รีวิวฉบับที่ 309  ตึกใหม่ล่าสุดของค่าย Q.House ชื่อว่า Q Asoke (คิว อโศก) เป็นโครงการคอนโดมิเนียม High Rise สูง 41 ชั้น ติดสถานีรถไฟฟ้า MRT เพชรบุรี และอยู่ใกล้สถานี Airport Link มักกะสัน บนทำเลสี่แยกอโศก-เพชรบุรี และเป็นตึกที่สองที่ใช้แบรนด์ “Q” ถัดจาก Q หลังสวน ที่สร้างเสร็จไปแล้วครับ

Fact @ 21 February 2013

  • Q Asoke condominium
  • Quality Houses ., Plc
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • คอนโด High Rise 41 ชัั้น 1 อาคาร  482 ยูนิต
  • เนื้อที่โครงการ 3.35 ไร่
  • Studio, 1 – 4 Bedrooms มี 7 แบบ
  • พื้นที่ใช้สอย 30 – 269 ตร.ม.
  • ที่จอดรถ  310 คัน (หรือ 390 คัน ซ้อนคัน)
  • ราคา 140,000 – 170,000 บาทต่อตารางเมตร
  • www.qh.co.th
  • Tel : 02-2515900-04

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

qhasoke

ทำเลของโครงการ Q Asoke อยู่ใกล้ๆกับสี่แยก อโศก-เพชรบุรี “ติด” สถานีรถไฟฟ้า MRT เพชรบุรี แบบ On Station เลย และอยู่ในระยะเดินแบบสบายๆไป Airport Link มักกะสัน

เรามาจากพระราม 4 มุ่งหน้าวิทยุ ข้ามถนนเพลินจิตเพื่อไปเลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรบุรี

มาถึงเพชรบุรีแล้วก็วิ่งตรงมาเรื่อยๆ ผ่านสี่แยกนานา ทางขวาจะเห็นตึก The Circle I อยู่และทางซ้ายกำลังจะมีคอนโด The Circle Prototype ขึ้นนะครับ

แถวนี้ต้องดูสัญญาณไฟเป็นหลัก ว่าช่องไหนวิ่งได้ไม่ได้อย่างไร

ใกล้ถึงแยกอโศกแล้ว ตึกทางซ้ายคือ The Address ที่เราไปรีวิวกันมา ตึกทางขวาคือ Villa อันนี้ยังไม่เคยเข้าไปรีวิว

ถ้าเราจะไปยัง Q Asoke ก็ต้องกลับรถใต้สะพานครับ

ทางเข้าตรงกับที่กลับรถพอดีเด๊ะๆแบบนี้ เปิดสัญญาณไฟให้ รปภ. มาช่วยโบกรถข้ามไป

นี่เป็นทางกลับรถเวลาเรายืนอยู่หน้าอาคาร มองออกไปครับ

นี่ครับ ทางเข้าออกของตัวอาคารจะอยู่ตรงนี้

วิวด้านทิศใต้มองไปทางอโศก จะเห็นตึกสูง ก็ไม่ค่อยโปร่งเท่าไร

วิวทิศตะวันตกเช่นกันจะเจอ Villa แบบนี้

ส่วนทิศเหนือ เยื้องไปทางตะวันตกจะเจอตึก The Address

ทิศตะวันออกยังโล่งๆอยู่ แต่ว่าต่อไปก็จะมี ศุภาลัย Premier มาขึ้นเหมือนกัน

ส่วน MRT สถานีเพชรบุรีนั้น อยู่ติดกบัทางเข้าโครงการเลย เดินออกไปก็จะเจอ ไม่ถึง 2 นาที

นี่ครับ ถ้าเราเดินตรงไปหน่อยก็จะเจอคลองแสนแสบและท่าเรือ

การจราจรที่สี่แยกนี้ก็ติดขัดพอสมควรนะครับ ขึ้นชื่อว่าอโศกแล้ว แต่เส้นเพชรบุรีจะวิ่งได้คล่องกว่าหน่อย

เจาะลึกตัวโครงการ

เราเดินกันเข้าไปชมสำนักงานขายครับ

ตัวตึก Q Asoke ทำออกมาได้สูงทีเดียว คือ 41 ชั้น เป็นตึกแนวหรูๆ เนื้อตึกเยอะๆ บนที่ดิน 3 ไร่กว่าๆ

หน้าตาตึกใช้ความคลาสสิกมาทำให้ดูหรูกว่าตึกเพื่อนบ้าน

บริเวณหน้าโครงการมีสวนรูปตัว Q

ท้ายโครงการติดคลองแสนแสบ สมัยนี้กลิ่นน้อยแล้ว แต่ก็พอมีบ้าง ด้านหลังมีท่าเรือ

ด้านข้างของตึกและสวนหน้าโครงการ

จะเห็นว่าประตูเล็กที่ทางเข้าแทบจะเชื่อมเข้าหาทางลง MRT เลย

หน้าตาตึก ให้ดูกันดีๆ จะเห็นว่ามีหอประภาคารลอยฟ้าอยู่ทางขวา ซึ่งผมว่า Out of Place ไปนิดนึงนะครับ เมื่อเทียบกับดีไซน์ของตึก

สัญลักษณ์ก็ดูสวยดี ใช้สีทอง มันวาว

Floor Plan ชั้น ส่วนกลาง เป็นสระว่ายน้ำรูป Q นี้ มีห้องพักอาศัย 5 ห้อง

ชั้น 9 ขึ้นไปเป็นห้องพักอาศัย มีความหนาแน่นสูงสุดอยู่ที่ 15 ห้อง อัตราส่วนลิฟท์อยู่ที่ 120:1 ไม่รวมลิฟท์บริการ อาจจะดูหนาแน่นไปหน่อยเมื่อเทียบกับราคาที่ 150,000 บาทต่อตารางเมตรนะครับ

แต่บริเวณหน้าลิฟท์มีการเจาะช่องปล่อยให้แสงเข้า ซึ่งจะทำให้โถงทางเดินดูโปร่ง ตรงนี้เป็นสิ่งที่ดีสำหรับโครงการนี้ครับ

ห้องส่วนใหญ่เป็นแบบ 1 Bedroom ซึ่งจะมีห้อง 2 Bedrooms อยู่ตามมุมตึก และมีห้อง Studio อยู่ติดลิฟท์ (4) กับห้องที่โดน Block View (11)

ชั้นบนเกือบสุด 40F จะเป็นห้องใหญ่ หน้ากว้าง 3 Bedrooms ขนาด 137 ตารางเมตร

พื้นที่ด้านหน้าโครงการ มีประตูเล็กเชื่อมต่อกับทางขึ้นลง MRT

สระว่ายน้ำ มีน้ำพุรอบ และมีโถง Lobby ขนาดใหญ่อยู่ข้างๆ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ
  • ห้องออกกำลังกาย
  • Lobby ชั้นล่าง
  • Lobby ขนาดใหญ่ที่ชั้นส่วนกลาง
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว ต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์ 120:1
  • ความหนาแน่นสูงสุด 15 ยูนิตต่อชั้น
  • ระบบ CCTV / Access Card

Product Walkthrough

เราจะเริ่มจากห้อง 2 Bedrooms 2 Bathrooms ก่อน เป็นขนาด 64.41 ตารางเมตร

เดินเข้าไปก็จะพบห้องนั่งเล่นก่อนเลย เป็นพื้นที่แรกที่จะเชื่อมต่อเข้าห้องนอน

เพดานห้องสูงโปร่ง 3 เมตร เหมาะกับคอนโดเกรด Luxury นะครับ กระจกที่ให้เป็นบานที่เกือบเต็มถึงเพดาน ก็ดูดีเช่นกัน

ห้องที่นี่ขายเป็นแบบ Fully Furnished คือแถมให้ทุกอย่าง ทั้งเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวและ Built-in ยกเว้นพวกของแต่งห้อง เช่นพรม โคมไฟ กรอบรูป อะไรพวกนี้นะครับ

เครื่องใช้ไฟฟ้ามีให้คือ เตา, เครื่องดูดควัน, ไมโครเวฟ และแอร์

พื้นของห้อง 2 Bedrooms เป็น Engineering Wood นะครับ หน้าปิดผิวไม้จริง สีก็ตามที่เห็น

นี่เป็นระยะจากโซฟามองไปยังชั้นวางทีวี ดังนั้นจะใส่ TV ใหญ่ขนาดไหนก็จัดได้เลย พื้นที่น่าจะรองรับได้ถึง 70-80 นิ้ว

มองไปทางด้านหน้าห้อง มีการกั้นพื้นที่บางส่วนมาทำครัว ห้องนี้จัดเป็นครัวเปิด เน้นพื้นที่ Open Space เชื่อมต่อระหว่าง ห้องครัว ห้องรับประทานอาหารและห้องนั่งเล่น

ข้อดีก็คือพื้นที่จะเชื่อมต่อกันเป็นผืนเดียว ทำให้รู้สึกว่าห้องกว้าง เดินไปไหนก็ยังพอได้ แต่ข้อเสียก็คือพอจัดเป็นครัวเปิดก็จะต้องระวังเรื่องกลิ่นอาหารขณะทำกับข้าวหน่อยนะครับ

แอร์ที่ให้เป็นแบบ Conceal Split Type ฝังอยู่เหนือส่วนครัว

หันกลับมาดูชุดโต๊ะกลางและโซฟาที่ได้กันหน่อย มี Stool 1 ชิ้นด้วย

ให้ดูลายพื้นกันชัดๆ ว่า Engineering Wood เป็นอย่างไร

ส่วนนี้เป็นจุดเก๋ๆ บานกระจกกั้นระหว่างหน้าห้องและห้องครัว เอาไว้สื่อสารกันระหว่างคนในครอบครัว เช่นแปะ Note กันลืม อะไรแบบนี้ และริมผนังมีแท่งเหล็กยื่นๆออกมา ไว้แขวนพวงกุญแจได้ครับ

ด้านล่างของบานกระจกเป็นตู้ใส่รองเท้า 3 ชั้น วางได้ประมาณ 9 คู่ ครับ

ให้ดูพื้นที่เต็มๆอีกรอบหนึ่งของห้องนั่งเล่น

กรอบวงกบทางเดินออกไประเบียง ตรงนี้ไม่มีธรณีสูงๆขึ้นมาเกะกะ ทำได้ดีครับ ใช้งานสะดวกสบาย

ใช้เป็นกรอบบานเลื่อนสามตอน

อลูมิเนียม Powder Coated พร้อมซีลกันฝุ่น ของ Technal

ระเบียงกว้างประมาณ 80 ซม. ราวกันตกเป็นเหล็กซี่ๆ แต่พื้นที่ส่วนนี้ไม่ต้องวางเครื่องซักผ้านะครับ เพราะเครื่องนั้นวางอยู่ในครัว

Q อโศก ได้รวมเฟอร์ทุกชิ้นไว้แล้ว โต๊ะกินข้าว เก้าอี้ ส่วนนี้เชื่อมต่อกับครัว แต่สังเกตว่า นั่งได้แค่ 3 คนนะครับ

เตาไฟฟ้า เครื่องดูด ควัน และเตาอบไมโครเวฟที่แถมมากับห้องชุด

ด้านหลังครัวกรุกระจก ท๊อปใช้เป็นหินสังเคราะห์สีขาว

เตาไฟฟ้าเซรามิค 4 หัว

เครื่องดูดควันตัวใหญ่ของ Teka ต่อท่อดูดออกนอกห้อง

เตาก็ของ Teka

ซิงก์เป็นสแตนเลสชนิดปั๊มขึ้นรูป หลุมลึกพอควร มีที่วางจานนิดหน่อย

แอร์และเพดาน 3 เมตรและ 2.7 เมตร ใต้แอร์

ห้องน้ำด้านนอกเป็นห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันระหว่างห้องนอน 2 และห้องนั่งเล่น

ชุดอาบน้ำพร้อม Rain Shower ผนังตกแต่งโมเสก

ชุดซิงก์ล้างมือ มีปลั๊กกันน้ำให้เรียบร้อย ท๊อปหิน

สุขภัณฑ์ของ American Standard

พื้นอาบน้ำปูโมเสกกันลื่น

ก๊อกของ Grohe

ห้องนอนเล็ก ออกจะเล็กไปนิดนึง คงจะนอนได้แค่ 1 คน

วางกระจกบานใหญ่แบบนี้

มีตู้เสื้อผ้าและชุดโต๊ะเครื่องแป้งให้แล้ว แอร์เป็น Wall Type

แม้ว่าห้องเล็กแต่ระยะปลายเตียงนั้นโอเคเลยครับ วางทีวี นอนดูสบาย

มาดูห้องนอนใหญ่กันบ้าง ตกแต่งได้หรูหรามากกว่าห้องนอนเล็กเยอะเลย

ตู้เสื้อผ้าได้เป็นแบบหน้าบานกระจกด้วย มองเข้าไปเห็นเลยว่ามีชุดไหนบ้าง

ของ STARMARK

ตัวติดตั้ง Soft Close

ห้องนอนใหญ่กับห้องน้ำวางต่อเชื่อมกันแบบนี้ ใช้ผนังเป็นกระจกเปลือย

ระยะนอนดูทีวีสบายกว่าห้องเล็กเยอะ

แอร์เป็นแบบฝังด้านบนเพดาน

มองเข้าไปที่ห้องน้ำเป็นแบบนี้

อ่าง Jacuzzi แบบเข้ามุม มีที่รองคอเรียบร้อย

ซิงก์เป็นชุดสำเร็จรูป

ห้องอาบน้ำกั้นด้วยกระจกบานเปลือย ห้องใหญ่ อาบน้ำสบาย

ต่อมาเรามาดูห้องแบบ 45 ตารางเมตรกันบ้างครับ

ห้องนี้จะได้ห้องนั่งเล่นใหญ่หน่อย กว้างขวาง ดีกว่าห้องแบบ 2 Bedrooms อีก

ความกว้างของห้องและพื้นที่ต่อเชื่อมกับส่วนรับประทานอาหาร

ครัวกับโต๊ะทานข้าวต่อกันเป็นตัว L แบบนี้

ซิงก์เป็น 1 หลุม สแตนเลสไม่มีที่พักจาน เตาเป็นเซรามิค 2 หัว

เครื่องดูดควันดึงออกมาจากตู้หน้าบาน Glossy

เซ็ตครัวหน้าบ้าน

ห้องน้ำเป็นฟังก์ชั่นเด่นของห้องนี้ คือจะเป็น Double Access Bathroom

ห้องสุขามีซิงก์เล็กๆใช้ล้างมือได้

กับสุขภัณฑ์ 1 ชิ้น ซึ่งจะกั้นได้ด้วยบานเลื่อน ล็อคได้จากสองฟาก

ถัดมาเป็นส่วนของห้องน้ำในห้องนอน ที่จะมีซิงก์วางของได้เยอะหน่อย

ชุดอาบน้ำแบบ Rain Shower / Hand Shower

แถมด้วยชุดอ่างอาบน้ำ แต่ไม่มี Jacuzzi นะ

บานเลื่อนที่ล็อคห้องน้ำส่วนด้านในเอาไว้ เวลาแขกมาจะได้ใช้แค่ห้องสุขาด้านนอก ไม่ต้องเข้ามาดูห้องน้ำพื้นที่ส่วนตัวของเรา

ปิดแบบนี้

แล้วก็ปิดด้านหน้าอีกรอบ

ต่อมาคือห้องนอน ซึ่งจัดได้ดีกว่าห้องนอนใหญ่ของ 2 Bedrooms คือจะมีพื้นที่กว้างกว่า

เฟอร์นิเจอร์ต่างๆลงตัวกว่า มีพื้นที่ใช้สอย หมุนไปมาได้ ยกตัวอย่างเช่นโต๊ะเครื่องแป้ง ที่วางได้ดีกว่าห้องแบบ 2 Bedrooms

แต่ตู้เสื้อผ้าได้เป็นบานไม้ สู้บานกระจกแบบห้องโน้นไม่ได้

มี Counter วางทีวีและโต๊ะทำงานด้วยครับ ครบสูตรเลย

สุดท้ายเป็นห้องที่เล็กที่สุดของโครงการนี้ คือ Studio

ด้วยความที่เป็น Studio ขนานแท้ เลยไม่มีฉากกั้นห้องนอน ใช้พื้นที่ต่อเชื่อมกันระหว่างห้องรับแขกกับห้องนอนไปเลย

นั่งทานข้าวอะไรในนี้ไปด้วย

แต่ข้อดีของ Studio นี้คือจะกั้นครัวแยกส่วนเอาไว้ให้ ปูเป็นกระเบื้องเซรามิค ใช้งานได้ค่อนข้างสะดวกสบาย เป็นครัวปิด

ห้องน้ำก็จะไม่มีอ่างอาบน้ำ นอกนั้นวัสดุคล้ายๆกันครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 22/02/2013

  • Studio ชั้น 11 ห้อง 1104 เนื้อที่ 31 ตารางเมตร ราคา 4.41 ล้านบาท หรือ 142,304 บาทต่อตารางเมตร
  • 1 Bedroom ชั้น 20 ห้อง 2014 เนื้อที่ 45 ตารางเมตร ราคา 6.92 ล้านบาท หรือ 153,709 บาทต่อตารางเมตร
  • 2 Bedrooms ชั้น 30 ห้อง 3009 เนื้อที่ 64.41 ตารางเมตร ราคา 10.38 ล้านบาท หรือ 161,155 บาทต่อตารางเมตร

  • Fully Furnished + Bulit-in + ลอยตัว
  • จอง 100,000 บาท
  • ทำสัญญา 5% บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 50 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

เจาะลึกรวบยอด

ทำเลของโครงการ Q Asoke จัดว่าเป็นทำเลที่ดีมากแห่งหนึ่ง หน้าโครงการอยู่ติดถนนใหญ่เพชรบุรีตัดใหม่ ช่วงสี่แยกอโศก-เพชรบุรีพอดิบพอดี ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีเพชรบุรีแบบแค่เปิดประตูตึกออกไปก็ถึงเลย ทำให้เป็นทำเลที่มีศักยภาพมากแห่งหนึ่ง แต่ทำเลนี้ก็ไม่ใช่ทำเลที่งามสุดๆมีแต่ข้อดีอย่างเดียวนะครับ มีข้อเสียอยู่บ้างเหมือนกัน เช่นสะพานข้ามแยกเลยทางเข้าตึกและบดบังตัวตึกบางส่วน, ทางเข้าตึกอยู่กระชั้นกับจุดกลับรถมากเกินไป และด้านหลังของแปลงที่ดินก็ติดคลองแสนแสบ เมื่อเทียบทำเลกับราคาขายที่ตั้งไว้ 150,000 บาทต่อตารางเมตร จึงอาจจะมองว่าเป็นราคาในอนาคตไปหน่อยครับ

วิวของตึกนี้จะโดดเด่นช่วงทิศเหนือ ที่จะเปิดโล่งมองออกไปบริเวณพื้นที่สีเขียวมักกะสัน ซึ่งเป็นพื้นที่ของการรถไฟ แต่วิวทิศตะวันตกนั้นจะถูกบดบังด้วยตึก Villa อโศกไปส่วนหนึ่ง วิวทิศใต้ก็จะมองไปทางถนนอโศกซึ่งมีตึกสูงอยู่พอควร วิวทิศตะวันออกก็จะมองไปเจอตึกศุภาลัย Premier ในอนาคต ส่วนวิวเยื้องๆกันนั้นก็คือตึก The Address อโศก อันนี้ไม่ค่อยมีผลเท่าไรครับ ดังนั้นทิศที่เราแนะนำก็น่าจะเป็นทิศเหนือหรือใต้ที่อยู่เลยชั้น 15 ไปแล้วครับ

การเดินทางด้วยรถยนต์นั้นโอเค แม้ว่าโครงการจะอยู่กระชั้นจุดกลับรถใต้สะพาน แต่ก็ยังสามารถเลี้ยวแล้ววิ่งตรงเข้าโครงการได้ ทำให้การเดินทางโดยใช้รถยนต์ออกมาใกล้เคียงกับตึกเพื่อนบ้านอย่าง Villa Asoke แต่สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถ ต้องบอกว่า Q Asoke อยู่ติดกับทางขึ้นลง MRT ซึ่งจะสะดวกสบายกว่า

วัสดุของ Q Asoke จัดมาโอเค ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร แอร์ส่วนใหญ่จะเก็บซ่อนมิดชิด มี Wall Type เฉพาะห้องเล็ก สุขภัณฑ์ใช้ของดี มีอ่างน้ำเรียบร้อยทั้งแบบ 1 Bedroom หรือ 2 Bedrooms เฟอร์นิเจอร์ได้ทุกชิ้นไม่ว่าจะเป็นลอยตัวหรือ Built-in ตั้งแต่โซฟา ครัว ยันโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งได้รับการออกแบบมาแล้วว่าใช้งานได้เหมาะสม โดยรวมจัดว่าเป็นจุดเด่นอีกหนึ่งจุดของโครงการนี้

การออกแบบนั้นทำออกมาสวยหรู ทั้งแบบห้องและตัวอาคาร โดยเฉพาะแบบห้อง 1 Bedroom ขนาด 45 ตารางเมตรที่ทำออกมาแล้วอยู่สบาย แต่อาจจะมีข้อติอยู่บ้างตรงที่ซอยห้องค่อนข้างเล็ก ทำให้จำนวนยูนิตต่อชั้นสูงถึง 15 และอัตราส่วนลิฟท์สูงถึง 120:1 ทั้งๆที่เป็นคอนโดเกรด Luxury ทางเราจึงเห็นว่ามีความหนาแน่นสูงไปหน่อยสำหรับคอนโดราคานี้

สุดท้ายเรื่องสาธารณูปโภค จัดมาเกือบเต็ม 1 Floor มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ฟิตเนส ห้องนั่งเล่น Lobby กว้างขวาง ซึ่งโดยรวมแล้วค่อนข้างโอเค ส่วนที่จอดรถนั้นมีให้ราว 80% แบบรวมจอดซ้อนคัน จัดว่าค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับตึกอื่นๆที่เปิดตัวในปี 2013 ครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 150,000 บาทต่อตารางเมตร, 22 Feb 2013

  • ทำเล 7/10 – สี่แยกอโศก-เพชรบุรี
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – ดีพอใช้ได้ แต่ทางเข้ากระชั้นจุดกลับรถ
  • ไม่ใช้รถ 9/10 – ติด MRT ใกล้ Airport Link
  • วัสดุ 8.5/10 – เพดานสูง เฟอร์ครบ วัสดุดี
  • แบบ 7/10 – หนาแน่นไปเมื่อเทียบกับราคา
  • สาธารณูปโภค 8/10 – โอเคเมื่อเทียบกับราคา

  • LUXURY CLASS
  • 7.74 / 10.00

BOTTOM LINE

Q Asoke เหมาะกับคนที่ต้องการคอนโดหรูติดรถไฟฟ้า MRT ที่มีดีไซน์ห้องโปร่ง เพดานสูง อยู่สบาย เฟอร์ครบ และมีตัวเลือกในการใช้ Airport Link แต่ก็ต้องมีงบสูงระดับนึงนะ

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ