ
ภาพ Perspective แสดงห้อง 31 ตารางเมตรแบบที่สอง ในส่วนโซฟา ที่จะถูกถอยร่นออกมาจากแนวหน้าต่างหน่อย
สุดท้ายคือห้องแบบ 2 Bedrooms ที่จัดแบบ 1 Bathroom เป็น Double Access มีห้องนอนที่วางเตียง 5 ฟุตได้ทั้งสองห้อง และห้องนั่งเล่นติดมุม เนื่องจากห้องแบบนี้จะอยู่ที่มุมตึกเท่านั้น ทำให้ห้องทุกห้องจะได้แสงธรรมชาติจากหน้าต่าง ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน 1, ห้องนอน 2, ห้องนั่งเล่นและห้องน้ำ
แต่ห้องแบบนี้ผมบอกได้เลยว่าอยู่ 4 คนไม่ไหวนะครับ ห้องน้ำห้องเดียว มีแย่งกันแน่นอน ถ้าอยู่ 2 คนพี่น้อง จองห้องนอนใหญ่คนละห้อง ผลัดกันเข้าห้องน้ำแบบนี้ถึงจะโอเค เพราะห้องน้ำสามารถแยกเป็น 2 Functions ได้ในเวลาเดียวกัน คนหนึ่งอาบน้ำ อีกคนหนึ่งใช้สุขา ก็สามารถทำพร้อมกันได้ครับ
รอสัปดาห์หน้าไว้ผมจะไปเยี่ยมห้องตัวอย่างแล้วกลับมารีวิวฉบับสมบูรณ์อีกครั้ง พร้อมกับให้คุณโอ๋สรุปเรื่องของทำเลด้วย
Update: ห้องตัวอย่าง
ห้องตัวอย่างของโครงการ Rhythm Asoke ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ของสำนักงานขาย Aspire พระราม 9 ซึ่งได้มีการปรับเปลี่ยนสำนักงานขายใหม่ให้กลายเป็นสำนักงานขายของ Rhythm Asoke นะครับ
ห้องตัวอย่างห้องแรกที่เราจะพาไปดูในวันนี้คือห้อง Studio ขนาด 21.5 ตารางเมตร
ภาพนี้ที่ถ่ายเป็นภาพรวมของห้อง Studio ที่เห็น ตกแต่งเป็นแบบ Fully Fitted ภายในไม่มี Furniture ใดๆ นอกจากชุดครัว
ซึ่งภาพนี้ก็เก็บพื้นที่ได้ 70% ของห้อง Studio ขนาดจิ๋ว 21.5 ตารางเมตรนี้แล้วครับ
จัดเป็นขนาดที่เล็กที่สุดเท่าที่ AP เคยทำมา เทียบได้กับ IDEO Mobi เล็กกว่า LPN อีกครับ
ฟังก์ชั่นหลักๆก็คือเตียงและโซฟาอย่างที่เห็น ไม่มีการกั้นห้องใดๆ ปล่อยให้พื้นที่ทั้งหมดเป็นพื้นที่โล่งกว้าง เพื่อให้ไม่ดูแคบ แตกต่างจากห้อง 22.5 ตารางเมตรของ LPN ที่มีการกั้นสัดส่วนชัดเจน ทั้งครัว ห้องนอน และห้องนั่งเล่น
ในขณะที่ครัวของ Studio Rhythm อโศกนั้นเป็นแบบ Open Space ดีไซน์เป็นครัวเปิด เลียบอยู่บริเวณผนังหน้าห้อง
เพื่อให้พื้นที่ต่อเชื่อมกันมากที่สุด
ด้วยฟังก์ชั่นของครัวนั้นจัดมาครบเป็นครัวของ STARMARK ท๊อปหินแกรนิต หน้าบานเมลามีน ติดตั้งเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควันและซิงก์ล้างจานมาให้ แต่ไม่มีที่พักจาน ไม่มีเครื่องซักผ้า และเตาไมโครเวฟที่เห็นในภาพ
ชั้นบนของครัวสามารถเปิดออกมาได้เป็นแบบนี้
แม้ว่าเครื่องดูดควันของ Franke จะเป็นแบบที่ดูดออกไปปล่อยนอกห้อง แต่เราก็ไม่แนะนำเป็นอย่างยิ่งที่จะมาทำอาหารที่มีกลิ่นในห้องนี้นะครับ เพราะว่าเป็นห้อง Studio ที่กลิ่นสามารถฟุ้งเข้าไปเกาะอยู่บนผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน หมอน ได้อย่างทันที
เตาไฟฟ้าของ FRANKE เช่นกัน
ทีวีสามารถติดตั้งได้ที่ปลายเตียง ระยะดูทีวีจากเตียงแน่นอนว่าไม่มีปัญหา
ด้านข้างเตียงนอนเป็นกระจกบานใหญ่ สามารถรับวิวได้เต็มๆ ส่วนที่ปลายเตียงเป็นตำแหน่งของระเบียงซึ่งเราจะพูดกันในช่วงต่อไปครับ
ระยะฝ้าถึงเพดานสูง 2.6 เมตร ทำให้สามารถติดตั้งตู้เสื้อผ้าสูงๆได้แบบนี้ และตู้เสื้อผ้าในห้องตัวอย่างก็ใช้วัสดุประเภทกระจกมาช่วยสะท้อน หลอกสายตาให้เหมือนว่าห้องดูใหญ่ขึ้น ก็จะช่วยเพิ่มมิติได้เล็กน้อย
แอร์ให้มา 1 เครื่องขนาด 18000 BTU ติดตั้งเหนือทีวีตามตำแหน่งที่เห็น ซึ่งถ้าใครมีสมบัติมากกว่านี้ ก็ต้องติดตั้งตู้แขวนเอาไว้ตามผนังด้านอื่นๆของห้องเอานะครับ ใช้พื้นที่ในแนวดิ่งให้เป็นประโยชน์กับห้องที่เล็กแบบนี้
ห้องตัวอย่างสร้าง Sofa อยู่บน Platform เดียวกับเตียงนอนเลย ช่วยลดพื้นที่ไปได้อีก วางโต๊ะเล็กๆ อเนกประสงค์ 1 ตัว สำหรับทานข้าว หรือนั่งทำงานก็ได้
มุมของเตียงนอนแต่งออกมาสวยดีนะครับ
หน้าต่างทางซ้ายได้เป็นบานกระทุ้ง โดยจะมีบานพระเอกทางขวา เป็นหน้าต่างบานใหญ่ แต่เปิดไม่ได้นะ
ถ้าใครอยากเปิดหน้าต่างให้มาตรงนี้แทน ซึ่งจะเป็นบานเลื่อน เปิดออกไปเป็นระเบียง
ราวกันตกทำจากเหล็กซี่ๆสีดำ พื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณกระเบื้อง 6-7 แผ่น ดังภาพ ซึ่งตรงนี้ใช้ตากผ้าเฉยๆ เพราะเครื่องซักผ้าสามารถวางไว้ที่ครัวได้
พื้นที่ด้านนอกระเบียงเป็นที่แขวน Compressor แอร์ ซึ่งตรงนี้จะไม่มีฝ้า ทำให้ระยะพื้นถึงเพดานเพิ่มขึ้นเป็น 2.8 เมตร คอมแอร์ก็จะลอยอยู่เหนือศีรษะพอดี พื้นที่ด้านล่างสามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่
อลูมิเนียมเกรดที่เอามาทำหน้าต่างกั้นระหว่างในห้องนอนและพื้นที่นอกระเบียงก็ใช้เกรดค่อนข้างดีนะครับ
เรามาดูห้องน้ำกันบ้าง เป็นอลูมิเนียมเกรดเดียวกัน ใช้เป็นบานเลื่อนแทนที่จะเป็นบานสวิง โดยวัสดุเลือกกระจกฝ้ามาเพื่อเพิ่มมิติให้กับห้อง อย่างน้อยก็จะได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ในห้องน้ำให้ดูห้องใหญ่ขึ้นด้วย
ตรงนี้มีประโยชน์สองอย่างคือจะไม่ทำให้บานประตูห้องน้ำเปิดมาชนกับประตูหน้าห้อง และเป็นการเซฟพื้นที่บางส่วน ไม่ต้องสวิงเข้าไปในห้องน้ำ
ห้องน้ำมีขนาดประมาณนี้ เล็กจริงแต่ไม่อึดอัด สามารถใช้งานได้ตามปกติ จัดว่าออกแบบมาได้ดีนะครับ
โถสุขภัณฑ์ของ Kohler หน้าตาประมาณนี้ ดูโอเค
อ่างล้างมือแบบกลม ขนาดเล็ก ประหยัดพื้นที่ แต่ก็ไม่มีที่วางของเช่นกัน แนะนำว่าให้ไปทำ Counter เพิ่มรอบๆด้าน เพื่อจะได้มีพื้นที่วาง เครื่องสำอางค์ แปรง ยาสีฟัน ฯลฯ
ห้องน้ำในนี้จัดมาดี เป็นระบบ Rain Shower ที่ฝังท่อไว้ในผนัง พร้อมกับที่วางสบู่สองจุด
ผักบัวก็ดูสวย ตัวก๊อกคอนโทรลแบบผสมก็ดูมีดีไซน์
กั้นส่วนเปียกส่วนแห้งด้วยกระจก Tempered Glass กับหินสังเคราะห์สีขาว
สวิทช์ไฟใช้เป็นพลาสติกแบบธรรมดา
ห้องน้ำนี้แม้ว่าจะปิดสนิท ก็ยังจะมองทะลุ พอเห็นเป็นลางๆได้ ทำให้เพิ่มมิติให้กับห้อง Studio ที่ขนาดเล็กอยู่แล้ว
สุดท้ายคือระยะดูทีวี แผงชุดเฟอร์ Built-in ตรงนี้ไม่ได้กำหนดตายตัวเนื่องจากไม่มีมาให้กับห้อง เป็นพื้นที่โล่งๆ
เจ้าของห้องสามารถเลือกได้ว่าจะติดทีวีให้ตรงกับอะไร โซฟาหรือที่นอน ขึ้นกับการใช้ชีวิตของแต่ละคนที่ดูทีวีจากตำแหน่งที่ต่างกันครับ
เรามาดูห้องขนาด 31 ตารางเมตรกันบ้าง ซึ่งห้องนี้เป็นแบบครัวปิดและ Sky Kitchen ส่วนห้องที่มีห้องนั่งเล่นใหญ่ๆนั้นไม่มีให้ชมนะครับ
ภายในห้องหากดูจากมุมนี้แล้วก็จะรู้สึกว่าแคบกว่าห้อง Studio เมื่อครู่อยู่เหมือนกันนะครับ เพราะห้องนี้ถูกกั้นเป็นสัดส่วน ให้ฟังก์ชั่นในแต่ละจุดแยกออกจากกันโดยชัดเจน
ฟังก์ชั่นที่เป็นจุดเด่นที่สุดคงจะหนีไม่พ้นมุมนี้ ซึ่งจริงๆแล้วไม่มี Counter แบบนี้นะครับ แต่จะออกแบบมาไว้ให้ ใครอยากจะนั่งสูงๆ เป็น Bar + Stool ก็สามารถทำได้แบบที่ห้องตัวอย่างแสดงไว้
หรือถ้าใครอยากจะแต่งให้ขนาดเท่ากับโต๊ะทำงาน โต๊ะทำการบ้าน แล้วนั่งบนเก้าอี้ปกติ ก็สามารถทำได้เช่นกัน
ด้านล่างก็เป็นช่องกระจกนะครับ
สไตล์การตกแต่งของที่นี่เป็นแบบ Industrial สวยครับ แต่อยู่จริงคงจะไม่ได้
ทางขวาบนเป็นตำแหน่งวางแอร์ของห้องนี้นะครับ
ชุดชั้นวางดูทีวี
เรามาดูกันที่ห้องครัวปิดกันบ้าง เป็นจุดเด่นมากๆของห้อง 31 ตารางเมตรนี้เลย
โดยชุดครัวและสเปคต่างๆจะก็ได้ตามห้อง Studio เด๊ะๆ
แต่จุดที่แตกต่างก็คือ ครัวนี้สามารถเปิดบานกระทุ้งระบายอากาศได้ด้วย และติดตั้งกระจกบานยาวจนถึงพื้น ทำให้แสงอาทิตย์สองเข้ามาฆ่าเชื้อโรค ลดความอับของครัวไปได้
บานเลื่อนที่ใช้ ก็จะกั้นพื้นลามิเนตออกจากพื้นกระเบื้อง ทำให้ใช้งานครัวได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องกลัวน้ำหกพื้นบวมแล้ว
ด้วยพื้นที่ที่จำกัด แม้ว่าครัวจะแยกส่วน แต่ก็อาจจะไม่ถูกใจแม่บ้านมือหนักทั้งหลายนะครับ พื้นที่หั่นผัก เตรียมวัตถุดิบ พักจาน แช่ผลไม้ ก็มีไม่มากอาจจะน้อยกว่าที่อยากจะได้ครับ
เรามาดูห้องนอนกันบ้าง
ห้องนอนมีหน้าต่างพร้อมกับราวกันตก มองจากมถมนี้จะไม่เห็น Compressor Air เพราะว่ามันซ่อนอยู่ด้านซ้ายครับ
ตำแหน่งของทีวีกับเตียงก็ Center กันดี และแอร์ห้องนอนมีให้อีกตัวหนึ่งด้วยนะ
มีกริลปิดมิดชิด แขวนคอมแอร์ทั้งสองตัว ไม่เกะกะ
แต่ระเบียงแคบไปหน่อย ดูท่าใช้ตากผ้าได้อย่างเดียว
ขนาดห้องนอนก็ประมาณนี้แหละครับ ไม่ใหญ่
ห้องน้ำใช้วัสดุเหมือนเดิมนะครับ
ธรณีก่อตรงนี้เบิ้ลขึ้นมาเยอะไปมั้ง มันสูงมาก อันตราย
Shower Screen และห้องอาบน้ำดูใหญ่ขึ้น วางเป็นสัดส่วนมากขึ้น อาบสบายขึ้น
ห้องน้ำก็ใหญ่ขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ผมว่าไปทำ Counter ดีกว่านะ วางของไม่พอ
กระเบื้องพื้นห้องน้ำขนาด 30 x 60 cm
ตำแหน่งติดตั้งแอร์ในห้องนอน
ระยะดูทีวีห้องรับแขก
ทีวีได้ขนาดเท่ากับที่แสดงในห้องตัวอย่าง ก็คิดว่าใหญ่สุดๆแล้วครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 15/08/2013
- Studio ชั้น 12 ห้อง A6 เนื้อที่ 21.5 ตารางเมตร ราคา 2.702 ล้านบาท หรือ 125,702 บาทต่อตารางเมตร
- Studio ชั้น 14 ห้อง A6 เนื้อที่ 21.5 ตารางเมตร ราคา 2.737 ล้านบาท หรือ 127,302 บาทต่อตารางเมตร
- Studio ชั้น 22 ห้อง A12 เนื้อที่ 21.5 ตารางเมตร ราคา 2.854 ล้านบาท หรือ 132,777 บาทต่อตารางเมตร
- 1 Bedroom ชั้น 22 ห้อง B13 เนื้อที่ 31 ตารางเมตร ราคา 4.205 ล้านบาท หรือ 135,671 บาทต่อตารางเมตร
- 2 Bedrooms ชั้น 22 ห้อง C1 เนื้อที่ 41.5 ตารางเมตร ราคา 5.639 ล้านบาท หรือ 135,892 บาทต่อตารางเมตร
- Fully Fitted
- เพดานสูง 2.6 เมตร
- จอง 20,000 / 30,000 / 50,000 บาท
- ทำสัญญา 50,000 / 80,000 / 100,000 บาท
- เงินดาวน์ ~12%
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 55 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
เจาะลึกรวบยอด
คุณโอ๋เป็นคนเขียนในส่วนของทำเล
โครงการ Rhythm อโศก อยู่บนทำเลใกล้กับแยกพระราม 9 ตัดรัชดา นะครับ ซึ่งเป็นทำเลที่มั่นใจได้ว่า ในอนาคต คงมีอาคารสูง Commercial Use หรือพวกอาคารสำนักงานต่างๆ ขึ้นอีกหลายตึก ซึ่งคงจะสร้างความคึกคักและเปลี่ยนหน้าตาของแยกนี้ไปอีกมาก … แต่จะเหมาะแก่การอยู่อาศัยหรือไม่ ต้องพิจารณาปัจจัยแวดล้อมอีกหลายอย่างนะครับ… ตัวโครงการ อยู่ไม่ไกลจากแยกสุขุมวิทอโศก ใกล้ทางด่วน และไม่ไกลจากสถานีรถไฟใต้ดิน สถานีพระราม9 ซึ่งโครงการที่เปิดใหม่ในย่านนี้ต่างขยับทำราคาไปแตะ แสนต้นๆ-แสนกลางๆ ต่อตารางเมตรกันแล้ว เรียกว่า ร้อนแรงจนแทบจะหยิบจับไม่ได้เลยทีเดียว.. ตัวทำเลบนถนนอโศก-ดินแดงนี้ แม้จะใกล้แยกพระราม9 แต่จะแตกต่างจากโครงการบนถนนพระราม 9 หรือ รัชดา ที่ใกล้ๆกันพอสมควรนะครับ เห็นว่าห่างกันไม่มาก แต่ความสะดวก และสภาพแวดล้อม ต่างกันแบบรู้สึกได้ครับ
ความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการ ต้องเรียกว่าเหมาะกับคนขยันเดิน เพราะในระยะใกล้ๆ ไม่เกิน 300 เมตร แทบจะเรียกว่ากันดาร ไม่ค่อยจะมีอะไร แต่ถ้าขยับออกมาสัก 400-600 เมตร นี่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เพราะมีโรงแรม มีห้าง 2 ห้างอย่าง ห้าง Fortune และ Central พระราม 9 ไม่นับในอนาคตที่เมื่อมีอาคารสำนักงานมาขึ้นที่แยกนี้เยอะๆ พวกร้านค้าร้านอาหารใต้ตึก ก็ย่อมจะต้องมีให้บริการค่อนข้างจะแน่นอน … Bonus เสริม คือ สามารถ นั่งรถไฟใต้ดิน ไปหาความสะดวกสบายในระยะใกล้ๆได้อีกเยอะ
สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ ในระยะประชิดติดอาคาร เป็นอาคารพาณิชย์เก่า และอพาร์ตเมนท์ เล็กๆ ล้อมรอบโครงการอยู่ ดีที่ตัวส่วนพักอาศัยอยู่สูงกว่าอาคารรอบๆทั้งหมด จึงไม่ได้มีผลต่อวิวมากนัก ยกเว้นมุมก้มของชั้นล่างๆ ตัวโครงการตั้งอยู่ในย่านที่คึกคักและรถติดในช่วงกลางวัน ด้วยเป็นย่านคนทำงาน ส่วนในเวลากลางคืนดึกๆ ในปัจจุบัน ณ วันนี้ จะเห็นกันชัดๆว่าไม่น่าเดิน เพราะทั้งสภาพทางเดิน และตึกเก่าที่กำลังปรับปรุง รวมถึงใกล้สถานบันเทิงอย่าง Amsterdam ด้วย (มีคนดูแล เดินผ่านปลอดภัย แต่อาจจะตะขิดตะขวงใจหน่อย เจอคนรู้จักแถวนี้มันดูไม่งาม) … แต่ในอนาคตเมื่อโครงการเสร็จ อาคารเก่าๆที่อยู่ติดกันก็คงจะ Renovate ปรับปรุงเสร็จแล้ว ด้านหน้าก็คงจะเดินผ่านได้สบายใจหน่อย
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ค่อนข้างสะดวก ด้วยอยู่ไม่ไกลเมือง และมีทางขึ้นทางลง ทางด่วนที่อยู่ใกล้ๆโครงการ แต่ก็มีจุดสลบหลายอย่าง เช่น รถติดค่อนข้างจะหนักในช่วงเช้าและเย็น ตามเวลา เข้างานและเลิกงาน (วันหยุดโล่ง) เวลาจะกลับบ้านถ้ามาจากทางแยกรัชดา-พระราม 9 จะกลับรถวนเข้าบ้านค่อนข้างจะลำบาก…อีกปัจจัยลบที่ควรพิจารณาสำหรับคนใช้รถคือจำนวนที่จอดที่ให้มา 46% รวมซ้อนคัน สำหรับโครงการระดับราคานี้ที่มั่นใจได้ว่าลูกบ้านทุกคนซื้อรถได้ไม่ยากแล้ว การใช้รถของลูกบ้านโครงการ Rhythm Asoke น่าจะโหดร้ายสำหรับคนกลับบ้านดึกแน่ๆ เพราะที่จอดรถ น่าจะไม่เพียงพอ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ สะดวกค่อนข้างมาก เรียกรถ Taxi ง่ายตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยอยู่ติดถนนใหญ่ที่มีการจราจรคึกคักตลอด มีพี่วินอยู่ไม่ไกล และสามารถเดินไปใช้ MRT สถานี พระราม 9 ได้ไม่ลำบากนัก แต่ต้องบอกก่อนนะครับว่า ตอนเช้าช่วงคนเข้างานนี่ MRT พระราม 9 รอนานเหมือนกัน เพราะคนค่อนข้างแน่น จะขึ้นไม่ได้ในหลายๆขบวน หวังว่าอีก 3 ปี เมื่อโครงการเสร็จ อะไรๆจะปรับปรุงให้ดีกว่านี้ เพราะสถานีนี้ต่อไปจะมีคนใช้อีกมากมายมหาศาลครับ
คุณบีมเป็นคนเขียนในส่วนของโครงการและห้องตัวอย่าง
โครงการ Rhythm Asoke จัดเป็น Pilot Project ของ AP ในการ “ลดขนาดห้องพัก” ทั้งโครงการ ลงมาเป็นขนาด Studio 21.5 ตารางเมตร 1 Bedroom 31 ตารางเมตร และ 2 Bedrooms 41.5 ตารางเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่เล็กที่สุดของแบรนด์ Rhythm ซึ่งแน่นอน การซอยห้องมากขึ้นมีข้อดีตรงที่ทำให้ราคาโดยรวมเป็นแพคเกจต่อห้องถูกลงแม้ว่าราคาต่อตารางเมตรจะสูง แต่ก็ต้องตามมาด้วยปัจจัยลบบางประการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นจำนวนที่จอดรถที่จะต้องถูกหารด้วยจำนวนห้องที่มากขึ้น เหลือเพียง 46% จากที่ควรจะทำได้ 60% ในขนาดห้อง Rhythm ปกติ, อัตราส่วนลิฟท์ที่ลดลงเหลือ 190 กว่าห้องต่อลิฟท์โดยสาร 1 ตัว และจำนวนห้องต่อชั้นที่ 13 ห้องต่อชั้น ทั้งๆที่ Floor Plate ไม่ได้ใหญ่มาก ก็จัดเป็นการ Trade Off กันในเรื่องของแพคเกจราคาโดยรวมกับคุณภาพชีวิตที่จะต้องหนาแน่นมากขึ้น
วัสดุของโครงการจัดทำออกมาได้ตามเกรดของ Rhythm รับได้สำหรับราคาแสนต้นๆต่อตารางเมตร แต่ไม่ให้เฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Furnished ดังนั้นราคาที่เรียกมา 130,000 บาทต่อตารางเมตรในย่าน รัชดา-พระราม 9 ก็อาจจะดูสูงไปอยู่บ้างนะครับ โดยรวมแล้วครัวดูโอเค ห้องน้ำพอรับได้ แต่ก็ต้องทำ Counter วางของเพิ่มให้วางข้าวของเครื่องใช้ในห้องน้ำได้พอเพียงนะครับ
แบบของห้องนั้นโดยรวมแม้ว่าจะเล็กลง แต่การออกแบบก็สามารถทำได้ดีขึ้น โดยเฉพาะห้องแบบ 31 และ 41.5 ตารางเมตร ตีโจทย์ได้แตก ทำให้มีความเป็นสัดส่วนและน่าอยู่อาศัยมากขึ้นในพื้นที่ขนาดเล็ก ส่วนห้อง Studio แบบ 21.5 ตารางเมตรนั้น ผมยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรกับห้องโล่งๆที่ไม่มีความเป็นสัดส่วนครับ
สาธารณูปโภคเป็นจุดเด่นพอประมาณสำหรับโครงการนี้ คือมีให้ครบถ้วน Lobby สูงสองชั้น, สระว่ายน้ำชั้น 7, ห้องออกกำลังกายชั้น 8 และสวนกับห้องอเนกประสงค์ชั้น 9 ซึ่งสามารถเข้าถึงได้จากทั้ง 3 ชั้น และสวนบนดาดฟ้าชั้น 37 อีกชุดหนึ่ง ถือว่ามีให้ครบ แต่ไม่ได้เกินความคาดหวังจากราคาที่ตั้งไว้
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 130,000 บาทต่อตารางเมตร, 15/08/2013
- ทำเล 8.0/10 – ทำเลมีอนาคต แต่ราคานี้มีตัวเลือกเยอะ
- เดินทางด้วยรถ 7.0/10 – เดินทางสะดวก ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน แต่รถติดในวันทำงาน และที่จอดรถน้อยมากเมื่อเทียบกับระดับราคา
- ไม่ใช้รถ 8.0/10 – สะดวกและมีทางเลือกในการเดินทางเยอะ แต่ระดับราคานี้ยังมีตัวเลือกที่เปิดกว้างสำหรับคนมองหาโครงการอยู่สบายแบบไม่ใช้รถ
- วัสดุ 7/10 – ไม่ Fully Furnished จัดมาให้น้อยไปนิดนึงนะ
- แบบ 7.5/10 – แบบห้องทำได้ดี แต่ความหนาแน่นสูง ยูนิตเยอะ
- สาธารณูปโภค 8/10 – ได้ตามความคาดหวังที่ควรจะเป็น
- HIGH CLASS (2013)
- 7.65 / 10.00
BOTTOM LINE
Rhythm Asoke เหมาะสำหรับคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยในทำเล รัชดา / พระราม 9 / อโศก-ดินแดง ในราคา 2-4 ล้านบาท โดยไม่ต้องการห้องใหญ่ อาศัยการเดินทางด้วย MRT มากกว่าการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ