รีวิวฉบับที่ 855 วันนี้เราจะพาไปอัพเดตห้องตัวอย่างของคอนโดแถบชานเมืองฝั่งตะวันออกกับโครงการ Pause สุขุมวิท 103 จาก Origin เจ้าถิ่นแห่งย่านนี้กันนะคะ คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร อยู่ในซอยสุขุมวิท 103 หรือซอยอุดมสุข แยกเข้าซอยอุดมสุข 7 ที่สามารถทะลุซอยวชิรธรรมสาธิต 6 ที่เข้าจากซอยสุขุมวิท 101/1 ได้ ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท
Facts @ 9 June 2015
- Pause Sukumvit 103 (Pause สุขุมวิท 103)
- บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางนา
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร รวมทั้งหมด 268 ยูนิต อาคาร A 118 ยูนิต และอาคาร B 150 ยูนิต
- พื้นที่จอดรถ 80 คัน คิดเป็น 30% และรวมซ้อนคัน 95 คัน คิดเป็น 35.5%
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 22 ยูนิตที่อาคาร B ตั้งแต่ชั้น 2-6
- ที่ดินประมาณ 1-2-49 ไร่
- คาดว่าจะเริ่มก่อสร้าง : Q4 2558
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q2 2560
- Studio ขนาดห้องตั้งแต่ 20.71 – 24.30 ตารางเมตร มี 126 ห้อง หรือคิดเป็น 47% ราคา 1.69 – 1.88 ล้านบาท
- 1 Bedroom ขนาดห้องตั้งแต่ 25.60 – 32.78 ตารางเมตร มี 98 ห้อง หรือคิดเป็น 37% ราคา 1.99 – 2.67 ล้านบาท
- 1 Bedroom Plus ขนาดห้องตั้งแต่ 33.52 – 44.25 ตารางเมตร มี 31 ห้อง หรือคิดเป็น 12% ราคา 2.55 – 3.59 ล้านบาท
- 2 Bedrooms ขนาดห้องตั้งแต่ 39.46 – 44.19 ตารางเมตร มี 13 ห้อง หรือคิดเป็น 5% ราคาเริ่มต้น 3.22 – 3.45 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
- ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาทหรือประมาณ 78,568 บาทต่อตารางเมตร
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ระหว่างดำเนินการ
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS อุดมสุขได้ที่ : มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS อุดมสุข (E12)
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร 020-300-000
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.681441, 100.612562
ที่ตั้งของโครงการ Pause สุขุมวิท 103 ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทในซอยสุขุมวิท 103 หรือซอยอุดมสุขที่ทะลุไปยังเส้นศรีนครินทร์ได้ เข้าซอยอุดมสุขมาเลี้ยวซ้ายในระยะ 300 เมตร เข้าที่ซอยอุดมสุข 7 ที่สามารถทะลุออกไปยังซอยสุขุมวิท 101/1 ได้ด้วยซอยวชิรธรรมสาธิต 6 โครงการจะอยู่ทางขวามือ รวมระยะจากโครงการถึงสถานี BTS อุดมสุขอยู่ที่ 800 เมตร
แผนที่รวมของทั้ง 3 โครงการของแบรนด์ Pause ทั้งหมดจะตั้งอยู่บนแนวซอยถนนสุขุมวิทฝั่งเลขคี่ จะเกาะแนว BTS สายสีเขียวเข้มส่วนต่อขยาย โดยทำเลรอบๆแนวสถานีรถไฟฟ้า BTS ทั้ง 3 โครงการจะเขยิบออกมาย่านแยกบางนา ซึ่งแตกต่างจากโซนสุขุมวิทในเมือง จึงไม่ถึงกับคึกคักมากเหมือนกับช่วงต้นๆสุขุมวิท ที่เป็นแหล่งห้างสรรพสินค้า โรงแรมหรูหรา และอาคารสำนักงานใหญ่โต แม้โซนสุขุมวิทตอนปลายจะเทียบไม่ได้ ก็จะมีการเชื่อมโยงกันด้วยรถไฟฟ้า ทำให้การเดินทางเข้าไปกลางเมืองสะดวกขึ้นกว่าแต่ก่อนมากค่ะ
การเดินทางเส้นหลักของทั้ง 3 โครงการสำหรับคนใช้รถก็คงต้องพึ่งถนนสุขุมวิท หรือเส้นศรีนครินทร์ ซึ่งมีถนนซอยต่างๆเชื่อมกับถนนสุขุมวิทไปได้หลายเส้นทางทั้งเข้าเมือง ออกเมือง มีซอยลัดเลาะเข้าต้นซอยนี้ ไปออกซอยนั้น แต่ก็ถือว่าช่วยหลีกเลี่ยงการจราจรที่หนาแน่นในบางช่วงเวลาได้ หรือใครที่เดินทางโดยสาธารณะมีรถเมล์วิ่งผ่านหลายสาย มาจากในเมืองจนถึงสำโรง หรือไปปากน้ำก็มี ส่วน BTS ที่เปิดใช้ตอนนี้สิ้นสุดที่สถานีแบริ่ง แต่ปี 2559 ก็คงใช้ได้จนถึงสมุทรปราการเพราะตอนนี้ BTS ส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ก่อกำลังก่อสร้างกันอยู่ อนาคตคงเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางมากขึ้น
ทำเลโครงการ Pause สุขุมวิท 103 ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยอุดมสุข 7 ซึ่งเป็นซอยที่เข้าออกได้สองทางคือไปทะลุออกซอยวชิรธรรมสาธิต 6 ได้ คนใช้รถยนต์ก็คงสะดวกดี การเดินทางโดยถนนอุดมสุขหรือสุขุมวิท 103 เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ การเดินทางเข้าออกเมืองก็สามารถใช้ได้ทั้งถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์เช่นกัน แต่ถ้าใครจะใช้รถสาธารณะก็มีทั้งรถเมล์ รถสองแถว หลายสายวิ่งผ่านเกือบทั้งคืน รวมทั้งวินมอเตอร์ไซค์ด้วย ส่วนการเดินทางโดย BTS ระยะประมาณ 800 ม.ถึงโครงการ ระยะนี้ถ้าเดินเหงื่อตกได้ แต่ยังดีที่โครงการมี Shuttle bus ให้ ปัจจุบันกำหนดการเดินทางอยู่ที่ 3 รอบเช้า และ 3 รอบเย็น ในส่วนเวลาที่ระบุชัดๆ คงต้องรอให้คอนโดสร้างเสร็จและมีนิติบุคคลเรียบร้อยนะคะ
ความอุดมสมบูรณ์เรื่องอาหารการกินย่าน BTS อุดมสุข มีตลาดอุดมสุขติดกับตัวสถานีเลยมีของกินของใช้ขายเพียบ และในซอยอุดมสุขช่วงต้นซอย และช่วงกลางซอยก็มีของขายทั้งสองฝั่งทางตั้งแต่เช้าถึงดึก ร้านอร่อยๆมีอยู่หลายร้านเลยเลือกกินได้สบายๆ แต่ถ้าอยากเดินห้างเย็นๆถ้าใช้ BTS ก็คงต้องพึ่งแถวอ่อนนุชมี Lotus, Big C หรือไม่ก็ยาวเข้าเมืองไปเลย แต่ถ้าไม่ใช้ BTS ก็มาแถวบางนามี เซ็นทรัลบางนา, Big C บางนา หรือนั่งรถไปแถวศรีนครินทร์มีซีคอนสแควร์, พาราไดซ์พาร์ค และตลาดนัดรถไฟ
อ่านทำเลโครงการ Pause สุขุมวิท 103 แบบเจาะลึกต่อได้ที่ : พาชมทำเลโครงการ Pause
มาดูพื้นที่รอบๆกันต่อนะคะ แปลงที่ดินโครงการเป็นแบบหน้าแคบและลึกเข้าไป โดยแม้ว่าจะติดกับทั้งซอยอุดมสุข 7 และ 9 แต่ก็เลือกจะเปิดทางเข้า-ออกแค่ที่ซอยอุดมสุข 7 และภายในแบ่งออกเป็น 2 อาคาร โดยส่วนที่เข้าถึงก่อนคืออาคาร A และด้านในคืออาคาร B พื้นที่รอบข้างอย่างตรงข้ามทางเข้าก็จะเป็นบ้านพักอาศัยสูง 3 ชั้น มองไปยังถนนสุขุมวิท มีต้นไม้ปกคลุม ไกลๆจะเห็น Ideo mix และศุภาลัยซิตี้โฮม ทิศเหนือของที่ดินจะติดกับหอพักตึกสีขาวสูง 5 ชั้น ทางทิศใต้ก็จะเป็นพวกบ้านพักอาศัยรูปแบบต่างๆ 2 ชั้น และจะเห็นตึกสูงๆไกลๆ ส่วนทางทิศตะวันออกติดกับซอยอุดมสุข 9 ฝั่งนี้มองไปทางถนนศรีนครินทร์ จะติดกับบ้านพักอาศัย และเห็นตึกสูงๆในระยะไกล
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ตลาดอุดมสุขพัฒนาการ 650 เมตร
- โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 2 1.1 กิโลเมตร
- โรงเรียนนานาชาติ Berkeley 1.5 กิโลเมตร
- BITEC บางนา 2.1 กิโลเมตร
- สนามกีฬาและสนามกอล์ฟราชนาวี บางนา 2.8 กิโลเมตร
- Central บางนา 3.8 กิโลเมตร
- วัดด่านสำโรง 4.8 กิโลเมตร
- โรงเรียน Bangkok Pattana International school 4.9 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลไทยนครินทร์ 4.9 กิโลเมตร
- BigC สำโรง 5 กิโลเมตร
- ศาลเจ้าพ่อทัพ 5 กิโลเมตร
- Imperial World สำโรง 5.6 กิโลเมตร
- ตลาดสดเอี่ยมเจริญ 6.1 กิโลเมตร
- โรงเรียนลาซาล 6.1 กิโลเมตร
- สวนหลวงร.9 6.2 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ 6.2 กิโลเมตร
- โรงเรียน St.Joseph บางนา 6.3 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลศิครินทร์ 6.7 กิโลเมตร
- Makro 6.9 กิโลเมตร
- IKEA 11 กิโลเมตร
ภาพจำลองภายนอกของโครงการ Pause สุขุมวิท 103 คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 268 ยูนิต แบ่งออกเป็นอาคาร A 118 ยูนิต เป็นอาคารรูปตัว I และอาคาร B 150 ยูนิต อาคารเป็นรูปตัว L เข้าพื้นที่โครงการได้จากซอยอุดมสุข 7 ทางเดียว ตัวอาคารใช้โทนสีเทาเข้มและเทาอ่อนตัดกัน แต่จากในรูป Perspective อาจจะมองเห็นได้ไม่ดีมากนักนะคะ เพราะว่าเป็นช่วงกลางคืน และไม่เห็นภาพในมุมสูงด้วย แต่จากการสอบถามจะมีช่องว่างระหว่างอาคาร A และ B อยู่ที่ 5 เมตร โดยมีชั้น 1 เป็นชั้นจอดรถทั้งหมด และพื้นที่ Lobby ที่อาคาร A อาคารเดียว มีสวนหย่อมขนาดพอพักผ่อนหย่อนใจได้ได้รอบๆอาคาร เร่ิมมีส่วนของห้องพักที่ชั้น 2 ขึ้นไปจนถึงชั้น 8 ที่จะมีห้องพักและพื้นที่ Facility ส่วนกลาง อาทิ Infinity Edge Pool, อ่างจากุชชี่, Sky Fitness, ห้องอ่านหนังสือ, BBQ Zone และ Rooftop Garden
ผังชั้น 1 ทางโครงการไม่ได้มีมาให้นะคะ ดังนั้นเราจะมาพูดกันเฉพาะในส่วนที่มีข้อมูลเท่านั้น คือโครงการเข้าได้จากหลากหลายเส้นทาง แต่ทั้งหมดจะมาบรรจบกันที่ซอยอุดมสุข 7 เนื้อที่โครงการเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสองรูปวางต่อกันตามแนวยาว มีส่วนเยื้องกันนิดหน่อย โดยส่วนตะวันตกจะติดกับซอยอุดมสุข 7 และทางตะวันออกติดกับซอยอุดมสุข 9 แต่ทางเข้าออกจะใช้แค่ซอยอุดมสุข 7 เท่านั้น มีทั้งที่จอดรถใต้อาคาร และส่วนกลางแจ้งรอบๆอาคาร จำนวน 80 คัน คิดเป็น 30% และรวมซ้อนคัน 95 คัน คิดเป็น 35.5% ผ่านเข้ามาจะเจอ Lobby อยู่ที่อาคาร A เท่านั้น เป็นแบบ Double Ceiling Height ต่อเนื่องขึ้นไปยังพื้นที่ชั้น 2
บนชั้น 2 ก็จะเป็นพื้นที่ห้องพักแบบเต็มพื้นที่ทั้งหมดทั้ง 2 อาคาร จำนวนทั้งหมด 268 ยูนิต อาคาร A 118 ยูนิต และอาคาร B 150 ยูนิต โดยมีแค่พื้นที่ส่วนที่ต่อเนื่องกับ Lobby ชั้น 1 ที่เป็น Double Ceiling Height เท่านั้นที่เป็นพื้นที่ว่างๆ ทั้งสองอาคารมีลิฟท์โดยสารอาคารละ 2 ตัว รวมเป็น 4 ตัว ไม่มี Service Lift ส่วนบันไดหนีไฟมีอาคารละ 2 จุด อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 67 : 1 โดยอาคาร A คือ 59:1 และอาคาร B 75 : 1 จะเห็นได้ว่าอาคาร B จะหนาแน่นกว่าด้วยจำนวนห้อง, อัตราส่วนลิฟท์ และไม่มี Lobby เป็นของตัวเองภายในอาคาร บนชั้น 2 อาคาร A มีห้องพัก 16 ห้อง และอาคาร B มีห้องพักจำนวน 22 ห้อง การจัดเรียงห้องพักเป็นแบบ Double Corridor ตามแนวตึกทั้งรูปตัว I และรูปตัว L ห้องพักมี 4 แบบ คือ Studio, 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus และ 2 ห้องนอน โดยส่วนใหญ่จะเป็นห้องแบบ Studio ที่จะอยู่ส่วนกลางๆทางเดินของชั้น และมีห้องมุมอาคารต่างๆเป็นห้องที่ขนาดใหญ่ขึ้นมา
ชั้น 3 – 6 จะมีหน้าตาผังเหมือนกันทุกประการ ถือเป็นชั้นที่เป็น Typical Floor Plan ของโครงการ และเป็นชั้นที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุด คืออาคาร A ที่ 18 ยูนิต ประกอบไปด้วย Studio 13 ยูนิต เป็นห้องที่อยู่ตรงกลางทางเดิน คิดเป็นจำนวนเปอร์เซนต์มากที่สุดของโครงการ, 1 Bedroom ทางทิศตะวันออก 4 ยูนิต และห้อง 1 Bedroom Plus 1 ยูนิต ที่มุมทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือหน้าโครงการ และอาคาร B ที่ 22 ยูนิต ประกอบไปด้วย ห้อง Studio 6 ยูนิต, 1 Bedroom 10 ยูนิต, 1 Bedroom Plus 4 ยูนิต และ 2 Bedrooms 2 ยูนิตที่อยู่มุมอาคาร มีลิฟท์โดยสารอยู่ที่มุมรูปตัว L ห้องที่อยู่ใกล้มุมรูปตัว L ทางฝั่งใต้จะได้รับความสะดวกเนื่องจากใกล้โถงลิฟท์ขึ้น-ลงสะดวก แต่ในทางกลับกัน ความเป็นส่วนตัวที่ได้จะน้อยกว่าห้องทางปีกตะวันตก ไม่มีการเดินไปเดินมาของเพื่อนร่วมชั้นมากนัก แต่จะอยู่ไกลจากลิฟท์ไปหน่อย
ชั้น 7 พื้นที่ภายในชั้นจะหายไปตามแนวร่นของกฎหมายและการคำนึงถึงการวาง Facilities ที่ชั้น 8 ให้อยู่ในมุมเปิดโล่งและได้วิวที่ไม่รกตาหน่อย อย่างอาคาร A จะมีห้องพัก 16 ห้อง และอาคาร B จะมีห้องพัก 21 ห้อง จำนวนห้องพักก็จะน้อยลง หนาแน่นน้อยลง
ส่วนการจัดวางรูปทรงอาคารแบบตามตะวันคือส่วนที่กว้างกว่าอยู่ทางทิศเหนือ-ใต้ ทำให้ห้องทางทิศเหนือได้รับแสงธรรมชาติที่ไม่แรงเหมาะกับการอยู่อาศัยตลอดวัน ส่วนห้องทางทิศใต้จะได้รับแสงแดดที่แรงกว่า อุณหภูมิสูงจะเก็บอยู่ในห้องตลอดช่วงบ่าย แต่ทิศทางลมที่ดีกว่า
ชั้น 8 เป็นชั้นพักอาศัยชั้นบนสุดของโครงการ ที่แบ่งเอาพื้นที่บางส่วนมาทำเป็น Facilities โดยอาคาร A จะมีห้องพักเหลือ 14 ห้อง และอาคาร B จำนวน 19 ห้อง ซึ่งข้อดีคือมีจำนวนน้อยกว่าชั้นอื่นๆ และอยู่ใกล้พื้นที้ส่วนกลางต่างๆ แต่ข้อเสียเด่นๆเลยคือก็มีความพลุ่นพล่านในชั้น 8 มากเช่นกัน ทำให้อาจจะมีเสียงรบกวน มีเพื่อนบ้านเดินเข้าออกเยอะ โดย Facilities ชั้นบนสุดประกอบไปด้วย Infinity Edge Pool ทั้งสองอาคาร แต่อาคาร A จะมีอ่างจากุชชี่เพิ่มเข้ามาด้วย สระว่ายน้ำอาคาร A เป็นระบบเกลือขนาด 16 x 2.5 เมตร และส่วนอาคาร B ขนาด 14 x 2.5 เมตร, Sky Fitness Room 2 ห้อง อยู่บนชั้น 8 ของแต่ละอาคาร ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 5 เครื่องต่อห้อง, ห้องอ่านหนังสือ, BBQ Zone และ Rooftop Garden วิวที่ได้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบ้านพักอาศัยรอบด้าน พื้นที่ว่างเปล่าบ้าง ไม่ใช่อาคารสูงในระยะใกล้ยกเว้นแค่อาคารหอพักสูง 5 ชั้นที่บังวิวในส่วนของอาคาร A ฝั่งเหนือ
ภาพ Perspective เป็นมุมจากชั้น 8 ของอาคาร A สังเกตได้จากมีสระว่ายน้ำขนาด 16 x 2.5 เมตร และอ่างจากุชชี่อยู่ด้านข้าง ด้วยรูปร่างของสระว่าน้ำที่มีหยักมีมุม และความกว้างที่ 2.5 เมตร ทำให้อาจจะออกกำลังกายไม่ได้อย่างจริงจัง มีไว้แช่น้ำหรือสร้างบรรยากาศโดยรวม ส่วนขอบสระก็จะเป็นพื้นที่สีเขียวและที่นั่งพัก ด้านในหลังระแนงไม้ก็จะเป็นห้องฟิตเนส และทางเดินออกไปยังลิฟท์โดยสาร
มุมจากภายในห้องฟิตเนสของอาคาร B จะเห็นมุมสระว่ายน้ำขนาด 14 x 2.5 เมตร ได้พอดี หันหน้าออกไปยังทิศใต้ ต่างจากส่วน Facilities ของอาคาร A ที่ห้องฟิตเนสจะไม่ได้อยู่ใกล้สระว่ายน้ำแบบนี้ และหันไปทางหน้าโครงการฝั่งทิศตะวันตก
อีกมุมหนึ่งจากมุมพื้นที่สีเขียวชั้นบนของอาคาร นอกจากจะปลูกหญ้า, ไม้พุ่มรอบอาคารและต้นไม้ใหญ่เป็นจุดๆแล้วก็ยังมีการจัด Landscape พร้อมวางเก้าอี้นั่งเป็นชุดๆให้ได้พักผ่อนหย่อนใจ จริงๆแล้วลูกบ้านน่าจะมาใช้ในช่วงแดดร่มลมตกช่วงเย็นมากกว่า จะได้บรรยากาศและอากาศดีๆ
มาดูในส่วนของ Sales Office ของโครงการกันบ้างนะคะ Sales Office จะไม่ได้ตั้งอยู่ที่ไซท์ที่ซอยอุดมสุข 7 ตัวแผนที่ Sales Office จะมีอยู่ในแผนที่โครงการ คือจากถนนใหญ่สุขุมวิท ก็เลี้ยวเข้าที่ซอยสุขุมวิท 101/1 อยู่ทางขวามือก่อนถึงซอยวชิรธรรม 14 ด้านหน้าก็จะมีพื้นที่จอดรถให้ มีป้ายใหญ่เห็นได้ชัดนะคะ มีบริการพาไปดูไซท์ด้วยรถจาก Sales Office พาขับวนไปดูค่ะ
ส่วนด้านข้างของพื้นที่จอดรถก็จะมีร้านกาแฟสีหวานแหวว ชื่อ Fall in Love Cafe ให้บริการอยู่
ตัวอาคารเองก็ออกแบบได้น่ารัก และทันสมัยดีค่ะ เดี๋ยวจะพาเข้าไปชมด้านในกัน
เปิดประตูกระจกเข้ามาก็จะเจอชุดโต๊ะ-เก้าอี้ตัวยาว สำหรับนั่งพูดคุยสอบถาม ด้านในจะมีโซฟาที่นั่งได้สบายหน่อย ทางซ้ายมือจะเป็นเคาท์เตอร์ของพี่ Sale เขา
ห้องตัวอย่างของทางโครงการ Pause สุขุมวิท 103 จะมี 2 Types คือ Studio และ 1 Bedroom อย่างทางขวามือนี่จะเป็นห้องตัวอย่างของแบบ Studio
และทางซ้ายที่อยู่ข้างๆเคาท์เตอร์จะเป็นห้อง 1 Bedroom เดี๋ยวจะพาไปชมห้องตัวอย่างกันต่อเลยค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby ที่อาคาร A ชั้น 1
- Infinity Edge Pool อาคาร A มีทั้งสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 16 x 2.5 เมตร และอ่างจากุชชี่ ส่วนอาคาร B มีสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 14 x 2.5 เมตร
- Sky Fitness Room 2 ห้อง อยู่บนชั้น 8 ของแต่ละอาคาร ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 5 เครื่องต่อห้อง
- ห้องอ่านหนังสือ
- BBQ Zone
- Rooftop Garden และสวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 67 : 1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 59:1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 75:1
- พื้นที่จอดรถ 80 คัน คิดเป็น 30% และรวมซ้อนคัน 95 คัน คิดเป็น 35.5%
- ระบบ CCTV / Access Card
- Shuttle Service ไปยัง BTS อุดมสุข เช้า 3 รอบ เย็น 3 รอบ ยังไม่มีกำหนดเวลา
เริ่มจากห้องตัวอย่างของโครงการห้องแรกกันนะคะ คือแบบ Studio ขนาด 20.74-24.30 ตารางเมตร เป็นห้องที่มีจำนวนมากที่สุดในโครงการ คือมี 126 ห้อง หรือคิดเป็น 47% มี Functions โดยรวมเหมือนกัน แตกต่างกันตามตำแหน่งและขนาดของห้อง
ส่วนแบบห้องตัวอย่างห้องนี้เป็น Type Bs รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบ โดยมีพื้นที่ Living อยู่ที่ส่วนหน้า และมีห้องนอนอยู่ส่วนหลัง ในอัตราส่วนใกล้เคียงกัน เมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอส่วนครัวอยู่ทางซ้ายมือก่อน ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำที่เปิด-ปิดด้วยประตูบานเลื่อน ลึกเข้าไปหน่อยจะเป็นพื้นที่โซฟาและโต๊ะกลางอยู่ที่ด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านจะเป็นชั้นวางทีวีแบบ Built-in และมีโต๊ะทานข้าวเล็กๆแบบพับเก็บได้ ข้างๆจะเป็นประตูเลื่อนกระจกกั้นบานใหญ่ ไว้สำหรับเปิด-ปิดเข้าสู่ห้องนอน ด้านในจะมีเตียงและตู้เสื้อผ้าอยู่ทางด้านขวา ส่วนมุมห้องอีกทางหนึ่งจะเป็นส่วนของโต๊ะทำงานเข้ามุมพอดีเป๊ะ ด้านข้างจะเป็นประตูเลื่อนเปิดออกไปยังระเบียง การจัดผังห้องให้ห้องน้ำและส่วนครัวอยู่ส่วนด้านในของอาคาร คือไม่มีช่องระบายอากาศ ทำให้ต้องพึ่งพาระบบของอาคารล้วนๆ
เริ่มจากทางเข้าห้องนะคะ ประตูเป็นบาน HDF ขนาด 0.9 x 2.0 เมตร ประตูมือจับแบบก้านโยกพร้อม Digital Doorlock
พื้นห้องคือไม้สำเร็จรูปผิวลามิเนต หนา 8 มิลลิเมตร
ส่วนแรกจากทางเข้าคือส่วนพื้นที่โต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งแบบ Built-in สูงเกือบถึงฝ้าด้านบน ยาวประมาณ 1.3 เมตร ด้านในเป็นส่วนครัว ไล่ตั้งแต่ตู้เย็นไปจนถึง Hob and Hood ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำแบบประตูบานเลื่อน ด้านในเป็นชุดโซฟาและชั้นวางทีวี หลังประตูบานเลื่อนกระจกบานใหญ่สูงถึงฝ้าคือ 2.4 เมตร เข้าไปคือห้องนอน และพื้นที่ระเบียงด้านนอก
รายการการขายที่ในวันที่เข้าไปเก็บข้อมูลจะเป็นไปแบบ Fully Furnished คือให้ชุดเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ที่เห็นภายในห้องตัวอย่าง แต่ก็จะมีบางชิ้นเล็กๆน้อยๆที่เป็นชิ้นตกแต่ง เดี๋ยวก็จะบอกเป็นชิ้นๆไป พร้อมทั้งยังมีแอร์ให้ทุกห้อง แต่ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างทีวี ตู้เย็น หรือไมโครเวฟนะคะ
ข้างผนังด้านในเข้ามาก็จะเจอกล่องสวิสซ์ไฟ และด้านบนสวิทซ์เป็น Sound System ยี่ห้อ Razr
ชุด Built-in ที่อยู่ด้านข้างทางเข้ามีทั้งแบบช่องปิดและช่องเปิด ช่องปิดที่เห็นริมสุดก็จะเป็นพวกแขวนเสื้อผ้าตัวนอกหรือจะใส่คั่นชั้นเข้าไปเป็นชั้นวางรองเท้า ส่วนช่องเปิดมีทั้งด้านบนและด้านล่าง ด้านบนก็ไว้วางของกระจุกกระจิกทั่วไป ส่วนด้านล่างก็จะเป็นที่เก็บเก้าอี้ สามารถใช้เป็นโต๊ะเครื่องแป้ง และโต๊ะทำงานนิดหน่อยได้
ถัดไปก็จะเป็นส่วนของเคาท์เตอร์ครัวที่มีทั้งส่วนบนและล่าง ส่วนล่างไล่ส่วนเย็นไปยังส่วนร้อน ได้แก่ ตู้เย็น, อ่างล้างจาน และ Hob and Hood สังเกตว่าจะไม่มีพื้นที่เตรียมอาหารอยู่บนเคาท์เตอร์ล่าง ด้านใต้ก็จะมีช่องเปิดและช่องปิดส่วนเปิดก็สามารถใส่พวกข้าวของเครื่องใช้ และมีช่องวางไมโครเวฟด้วย แต่ว่ารายการการขายจะไม่นับรวมเครื่องใช้ไฟฟ้านะคะ ส่วนด้านบนก็จะเป็นตู้เก็บพวกอาหารแห้งและหม้อ ไห ตะหลิว พวกนั้น
มองภาพรวมเคาท์เตอร์ล่างกันแบบเต็มๆทั้งแบบที่เปิดและปิด ความกว้างของเคาท์เตอร์อยู่ที่ 1.1 เมตร และเว้นช่องตู้เย็นไว้ให้กว้าง 60 เซนติเมตร ดังนั้นก็จะจำกัดอยู่แค่ตู้เย็นแบบฝาเดียว ใครที่เก็บของกินเยอะหน่อยก็ต้องเพลาๆนะคะ ส่วนที่ผนังก็ยังมีไอเดียการแขวนจานชาม และที่นวดแป้ง ทัพพี ตะหลิวให้ด้วย เพื่อเป็นการประหยัดพื้นที่ไปในตัว
ส่วนด้านบนเปิดออกมาก็จะเห็นเป็นช่องใส่ของได้ แต่ก็จะไม่ลึกมากหรือใส่ของแบบทรงสูงได้มากเท่าไร ตู้ชั้นบนความสูงกำลังเหมาะคือชูมือขึ้นไปสุดแขนผู้หญิงก็ยังพอเอื้อมหยิบของได้ค่ะ
แต่ความสูงของตู้ที่ไม่เต็มบานทั้งในส่วนของโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้ชั้นวางรองเท้า และเคาท์เตอร์บนของครัวที่สูงประมาณ 2 เมตร ไม่เต็มความสูงฝ้าที่ 2.4 เมตรก็จะทำให้มีช่องว่างอยู่บ้าง อาจจะต้องหมั่นปีนมาทำความสำอาดเช็ดๆถูๆกันซักนิดนึง ที่ฝ้าในพื้นที่ครัวก็จะเห็นว่ามีการติดตั้งเครื่องรับสัญญาณควันไว้ให้ด้วย
เรามาดูฝั่งตรงข้ามกันบ้างในส่วนของทางเข้าห้องน้ำ เป็นประตูบานเลื่อนเปิดได้ทั้งสองฝั่ง ติดลูกฝักด้วยกระจกสีขุ่น กรอบประตูเป็นแบบอลูมิเนียมทาสีดำ มีสวิสซ์ไฟเปิด-ปิดที่ด้านหน้าทางเข้า
จากพื้นลามิเนตตรงส่วนครัว ไปยังกระเบื้องแบบด้านสีเทากลางขนาด 40 x 40 เซนติเมตรก็จะไม่ลดระดับมาก ประมาณ 3 เซนติเมตร แต่ตัวประตูบานเลื่อนยังลงไปตรงพื้นที่ห้องน้ำ ทำให้เดินไม่สะดุดเท่าไรเวลาเข้า-ออก
ห้องน้ำขนาด 2.5 x 1.1 เมตร ภายในแบ่งชุดสุขภัณฑ์ออกเป็น 3 ส่วน จากซ้ายไปขวาคือโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกบานใหญ่อยู่ตรงกลาง ส่วนทางขวาเป็นพื้นที่เปียกสำหรับอาบน้ำ มาพร้อมกับฉากกั้นให้เรียบร้อย
มาดูกันใกล้ๆนะคะ ส่วนของโถสุขภัณฑ์จาก American Standard เป็นแบบญี่ปุ่นๆ คือมีปุ่มกดต่างๆพร้อมให้บริการตามความต้องการ พร้อมสายฉีดชำระ และที่ใส่ม้วนทิชชู ด้านหลังก็มีที่ตากผ้าขนหนูให้ ตัวผนังเป็นกระเบื้องลายสีขาวขนาด 20 x 40 เซนติเมตร
ส่วนตรงกลางคืออ่างล้างหน้าเดี่ยวๆ แบบไม่มีเคาท์เตอร์หรือการก่อปูนวางของออกมาให้ ทำให้เวลาย้ายเข้าอยู่จริงไม่มีพื้นที่วางสบู่ เครื่องประทินผิวมากมายนะคะ อาจจะต้องซื้อชั้นมาวางเพิ่มเติม ส่วนกระจกส่องหน้าให้มาบานใหญ่สะใจเต็มพื้นที่ค่ะ
ด้านบนก็จะมีเครื่องระบายอากาศ เนื่องจากห้องน้ำส่วนใหญ่ของห้องพักจะอยู่ด้านในติดทางเดินภายในชั้น ทำให้ไม่มีพื้นที่ในการระบายอากาศออกไปยังด้านนอกได้โดนตรง ก็ต้องอาศัยระบบของอาคารค่ะ ไฟเป็นแบบฝังเข้าไปในฝ้าเลย เป็นแบบหลอดตะเกียบหมุนเปลี่ยนได้
ส่วนริมขวาสุดเป็นพื้นที่เปียกสำหรับอาบน้ำ มีฉากกั้นอาบน้ำสูง 2 เมตรเป็นแบบบานเลื่อน 3 ตอนติดตั้งให้เรียบร้อย แต่ก็จะมีช่องว่างด้านบนเหลือ
ส่วนพื้นที่เปียกขนาด 0.8 x 1.4 เมตร ปูกระเบื้องแบบเดียวกับพื้นที่แห้งในห้องน้ำ คือกระเบื้องแบบด้านสีเทาอ่อนขนาด 40 x 40 เซนติเมตร ไม่ลดระดับลงไป แต่ก็จะมีตัวคั่นสูงประมาณ 3 เซนติเมตร จากกรอบฉากกั้นอาบน้ำ แต่ถึงยังไงก็น่าจะกระเด็น หรือมีน้ำขังบ้าง และก็ต้องหมั่นทำความสะอาดหน่อยเพราะฉากกั้นอาจจะมีน้ำเกาะทำให้เป็นคราบได้อยู่เรื่อยๆเลย
ฝักบัวจาก American Standard เป็นแบบหัวก๊อกหัวเดียว ไม่มีเครื่องทำน้ำร้อนมาให้
ดูหัวฝักบัวกันชัดๆ ขนาดกำลังดี เหมาะมือ แต่แบนไปหน่อย
พื้นที่ห้องน้ำมองจากส่วนเปียกออกไปยังส่วนแห้ง
ออกมาด้านนอกต่อกันที่พื้นที่นั่งเล่น ฝั่งขวาจะเป็นชุดโซฟา และโต๊ะกลาง ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นชั้นวางทีวีพร้อมโต๊ะทานข้าวแบบพับเก็บได้ ระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.40 เมตร
โซฟาตัวยาวประมาณ 160 เซนติเมตรตัวนี้ได้ด้วยนะคะ แต่โต๊ะกลางตัวนี้ไม่ได้ ด้านหลังที่เป็นปูนก่อยื่นออกมาวางต้นไม้กระถางเล็กๆ หรือกรอบรูปตรงนี้ก็จะไม่ได้ เป็นผนังฉาบปูนเรียบสีขาวธรรมดา ไม่มี Wallpaper ลายๆตามห้องตัวอย่าง
โซฟาขนาด 1.6 เมตรนั่งได้ประมาณ 2 คน ถ้า 3 คนนี่เริ่มเบียดมากแล้ว จะวางเก้าอี้เพิ่มก็จะต้องเป็นตัวลอยที่เล็กน้อย ที่สามารถเก็บไว้วางไว้ตรงมุมๆได้ จะได้ไม่เกะกะพื้นที่
ส่วนฝั่งตรงข้างเป็นชั้นวางทีวี สำหรับวางรีโมตวางของได้นิดหน่อย
มีโต๊ะที่สามารถเปิดออกมาและพับเก็บได้ ก็สามารถเป็นโต๊ะทานข้าวแบบยืน หรือเพิ่มพื้นที่ทำอาหารแบบวางของได้นิดหน่อย
ก่อนที่จะเข้าไปต่อกันที่ห้องนอน ขอหันมาดูภาพรวมในส่วนของพื้นที่ Living นิดนึง
ด้านบนก็จะมีไฟฝั่งเข้าไปในฝ้า มีติดเครื่องรับสัญญาณควันไว้เป็นแนวเดียวกัน
มาถึงพื้นที่ในสุดหรือพื้นที่ห้องนอน ที่จะมีประตูบานเลื่อนกระจกสูง 2.4 เมตร แบบ 3 บานวางขวางไว้เต็มพื้นที่ กรอบเป็นแบบอลูมิเนียมสีดำแบบมีรางรอบด้าน ตัวบานค่อนข้างใหญ่ ทำให้เวลาเลื่อนจะเลื่อนยากและหนักนิดนึงเท่าที่ได้ลองเลื่อนไปๆมาๆ แต่ก็มีข้อดีคือทำให้ห้องดูต่อเนื่องและกว้างขึ้น
พื้นในห้องนอนยังคงปูด้วยพื้นลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร มีการฝังกรอบประตูเลื่อนลงไป ทำให้เดินไม่สะดุด และดูเรียบร้อยกว่า
การเปิด-ปิดจากพื้นที่ Living คือเลื่อนเปิดและล็อกได้แบบเลื่อนตัวล็อกขึ้น-ลง ส่วนการล็อกจากด้านในตัวใช้ตัวลูกกุญแจใจการไข
ในห้องนอนก็จะมีเตียงขนาดใหญ่พร้อมกับตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ที่ทำขนาดมาได้เป๊ะกับความกว้างของห้องนอน โดยวางเตียงชิดกับประตูบานเลื่อนเลย ถ้าอยู่กัน 2 คน คนที่นอนข้างประตูบานเลื่อนก็จะไม่มีพื้นที่ข้างเตียง ก็ต้องขึ้นเตียงจากส่วนปลายเตียงเอานะคะ
เตียงชิดแนบไปกับประตูบานเลื่อน
พื้นที่ปลายเตียงเหลือ 50 เซนติเมตร เดินตรงไปจะเจอกับโต๊ะทำงานที่หันห้องออกไปยังนอกอาคาร
เหนือพื้นที่ปลายเตียงก็จะมีชั้นวางทีวีให้แบบติดผนัง และมีช่องเสียบสายทีวีต่างๆ ด้านบนก็จะเป็นตำแหน่งของแอร์ที่อยู่ปลายเตียงเป่าเข้าเตียงนอนเต็มๆ ดีสำหรับคนขี้ร้อน และไม่ดีสำหรับคนขี้หนาวนะคะ
ชั้นวางทีวีแบบเปิดก็จะมีแค่สองด้านซ้าย-ขวาที่เปิดออกมาได้ ถ้าอยากได้พื้นที่เก็บของเพิ่มแนะนำเป็นเพิ่มในส่วนล่างของที่ติดตั้งมาให้นะคะ แต่ก็จะทำให้เสียพื้นที่ปลายเตียงไปอีก ทำให้เดินยากขึ้น
ด้านในของพื้นที่ปลายเตียงมีทั้งโต๊ะทำงาน มาพร้อมเก้าอี้แบบล้อเลื่อนไม่ได้ให้มา และตู้เสื้อผ้าแบบบานดึงเปิดที่ให้มาด้วยทางด้านขวาข้างเตียง ม่านเวลาติดก็สามารถติดได้ตั้งแต่ริมตู้เสื้อผ้า ยาวไปจนถึงสุดของโต๊ะทำงานกว้าง 1 เมตร ทางด้านซ้าย
สังเกตว่าม่านตรงมุมโต๊ะทำงานจะเป็นแบบโค้ง ทำให้ง่ายต่อการเลื่อนเปิด-ปิด แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะชิดโต๊ะทำงานเข้ากับหน้าต่างบานเลื่อนกรอบอลูมิเนียมด้วยมั๊ย เพราะถ้าเป็นอย่างการจัดวางในห้องตัวอย่าง ก็จะไม่มีที่เก็บม่าน และโต๊ะทำงานชิดเข้ากับหน้าต่างเลย ทำให้เลื่อนเปิดยากกว่าปกติ ส่วนบานด้านขวามือที่ต่อกับระเบียงจะเป็นบาน Fix
เตียงที่ให้มาจะให้ในส่วนของฐานเตียง ไม่รวมฟูกเตียงด้านบน ฐานเตียงก็จะมีลูกเล่นนิดหน่อย ที่จะมีลิ้นชักเป็นช่องเปิดเก็บของได้อยู่ส่วนข้างเตียงทางด้านซ้ายมือ กว้างประมาณ 1 เมตร
ตู้เสื้อผ้าสูงขึ้นไปถึงฝ้าที่ 2.4 เมตร หน้าบานด้านซ้ายเป็นกระจกส่อง ส่วนทางด้านขวาเป็นแบบบานไม้สำเร็จรูป ตัวที่จับเปิดอาจจะอยู่จุดที่ต่ำไปหน่อย เวลาเปิดเลยไม่ค่อยสะดวก ส่วนพอเปิดออกมาแล้วก็จะแบ่งช่องออกเป็นพื้นที่แขวนเสื้อ ชั้นเก็บทางด้านขวา และพื้นที่เก็บเครื่องนอนทางด้านบนที่อาจจะไม่ได้หยิบใช้บ่อยมาก
ริมด้านในสุดของห้องนอนมีประตูบานเลื่อนลูกฟักเป็นกระจก กรอบอลูมิเนียมสีดำ เปิดได้ทั้งสองด้านเพื่อออกไปยังพื้นที่ระเบียง
ที่ล็อกจากด้านในเป็นแบบเลื่อนขึ้น-ลง
พื้นที่ระเบียงขนาด 0.75 x 1.50 เมตร ถือว่าไม่ใหญ่มาก แถมทางขวามือเป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้าอีกด้วย ทำให้ระเบียงขนาดนี้จะมานั่งเล่นไม่ได้ด้วยขนาด แต่อาจจะไว้ใช้ใน Function การตากผ้าเล็กๆน้อยๆ
เครื่องซักผ้าก็ต้องเลือกแบบที่ความกว้างไม่เกิน 75 เซนตเมตรเพื่อจะได้วางได้แบบพอดีเป๊ะๆ แต่ก็สามารถเลือกได้ตามความชอบไม่ว่าจะเป็นแบบฝาหน้าหรือฝาบน
ด้านบนเหนือเครื่องซักผ้าก็จะเป็นส่วนของที่วาง Compressor แอร์ที่ตั้งหันเป่าออกด้านนอกอาคาร แม้จะไม่เก็บให้มิดชิดแต่ก็ถือว่าดีกว่าการวางไว้เหนือเครื่องซักผ้าแล้วหันทิศทางการเป่าเข้าระเบียงโดยตรง
ด้านบนมีไฟที่ระเบียงอยู่ 1 จุด
รูปสุดท้ายของห้องตัวอย่างแบบ Studio ขอตบท้ายด้วยการมองจากพื้นที่ระเบียงด้านในสุด ออกไปยังพื้นที่ด้านหน้าส่วน Living ที่มีความกว้างของห้องอยู่ที่ 2.5 เมตร
ห้องตัวอย่างห้องที่สองเป็นแบบ 1 Bedroom ขนาด 25.60 – 32.78 ตารางเมตร เป็นห้องที่มีจำนวนมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโครงการ คือมี 98 ห้อง หรือคิดเป็น 37% มี Functions โดยรวมเหมือนกัน แตกต่างกันตามตำแหน่งห้องภายในอาคารและขนาดของห้อง
ส่วนแบบห้องตัวอย่างห้องนี้เป็น Type B รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบเหมือนเดิม แต่จะกว้างกว่าแบบ Studio อยู่ประมาณหนึ่ง โดยมีพื้นที่ Living อยู่ที่ส่วนหน้า และมีห้องนอนอยู่ส่วนมุมด้านหลัง โดยเมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอส่วนพื้นที่นั่งเล่นก่อน คือมีชุดโซฟาและโต๊ะกลางอยู่ที่ด้านหนึ่ง และมีโต๊ะทานข้าวเล็กๆแบบพับเก็บได้ ส่วนอีกด้านจะเป็นชั้นวางทีวีแบบชิดผนัง เดินไปทางขวา จะเจอส่วนของพื้นที่โต๊ะทำงานแบบ Built-in เลี้ยวขวาจะเจอห้องน้ำแบบมีอ่างอาบน้ำด้านในด้วย ส่วนครัวจะอยู่หลังประตูบานเลื่อนเข้าไปด้านใน สุดทางจะมีประตูบานเลื่อนอีกชั้นก่อนจะถึงพื้นที่ระเบียง ข้างๆกับห้องครัวก็จะเป็นห้องนอนที่ด้านในก็จะมีตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in และเตียงนอนไว้ให้ ห้องแบบ 1 ห้องนอนมีการจัดพื้นที่ครัวออกเป็นสัดส่วน ทำให้ทำอาหารได้อย่างจริงจัง และระบายอากาศได้ดียิ่งขึ้นเพราะอยู่ใกล้กับส่วนระเบียง
ประตูเป็นบาน HDF ขนาด 0.9 x 2.0 เมตร ประตูมือจับแบบก้านโยกพร้อม Digital Doorlock
Digital Doorlock จาก Samsung ดูแน่นหนาใช้ได้ค่ะ
ส่วนแรกจากทางเข้าคือโซฟาตัวยาว ด้านในเป็นโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 2 ตัว ฝั่งตรงข้ามหลังประตูทางด้านขวาเป็นชั้นวางทีวี ด้านขวาจะมีทางเดินไปยังโต๊ะทำงานก่อนถึงห้องน้ำ ส่วนพื้นที่ด้านในจะมีสองประตู ทางซ้ายที่เราเห็นกันคือประตูบานเลื่อนเข้าไปยังพื้นที่ครัวและออกไปยังพื้นที่ระเบียงด้านนอกได้ ส่วนทางขวาจะเป็นในส่วนของประตูบานสวิงของห้องนอน
เข้ามาจะเจอโซฟาตัวยาวประมาณ 1.8 เมตร พื้นที่ปูพรมมาความจริงแล้วเป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตรเป็นมาตรฐานของโครงการ การปูพรมความจริงก็ขึ้นอยู่กับความชอบนะคะ แต่อย่างในห้องตัวอย่างที่ปูมาก็ทำให้การเปิด-ปิดประตูหลักทำได้ยากมาก
ฝั่งตรงข้ามของโซฟาตัวยาวเป็นชั้นวางทีวีแบบลอย ทำให้ระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 1.8 เมตร
ชั้นวางทีวีก็มีแค่ในส่วนของด้านล่าง ไม่ได้เป็นขนาดแบบเต็มพื้นที่ ทีวีจะวางแบบติดผนังเหมือนในห้องตัวอย่าง หรือจะซื้อแบบวางได้บนที่วางก็ได้ค่ะ มีบานเปิดและบานปิด ส่วนด้านนที่ประตูทางเข้าหลักบังอยู่ก็จะเป็นเสา ส่วนเหนือขึ้นไปก็จะเป็นตำแหน่งแอร์ของห้องนั่งเล่น
ข้างๆโซฟาก็จะเป็นชุดโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ ที่วางเข้ามุม ในส่วนของชุดนี้ไม่ได้มีมาให้นะคะ แต่การจัดวางจะทำตามแบบนี้ หรือว่าจะวางหันหน้าเข้ากันก็ได้ตามสะดวกเลย
ด้านในมีประตูสองบาน ทางขวาคือประตูห้องนอน ส่วนทางซ้ายคือประตูแบบบานเลื่อนเข้าห้องครัว สามารถเปิดได้ทั้งสองทาง ลูกฟักเป็นกระจก ส่วนกรอบเป็นอลูมิเนียมสีดำ สูงเท่าความสูงห้องคือ 2.4 เมตร ทำให้ห้องดูกว้างขวางดีเพราะเห็นทะลุกันได้หมด
พื้นในห้องครัวยังคงปูด้วยพื้นลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตรเหมือนกันกับห้องนั่งเล่น มีการฝังกรอบประตูเลื่อนลงไป ทำให้เดินไม่สะดุด และดูเรียบร้อยกว่า เปิดเคาท์เตอร์ครัวด้านล่างให้ดูระยะ ว่ายังมีพื้นที่เหลือนิดหน่อยในการเปิด แต่ก็ต้องก้มลงไปหยิบของในเคาท์เตอร์แบบเบี่ยงๆ
ห้องครัวขนาด 1.4 x 2.3 เมตร ด้านในก็จะเป็นส่วนของเคาท์เตอร์ครัวที่มีทั้งส่วนบนและล่าง ส่วนล่างไล่ส่วนเย็นไปยังส่วนร้อน ได้แก่ ตู้เย็น, อ่างล้างจาน, พื้นที่เตรียมอาหารอยู่ตรงกลาง และ Hob and Hood ด้านใต้ก็จะมีช่องเปิดและช่องปิดส่วนเปิดก็สามารถใส่พวกข้าวของเครื่องใช้ และมีช่องวางไมโครเวฟและเครื่องซักผ้าด้วย ส่วนด้านบนก็จะเป็นตู้เก็บพวกอาหารแห้งแบบบานเปิด
พื้นที่วางตู้เย็นกว้าง 60 เซนติเมตร
ด้านขวาส่วนเคาท์เตอร์ลึก 60 เซนติเมตร มีการปิดขอบเคาท์เตอร์และผนังเรียบร้อย
ด้านบนเป็นตู้แบบมีบานปิดทั้งหมด แต่ความสูงของตู้สูงประมาณ 2 เมตร ไม่เต็มความสูงฝ้าที่ 2.4 เมตรก็จะทำให้มีช่องว่างอยู่บ้าง แนะนำเหมือนห้องที่แล้วว่าอาจจะต้องหมั่นปีนมาทำความสำอาดเช็ดๆถูๆกันบ่อยซักนิดนึง ที่ฝ้าในพื้นที่ครัวก็จะเห็นว่ามีการติดตั้งเครื่องรับสัญญาณควันไว้ให้
อ่างล้างจานแบบหลุมเดียว มีที่วางจานให้ทางขวานิดหน่อย
พื้นที่เตรียมอาหารและ Hob and Hood แบบ 2 หัว พร้มกับปลั๊กไฟ
ด้านล่างมีช่องวางเครื่องซักผ้า แต่ก็จะต้องจำกัดอยู่ที่ฝาหน้าเท่านั้น ด้านข้างมีช่องเปิดสำหรับวางไมโครเวฟ
ด้านในสุดเป็นประตูบานเลื่อนแบบเปิดได้ทั้งสองด้านออกไปยังระเบียงด้านนอก
ระเบียงขนาด 0.8 x 1.4 เมตร ปูด้วยกระเบื้องแบบด้านสีเทากลางขนาด 40 x 40 เซนติเมตร มีราวกันตก
ด้านข้างเป็นที่วาง Compressor แอร์ แบบเป่าเข้าพื้นที่ระเบียงเต็มๆ ต้องรอดูว่าจะมี Grill ปรับทิศทางลมร้อนให้ระบายออกด้านนอกมั๊ย
กลับเข้ามาในส่วนของพื้นที่ Living ออกมายืนตรงส่วนหน้าของห้องครัวก่อนจะถึงประตูบานเลื่อนหันไปทางขวา จะเจอกับโต๊ะทำงานแบบ Built-in คือมีโต๊ะทำงานและเก้าอี้แบบไม่มีพนัก ด้านบนเป็นตู้แบบมีบานปิดสูงขึ้นไปเต็มพื้นที่ สามารถใส่ของเป็นชั้นได้ แต่ในห้องตัวอย่างนี้เห็นว่าใส่ไม้แขวนเข้าไปด้วย น่าจะตั้งใจให้เก็บในส่วนของเสื้อตัวนอก เพราะในห้องนอนก็มีตู้เสื้อผ้าตู้ใหญ่กว่าให้อยู่แล้ว
ทางขวาของโต๊ะทำงานก็จะมีทางเข้าห้องน้ำขนาด 1.6 x 2.1 เมตร พื้นปูด้วยกระเบื้องแบบด้านสีเทากลางขนาด 40 x 40 เซนติเมตร และลดระดับพื้นที่ห้องน้ำลงนิดหน่อยประมาณ 3 เซนติเมตร บานประตูที่ห้องตัวอย่างไม่ได้ใส่เข้ามาด้วยเป็นแบบบาน HDF ขนาด 0.7 x 2.0 เมตร ทาสีชนิดกันชื้นพร้อมมือจับ
ภายในห้องน้ำ สุขภัณฑ์สีขาวสะอาดจาก American Standard แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คืออ่างล้างหน้าพร้อมกระจกบานใหญ่, โถสุขภัณฑ์ และที่พิเศษคืออ่างอาบน้ำ
เร่ิมกันจากอ่างล้างหน้าเดี่ยวๆ แบบไม่มีเคาท์เตอร์หรือการก่อปูนวางของออกมาให้ เหมือนเดิมคือเวลาย้ายเข้าอยู่จริงไม่มีพื้นที่วางสบู่ เครื่องประทินผิวมากมายนะคะ อาจจะต้องซื้อชั้นมาวางเพิ่มเติมหรือก่อปูสร้างเป็นตู้ตรงพื้นที่ด้านล่าง พร้อมกระจกส่องหน้าบานใหญ่
โถสุขภัณฑ์จาก American Standard เป็นแบบญี่ปุ่นๆ คือมีปุ่มกดต่างๆพร้อมให้บริการตามความต้องการ พร้อมสายฉีดชำระ ผนังกรุด้วยกระเบื้องลายสีขาวขนาด 20 x 40 เซนติเมตร
ด้านในสุดเป็นอ่างอาบน้ำ ขนาด 0.8 x 1.6 เมตร ขนาดนั่งอาบได้พอดีๆ หรือจะยืนอาบในเวลารีบๆก็ได้ค่ะ ฉากกั้นอาบน้ำที่ให้มาคือมีอยู่ส่วนหนึ่งแค่พอกันน้ำกระเด็น ดูสวยงาม แต่ใครต้องการแบบ Functional หน่อย จะซื้อม่านอาบน้ำมาติดเพิ่มด้วยก็ได้ค่ะ
ฝักบัวจาก American Standard เป็นแบบหัวก๊อกตัวเดียว ไม่มีเครื่องทำน้ำร้อนมาให้
ออกมาต่อกันที่ห้องสุดท้ายคือห้องนอน บานประตูไม่ได้ติดมาให้ แต่จากการสอบถามคือบานประตูจะเป็นแบบบานสวิงนะคะ คือเป็นแบบดึงออกจากตัวห้องนอนสามารถเปิดออกมาได้ถึง 180 องศา คือสามารถเปิดพับกับตัวผนังกระจกขนาดครึ่งหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าได้พอดี
ภายในห้องนอนขนาด 2.5 x 3 เมตร เฟอร์นิเจอร์ที่ให้มามี 2 ชิ้น คือฐานเตียง และตู้เสื้อผ้าเหมือนเดิม
พื้นที่ข้างเตียงส่วนทางเข้ากว้าง 1.3 เมตร มีลิ้นชักเปิดเก็บของได้เหมือนห้องที่แล้ว
มุมฝั่งตรงข้ามมีกระจกบานใหญ่วางอยู่ พร้อมกับเฟอร์นิเจอร์วางของตัวลอยที่วางเครื่องสำอาง หรือจริงๆแล้วคนจัดห้องจะบอกกลายๆว่าพื้นที่ตรงนี้สามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งได้ 1 ตัวพอดีๆ
ฝั่งข้างเตียงทางเข้าก็จะเป็นตู้เสื้อผ้ากว้าง 1.3 เมตร สูงเต็มพื้นที่ แบ่งการใช้งานด้านในเหมือนกับห้องที่แล้ว แต่ตัวหน้าบานที่ด้านหนึ่งเป็นกระจก อีกด้านเป็นบานไม้สำเร็จรูปจะดูดีกว่าแบบที่นี้ที่เป็นไม้สำเร็จรูปทั้งหมด เพราะ Function การใช้งานจะเพิ่มกระจกแบบเต็มตัวมาให้ด้วย จะได้ประหยัดพื้นที่
ด้านในเป็นเตียงใหญ่ และมีทีวีติดผนังอยู่ฝั่งตรงข้าม ระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.4 เมตร
พื้นที่ปลายเตียงเหลืออยู่ที่ 45 เซนติเมตร ไม่เหมาะและไม่เหลือสำหรับการวางชั้นวางทีวีแล้ว
นอกจากนั้นด้านบนก็จะเป็นตำแหน่งแอร์ติดผนัง เหมือนเดิมเลยคือเป่าเข้าเตียง แต่ก็สามารถปรับให้กดต่ำได้สำหรับคนที่ไม่ชอบ
พื้นที่ข้างเตียงด้านในเหลือ 35 เซนติเมตร สามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้พอดีๆ สำหรับวางของกระจุกกระจิกก่อนนอน ไม่ว่าจะเป็นยา มือถือ หรือว่าโน๊ตบุ๊ค แต่โต๊ะข้างเตียงนี้โครงการไม่ได้ให้มาด้วยนะคะ
หัวเตียงก็เป็นแบบเรียบๆคือผนังฉาบเรียบทาสีขาวธรรมดาทั้งห้องชุด
ส่วนช่องแสงในห้องนอนก็จะเป็นแบบ 2 ฝั่ง คือด้านหน้าตรงๆจะมีทั้งบานเลื่อนเปิดและแบบบาน Fix ด้านล่าง ส่วนทางซ้ายเป็นแบบบาน Fix ทั้งบาน สามารถมองเห็นพื้นที่ระเบียงตรงส่วนครัวได้
มองจากด้านในสุดของห้องนอน ออกไปยังห้องน้ำด้านนอก
มาชมแบบห้องแบบอื่นๆกันบ้างนะคะ เร่ิมเลยจากห้อง 1 Bedroom Plus มี 31 ห้อง หรือคิดเป็น 12% มีด้วยกัน 2 แบบ หนึ่งในนั้นคือ Type B plus มี คือคล้ายๆกับแบบ 1 ห้องนอน แต่เพิ่มห้องอเนกประสงค์เข้ามา 1 ห้องที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานตามความต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนเล็ก ห้องทำงาน ห้องงานอดิเรกต่างๆ รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบเกือบๆจะจตุรัส แบ่งพื้นที่การใช้งานต่างจากแบบ 1 ห้องนอนคือย้ายพื้นที่ครัวเข้ามาอยู่ก่อนจะถึงห้องน้ำ และเปลี่ยนพื้นที่ด้านในหลังประตูเปิดแบบบานเลื่อนเป็นห้องอเนกประสงค์ที่มีความกว้างมากขึ้น และเปลี่ยนระเบียงจากห้องครัว กลายไปอยู่ส่วนห้องนอนใหญ่ ทำให้ระเบียงมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น
แบบต่อมาก็จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom Plus แบบที่สอง คือ Type B plus 3 ต่างจากห้อง Type ที่แล้วคือแบบห้องที่เป็นแบบตัว L shape มีขนาดห้องใหญ่ขึ้นที่ 44.73 ที่แตกต่างกันมากๆเลยคือมีห้องน้ำ 2 ห้อง โดยห้องหนึ่งเป็นห้องน้ำในตัวของห้องนอน และอีกห้องหนึ่งเป็นห้องน้ำด้านนอกเข้าได้จากพื้นที่นั่งเล่น แต่ก็ยังคงห้องเอนกประสงค์ที่ปรับเปลี่ยนได้อยู่
เปิดประตูห้องเข้ามาก็จะเจอพื้นที่ครัวแบบเข้ามุมอยู่ทางซ้ายมือ ตรงดข้ามาก็จะเจอพื้นที่ทานข้าวแบบ 2 ที่นั่ง และพื้นที่นั่งเล่นที่มีประตูบานเลื่อนออกไปยังระเบียงด้านนอกได้ เดินมาทางซ้ายมือก็จะมีประตูทั้งซ้ายและขวา บานทางซ้ายคือห้องน้ำด้านนอก แบบมีพื้นที่เปียกสำหรับอาบน้ำ และประตูทางขวาคือประตูห้องเอนกประสงค์ ส่วนประตูตรงกลางเป็นประตูเข้าห้องนอนหลักที่มีห้องน้ำในตัวด้วย
ห้องแบบสุดท้ายคือห้องแบบ 2 Bedroom Type C ขนาด 40.97-43.42 ตารางเมตร ทั้งโครงการมี 13 ห้อง หรือคิดเป็น 5 % ทั้งหมดจะอยู่ตามมุมอาคารต่างๆ เป็นห้อง Type เดียวที่เป็นห้องแบบหน้ากว้าง มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ โดยเข้ามาจากประตูหลักห้องชุดจะเจอชุดครัวเข้ามุม ตรงกลางเป็นโต๊ะทานข้าวแบบ 4 ที่นั่ง ทางซ้ายมือเป็นห้องน้ำ ด้านในเป็นพื้นที่นั่งเล่น และมีระเบียงออกไปด้านนอกได้ ส่วนห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะอยู่ทางซ้าย-ขวาอย่างละห้อง โดยห้องทางซ้ายมือเป็นห้องนอนใหญ่ ที่มีห้องน้ำในตัวพร้อมอ่างอาบน้ำ ส่วนห้องนอนทางกว่าเป็นห้องนอนที่มีขนาดเล็กกว่า และต้องออกมาเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านนอก ถ้ามองจากการจัดวางก็จะเห็นว่าเป็นแปลนห้องที่คล้ายๆห้อง 2 ห้องนอนของโครงการทั่วไป แต่ถ้ามองจากขนาดโดยรวมที่อยู่ที่ 40 กว่าตารางเมตร จะถือว่าเป็น 2 ห้องนอนที่ขนาดไม่ใหญ่มากเท่าปกติ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 9 June 2015
- Studio Bs ห้อง A215 อาคาร A ชั้น 2 ขนาดห้อง 21.51 ตารางเมตร ราคา 1.69 ล้านบาท หรือ 78,570 บาท/ตร.ม.
- Studio Bs ห้อง A504 อาคาร A ชั้น 5 ขนาดห้อง 21.75 ตารางเมตร ราคา 1.80 ล้านบาท หรือ 82,760 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom B ห้อง B214 อาคาร B ชั้น 2 ขนาดห้อง 25.57 ตารางเมตร ราคา 1.99 ล้านบาท หรือ 77,830 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom B ห้อง A609 อาคาร A ชั้น 3 ขนาดห้อง 27.25 ตารางเมตร ราคา 2.12 ล้านบาท หรือ 77,800 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom Bplus ห้อง B205 อาคาร B ชั้น 2 ขนาดห้อง 34.11 ตารางเมตร ราคา 2.55 ล้านบาท หรือ 74,760 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom Bplus ห้อง B216 อาคาร B ชั้น 2 ขนาดห้อง 44.19 ตารางเมตร ราคา 3.39 ล้านบาท หรือ 76,720 บาท/ตร.ม.
- Fully Furnished
- เพดานสูง 2.4 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- Shuttle Bus ไปกลับ BTS อุดมสุข
- จอง 10,000 บาท
- ทำสัญญา 40,000 บาท
- ดาวน์ 12% ผ่อนดาวน์ 16 งวด
- ค่ากองทุน 380 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 38 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ Pause สุขุมวิท 103 เป็นโครงการที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสุขุมวิท สถานีอุดมสุข ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการเรียบร้อยแล้ว ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินเท้าในซอยสุขุมวิท 103 หรือซอยอุดมสุขมีร้านค้า และค่อนข้างจะคึกคักตลอดวันเพราะเป็นซอยใหญ่ที่ต่อไปถึงถนนศรีนครินทร์ แต่พอเข้าซอยอุดมสุข 7 ก็จะเริ่มเงียบลง สองด้านเป็นบ้านพักอาศัย และที่ดินว่างเปล่าบ้าง บางแปลงปลูกเป็น หอพักและอพาร์ตเมนท์ให้เช่า ออกมาปากซอยเกือบจะถึงถนนใหญ่สุขุมวิทจะมีตลาดอุดมสุข และมีร้านสะดวกซื้ออยู่ใกล้ๆ ส่วนห้างสรรพสินค้าในระยะประมาณ 5 กิโลเมตร ก็มีทั้ง Central บางนา, ไบเทคบางนา, BigC และ Bangkok Mall ที่กำลังจะสร้างในอนาคตน่าจะมีเพิ่มอีกหลายแห่ง ทำให้มีความคึกคักและปริมาณรถตรงสี่แยกบางนาต่างๆเยอะขึ้นไปอีก
การเดินทางโดยใช้รถ โครงการตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เข้า-ออกได้ทั้งจากถนนสุขุมวิทขาออก และถนนศรีนครินทร์ รถบนถนนสุขุมวิทจะมีปริมาณมากกว่า และการเดินทางเข้าโครงการไม่จำเป็นจะต้องเข้าที่ซอยสุขุมวิท 103 โดยตรง แต่สามารถลัดเลาะผ่านซอยสุขุมวิท101/1 ที่เชื่อมกันมาถึงโครงการได้จากทั้งสองถนนใหญ่ อีกไม่นานหลังจากการเปิดใช้บริการของสถานีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย อาจจะทำให้ชุมชนคึกคักมากยิ่งขึ้น และกลายเป็นทางผ่านสำคัญๆ ทางขึ้นทางด่วนบางนา-ชลบุรีห่างจากโครงการไม่เกิน 5 กิโลเมตร และทางขึ้นทางด่วนพิเศษกาญจนาภิเศกห่างจากโครงการไปทางใต้ไม่ไกล
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ จากโครงการถึงสถานีรถไฟฟ้า BTS อุดมสุขอยู่ในระยะเดินเหงื่อตกที่ 800 เมตร แต่โครงการมีบริการรถ Shuttle Bus รับส่งเช้า-เย็น ช่วงละ 3 รอบ โดยยังไม่ได้ระบุขนาดรถและเวลาที่แน่นอนในตอนนี้ ในซอยสุขุมวิท 103 หรือซอยอุดมสุขสองข้างทางมีทางเท้าสำหรับคนเดินลัดเลาะตามอาคารพาณิชย์ทั้งสองฝั่ง แต่ในซอยอุดมสุข 7 ที่ต้องแยกเข้าไปอีกทีไม่มีทางเดินเท้า ทำให้ไม่ค่อยปลอดภัย ภายในซอยอุดมสุขมีปริมาณรถเข้า-ออกมาก มีพี่วิน รถแท๊กซี่ รถสองแถว รถกระป๊อให้เลือกใช้ ส่วนป้ายรถเมล์จะอยู่หน้าซอยไม่ไกลจากสถานี BTS อุดมสุข และมีตลอดถนนสุขุมวิททั้งขาเข้าและขาออก ใช้สะพานลอยหรือจะใช้ตัวสถานีเป็นทางข้ามถนนใหญ่ก็ได้ สองข้างจะมีแท๊กซี่, รถเมล์และรถตู้วิ่งผ่านหลายสายทั้งไปเข้าเมืองไปอโศก บางนา บางปู หรือเขตพื้นที่โรงงานในจังหวัดสมุทรปราการ
วัสดุของโครงการตามราคาและรายการโปรโมชั่นวันที่เข้าไปรีวิว เป็นแบบ Fully Furnished คือพร้อมยกกระเป๋าเข้าอยู่ มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งครบชุด บางส่วนเป็นแบบ Built-in พร้อมแอร์ทุกห้อง ไม่ให้แค่เครื่องใช้ไฟฟ้า พื้นห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็นลามิเนตลายไม้สีน้ำตาลอ่อนหนา 8 มิลลิเมตร พื้นส่วนครัวเป็นกระเบื้อง 40 x 40 เซนติเมตร ฝ้าสูง 2.4 เมตร ผนังเป็นฉาบปูนเรียบ ไม่มี Wallpaper ห้องครัวเคาท์เตอร์ครบพร้อม Hob and Hood ขนาดค่อนข้างเล็ก บาง Type ไม่ได้กั้นห้องแยกออกมาเป็นสัดส่วนทำให้ไม่เหมาะกับการประกอบอาหารอย่างจริงจัง อุปกรณ์สุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ American Standard แต่ในห้อง Type Studio ห้องน้ำจะเป็นแบบประตูบานเลื่อนที่ไม่ค่อยจะทนไม้ทนมือกับน้ำ และห้องที่ขนาดค่อนข้างจำกัดมาก ที่แปลกขึ้นมาหน่อยคือมีระบบเสียงภายในห้อง สามารถปรับได้จากปุ่มที่อยู่บนผนัง ห้องบาง Type มีอ่างอาบน้ำ และมี Digital Doorlock ในทุกๆห้อง
การออกแบบตัวอาคารแบ่งออกเป็นอาคาร A และอาคาร B สร้างอาคารเป็นรูปตัว I และ L ตามลำดับ ถือว่าสร้างอาคารเต็มพื้นที่แปลง ทั้งสองอาคารห่างกัน 5 เมตร แต่ไม่สามารถเห็นได้จากภาพ Perspective และมี Facility ส่วนใหญ่อย่างสระว่ายน้ำอยู่บนชั้น 8 การจัดห้องเป็นแบบ Double Corridor วิวห้องจะหันออกนอกโครงการเป็นบ้านพักอาศัยข้างๆทั่วไป ไม่ได้หวือหวา ใช้โทนสีเทาและเทาเข้มในการตกแต่งอาคารภายนอก ห้องพักส่วนใหญ่เป็นห้อง Type Studio ที่มีขนาดเล็กสุด ขนาดห้องใหญ่ก็จะน้อยลง เหมาะกับอยู่แค่ 1-2 คนไม่ได้อยู่เป็นครอบครัวใหญ่ เพราะด้วยขนาดห้องที่ค่อนข้างเล็ก แม้จะจัด Function การใช้งานให้อยู่ครบภายในพื้นที่ แต่ก็จะไม่ได้เต็มมาก อย่างห้องครัวก็ไม่ได้เป็นสัดส่วน แม้จะมี Hob and Hood มาให้ ส่วนพื้นที่ทานข้าวแม้จะมีแบบพับเก็บได้ แต่ก็ขนาดเล็กมากก็จะกลายเป็นพื้นที่วางของไป ต้องไปทานที่ชุดโซฟาแทน ระเบียงจะมีเล็กไปบ้าง และส่วนใหญ่เป็นห้องหน้าแคบ ไม่ค่อยลดระดับการใช้งานของพื้นที่ห้องน้ำเท่าไร แม้จะเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอนก็ยังขนาดกระทัดรัดกว่าปกติ
สาธารณูปโภคส่วนกลางมีตามมาตรฐานของคอนโด Low Rise ปกติ ส่วนกลางหลักๆจะอยู่ที่ชั้น 1 และ 8 คือมี Lobby ที่เป็นแบบ Double Ceiling Height อยู่ที่อาคาร A ส่วนหน้า นอกนั้นจะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งส่วนใต้อาคารและกลางแจ้งอยู่ที่ 80 คัน คิดเป็น 30% และรวมซ้อนคัน 95 คัน คิดเป็น 35.5% นอกนั้นจะอยู่ที่ชั้น 8 ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ และอ่างจากุชชี่ที่อยู่ที่อาคาร A, ห้องฟิตเนส, สวนหย่อมและพื้นที่นั่งเล่นจะอยู่บนดาดฟ้า แต่ละอาคารมีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ไม่มี Service Lift ถือว่าให้มาครบ แต่ขนาดพื้นที่ของส่วนกลางค่อนข้างเล็ก ใครที่อยู่อาคาร A ก็จะได้ Facilities ที่ครบกว่าอย่าง Lobby และจากุชชี่และขนาดใหญ่กว่า ทั้งยังมีจำนวนยูนิตน้อยกว่าในขณะที่ลิฟท์โดยสารมี 2 ตัวเท่ากัน
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคาประมาณ 80,000 บาทต่อตารางเมตร, 9 June 2015
- ทำเล 7.5/10 – อยู่ในย่านชานเมือง ความอุดมสมบูรณ์ยังไม่มากเท่าเส้นสุขุมวิทในเมือง แต่สามารถเดินทางเข้าเมืองและไปทางสมุทรปราการได้สะดวก
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – ซอยสุขุมวิท 103 สามารถเข้าได้จากถนนใหญ่สุขุมวิทที่ติดและถนนศรีนครินทร์ที่ติดน้อยกว่า
- ไม่ใช้รถ 8/10 – 800 เมตรจาก BTS อุดมสุข มี Shuttle bus รับ-ส่ง มอเตอร์ไซค์ กระป๊อ สองแถว แท๊กซี่ หาได้ง่าย
- วัสดุ 8/10 – Fully Furnished พื้นไม้ลามิเนต, สุขภัณฑ์ American Standard ได้ชุดครัวครบ
- แบบ 7.5/10 – เน้นห้องขนาดเล็กประมาณ 80% จัดแบบแต่ละอันแตกต่างกันตามการใช้งานชัดเจน
- สาธารณูปโภค 7.25/10 – มี Lobby แค่ที่อาคาร A ด้านหน้า แต่มีสระว่ายน้ำกว้างแค่ 2.5 เมตร สวน ห้องฟิตเนสบนชั้น 8 ของทั้งสองอาคาร
- MAIN CLASS
- 7.70 / 10.00
BOTTOM LINE
Pause สุขุมวิท 103 เป็นโครงการที่เหมาะสำหรับคนที่อาศัยหรือทำงานในพื้นที่อุดมสุข-ลาซาล-แบริ่งอยู่แล้ว มีรถใช้ส่วนตัวบ้าง หรือเดินทางด้วยรถไฟฟ้าโดยพึ่งพา Shuttle Service ของโครงการ ยอมอยู่สถานีที่ไกลจากสถานีหน่อยแต่ได้ราคาสบายกระเป๋ามากกว่า มีงบประมาณประมาณ 1,700,000 – 3,400,000 บาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 10,000-16,000 บาท
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิก www.thinkofliving.com พร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม คลิกที่นี่ https://thinkofliving.com/