Nue District R9 คอนโดใหม่ จาก โนเบิล ก่อนหน้านี้แบรนด์ Nue จะเป็นแบรนด์ที่สร้างในโซนชานเมืองใกล้รถไฟฟ้าสถานีส่วนต่อขยายเป็นส่วนใหญ่ แต่มาคราวนี้ Nue District R9 มาเปิดที่ทำเลใจกลางเมืองอย่างพระราม 9 เลย ซึ่งจุดที่น่าสนใจของที่นี่มีหลายเรื่องเลยค่ะ
- ทำเลใจกลางเมืองใกล้รถไฟฟ้า : ที่ตั้งโครงการจะอยู่ใกล้แยกพระราม 9 และใกล้กับ MRTพระราม 9 แต่จุดที่น่าสนใจและเด่นกว่าคอนโดอื่นๆ ที่เปิดในละแวกคือตำแหน่งที่อยู่ฝั่งเดียวกับทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้า ทำให้เดินสบายไม่ต้องข้ามทางม้าลาย และไม่ต้องรอสัญญาณไฟ ไม่ต้องกังวลเรื่องรถเฉี่ยวชนระหว่างข้ามถนนอีกด้วย
- Fully Furnished : โครงการนี้จะขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งแตกต่างจากโครงการอื่นๆ ในละแวกที่มักจะขายห้องเปล่าเป็นหลัก
- การออกแบบห้อง : แบรนด์ Nue จะเน้นห้องขนาดเล็กเพื่อให้ราคาห้องจับต้องได้ง่าย แต่ในการออกแบบผังห้อง ดีเทลการใช้งานต่างๆ ถือว่าทำได้ลงตัวและดูใหญ่กว่าจำนวนตร.ม. ที่เราเห็นอีกค่ะ โดยห้องที่น่าสนใจสำหรับเราจะเป็น 1 Bedroom Plus ขนาดประมาณ 34 ตร.ม. ที่ได้ห้องหน้ากว้างกว่า 8 เมตร ดูโปร่ง และใหญ่เลยทีเดียว
- พื้นที่ส่วนกลาง : จัดมาให้มากกว่า 50 ฟังก์ชัน กระจายตัวอยู่ทั้งภายในและภายนอกอาคารค่ะ โดยทั้งสองอาคารก็จะมีฟังก์ชันหลักๆ อย่าง Lobby สระว่ายน้ำ ฟิตเนสที่มีทั้งสองอาคาร และ ก็มีฟังก์ชันพิเศษที่น่าสนใจอีกเยอะที่ใช้ร่วมกันที่ชั้น 7 เช่น Co-kitchen, สตูดิโอถ่ายภาพ, สตูดิโออัดเสียง, ห้องสปา, ห้องซาลอน เป็นต้น
รายละเอียดอื่นๆ ของที่นี่จะเป็นอย่างไรบ้าง ไปอ่านรีวิวโครงการเต็มๆกันต่อได้เลยค่ะ
ข้อมูลโครงการ
Nue District R9 ณ วันที่ 10 May 2022
ชื่อโครงการ | Nue District R9 (นิว ดิสทริค อาร์ 9) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท พระราม 9 อัลไลแอนซ์ จำกัด |
SEGMENT CLASS | UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง |
ที่ดิน | 6 – 0 – 90.8 ไร่ |
ประเภทคอนโด | High Rise 2 อาคาร ; Tower R สูง 33 ชั้น, Tower 9 สูง 41 ชั้น และมี Podium สูง 7 ชั้นเป็นฐานของทั้ง 2 อาคาร |
จำนวนยูนิต | 1,441 ยูนิต และ ร้านค้า 1 ยูนิต แบ่งเป็น Tower R – 550 ยูนิต และ Tower 9 – 891 ยูนิต |
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด | Tower R – 19 ยูนิต, Tower 9 – 27 ยูนิต |
ที่จอดรถ | ประมาณ 600 คัน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของจำนวนยูนิตพักอาศัย |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2565 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2568 |
ประเภทห้องพัก | – 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26 ตร.ม. – 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 30.20 ตร.ม. – 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.80 ตร.ม. – 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 40.50 ตร.ม. – 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 46 ตร.ม. |
ราคาเริ่มต้น | 2.9 ล้านบาท (โปรโมชันเปิดตัวโครงการ) |
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ | ประมาณ 13x,xxx – 14x,xxx บาท/ตร.ม. |
EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) | ผ่านแล้ว |
เว็บไซต์โครงการ | https://www.noblehome.com/en/condominium/nue-district-R9 |
Call Center | 02-251-9955 |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.7560778 , 100.5653865
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
Nue District R9 ตั้งอยู่ระหว่างแยกพระราม 9 และแยกอ.ส.ม.ท. ถือว่าทำเลนี้เป็นทำเลใจกลางเมืองและสามารถนับได้ว่าเป็น CBD อีกแห่งของกรุงเทพฯ ก็ว่าได้ค่ะ
ในแง่การเดินทาง โซนพระราม 9 ถือว่าเดินทางได้สะดวกทั้งรถยนต์ส่วนตัว ใกล้ทางด่วน เชื่อมต่อถนนหลายเส้น เข้า-ออกเมืองได้ง่าย อีกทั้งยังมีรถไฟฟ้า MRT ให้ใช้บริการ เชื่อมต่อไปยัง Airport Rail Link และ BTS ได้ใน 1-2 สถานี แต่ด้วยความที่เป็นทำเลในเมือง ทำให้ในแง่การใช้รถส่วนตัวควรคำนึงเรื่องรถติดด้วยในวันทำงาน แต่ถ้าเป็นช่วงวันหยุดเรามองว่าการจราจรจะสบายๆ ค่ะ
ย่านพระราม 9 นับได้ว่าเป็น CBD ย่านหนึ่งในกรุงเทพฯ มีความหลากหลายเชิงพื้นที่สูง ทั้งสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา และโรงพยาบาล บวกกับความสะดวกในการเดินทาง ทำให้มีที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นหลายโครงการมากในโซนนี้ค่ะ ซึ่งคนที่เลือกอยู่ที่นี่ก็จะได้ทั้งความสะดวกสบายในการเดินทางและหาอาหารการกิน ของกินของใช้ได้ง่ายด้วย แต่จุดเด่นของ Nue District R9 คือคอนโดใกล้รถไฟฟ้าที่อยู่ฝั่งเดียวกับจุดขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้า MRT พระราม 9 เหมาะกับคนที่ใช้รถไฟฟ้าเดินทางไปเรียนหรือทำงานเป็นประจำ
บรรยากาศเส้นทางจาก MRT พระราม 9
Nue District R9 คือการที่เป็นโครงการใกล้รถไฟฟ้า เดินไปได้แบบที่ไม่ต้องข้ามถนน รอสัญญาณไฟแดงค่ะ โดยตัวโครงการจะอยู่ติดกับ Unilever House ซึ่งเป็นฝั่งเดียวกับ Central พระราม 9 เลย สามารถขึ้น MRT ออกมายังฝั่งตึง G Tower และเดินมาโครงการได้ เส้นทางเดินง่าย มีทางเท้าให้เดินสบาย ไม่เปลี่ยวเลยค่ะ
ออกจาก MRT มาจะเจอกับสี่แยกพระราม 9 ตัดกับดินแดง-รัชดา เราจะเห็นกลุ่มคอนโดหลายโครงการอยู่ที่แยกนี้นะคะ แต่จะอยู่อีกฝั่งที่เส้นทางเดินจะต้องข้ามถนนใหญ่ที่มีรถพลุกพล่าน
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
Nue District R9 ตั้งอยู่ติดกับถนนพระราม 9 โซนทางด้านหลังเซ็นทรัลพระราม 9 ระหว่าง Unilever house และคอนโดมิเนียม One9Five ตัวที่ดินจะมีหน้าแคบแต่ยาวลึกเข้าไป โดยตัวโครงการจะออกแบบเป็นอาคารสูง 2 ตึกเหมือนกับ One9Five แต่ก็จะออกแบบให้ตัว Tower อยู่เหลื่อมกันไม่ให้บังวิวซึ่งกันและกัน และไม่ให้หน้าห้องอยู่ในระยะประชิดกับอาคารข้างเคียงด้วยค่ะ
ที่ตั้งโครงการอยู่ติดกับถนนพระราม 9 เลย ปัจจุบันทางด้านหน้าเป็นสำนักงานขาย
ถ้าคอนโด Nue District R9 สร้างเสร็จน่าจะอยู่ระหว่าง Tower ของ One9Five ตามรูปนะคะ (ทั้งนี้ในรูปเกิดจากการคาดเดาของเรานะ สร้างจริงอาจจะไม่ตรงตามรูป 100%ค่ะ)
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ระบบขนส่งสาธารณะ
- MRT พระราม 9 ~ 220 m.
- Airport Rail Link มักกะสัน ~ 950 m.
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- จ๊อดแฟร์ ~ 120 m.
- Central พระราม 9 ~ 400 m.
- Fortune Town ~ 500 m.
- ตลาดรวมทรัพย์ ~ 1.6 km.
- Esplanade รัชดา ~ 1.6 km.
- The Street รัชดา ~ 2.0 km.
- Terminal 21 ~ 2.5 km.
สำนักงาน
- Unilever House ~ 20 m.
- G Tower ~ 220 m.
- The Ninth Towers ~ 400 m.
- True Tower ~ 1.0 km.
- ตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานใหญ่ ~ 1.2 km.
- AIA Capital Center ~ 1.3 km.
- GMM Tower ~ 1.7 km.
- CW Tower ~ 2 km.
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลผิวหนังอโศก ~ 850 m.
- โรงพยาบาลพระราม 9 ~ 750 m.
- โรงพยาบาลปิยะเวท ~ 1.6 km.
- โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ~ 3.2 km.
โรงเรียน
- โรงเรียนเซนต์ดอมินิก ~ 1.9 km.
- มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ~ 2 km.
- โรงเรียนนานาชาตินิสท์ ~ 4 km.
- โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ~ 3.6 km.
อื่นๆ
- สถานทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ~ 950 m.
- ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ~ 2.0 km.
- สยามนิรมิต ~ 2.3 km.
รายละเอียดโครงการ
Nue District R9 เป็นคอนโด High Rise ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 6 ไร่นิดๆ แบ่งออกเป็น 2 อาคาร รวมทั้งสิ้น 1,441 ยูนิต ทั้ง 2 อาคารจะมีชื่อเรียกว่า “Tower R” และ “Tower 9” โดย “Tower R” จะเป็นอาคารแรกที่ใกล้กับถนนพระราม 9 สูง 33 ชั้น มีห้องพักอาศัย 550 ยูนิต ส่วนอาคารที่อยู่ทางด้านหลังจะใช้ชื่อว่า “Tower 9” สูง 41 ชั้น รวม 891 ยูนิต โดยทั้ง 2 อาคารนี้จะมี Podium สูง 7 ชั้นเชื่อมต่อกันอยู่ค่ะ ตัว Tower R จะมีข้อดีตรงที่อยู่ใกล้ถนนใหญ่ เดินเข้า-ออกง่าย และมีจำนวนยูนิตน้อยกว่า ส่วน Tower 9 แม้จะอยู่ด้านใน จำนวนยูนิตเยอะกว่าก็จริง แต่ก็จะได้ความสงบที่มากขึ้นแทน
Nue District R9 ราคาเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท
ในส่วนของพื้นที่จอดรถ โครงการนี้จะเป็นที่จอดรถระบบปกติ (จอดเข้าซอง) โดยพื้นที่จอดรถหลักจะอยู่ที่ชั้น 2-6 ของ Tower 9 และส่วนที่เป็น Podium เชื่อมต่อระหว่างทั้ง 2 Tower จำนวนของที่จอดรถทั้งหมดจะอยู่ที่ 600 คัน หรือคิดเป็น 40% ของจำนวนยูนิตทั้งหมดค่ะ ถือว่าไม่สูงมาก แต่ด้วยทำเลที่ใกล้กับรถไฟฟ้าทำให้ Target ของที่นี่ส่วนใหญ่น่าจะใช้งานรถไฟฟ้าเป็นหลักด้วยค่ะ
การจัดฟังก์ชันใช้งาน ที่อาคาร R จะมีห้องพักอาศัยที่ชั้น 2-6 และ ชั้น 8-32 ส่วนอาคาร 9 จะมีห้องพักอาศัยที่ชั้น 8-40 ค่ะ // ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลาง หลักๆ จะอยู่ที่ชั้น 1 (Ground floor) ชั้น 7 และ ชั้นบนสุดของทั้ง 2 อาคาร โดยฟังก์ชันที่ชั้น 1 และชั้นบนสุดของแต่ละอาคารจะมีฟังก์ชันที่คล้ายกัน สามารถข้ามไปใช้อาคารตรงข้ามได้ ส่วนที่ชั้น 7 จะเป็นชั้นส่วนกลางยกชั้น ใช้ร่วมกันได้ ขึ้น-ลงลิฟต์จากอาคารตัวเองมาใช้ได้สะดวกค่ะ
เนื่องจากพื้นที่ส่วนกลางของโครงการนี้มีเยอะมาก เราขอสรุปไล่ทีละชั้นนะคะ
สิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งหมดประมาณ 8 ไร่
จุดเด่นของโครงการนี้นอกจากเรื่องทำเลใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้าตามที่บอกไปในหัวข้อทำเลแล้ว ยังมีเรื่องพื้นที่ส่วนกลางที่จัดมาหลากหลายฟังก์ชันทั้ง indoor และ outdoor รวมแล้วขนาดประมาณ 8 ไร่เลยค่ะ โดยค่าส่วนกลางจะอยู่ที่ 55 บาท/ตร.ม./เดือน หรือ ยูนิตละ 1,430 – 2,530 บาท/เดือน ซึ่งเรามองว่าไม่ได้สูงมากเท่าไหร่นะคะ เมื่อเทียบกับฟังก์ชันที่ได้มา
พื้นที่ส่วนกลางของทั้งสองอาคารจะถูกจัดไว้ที่ชั้น 1, ชั้น 7 และชั้นบนสุด+Rooftop ไม่ว่าจะอยู่อาคารไหน เราก็สามารถไปใช้งานส่วนกลางของอีกอาคารได้นะคะ แต่ว่าส่วนกลางหลักๆ อย่างเช่น Lobby, Fitness และสระว่ายน้ำจะมีแยกแต่ละอาคารให้ เผื่อใครไม่อยากเสียเวลาเปลี่ยนอาคารต่อลิฟต์ก็สามารถไปใช้งานยังอาคารที่ตัวเองอยู่ได้สะดวกเลยค่ะ โดยทางเชื่อมระหว่างอาคารนอกจากจะอยู่ที่ชั้น 1 แล้วก็จะมีชั้น 7 ที่ถือว่าเป็นชั้น Facility หลักของโครงการอีกชั้นด้วย บรรยากาศในการเดินเปลี่ยนอาคารก็ร่มรื่นขึ้นด้วย
เราลองมาสำรวจฟังก์ชันพื้นที่ส่วนกลางทีละชั้นกันค่ะ
Ground Floor [TowerR & Tower9]
ชั้น G : พื้นที่ประมาณ 7,100 ตร.ม. (open space 6,100 ตร.ม., interior & semi-outdoor 1,000 ตร.ม.)
ที่ชั้นล่างจะมีพื้นที่ส่วนกลางทั้ง indoor และ outdoor เลย เราขอพูดถึงพื้นที่สีเขียวกันก่อน หลักๆแล้วจะแบ่งออกเป็น 2 จุดคือทางด้านหน้าโครงการ และทางท้ายโครงการ
สวนหน้าโครงการ
สวนที่อยู่ทางด้านหน้าโครงการจะอยู่ระหว่าง Tower R ที่อยู่ด้านหน้า และถนนพระราม 9 ค่ะ เรามองว่าสวนตรงนี้จะพื้นที่คั่นกลางที่ทำให้คนที่เข้ามาภายในโครงการค่อยๆ ปรับอารมณ์ จากความพลุกพล่านจอแจใจกลางเมืองมายังบ้านซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อน
ถ้าดูจากภาพ perspective จะเห็นว่ามีการออกแบบ landscape ช่วยพรางพื้นที่ภายในเอาไว้ และมีแนวต้นไม่ใหญ่ช่วยกรองฝุ่น ควัน และเสียงจากการจราจรภายนอกได้ในระดับหนึ่งค่ะ
สวนด้านหลังโครงการ
ในส่วนของสวนที่อยู่ทางด้านหลังโครงการ พื้นที่ตรงนี้มีขนาดประมาณ 1 ไร่เลยทีเดียว เป็นสวนที่ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น สามารถมาใช้พักผ่อนหย่อนใจได้
เส้นทางเดินรถ
สำหรับการเดินรถภายในโครงการจะเป็นแบบ One way ค่ะ เมื่อเข้ามาจะวนขวา สามารถ drop-off ได้ที่ด้านข้างอาคารทั้ง Tower R และ Tower 9 หลังจากนั้นจึงสามารถวนรถอ้อมกลับไปอีกฝั่งเพื่อออกได้ค่ะ
ตำแหน่งของจุด Drop-off จะอยู่ทางด้านยาวของตัวอาคารค่ะ ซึ่งด้านหน้าอาคารก็จะมีพื้นที่จอดรถอยู่รอบๆด้วย โดยจะแบ่งเป็นจุดจอดรถสำหรับ EV Charger อยู่ประมาณ 10 ช่องจอดระหว่าง 2 Tower บริเวณหน้าห้องนิติฯ
Tower R
– Moon Lobby
– Mail room with smart locker
– Laundry Pick-up Room
– Delivery Pick-Up Room
ภายใน Tower R จะประกอบไปด้วย Lobby , Mail Room ของอาคาร และมีห้องน้ำให้บริการค่ะ ความพิเศษของ Tower R นี้คือจะมี Shop อยู่ 1 ยูนิต ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้ตกลงกันว่าจะเป็น Shop อะไรนะ
บรรยากาศภายใน Lobby ของอาคาร R พื้นที่ตรงนี้จะใช้ชื่อว่า Moon Lobby เราเลยจะเห็นจุดเด่นคือโคมไฟทรงกลมเหมือนพระจันทร์อยู่ตรงกลาง Lobby เลยค่ะ โดยพื้นที่ส่วนนี้จะมีความพิเศษคือผนังฝั่งตรงข้ามทางเข้าจะเป็นผนังกระจก ซึ่งเปิดมุมมองไปยังสวนด้านข้างที่ติดกับตัวอาคาร ทำให้ Lobby ของ Tower R นี้ได้บรรยากาศที่ร่มรื่น และโปร่งโล่งสบายไปในตัว
จาก Lobby เดินมาทางขวามือจะเป็นโถงลิฟต์และห้องน้ำกับ Mail Room ค่ะ ตัวผนังจะออกแบบให้เป็นคลื่นดูสวยงามดีนะคะ นอกจากนี้ก็จะมีการจัดพื้นที่นั่งเลียบไปกับแนวทางเดิน เผื่อใครมีแขกมาก็ให้นั่งรถที่บริเวณนี้ระหว่างที่รอเจ้าของห้องลงมารับได้ค่ะ
Tower 9
– Cloud Lobby
– Mail room with smart locker
– Laundry Pick-up Room
– Delivery Pick-Up Room
– Private Meeting Room
สำหรับฟังก์ชันภายในอาคารของ Tower 9 จะไม่แตกต่างจาก Tower R นะคะ แต่จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่ เช่น ขนาดพื้นที่ เนื่องจาก Tower 9 จะมีจำนวนยูนิตพักอาศัยเยอะกว่า ทำให้ขนาดของ Lobby ใหญ่กว่า และบรรยากาศภายใน Lobby จะเปิดโล่งอยู่เพียง 1 ฝั่ง ด้านที่ติดกับถนนทางเข้าค่ะ
บรรยากาศ Lobby ภายใน Tower 9 ตัวอาคารนี้จะเรียกพื้นที่ตรงนี้ว่า Cloud Lobby ค่ะ โดยรูปแบบการดีไซน์จะคล้ายกันเลย แต่จะมี Mode&Tone การเลือกสีวัสดุที่เข้มขึ้น บรรยากาศก็จะดูอบอุ่นขึ้นด้วยนะ
โดยอาคารนี้จะมีขนาดยาวกว่า เมื่อเข้ามาโถงลิฟต์จะมีอยู่ 2 ฝั่ง สามารถเดินไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อไปโถงลิฟต์ได้ค่ะ
การจัดวางภายในก็จะมีเฟอร์นิเจอร์จัดไว้หลากหลายชุดเลย สามารถนั่งพักผ่อน หรือจะใช้เป็นพื้นที่นัดเพื่อนมาทำธุระหรือคุยงานที่บริเวณนี้ได้เลย
อื่นๆ
- Reclined Garden
- Recreation Area
- Serene Park (with shades playground, Fit club)
- Juristic Person Office, ห้องเก็บพัสดุ
- EV Charger Station – 10 stations (บริเวณหน้าห้องนิติบุคคล)
7th Floor [TowerR & Tower9]
ชั้น 7 : พื้นที่ประมาณ 3,000 ตร.ม. (open space 1,400 ตร.ม., interior & semi-outdoor 1,600 ตร.ม.)
ที่ชั้น 7 จะเป็นชั้นด้านบนของ Podium อาคารพอดี เลยจัดมาเป็นพื้นที่ส่วนกลางแบบยกชั้นต่อเนื่องกันไปเลยทั้ง 2 อาคารค่ะ โดยฟังก์ชันของ Tower R ที่น่าสนใจก็เช่น Co-Kitchen ที่สามารถนัดเพื่อนมาจัดปาร์ตี้ทำอาหารกินกันเองได้ หรือจะเป็น Studio ถ่ายภาพ/อัดเสียง เอาใจคนขายของออนไลน์ หรือ ทำ Podcast, ทำคลิปก็สะดวก และยังมีห้อง Yoga+Pilates ที่แยกมาจากฟิตเนสอีกด้วยค่ะ ซึ่งทางฝั่งนี้จะมี Kids Club ที่แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่อยู่ภายในอาคารและเชื่อมไปยัง Playground ที่อยู่ด้านนอกอาคารได้
ระหว่างทั้ง 2 Tower จะห่างกันอยู่ 40.65 เมตร ซึ่งถูกออกแบบให้เป็นสวนขนาดใหญ่ มีแนวทางเดินแบบมีหลังคาปกคลุมอยู่ เผื่อฝนตกก็ยังสามารถเดินข้ามไปใช้พื้นที่ส่วนกลางที่อยู่อีกอาคารได้ค่ะ
ส่วน Tower 9 ฟังก์ชันหลักจะเป็น Co-working&Library ที่มีการออกแบบที่น่าสนใจคือจะมี Private focus room เป็นห้องส่วนตัวสำหรับคนที่ต้องการสมาธิในการทำงานหรืออ่านหนังสือสูง อยากได้ห้องเงียบๆ ก็มาใช้ตรงนี้ได้เลยค่ะ พื้นที่ส่วนนี้น่าจะตอบโจทย์เหล่าคนที่ Work From Home หรือเรียนออนไลน์ได้ดีเลยนะคะ นอกจากนี้ก็จะมีฟังก์ชันที่น่าสนใจอีก เช่น Games room, Golf simulator, workshop studio, Co-salon และ SPA room ที่เราสามารถติดต่อขอ Contact spa กับทางนิติบุคคลให้มานวดผ่อนคลายเราได้ที่คอนโดเลยค่ะ
โดยพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้นนี้ทั้งหมดทางโนเบิลจัดกลุ่มเอาไว้ให้เป็นโซนๆ ดังนี้
- Recreation Zone
– Mellow Co-kitchen
– Photography Studio
– Recording Studio
– Kids Club
– Art Hub - Recharge Zone
– Urban Yoga & Pilates
– Golf Simulator
– Cityscape Garden - Re-inspire Zone
– Synergy Space & Library
– Private Focus Room - Revive Zone
– Mingle Games Room(VR station, E-Sport, Pool Lounge, Board Game)
– Private Spa Room
– Styling Salon
– Recess Garden - Laundry room at Tower R & Tower 9
บรรยากาศภายใน Co-Kitchen & Co-Living ที่ใต้ Tower R บรรยากาศชวนผ่อนคลาย นัดเพื่อนมาทำอาหารกิน พูดคุยกันได้ที่ตรงนี้นะ
ส่วนบรรยากาศภายใน Co-working ก็จะมีมุมสำหรับนั่งทำงานหลากหลายจุด เลือกเปลี่ยนบรรยากาศได้ไม่ซ้ำเลยค่ะ
33rd Floor [TowerR]
ชั้น 33 : ที่ Tower R พื้นที่ประมาณ 755 ตร.ม. + สวน Rooftop 405 ตร.ม.
- Rising Pool : 5×25 m. Lap Pool with Jacuzzi, Kids Pool, Shallow Pool, the Spiral connect to roof garden
- Sky Fitness, Surf Studio, Steam Room
- Ivory Lounge
- Rooftop garden, sky bridge
ชั้น 33 จะเป็นชั้นบนสุดของ Tower R ค่ะ เป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งชั้น โดยจะแบ่งพื้นที่ Indoor ออกเป็น 2 ฝั่ง และมีสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลาง ตัวห้องฝั่งหนึ่งจะเป็นฟังก์ชันที่ Active อย่าง Fitness, Surf studio ส่วนอีกฝั่งจะเป็น Lounge สำหรับพักผ่อน ส่วนทางด้านบนหรือส่วนที่เป็น Rooftop นั้นจะออกแบบให้เป็นสวน โดยจะมี Sky bridge เชื่อมต่อทั้งสองฝั่งไว้ด้วยกัน
บรรยากาศภายในฟิตเนสค่ะ สามารถออกกำลังกายไป ชม City View ใจกลางพระราม 9 ได้
ส่วนสระว่ายน้ำก็จะมีตัวอาคารและ Sky bridge โอบล้อม ให้ตัวสระดูไม่เปลือยจนเกินไป สามารถมาว่ายน้ำตอนเย็นๆ ชมเมืองได้
ภายใน Lounge จะมีพื้นที่นั่งเล่นหลายจุด เป็นอีกส่วนที่สามารถมานั่งผ่อนคลายหลังจากเรียนหรือทำงานมาทั้งวันได้ค่ะ
41st Floor [Tower9]
ชั้น 41 : ที่ Tower 9 พื้นที่ประมาณ 1,045 ตร.ม. + สวน Rooftop 495 ตร.ม.
- Twilight Pool : 35 m. Swimming Pool with Jacuzzi, Kids Pool, Shallow Pool, 5×25 m. Lap Pool, The Sunken Pavilion
- Energy Club, Live Training Studio, Steam Room
- Indigo Lounge
- Panoramic roof garden, sky bridge
ที่ชั้นบนสุดของ Tower 9 จะจัดไว้เป็นพื้นที่ส่วนกลางแบบยกชั้น มีฟังก์ชันที่คล้ายคลึงกันไปกับ Tower R ค่ะ แต่ด้วยขนาดของแต่ละฟังก์ชันอาจจะมีพื้นที่ใหญ่ขึ้นไปตามสัดส่วนห้องพักอาศัยของอาคารนี้ที่มีมากกว่าด้วย
บรรยากาศภายในห้อง Fitness ค่ะ ดูมีเครื่องเล่นหลากหลายอยู่นะคะ เผลอๆ เราไม่ต้องสมัครฟิตเนสที่อื่นแล้ว มาใช้งานที่คอนโดแทนคุ้มค่าส่วนกลางดีค่ะ
ตัวสระว่ายน้ำจะยาว 25 เมตร เป็นระยะที่สามารถมาใช้งานออกกำลังกายได้ค่ะ
บรรยากาศภายใน Sky Lounge เป็นอีกพื้นที่ที่เราสามารถหยิบ laptop ขึ้นมานั่งทำงาน หรือจะหยิบหนังสือมานั่งอ่าน หยิบ Tablet ขึ้นมานั่งดูซีรีส์เปลี่ยนบรรยากาศจากภายในห้องได้
บรรยากาศอีกมุมหนึ่งของ Sky Lounge ที่ Tower 9 ค่ะ
ระบบรักษาความปลอดภัย
- 24 HOURS SECURITY OFFICER & CCTV
- Key card & Face scan control
- เข้าตึก ระบบ Face Scan
- เข้า Lift ระบบ KEY CARD
ผังชั้นพักอาศัย Tower R
Tower R ที่อยู่ด้านหน้าตำแหน่งของห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 2 เลยค่ะ โดยชั้น 2-6 ผังจะเหมือนกัน มี 15 ยูนิต/ชั้น โดยห้องขนาดใหญ่จะหันไปทางด้านหน้า ในโซนนี้จะเป็นโซนราคาเริ่มต้นของโครงการ เนื่องมาจากยังเป็นชั้นล่างๆด้วย ห้องที่อยู่ด้านหน้าอาจจะได้ยินเสียงจอแจของถนนพระราม 9 อยู่ ส่วนห้องทางด้านข้างก็จะติดกับอาคาร Unilever House ทำให้ไม่เห็นวิวเช่นกันค่ะ เหมาะกับคนที่ซื้อลงทุน ไม่ได้อยู่เอง หรือว่าคนที่อยู่เองอยากได้ห้องราคาดี ไม่สนใจเรื่องวิวนะคะ
Tower R ผังชั้น 8-19
Typical Floor Plan จะอยู่ที่ชั้น 8-32 ค่ะ โดยรวมผังจะคล้ายกัน คือจะวางห้องขนาดใหญ่ไว้ที่ด้านหน้าหรือว่าด้านหลัง (ปีกของตัวU ที่เป็นผังอาคาร) จุดที่แตกต่างคือที่ชั้น 20-32 จะมียูนิต 1 Bedroom 30.20 ตร.ม.เพิ่มขึ้น หันไปทางถนนรัชดาภิเษกค่ะ สำหรับคนที่อยากได้ห้องที่เห็นวิวกว้าง ทางโครงการแนะนำห้องที่อยู่ชั้น 18 ขึ้นไป น่าจะเป็นชั้นที่พ้นอาคาร Unilever ที่อยู่ติดกันไปแล้วนะ ส่วนชั้นที่น่าจะพ้นอาคาร G Tower และ Central พระราม 9 จะเป็นชั้นที่ 25 ขึ้นไปโดยประมาณค่ะ
สำหรับใครที่ห้อง 2 Bedroom 46 ตร.ม.ขนาดยังไม่ใหญ่พอ สามารถเลือก 2 ยูนิตมา Combine กันได้ค่ะ โดยตำแหน่งห้องที่สามารถรวมกันได้ก็จะตามที่เราวงไว้ให้ด้านบนเลยนะ แต่ถ้าอยากได้ห้องที่ Combine ก็อาจจะต้องรีบไปติดต่อกับทางโครงการก่อนที่จะก่อสร้างกั้นห้อง และอาจจะต้องรอเปิดล็อตใหม่ชั้นใหม่ ในกรณีที่ชั้นที่เปิดขาย ตำแหน่งห้องที่คู่กันถูกขายไปเรียบร้อยแล้วค่ะ
วิธีนี้ก็เหมาะกับคนที่อยากได้บ้านใจกลางเมืองนะคะ พอซื้อ 2 ห้องรวมกันขนาดก็ถือว่าอยู่เป็นครอบครัวได้สบาย เดินทางสะดวก และมี Facility ให้ใช้งานครบครันด้วย
ผังชั้นพักอาศัย Tower 9
Tower 9 ชั้น 8-19
สำหรับ Tower 9 ห้องพักอาศัยจะอยู่ที่ชั้น 8-40 ค่ะ โดยจะมีอยู่ 27 ยูนิตต่อชั้น แต่ว่าสัดส่วนลิฟต์โดยสารที่มีก็จะเพิ่มขึ้นด้วย โดยอาคารนี้จะได้ลิฟต์โดยสารทั้งหมด 5 ตัว แบ่งเป็นสองฝั่ง ห้องใครใกล้ฝั่งไหนก็ใช้ฝั่งนั้นได้เลยนะ
ส่วนการวางตำแหน่งห้อง ห้องขนาดใหญ่จะจัดไว้ที่ปีกอาคารเป็นหลักเหมือนเดิม ส่วนห้อง 1 Bedroom จะอยู่ตรงกลางนะ โดยห้องที่น่าสนใจสำหรับเราจะเป็นตำแหน่ง A1 และ A19 ห้อง 1 Bedroom ที่อยู่มุมอาคาร ผนังไม่ติดใคร ได้ความเป็นส่วนตัวดีค่ะ
ส่วนใครที่อยากได้ห้องแบบ Combine ตำแหน่งที่สามารถซื้อรวมยูนิตได้จะตามที่เราวงไว้ให้ดูเลยค่ะ
แบบห้อง
โครงการ Nue District R9 จะมีแบบห้องให้เลือกถึง 5 แบบ รายละเอียดดังนี้
- 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26 ตร.ม.
- 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 30.20 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.80 ตร.ม.
- 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 40.50 ตร.ม.
- 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 46 ตร.ม.
Nue District R9 ราคาเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท
จุดที่น่าสนใจในเรื่องของห้องพักอาศัยสำหรับเราคือ
- รูปแบบการขาย Fully Furnished : โครงการในโซนนี้ส่วนใหญ่รูปแบบของห้องที่ขายจะเป็นแบบห้องเปล่าค่ะ แต่ว่าโครงการ Nue District R9 นี้ จะขายห้องพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ ทั้ง Built-in และ เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ข้อดีของห้องพร้อมเฟอร์ก็เช่น ในกรณีที่ห้องมีขนาดเล็ก การจะหาเฟอร์นิเจอร์ที่พอดีกันขนาดห้องก็เป็นเรื่องที่ชวนปวดหัวอยู่เหมือนกัน ไหนจะการเลือกแต่ละชิ้นให้ดีไซน์เข้ากันอีก การที่มีเฟอร์นิเจอร์ให้มาก็จะช่วยคุมโทนของห้องได้ และก็ช่วยประหยัดเวลาอีกด้วยค่ะ
- ห้องไซส์เล็กที่ฟังก์ชันดี : สำหรับรูปแบบห้องของแบรนด์ Nue จาก Noble นี่เราต้องขอชื่นชมนะ เรื่องการทำห้องขนาดเล็กให้น่าอยู่ ทั้งห้อง 1 Bedroom เองและห้อง 2 Bedroom ค่ะ ถ้าเราได้ไปดูบรรยากาศภายในห้องตัวอย่างเราจะไม่รู้สึกว่าห้องนี้แค่ 26 ตร.ม. หรือห้องนี้เป็นห้อง 2 Bedroom 46 ตร.ม.เลย เนื่องจากการที่ทางโนเบิลออกแบบห้องทุกยูนิตให้เป็นห้องหน้ากว้าง ห้องนอนจะได้เป็นห้องปิดแยกเป็นสัดส่วน ทำให้อย่างน้อยเรามีฟังก์ชันของห้องนั่งเล่นแยกออกจากตัวห้องนอน ให้ความรู้สึกได้พื้นที่หลายส่วน มีมุมส่วนตัวมากขึ้นค่ะ
นอกจากนี้การที่ห้องขนาดเล็กก็จะช่วยเรื่องค่าส่วนกลางที่น้อยลงไปด้วย อย่างห้องขนาด 26 ตร.ม. คิดดูแล้วก็จะเสียค่าส่วนกลางอยู่ที่ 1,4xx บาท/เดือนเท่านั้นค่ะ - ตัวเลือกห้องแบบ Combine : ด้วย Timeline ของโครงการที่กำลังจะเริ่มก่อสร้าง ทำให้ทางโนเบิลมี Option ให้เลือกสำหรับคนที่อยากได้ห้องขนาดใหญ่ค่ะ โดยเราสามารถซื้อ 2 ยูนิตรวมกันให้เป็นห้องใหญ่ 1 ห้องเลยก็ได้ เหมาะสำหรับคนที่ตัดสินใจซื้อคอนโดแทนบ้าน ตัดสินใจแล้วว่าอยากอยู่ทำเลใจกลางเมือง มีส่วนกลางให้ใช้พร้อม เดินทางสะดวก ตัวเลือกแบบนี้ถือว่าตอบโจทย์เลยนะคะ โดยตำแหน่งห้องที่สามารถ combine รวมกันได้จะมีตามที่เราวงให้ดูด้านล่าง แต่ทั้งนี้ถ้าสนใจก็อาจจะต้องไปถามกับที่สำนักงานขายอีกครั้งเพื่อความชัวร์นะ
Combine unit ที่ Tower R
ภายในสำนักงานขายจะจัดห้องตัวอย่างให้ดูทั้งหมด 4 แบบค่ะ แต่ในรีวิวนี้เราจะเน้นรีวิวละเอียดไปที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 26 ตร.ม. และ 1 Bedroom ขนาด 30.20 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้อง 2 แบบที่สัดส่วนเยอะที่สุดภายในโครงการ แต่ว่าห้องอีก 2 แบบก็มีการจัดผังที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เราเลยจัดเป็น Gallery ต่อท้ายทางด้านล่างนะคะ บรรยากาศภายในห้องเป็นอย่างไร ก่อนที่จะไปดูเรามาดูวัสดุที่ได้ภายในห้องกันก่อนดีกว่า
รายการวัสดุภายในห้อง
- รูปแบบการขาย Fully Furnished (จำนวนเฟอร์นิเจอร์และดีไซน์ขึ้นอยู่กับรูปแบบห้อง)
- Digital Door Lock
- พื้นห้อง Laminate หนา 12 มม.
- ผนังและฝ้าเพดาน ฉาบเรียบทาสี
- ไฟดาวน์ไลท์
- Top ครัวและผนัง Backsplash หินควอตซ์
- เตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควันแบบดูดออกนอกอาคาร และ อ่างล้างจานของ Hafele
- สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ nahm และ kohler
- เครื่องปรับอากาศ (ขนาดและจำนวนขึ้นอยู่กับรูปแบบห้อง)
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
1 Bedroom 26 sq.m.
ห้องตัวอย่างแรกที่จะพาไปชมกันเป็นห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการค่ะ 1 Bedroom 26 ตร.ม. จุดที่น่าสนใจของห้องนี้คือเป็นห้องหน้ากว้าง ทำให้ฟังก์ชันพักผ่อนอย่างห้องนอนจะแยกจากห้องนั่งเล่น+กินข้าว เป็นห้องขนาดเล็กที่ได้ฟังก์ชันใช้งานที่ครบ และมีระยะการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่ทำให้ใช้งานได้สะดวก ไม่รู้สึกว่ามีจุดไหนที่แคบใช้งานได้ยาก สามารถอยู่อาศัย 1-2 คนได้แบบสบายๆ
ภายในห้องก็จะได้เฟอร์นิเจอร์หลักครบเลย มีชั้นวางรองเท้า โต๊ะกินข้าวแบบ 2 ที่นั่ง โซฟา ชั้นวางทีวี ฐานเตียง โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า พร้อมกับครัวและสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ โดยราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 2.9 ล้านบาท (ในชั้นล่างๆ อาจจะอยู่ที่ 3 ล้านบาทต้นๆค่ะ)
เริ่มจากทางเข้ากัน ประตูห้องจะมี Digital Door Lock ให้มาค่ะ ระหว่างพื้นภายในห้องและทางเดินหน้าห้องจะมีธรณีประตูอยู่ วัสดุเป็นหินควอตซ์ กันสิ่งสกปรกจากภายนอกไม่ให้เข้ามาภายในห้องเราได้
เข้ามาภายใน ส่วนนี้จะมีหน้ากว้าง 2.8 เมตร ลึกประมาณ 4.35 เมตร ระดับความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.6 เมตร (กำลังดีเลยค่ะ ไม่เตี้ยและไม่สูงไป) โดยวัสดุภายในห้องเราจะได้พื้นลามิเนตทั้งห้องเลย ผนังฉาบเรียบทาสีขาว ไฟดาวน์ไลท์
ส่วนแรกที่ติดกับประตูจะเป็นฟังก์ชันครัว โดยจะมีมุมสำหรับโต๊ะกินข้าวอยู่ฝั่งตรงข้าม
ครัวที่นี่จะได้เป็นครัวเปิดนะคะ อาจจะต้องระวังเรื่องกลิ่น-ควันกันสักหน่อยเวลาทำอาหาร ถึงแม้ว่าโครงการจะให้เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันแบบต่อท่อออกนอกอาคารแล้ว เรามองว่าเปิดประตูบริเวณระเบียงเพื่อช่วยถ่ายเท และ ระบายอากาศเพิ่มก็ดีเหมือนกันค่ะ
ชุดครัวที่ได้จะมีเคาน์เตอร์ ตู้เก็บของด้านบนและชั้นใต้เคาน์เตอร์แบบที่เห็นเลยค่ะ มีช่องสำหรับวางไมโครเวฟอยู่ด้านล่าง และมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นอยู่ด้วย
โดย Top ของเคาน์เตอร์ครัว และ ผนังทางด้านหลัง (Back splash)จะติดหินควอตซ์มาให้ เป็นวัสดุที่ทนต่อรอยขีดข่วนสารเคมี และยังทำความสะอาดได้ง่ายค่ะ
ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นมุมสำหรับกินข้าวค่ะ เราจะได้ชุดโต๊ะกินข้าวกับเก้าอี้ 2 ที่นั่ง แบบเดียวกับที่เห็นเลย
ตรงผนังฝั่งประตูจะมีชั้นวางรองเท้าให้มาด้วยค่ะ เป็นอีกฟังก์ชันที่ขาดไม่ได้เลย เข้าห้องมาถอดรองเท้าเก็บได้เรียบร้อย ด้านบนตู้ก็สามารถวางของได้ อาจจะเป็นที่เก็บจดหมาย กุญแจต่างๆ หรือจะวางเครื่องหอม ดอกไม้ สร้างบรรยากาศสดชื่นให้กับเราเองก็ได้ เปิดประตูกลับบ้านมาจะได้สดใสด้วยค่ะ
หน้าตาของชุดโต๊ะกินข้าวจะได้แบบที่เห็นเลยค่ะ ระยะกว้างกำลังดี เลื่อนเก้าอี้เข้า-ออกเพื่อใช้งานได้สบาย
ติดกับพื้นที่กินข้าวจะเป็นตำแหน่งโซฟาห้องค่ะ
มุมพักผ่อนตรงนี้จะอยู่ติดกับระเบียงห้องเลย เป็นมุมด้านในที่ดูเป็นส่วนตัว และก็ดูโปร่งในขณะเดียวกัน
เราจะได้โซฟาขนาด 2 ที่นั่งและโต๊ะหน้าโซฟาแบบในห้องตัวอย่างเลยค่ะ
ฝั่งตรงข้ามกับโซฟาก็จะมีชั้นวางทีวีให้มา ขนาดพอดีกับแนวผนังห้อง
ชั้นวางทีวีที่ได้หน้าตาแบบนี้ จะเห็นว่าดีไซน์ของเฟอร์นิเจอร์ที่ได้ต่างๆ จะดูเข้ากัน นี่ก็เป็นข้อดีของห้องที่ขายแบบ Fully Furnished ค่ะ
ประตูออกไปยังระเบียงจะได้เป็นประตูบานเลื่อนกระจก 2 ตอนนะ ถ้าสังเกตดูจะเห็นว่าความกว้างประตูจะไม่ได้กว้างเท่ากับความกว้างของห้องค่ะ จะมีแนวผนังนิดหน่อยทางขวามือ(ตรงกับแนวของชั้นวางทีวีพอดี) ผนังส่วนนี้ก็จะช่วยบัง CDU แอร์ที่เราวางไว้ที่ระเบียงด้วย เวลาเราพักผ่อนภายในห้องมองออกไปก็จะดูเรียบร้อยสวยงาม
สำหรับระเบียงของห้องนี้จะกว้างประมาณ 90 ซม. ค่ะ เนื่องจากภายในห้องจะไม่มีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า ตัวเครื่องจึงอาจจะต้องมาวางไว้ที่ระเบียงแทน
ตำแหน่งของเครื่องซักผ้าก็จะอยู่ตรงที่เป็นผนังเลยค่ะ โดยจะมีการเดินระบบไฟฟ้า ประปาเอาไว้ให้ เผื่อติดตั้งเครื่องซักผ้าไว้แล้ว (ส่วน CDU แอร์ก็แขวนไว้ทางด้านบนแทนนะ)
นี่ก็เป็นพื้นที่ครึ่งแรกของห้องแบบนี้ค่ะ
ห้องนอน
ตัวห้องนอนที่ได้จะเป็นห้องนอนปิดแยกเป็นสัดส่วนไปค่ะ เวลาที่อยู่กัน 2 คน คนหนึ่งอยากดูทีวี อีกคนจะนอนก็ไม่รบกวนกันนะ
เข้ามาภายในห้องนอนจะมีหน้ากว้าง 2.7 ลึก 3.85 เมตร จะมีเตียง Queensize ขนาด 5 ฟุตให้มา และได้โต๊ะข้างหัวเตียง พร้อมกับโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าค่ะ
หน้าต่างภายในห้องนอนก็ได้กระจกบานใหญ่เลย ช่วยให้ภายในห้องดูโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น
ระยะข้างๆเตียงสามารถเดินได้แบบพอดีเลยค่ะ ฝั่งที่ติดกับหน้าต่างก็เว้นที่ไว้เล็กน้อยเผื่อรางม่าน ส่วนปลายเตียงก็ไม่ควรจัดเฟอร์นิเจอร์อะไรเพิ่ม เหลือเป็นแนวทางเดินแบบในห้องตัวอย่าง
ฝั่งหน้าห้องน้ำจะเป็นตำแหน่งของตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ
โต๊ะเครื่องแป้งที่ให้มาถือว่าขนาดแบบไซส์มินิก็ว่าได้ค่ะ ขนาดจะพอดีกับระยะประตูบานเปิดสวิงของตู้เสื้อผ้าที่อยู่ด้านข้างพอดี
พอเปิดประตูตู้เสื้อผ้าจะเป็นแบบในภาพเลย โต๊ะเครื่องแป้งจะไม่ขวางทางเกะกะ ภายในตู้ก็มีพื้นที่เก็บเสื้อผ้า ด้านบนก็เก็บพวกกระเป๋าเดินทางใบเล็กได้ หน้าบานก็มีบานนึงเป็นกระจกเงา เหมาะกับการแต่งตัว
หน้าห้องน้ำมีพื้นที่เล็กๆ เรามองว่าฝั่งที่วางต้นไม้เราอาจจะแทนที่ด้วยตะกร้าผ้าก็ได้นะคะ หรือว่าบริเวณผนังก็อาจจะหาฮุกมาติด เอาไว้เป็นพื้นที่สำหรับแขวนกระเป๋าต่างๆ ก็ได้
มาดูภายในห้องน้ำกัน ด้านในจะได้แบบที่เห็นเลยยกเว้นไฟที่ติดหลังกระจกเงานะ ในห้องจริงกระจกเงาจะติดชิดผนังค่ะ
พื้นที่ภายในจะแยกส่วนเปียก-แห้งเอาไว้ให้ เวลาใช้งานอาบน้ำ น้ำก็จะได้ไม่กระเด็นเลอะเทอะออกมาด้านนอก
อ่างล้างหน้ามีชั้นวางของใต้อ่าง และมีขอบอ่างเล็กๆ เอาไว้วางอุปกรณ์แปรงฟัน ล้างมือได้
เป็นห้องขนาดเริ่มต้นที่เรามองว่าสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้แบบสบายๆ และได้ความเป็นส่วนตัวด้วยนะคะ
1 Bedroom 30.20 sq.m.
ห้องตัวอย่างต่อมาเป็นห้อง 1 Bedroom ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 30.20 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 3.7x ล้านบาท ราคาที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 5 แสนบาทจากห้องแบบเริ่มต้นเราจะได้อะไรที่แตกต่างไปบ้าง เรามาวิเคราะห์กันดูค่ะ
- ครัวปิด ห้อง Type นี้เป็นห้องแบบเดียวในโครงการที่ได้ห้องครัวปิดค่ะ แถมอยู่ตำแหน่งชิดกับระเบียงห้องด้วย เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารนะคะ เพราะถ้าเราเปิดประตูระเบียง ก็ช่วยระบายอากาศ กลิ่น ควัน จากการทำอาหารได้ง่าย และ มีประตูกั้นไม่ให้กลิ่น ควันจากการประกอบอาหารลอยฟุ้งไปยังพื้นที่นั่งเล่น ดูทีวีของเราด้วยค่ะ
- Walk-in Closet เนื่องจากรูปแบบห้องที่ลึกมากขึ้น ทำให้ภายในห้องนอนมีพื้นที่เยอะขึ้น บริเวณหน้าห้องน้ำจึงสามารถจัดวางตู้เสื้อผ้าเอาไว้ได้สองฝั่ง เหมือนได้ Walk-in closet ภายในห้องด้วยค่ะ น่าจะถูกใจคนที่ชอบแต่งตัวนะคะ
เริ่มต้นกันที่ทางเข้าค่ะ ประตูทางเข้าจะให้ Digital Door lock มาหน้าตาแบบนี้นะ
เข้ามาภายในห้องส่วนแรกจะเป็นโซนนั่งเล่น พักผ่อนค่ะ หน้ากว้างห้องส่วนนี้อยู่ที่ 2.80 เมตร และตัวห้องลึก 3.75 เมตรค่ะ ส่วนวัสดุกับเฟอร์นิเจอร์จะได้ชิ้นหลักๆ มาครบเหมือนกับห้องแรกที่พาไปดูเลยค่ะ
พื้นที่นั่งเล่น/รับแขกตรงนี้จะอยู่ใกล้ประตู ซึ่งจะห่างจากหน้าต่างและระเบียงค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบดูทีวีอยู่นะ เพราะห้องจะมืดขึ้น และไม่ต้องกังวลกับแสงสะท้อนด้วย
ตรงนี้เหมาะกับการวางโซฟาแบบ 2 ที่นั่ง เป็นมุมพักผ่อน
ในส่วนชั้นวางรองเท้าห้องนี้เราจะได้ Built-in ตู้เก็บของสูงชนผนังด้านบนแบบนี้เลย บานด้านล่างสามารถเก็บรองเท้าได้ ตรงกลางก็วางกุญแจ จดหมาย ของตกแต่ง ส่วนชั้นด้านบนก็เป็นที่เก็บของค่ะ
ส่วนชั้นวางทีวีเราจะได้แบบที่เห็นในห้องแรกนะคะ ห้องตัวอย่างนี้ตกแต่งเป็นดีไซน์อื่นๆให้ดูเป็นไอเดียนะ
ขยับเข้ามาตรงกลางห้องจะเป็นพื้นที่สำหรับกินข้าวค่ะ
ตรงนี้จะได้ชุดโต๊ะกินข้าวขนาด 2 ที่นั่ง (ดีไซน์เหมือนห้องแรกที่ไปดู) แต่ด้วยขนาดพื้นที่ห้องแล้วเรามองว่าถ้าใครอยากจะเปลี่ยนเป็นโต๊ะเหลี่ยมที่ใหญ่ขึ้นก็พอไหวนะ เผื่อใช้โต๊ะตัวนี้เป็นโต๊ะทำงานไปในตัว
เข้าไปด้านในสุดจะเป็นห้องครัวค่ะ โดยจะมีประตูบานเลื่อน 3 ตอนกั้นอยู่ (ดีไซน์ประตูจะไม่ใช่แบบที่เห็นนะคะ)
พื้นที่ครัวด้านในจะแบ่งเป็นสองฝั่งค่ะ
ทางซ้ายมือจะเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น โดยจะมีชั้นวางของด้านบนและล่างให้มาด้วย เก็บอุปกรณ์ครัว และของใช้ที่ซื้อมาตุนได้
จุดที่เราชอบจะเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆข้างตู้เย็นค่ะ
ส่วนเคาน์เตอร์ทางขวามือจะเป็นครัวหลักของเราค่ะ มีเตาไฟฟ้าให้มา อ่างล้างจาน ของ Hafele ชั้นวางของด้านบน-ล่างแบบในภาพเลย สามารถวางไมโครเวฟไว้ด้านล่างได้
ตัว Top เคาน์เตอร์และผนังด้านหลังที่เป็น Backsplash จะได้เป็นหินควอตซ์ค่ะ
ส่วนระเบียงจะกว้างราวๆ 90 ซม.ค่ะ เป็นระเบียงใช้งาน เอาไว้วางเครื่องซักผ้า และ CDU แอร์ได้
ห้องนอน
สำหรับห้องนอนเราก็ยังได้ห้องที่แยกไปอีกฝั่ง เป็นสัดส่วนได้ความเป็นส่วนตัวดีนะคะ โดยขนาดห้องจะมีหน้ากว้าง 2.7 เมตร และลึกจากหน้าต่างไปยังผนังหน้าห้องน้ำ 4.65 เมตรเลย โดยความลึกที่มากขึ้นทำให้มีพื้นที่แต่ละฟังก์ชันที่กว้างขึ้นด้วยค่ะ
ห้องนี้ก็ยังได้หน้าต่างกระจกบานใหญ่ เพิ่มแสงสว่างให้ภายในห้อง และช่วยทำให้ห้องดูโปร่งขึ้นด้วย
ส่วนพื้นที่หน้าห้องน้ำจะเป็นมุมสำหรับแต่งตัว เป็นเหมือน Walk-in closet ส่วนตัวในห้องนอนเรา
ข้างตู้เสื้อผ้าฝั่งหัวเตียงเราจะได้มุมสำหรับแต่งตัว วางโต๊ะเครื่องแป้งได้ โดยดีไซน์ของโต๊ะเครื่องแป้งจะไม่เหมือนในภาพนะคะ แต่จะเป็นดีไซน์เดียวกับห้องตัวอย่างที่เราไปดูเป็นห้องแรก
พื้นที่แต่งตัวจะมีตู้อยู่สองฝั่งเลย ใครที่อยู่กันเป็นคู่ก็แยกคนละฝั่งได้เลย สะดวกดีค่ะ
มาดูในห้องน้ำกันค่ะ ภายในห้องน้ำจะแยกพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งมาให้ ใช้งานได้สะดวก โทนสีขาวครีมดูเรียบหรู
พื้นที่อาบน้ำจะได้ฉากกั้นกระจกด้วย และมีพื้นที่ด้านข้างอ่างล้างหน้าเป็นช่องเล็กๆ วางข้าวของตกแต่ง หรือ ของใช้ได้ค่ะ โดยภายในห้องน้ำจะได้แบบที่เห็นในห้องตัวอย่างหมดเลย ยกเว้นของตกแต่งและไฟที่อยู่ด้านหลังกระจกเงานะ
อ่างล้างหน้าจะมีพื้นที่เก็บของด้านใต้อ่างด้วยค่ะ
ห้องนอนนี้เรามองว่าเป็นห้องที่มีการจัดแปลนดี เลือกซื้ออยู่เองก็ถือว่าเป็นห้องที่เอื้อกับการใช้ชีวิตนะคะ ทั้งห้องที่ได้ครัวปิด มีพื้นที่เก็บของเยอะ ได้ Walk-in closet อีกด้วย
1 Bedroom Plus 34.80 sq.m.
ห้องแบบต่อมาเป็นห้อง 1 Bedroom Plus ที่ถือว่าขายดีมากในโครงการนี้ค่ะ เนื่องมาจากว่าห้องนี้เป็นห้องหน้ากว้าง ห้องนอนก็แยกเป็นสัดส่วน มีมุมนั่งเล่นดูทีวีชิดระเบียงเป็นมุมดูส่วนตัว ได้ห้องอเนกประสงค์ที่จะปรับเป็นห้องนอนก็ได้หรือว่าจะเป็นห้องทำงานก็ดี และก็ได้ชุดโต๊ะกินข้าว+island เคาน์เตอร์กลางบ้านขนาดใหญ่ ไม่ต่างจากฟังก์ชัน Pantry ในบ้านระดับ Luxury เลยค่ะ ห้องนี้จึงเป็นที่นิยมมาก วันที่เราไปเพิ่งจะเปิดขาย Lot ใหม่ก็เหลือขายเพียง 1 ยูนิตเท่านั้น ส่วนราคาเริ่มต้นห้องนี้จะอยู่ที่ 4.8 ล้านบาทค่ะ
บรรยากาศภายในห้อง 1 Bedroom Plus ดูแล้วห้องมีขนาดใหญ่มาก
2 Bedroom 46 sq.m.
ห้องตัวอย่างห้องสุดท้ายที่จัดไว้ให้ชมภายในสำนักงานขายจะเป็นห้องขนาดใหญ่สุด 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 46 ตร.ม. ตัวพื้นที่อาจจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ภายในจะจัดออกมาดูไม่เล็กอย่างที่คิดค่ะ ทุกฟังก์ชันขนาดพอเหมาะอยู่กันเป็นครอบครัวได้สบาย สำหรับห้องนี้ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 5.98 ล้านบาท
เข้ามาจะอยู่ตรงกลางห้องเป็นส่วน Common area
แบบแปลน
1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26 ตร.ม.
ในตอนต้นเราได้พาทุกคนไปดูห้องมาทั้งหมด 4 แบบ แต่ในผังที่ขายจะมีห้องให้เลือกอยู่ 5 แบบนะ จุดที่น่าสนใจคือ ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.80 ตร.ม. กับห้อง 2 Bedroom ขนาด 40.50 ตร.ม.นั้นจะมีการจัดวางตำแหน่งฟังก์ชันห้องเหมือนกัน เพียงแต่ตัวห้องนอนที่ 2 หรือว่าห้องอเนกประสงค์จะมีขนาดไม่เท่ากันค่ะ โดยห้องอเนกประสงค์ภายใน 1 Bedroom plus มีขนาดไม่ถึงเกณฑ์ขนาดของห้องนอนตามที่กฎหมายระบุไว้ค่ะ (ในเชิงกฎหมาย กำหนดว่าห้องนอนจะต้องเป็นห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยภายในมากกว่า 8 ตร.ม. และมีด้านแคบของห้องไม่น้อยกว่า 2.5 เมตรค่ะ) แต่ในการจัดฟังก์ชันการใช้งานจริงสามารถจัดเป็นห้องนอนได้นะ
ราคา
Nue District R9 ราคา ณ วันที่ 10 May 2022
- 1 Bedroom ชั้น 4 ขนาด 26 ตร.ม. ราคา 3 ล้านบาท หรือประมาณ 115,xxx บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom ขนาด 30.20 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.7x ล้านบาท หรือประมาณ 122,xxx บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus ชั้น 4 ขนาด 34.80 ตร.ม. ราคา 4.8 ล้านบาท หรือประมาณ 138,xxx บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom ขนาด 40.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.68 ล้านบาท หรือประมาณ 140,xxx บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom ขนาด 46 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.98 ล้านบาท หรือประมาณ 130,xxx บาท/ตร.ม.
- รูปแบบการขาย Fully Furnished
- จอง n/a บาท
- ทำสัญญา n/a บาท
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเล :
อยู่ใจกลางพระราม 9 ที่เป็นอีกหนึ่ง CBD แห่งหนึ่งของกรุงเทพ มีสิ่งอำนวยความสะดวกรายล้อม ทั้งอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน โรงพยาบาล และระบบขนส่งทางรางอย่างรถไฟฟ้า จึงเป็นทำเลที่สามารถกินอยู่ได้ง่าย ใกล้ที่ทำงาน ค่าครองชีพก็มีตัวเลือกค่อนข้างหลากหลาย กินหรูตามห้าง หรือ เดินตลาดนัด กินอาหารตามสั่งก็ตามที่เราต้องการเลยค่ะ
ความสะดวกในการเดินทาง :
ด้วยทำเลที่อยู่ใจกลางเมือง ตรงสี่แยกพระราม 9 ที่สามารถเชื่อมต่อถนนอโศก ไปเอกมัย ดินแดง เลียบทางด่วนได้ง่าย เข้า-ออกเมืองได้ไม่ยาก และยังไม่ไกลจากทางด่วนอีก แปลว่าถ้าเราจะใช้รถก็มีเส้นทางให้เลือกหลากหลายเลย แต่อาจจะต้องวางแผนช่วงเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงรถติดกันสักหน่อยนะ ในส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ก็นับว่ามีตัวเลือกเยอะอีกเช่นกัน ทั้งวินมอเตอร์ไซค์ รถเมล์ Taxi ก็เรียกไม่ยาก มีหลายสายให้ใช้บริการ แต่ที่สำคัญคือโครงการนี้อยู่ใกล้รถไฟฟ้า MRT พระราม 9 อยู่ฝั่งเดียวกันกับทาง-ขึ้นลงสถานี เดินไปง่ายมากและปลอดภัยด้วย ทำให้การใช้งานรถไฟฟ้านี้น่าจะเป็นตัวเลือกหลักและปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนมาซื้อโครงการ Nue District R9 นี้นี่เอง
วัสดุ :
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือโครงการนี้ขายห้องในรูปแบบ Fully Furnished ซึ่งไม่ค่อยจะเห็นโครงการในย่านนี้ทำกัน ทำให้ราคา Total Package ของโครงการนี้นับว่าคุ้มค่า(ถ้าได้ราคาใกล้เคียงกับราคาที่เปิดตัวมา) แต่ในส่วนของวัสดุที่ได้ภายในห้อง เรามองว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานค่ะ พื้นลามิเนต ชุดครัวของ Hafele สุขภัณฑ์ของ nahm และ Kohler ผนังฝ้าเพดานฉาบเรียบ ไฟดาวน์ไลท์ เคาน์เตอร์ครัวและ Backsplash หินควอตซ์
การออกแบบ :
ในส่วนของตัวอาคารออกแบบมาได้น่าสนใจเพราะการวางผังที่นี่จะคำนึงถึงบริบทที่อยู่ใจกลางเมืองด้วย กล่าวคือทางโนเบิลจะวางตัวอาคารทั้ง 2 ให้เหลื่อมกับอาคารสูงที่อยู่ข้างๆกันเพื่อไม่ให้บังวิวซึ่งกันและกัน และมีการออกแบบฟังก์ชันพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้งานได้ง่าย เข้าถึงได้สะดวก ในส่วนที่เชื่อมต่อกันก็จะเป็นฟังก์ชันพิเศษที่ไม่ซ้ำ ส่วนฟังก์ชันหลักที่ซ้ำกันก็จะจัดไว้ที่ชั้นบนแยกอาคารกันไป เพื่อให้ทุกคนที่อยู่สามารถไปใช้งานได้สะดวก
รูปแบบห้องพักอาศัยเรามองว่าออกแบบมาได้ดีทีเดียว ส่วนตัวชอบการออกแบบห้องพักอาศัยของคอนโดแบรนด์ Nue อยู่แล้วค่ะ เพราะเป็นการออกแบบห้องขนาดพื้นที่เล็ก ให้ดูแล้วใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นห้องขนาด 26, 30, 34 หรือว่า 2 Bedroom 46 ตร.ม. เมื่อเราได้เข้าไปชมห้องตัวอย่างจริงจะคิดไม่ถึงว่าพื้นที่ห้องแค่นี้เองหรือ? การจัดวางห้องสัดส่วนพอเหมาะกับเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาดีค่ะ และมีห้อง 1 Bedroom Plus ขนาดประมาณ 34 ตร.ม.ที่น่าสนใจมากเพราะได้เป็นห้องหน้ากว้าง บรรยากาศดูแล้วใหญ่กว่าเดิม เป็นแปลนที่อยู่สบายเลย
สาธารณูปโภค :
โครงการนี้ถือว่ามีพื้นที่ส่วนกลางให้มาเยอะเลยค่ะ โดยจะมีทั้งส่วนที่เป็น indoor และ outdoor มีสวนที่ชั้นล่าง และชั้น 7 ส่วนภายในอาคารก็จะแบ่งฟังก์ชันไว้ค่อนข้างชัด อย่างชั้น 1 และชั้นบนสุดจะเป็นฟังก์ชันที่เหมือนกันทั้ง 2 อาคาร มี Lobby , Fitness, สระว่ายน้ำ สามารถแยกกันใช้ได้ ได้ความเป็นส่วนตัวและสะดวกเวลาขึ้นลงลิฟต์ไปใช้งาน ส่วนที่ชั้น 7 ซึ่งเป็น Facility หลักก็จะมีฟังก์ชันน่าสนใจเยอะเลย เช่น co-working, co-kitchen, ห้องสปา, ซาลอน, ห้องโยคะ+พิลาทิส, ห้องเกมส์, Kids Area และสตูดิโอถ่ายภาพ อัดเสียง เป็นฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบันค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 13x-xxx – 14x,xxx บาท/ตร.ม., 10 May 2022
- ทำเล 8/10 – แยกพระราม 9 ใจกลางเมือง
- เดินทางด้วยรถ 8.5/10 – ใกล้ถนนหลายสายและทางด่วน เชื่อมต่อเข้าเมืองสะดวก
- ไม่ใช้รถ 8/10 – ใกล้ MRT พระราม 9 เดินสบาย
- วัสดุ 8.25/10 – ขายแบบ Fully Furnished
- แบบ 8.25/10 – ห้องขนาดเล็กแต่จัดฟังก์ชันดี
- สาธารณูปโภค 8/10 – ส่วนกลางหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
- UPPER CLASS
- 8.1375/ 10.00
Nue District R9 เหมาะกับใคร?
โครงการ Nue District R9 เหมาะกับคนที่เรียน – ทำงานโดยใช้งานรถไฟฟ้าเป็นหลัก โดยเฉพาะคนที่ทำงานในโซนรัชดาฯ-อโศก ที่กำลังมองหาคอนโดไว้อยู่เอง บนสถานีที่เดินทางง่าย ความอุดมสมบูรณ์สูง ส่วนคนอีกกลุ่มที่น่าจะเป็น Target ของโครงการนี้คือนักลงทุน เนื่องจากที่นี่ราคาเริ่มต้นไม่สูงมาก และขายห้องแบบ Fully Furnished อีก จึงเหมาะกับคนที่อยากได้คอนโดไว้ลงทุนบนทำเลยอดนิยมปล่อยเช่าได้ง่าย และไม่ต้องเสียเวลาตกแต่งเพิ่มด้วย ในส่วนของงบประมาณคนที่อยากได้โครงการ Nue District R9 ราคาจะอยู่ที่ราวๆ 3-7 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนอยู่ที่ 21,000 – 49,000 บาท/เดือน
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc