วันนี้เราพามาดู Origin Plug & Play Srinakarin (ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ ศรีนครินทร์) คอนโดติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า ราคาเริ่มต้น 2 ล้านกลางๆ ในย่านศรีนครินทร์ ที่สามารถเดินจากโครงการไป Community Mall ได้สบายๆเลย รวมถึงมีแบบห้องฝ้าเพดานสูงสุด 4.2 เมตร เปิดรับวิวเมืองเต็มตาอีกด้วย แล้วจะมีรายละเอียดอะไรบ้างที่น่าสนใจบ้าง ตามอ่านกันต่อได้เลยค่ะ

  • ติดถนนใหญ่ศรีนครินทร์ เดินทางเชื่อมไปถนนบางนา-ตราด ถนนเทพารักษ์ และถนนสุขุมวิทได้ง่าย
  • ใกล้  MRT สายสีเหลือง สถานีศรีด่านและศรีแบริ่งในระยะ 600 เมตร เชื่อมกับ BTS สายสีเขียว, MRT สายสีน้ำเงิน และ Airport Rail Link ได้
  • เดินไป Foodland และ JAS Urban ได้สบายๆ ในระยะ 300 เมตร จะแวะซื้อของก่อนกลับบ้านได้ หรือไปกินมื้อดึกก็ได้ มีร้านค้าที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
  • มีห้อง Duo Space ฝ้าเพดานสูงสุด 4.2 เมตร ได้บรรยากาศโปร่งโล่ง เปิดรับวิวเมืองเต็มที่เลย

ข้อมูลโครงการ

Origin Plug & Play Srinakarin (ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ ศรีนครินทร์) ณ วันที่ 24 ตุลาคม 2566

 ชื่อโครงการ  Origin Plug & Play Srinakarin (ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ ศรีนครินทร์)
 ชื่อผู้ประกอบการ  บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จํากัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS  MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2023 )
 โครงการตั้งอยู่  ถนนศรีนครินทร์ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
 ที่ดิน  2-0-2 ไร่
 ประเภทคอนโด  High Rise 35 ชั้น
 จำนวนยูนิต  ห้องพักอาศัย 593 ยูนิต, ร้านค้า 1 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด   23 ยูนิต
 ที่จอดรถ  คิดเป็น 36% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ที่จอดแบบ Conventional Parking ทั้งหมด
 เริ่มก่อสร้าง  ปี 2566
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  Q3 ปี 2568
 ประเภทห้องพัก – 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 22 ตร.ม. (Sold Out)
– 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 26 – 27 ตร.ม.
– 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอยภายใน 34 ตร.ม. (Sold Out)
– 1 Bedroom Duo Space พื้นที่ใช้สอยภายใน 22 ตร.ม. (Sold Out)
– 1 Bedroom Duo Space พื้นที่ใช้สอยภายใน 26 – 27 ตร.ม.
– 1 Bedroom Plus Duo Space พื้นที่ใช้สอยภายใน 34 ตร.ม.
 ฝ้าเพดานสูง  2.45 เมตร ในแบบห้อง Simplex และสูงสุด 4.2 เมตร ในแบบห้อง Duo Space
 ราคาเริ่มต้น  2.59 ล้านบาท
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  ประมาณ 115,000 บาท/ตร.ม.
 ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด)  n/a
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม)  ผ่านแล้ว
 เว็บไซต์โครงการ คลิกที่นี่
 Call Center  1498

ทำเลที่ตั้ง

Highlights

  • ติดถนนศรีนครินทร์ เชื่อมไปถนนบางนา-ตราด ถนนเทพารักษ์ และถนนสุขุมวิทได้
  • ใกล้ MRT สายสีเหลือง 2 สถานี ได้แก่ สถานีศรีด่านและศรีแบริ่ง ในระยะไม่เกิน 600 เมตร เชื่อมต่อไป BTS สายสีเขียว, MRT สายสีน้ำเงิน และ Airport Rail Link ได้
  • ใกล้ทางด่วนวงแหวนรอบนอกและเฉลิมมหานคร สามารถเข้าเมืองไปพระราม 4 และสุขุมวิท รวมถึงออกเมืองไปทางรังสิต, พระราม 2, บางพลีและสมุทรปราการได้
  • ใกล้ Foodland และ JAS Urban แบบเดินไปได้สบายๆ รวมถึงมีร้านค้าที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงด้วย

พิกัด Google Maps : 13.638137818757956, 100.63313463827781
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

Origin Plug & Play Srinakarin (ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ ศรีนครินทร์) ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ศรีนครินทร์เลยค่ะ สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังถนนเส้นต่างๆได้ ทั้งถนนบางนา-ตราด ถนนเทพารักษ์ และถนนสุขุมวิท ที่สามารถใช้ซอยสุขุมวิท 105 (ลาซาล), ซอยสุขุมวิท 107 (แบริ่ง) และซอยสุขุมวิท 113 (ด่านสำโรง) เป็นเส้นทางลัดได้ อีกทั้งใกล้ทางด่วนวงแหวนรอบนอกและเฉลิมมหานคร ทำให้การเดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่าย

รวมถึงสะดวกสบายสำหรับคนที่ใช้รถไฟฟ้าด้วย โดยเฉพาะคนที่ทำงานอยู่ในโซนสุขุมวิทหรือลาดพร้าว เพราะใกล้ MRT สายสีเหลือง ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาเอง เป็นสายที่เชื่อมต่อไป BTS สายสีเขียวอ่อน, Airport Rail Link, MRT สีน้ำเงิน และรถไฟฟ้าในอนาคตอย่างสายสีส้มและสายสีน้ำตาลได้ด้วย

ส่วนความอุดมสมบูรณ์ของทำเลก็ถือว่าคึกคักเลยค่ะ มีร้านค้า ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้าวางเรียงตลอดแนว ใกล้ๆโครงการจะมีร้านเปิดตลอด 24 ชม. อย่าง Foodland, KFC และบางร้านค้าใน JAS Urban ทำให้เราแวะซื้อของก่อนกลับบ้านได้ หรือใครที่อยากกินมื้อดึกก็เดินไปซื้อและจับจ่ายใช้สอยได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังไปเส้นถนนบางนา-ตราดที่เป็นแหล่งรวมห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆอย่าง เซ็นทรัล บางนาและบางกอกมอลล์ (โครงการในอนาคต) ที่จัดได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คของย่านนี้เลย

นอกจากนั้นยังเป็นทำเลที่รายล้อมไปด้วยโรงพยาบาลและสถานศึกษามากมายกระจายอยู่ไม่ไกลจากโครงการด้วยค่ะ เช่น โรงพยาบาลศิครินทร์, โรงพยาบาลสินแพทย์, โรงเรียนเซนต์โยเซฟบางนา, โรงเรียนนานาชาติไทย – สิงคโปร์ และ โรงเรียนลาซาลกรุงเทพ เป็นต้น

สำหรับคอนโด High Rise ส่วนใหญ่มักจะอิงอยู่กับแนวรถไฟฟ้า BTS หรือห้างเซ็นทรัลบางนา ส่วนคอนโด High Rise ใกล้ MRT สายสีเหลืองจะมีอยู่เพียงไม่กี่โครงการค่ะ ทำให้โครงการนี้โดดเด่นขึ้นมาที่นอกจากจะเป็นคอนโด High Rise ใกล้ MRT สายสีเหลือง 2 สถานีแล้ว ยังประกอบกับห้องฝ้าเพดานสูง 4.2 เมตร ซึ่งเป็นจุดเด่นของโครงการ ทำให้ได้วิวเปิดโล่งเต็มตา แถมยังเดินไป Foodland และ JAS Urban ได้สบายๆค่ะ

บรรยากาศความอุดมสมบูรณ์ใกล้ๆตัวโครงการค่ะ ทั้ง Foodland, KFC, JAS Urban และปั๊มบางจากที่อยู่ข้างๆโครงการเลย จะเดินมาก็สะดวกมากๆทั้งกลางวันและกลางคืน

ทางด่วน

Image 1/2
จุดขึ้นทางด่วนวงแหวนรอบนอก

จุดขึ้นทางด่วนวงแหวนรอบนอก

อย่างที่เราได้บอกไปก่อนหน้านี้นะคะ โครงการนี้อยู่ใกล้ทางด่วนวงแหวนรอบนอกและเฉลิมมหานคร จึงสะดวกมากๆสำหรับใครที่ขับรถและใช้ทางด่วนในการเดินทางบ่อยๆค่ะ

ทางด่วนวงแหวนรอบนอก : จากโครงการตรงไปตามถนนศรีนครินทร์ฝั่งขาออกประมาณ 3.7 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าสู่เส้นถนนกาญจนาภิเษก ขับตรงไป 600 เมตร เพื่อขึ้นทางด่วนไปโซนบางพลีและสมุทรปราการ หรือจะไปโซนพระประแดง, สุขสวัสดิ์ และพระราม 2 ได้เหมือนกัน

ทางด่วนเฉลิมมหานคร : ตรงไปตามถนนศรีนครินทร์ฝั่งขาออกประมาณ 3.7 กิโลเมตร ถึงแยกศรีเทพาแล้วกลับรถไปเส้นศรีนครินทร์ฝั่งขาเข้า จากนั้นขับตรงไปเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่เส้นถนนบางนา-ตราด จากนั้นขับตรงต่อไปอีก 3.4 กิโลเมตร เพื่อขึ้นทางด่วนไปโซนพระราม 4, ลาดพร้าว และรังสิต

รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง

Image 1/2
MRT สถานีศรีด่าน

MRT สถานีศรีด่าน

บริเวณใกล้ๆโครงการจะมี MRT สายสีเหลือง สถานีศรีด่าน ที่ห่างจากโครงการ 550 เมตร และสถานีศรีแบริ่ง ที่ห่าง 600 เมตร ซึ่งรถไฟฟ้าสายนี้จะเชื่อมกับ BTS สายสีเขียวอ่อน สถานีสำโรงและ MRT สายสีน้ำเงิน สถานีลาดพร้าว ทำให้สามารถใช้เดินทางเข้าสู่กรุงเทพชั้นในได้สะดวก รวมถึงมี Airport Rail Link ที่เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางได้ค่ะ และในอนาคตจะมี MRT สายสีส้ม ที่ยังอยู่ในระหว่างก่อสร้างอยู่ และรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ที่ปัจจุบันยังไม่เริ่มสร้างเลย ซึ่งตรงนี้อาจจะใช้เวลานานหลายปีก็เป็นได้ค่ะ

เส้นทางการเดินทาง

วันนี้เราเดินทางด้วยรถไฟฟ้า เริ่มจาก BTS สำโรง ไปลงที่ MRT สายสีเหลือง สถานีศรีด่าน ซึ่งเราจะต้องเดินออกจากสถานี BTS ก่อนไปขึ้นสถานี MRT นะคะ พอออกจากสถานีศรีด่านแล้ว เราก็ค่อยเดินต่อไปถึงตัวโครงการค่ะ

Image 1/5
ออกจาก BTS สายสีเขียวอ่อนที่สถานีสำโรง เพื่อเปลี่ยนสายไป MRT สายสีเหลือง

ออกจาก BTS สายสีเขียวอ่อนที่สถานีสำโรง เพื่อเปลี่ยนสายไป MRT สายสีเหลือง

เรามาลงที่สถานีศรีด่าน ทางออก 1 ซึ่งจะอยู่ห่างจากตัวโครงการประมาณ 550 เมตร ก็เป็นระยะที่สามารถเดินได้อยู่ค่ะ แต่พอตอนดึกแล้วเรากลับบ้านมาเหนื่อยๆ ก็เลือกเดินไปที่ทางออก 2 แล้วโบกรถไปตัวโครงการได้เลยค่ะ

Image 1/2
บรรยากาศอาคาร Sale Gallery

บรรยากาศอาคาร Sale Gallery

ตำแหน่งที่ตั้งของ Sale Gallery และตัวโครงการคือที่เดียวกันเลย พอหลังจากนี้ที่ปิดการขายโครงการแล้วก็จะทุบอาคาร Sale Gallery ออก แล้วพื้นที่ตรงนี้ก็จะเป็น Green Plaza นั่นเองค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ Origin Plug & Play Srinakarin (ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ ศรีนครินทร์) ส่วนใหญ่จะเป็นที่พักอาศัยแนวราบและมีคอมมูนิตี้มอลล์อยู่ด้วย บริเวณโดยรอบจึงไม่มีตึกสูงบัง ทำให้ได้วิวแบบเปิดโล่งเลย โดยตัวโครงการจะอยู่ติดถนนศรีนครินทร์ ทำให้มีรถยนต์สัญจรผ่านไปมาตลอด มีคนเดินผ่านไปมาบ้าง ส่วนบริเวณข้างๆโครงการก็มีสะพานลอยเดินไปฝั่งตรงข้ามได้ด้วย

  • ทิศเหนือ ติดกับ ถนนศรีนครินทร์และอาคารสำนักงาน
  • ทิศตะวันออก ติดกับ คลองกะทุ่ม
  • ทิศใต้ ติดกับ ปั๊มบางจากและคลองกะทุ่ม
  • ทิศตะวันตก ติดกับ ถนนศรีนครินทร์

บรรยากาศด้านหน้าโครงการ เมื่อมองไปด้านซ้าย จะอยู่ติดกับปั๊มบางจาก

บรรยากาศด้านหน้าโครงการ เมื่อมองไปฝั่งตรงข้ามจะเป็นอาคารแถวสูงประมาณ 4 – 5 ชั้น

ตอนนี้ตัวโครงการก็เพิ่งเริ่มก่อสร้างไปได้ไม่นาน โดยมีกำหนดสร้างเสร็จประมาณกลางปี 2568 ค่ะ

ส่วนอันนี้เป็นภาพบรรยากาศวิวมุมสูงจากโครงการค่ะ

Image 1/4
วิวทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

วิวทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Foodland ∼ 230 เมตร
  • Jas Urban ∼ 300 เมตร
  • Makro ∼ 5.5 กิโลเมตร
  • Big C ∼ 5.6 กิโลเมตร
  • อิมพีเรียล สำโรง ∼ 6.0 กิโลเมตร
  • เซ็นทรัล บางนา ∼ 8.7 กิโลเมตร
  • บางกอกมอลล์ (โครงการในอนาคต) ∼ 9.7 กิโลเมตร

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลศิครินทร์ ∼ 5.3 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสินแพทย์ ∼ 7.7 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ ∼ 7.8 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ∼ 9.7 กิโลเมตร

โรงเรียน

  • โรงเรียนเทพศิรินทร์ สมุทรปราการ ∼ 4.3 กิโลเมตร
  • โรงเรียนเซนต์โยเซฟบางนา ∼ 4.4 กิโลเมตร
  • โรงเรียนนานาชาติไทย – สิงคโปร์ ∼ 5.9 กิโลเมตร
  • โรงเรียนลาซาลกรุงเทพ ∼ 6.0 กิโลเมตร
  • โรงเรียนมอนเตสซอรี่ อคาเดมี่ กรุงเทพ ∼ 6.5 กิโลเมตร
  • โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนด์ดรูวส์ สุขุมวิท 107 ∼ 7.0 กิโลเมตร
  • โรงเรียนนานาชาติเบิร์คลีย์ ∼ 9. กิโลเมตร
  • โรงเรียนนานาชาติเวลล์ส ∼ 12.8 กิโลเมตร

รายละเอียดโครงการ

Highlights

  • คอนโด High Rise จำนวน 594 ยูนิต ลูกบ้านจึงได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า เมื่อเทียบกับโครงการอื่นบนทำเลเดียวกัน
  • Sky Facilities ออกแบบส่วนกลางหลักอยู่ชั้นบนสุด ทำให้ได้วิวเมืองเปิดโล่งรอบด้าน
  • Pocket Garden หลายจุด อย่างชั้น 33 – 34 ที่เป็น Play Balcony ส่วนชั้น 35 มี Sky Seating และ Stack Seating
  • แบบห้อง Simplex และ Duo Space ฝ้าเพดานสูงสุด 4.2 เมตร แบ่งชั้นกันอย่างชัดเจน

Origin Plug & Play Srinakarin (ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ ศรีนครินทร์) เป็นคอนโด High Rise สูง 35 ชั้น มีจำนวนยูนิตห้องพักอาศัย 593 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต ตั้งอยู่ติดถนนศรีนครินทร์ บนเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ได้ที่จอดรถคิดเป็น 36% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด

โครงการถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Playful & Comical จึงมีการใช้เส้นสายและการเลือกใช้สีส้มและน้ำเงิน เพื่อเพิ่มความมีสีสันและความมีชีวิตชีวาของตัวอาคาร โดยเฉพาะการตกแต่งภายในอาคารที่ไม่ได้มีความ Formal มากเกินไป แต่ก็เป็นหน้าเป็นตาให้กับลูกบ้านได้เมื่อต้องต้อนรับแขกด้วย จะออกแบบเน้นพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อน รวมถึงมีพื้นที่สีเขียวภายในโครงการที่มากถึง 1.1 ไร่ เพื่อเน้นบรรยากาศความร่มรื่นของโครงการด้วยค่ะ

การจัดฟังก์ชันส่วนกลางภายในโครงการสรุปได้ดังนี้

  • ชั้น 1 : Green Plaza, Play Yard Recreation, Grand Lobby, Co – Working Space และ EV Charger
  • ชั้น 9 : Garden
  • ชั้น 33 – 34 : Play Balcony
  • ชั้น 35 : Sky Lounge, Private Dining Room, Game Room, Sky Active Fitness, Sky Pool ขนาด 3.5 x 23 เมตร ลึก 1.2 เมตร, Jacuzzi, Sky Seating
  • ชั้น Rooftop : Sky Running Garden

Master PlanOrigin Plug & Play Srinakarin (ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ ศรีนครินทร์) มีทางเข้า – ออกของโครงการอยู่ติดถนนศรีนครินทร์เลย เมื่อเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ Drop Off รับส่งลูกบ้าน และเลี้ยวซ้ายไปทางขึ้นชั้นจอดที่ชั้น 2- 8 ส่วนบริเวณด้านข้างและด้านลังอาคารจะมีพื้นที่จอดรถสำหรับคนพิการ รวมถึงจุด EV Charger ด้วยค่ะ สำหรับสวนสีเขียวที่อยู่ด้านหน้าโครงการก็เป็นเหมือนจุดพักสายตาและส่วนกลางภายในชั้น 1 จะเป็น Passive Facilities ที่เน้นการนั่งพักผ่อนพูดคุยหรือทำงานค่ะ สำหรับการเดินเข้าออกและขึ้นลงในอาคารจะใช้ระบบ Keycard Access / Face Scan เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ลูกบ้านค่ะ

พอเราขับเข้ามาภายในโครงการจะเจอกับ Drop-off พื้นที่สำหรับรับ-ส่งลูกบ้าน ส่วนทางด้านซ้ายจะเป็น Green Plaza ที่เป็นมุมนั่งพักผ่อนท่ามกลางสวนที่ตกแต่งด้วยไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ้ให้ร่มเงาค่ะ

บริเวณด้านหน้าโครงการจะมีรั้วไม้กระดก ระบบ Keycard Access / Bluetooth ระยะไกล และป้อม รปภ. คอยดูแลความปลอดภัยอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมระบบ CCTV ส่วนทางด้านข้างซ้ายจะมีประตูสำหรับคนเดินที่ออกแบบเป็นโครงเหล็กซี่ๆสีดำ สำหรับเดินเข้าไปในส่วน Lobby ด้วยค่ะ

ทางโครงการออกแบบเอาใจคนที่ชอบพื้นที่แบบ Outdoor สำหรับทำกิจกรรมต่างๆได้ อีกทั้งมีพื้นที่นั่งพักหลากหลายรูปแบบเลยทั้งชุดโต๊ะเก้าอี้ เก้าอี้แบบยาว ชิงช้าและ Amphitheater ที่นั่งแบบขั้นบันไดค่ะ

ถัดจากจอดส่งที่ Drop Off แล้ว ให้เลี้ยวซ้ายเพื่อขึ้นไปพื้นที่จอดรถบริเวณชั้น 2 – 8 ได้เลย ส่วนจำนวนที่จอดรถคิดเป็น 36% แบบไม่รวมจอดซ้อนคันนะคะ ก็ถือว่าทางโครงการให้จำนวนที่จอดรถมาพอดีๆ เมื่อเทียบกับโครงการที่เดินไปรถไฟฟ้าได้ บริเวณรอบๆตัวอาคารก็จะมีพื้นที่จอดรถอีกหลายจุดเหมือนกันค่ะ รวมถึงมีพื้นที่จอดรถสำหรับผู้พิการและ EV Charger ด้วย หากส่งลูกบ้านแล้ว จะขับออกจากโครงการก็จะต้องขับวนรอบตัวอาคารนะคะ

บริเวณด้านหลังของโครงการจะมี  Play Yard Recreation พื้นที่สนามเด็กเล่นค่ะ ให้เด็กๆมาวิ่งเล่นสนุกกัน หรือจะเล่นสเกตบอร์ดก็ได้ด้วยนะ รวมถึงมีพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนอีกจุดด้วยค่ะ

บริเวณนี้ปูด้วยพื้นยางที่ช่วยลดอาการบาดเจ็บเมื่อหกล้มค่ะ และจะใช้สีส้มเข้ามาตัดกับสีเทาและต้นไม้ที่เขียวที่ปลูกล้อมรอบไว้ เพื่อเพิ่มสีสันและความมีชีวิตชีวาให้พื้นที่นี้ดูน่าสนุกดีค่ะ

เราพาเข้ามาด้านในอาคารกันค่ะ เมื่อเข้ามาก็จะเจอกับ Grand Lobby ที่เป็นพื้นที่ต้อนรับและนั่งคอย จัดชุดโซฟาไว้หลายมุม มีใช้สีส้มและน้ำเงินตัดกับสีขาว ทำให้บรรยากาศไม่ดูอึดอัดเกินไป พร้อมตกแต่งด้วยโคมระย้าเพิ่มความหรูหรา ส่วนรอบด้านก็จะหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ที่มองเห็น Green Plaza ทางด้านหน้าโครงการได้ด้วย

ถัดจาก Grand Lobby จะเป็นห้อง Co-Working Space สำหรับใครที่ต้องการพื้นที่ทำงานที่สงบขึ้นมาหน่อย มีทั้งมุมโต๊ะเก้าอี้ ที่นั่งโซฟายาว รวมถึงซุ้มนั่งทำงานที่อยู่ทางด้านขวาสำหรับคนที่ต้องการทำงานแบบใช้สมาธิจดจ่อและความเป็นส่วนตัวสูงค่ะ

ชั้น 2-8ที่จอดรถของโครงการนี้จะเป็นรูปแบบ Conventional ทั้งหมด หรือก็คือช่องจอดแบบปกตินั่นเองค่ะ ซึ่งเราก็จะเห็นว่าคอนโดใหม่ๆหลายแห่งเริ่มใช้ที่จอดรถแบบ Auto Parking แล้ว แต่หลายๆคนก็ยังชอบกับความคุ้นเคยการจอดรถแบบเดิมมากกว่า แถมไม่ต้องเสียเวลาในการรอรถยนต์เลื่อนลงมาและไม่ต้องจ่ายค่าบำรุงลิฟต์รถยนต์ในอนาคตด้วยค่ะ ซึ่งภายในโครงการมีจำนวนที่จอดรถคิดเป็นประมาณ 36% แบบไม่รวมจอดซ้อนคันนะคะ

ชั้น 9ส่วนกลางบนชั้น 9 นี้จะเป็น Garden ที่ประดับตกแต่งด้วยไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่หลากหลายสายพันธุ์ อีกทั้งยังมีมุมนั่งพักผ่อนท่ามกลางสวนด้วยค่ะ

เรามองว่าชั้นนี้เป็นส่วนกลางที่เงียบสงบ เน้นมานั่งพักผ่อนและพูดคุย ไม่ได้เป็นส่วนกลางที่เกิดเสียงดังรบกวนไปห้องพักอาศัยภายในชั้นนะคะ ดังนั้นชั้นนี้ก็เป็นอีกชั้นที่น่าสนใจเลย เวลาอยากเปลี่ยนบรรยากาศนั่งทำงาน อ่านหนังสือก็สามารถมาใช้งานส่วนกลางได้สะดวกเลยค่ะ

สำหรับชั้นนี้จะเป็นชั้นเริ่มต้นของชั้นพักอาศัย โดยรูปแบบห้องของชั้นนี้จะเป็น Simplex ค่ะ งั้นเราจะพามาดูว่ามีห้องไหนน่าสนใจกันบ้างนะคะ

  • กรอบสีส้ม ห้องไซซ์เล็ก ราคาดีที่ได้วิวสวนในโครงการ มีเพียง 2 ยูนิตต่อชั้นค่ะ แถมยังแชร์ผนังกับห้องอื่นเพียงด้านเดียวด้วยอย่างห้องตำแหน่งที่ 2 จะมีเพื่อนบ้านน้อย ส่วนห้องตำแหน่งที่ 23 จะอยู่ข้างลิฟต์เลย ทำให้ขึ้นลงได้สะดวกมากๆ
  • กรอบสีน้ำเงิน ห้องขนาด 26-27 ตร.ม. ที่ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะอยู่ติดกับเพื่อนบ้านเพียงด้านเดียว
  • กรอบสีชมพู ตำแหน่งของ 1 Bedroom Plus 34 ตร.ม. ที่เป็นห้องมุมอาคารได้วิวทั้ง 2 ฝั่ง และติดกับเพื่อนบ้านเพียงด้านเดียว จึงได้ความเป็นส่วนตัวสูง โดยเฉพาะห้องตำแหน่งที่ 7 อยู่ทางทิศใต้ที่เป็นห้องแบบ Single load Corridor ไม่มีห้องฝั่งตรงข้ามเลยนั่นเอง

นอกจากนั้นยังมีห้องที่น่าสนใจอย่างตำแหน่งห้อง 1,2 และ 20-23 ที่จะได้วิวส่วนกลางภายในชั้นด้วยค่ะ แต่ว่าห้องทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอาคารสำนักงานสูง 13 ชั้น ที่บังวิวห้องพักไปบางส่วนอยู่ค่ะ แต่ทางโครงการก็พยายามออกแบบโดยดันตัวอาคารให้ห่างออกมาประมาณนึงแล้วเหมือนกัน ดังนั้นสำหรับใครที่ไม่อยากได้ห้องที่โดนบังวิวเลยอาจจะต้องมองเป็นชั้น 14 เป็นต้นไปค่ะ

พื้นที่นี้จะออกแบบเน้นส่วน Hardsacpe พวกทางเดินที่มีลูกเล่นในการเลือกใช้วัสดุที่แตกต่างกันอย่างการโรยก้อนหินสีขาวและเทา ทำให้พื้นที่นี้ได้ความสวยงามไปอีกแบบ รวมถึงยังสามารถดูแลรักษาได้ง่าย ได้ความสวยงามในระยะยาวด้วยค่ะ  แต่ก็มีพื้นที่สีเขียวที่ประดับตกแต่งไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่อยู่โดยรอบด้วย เพื่อเพิ่มบรรยากาศการพักผ่อน และเมื่อต้นไม้ใหญ่โตเต็มที่ก็จะให้ร่มเงา ทำให้เราสามารถนั่งในบริเวณนี้ได้นานขึ้นด้วยค่ะ

ชั้น 33-34

Image 1/2
ชั้น 33

ชั้น 33

สำหรับชั้น 33 และ 34 จะมี Play Balcony ที่เป็นบันไดเดินขึ้นไปถึงชั้น 35 ที่เป็น Sky Facilities ได้ โดยมีทั้งสนามหญ้า ไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่ประดับตกแต่งอยู่ รวมถึงมีที่นั่งพักชมวิวได้ด้วยค่ะ

ในส่วนของห้องพักอาศัยจะเป็นห้องแบบ Duo Space ฝ้าเพดานสูงสุด 4.2 เมตร และเหลือห้อง 1 Bedroom Plus ที่มุมอาคารทางด้านขวา ทำให้มีจำนวนยูนิตรวมอยู่ที่ 20-21 ยูนิตต่อชั้น แล้วเราได้วงตำแหน่งห้องที่น่าสนใจมาให้ดูกันด้วยค่ะ

  • กรอบสีส้ม ห้องไซซ์เล็ก ราคาดี แชร์ผนังกับห้องอื่นเพียงด้านเดียว
  • กรอบสีน้ำเงิน ห้องขนาด 26-27 ตร.ม. ที่อยู่ติดกับเพื่อนบ้านเพียงด้านเดียว ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
  • กรอบสีชมพู ห้องมุมอาคารได้วิวทั้ง 2 ฝั่ง ได้ความเป็นส่วนตัว ติดกับห้องเพื่อนบ้านเพียงด้านเดียว
  • กรอบสีแดง ห้องที่ได้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด ไม่ติดกับห้องเพื่อนบ้านเลย รวมถึงใกล้กับ Play Balcony ขึ้นไปใช้ส่วนกลางที่ Sky Facilities ได้สะดวกมากๆ

จะเห็นว่าพื้นที่ของ Play Balcony จะเริ่มที่ชั้น 33 และมีบันไดเดินขึ้นไปได้ถึงชั้น Rooftop เลยค่ะ เราว่าทางโครงการค่อนข้างใส่ใจในการออกแบบแต่ละพื้นที่เลย เพราะไม่ได้ออกแบบบันไดเดินขึ้นไปชั้น Rooftop เป็นบันไดแบบทั่วไป แต่มีการปูสนามหญ้า ปลูกต้นไม้ รวมถึงมีที่นั่งพักผ่อนได้ด้วย ทำให้ลูกบ้านก็ได้มุมใช้งานและนั่งพักผ่อนเล็กๆน้อยๆในแต่ละจุดดีค่ะ

ชั้น 35สำหรับชั้นนี้เป็น Sky Facilities ที่จะได้วิวเมืองในขณะที่ใช้งานในทุกส่วนกลางเลย โดยจะขึ้นลิฟต์หรือเดินขึ้นบันไดมาจาก Play Balcony ที่อยู่ทางด้านซ้ายจากชั้น 33 – 34 ก็ได้เหมือนกันค่ะ เมื่อเดินขึ้นมาแล้วจะเจอกับ Sky Pool ขนาด 3.5 x 23 เมตร ลึก 1.2 เมตร ที่ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศการออกกำลังกายมาเป็นว่ายน้ำแทนก็ได้เหมือนกัน มาพร้อมส่วน Jacuzzi ที่ช่วยนวดคลายกล้ามเนื้อด้วย ส่วนบริเวณด้านข้างสระว่ายน้ำก็จะมีมุมนั่งพักผ่อนท่ามกลางสวนสีเขียว สำหรับ Sky Active Fitness จะมีอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครันทั้ง Cardio และ Weight Training ออกแบบหันรับวิวได้ 2 ฝั่ง ทั้งวิวสระว่ายน้ำและวิวเมืองค่ะ

หากขึ้นลิฟต์มาจะเจอกับ Sky Lounge พื้นที่นั่งพักผ่อนได้วิวเมืองแบบเต็มตา รวมถึงมีส่วนของ Game Room และ Private Dining Room ด้วย จะสังเกตเห็นว่าตรง Game Room มีประตูเปิดออกไปบริเวณ Sky Seating ที่ประดับด้วยต้นไม้ต่างๆ และมีบันไดเดินขึ้นไปชั้น Rooftop ได้อีกทางด้วยค่ะ

สำหรับชั้น 35 จะแบ่งส่วนกลางทางด้านซ้ายเป็น  Active Facilities ที่เดินเชื่อมมาจาก Play Balcony ได้ และทางด้านขวาจะเป็น Passive Facilities สำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวเมืองมุมยามค่ำคืนค่ะ

Sky Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 3.5 x 23 เมตร ลึก 1.2 เมตร เป็นสระแบบ Semi Outdoor ซึ่งเราสามารถมาว่ายน้ำได้ตามเวลาที่สะดวกเลยทั้งกลางวันและกลางคืน รวมถึงมี Jacuzzi ที่ไว้ช่วยนวดคลายกล้ามเนื้อด้วยค่ะ

ส่วนด้านข้างสระว่ายน้ำก็มีพื้นที่สำหรับนั่งพักและวางของได้ค่ะ และเวลาเราว่ายน้ำอยู่ก็จะได้วิวเมืองเปิดโล่งรอบๆด้วยนะ

Sky Active Fitness จะอยู่ข้างๆกับสระว่ายน้ำเลย ทำให้เวลาเราออกกำลังกายภายในห้องไม่ว่าจะเป็น Cardio หรือ Weight Training ก็ได้วิวสระว่ายน้ำด้วย ส่วนอีกด้านก็หันออกไปด้านนอกอาคารที่ได้วิวเมืองค่ะ

ถัดมาเรามาดู Sky Lounge กันบ้าง ซึ่งทางโครงการก็ตกแต่งไว้อย่างหรูหราเลย ออกแบบฝ้าเพดานเป็นลายโค้ง ให้ความรู้สึกนุ่มนวล แขวนโคมไฟระย้าเพิ่มความหรูหรา และจัดชุดโซฟาไว้หลากหลายแบบ และออกแบบผนังโดยรอบเป็นหน้าต่างกระจกเพื่อเปิดรับวิวเมืองเต็มตาค่ะ

มาดูอีกห้องกันซึ่งอยู่ติดกับ Sky Lounge นั่นก็คือ Private Dining Room นั่นเองค่ะ โดยทางลูกบ้านสามารถจองห้องสำหรับ Chef’s Table ที่เชิญเชฟมาทำอาหารต้อนรับแขกได้ด้วยนะคะ ส่วน Game Room จะเป็นพื้นที่นั่งพักพูดคุยกันเสียงดังได้ค่ะ

จาก Game Room จะมีประตูเปิดออกไป Sky Seating ที่เป็นบันไดเดินขึ้นไปชั้น Rooftop ได้อีกจุดค่ะ เราจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเดินผ่านสระว่ายน้ำแล้วไปใช้บันไดข้าง Sky Active Fitness เพื่อขึ้นไป Rooftop นะคะ เราอยู่ใกล้กับบันไดด้านไหนก็ใช้บันไดนั้นไปชั้น Rooftop ได้เลยค่ะ

อย่าง Sky Seating นี้ก็เป็นอีกจุดนึงที่ทางโครงการไม่ปล่อยให้เป็นพื้นที่เสียเปล่าหรือเป็นแค่บันไดเดินไปชั้น Rooftop เฉยๆ โดยการทำมุมนั่งพักผ่อนพร้อมปลูกต้นไม้ เพิ่มบรรยากาศด้วย และถ้าเราขึ้นมานั่งบริเวณนี้ในตอนเย็นก็จะได้วิวสวยๆตอนพระอาทิตย์ตกดินด้วยนะคะ

เวลาเราจะขึ้นมาใช้งานที่ชั้นนี้ จะต้องออกจากลิฟต์ที่ชั้น 35 แล้วเดินขึ้นบันไดมาจาก Play Balcony ที่อยู่ทางด้านซ้าย หรือ Sky Seating ที่อยู่ทางด้านขวานะคะ

โดยชั้น Rooftop นี้ออกแบบเป็น Sky Running Garden ที่มีระยะวิ่งออกกำลังกายประมาณ 140 เมตร พร้อมปลูกต้นไม้และทำมุมนั่งพักผ่อนในบางจุดด้วย หากมาวิ่งออกกำลังกายในตอนกลางวันอาจจะร้อนไปหน่อย จึงเหมาะมาวิ่งตอนช่วงเย็นๆที่แดดไม่ค่อยร้อนมากนักแล้ว นอกจากนั้นยังมีออกแบบจุดชมวิวเมืองด้วย

นอกจากจะเป็นทางวิ่งออกกำลังกายแล้ว ยังออกแบบมี Pattern ตรงพื้นสำหรับออกกำลังกายได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นด้วย

ตรงชั้นนี้จะมีทางลาดที่ล้อมด้วยรั้วสีส้มเป็นพื้นที่สำหรับมายืนชมวิวเมืองได้ค่ะ โดยได้พื้นที่เปิดโล่งรอบด้านเลย จะมาดูวิวตอนพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตกก็ได้หมดเลย

แปลนชั้นพักอาศัย

Image 1/2
ชั้น 10-16 : ห้อง Simplex

ชั้น 10-16 : ห้อง Simplex

อย่างที่เราได้บอกกันไปก่อนหน้านี้นะคะว่าชั้นพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 9 โดยเป็นห้องแบบ Simplex มีความสูงอยู่ที่ 2.45 เมตร ไปจนถึงชั้นที่ 16 เลยค่ะ แต่จะมีห้องทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่โดนอาคารสำนักงานสูง 13 ชั้น บังวิวไปบางส่วน ทำให้ใครที่อยากได้ห้องในทิศนี้ และไม่อยากโดนบังวิวเลย ก็ต้องมองเป็นชั้น 14 ขึ้นไปค่ะ ส่วนชั้น 17 – 34 จะเป็นห้องแบบ Duo Space ที่เป็นห้องไฮไลท์ของโครงการที่มีฝ้าเพดานสูงสุด 4.2 เมตรเลย

ส่วนลักษณะการวางผังอาคารจะเป็นรูปตัว L วาง Core ลิฟต์อยู่ตรงกลางอิงไปทางด้านซ้าย  ทำให้ห้องแต่ละปีกอาคารมีระยะเดินได้สะดวก ไม่มีฝั่งไหนอยู่ไกลเกินไป และมีจำนวนยูนิตสูงสุดอยู่ที่ 23 ยูนิตต่อชั้น อีกทั้งออกแบบให้ Mailbox อยู่ตรงหน้าลิฟต์ตามชั้นพักอาศัยเลย ทำให้สะดวกมากๆ เพราะเราไม่ต้องลงไปด้านล่างเวลามีจดหมายหรือพัสดุมาส่งค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1 : Green Plaza, Play Yard Recreation, Grand Lobby, Co – Working Space และ EV Charger
  • ชั้น 9 : Garden
  • ชั้น 33 – 34 : Play Balcony
  • ชั้น 35 : Sky Lounge, Private Dining Room, Game Room, Sky Active Fitness, Sky Pool ขนาด 3.5 x 23 เมตร ลึก 1.2 เมตร, Jacuzzi, Sky Seating
  • ชั้น Rooftop : Sky Running Garden
  • ลิฟต์โดยสาร 4 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 119 : 1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถคิดเป็น 36% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ
    – รูปแบบประตูทางเข้า-ออกโครงการ : รั้วไม้กระดก
    – ระบบในการเข้า-ออก (รถยนต์) : Keycard Access / Bluetooth ระยะไกล
    – ระบบในการเข้า-ออก (เดินเข้าออก ขึ้นลงอาคาร) : Keycard Access / Face Scan
    – CCTV ส่วนกลาง
    – รูปแบบรั้วรอบโครงการ : รั้วคอนกรีตสำเร็จรูปสูง 3 เมตร

 

แบบห้อง

Highlights

  • Fully Fitted + เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวบางชิ้น ช่วยประหยัดงบในการตกแต่งห้อง
  • มีห้อง Duo Space ฝ้าเพดานสูงสุด 4.2 เมตร ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน มีความโปร่งสบาย และได้วิวเมืองมุมสูง
  • พื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่ จัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ยืดหยุ่น
  • ห้องครัวแบบปิดทุกยูนิต บางแบบห้องได้ครัวปิดติดระเบียง สามารถเปิดระบายกลิ่นและควันได้ดีขึ้น
  • ระเบียงในทุกยูนิต แขวน Condensing Unit ไว้ด้านบน ทำให้มีพื้นที่ด้านล่างใช้งานได้

Origin Plug & Play Srinakarin (ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ ศรีนครินทร์) มีรูปแบบห้องพักอาศัยทั้ง 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus เหมาะอยู่ 1 – 2 คนได้สบายๆ รวมถึงมีห้อง Duo Space เพดานสูงสุด 4.2 เมตร ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของโครงการด้วย สำหรับตัวห้องก็ตกแต่งแบบ Fully Fitted แถมเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวบางชิ้นมาให้ด้วย ก็ถือว่าให้มาค่อนข้างครบเลย รวมถึงออกแบบได้ครัวปิดและมีระเบียงในทุกแบบห้อง โดยรายละเอียดต่างๆ สามารถเลือกชมได้ดังนี้ค่ะ

ห้อง Simplex สูง 2.45 เมตร : ชั้น 9 – 16

  • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 22 ตร.ม. (Sold Out)
  • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 26 – 27 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอยภายใน 34 ตร.ม. (Sold Out)

ห้อง Duo Space ฝ้าเพดานสูงสุด 4.2 เมตร : ชั้น 17 – 34

  • 1 Bedroom Duo Space พื้นที่ใช้สอยภายใน 22 ตร.ม. (Sold Out)
  • 1 Bedroom Duo Space พื้นที่ใช้สอยภายใน 26 – 27 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus Duo Space พื้นที่ใช้สอยภายใน 34 ตร.ม.

อย่างที่เราได้บอกกันไปนะคะว่าทางโครงการจะตกแต่งห้องแบบ Fully Fitted + เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวจะได้ทั้ง ตู้รองเท้า, ชั้นวางทีวี, ตู้เก็บของเหนือตู้เย็น, เคาน์เตอร์ครัว Top พร้อมอ่างล้างจาน Hop & Hood, ฐานเตียง 5 ฟุต, ตู้เสื้อผ้า และ แอร์ ในทุกแบบห้อง แต่สำหรับห้อง 1 Bedroom Duo Space พื้นที่ใช้สอยภายใน 22 และ 26 – 27 ตร.ม. จะได้โต๊ะแต่งหน้าเพิ่มขึ้นมาค่ะ ส่วนดีไซน์เฟอร์นิเจอร์และจำนวนชิ้นจะขึ้นอยู่กับแบบห้องนะคะ ดังนั้นเราจึงสามารถเลือกออกแบบและตกแต่งห้องตามสไตล์ที่เราชื่นชอบได้ แต่ก็ต้องเพิ่มงบสำหรับการตกแต่งและเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ชุดเครื่องนอนด้วยนะคะ

วัสดุภายในห้อง
– พื้นห้อง : พื้น SPC ลายไม้
– ผนังห้องฉาบเรียบทาสีขาว
– ไฟดาวน์ไลท์
– เครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type จาก Daikin (จำนวนชิ้นขึ้นอยู่กับแบบห้อง)
– Digital Door Lock จาก SECUON รองรับ 5 ระบบ ได้แก่ Keycard, Password, Finger Scan, กุญแจ และ Wireless Access ผ่านแอปพลิเคชัน

วัสดุห้องครัว
– พื้นห้องครัว : กระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60×60 เซนติเมตร
– Top Counter : หินเทียมสีขาว
– Hob, Hood และ อ่างล้างจาน จาก HAFELE

วัสดุห้องน้ำ
– พื้นและผนังห้องน้ำ : กระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60×60 เซนติเมตร
– ก๊อกน้ำ, อ่างล้างมือ, โถสุขภัณฑ์ และฝักบัว จาก COTTO

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

งั้นเราพาไปชมห้อง Duo Space ฝ้าเพดานสูงสุด 4.2 เมตร ที่ถือเป็นห้องไฮไลท์ของโครงการกันค่ะ  โดยเราจะไปเจาะลึกห้องขนาด 26 และ 34 ตร.ม. รวมถึงเราได้เก็บภาพบรรยากาศห้อง Simplex ขนาด 26 ตร.ม. มาให้ชมกันด้วยค่ะ


1 Bedroom Duo Space พื้นที่ใช้สอยภายใน 26 – 27 ตร.ม.ห้อง Duo Space ฝ้าเพดานสูงสุด 4.2 เมตร จะอยู่ที่ชั้น 17 ขึ้นไป จึงทำให้นอกจากจะได้บรรยากาศการอยู่อาศัยที่เหมือนเป็นบ้าน มีการแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนชั้นล่างและชั้นลอยแล้ว ยังได้วิวเปิดโล่งแบบเต็มตาด้วยค่ะ สำหรับพื้นที่ชั้นลอยจะถือเป็นแค่ส่วนเฟอร์นิเจอร์ ไม่ได้คิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างและไม่ได้นับในโฉนด แต่เป็นการออกแบบเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในห้องนั่นเองค่ะ ดังนั้นเวลาจ่ายค่าส่วนกลางก็จะคิดตามพื้นที่ตามโฉนด ทำให้เราได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น แต่จ่ายค่าส่วนกลางถูกค่ะ

ห้องแรกที่เราพามาดูคือ 1 Bedroom Duo Space พื้นที่ใช้สอยภายใน 26 – 27 ตร.ม. แต่ถ้าหากรวมพื้นที่ชั้นลอยด้วยก็จะได้พื้นที่เพิ่มอีกประมาณ 10 ตร.ม. เลยค่ะ ซึ่งแบบห้องนี้มีจำนวนเยอะที่สุดในโครงการเลย งั้นเดี๋ยวเราพาไปดูจุดเด่นของห้องนี้กันเลยค่ะ

  • ห้องครัวแบบปิดขนาดใหญ่ ทำอาหารจริงจังได้ มีพื้นที่ในการประกอบอาหารได้กว้าง รวมถึงช่วยป้องกันกลิ่นและควันลอยเข้าไป
  • พื้นที่นั่งเล่น มีพื้นที่ขนาดใหญ่และโปร่ง วางเฟอร์นิเจอร์ได้ยืดหยุ่น และมีพื้นที่ข้างหน้าต่างทำมุมทำงานได้
  • มุมอเนกประสงค์ เป็นพื้นที่ข้างหน้าต่างตรงพื้นที่นั่งเล่น สามารถตั้งโต๊ะทำเป็นมุมทำงานหรือที่นั่งแบบ Bay Window ได้
  • ห้องนอนอยู่บนชั้นลอย ได้ความเป็นสัดส่วนและความเป็นส่วนตัว

ประตูทางเข้าห้องทุกแบบห้องพักอาศัยจะได้ Digital Door Lock จาก SECUON เป็นมาตรฐานนะคะ โดยรุ่นนี้เราสามารถรองรับการเปิดเข้าได้ถึง 5 ระบบ ได้แก่ Keycard, Password, Finger Scan, กุญแจ และ Wireless Access ผ่านแอปพลิเคชัน

เมื่อเดินเข้ามาในห้องจะเป็นบริเวณของห้องครัวค่ะ มีขนาดประมาณ 1.60 x 2.40 เมตร สูง 2.10 เมตร ปูพื้นด้วยกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60×60 เซนติเมตร โดยทางฝั่งขวาจะเป็นตู้เก็บรองเท้าและชั้นวางของ เวลาเข้าห้องมาก็เก็บรองเท้าและวางของบนชั้นได้เลย ส่วนทางด้านซ้ายจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวและห้องน้ำ

เราพามาดูทางฝั่งขวากันก่อนเลย ทางโครงการจะ Built – in ตู้วางรองเท้าและชั้นวางของมาเต็มผนังเหมือนในรูปเลยนะคะ โดยจะมีเว้นช่องสำหรับวางตู้เย็นและไมโครเวฟ ซึ่งพอทางโครงการได้ตกแต่งส่วนนี้มาให้แล้ว เราก็ประหยัดเงินไปได้หลายหมื่นเลยค่ะ

สำหรับชั้นวางของก็สามารถตั้งของสะสม ของตกแต่งหรือวางพวกกุญแจรถ Keycard ต่างๆได้ ส่วนตู้ด้านบนที่มีหน้าบานปิด เราก็เก็บอุปกรณ์ของใช้ต่างๆ เพื่อให้ห้องดูเรียบร้อยดีค่ะ และตู้ด้านล่างจะเป็นชั้นวางรองเท้าที่วางรองเท้าได้หลายคู่เลย รวมถึงมีช่องด้านซ้ายที่ออกแบบเป็นช่องสูง สำหรับวางร่ม หรือใครที่มีรองเท้าบู๊ทยาวก็สามารถใส่ไว้ได้ค่ะ

ภายในชั้นวางรองเท้าจะมีออกแบบเป็นช่องช่วยระบายอากาศและกลิ่นอับชื้นด้วยนะคะ ซึ่งเราก็หาซื้อพวกเครื่องหอมสำหรับดับกลิ่นมาวางไว้ในตู้ได้ด้วย

ต่อมาเราพามาดูทางด้านขวาที่เป็นส่วนของเคาน์เตอร์ครัวที่ทางโครงการ Built – in มาให้เช่นกันค่ะ มีทั้งตู้ด้านบนและด้านล่างสำหรับเก็บเครื่องปรุงและอุปกรณ์ทำอาหารต่างๆ อย่างตู้ด้านล่างอ่างล้างมือก็สามารถตั้งถังขยะสำหรับทิ้งเศษอาหาร และวางพวกอุปกรณ์ทำความสะอาดได้ด้วย

ทางโครงการจะเว้นช่องตรงกลางไว้ให้พร้อมเดินงานระบบ เพื่อให้วางเครื่องซักผ้าฝาหน้าด้วย จะได้ไม่ต้องไปตั้งตรงระเบียง เพื่อให้เรามีพื้นที่ระเบียงสำหรับตากผ้าหรือยืนชมวิวได้ค่ะ

ส่วนของท็อปเคาน์เตอร์ครัวเป็นหินเทียมที่สามารถทนรอยขีดข่วนและทำความสะอาดได้ง่าย ส่วนผนังด้านหลังของเคาน์เตอร์จะไม่ได้กรุกระเบื้องหรือ Backsplash กันเลอะติดเอาไว้ให้นะคะ เราก็แนะนำว่าให้ซื้อติดเพิ่มดีกว่า จะได้ทำความสะอาดง่ายและผนังดูสวยงาม ไม่เป็นคราบน้ำมันเวลาทำกับข้าวหนักๆ ด้วยค่ะ

ทางโครงการได้ติดตั้งอ่างล้างมือสเตนเลสหลุมเดี่ยว, เตาไฟฟ้าแบบ Induction 2 หัว และเครื่องดูดควันจาก HAFELE ทั้งหมด พอใช้เครื่องดูดควันนี้ไปนานๆก็อย่าลืมเปลี่ยนไส้กรองกันด้วยนะคะ จะได้สามารถดูดควันได้อย่างเต็มที่นะ

มีจุดที่เราชอบคือออกแบบที่ใส่กระดาษทิชชูในตู้ด้านบน ทำให้เวลามือเราเลอะน้ำมันหรืออาหารอยู่ ก็ไม่อยากไปหยิบจับอย่างอื่นต่อ เพราะจะทำให้เลอะไปด้วย พอออกแบบที่ใส่กระดาษทิชชูมาแบบนี้ เราก็สามารถดึงใช้งานได้สะดวกดี

ด้วยการออกแบบแบ่งส่วนของ Service อย่างห้องครัวและห้องน้ำไว้ด้านหน้าและส่วนของพื้นที่นั่งเล่นอยู่ด้านใน ทำให้แยกการใช้งานที่ชัดเจนดีค่ะ รวมถึงเวลาเรานั่งอยู่พื้นที่นั่งเล่นก็จะมองไม่เห็นประตูห้องน้ำและไม่มีความชื้นจากห้องน้ำเข้าไปรบกวนภายในห้องด้วยค่ะ งั้นเราพาไปดูห้องน้ำกันต่อเลย

ห้องน้ำมีขนาด 1.45 x 2.40 เมตร มีออกแบบลดระดับพื้นให้ต่ำลงกว่าพื้นห้อง ช่วยกันน้ำท่วมไม่ให้ไหลเข้ามาภายในห้องได้ ส่วนภายในห้องน้ำก็มีแยกพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งมาให้ สำหรับพื้นและผนังภายในห้องน้ำเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60×60 เซนติเมตร

สิ่งที่เราชอบมากๆเลยคือเคาน์เตอร์อ่างล้างมือและมีก่อกำแพงเพิ่มขึ้นจากผนังด้านหลังยาวไปถึงส่วนพื้นที่อาบน้ำที่กรุด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน ลวดลายสวยงาม ทำให้นอกจากเราจะมีพื้นที่วางข้างขอบอ่างล้างมือแล้ว ยังได้พื้นที่วางของตกแต่งและอุปกรณ์ใช้ในห้องน้ำได้เยอะขึ้นด้วย รวมถึงกระจกเงาที่มีขนาดใหญ่และมีความยาวเกือบเต็มผนังห้องอีกด้วย ทำให้เราส่องกระจกได้เต็มที่ โดยสุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งหมดทั้งก๊อกน้ำ อ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์มาจากแบรนด์ COTTO ค่ะ

สำหรับฉากกั้นกระจกอาบน้ำไม่ได้มีแถมมาให้นะคะ แต่เราก็สามารถหาซื้อติดตั้งเพิ่มเองได้ แต่เราต้องตัดฉากกั้นกระจกโดยเว้นส่วนขอบกำแพงที่ก่อยาวมาถึงพื้นที่อาบน้ำไว้ด้วยนะคะ

พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 0.85 x 1.00 เมตร สามารถอาบน้ำและหมุนตัวได้สะดวก และฝักบัวที่ได้จะเป็นฝักบัวสายอ่อนจาก COTTO และอย่างที่เราบอกไปก่อนหน้านี้ที่จะมีขอบกำแพงก่อยาวเข้ามาถึงพื้นที่อาบน้ำ ทำให้เรามีพื้นที่วางครีมอาบน้ำและแชมพูได้ หรือสำหรับใครที่มีอุปกรณ์อาบน้ำเยอะ ก็หาชั้นวางของมาตั้งเพิ่มได้ค่ะ

เราพากลับออกมาตรงห้องครัวก่อนที่จะไปพื้นที่นั่งเล่น จะมีประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน กั้นแบ่งพื้นที่ไว้ ทำให้เวลาเราทำอาหาร ก็ไม่มีกลิ่นลอยไปภายในพื้นที่นั่งเล่น และการเลือกใช้ประตูกระจกแบบ 3 ตอน ทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้ทั่วทั้งห้อง รวมถึงเวลาเราไม่ได้ทำอาหาร เราก็เปิดประตูได้กว้างขึ้น ทำให้ได้บรรยากาศโปร่งโล่งดีค่ะ

พื้นที่นั่งเล่นมีขนาด 3.00 x 3.25 เมตร ปูพื้นห้องนั่งเล่นด้วยพื้น SPC ลายไม้ ที่ทนรอยขีดข่วนและความชื้นได้ดี ส่วนผนังและฝ้าเพดานจะเป็นแบบฉาบเรียบ ทาสีขาว และไฟแบบดาวน์ไลท์ค่ะ

บริเวณนี้มีระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.95 เมตร สามารถวางทีวีขนาด 55 นิ้วขึ้นไปได้เลย ยิ่งใครที่ชอบดูหนังอยู่แล้วก็ซื้อทีวีจอใหญ่ๆได้เลยค่ะ บริเวณนี้มีพื้นที่เดินผ่านกว้าง เราสามารถตั้งโต๊ะกลางได้ รวมถึงตั้งโต๊ะกินข้าวด้านข้างโซฟาเหมือนที่ห้องตัวอย่างตกแต่งได้ค่ะ

บริเวณนี้ออกแบบเป็นห้องฝ้าเพดานสูง 4.2 เมตร ที่เป็นจุดเด่นของโครงการนั่นเอง ทำให้พื้นที่ตรงบริเวณนี้ดูโปร่งสบายมากๆเลย รวมถึงได้ความเป็นส่วนตัวสูงด้วย เพราะว่าห้องนอนจะยกไปตรงชั้นลอย ทำให้เราใช้พื้นที่ชั้นล่างสำหรับต้อนรับแขกได้โดยไม่รบกวนพื้นที่ส่วนตัวนั่นเอง

ตรงข้างบันไดจะมีพื้นที่ตั้งชั้นวางทีวี รวมถึงมีช่องเก็บของใต้บันไดด้วย ส่วนทางด้านขวาจะเป็นทางขึ้นบันไดไปชั้นลอยและพื้นที่ระเบียงค่ะ

ทางโครงการมีออกแบบช่องเก็บของใต้บันไดสำหรับเก็บพวกของชิ้นใหญ่ๆอย่างกระเป๋าเดินทางได้ สำหรับใครที่ต้องเดินทางบ่อยๆค่ะ

ชั้นวางทีวีนี้จะเป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวที่ได้แถมมากับตัวห้องเหมือนกันค่ะ โดยออกแบบเป็นชั้นวางของและช่องสำหรับเก็บของเล็กๆน้อยๆได้

ตรงบริเวณข้างๆพื้นที่นั่งเล่นจะมีออกแบบเป็นพื้นที่ยื่นออกไปขนาดประมาณ 1.00 x 2.55 เมตร มีกระจกขนาดใหญ่รับแสงดีทีเดียวค่ะ ทำให้เราทำเป็นมุมนั่งทำงานริมหน้าต่างเหมือนที่ทางห้องตัวอย่างได้ตกแต่งให้เป็นไอเดียกัน หรือใครจะทำเป็นที่นั่งเล่นแบบ Bay Window ไปเลยก็ดีเหมือนกันค่ะ ได้เป็นมุมนั่งพักสบายได้วิวเมืองด้วย

ประตูของพื้นที่ระเบียงเป็นกระจกบานเลื่อน 3 ตอน สามารถติดม่านเพิ่มเติมได้อย่างห้องตัวอย่าง ไว้สำหรับเวลาเราต้อนรับแขกก็สามารถปิดม่านเพื่อบังพื้นที่ระเบียงที่เรากำลังตากผ้าอยู่ค่ะ

พื้นที่ระเบียงมีขนาด 1.00 x 1.45 เมตร และแขวน Condensing Unit ไว้ด้านบน ทำให้มีพื้นที่ด้านล่างใช้งานได้และเราก็วางเครื่องซักผ้าอยู่ตรงบริเวณห้องครัวแล้ว จึงใช้ประโยชน์พื้นที่นี้ได้มากขึ้นทั้งปลูกต้นไม้ ตากผ้า หรือตั้งเก้าอี้นั่งรับลม รวมถึงมีออกแบบเป็นระแนงตรงบริเวณชั้นลอย ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วย

กลับเข้ามาฝั่งตรงข้ามกับพื้นที่ระเบียงจะเป็นบันไดยาวไปถึงชั้นลอย มีความกว้างประมาณ 0.80 เมตร ส่วนขนาดลูกตั้งประมาณ 18 เซนติเมตร และลูกนอนอยู่ที่ 25 เซนติเมตร ซึ่งทางโครงการก็มีออกแบบเป็นช่องเก็บของตรงบันได 3 ขั้น ไว้เก็บของกระจุกกระจิกได้ค่ะ สำหรับลูกนอนบันไดก็เลือกใช้เป็นลายไม้เหมือนกับพื้นของชั้นล่างและชั้นลอยที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น ส่วนราวบันไดเป็นโครงเหล็กสีดำ พร้อมกระจกลามิเนตตรงกลางยาวไปเป็นราวกันตกของชั้นลอยเลยค่ะ

เราพามาดูบริเวณชั้นลอยกันแล้ว จะเป็นส่วนของห้องนอนที่มีมุมแต่งตัวด้วย โดยมีขนาดอยู่ที่ 2.50 x 4.00 เมตร และสูงประมาณ 1.95 เมตร ส่วนพื้นปูเป็น SPC ลายไม้เหมือนกับชั้นล่างค่ะ

ถ้าใครอยากได้เป็นห้องที่เป็นสัดส่วนชัดเจนเลย ก็สามารถเอาราวกันตกออกและกั้นเป็นผนังพร้อมทำช่องหน้าต่างรับแสงได้ด้วย ทำให้ห้องนอนได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และอีกอย่างคือแอร์ก็ทำงานได้ทั่วถึงภายในห้องนอน ช่วยประหยัดแอร์ไม่ลอยไปถึงชั้นล่างนั่นเอง

สำหรับฐานเตียงที่ทางโครงการให้มาจะมีขนาด 5 ฟุต ซึ่งเราก็หาซื้อฟูกนอน หมอน ผ้าห่มมาเพิ่มเติมค่ะ ส่วนพื้นที่รอบเตียงก็กว้าง เดินเข้า-ออกได้สบาย รวมถึงตั้งโต๊ะข้างหัวเตียงทั้ง 2 ฝั่งได้ มีปลั๊กไฟสำหรับเสียบโคมไฟหรือชาร์จมือถือก่อนนอนค่ะ

บริเวณฐานเตียงก็ออกแบบมีลิ้นชักเปิดเก็บของได้ค่ะ ทั้งพวกเครื่องหอมและหนังสือต่างๆ

เราพามาดูตู้เสื้อผ้าและโต๊ะแต่งหน้าที่ทางโครงการ Built – in มาให้กันค่ะ ภายในตู้เสื้อผ้าก็ออกแบบมีราวแขวนเสื้อผ้าและลิ้นชักเก็บของ รวมถึงช่องแขวนพวกเดรสยาวสำหรับผู้หญิงด้วยนะคะ ส่วนด้านข้างตู้เสื้อผ้าก็มีช่องวางกระเป๋าหรือพวกขวดเครื่องสำอางและน้ำหอมได้ด้วย

มีจุดที่เราชอบสำหรับตู้เสื้อผ้านี้คือหน้าบานด้านนึงที่เป็นกระจกเต็มบาน ทำให้เราสามารถส่องกระจกแบบเต็มตัวได้นั่นเอง

อย่างที่บอกไปว่าทางโครงการทำ Built – in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะแต่งหน้ามาพร้อมกันเลย ซึ่งโต๊ะแต่งหน้าก็มีพื้นที่วางเครื่องสำอางต่างๆได้ รวมถึงมีลิ้นชักเก็บของด้วย

อันนี้เราก็ได้เก็บภาพมาให้ดูด้วยเวลาที่เรามองจากบนชั้นลอยลงมาด้านล่างที่เป็นพื้นที่นั่งเล่นค่ะ

 


1 Bedroom Plus Duo Space พื้นที่ใช้สอยภายใน 34 ตร.ม.สำหรับห้องต่อมาที่เราพามาดูก็เป็นห้องฝ้าเพดานสูงสุด 4.2 เมตรเหมือนกันค่ะ แต่ว่าห้องนี้เป็น 1 Bedroom Plus ขนาด 34 ตร.ม. ถ้านับส่วนชั้นลอยแล้วจะได้พื้นที่ใช้สอยทั้งหมดประมาณ ประมาณ 48 ตร.ม. ส่วนตำแหน่งของแบบห้องนี้จะอยู่บริเวณมุมอาคารที่ติดกับเพื่อนบ้านด้านเดียวและได้วิวจากทั้ง 2 ฝั่งห้องค่ะ

  • พื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่ ประกอบกับความสูงถึง 4.2 เมตร ทำให้ได้บรรยากาศโปร่งโล่ง
  • ห้องนอนเพดานสูง ภายในห้องนอนมีขนาดใหญ่และได้ฝ้าเพดานสูงเหมือนกัน มีพื้นที่ด้านข้างวางตู้เสื้อผ้าได้
  • ห้องครัวแบบปิด ติดระเบียง กันกลิ่นและควันลอยเข้าไปภายในห้อง เปิดระบายอากาศได้ง่าย
  • ระเบียง ทำมุมนั่งเล่นและวางต้นไม้เล็กๆได้
  • พื้นที่อเนกประสงค์ชั้นลอย ทำเป็นพื้นที่ทำงานหรือห้องนอนอีกห้องได้

ประตูทางเข้าจะติดตั้ง Digital Door Lock จาก SECUON เหมือนกันค่ะ โดยรองรับ 5 ระบบ ได้แก่ Keycard, Password, Finger Scan, กุญแจ และ Wireless Access ผ่านแอปพลิเคชัน

พื้นที่ภายในห้องแล้วจะแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยด้านหน้าห้องจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่นั่งกินข้าวและห้องน้ำ ทำให้สามารถต้อนรับแขกบริเวณนี้ได้เลย จะเข้าห้องน้ำก็สะดวกด้วย ไม่ต้องเดินผ่านพื้นที่ส่วนตัวเรา ส่วนบริเวณด้านในจะเป็นห้องครัวและระเบียงที่เราอาจวางของหรือตากผ้าแล้วดูไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ รวมถึงพื้นที่ส่วนตัวอย่างห้องนอนและบันไดเพื่อขึ้นไปชั้นลอยค่ะ

เมื่อเรามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นที่ออกแบบเป็นฝ้าเพดานสูง 4.2 เมตร ทำให้ได้ความโปร่งโล่ง ดูโอ่อ่าดีเลยค่ะ แล้วพอเป็นห้องฝ้าเพดานสูงก็แขวนโคมไฟแบบยาวได้เหมือนที่ห้องตัวอย่างตกแต่งก็ดูสวยงามดีเลยนะคะ

บริเวณนี้มีพื้นที่ขนาด 2.85 x 4.10 เมตร ส่วนพื้นปูเป็นพื้น SPC ลายไม้ ที่ทนรอยขีดข่วนและความชื้น ผนังและฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสีขาว และติดตั้งไฟแบบดาวน์ไลท์ค่ะ

บริเวณพื้นที่นั่งเล่นมีระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.55 เมตร เหมาะวางทีวีขนาด 50 – 55 นิ้ว ทางโครงการจะมี Built – in ชั้นวางทีวีและตู้รองเท้ามาให้ ส่วนเราก็หาซื้อตั้งโต๊ะกลาง โซฟา 2 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะเล็กๆข้างโซฟาทั้ง 2 ฝั่งได้ด้วย บริเวณด้านข้างจะมีหน้าต่างที่เป็นช่องแสงขนาดใหญ่ รับแสงและวิวได้ดีเลยค่ะ

Built – in ชั้นวางทีวีและตู้รองเท้าที่ทางโครงการแถมมาให้ น่าจะถูกใจคนที่มีของเยอะเลยค่ะ มีทั้งช่องเก็บของทั้งตู้ด้านบนและล่างพร้อมหน้าบานปิด ทำให้ห้องดูเรียบร้อยดีเลย ส่วนตู้รองเท้าจะอยู่ 2 ชั้นล่าง ที่ออกแบบมาพร้อมช่องระบายอากาศภายในตู้ ทำให้รองเท้าเราไม่ติดกลิ่นอับชื้นค่ะ

ห้องตัวอย่างตกแต่งบริเวณด้านข้างพื้นที่นั่งเล่นเป็นมุมโต๊ะกินข้าว พร้อมเก้าอี้ 2 ที่นั่ง แต่เรามีไอเดียให้ว่าตั้งโต๊ะกินข้าวอยู่ข้างโซฟา สำหรับใครที่ติดดูทีวีพร้อมกินข้าวแบบเรานะคะ ส่วนบริเวณด้านหน้าห้องน้ำนี้ก็ตั้งเป็นตู้วางของเพิ่ม จะได้มีพื้นที่วางรองเท้าและเก็บของเพิ่มอีกค่ะ

ห้องน้ำมีขนาด 1.50 x 2.40 เมตร การออกแบบและเลือกใช้วัสดุต่างๆเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้เลย โดยปูพื้นและผนังภายในห้องน้ำเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60×60 เซนติเมตร และภายในห้องน้ำมีแบ่งพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งมาให้

อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้นะคะว่าการออกแบบเหมือนกันเลย ทั้งมีก่อเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ, กำแพงตรงผนังด้านหลังยาวไปถึงส่วนพื้นที่อาบน้ำพร้อมกรุด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน ทำให้มีพื้นที่วางของได้เยอะขึ้น และกระจกเงาที่มีความยาวเกือบเต็มผนังห้อง

ส่วนสุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งหมดก็มาจาก COTTO เหมือนกัน ทั้งก๊อกน้ำ อ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์  แต่ตัวโถสุขภัณฑ์นี้จะฝัง Tank ตรงผนังด้านหลัง ทำให้ดูเรียบร้อยสวยงาม แล้วถ้าเวลาเกิดปัญหาต้องซ่อมแซมล่ะ ต้องรื้อออกมาทั้งหมดเลยหรือเปล่า ก็บอกเลยว่าไม่ต้องรื้อเลย เพราะจริงๆแล้วจะมีช่องเปิดอยู่ทางด้านบนผนังด้านหลังค่ะ ทำให้ซ่อมแซมได้ตามปกติเลย

พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 0.90 x 1.50 เมตร พร้อมติดตั้งฝักบัวสายอ่อนจาก COTTO และมีขอบกำแพงก่อยาวเข้ามาถึงพื้นที่อาบน้ำสำหรับวางครีมอาบน้ำและแชมพู ส่วนฉากกั้นกระจกอาบน้ำจะไม่ได้มีแถมมาให้ แต่เราก็สามารถหาซื้อติดตั้งเพิ่มเองได้ค่ะ

เราพามาเดินเข้ามาด้านในกัน ตรงด้านซ้ายจะเป็นบันไดที่อยู่ติดกับห้องครัว ด้านหน้าจะเป็นห้องครัวแบบปิด ซึ่งตามห้องมาตรฐานจะมีบานประตูปิด และด้านขวาจะเป็นห้องนอนค่ะ โดยเราจะพาไปดูห้องนอนกันก่อนนะ

ห้องนี้มีขนาด 2.70 x 3.60 เมตร และสูงประมาณ 4 เมตรค่ะ เพราะมีการซ่อนพวกงานระบบเลยมีระดับฝ้าที่ต่ำลงมาหน่อย ส่วนพื้นปูเป็น SPC ลายไม้เหมือนกับพื้นที่นั่งเล่นเลยค่ะ ส่วนด้านข้างก็มีช่องแสงขนาดใหญ่ ทำให้ได้แสงธรรมชาติและวิวเมืองจากในห้องนอนเลย

ทางโครงการจะให้ฐานเตียงขนาด 5 ฟุต มาพร้อมตัวห้องเลย ตรงฐานเตียงจะมีลิ้นชักเปิดเก็บของได้ ส่วนพื้นที่รอบเตียงก็กว้าง จะแขวนทีวีดูในห้องนอนก็ได้ พร้อมตั้งโต๊ะข้างหัวเตียงได้ทั้ง 2 ฝั่งและมีพื้นที่ด้านข้างก็มีตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการแถมมาให้ด้วยค่ะ

ตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการแถมมาให้ จะมีหน้าบานด้านนึงเป็นกระจกเงา ไว้ส่องตรวจความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้าน ส่วนภายในตู้ก็มีราวแขวน ลิ้นชักและช่องเก็บของ อย่างช่องด้านบนก็เก็บพวกกระเป๋าเดินทางได้ด้วย แต่สำหรับคนที่ชอบแต่งตัวแล้วมีเสื้อผ้าเยอะ ก็หาซื้อพวกชั้นเก็บของและราวแขวนเสื้อผ้ามาตั้งบริเวณด้านข้างเตียงได้ มีพื้นที่เหลืออยู่กว้างเลยค่ะ

ต่อมาเป็นห้องครัวแบบปิด มีขนาด 1.50 x 2.45 เมตร ซึ่งอยู่ติดกับระเบียงด้วย ทำให้เปิดระบายกลิ่นและควันเวลาเราทำอาหารได้ดีค่ะ ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60×60 เซนติเมตร

ส่วนของเคาน์เตอร์ครัวที่ทางโครงการ Built – in มาให้ เหมือนกับห้องก่อนหน้านี้เลยค่ะ มีตู้ด้านบนและล่างสำหรับเก็บเครื่องปรุง แป้งทำอาหาร หม้อ กระทะ จาน ชามและแก้วน้ำ รวมถึงวางถังขยะและอุปกรณ์ทำความสะอาดไว้ใต้อ่างล้างจานได้ ส่วนตรงกลางก็เว้นช่องสำหรับตั้งเครื่องซักผ้าฝาหน้าค่ะ

ท็อปเคาน์เตอร์ครัวเป็นหินเทียม ทนรอยขีดข่วนและทำความสะอาดง่าย มีพื้นที่ตรงกลางสำหรับเตรียมประกอบอาหารอย่างหั่นผักหรือวางจาน ส่วนผนังด้านหลังก็แนะนำว่าให้ติด Backsplash กันเลอะเพิ่ม จะได้ทำความสะอาดง่ายและผนังไม่เป็นคราบจากการทำอาหาร จะได้มีครัวที่ดูสวยงามไปนานๆค่ะ

เลือกใช้อ่างล้างมือสเตนเลสหลุมเดี่ยว, เตาไฟฟ้าแบบ Induction 2 หัว และเครื่องดูดควันจาก HAFELE ทั้งหมดเหมือนห้องก่อนหน้านี้เลย รวมถึงออกแบบที่ใส่กระดาษทิชชูในตู้ด้านบน ทำให้ดึงใช้งานได้ง่ายดีค่ะ

สำหรับเรื่องการระบายกลิ่นและควันในห้องครัว จะมีการติดตั้งเครื่องดูดควันที่ทางโครงการแถมมาให้แล้ว แต่จริงๆด้วยการออกแบบห้องครัวติดระเบียง จึงทำให้เราเปิดประตูเพื่อระบายอากาศได้ดีด้วย ดังนั้นเวลาเราตากผ้าอยู่ตรงระเบียงก็ใช้เครื่องดูดควันได้ แต่พอตอนที่ไม่ได้ตากผ้าแล้ว ก็เปิดประตูเพื่อระบายอากาศไปทางระเบียงได้เลยค่ะ

ทางโครงการทำ Built – in เคาน์เตอร์ครัววางขนานไปตามแนวห้องเลยทำให้เหลือพื้นที่ยืนทำอาหารประมาณ 0.90 เมตร ก็สามารถยืนและหมุนตัวได้สะดวกแล้ว แต่เราก็แอบเสียดายที่น่าจะทำเคาน์เตอร์ครัวติดผนังด้านในไปเลย จะได้พื้นที่ยืนทำอาหารอีกเยอะ และจะได้ตั้งชั้นวางเครื่องปรุงหรืออุปกรณ์ทำอาหารเพิ่มได้ค่ะ

ห้องครัวแบบปิดจะอยู่ติดกับระเบียง และมีประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอนเปิดออกไประเบียงค่ะ

พื้นที่ระเบียงมีขนาด 0.80 x 2.45 เมตร และแขวน Condensing Unit ไว้ด้านบนบริเวณด้านข้างระเบียง ส่วนด้านล่างก็ตั้งราวตากผ้าและต้นไม้เล็กๆได้ หรือจะทำเป็นมุมนั่งพักผ่อนแบบ Semi Outdoor ก็ได้เหมือนกันนะคะ ได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วย

จะสังเกตว่าตรงห้องครัวจะไม่มีพื้นที่วางตู้เย็นนะคะ เพราะว่าทางโครงการเอาออกมาวางไว้ด้านนอกข้างบันไดเลย โดยเว้นช่องไว้ขนาด 0.60 x 1.50 เมตร ก็ทำให้เวลาเรามาหยิบน้ำต้อนรับแขกหรือลุกมาดื่มน้ำตอนดึกก็ไม่ต้องเปิดประตูเข้าออกห้องครัวบ่อยๆค่ะ

รูปแบบบันไดเป็นตัว U ซึ่งเรามองว่าน่าสนใจดี เพราะปกติเรามักจะเห็นห้องฝ้าเพดานสูงแบบนี้เลือกทำบันไดเป็นบันไดยาวมากกว่า แต่ตัว U นี้จะช่วยประหยัดพื้นที่แนวกว้างได้มากขึ้น

บันไดมีความกว้างอยู่ที่ 0.75 เมตร ส่วนลูกตั้งขนาดประมาณ 20 เซนติเมตร และลูกนอนอยู่ที่ 25 เซนติเมตร มีออกแบบช่องเก็บของตรงบันได 3 ขั้น ส่วนลูกนอนบันไดก็เป็นลายไม้เหมือนกับพื้นของชั้นล่างและชั้นลอยที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นต่อเนื่องกัน ส่วนราวบันไดเป็นโครงเหล็กสีดำ มีเล่นกระจกลามิเนตใสตรงกลางให้ยาวตั้งแต่ชั้น 1 ขึ้นไปเป็นราวกันตกของชั้นลอยเลย

บันไดจะอยู่บริเวณตรงกลางของชั้นลอยเลย ทำให้พื้นที่ของชั้นลอยแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ซึ่งชั้นลอยนี้จะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์จะตกแต่งเป็นห้องทำงานส่วนตัวก็ได้ หรือแบบที่ทางห้องตัวอย่างตกแต่งให้เป็นห้องนอนอีกห้องเลย โดยเราจะพาไปดูทางฝั่งซ้ายกันที่ตกแต่งเป็นพื้นที่แต่งตัวค่ะ จะมีขนาด 1.55 x 2.50 เมตร ความสูงประมาณ 2.10 เมตร ตั้งตู้เสื้อผ้าแบบยาวเต็มผนังได้ และผนังอีกด้านก็ตั้งโต๊ะแต่งหน้าได้ด้วย ส่วนด้านข้างจะมีหน้าต่างเป็นช่องแสง มองลงไปเป็นพื้นที่ระเบียงค่ะ

ทางด้านฝั่งซ้ายก็ตกแต่งเป็นพื้นที่นอน วางเตียง 5 ฟุตได้ มีพื้นที่รอบเตียงเดินผ่านได้สบายๆ รวมถึงสามารถเอาราวกันตกออกและกั้นเป็นผนัง เพื่อได้ห้องเป็นสัดส่วนมากขึ้น แอร์ก็ไม่ไหลลงไปด้านล่างด้วยค่ะ

เราเก็บภาพเวลาที่มองจากบนชั้นลอยลงมาด้านล่างที่เป็นพื้นที่นั่งเล่นมาให้ดูกันด้วยค่ะ

 


1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 26 – 27 ตร.ม.

ห้องตัวอย่างห้องสุดท้ายที่เราได้เก็บภาพมาให้ดูกัน จะเป็น 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 26 – 27 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องแบบ Simplex ที่มีความสูงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.45 เมตร จะอยู่ชั้น 9 – 16 เหมาะสำหรับคนที่ชอบฟังก์ชันครบต่อการใช้งาน ไม่ได้ต้องการเน้นวิวสูง รวมถึงไม่ชอบขึ้นลงบันไดด้วย ซึ่งแบบห้องนี้ก็มีอยู่หลายตำแหน่งให้เลือกเลยค่ะ เช่น ห้องที่ได้วิวสวนส่วนกลาง, ห้องใกล้ลิฟต์ หรือห้องที่ติดกับเพื่อนบ้านด้านเดียว ได้ความเป็นส่วนตัวสูง เป็นต้น

  • พื้นที่ Common Area มีขนาดใหญ่ เชื่อมพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่กินข้าว สามารถวางโซฟาได้ 3 ที่นั่ง โต๊ะกลางและโต๊ะกินข้าวได้ด้วย
  • ห้องนอนขนาดใหญ่ มีพื้นที่ด้านข้างวางโต๊ะทำงานและตู้เสื้อผ้าได้
  • มุมอเนกประสงค์ ตั้งชั้นวางของหรือโต๊ะทำงานได้
  • ห้องครัวแบบปิด ติดระเบียง ป้องกันกลิ่นและควันลอยเข้าไปในห้อง
  • ระเบียง มีพื้นที่ตั้งเครื่องซักผ้าและตากผ้าได้

Image 1/6
ห้องนั่งเล่น

ห้องนั่งเล่น

 

แบบแปลน

ห้องแบบ Simplex สูง 2.45 เมตร

Image 1/3
1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 22 ตร.ม.

1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 22 ตร.ม.

ห้องแบบ Duo Space ฝ้าเพดานสูงสุด 4.2 เมตร

Image 1/2
1 Bedroom Duo Space พื้นที่ใช้สอยภายใน 22 ตร.ม.

1 Bedroom Duo Space พื้นที่ใช้สอยภายใน 22 ตร.ม.

ราคา

Origin Plug & Play Srinakarin (ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ ศรีนครินทร์) ราคา ณ วันที่ 24 ตุลาคม 2566

  • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 26 – 27 ตร.ม. ราคาเริ่ม 2.59 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Duo Space พื้นที่ใช้สอยภายใน 26 – 27 ตร.ม. ราคาเริ่ม 3.29 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus Duo Space พื้นที่ใช้สอยภายใน 34 ตร.ม. ราคาเริ่ม 4.69 ล้านบาท
  • รูปแบบการขาย Fully Fitted + เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวบางชิ้น ได้แก่ ตู้รองเท้า, ชั้นวางทีวี, ตู้เก็บของเหนือตู้เย็น, เคาน์เตอร์ครัว Top พร้อมอ่างล้างจาน Hop & Hood, ฐานเตียง 5 ฟุต, ตู้เสื้อผ้า, โต๊ะแต่งหน้า และ แอร์ (ดีไซน์เฟอร์นิเจอร์และจำนวนชิ้นขึ้นอยู่กับแบบห้อง)
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.45 เมตร ในแบบห้อง Simplex และสูงสุด 4.2 เมตร ในแบบห้อง Duo Space
  • ชุดครัว Top Counter หินเทียม / Hob, Hood และ อ่างล้างจาน จาก HAFELE
  • ก๊อกน้ำ, อ่างล้างมือ, โถสุขภัณฑ์ และฝักบัว จาก COTTO
  • เครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type จาก Daikin (จำนวนชิ้นขึ้นอยู่กับแบบห้อง)
  • ค่าจอง ติดต่อสำนักงานขาย
  • ค่าทำสัญญา 5,000 – 50,000 บาท
  • ผ่อนดาวน์ เริ่มต้น 6,990 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม. ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเล :

ตัวโครงการอยู่ติดถนนศรีนครินทร์ เชื่อมไปถนนบางนา-ตราด ถนนเทพารักษ์ และถนนสุขุมวิทได้ง่าย เป็นทำเลที่อาศัยคึกคัก ใกล้ Foodland และ JAS Urban แบบเดินไปได้สบายๆ รวมถึงมีร้านค้าที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงด้วย ทำให้เราแวะซื้อของก่อนกลับบ้านได้ หรือไปกินมื้อดึกได้ตลอดเวลา หรืออยากจะไปห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆอย่าง เซ็นทรัล บางนาและบางกอกมอลล์ (โครงการในอนาคต) ตรงเส้นถนนบางนา-ตราดก็สะดวกมากๆค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ :

สามารถใช้ซอยสุขุมวิท 105 (ลาซาล), ซอยสุขุมวิท 107 (แบริ่ง) และซอยสุขุมวิท 113 (ด่านสำโรง) เป็นเส้นทางลัดไปถนนสุขุมวิทได้ง่าย รวมถึงใกล้ทางด่วนวงแหวนรอบนอกและเฉลิมมหานคร สามารถเข้าเมืองไปพระราม 4 และสุขุมวิท รวมถึงออกเมืองไปทางรังสิต, พระราม 2, บางพลีและสมุทรปราการได้

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

ตัวโครงการใกล้ MRT สายสีเหลืองถึง 2 สถานี ได้แก่ สถานีศรีด่าน ในระยะ 550 เมตร และสถานีศรีแบริ่งในระยะ 600 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่เดินได้อยู่ค่ะ ซึ่ง MRT สายสีเหลืองนี้ก็จะไปเชื่อมต่อ BTS สายสีเขียว, MRT สายสีน้ำเงิน และ Airport Rail Link ด้วย นอกจากนั้นสามารถโบกรถเรียกทั้งวินมอเตอร์ไซค์ รถแท็กซี่ หรือรถสองแถวที่ผ่านไปมาได้ตลอดค่ะ

วัสดุ :

การเลือกใช้วัสดุในโครงการถือว่าเป็นตามมาตรฐานของระดับราคา ทั้งพื้น Spc ผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบ ทาสี มีไฟดาวน์ไลท์ ได้ชุดครัวจาก HAFALE และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำครบจาก COTTO และมีแอร์ให้มาห้องละ 2-3 ตัวด้วยค่ะ โดยรูปแบบห้องจะเป็น Fully Fitted + เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวบางชิ้น ทำให้ประหยัดงบตกแต่งไปได้เยอะเลยค่ะ

การออกแบบ :

ออกแบบตัวอาคารโดยใช้เส้นสายและเลือกสีส้มและน้ำเงิน เพิ่มสีสันและความมีชีวิตชีวา เป็นคอนโด High Rise ได้วิวเปิดโล่ง มีจำนวนยูนิตน้อย ได้ความเป็นส่วนตัว สำหรับส่วนกลางมีมาให้ครบและออกแบบแบ่งเป็น Passive, Active และสวนสีเขียว แยกกันไปในแต่ละชั้น ใช้งานง่าย

มีรูปแบบห้อง 1 Bedroom กับ 1 Bedroom Plus ให้เลือกทั้งห้อง Simplex สูง 2.45 ม. กับ Duo Space (Loft) ที่ได้ฝ้าเพดานสูงสุด 4.2 ม. โดยจะเน้นไปที่ห้อง Duo Space เป็นหลัก ถือว่าหาได้ยากในโซนนี้ ประกอบกับคอนโดส่วนมากจะเป็น Loe Rise ส่วนคอนโด High Rise อื่น จะไม่มีห้องฝ้าเพดานสูงแบบนี้ ได้บรรยากาศในห้องโปร่งโล่งค่ะ จึงเป็นห้องไฮไลท์ของโครงการเลยค่ะ และโฉนดจะอิงตามไซซ์ห้อง แต่จะได้พื้นที่ใช้สอยตรงชั้นลอย (ที่ไม่ได้นับในโฉนด) เพิ่มขึ้นมาด้วยค่ะ สามารถอยู่อาศัย 1-2 คนได้สบายๆ ออกแบบแบ่งพื้นที่ในห้องได้เป็นสัดส่วน มีประตูกระจกกั้น ได้ครัวปิดและระเบียงในทุกยูนิต

สาธารณูปโภค :

ส่วนกลางของโครงการนี้มีมาให้ครบครันและจัดมาให้อย่างเหมาะสมตามมาตรฐานค่ะ โดยชั้น 1 จะเป็นพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อน พูดคุยและทำงาน ส่วนชั้น 9 และ 33-34 จะเป็นพื้นที่สวนสีเขียว และ Sky Facilities ในชั้น 35 สำหรับออกกำลังกายและสระว่ายน้ำ รวมถึง Lounge นั่งชมวิว ส่วนชั้น Rooftop สวนหย่อมที่สามารถขึ้นมาวิ่งหรือนั่งพักผ่อนได้ ข้อดีคือได้วิวมุมสูงเปิดโล่งรอบโครงการค่ะ


Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 115,000 บาท/ตร.ม., 24 ตุลาคม 2566

  • ทำเล 8.5/10 – ติดถนนศรีนครินทร์ เดินไป Foodland และ JAS Urban ได้สบายๆ
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – สามารถเดินทางเชื่อมต่อได้หลายเส้นทางทั้งเข้า-ออกเมือง
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ใกล้ MRT สถานีศรีด่านและศรีแบริ่งในระยะ 600 เมตร
  • วัสดุ 7.5/10 – ตกแต่งแบบ Fully Fitted + เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวบางชิ้น ซื้อเพิ่มอีกนิดหน่อยก็พร้อมเข้าอยู่เลย
  • แบบ 8.5/10 – ได้ครัวปิดและระเบียงทุกยูนิต ฟังก์ชันลงตัวเป็นสัดส่วน โดยเฉพาะห้อง Duo Space ฝ้าเพดานสูง ที่มีพื้นที่ชั้นลอยด้วย
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ออกแบบน่าใช้งาน มีให้ใช้ครบครัน พร้อมพื้นที่สีเขียวสอดแทรกในโครงการ 1.1 ไร่

  • MAIN CLASS
  • 8.05 / 10.00

Origin Plug & Play Srinakarin (ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ ศรีนครินทร์) เหมาะกับใคร

โครงการ Origin Plug & Play Srinakarin (ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ ศรีนครินทร์) เหมาะกับคนที่ต้องการคอนโดในย่านศรีนครินทร์ ที่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกทั้งทางรถและรถไฟฟ้า สามารถเดินไปห้างหรือ Community Mall ได้ง่าย เน้นคอนโดยูนิตน้อย ได้ความสงบ มีส่วนกลางที่ครบครัน และห้องพักอยู่ได้สบาย ทำอาหารก็สะดวก มีงบประมาณระดับ 2.59 – 4.69 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 15,500 – 32,800 บาท/เดือน


ส่งท้ายปีด้วยโปรโมชั่นคอนโดใกล้แนวรถไฟฟ้าและสินเชื่อพิเศษกับงาน Living Expo 2023 อย่าลังเลจนพลาดเป็นเจ้าของคอนโดราคาดีๆ

ลงทะเบียนรับฟรี หนังสือและโพย ที่จะพลิกทุกวิธีการหาบ้านเดิมๆให้ตรงใจและประหยัดเวลามากขึ้น

Living Expo 2023 วันที่ 23 – 26 พฤศจิกายน 2566 ชั้น 1 สยามพารากอน
ลงทะเบียนเลย คลิกที่นี่