[รีวิวฉบับที่ 2772] Reference Ekkamai (เรฟเฟอเรนซ์ เอกมัย) คอนโดเปิดใหม่ใจกลางย่านเอกมัย ที่นี่เป็นคอนโดแบรนด์ Reference โครงการที่ 2 ที่มาเอาใจวัยทำงานที่ชอบการออกแบบที่สวยคลาสสิค 1 Bedroom ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท เบื้องต้นเราสรุปประเด็นที่น่าสนใจไว้ดังนี้ค่ะ

  • ทำเล – ใจกลางเอกมัย ตรงข้าม Healthland ใกล้ทองหล่อซอย 10 (ดองกี้ มอลล์) ถือว่าเป็นย่านไลฟ์สไตล์ที่เชื่อมต่อได้ง่ายทั้งเอกมัยและทองหล่อ นอกจากนี้โครงการยังมีรถรับ-ส่งสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ-เอกมัยมาให้ด้วย
  • ดีไซน์ร่วมสมัย – รวมสเน่ห์ของบ้านพักอาศัยดั้งเดิมมาผสมกับความโมเดิร์นของปัจจุบัน มีหลายมุมมากที่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ Art Gallery เรียกได้ว่าเป็น Instagrammable Places ก็ว่าได้
  • Fully Furnished – ชมก่อนเลยว่าเฟอร์ฯ ต่างๆที่ตกแต่งมาให้ในห้องพักออกแบบสวยงาม เป็นเฟอร์ฯ ที่เหมือนของตกแต่งไปในตัว รวมถึงมี Decorate Item จากแบรนด์ Norse Furniture ที่ให้เป็น Special Privilage ในช่วงเปิดตัวโครงการ ชดเชยกับสเปควัสดุบางอย่าง ที่หากจัดเต็มได้มากกว่านี้สักหน่อยจะดีมากเลย
  • Private ยูนิตต่อชั้นไม่เยอะ – ค่อนข้างเป็นส่วนตัวเลยค่ะ จำนวนเพื่อนบ้านต่อชั้นไม่เยอะ 10-11 ยูนิตเท่านั้น น้อยกว่าโครงการส่วนใหญ่ในระดับราคาเดียวกัน
  • Service Offering – เช่น บริการจาก MUVMI, ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ Allianz Ayudhya, Cleaning Package, Concierge Service เป็นต้น
  • Pet Allowed – มีบางชั้นที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้อย่างเปิดเผย แต่จะไม่ได้มี Facility สำหรับสัตว์เลี้ยงให้นะคะ

รายละเอียดจะเป็นอย่างไรตามไปชมกันค่ะ

ข้อมูลโครงการ

Reference Ekkamai (เรฟเฟอเรนซ์ เอกมัย) ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2567

 ชื่อโครงการ   Reference Ekkamai (เรฟเฟอเรนซ์ เอกมัย)
 ชื่อผู้ประกอบการ   SC ASSET CORPORATION PUBLIC COMPANY LIMITED
 SEGMENT CLASS   HIGH CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2023 )
 โครงการตั้งอยู่   ถนนเอกมัย เขตวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร
 ที่ดิน   2-1-69 ไร่
 ประเภทคอนโด   High Rise 44 ชั้น 1 อาคาร
 จำนวนยูนิต   396 ยูนิต
 ที่จอดรถ   52%
 เริ่มก่อสร้าง   Q1 ปี 2025
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ประมาณปี 2027
 ประเภทห้องพัก
  • 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 34.55-37.16 ตร.ม. แต่งครบเริ่ม 5.99 ล้านบาท*
  • 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ 47.01 ตร.ม.
  • 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาดพื้นที่ 65.78-68.26 ตร.ม.
  • Penthouse ขนาดพื้นที่ 157.97 ตร.ม.

 ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท*
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ n/a
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) ผ่านแล้ว
 เว็บไซต์โครงการ https://pg.thinkofliving.com/reference-ekkamai
 Call Center 1749

 

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.728962008493435, 100.58575693579834
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

Reference Ekkamai (เรฟเฟอเรนซ์ เอกมัย) ตั้งอยู่ติดถนนเอกมัย ห่างจากปากซอยหรือว่ารถไฟฟ้าประมาณ 1 km. ซึ่งเอกมัย-ทองหล่อนี้นับว่าเป็นย่าน Lifestyle All day all night ที่มีความเจริญเติบโตสูง เป็นแหล่ง Hang out ที่มีร้านชื่อดังมากมาย โดยตำแหน่งของโครงการจะอยู่ตรงข้าม Healthland ใกล้กับซอยทองหล่อ 10 ซึ่งเป็นซอยหลักที่เชื่อมต่อระหว่างเอกมัยและทองหล่อ นอกจากนี้ยังใกล้กับ Community Mall มากมาย เช่น เวิ้งโบราณที่อยู่เยื้องๆ กัน, Donki mall ทองหล่อ, และไม่ไกลจาก J-Avenue ทองหล่อซึ่งเป็น area ที่คึกคักมากที่สุดของทองหล่อด้วยค่ะ

ในส่วนของที่อยู่อาศัย แต่เดิมสองข้างทางของถนนเอกมัยจะเป็นอาคารพาณิชย์ มีบ้านเดี่ยวและสำนักงานอยู่บ้าง แต่หลังจากที่มีรถไฟฟ้าให้ใช้งานก็มีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นเยอะในช่วงต้นซอยเอกมัย ไล่เข้ามาเรื่อยๆ จนตอนนี้เรียกว่าเต็มทั้งซอยแล้ว อย่าง Reference Ekkamai (เรฟเฟอเรนซ์ เอกมัย) เองก็ถือว่าอยู่ในช่วงกลางซอย ซึ่งเป็นบริเวณที่มีความคึกคักมากที่สุดแล้วค่ะ จุดแข็งอีกอย่างหนึ่งของทำเลนี้คือใกล้ทองหล่อ ในขณะที่ราคาที่ดินยังสูงไม่เท่าในทองหล่อ ทำให้โปรดักส์คอนโดมิเนียมที่เกิดขึ้น ราคาต่อตร.ม.จะต่ำกว่า และมีราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด

สำหรับโครงการ Reference Ekkamai (เรฟเฟอเรนซ์ เอกมัย) นี้เป็นคอนโดที่มีราคาเริ่มต้น ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 5.99 ล้านบาท เกาะกลุ่มกับคอนโดโซนกลางเอกมัย แต่ดีไซน์จะไม่เหมือนใครนะ ส่วนกลางได้บรรยากาศเหมือนอยู่ Art Gallery ในยุโรป ตัวห้องขายแบบ Fully Furnished ซึ่งเฟอร์ฯ ที่ให้ดูสวยคลาสสิค ไม่เหมือนเฟอร์ฯ ทั่วไป ใครชอบการตกแต่งสไตล์คลาสสิคๆ แบบนี้ อยากให้ไปลองชมห้องตัวอย่างกันค่ะ

ในแง่การเดินทางถือว่าค่อนข้างสะดวก สามารถเชื่อมต่อสุขุมวิทและเพชรบุรีตัดใหม่ได้ง่าย มีรถไฟฟ้าอยู่ใกล้ๆ และทางโครงการมีรถรับ-ส่งให้บริการไปยังสถานีทองหล่อ และเอกมัยด้วย แต่ก็มีจุดที่ต้องคำนึงคือเอกมัยเป็นถนนอีกเส้นที่การจราจรค่อนข้างติดขัด ถ้าใช้รถส่วนตัวอาจจะต้องวางแผน เผื่อเวลา หลีกเลี่ยงช่วงเวลารถติดเอาไว้สักหน่อยนะคะ

ทางด่วนรอบๆ โครงการ

Image 1/4
ทางพิเศษฉลองรัช ด่านพระโขนง

ทางพิเศษฉลองรัช ด่านพระโขนง

รอบซอยเอกมัยจะมีทางด่วนรายล้อมให้เลือกใช้งานได้หลายเส้นทางเลยค่ะ

  • ทางพิเศษฉลองรัช ด่านพระโขนง จุดขึ้นทางด่วนอยู่บนถนนสุขุมวิท ห่างจากโครงการประมาณ 2.8 km. ใช้เป็นตัวช่วยในการเดินทางขึ้นเหนือไปทางรามอินทรา
  • ทางพิเศษฉลองรัช ด่านพัฒนาการ จุดขึ้นทางด่วนอยู่บนถนนพัฒนาการ ห่างจากโครงการประมาณ 3.2 km. เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเดินทางไปโซนรามอินทราเช่นกัน
  • ทางพิเศษศรีรัช ด่านรามคำแหง จุดขึ้นทางด่วนอยู่บนถนนพระราม 9 อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 3.5 km. ใช้เดินทางไปทางอนุสาวรีย์, พญาไทได้
  • ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ด่านอาจณรงค์ จุดขึ้นทางด่วนอยู่บนถนนอาจณรงค์ ห่างจากโครงการประมาณ 4 km. เป็นตัวช่วยในการเดินทางไปโซนพระราม 3, บางมด หรือจะใช้เข้าเมืองไปทางสาทรก็ได้

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

สภาพแวดล้อมรอบข้าง Reference Ekkamai (เรฟเฟอเรนซ์ เอกมัย) เป็นแหล่ง Hangout และคอนโดมิเนียมเป็นหลัก จึงมีตึกสูงขนาบทางฝั่งทิศเหนือ และในอนาคตทางฝั่งทิศใต้ก็น่าจะมีคอนโดใหม่เพิ่มขึ้นมาเช่นกัน แต่โครงการนี้ก็ยังมีพื้นที่ทางทิศตะวันออกและวันตกให้ได้หายใจหายคอ เพราะรอบข้างเป็นบ้านพักอาศัย หรืออาคารที่ไม่สูงนัก ซึ่งห้องพักของโครงการก็มีแค่ 2 ทิศนี้ที่ไม่มีอาคารสูงบล็อกวิวค่ะ เราสรุปพื้นที่รอบๆ โครงการไว้ ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดกับ ซอยเอกมัย 1 และถัดไปเป็นคอนโดสูง 32 ชั้น
  • ทิศตะวันออก ติดกับ ถนนเอกมัย ฝั่งตรงข้ามเป็น Healthland
  • ทิศใต้ ติดกับ Sales Gallery ของคอนโดข้างเคียง ในอนาคตส่วนที่ติดกับโครงการอาจเป็นคอนโดสูง 25-43 ชั้น
  • ทิศตะวันตก ติดกับ บ้านพักอาศัย ถัดไปเป็นกลุ่มคอนโด 7 ชั้น

วิวรอบโครงการ

Image 1/4
วิวทางฝั่งทิศเหนือ จะอยู่ติดกับคอนโดสูง 32 ชั้น แต่ที่นี่ไม่มีห้องพักอาศัยที่หันออกหาวิวฝั่งนี้ จะมีแค่ชั้น Facility ส่วนกลาง ชั้น 43,44 และ Rooftop ที่เปิดรับวิวฝั่งนี้ได้ แต่ก็เลยความสูง 32 ชั้นของโครงการข้างเคียงแล้วค่ะ

วิวทางฝั่งทิศเหนือ จะอยู่ติดกับคอนโดสูง 32 ชั้น แต่ที่นี่ไม่มีห้องพักอาศัยที่หันออกหาวิวฝั่งนี้ จะมีแค่ชั้น Facility ส่วนกลาง ชั้น 43,44 และ Rooftop ที่เปิดรับวิวฝั่งนี้ได้ แต่ก็เลยความสูง 32 ชั้นของโครงการข้างเคียงแล้วค่ะ

บรรยากาศโดยรอบ

Image 1/9
โครงการอยู่ติดถนนเอกมัย บริเวณใจกลางซอยที่เป็นโซนคึกคัก

โครงการอยู่ติดถนนเอกมัย บริเวณใจกลางซอยที่เป็นโซนคึกคัก

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Big C เอกมัย ~ 200 m.
  • Donki Mall ~ 260 m.
  • Parklane เอกมัย ~ 800 m.
  • J Avenue ทองหล่อ ~ 950 m.
  • The Common ทองหล่อ ~ 1.1 km.
  • Gateway Ekkamai ~ 1.2 km.
  • EmQuartier ~ 2.9 km.
  • Emporium ~ 3 km.
  • Emsphere ~ 3.4 km.

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลสุขุมวิท ~ 1.3 km.
  • โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ~ 1.4 km.
  • โรงพยาบาลคามิลเลียน ~ 1.7 km.
  • โรงพยาบาลกรุงเทพ ~ 2.9 km.

โรงเรียน

  • โรงเรียนนานาชาติเอกมัย (EIS) ~ 1 km.
  • โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์ส ~ 1.7 km.
  • โรงเรียนดิ อเมริกัน สคูล ออฟ แบงค็อก ~ 1.7 km.
  • โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเวลล์ส ทองหล่อ ~ 2.2 km.
  • โรงเรียนนานาชาติบางกอกเพรพ ~ 3.4 km.
  • โรงเรียนนานาชาติบางกอก พรีแพราธอรี แอนด์ เซ็กเคินเดอรี ~ 4 km.

การเดินทาง

  • BTS เอกมัย ~ 900 m.
  • ท่อเรือทองหล่อ ~ 2 km.
  • ทางพิเศษศรีรัช ~ 3.5 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlight

  • ดีไซน์ร่วมสมัย ไม่เหมือนใคร
  • Private ยูนิตต่อชั้นไม่เยอะ เมื่อเทียบกับโครงการโดยรอบที่มีระดับราคาเดียวกัน
  • มี Service Offering เช่น บริการจาก MUVMI, ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ Allianz Ayudhya, Cleaning Package, Concierge Service เป็นต้น

Reference Ekkamai (เรฟเฟอเรนซ์ เอกมัย) เป็นคอนโดสูง 44 ชั้น บนที่ดินประมาณ 2 ไร่ครึ่ง กับจำนวนลูกบ้าน 396 ยูนิต นับว่าเป็นคอนโดแบรนด์ Reference โครงการที่ 2 ต่อจาก Reference สาทร – วงเวียนใหญ่ ซึ่งแบรนด์นี้ SC Asset ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Y ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทำเล และฟังก์ชันส่วนกลางที่จัดเต็มมากขึ้น เทียบกับโครงการโดยรอบถือว่าราคาเกาะกลุ่ม แต่สไตล์การออกแบบนั้นแตกต่าง ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ Art Gallery ไม่ได้ตกแต่งให้ดูสวยแบบโฉ่งฉ่าง แต่สวยงามแบบคลาสสิค ดู Timeless เรียกได้ว่าเป็น Instagrammable Places ที่น่าสนใจอีกที่ก็ว่าได้

แม้ว่าจำนวนยูนิตในโครงการจะไม่ต่างจากเพื่อนๆ มากนัก แต่ต้องชมเลยว่าโครงการนี้ออกแบบให้มีระยะ Set Back จากถนนค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ทำให้ตัวอาคารสูงได้ถึง 44 ชั้น ส่งผลดีกับจำนวนยูนิตต่อชั้นที่จะไม่เยอะนัก สูงสุดเพียง 11 ยูนิต เหมาะกับคนที่ชอบความเงียบสงบเป็นส่วนตัว

Reference Ekkamai (เรฟเฟอเรนซ์ เอกมัย) เองก็มีส่วนกลางที่จัดฟังก์ชันมาแบบไม่น้อยหน้าเพื่อนๆ ในระดับราคาเดียวกัน ฟังก์ชันแต่ละชั้นเราสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้

  • ชั้น 1 ส่วนกลาง : Floating Oasis, Stepping Terrace, The Conservatorium, Colonnade Gallery, Drop-Off, Mail Room, Delivery & Pick-Up, Parcel Room, Zero Waste, Parking
  • ชั้น 2-4 : ที่จอดรถ
  • ชั้น 5 ชั้นพักอาศัย+ส่วนกลาง : Kids Cocoon, Wellness Garden, Yoga Studio, The Movement Lab
  • ชั้น 6-42 ชั้นพักอาศัย
  • ชั้น 43 ส่วนกลาง : S63rd The Infinity Edge Swimming Pool, Pool Lounge, Kids Pool, Private Onsen, The 55th Lounge, Jacuzzi
  • ชั้น 44 ชั้นพักอาศัย+ส่วนกลาง : The Ember Lounge

แถมยังมี Service Offering ให้ลูกบ้านเพื่อความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย เช่น บริการรับ-ส่งจาก Muvmi, ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุจาก Allianz Ayudhya, Cleaning Package, Concierge Service เป็นต้น

โครงการออกแบบภายนอกอาคารให้มี Mood & Tone ที่ดูคลาสสิค เช่น ดีเทลย่อมุม, งานเซาะร่องที่ทำให้อาคารดูมีมิติขึ้น

ส่วนการออกแบบภายในเรามองว่าใช้เทคนิคการออกแบบที่หลากหลาย หลักๆ จะเป็น Symmetry ที่ทำให้ดูแกรนด์เหมือนอยู่ใน Art Gallery เช่น โถงทางเดินยาวๆ ที่ออกแบบเป็นฝ้าเพดานสูง พร้อมดีเทลเสาย่อมุม เหมือนทางเดินเข้าพิพิธภัณฑ์ในยุโรป, มุมนั่งเล่นที่ออกแบบให้ไฟเป็นทรงกลมขนาดใหญ่ ล้อกับชุดโซฟาทรงครึ่งวงกลม และการออกแบบมุมนั่งเล่นในอาคารให้เป็นเหมือน Pavilion ใกล้ชิดธรรมชาติ และยังมีบางมุมตั้งใจออกแบบผนังให้เป็นทรงโค้ง ดู Smooth ต่อเนื่องไม่มีเหลี่ยมมุม

เทคนิคต่างๆ เหล่านี้เราเห็นได้ใน Sale Gallery ของโครงการ ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางของจริงก็จะเป็น Mood&Tone เดียวกัน น่าจะช่วยสร้างความรื่นรมย์ในการอยู่อาศัยและสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ได้ดีเลยนะคะ

ก่อนเข้าไปชมตัวอาคาร เราว่าระยะ Set Back ของที่นี่ดีมากเลยทีเดียว จากถนนหลักมาถึงโซนห้องพักอาศัยลึกถึง 50 m. เลย ทำให้ห้องพักอาศัยได้ความเงียบสงบมากขึ้น แม้ว่าที่ตั้งโครงการจะอยู่ติดถนนเอกมัย

เมื่อเข้าโครงการมาแล้วจะเจอกับส่วน Drop Off เป็นลำดับแรก เราสามารถแวะส่งสมาชิกในครอบครัวก่อนได้เลย แล้วค่อยขับเอารถไปจอดก็ได้ หรือกรณีที่เพื่อนแวะมาส่งก็วนรถออกได้เลย สะดวกดีค่ะ ทางเข้าออกโครงการใช้ระบบจดจำป้ายทะเบียนเพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน

ที่จอดรถอยู่บนชั้น 1-4 และมีที่จอดแบบ Auto Parking ด้วย รวมทั้งหมดประมาณ 52% ไม่เยอะมาก แต่ก็ยังมีตัวช่วยอย่างรถไฟฟ้า ซึ่งโครงการมี Shuttle Service คอยรับส่งให้อยู่นะคะ

สำหรับ Facility ส่วนกลางในชั้นนี้จะเน้นเป็นพื้นที่ต้อนรับ, นัดพบปะ, นั่งทำงาน ส่วนมุมพักผ่อนจะมองเห็นวิวสวน หรือเป็นมุมนั่งเล่นในสวนเลยก็มี

Floating Oasis พื้นที่สวนบริเวณหน้าโครงการ ออกแบบให้มีน้ำเป็นองค์ประกอบหลัก รายล้อมด้วยพรรณไม้เขียวชอุ่ม ทั้งไม้ยืนต้นและไม้พุ่มที่ช่วยเสริมบรรยากาศให้ดูร่มรื่นยิ่งขึ้น ซึ่งเราสามารถมานั่งพักผ่อนในสวนได้

หรือถ้าชอบนั่งเล่นแบบ Indoor ก็มีห้องนั่งเล่นที่เรียกว่า The Conservatorium ที่ออกแบบมาให้ได้วิวสวนแบบนี้เช่นกัน

เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่เปิดโล่งรวม Main Lobby ไว้กับ Co-Working Lounge โซนนี้มีชื่อเรียกเก๋ๆ ว่า The Colonnade Gallery ออกแบบไว้สำหรับการนัดพบ, หรือนัดคุยงานเป็นกลุ่มเล็กๆ ดูจากภาพแล้วโซนนี้บรรยากาศจะคล้าย Sale Gallery มากๆ เลย ดูสวยคลาสสิคดีนะคะ อยากให้ไปลองเยี่ยมชมกันค่ะ

ชั้น 5 เป็นชั้นแรกที่มีห้องพักอาศัยและมี Facility ส่วนกลางบนชั้นนี้ด้วย แม้ว่าโซนเอกมัย-ทองหล่อจะเต็มไปด้วยอาคารสูง แต่โครงการเค้าวางตำแหน่งห้องพักออกมาดีเลย มีห้องพักแค่ 2 ฝั่งหันออกทางถนนเอกมัย (ตะวันออกเฉียงใต้) และถนนทองหล่อ (ตะวันตกเฉียงเหนือ) ซึ่งทั้ง 2 ฝั่งจะไม่มีอาคารบล็อควิวในระยะประชิด

สำหรับ Wellness Garden จะอยู่ทางฝั่งด้านหน้าโครงการ เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่ภายในมีการออกแบบเป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนเอาไว้ให้ครบเลย ใครที่อยากได้ห้องใกล้สวน เดินออกมาสูดอากาศกันได้ง่ายๆ ห้องพักบนชั้นนี้เหมาะเลยนะคะ

นอกจากนี้จะมี The Movement Lab เป็นห้องที่เตรียมเครื่องออกกำลังกายไว้ทั้งแบบ Cardio และ Weight Training รวมถึงมี Yoga Studio ไว้ให้ยืดเส้นยืดสายกันด้วยค่ะ

ภายใน The Movement Lab ดูโปร่งโล่งด้วยผนังกระจกบานใหญ่ เปิดรับวิวสวนส่วนกลาง ได้บรรยากาศที่ดูร่มรื่นทีเดียว

Typical Floor Plan ชั้น 6-16 ออกแบบเป็น I-shapeโดยผังอาคารเป็นแบบ Double Corridor มีห้องพักสองฝั่ง ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 10 ยูนิต ไม่เยอะมาก ส่วนลิฟต์โดยสารมี 3 ตัว อัตราส่วน 132 : 1 ถือว่าเยอะพอสมควรเลย ในช่วงเวลาเร่งด่วนอาจต้องเผื่อเวลารอลิฟต์สักหน่อย และมี Service Lift แยกไว้ให้ใช้งานต่างหากด้วย ส่วนการวางผังของห้อง ขอสรุปแต่ละ Type ดังนี้

  • 1 Bedroom ขนาดประมาณ 35 ตร.ม. (สีครีม) – เป็นห้องที่มีเยอะสุดในโครงการ มีให้เลือกทั้งห้องทิศตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งจะได้ City View ไม่มีอาคารบังวิวในระยะประชิดทั้ง 2 ฝั่ง ก็แล้วแต่ชอบเลยว่าจะชอบวิวฝั่งเอกมัยหรือทองหล่อ
  • 1 Bedroom Plus ขนาดประมาณ 47 ตร.ม. (สีน้ำตาลอ่อน) – เป็นห้องที่อยู่มุมอาคารทั้งหมดจึงได้หน้าต่างแบบ Bay Window เทควิวทางฝั่งทองหล่อ (ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ)
  • 2 Bedroom ขนาดประมาณ 68 ตร.ม. (สีน้ำตาลเข้ม) – เป็นห้องไซส์ใหญ่ หน้ากว้าง เทควิวทางฝั่งทองหล่อ (ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ)

Typical Floor Plan ชั้น 17-41 แปลนจะคล้ายกับชั้น 16 เลยค่ะ ต่างกันแค่มียูนิตต่อชั้นสูงขึ้นเป็น 11 ยูนิต เพราะไม่ต้องแบ่งพื้นที่ให้ Auto Parking แล้ว ยังคงมีห้องพักให้เลือก 2 ฝั่ง ซึ่งวิวเปิดโล่งทั้งคู่ โดยห้องที่เพิ่มขึ้นมาคือห้องแบบ 2 Bedroom ขนาดประมาณ 66 ตร.ม. ห้อง Type นี้จึงมีให้เลือกตั้งแต่ชั้น 17 ขึ้นมาค่ะ

สำหรับ Facility หลักอีกส่วนหนึ่งจะอยู่ที่ 3 ชั้นบนสุดของอาคาร ได้แก่ชั้น 43, 44 และ Rooftop

ชั้น 43 เป็นชั้นส่วนกลางที่เน้นกิจกรรมทางน้ำเป็นหลัก มีทั้งสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool ยาว 30 m. เทควิวเมืองทางฝั่งเอกมัยได้เต็มที่, Jacuzzi 2 โซน, แยก Kids Pool ไว้เป็นสัดส่วน และเอาใจชาวญี่ปุ่นด้วย Private Onsen

หรือใครที่อยากจัดปาร์ตี้ก็มี The 55th Lounge เป็นทั้ง Tea Lounge และ Co-Kitchen ให้ใช้งานกันด้วย

The 55th Lounge จะเทควิวฝั่งทองหล่อเป็นหลัก ภายในแบ่งออกเป็น 2 โซน 2 ฟังก์ชัน จะใช้ในส่วนของ Tea Lounge นั่งชมวิวสวยๆ หรือจะใช้พื้นที่ครัว ทำอาหาร จัด Private Party ก็ได้ค่ะ

ภาพจำลองสระว่ายน้ำของแบบ Infinity Edge Swimming Pool เป็นสระแบบ Outdoor ขนาดประมาณ 30×4.5 m. สามารถว่ายน้ำพร้อมชมวิวเมืองได้เต็มที่เลย และมีแยกสระเด็กไว้ด้านในแบบ Semi-Outdoor มีหลังคาคลุมบังแดดบังฝนให้

Private Onsen ของโครงการจะแยกห้องชาย/หญิง ไว้เรียบร้อย ใช้ผนังกระจกบานใหญ่ เปิดรับวิวเมืองทางฝั่งทองหล่อ พอได้วิวสวยๆ แล้ว Onsen ก็ยิ่งดูน่าใช้งานมากขึ้นอีกนะคะ

ขึ้นมาที่ชั้น 44 มีทั้งพื้นที่ส่วนกลางอย่าง The Ember Lounge และส่วนพักอาศัยซึ่งเป็น Penthouse ห้องเดียวของโครงการ โดยโครงการออกแบบให้แยกทางเข้าห้องพักออกจาก พื้นที่ส่วนกลางอย่างชัดเจน โดยห้องพักจะสามารถขึ้นลิฟต์แบบปกติ แต่ The Ember Lounge จะมีบันไดเชื่อมขึ้นมาจากชั้น 43 ค่ะ

The Ember Lounge ก็เป็นพื้นที่นั่งเล่นชมวิวอีกจุดหนึ่ง ที่มีเคาน์เตอร์ครัวเตรียมไว้รองรับการเตรียมเครื่องดื่มด้วยเช่นกัน ที่นี่จึงเป็นโครงการที่มี Lounge ให้นั่งถึง 2 ชั้นเลยค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

ชั้น 1 

  • Floating Oasis
  • Stepping Terrace
  • The Conservatorium
  • Colonnade Gallery
  • Drop-Off
  • Mail Room
  • Delivery&Pick-Up
  • Parcel Room
  • Zero Waste
  • EV Charger Station
  • 2 Shops

ชั้น 5

  • Kids Cocoon
  • Wellness Garden
  • Yoga Studio
  • The Movement Lab

ชั้น 42

  • Pocket Garden

ชั้น 43

  • S63rd The Infinity Edge Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาดประมาณ 30 x 4.5 m. ลึก 1.2 m.
  • Pool Lounge
  • Kids Pool
  • Onsen
  • The 55th Lounge (Tea Lounge&Co-Kitchen)
  • Jacuzzi
  • Outdoor Shower

ชั้น 44

  • The Ember Lounge

Rooftop

  • Roof Garden

 

  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์ 132 : 1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 52 % มีทั้งแบบ Conventional และ Auto Parking
  • ทางเข้าออกโครงการเป็นไม้กระดกกั้น เข้าออกด้วยระบบจดจำป้ายทะเบียน
  • ทางเข้าออกอาคารใช้ Keycard และ Face Scan

แบบห้อง

Highlight

  • ขายแบบ Fully Furnished เฟอร์ฯ สวยและออกแบบให้มีพื้นที่เก็บของจำนวนมาก
  • ห้องครัวปิดทุกแบบ
  • ห้องหลาย Type มี Bathtub มาให้ด้วย

Reference Ekkamai (เรฟเฟอเรนซ์ เอกมัย) มีโปรดักส์ให้เลือกหลากหลาย ส่วนใหญ่เน้นเป็น 1 Bedroom ที่เหมาะสำหรับ 2 คน ไปจนถึงห้องที่รองรับครอบครัวขยาย 2-3 คนอยู่ได้สบาย ส่วนใหญ่ได้ครัวแบบปิด และห้องนอนขนาดใหญ่พร้อม Walk-in Closet ในตัว อีกทั้งบาง Type มี Bathtub ด้วยนะคะ สรุปแบบห้อง ดังนี้

  • 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 34.55-37.16 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ 47.01 ตร.ม.
  • 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาดพื้นที่ 65.78-68.26 ตร.ม.
  • Penthouse ขนาดพื้นที่ 157.97 ตร.ม.

สรุปวัสดุภายในห้อง

  • Digital Door Lock ยี่ห้อ Colt (5 ระบบ App, Card, Key, Password, Finger Scan)
  • พื้นห้องปูด้วยไม้ SPC หนา 4 mm.
  • พื้นกระเบื้อง Porcelain ขนาด 60×60 cm. เฉพาะบริเวณครัวของห้องที่เป็นครัวปิด
  • Hob & Hood แบบต่อท่อออกด้านนอก
  • Sink ล้างจาน
  • วัสดุ Top เคาน์เตอร์ครัวหินสังเคราะห์ Solid Surface
  • Backsplash วัสดุเป็นกระจก
  • หน้าบานตู้ครัวเป็นเมลามีน
  • สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก Hafele
  • ระบบน้ำ : น้ำอุ่น (เฉพาะห้องที่มีอ่างอาบน้ำ จะได้เป็นระบบน้ำร้อน)
  • ระบบแอร์ : Wall Type (เฉพาะห้อง 2 Bedroom จะได้เป็น Conceal Type)
  • Home Automation ควบคุมไฟส่องสว่าง, แอร์ และ ปลั๊กไฟเฉพาะตรงครัว
  • ขายแบบ Fully Furnished พร้อมเฟอร์นิเจอร์ Built-in และลอยตัว
  • เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นออกแบบพิเศษจากแบรนด์ NORSE
  • ระบบควบคุมแอร์, ไฟส่องสว่าง ผ่านทาง Ruejai App

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

หน้าตาของเฟอร์นิเจอร์ชิ้นพิเศษจากแบรนด์ Norse ออกแบบให้ดูคลาสสิคจากศิลปินมีชื่อเสียงหลายท่าน


ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom 34.55 ตร.ม.

เริ่มกันที่ 1 Bedroom ขนาด 34.55 ตร.ม. เป็นห้องแบบหลักของโครงการ เหมาะกับการอยู่อาศัยแบบ 1-2 คน ปัจจุบันห้องนี้มีราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท ขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์ Built-in และ ลอยตัว ออกแบบมาให้ใช้งานได้ลงตัว ดังนี้

  • ครัวปิด สามารถทำอาหารได้โดยไม่มีกลิ่นไปรบกวนในส่วนพื้นที่พักผ่อนอื่นๆ เพราะมีประตูกั้นเป็นสัดส่วน ซึ่งเป็นประตูกระจกทำให้แสงธรรมชาติผ่านเข้ามาได้
  • ให้ความเป็นส่วนตัวกับโซนพักผ่อน จัดให้ห้องครัว และห้องน้ำอยู่โซนหน้าห้อง ติดกับโถงทางเดิน ช่วยเป็น Buffer กันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี แล้วดันโซนนั่งเล่นไว้ติดหน้าต่างด้านในเพื่อความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นค่ะ
  • ห้องน้ำ Double Access มีประตูเข้าออก 2 ทาง เข้าถึงได้สะดวกทั้งจากห้องครัว และห้องนอน เวลามีเพื่อนมาหาก็สามารถเข้าห้องน้ำได้โดยไม่ต้องต้องเดินผ่านห้องนอน
  • ระเบียงเข้าออกจากทางห้องนั่งเล่น แต่วางตำแหน่งหลบไปทางฝั่งห้องนอน ทำให้มุมนั่งเล่น+ทานอาหารอยู่ติดหน้าต่าง รับแสง รับวิว ได้เต็มที่
  • ห้องนอนใหญ่กั้นแยกด้วยผนังทึบเป็นส่วนตัว ภายในจัดวาง เตียง 5 ฟุตแบบมีทางเดินรอบได้สบาย พร้อมโต๊ะเครื่องแป้ง + ตู้เสื้อผ้าเลยค่ะ อีกทั้งเชื่อมต่อห้องน้ำได้เลยในตัว ใช้งานต่อเนื่องกันดีเลย

ประตูหน้าห้องเป็นไม้สำเร็จรูป มาพร้อม Digital Door Lock ยี่ห้อ Colt รองรับ 5 ระบบ Applications, Card, Key, Password และ Finger Scan

ฟังก์ชันแรกที่เข้ามาเจอก็คือโซนครัว ซึ่งโครงการออกแบบไว้ให้เป็นครัวปิด พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้จึงทำความสะอาดง่าย

ด้านหลังประตูจะมีตู้เก็บรองเท้า Built-in ไว้ให้ น่าจะเก็บได้ประมาณ 4 คู่ ตัวตู้ดีไซน์เป็นลายไม้ตัดกับมือจับสี Copper Brick ซึ่งเป็นสีประจำของโครงการ ทำให้ห้องดูมีสีสัน แต่ไม่ฉูดฉาด

ห้องมาตรฐานจะมีชุดครัว Built-in มาให้เหมือนในห้องตัวอย่าง ยกเว้นไมโครเวฟ, เครื่องซักผ้าและตู้เย็น จะไม่ได้ให้นะคะ

ด้านล่างเคาน์เตอร์ครัวจะมีตู้เก็บช้อนส้อม, ช่องใส่ไมโครเวฟและตู้เก็บของต่างๆ ให้ใช้งานกันได้

มือจับตู้ถูกออกแบบให้สอดมือไปเปิดบานตู้ออกได้ ซึ่งแบบนี้มีข้อดีที่ไม่ต้องกลัวมือจับตู้หลุดอีกต่อไปค่ะ

ในส่วนของเคาน์เตอร์ครัวแบ่งพื้นที่ใช้งานมาได้ครบทั้งอ่างล้างจาน, เตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควันจาก Hafele และมีพื้นที่รอบๆ ให้เตรียมอาหาร โดย Top เคาน์เตอร์จะเป็นหินสังเคราะห์ที่ทนน้ำและสิ่งสกปรกจะไม่ซึมลงเนื้อหิน แต่ต้องระวังเรื่องรอยขีดข่วนสักหน่อยค่ะ

โครงการจะติด Backsplash ที่ผนังหลังเคาน์เตอร์มาให้ วัสดุเป็นกระจก ช่วยกันเปื้อนและทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น

อ่างล้างจานจะเป็นแบบมีฝาปิด หากไม่ใช้อ่างล้างจานก็สามารถปิดฝาเพื่อเพิ่มพื้นที่เตรียมอาหารได้

Hob&Hood ดูดควัน ของ Hafele โดยเครื่องดูดควันจะต่อท่อออกด้านนอก ทำให้ระบายอากาศได้ดีกว่าระบบหมุนเวียนนะคะ

นอกจากนี้โครงการจะ Built-in ตู้ลอยมาให้ใช้เก็บของเพิ่มเติมได้ด้วยค่ะ

ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวเป็นตำแหน่งสำหรับวางตู้เย็น ซึ่งฝ้าเพดานของห้องสูงประมาณ 2.7 m. จึงเหลือพื้นที่ให้ Built-in ตู้ลอยด้านบนตู้เย็นเพื่อใช้เก็บของเพิ่มเติมได้นะคะ

ประตูเชื่อมไปห้องนั่งเล่นจะเป็นประตูกระจกสูงจากพื้นจนเกือบจรดฝ้าเลย ช่วยให้ห้องดูโปร่ง บานเลื่อนสามารถเปิดได้กว้าง ทำให้เดินผ่านเข้าออกได้สะดวก

เข้ามาด้านในจะเป็น Common Area รวมพื้นที่นั่งเล่นและทานอาหารเข้าไว้ด้วยกัน พื้นที่ค่อนข้างกว้างสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ได้ครบ แถมได้โคมไฟดีไซน์สวยๆ จากแบรนด์ Norse ซึ่งก็คือเจ้าโคมไฟแขวน รุ่น Flowerpot VP7 ที่ห้อยเด่นอยู่เหนือโต๊ะทานข้าว มีดีไซน์และสีสันที่เป็นเอกลักษณ์จากทศวรรษ 1960 ทรงครึ่งวงกลมไม่เหมือนใคร ดูคลาสสิคดีเลย ชิ้นนี้เป็นอีกหนึ่งผลงานเด่นของ Verner Panton สถาปนิกและนักออกแบบเฟอร์นิเจอร์ระดับตำนานชาวเดนมาร์กค่ะ

โต๊ะทานอาหารที่ให้มาจะเป็นโต๊ะกลม วางเข้าเซตกับโซฟา จึงมีเก้าอี้มาให้ตัวเดียว เป็นไอเดียที่ช่วยประหยัดพื้นที่ดีเหมือนกัน จากโต๊ะอาหารสามารถมองเห็นทีวีได้ ใครที่ชอบกินข้าวไปดูหนังไปพร้อมๆ กันก็สะดวกเลย

พื้นที่ดูทีวีจะมาพร้อมโซฟาตัวยาวนั่งได้ 3-4 คน มีระยะดูทีวีประมาณ 2.4 m. ใช้ทีวีขนาดใหญ่แบบ 50 นิ้วได้เลยนะคะ

โซฟาที่โครงการให้มายาวถึง 3 m. เลยนะคะ เป็นดีไซน์แบบโค้งมน เพิ่มความเก๋ด้วยทรงที่สามารถ Interlock กันได้ แม้จะไม่มีที่วางแขนเหมือนโซฟาทั่วไป แต่มีช่องเก็บของใต้โซฟาซ่อนไว้ให้ด้วย

ชั้นวางทีวีก็ Built-in มาให้ตามแบบในห้องตัวอย่างเลยนะคะ และมีการใช้สีประจำโครงการมาช่วยเพิ่มสีสัน

สำหรับโต๊ะกลางออกแบบมาเป็นม้านั่งยาว ใช้งานได้อเนกประสงค์เลย จะใช้วางของหรือใช้เป็นเก้าอี้นั่งก็ได้

ด้านในสุดของห้องเป็นหน้าต่าง ทำให้พื้นที่นั่งเล่นมองเห็นวิวด้านนอกได้แบบเต็มที่ แล้วจึงดันระเบียงไปหลบอยู่ด้านข้าง ซึ่งจะตรงกับตำแหน่งของห้องนอนแทน เหมาะกับคนที่ให้ความสำคัญกับห้องนั่งเล่น อยากให้ห้องนั่งเล่นมองวิวได้เต็มที่

หน้าต่างบานนี้แม้ว่าไม่กว้างมากแต่ก็สูงตั้งแต่พื้นจนเกือบจรดฝ้า มีบานกระทุ้งที่สามารถเปิดระบายอากาศได้ ช่องเปิดของโครงการติดยางกันเสียงมาเรียบร้อย เวลาปิดประตูหน้าต่างทั้งหมดสังเกตเลยว่าไม่ได้ยินเสียงสิ่งแวดล้อมภายนอกนะคะ

ประตูระเบียงให้มาเป็นบานสวิง ได้แสงธรรมชาติผ่านกระจกเข้ามาช่วยให้ห้องสว่างขึ้น

พื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 0.7 x 1.1 m. ให้ใช้วางราวตากผ้าได้ ในส่วนของ Condensing Unit จะแขวนไว้ด้านบนเรียบร้อย ทำให้ใช้งานพื้นที่ส่วนอื่นได้เต็มที่ พื้นระเบียงจะลดระดับลงมาจากพื้นห้องส่วนอื่น เพื่อกันไม่ให้น้ำฝนไหลย้อนเข้าตัวห้องค่ะ

ต่อไปเราจะพาไปชมห้องนอน ซึ่งมีประตูบานทึบกั้นโซนไว้ เรามองว่าประตูบานทึบแบบนี้ให้ความเป็นส่วนตัว เหมาะกับการพักผ่อนมากกว่าประตูกระจกบานเลื่อนที่หลายๆ โครงการในยุคนี้ชอบออกแบบกันนะคะ

ภายในห้องนอนกว้างพอสมควรเลยค่ะ สามารถวางเตียงนอนขนาด 5-6 ฟุต ได้ และมีพื้นที่เหลือให้เดินขึ้นเตียงได้โดยรอบ การวางตำแหน่งห้องนอนลักษณะนี้ จะมีข้อดีที่ตำแหน่งห้องนอนจะอยู่ฝั่งริมติดหน้าต่าง ทำให้สามารถเปิดรับลมและแสงธรรมชาติได้ดี สามารถนอนรับวิวจากเตียงนอนได้เลย

หากใครชอบนอนดูทีวีก็สามารถติดทีวีเพิ่มที่ปลายเตียงได้

เตียงที่ให้ในห้อง Type นี้จะเป็นเตียงขนาด 5 ฟุต ออกแบบหัวเตียงบุนวมทรงโค้งเข้ากับดีไซน์ส่วนอื่นของห้อง

ด้านข้างมีโต๊ะข้างเตียงจากแบรนด์ Norse รุ่น Rotate Trolley SC73 ออกแบบด้วยรูปลักษณ์ที่ดูเรียบง่าย แต่ซ่อนช่องเก็บของเอาไว้ครบครัน โดยได้แรงบันดาลใจมาจาก “โอริกามิ” ศาสตร์การพับกระดาษของญี่ปุ่น ผลิตด้วย Powder-Coated Steel เพียงแผ่นเดียว ทำให้หมุนใช้งานได้ทุกด้านโดยไม่ต้องคำนึงว่าด้านไหนเป็นด้านหน้าหรือด้านหลัง และมีล้อที่ซ่อนอยู่ด้านล่าง ทำให้เคลื่อนย้ายง่าย

อีกฝั่งหนึ่งของห้องนอนเป็นพื้นที่สำหรับแต่งตัว ดูจากขนาดพื้นที่แล้วเราว่ากว้างเพียงพอสำหรับการแต่งหน้าแต่งตัว ซึ่งโครงการจะ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ เป็นตู้บานสวิงที่สูงจากพื้นถึงฝ้าเลยค่ะ

โต๊ะเครื่องแป้งที่โครงการ Built-in มาให้เป็นเซตเดียวกับตู้เสื้อผ้าเลย มีลิ้นชักเก็บของเป็นสัดส่วน และมีเก้าอี้สตูลมาให้ด้วยค่ะ

ภายในตู้เสื้อผ้าก็จัดมาให้ทั้งราวแขวนผ้าและลิ้นชักเก็บของ

แถมมีไฟในตู้ด้วยนะคะ

ประตูห้องน้ำเป็นประตูบานเลื่อน จึงช่วยประหยัดพื้นที่

ซึ่งห้องน้ำนี้เข้าได้ 2 ฝั่งทั้งจากห้องครัวและห้องนอน หากมีแขกมาหาก็สามารถเข้าจากทางห้องครัวได้ ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนค่ะ

ภายในห้องน้ำแยกพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งไว้อย่างเป็นสัดส่วน ผนังและพื้นโดยรอบปูกระเบื้อง Porcelain ไว้ทั้งหมดเพื่อให้ทำความสะอาดได้ง่าย

อ่างล้างหน้าของ Hafele มีขนาดมาตรฐานและมีช่องเก็บของให้ใช้งานได้

โถสุขภัณฑ์ของ Hafele มาพร้อมสายฉีดชำระ

Shower Box จะมีฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัยมาให้เป็นบานสวิง พร้อมติดตั้งฝักบัวอาบน้ำ, Rain Shower, ที่วางสบู่ และเดินระบบไฟรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อย

พื้นที่อาบน้ำจะมีการยกธรณีขึ้นช่วยกันไม่ให้น้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกไหลออกมาในพื้นที่ส่วนแห้ง จึงเป็นสัดส่วนดีทีเดียว โดยพื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1 x 0.85 m. หมุนตัวอาบน้ำได้สะดวก

เนื่องจากห้องน้ำอยู่ด้านในตัวอาคารจึงต้องพึ่งเครื่องดูดอากาศ ที่มาช่วยลดความชื้นและกลิ่นต่างๆ ในห้องนะคะ


ห้องตัวอย่าง 2 Bedroom 68.26 ตร.ม.

ห้องตัวอย่างอีก Type หนึ่งเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 68.26 ตร.ม. เป็นห้องหน้ากว้าง แทบทุกฟังก์ชันจะมีหน้าต่างให้เปิดรับวิวเมือง และใน Master Bedroom จะได้หน้าต่างแบบ Bay Window ด้วย

พื้นที่ภายในแบ่งออกเป็นสัดส่วนดีนะคะ โดยมีพื้นที่สำหรับถอดรองเท้า, วางของต่างๆ ก่อนเข้าสู่ Common Area ที่เป็นพื้นที่พักผ่อนขนาดใหญ่รวมห้องนั่งเล่น+ทานอาหารเข้าไว้ด้วยกัน และมีครัวปิดแยกไว้ให้เป็นสัดส่วน ห้องนอน 2 ห้องมาพร้อมห้องน้ำในตัว เหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิก 3-4 คน แบบพ่อแม่ลูกกำลังดีค่ะ

เปิดห้องเข้ามาจะได้บรรยากาศของ Common Area โล่งๆ รวม Living+Dining ไว้ด้วยกัน ความรู้สึกแรกที่เห็นจึงดูโปร่งไม่อึดอัดและยังได้แสงธรรมชาติผ่านระเบียงมาด้วยค่ะ

บริเวณประตูหน้าห้องจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ที่สามารถจัดเป็นมุมสำหรับใส่รองเท้าแยกไว้เป็นสัดส่วนจากพื้นที่อยู่อาศัยส่วนอื่น ส่วนห้องทางขวาคือ ห้องครัวที่มีประตูมาให้เรียบร้อย และห้องทางซ้ายคือ Master Bedroom ที่เราจะพามาชมเป็นห้องสุดท้ายนะคะ

เรามองว่าประโยชน์ของพื้นที่อเนกประสงค์นี้ยังช่วยลดเสียงรบกวนบริเวณทางเดิน ทำให้พื้นที่ Living + Dining ได้ความสงบเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นด้วย

ประตูห้องครัวออกแบบไว้เป็นประตูบานเลื่อน หน้าบานกรุกระจกเงาช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้นอีกนะ

ห้องครัวปิดมีขนาดใหญ่พอสมควรเลย พื้นโซนนี้จะเป็นพื้นกระเบื้องให้เช็ดทำความสะอาดง่าย มาพร้อมชุดครัวเหมือนในห้องแบบแรก แต่ขนาดเคาน์เตอร์จะใหญ่กว่า เตรียมอาหารได้เต็มที่มากขึ้น

นอกจากขนาดเคาน์เตอร์ครัวจะใหญ่ขึ้นแล้ว เตาไฟฟ้าก็ใหญ่ขึ้นด้วยเช่นกัน ห้อง Type นี้จะได้แบบ 4 หัวเลย

ด้านข้างเคาน์เตอร์ครัวจะเว้นพื้นที่ไว้ให้วางตู้เย็น อย่างในห้องตัวอย่างก็ใช้ตู้เย็นขนาด 8 คิว และมีพื้นที่ใต้เคาน์เตอร์ที่เตรียมไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้าด้วยค่ะ

มาดูในส่วน Common Area กันต่อ บริเวณแรกจะเป็น Dining Area ที่วางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง หากมีแขกมาเพิ่มก็กินข้าวแบบพร้อมหน้าตาได้แบบสบายๆ เราว่า 5 คนก็รองรับได้

ส่วนตัวเราชอบการจัดแปลนแบบนี้มากเลย เพราะทั้งมุมนั่งเล่นและโต๊ะทานอาหารจะสามารถมองเห็นทีวีได้หมด เราเห็นถึงบรรยากาศที่คุณพ่อคุณแม่นั่งดูทีวียามเช้า คุณลูกก็สามารถนั่งทานอาหารเตรียมไปโรงเรียนอยู่ใกล้ๆ พูดคุยกันได้ กลายเป็นมุมที่สมาชิกในครอบครัวมาใช้เวลาร่วมกัน

โต๊ะทานอาหารจะได้มาครบเซตพร้อมเก้าอี้ 4 ที่นั่ง และมีโคมไฟสวยๆ จากแบรนด์ Norse ที่จะติดตั้งให้ทุกห้องด้วย

แอร์ใน Living Area จะให้แบบ Conceal Type จึงดูสวยงามไม่เห็นตัวแอร์ การติดตั้งยากกว่าปกติเพราะต้องออกแบบไว้ตั้งแต่แรกเลย ทว่าค่าบำรุงรักษาจะราคาสูงกว่าแอร์แขวนแบบปกติค่ะ

มุมดูทีวีของห้องนี้จัดวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ 3-4 ที่นั่งได้เลยนะคะ มีระยะดูทีวีประมาณ 2.7 m. จึงเลือกใช้ทีวีขนาดใหญ่แบบ 50 นิ้วได้

Side Table เป็นเฟอร์ฯ อีกชิ้นที่ออกแบบพิเศษจากแบรนด์ Norse เป็นท๊อปโต๊ะแผ่นบางที่อยู่บนฐานหินอ่อนทรงรีที่ดูคล้ายงานประติมากรรม สวย เรียบง่าย และคลาสสิค

มุมโซฟาจะได้พื้นที่ติดระเบียงยาว 2.4 เมตร ทำให้เราสามารถชมวิวและดูทีวีไปพร้อมๆ กันได้และสามารถเปิดลมแบบเต็มที่

แม้ว่าตัวระเบียงจะกว้าง 1 เมตรกว่าๆ แต่ก็พอสำหรับแขวนกระถางต้นไม้เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศร่มรื่นได้ และพื้นระเบียงจะลดระดับพื้นลงจากตัวห้องเล็กน้อย เพื่อกันไม่ให้น้ำไหลย้อนเข้าตัวห้องค่ะ

ในส่วนของ Condensing Unit นั้นไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เพราะโครงการจัดตำแหน่งสำหรับแขวน Condensing Unit ไว้เป็นสัดส่วน และมีระแนงบังตาไว้เรียบร้อย โดยวางด้านที่เป่าลมร้อนออกด้านนอกห้อง เราจึงสามารถใช้งานพื้นที่ระเบียงได้เต็มที่

ทางเข้าห้องนอนรองจะอยู่ด้านข้างทีวี ซึ่งได้ประตูปิดทึบเป็นส่วนตัว

ภายในห้องนอนรองมีพื้นที่กว้างพอสมควรเลยนะคะ โครงการจะจัดวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้ให้วางติดหน้าต่าง เราจึงสามารถเห็นวิวเมืองภายนอกจากเตียงนอนได้เลย

ข้างเตียงยังมีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงหรือตู้เก็บของเพิ่มได้

อีกฝั่งหนึ่งของห้องจะมีตู้เสื้อผ้า Built-in ไว้ให้ อยู่บริเวณหน้าห้องน้ำพอดี จึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ใช้งานเชื่อมต่อกันได้สะดวก

ห้องน้ำส่วนกลางจะมีประตู 2 ฝั่ง สามารถเข้าได้จากห้องครัวและจากห้องนอนรองค่ะ

ภายในห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนเปียกแห้งไว้ด้วยฉากกั้นอาบน้ำ พื้นที่อาบน้ำมีขนาดกระทัดรัดประมาณ 1 × 0.8 m. สุขภัณฑ์และวัสดุต่างๆ ได้ของ Hafele เช่นเดียวกับห้อง Type แรกนะคะ

ปิดท้ายด้วย Master Bedroom ที่ได้เป็นประตูทึบได้ความเป็นส่วนตัวอีกเช่นกัน

ภายในมีขนาดกว้างมากทีเดียวพร้อมห้องน้ำในตัวที่มีอ่างอาบน้ำด้วยนะคะ

โซนหน้าห้องเป็นพื้นที่แต่งตัวขนาดใหญ่ มีตู้เสื้อผ้า Built-in ให้ 2 ฝั่งเลย แถมอยู่ติดกับห้องน้ำใช้งานสะดวก เราชอบที่เค้าดันพื้นที่วางเตียงนอนไว้ด้านในติดหน้าต่าง ช่วยเพิ่มความสงบในการพักผ่อนให้มากขึ้น

ในบริเวณพื้นที่แต่งตัวจะมีโต๊ะเครื่องแป้งไว้ให้ใช้งานด้วยนะคะ ด้านข้างเป็นกระจกบานใหญ่ มาพร้อมเก้าอี้สตูลครบครัน

ห้องน้ำใน Master Bedroom จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าห้องน้ำอื่น ภายในแยกโซนเปียกแห้งไว้ชัดเจนด้วยฉากกั้นอาบน้ำ และใครที่ชอบอ่างอาบน้ำ ห้อง Type นี้จะมีอ่างมาให้ค่ะ

อ่างอาบน้ำจาก i-spa ขนาดประมาณ 1.2×0.5 m. เป็นอ่างอะคริลิกดูทันสมัย ซึ่งทางโครงการจะเดินระบบสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนไว้ให้ในห้องที่มีอ่างอาบน้ำนะคะ

ในโซนพักผ่อนจะได้เตียงนอนใหญ่กว่าห้องอื่นๆ มีขนาด 6 ฟุต และหากใครชอบนอนดูทีวีก็สามารถติดทีวีปลายเตียงได้ค่ะ

ข้างเตียงจะมีโต๊ะแบรนด์ Norse รุ่น Rotate Trolley SC73 พร้อมโคมไฟตั้งโต๊ะ Night Owl ออกแบบให้เป็นมากกว่าโคมไฟทั่วไป คือเป็นชิ้นงานศิลปะที่เพิ่มสเน่ห์ให้กับพื้นที่ที่ตั้งวางได้ด้วย

ข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่งจะเหลือพื้นที่กว้างมากเลย ขนาดประมาณ 1.3 x 2.4 m. จึงสามารถวางโซฟานั่งเล่นเพิ่มได้เลยนะคะ

มุมนี้เป็นแบบ Bay Window มองวิวได้ต่อเนื่อง แม้บานหน้าต่างจะไม่ใหญ่มากแต่ก็ได้ความสูงจากพื้นจนเกือบจรดฝ้าค่ะ

นอกจากนี้ภายในห้องยังมีระบบควบคุมแอร์, ไฟส่องสว่าง ผ่านทาง Ruejai App ด้วยนะคะ

ราคา

Reference Ekkamai (เรฟเฟอเรนซ์ เอกมัย) ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2567

  • 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.55 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท
  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • มีรถ Shuttle Bus ไปกลับ BTS ทองหล่อ, เอกมัย
  • จอง 50,000 – 100,000 บาท
  • ทำสัญญา 50,000 – 300,000 บาท
  • ค่ากองทุน 550 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 80 บาท/ตร.ม./เดือน
  • Service
    – Muvmi 1 ปี (Free 4 ครั้ง/เดือน)
    – Allianz Ayudhya (ประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุ)
    – Ruejai (Cleaning Package 12 ครั้ง เป็นระยะเวลา 1 ปี)
    – SCABLE (Concierge Service เช่น Parcel Delivery, Food Delivery, Laundry Center, On Call Service, บริการรีดผ้า 20 ชิ้น/ห้อง/เดือน, การจัดกิจกรรมต่างๆ ตามข้อเสนอจากฝ่ายบริหารจัดการ)
  • Pet Allowed
    – มีบางชั้นที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์
    – มีค่าแรกเข้าสัตว์เลี้ยง 5,000 บาท
    – ค่าบริการรายปีจำนวน 2,000 บาทต่อสัตว์เลี้ยง 1 ตัว
  • ลงทะเบียนรับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท* คลิก

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเล : Reference Ekkamai (เรฟเฟอเรนซ์ เอกมัย) อยู่ติดถนนเอกมัย ตรงข้าม Healthland ห่างจากปากซอยประมาณ 1 กม. เป็นย่าน Lifestyle ใกล้ทองหล่อซอย 10 เชื่อมไปยังทองหล่อได้ง่าย ล้อมรอบด้วยห้างและ Community mall อย่าง เวิ้งโบราณ, Donki mall ทองหล่อ, Big-C เอกมัย, Tops market ฯลฯ ถือว่าความอุดมสมบูรณ์สูง เป็นทำเลที่มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง

การเดินทางโดยใช้รถ : การจราจรภายในซอยค่อนข้างติด แต่เป็นซอยที่เชื่อมต่อไปหลากหลายเส้นทาง ไปถนนสุขุมวิท, ถนนเพชรบุรีตัดใหม่, ซอยทองหล่อ และถนนสุขุมวิท 71 ได้ง่าย อยู่ใจกลางเมือง มีทางด่วนเป็นตัวช่วยในการเดินทางที่เลือกขึ้นได้หลายเส้นทางเลย เสียดายนิดเดียวสัดส่วนที่จอดรถให้มา 52% อยากให้มากกว่านี้อีกนิดค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ทางโครงการมีรถรับส่งไปยังรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อ และเอกมัย นอกจากนั้นก็จะมีบริการ MUVMI ให้ฟรี 1 ปี (4 ครั้ง/เดือน) ที่จะคอยรับส่งตามแหล่ง Hangout รอบๆ ตามที่โครงการกำหนด หรือสามารถเรียกใช้งานรถสาธารณะต่างๆ เช่น วินมอเตอร์ไซค์ รถสองแถวที่วิ่งภายในซอย หรือว่าแท็กซี่ก็เรียกได้ไม่ยาก ส่วนตัวมองว่าถ้ารถติด เราก็ยังสามารถเดินจากรถไฟฟ้ามาได้ แม้จะไกลหน่อย แต่ก็เป็นเส้นทางที่พอเดินไหวอยู่นะคะ

วัสดุ : โครงการขายแบบ Fully Furnished มีเฟอร์ฯ ทั้ง Built-in และลอยตัวมาให้ครบ ก่อนอื่นต้องชมก่อนเลยว่าเฟอร์ฯ ต่างๆที่ตกแต่งมาให้ในห้องพักออกแบบสวยงาม เป็นเฟอร์ฯ ที่เหมือนของตกแต่งไปในตัว รวมถึงมี Decorate Item จากแบรนด์ Norse Furniture ที่ให้เป็น Special Privilage ในช่วงเปิดตัวโครงการ และมีช่องเก็บของที่ซ่อนไว้ให้เยอะทีเดียว ชดเชยกับสเปควัสดุบางอย่าง เช่น ขนาดหน้าต่าง, วัสดุปูพื้น ที่หากจัดเต็มได้มากกว่านี้สักหน่อยจะดีมากเลย

การออกแบบ : พูดถึงแบรนด์ Reference นั้นทาง SC Asset ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Y ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทำเล และฟังก์ชันส่วนกลางที่จัดเต็มมากขึ้น เทียบกับโครงการโดยรอบถือว่าราคาเกาะกลุ่ม แต่สไตล์การออกแบบนั้นแตกต่าง ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ Art Gallery ไม่ได้ตกแต่งให้ดูสวยแบบโฉ่งฉ่าง แต่สวยงามแบบคลาสสิค ดู Timeless เรียกได้ว่าเป็น Instagrammable Places ก็ว่าได้

ประเด็นที่เราชอบเลยคือ การวางตัวอาคารที่ออกแบบระยะ Set Back มาลึกถึง 50 m. เลยนะคะ ช่วยลดเสียงรบกวนและทำให้ห้องพักอาศัยได้ความเงียบสงบ แม้ว่าที่ตั้งโครงการจะอยู่ติดถนนเอกมัย แถมการ Set Back แบบนี้ยังทำให้สามารถขึ้นอาคารได้สูงถึง 44 ชั้น จึงสูงกว่าอาคารรอบข้างเกือบทั้งหมด และยิ่งอาคารมีจำนวนชั้นมากขึ้น ก็สามารถจัดวางให้แต่ละชั้นมีจำนวนห้องไม่เยอะมากได้ 10-11 ยูนิตเท่านั้น ความเป็นส่วนตัวก็ถือว่าสูงทีเดียว เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ในระดับราคาเดียวกัน

ในส่วนของห้องพักเน้น 1 Bedroom ที่เหมาะสำหรับ 2 คน ไปจนถึงห้องที่รองรับครอบครัวขยาย 2-3 คนอยู่ได้สบาย ได้ครัวปิดทุกแบบ และห้องนอนขนาดใหญ่พร้อม Walk-in Closet ในตัว อีกทั้งบาง Type มี Bathtub ด้วยนะคะ

สาธารณูปโภค : Facility ส่วนกลางที่โครงการมีให้ก็ถือว่ามาครบ ไม่น้อยหน้าใคร มีทั้งโซนบนที่ชมวิวเมืองได้แบบเต็มที่และโซนล่างที่เน้นบรรยากาศร่มรื่นของต้นไม้ ที่เราชอบจริงๆ คือบรรยากาศในพื้นที่ส่วนกลาง ที่ดูเหมือนอยู่ Art Gallery โซนยุโรป มุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะมาก รอลุ้นให้เหมือนในรูป Perspective หรือสวยกว่าอีกจะดีมากค่ะ แลกมากับค่าส่วนกลาง 80 บาท/ตร.ม. ค่อนข้างสูงนิดนึงแต่ก็แชร์กันใช้กับลูกบ้านไม่เยอะนักเพียง 396 ยูนิตเท่านั้น

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

ราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการยังไม่เปิดเผย แต่เราคาดการณ์เองว่าน่าจะประมาณ 18x,xxx บาท/ตร.ม., @13 พฤศจิกายน 2567 คะแนนจึงปรับเพิ่มลดได้ตามราคาจริงนะคะ

  • ทำเล 8/10 – ใจกลางเอกมัย ใกล้ทองหล่อ
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – เชื่อมต่อได้หลายเส้นทาง ที่จอดรถ 52%
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – มีรถรับส่งรถไฟฟ้า ติดถนนใหญ่ เรียกรถสาธารณะง่าย
  • วัสดุ 7.25/10 – Fully Furnished เฟอร์ฯสวย แอบเสียดายสเปควัสดุบางอย่างถ้าจัดเต็มกว่านี้จะดีมาก
  • แบบ 9/10 – ออกแบบได้ความเป็นส่วนตัว และได้วิวดี
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ให้มาครบครัน ดูน่าใช้งาน

  • HIGH CLASS
  • 7.83 / 10.00

Reference Ekkamai (เรฟเฟอเรนซ์ เอกมัย) เหมาะกับใคร

Reference Ekkamai (เรฟเฟอเรนซ์ เอกมัย) เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดระดับ High Class ใจกลางเอกมัย ในโซนแหล่ง Hangout ที่คึกคักของย่านนี้และอยู่ใกล้ซอย 10 ที่เชื่อมไปทองหล่อได้ง่าย ชอบการออกแบบส่วนกลางคอนโดและห้องพักที่มีดีไซน์ร่วมสมัย ดู Timeless เหมือนอยู่ Art Gallery โซนยุโรป ชอบความเป็นส่วนตัวที่แต่ละชั้นมียูนิตไม่เยอะ ชอบ Service พิเศษต่างๆ ที่โครงการเตรียมไว้ให้ และมีห้องสำหรับคนที่มีสัตว์เลี้ยงด้วยนะคะ แต่ไม่มีพื้นที่ส่วนกลางรองรับ ส่วนตัวเราว่าเหมาะกับการเลี้ยงน้องแมวมากกว่าน้องหมาค่ะ ในราคา 1 Bedroom เริ่มต้น 5.99 ล้านบาท หรือผ่อนต่อเดือนเริ่มต้นประมาณ 40,000 บาท


Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!

โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ

เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่