รีวิวโครงการ
รีวิวตึกเสร็จ Notting Hill ระยอง คอนโด High Rise ใกล้นิคมมาบตาพุด และเป็นหนึ่งใน Origin Smart City Rayong จาก Origin [รีวิวฉบับที่ 2375]
7 พฤษภาคม 2022
รีวิวฉบับที่ 1936 … Notting Hill ระยอง เป็นคอนโด High Rise หนึ่งในโครงการ Origin Smart City Rayong ของ Origin Property ที่ต้องการสร้างแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดระยอง มีฟังก์ชันครบวงจรและเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งร้านค้า ออฟฟิศ และโรงแรมในที่เดียวกัน ซึ่งโปรดักส์นี้ยังถือว่าเป็นคอนโดที่สูงที่สุดในระยอง ณ ปัจจุบันอีกด้วยครับ
ข้อมูลโครงการ
Fact @ 28 August 2019
- Notting Hill Rayong (นอตติ้ง ฮิลล์ ระยอง)
- บริษัท ออริจิ้น อีอีซี จำกัด
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : ถ.สุขุมวิท อ.เมืองระยอง จ.ระยอง
- ที่ดินประมาณ 2-2-67.1 ไร่
- คอนโด High Rise 33 ชั้น 1 อาคาร 537 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 21 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 35% (รวมจอดซ้อนคัน)
- เริ่มก่อสร้าง : Q4/2562
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q4/2564
- 1 Bedroom 22.5 – 30.2 ตร.ม.
- 1 Bedroom Smart Walk in Closet 28.3 – 30.2 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus 31.3 – 34.8 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 2.09 ล้านบาท
- ราคาโปรโมชั่นเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท (เฉพาะวัน Persale)
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 70,000 – 80,000 บาท/ตร.ม.
- ช่วงราคาต่อตารางเมตร ต่ำสุด – สูงสุดประมาณ n/a บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 020-300-000
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 12.703138, 101.186738
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการครับ
โครงการ Notting Hill ระยอง ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทในจังหวัดระยอง ติดกับแยกเนินสำลี ซึ่งเป็นแยกขนาดใหญ่ และมีความสำคัญในการเดินทางไปทำงานยังนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดของคนย่านนี้ โดยความอุดมสมบูรณ์เดิมส่วนใหญ่จะอยู่ถัดเข้าไปในตัวเมืองระยอง ซึ่งการเดินทางด้วยระยะทาง 10 km.ในต่างจังหวัดแบบนี้ถือว่าไม่ลำบากเลยครับ (เพราะรถไม่ติดเหมือนกรุงเทพฯบ้านเรา) กลับกัน…โปรเจค Origin Smart City Rayong ได้ทำให้ทำเลนี้กลายเป็นเหมือน New CBD ใหม่ที่ครบวงจรทั้งศูนย์การค้า สำนักงาน และที่พักอาศัย และกลายเป็นจุดเชื่อมต่อของ “แหล่งงาน” และ “ตัวเมือง” ที่เดินทางสะดวกทั้งคู่ หรือถ้าจะเข้ากรุงเทพก็ไปได้ด้วยถนนบายพาส พัทยา – ระยอง ที่สามารถวิ่งตรงยาวๆไปเชื่อมต่อทางด่วนบูรพาวิถี หรือมอเตอร์เวย์ก็ได้ครับ
ส่วนความเจริญของจังหวัดนี้หลักๆคือ Central Plaza ระยอง บนถนนบายพาสที่พึ่งตัดใหม่ได้ไม่นานมานี้ ทำให้ความเจริญเริ่มแผ่ขยายมายังถนนเส้นนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่อยู่แต่บริเวณเทศบาลนครระยอง และ Passione Shopping Destination (หรือห้างแหลมทองเก่า) ก็เริ่มมีห้างใหม่ๆเกิดขึ้นตามมา ทั้ง BigC และห้างแม็คโคร หรือใครจะเดินตลาดก็มีให้เลือกเดินเยอะแยะเลยครับ โดยเฉพาะตลาด Star Night Bazaar แล้วที่ขาดไม่ได้สำหรับจังหวัดติดชายทะเลแบบนี้ก็คือ แหล่งท่องเที่ยวริมทะเล ซึ่งหาดที่ใกล้ที่สุดก็คือ “หาดแสงจันทร์” ครับ แต่ต้องบอกก่อนว่าหาดที่นี่ ไม่ใช่หาดที่จะเล่นน้ำได้เหมือนพัทยา-บางแสนนะครับ จะเป็นหาดที่เอาไว้ไปนั่งชิลๆริมทะเล ตามแนวโขดหินมากกว่า
Loop การใช้ชีวิตของโครงการนี้ง่ายมากๆครับ ซึ่งผมสรุปมาให้ตามนี้เลย
- สีแดง : เป็นเส้นทางหลักบนถนนสุขุมวิท ที่สามารถออกจากโครงการทางด้านหน้า แล้วขับตรงเข้ามาในตัวเมืองได้เลย โดยเส้นนี้จะผ่านห้างใหญ่ๆทุกแห่งเลยครับ ก่อนจะเลี้ยวซ้ายไปยัง Central ที่อยู่บนถนนบายพาส แล้วก็ขับตรงกลับมายังโครงการได้เลย แต่ต้องบอกก่อนนะครับว่าเส้นทางนี้จะต้องผ่านทางแยก และไฟแดงต่างๆหลายครั้งอยู่เหมือนกัน ซึ่งถ้าเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนก็มีรถติดพอสมควรเลยทีเดียว
- สีเขียว : เป็นเส้นทางแนะนำเลี่ยงรถติดในตัวเมืองครับ กรณีถ้าเราจะไป Central เราสามารถใช้ถนนทางหลวงหมายเลข 364 เพื่อเชื่อมต่อไปยังถนนบายพาสก่อนเจอแยกรถติดได้ครับ ซึ่งเส้นทางนี้ดูเหมือนจะต้องกลับรถหลายครั้งหน่อยนะ แต่รถบนถนนเส้นนี้ไม่ติดแน่นอน ระยะทางก็พอๆกันทั้ง 2 เส้นทางครับ (12 km.) แต่ช่วยประหยัดเวลาไปได้มากเลยทีเดียว
- สีน้ำเงิน : เป็นเส้นทางไปนิคมฯมาบตาพุดสำหรับการไปทำงานครับ ซึ่งทางเข้า-ออก ของโครงการจะมีอยู่ 2 ทางนะ โดยถ้าเราออกทางด้านข้างก็จะสามารถลงอุโมงค์ของแยกเนินสำลี เพื่อตรงไปยังนิคมฯได้โดยตรงเลยครับ ส่วนขากลับก็จะมาตามเส้นสุขุมวิทแบบปกติ แล้วเข้าจากทางด้านหน้าก็ได้ หรือถ้ากลับมาทางเดิมก็อาจต้องไปกลับรถนิดหน่อยนะ
ก่อนจะพูดถึงตัวโครงการต่อไป ผมขออธิบายพื้นฐานของโครงการนี้กันสักนิดนะครับ ระยอง จัดเป็นหนึ่งใน 3 จังหวัดร่วมกับ ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ที่เข้าร่วมในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC (Eastern Economic Corridor) ซึ่งทั้ง 3 พื้นที่ดังกล่าว เดิมเป็นกลุ่มเขตอุตสาหกรรมสำคัญอันดับต้นๆ ของประเทศอยู่แล้ว ซึ่งเต็มไปด้วยโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มากมาย
โดย EEC จะมีส่วนในการพัฒนาเมืองและแหล่งท่องเที่ยวให้พร้อมในการอยู่อาศัย พักผ่อน และประกอบธุรกิจได้ มีสิ่งอำนวยความสะดวก มีความทันสมัย และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้คนในพื้นที่เดิมและผู้ที่จะเข้ามาลงทุนใหม่ ภายใต้การลงทุนร่วมภาครัฐและเอกชน ทั้งทางถนน ทางรางรถไฟ ทางอากาศ และทางน้ำ อาทิเช่น
- การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินนานาชาติหลักแห่งที่ 3 ของไทย
- การสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา)
- รถไฟทางคู่เชื่อมแหล่งอุตสาหกรรมกับท่าเรือ
- การพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง
- การพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด
- การก่อสร้างถนนมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง
- การพัฒนาเมืองในจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา
- การลงทุนด้านการท่องเที่ยว
- การพัฒนาเขตนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและลงทุนกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย
เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับศักยภาพภายในจังหวัดระยอง และตัวโครงการของเราโดยตรงเลย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและอำนวยความสะดวกสบายต่างๆ ได้มากทีเดียวครับ
ส่วนการเดินทางเราสามารถมาได้ทั้งจากถนนบายพาสก็ได้ หรือจะมาจากถนนสุขุมวิทก็ได้ครับ ซึ่งผมวันนี้ผมจะพามาทางถนนสุขุมวิทนะ เพื่อให้เห็นบรรยากาศของถนนเส้นหลักหน้าโครงการ แล้วยังได้ขับผ่านนิคมอุตสากรรมมาบตาพุดอีกด้วย ขับตรงมาเรื่อยๆจนถึงแยกเนินสำลี แล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อไปกลับรถมาหน่อยก็จะถึงตัวโครงการแล้วครับ
ตอนนี้เราอยู่บนถนนสุขุมวิทนะครับ เริ่มจากบริเวณหน้า Tesco Lotus ก็ให้เราขับตรงไปเรื่อยๆเลย
ระหว่างทางจะมีแยกไฟแดงอยู่บ้าง อย่าง “แยกมาบตาพุด” นี้ ถ้าเราเลี้ยวขวาก็จะสามารถไปนิคมฯมาบตาพุดได้ครับ
ขับตรงมาเรื่อยๆเราจะเจอกับศูนย์ราชการจังหวัดระยองที่อยู่ซ้ายมือ นั่นแปลว่าเราใกล้ถึงแยกเนินสำลีแล้วครับ
บริเวณแยกเนินสำลีปัจจุบันกำลังมีการก่อสร้างอุโมงค์กันอยู่ครับ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จปลายปีหน้า และในอนาคตเราจะสามารถขับตรงเพื่อไปยังโครงการที่อยู่ด้านหน้าได้เลย แต่ ณ ปัจจุบันเราจะต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อไปกลับรถย้อนมาหน่อยครับ
บริบทโดยรอบของโครงการ ต้องบอกก่อนว่าแถวนี้ไม่มีตึกสูงอยู่เลยนะ ส่วนมากเป็นที่ว่างและชุมชนแนวราบ สามารถมองเห็นวิวได้ค่อนข้างไกล แต่ภายในโครงการจะมีอาคารสูงที่อาจบังวิวกันเองได้อยู่ครับ สามารถสรุปได้ดังนี้
ทิศเหนือ : ติดกับที่ดินของโครงการในอนาคต ปัจจุบันมองเห็นวิวพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ไปทางถนนบายพาส
ทิศใต้ : ติดกับที่ดินโครงการในอนาคต ที่คาดว่าเป็นตึกสูงเหมือนกันครับ ซึ่งอาจส่งผลให้บังวิวได้นะ แต่ ณ ปัจจุบันจะมองเห็นชุมชนแนวราบ และนิคมอุตสาหกรรม ส่วนทะเลก็พอจะมองเห็นได้แบบไกลๆครับ
ทิศตะวันออก : ติดกับโครงการ Kensington และเห็นชุมชนแนวราบ มองออกไปทางตัวเมืองระยอง
ทิศตะวันตก : มองไปทางพัทยา เห็นนิคมอุสาหกรรมมาบตาพุด ได้วิวสีเขียวจากศูนย์ราชการ และเห็นภูเขาในระยะไกลด้วย
สำหรับที่ตั้งของตัวโครงการ(มุมซ้ายบน) จะอยู่ติดกับแยกเนินสำลี ซึ่งเป็นแยกขนาดใหญ่ที่สามารถไปนิคมฯมาบตาพุดทางซ้าย หรือจะไปถนนบายพาส พัทยา – ระยอง ทางขวาก็ได้ และตรงไปจะเข้าสู่ตัวเมืองระยอง ถือว่าค่อนข้างสะดวกครับ ซึ่งแยกนี้คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จปลายปีหน้านะ
แล้วเมื่อแยกเนินสำลีสร้างเสร็จแล้ว เราก็จะสามารถขับตรงมาที่โครงการได้เลยโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาไปกลับรถ เพราะทางเข้าจริงๆจะอยู่ทางด้านหน้าติดถนนสุขุมวิทแบบนี้ครับ
ตัวสำนักงานขายออกแบบมาในลักษณะ Modern สีขาว ซึ่งจะใช้ชื่อโครงการรวมว่า Origin Smart City Rayong ครับ
ทางเข้ามีอยู่ 2 ทางนะ ถ้าเข้ามาจากด้านหน้าก็แค่ขับตรงเข้ามา แล้วไปจอดที่ลานจอดรถด้านหลังได้เลย แต่ถ้าใครที่ไปกลับรถแล้วเข้ามาจากทางด้านข้าง ก็จะมีทางเข้าอีกจุดหนึ่งอยู่ด้านขวาของรั้ว (ภาพแรก) และเมื่อเราจอดรถเสร็จแล้ว เค้าก็จะมีเส้นทางให้เดินผ่านสวนสวยๆ ก่อนจะมาเจอกับ Sale Gallery ที่อยู่ทางขวามือ ส่วนทางซ้ายจะเป็นร้านกาแฟที่จะเปิดให้บริการในอนาคตครับ
ภายใน Sale Gallery ค่อนข้างกว้างขวางเลยทีเดียว มีชุดโซฟารับแขกหลายชุด และมี Model ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง ส่วนห้องตัวอย่างจะอยู่ด้านในสุดเลยครับ มีแยกให้ดูทั้งของ Kensington ที่อยู่ทางปีกขวา และ Notting Hill จะอยู่ทางซ้ายนะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ศูนย์ราชการระยอง ~ 1 km.
- Tesco Lotus มาบตาพุด ~ 2.7 km.
- บขส.ใหม่ระยอง ~ 4.4 km.
- The Ozone Lifestyle Mall ~ 5 km.
- หาดแสงจันทร์ ~ 5.5 km.
- รพ.กรุงเทพระยอง ~ 6.4 km.
- รร.อัสสัมชัญ ระยอง ~ 7 km.
- Passione ~ 7.3 km.
- นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ~ 9 km.
- ตลาด Star Night Bazaar ~ 9.8 km.
- Makro ~ 10.2 km.
- เทศบาลนครระยอง ~ 11 km.
- Central Plaza ระยอง ~ 11.9 km.
- Big C Supercenter ~ 12.2 km.
- สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ~ 36.1 km.
รายละเอียดโครงการ
โครงการ Notting Hill ระยอง เป็นหนึ่งในโปรเจคใหญ่ที่ชื่อ Origin Smart City Rayong ซึ่งพื้นที่ภายในโครงการจะเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เหมือนเป็นเมืองขนาดย่อมที่ประกอบด้วย ที่พักอาศัย, Service Office และ Community Mall ทั้งหมดอยู่บนพื้นที่ประมาณ 24 ไร่ และมีมูลค่ารวมกว่าหมื่นล้านบาท ปัจจุบันภายในถูกแบ่งออกเป็น 5 อาคาร ประกอบด้วย
- Kensington ระยอง คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 4 อาคาร
- Notting Hill ระยอง คอนโด High Rise 33 ชั้น 1 อาคาร
- Mixed Use 2 อาคาร ภายในจะมี Community Mall, Service Office, Service Apartment, Supermarket และ Retail Shop, โรงแรมในเครือ Intercontinental Hotel Group และโรงแรม Holiday Inn Express ในเครือ Intercontinental Hotel Group
- โครงการคอนโดในอนาคต เป็นตึกสูงซึ่ง ณ ปัจจุบันยังไม่สรุปแบรนด์จาก Origin
- พื้นที่ว่างที่จะพัฒนาโครงการในอนาคตที่อยู่ทางด้านหลังสุด
และจากภาพโมเดลนี้ก็ทำให้เราได้เห็นบรรยากาศภายในโครงการ ซึ่งเค้ามีการปลูกต้นไม้ตลอด 2 ข้างทาง ดูแล้วร่มรื่นมากๆเลยครับ ถนนภายในก็ค่อนข้างกว้าง สามารถขับรถสวนกัน 2 เลนได้สบายๆ และยังมีทางเท้าให้เดินได้ปลอดภัยอีกด้วย
แล้วเนื่องจากโครงการทั้งหมดมีขนาดพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ ทางออริจิ้นจึงได้มีการนำสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแบบนี้มาให้เช่าบริการ สำหรับใช้ในการเดินทางภายในโครงการ Origin Smart City Rayong นี้เท่านั้นครับ นั่นหมายความว่า ถ้าเราอยากไปเดินช้อปปิ้งที่ Community Mall ด้านหน้า ก็ไม่ต้องเดินให้เมื่อยแล้ว แถมยังประหยัดเวลา และสนุกอีกด้วย ซึ่งจุดที่เค้าจะตั้งเป็นสถานีให้เช่าบริการนั้นยังไม่ระบุตำแหน่งนะครับว่าจะอยู่ตรงไหน แต่เท่าที่ทราบมาคือ Notting Hill และ Kensington สามารถใช้บริการนี้ได้ทั้งคู่เลยครับ
และนอกจากทางเข้า-ออกถนนสุขุมวิทด้านหน้าแล้ว ก็ยังมีทางออกอีกทางหนึ่งอยู่ด้านหลัง ที่เข้าจากถนนหมายเลข 363 ซึ่งความสำคัญของทางเข้านี้คือ สามารถชิดขวาเพื่อลงอุโมงค์ลอดใต้แยกเนินสำลี เพื่อไปยังนิคมฯมาบตาพุดได้นั่นเองครับ สะดวกสำครับคนที่ทำงานที่นิคมมากๆเลย
ส่วนภาพนี้เป็นภาพจำลองภายนอกของคอนโด Notting Hill ซึ่งเค้าออกแบบมาในสไตล์เรียบหรู แล้วยังเป็นอาคารที่สูงที่สุดในจังหวัดระยอง ณ ปัจจุบันอีกด้วย
โครงการ Notting Hill ระยอง เป็นคอนโด High Rise สูง 33 ชั้น จำนวน 537 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 2-2-67.1 ไร่ และมีการกระจายชั้น Facilities ออกเป็น 2 ส่วน ซึ่งจะแบ่งตามฟังก์ชันการใช้งาน แยกส่วนระหว่างโซนที่ต้องการความ Private กับโซนแนว Active ออกจากกัน แล้วยังเป็นการกระจายความหนาแน่นของคนที่จะมาใช้งานอีกด้วยครับ ซึ่งจุดเด่นที่โครงการเค้าอยากจะเน้นก็คงหนีไม่พ้น Sky Facilities ที่ 2 ชั้นบนสุด เพราะรอบๆไม่มีตึกสูงบังวิวอยู่เลย ทำให้สามารถ Take View ได้กว้างรอบทิศเลยครับ ส่วนชั้นพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 6 – 31 ซึ่งรายละเอียดในชั้นต่างๆจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นเราไปชม Floor Plan พร้อมๆกันเลยครับ
เริ่มกันที่ Master Plan ของโครงการ ซึ่งเค้าจะมีทางเข้า-ออกอยู่ 2 จุดด้วยกันครับ คือเข้าจากภายในโครงการ Origin Smart City Rayong หรือจากถนนหมายเลข 363 ด้านนอกโดยตรงเลยก็ได้ ซึ่งเส้นทางเดินรถภายในจะเป็น one way วนรถแบบทวนเข็มนาฬิกา และสามารถรับ-ส่งคนที่จุด Drop-Off ใต้อาคารด้านหน้าก่อน แล้วค่อยวนรถไปเข้าที่จอดรถด้านข้างได้ครับ ซึ่งฟังก์ชันในชั้นนี้จะไม่ค่อยมีอะไรมากครับ หลักๆจะมีสวนเล็กๆอยู่ภายนอก ส่วนใต้อาคารก็จะมี Lobby Lounge และมีร้านค้าไว้คอยบริการลูกบ้านถึงที่เลย ซึ่งถ้าใครที่แค่อยากซื้อของเล็กๆน้อยๆ ก็จะได้ไม่ต้องเดินไปถึง Community Mall ด้านหน้านั่นเองครับ
จากภาพจำลองจะเห็นว่าพื้นที่โครงการจะยกขึ้นสูงมากกว่าพื้นที่รอบๆเล็กน้อย ซึ่งทำให้เราไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะท่วมแน่นอนครับ โดยทางเข้า-ออกจะใช้ระบบ RFID หรือระบบสัญญาณ Bluetooth ซึ่งจะไม่ต้องเปิดหน้าต่างออกมาแตะบัตร ให้แดดร้อนหรือเปียกฝน และเมื่อเข้ามาด้านในแล้วก็สามารถแวะรับ-ส่งคนที่จุด Drop-Off ใต้อาคาร แล้วเดินเข้า Lobby ได้เลย
แปลนอาคารชั้น 6 จะเริ่มเป็นชั้นพักอาศัยแล้วนะครับ และยังมี Facilities อยู่ที่ชั้นนี้ด้วยเช่นกัน แต่ไม่ต้องกลัวเรื่องความเป็นส่วนตัวไปนะ เพราะเค้าจะมีประตูกั้นแยกพื้นที่ส่วนกลางกับส่วนพักอาศัยออกจากกันอย่างชัดเจน ซึ่งต้องใช้ Key Card Access เข้า-ออกเท่านั้น และส่วนกลางของชั้นนี้คือ Co-Working Space ซึ่งเหมาะที่จะมานั่งทำงาน หรือนัดลูกค้ามาประชุมก็ได้ครับ จัดเป็น Private Function ที่ต้องการความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว ซึ่งภายนอกยังมีสวนให้เดินออกมาพักผ่อนและสูดอากาศได้อีกด้วย
สำหรับห้องพักอาศัยของชั้นนี้ จะมี Type พิเศษที่อยู่ติดกับสวนโดยตรงด้วยครับ ทำให้เวลาเรามองออกมาจากในห้องก็จะได้วิวต้นไม้แบบเต็มๆ เหมาะกับคนที่ชอบธรรมชาติ ซึ่งถ้าเค้าปลูกไม้พุ่มขนาดกลาง คั่นระหว่างห้องพักกับสวนส่วนกลาง ก็จะช่วยพรางสายตาและให้ความเป็นส่วนตัวกับคนในห้องได้อยู่ครับ ส่วนในกรอบสีชมพูที่ผมวงไว้ จะเป็นผนังพิเศษแบบ 2 ชั้น ที่มีช่องว่างอยู่ภายใน ซึ่งช่วยในเรื่องของการกันเสียงรบกวน เพราะห้องพักตำแหน่งนี้จะอยู่ติดกับ Co-Working Space นั่นเองครับ
ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Co-Working Space มีจุดให้เลือกนั่นทำงานอ่านหนังลือหลายจุดเลยครับ จะนั่งแบบโซฟาก็ได้ หรือโต๊ะเก้าอี้แบบจริงจังก็มี ซึ่งเค้าจะแยกให้เป็นกลุ่มๆ จะได้ไม่รบกวนกันมาก รวมถึงผนังกระจกด้านข้างก็ยังสามารถชมวิวภายนอกได้อีกด้วย
แปลนชั้น 7 จะมีห้องพักอาศัยเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ห้อง เป็น 17 ห้อง ซึ่งก็ยังไม่เต็ม Floor ได้ความเป็นส่วนตัวอยู่ครับ เพราะจะมีพื้นที่บางส่วนเป็นส่วนกลางที่ต่อเนื่องมาจากชั้น 6 นั่นคือ Meeting Room ที่สามารถเดินขึ้นมาจากบันไดที่อยู่ใน Co-Working Space ชั้น 6 ได้ครับ ซึ่งจะค่อนข้างเป็นส่วนตัวจากชั้นล่างมากขึ้น แต่สิ่งที่ผมชอบจริงๆจะเป็นบริเวณที่ผมวงกรอบสีส้มไว้ ตรงนั้นจะเป็นผนังกระจกที่ทะลุถึงกัน ระหว่างห้อง Co-Working Space กับโถงทางเดินภายในที่ชั้น 7 ทำให้โถงทางเดินได้รับแสงสว่างจากช่องหน้าต่างของพื้นที่ส่วนกลางไปด้วยนั่นเองครับ
แปลนชั้น 8 – 31 จะเป็นชั้นพักอาศัยแบบ Tripical Floor Plan มีห้องพักทั้งหมด 21 ยูนิตต่อชั้น และมีลิฟต์โดยสาร 3 ตัวอยู่ค่อนไปทางซ้าย อัตราส่วนลิฟต์ประมาณ 179 : 1 ถือว่าหนาแน่นอยู่เหมือนกันนะครับ โดยแบบห้องของโครงการนี้หลักๆจะมีอยู่ 2 Type ซึ่งสำหรับห้อง 1 Bedroom Plus จะเป็นห้องมุมทั้ง 4 มุมของอาคาร และที่เหลือจะเป็นห้อง 1 Bebroom ที่มีฟังก์ชันและ Layout แตกต่างกันนิดหน่อยครับ ซึ่งห้องที่ผมตีกรอบเอาไว้ว่าน่าสนใจจะมีดังนี้
กรอบสีแดง : เป็นห้อง 1 Bedroom Plus ที่อยู่มุมอาคารทางทิศเหนือ มีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูงเพราะไม่ได้อยู่ติดกับใครเลยครับ แต่อาจต้องเดินไกลจากโถงลิฟต์หน่อย อีกทั้งยังเป็นทิศที่ได้วิวเปิดโล่ง และแดดไม่ร้อนมากที่สุดอีกด้วย
กรอบสีส้ม : เป็นห้อง 1 Bedroom 22.3 และ 24 ตารางเมตร ซึ่งเป็น Type ที่เล็กที่สุดของโครงการ มีเพียง 2 ห้องต่อชั้น โดยทิศทางที่ห้องนี้จะหันไป ถ้าเป็นชั้น 7 – 8 จะยังไม่พ้นความสูงของ Kensington ฝั่งตรงข้าม จึงเน้น take view สวนที่ชั้น 6 แทนครับ แต่ถ้าเป็นชั้นสูงๆ จะมองไปทางตัวเมืองระยองได้นั่นเอง
กรอบสีชมพู : เป็นอีกห้องที่มีความเป็นส่วนตัวอยู่ครับ เพราะมีผนังที่ติดกับห้องอื่นแค่ด้านเดียว ส่วนอีกด้านเป็นโถงลิฟต์ของลิฟต์ขนของ ซึ่งปกติตอนเราอยู่ห้องกลางคืนก็ไม่ค่อยมีใครใช้งานหรอกครับ และทิศทางของห้องฝั่งนี้จะมองออกไปได้วิวที่เปิดโล่งทางฝั่งพัทยาและนิคมฯมาบตาพุดได้
กรอบสีน้ำเงิน : เป็น 2 ห้องที่มี Layout เป็นรูปตัว L ต่างจากห้องอื่นๆ และยังเป็นห้องที่อยู่ติดกับบันไดหนีไฟ ทำให้มีความเป็นส่วนตัวอยู่เหมือนกันครับ
มาถึง Highlight ของโครงการนี้กันแล้วครับ กับ Sky Facilities ที่เค้ายกมาไว้ที่ 2 ชั้นบนสุด สามารถเดินเชื่อมต่อกันได้ทั้งหมด ทำให้กลายเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยจะมีทั้งพื้นที่ Indoor และ Outdoor ให้เลือกใช้งาน เน้นเป็นฟังก์ชันแนว Active สันทนาการ และจุดชมวิวเป็นส่วนใหญ่ เพราะโดยรอบไม่มีตึกสูงบังวิวในระยะประชิดเลย จึงทำให้มองวิวออกไปได้ไกลมากๆ
เริ่มที่ชั้น 32 เมื่อเราออกมาจากลิฟต์ก็จะเจอ Sky Lounge ที่เอาไว้ขึ้นมานั่งชมวิว และนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือได้ครับ แต่ถ้าใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวเค้าก็มีห้อง Private แยกเอาไว้ให้ด้วย ซึ่งจะมีประตูกั้นแยกอีกชั้นหนึ่ง รวมถึงพื้นที่ด้านข้างยังเป็นสวนให้มองออกไปเห็นธรรมชาติสีเขียวสวยๆ หรือออกไปนั่งเล่นพักผ่อนกลางแจ้งก็ได้ ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นโซน Active ประกอบด้วย สระว่ายน้ำขนาด 5.9 x 30 m. ตรงกลางเป็นระเบียงทางเดินที่คั่นอยู่ระหว่างสระว่ายน้ำกับ Fitness โดยลักษณะการวางตัวของเครื่องเล่น ดูจะเน้นมองวิวออกไปภายนอกมากกว่ามองมาที่สระนะครับ ทำให้คนที่ว่ายน้ำอยู่ในสระยังได้ความเป็นส่วนตัวอยู่หน่อยนึงนะ
ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณสระว่ายน้ำซึ่งเป็นส่วนกลางแจ้งทั้งหมด โดยรอบขอบสระเป็นกระจกจึงช่วยเรื่องความปลอดภัย แต่ยังสามารถชมวิวได้เต็มที่ครับ
ส่วนภาพนี้เป็น Sky Lounge ที่อยู่ด้านใน มีชุดโซฟาและจุดให้นั่งพักผ่อนชมวิวหลายจุด และได้ฝ้าเพดานสูงเชื่อมต่อกับชั้น 33 ที่เราสามารถเดินขึ้นบันไดไปด้านบนได้ครับ
ซึ่งชั้น 33 จะเป็น Facilities แบบเต็ม Floor อีกเช่นกัน เน้นเป็นโซนกิจกรรมสันทนาการที่ประกอบด้วย Game Room และห้องดูหนัง รวมถึงมี Co-Kitchen ให้ขึ้นมาทำอาหาร ปาร์ตี้สังสรรค์ หรือมาดินเนอร์ชมวิวที่ชั้นสูงๆนี้ไปได้ด้วยในตัวครับ
สุดท้ายคือสวนบนชั้นดาดฟ้า ซึ่งจะสามารถขึ้นมาได้จากบันไดหนีไฟเท่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ลานกว้างเอาไว้จัดกิจกรรมได้ มีจุดให้นั่งพักผ่อนชมวิวกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ
และนอกจากนี้คอนโดมิเนียมทั้ง 2 โครงการที่อยู่ใน Origin Smart City Rayong ยังสามารถใช้บริการทำความสะอาดของ UNO ที่เป็นบริษัทในเครือออริจิ้นได้อีกด้วยครับ เป็นหนึ่งในบริการของโรงแรมที่อยู่ทางด้านหน้าอยู่แล้ว แต่เราสามารถจ้างมาเป็นครั้งคราวได้นะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- ชั้น 1
- Lobby Lounge
- Shop
- สวนหย่อมที่ชั้น 1, 6, 32 และ Roof Top
- Co-Working Space
- Meeting Room
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 5.9 x 30 m.
- Fitness
- Sky Lounge
- Private Sky Lounge
- Theater Room
- Game Room
- Co-Kitchen
แบบห้อง
มาถึงเรื่องห้องตัวอย่างกันแล้วนะครับ ซึ่งโครงการนี้จะขายแบบ Fully Fitted คือให้เฟอร์นิเจอร์บางส่วน ประกอบด้วยชุดครัว ตู้ Built in ต่างๆ ฐานเตียง ชุดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ และเครื่องปรับอากาศ ขาดก็แต่เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวบางชิ้นก็เข้าอยู่ได้เลย ซึ่ง Type ห้องของโครงการจะมีอยู่ด้วยกัน 3 แบบ ประกอบด้วย
- 1 Bedroom ขนาด 22.5 – 30.2 ตร.ม.
- 1 Bedroom Smart Walk in Closet ขนาด 28.3 – 30.2 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus ขนาด 31.3 – 34.8 ตร.ม.
ส่วนห้องตัวอย่างที่มีให้ดูใน Sale Gallery จะมีอยู่ 2 ห้องนะครับคือ 1 Bedroom ขนาด 28.3 ตารางเมตร และ 1 Bedroom Plus ขนาด 34.8 ตารางเมตร ซึ่งของจริงจะเป็นอย่างไรนั้นตามผมไปชมกันเลยครับ
1 Bedroom
ห้องตัวอย่างแรกคือ 1 Bedroom ขนาด 28.3 ตารางเมตร ภายในแบ่งฟังก์ชันส่วนพักอาศัยกับส่วนใช้งานออกจากกันอย่างชัดเจน โดยห้องนั่งเล่นจะเป็นพื้นที่แรกที่เข้ามาเจอ พร้อมกับมีโต๊ะทานอาหารอยู่ด้วย สามารถใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ไปได้ในตัว กั้นห้องนอนด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อความโปร่งโล่ง แต่จะไม่เน้นระเบียง จึงทำให้ห้องนอนมีขนาดพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ห้องน้ำแยกเอาไว้เป็นสัดส่วน มีพื้นที่อเนกประสงค์เล็กๆหน้าห้องน้ำให้เก็บของได้ ส่วนห้องครัวก็จะได้เป็นครัวปิดที่ทำอาหารได้จริงจัง สามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายอากาศได้โดยตรง ห้องนี้จึงเหมาะที่จะอยู่อาศัยจริงจัง 1 – 2 คน หรืออาจเป็น First Jobber ที่ต้องการคอนโดที่มีขนาดพื้นที่อยู่อาศัยกำลังพอดีครับ ของจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมพร้อมๆกันเลย
เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับ Common area ซึ่งพอเค้ากั้นฟังก์ชันด้วยประตูกระจกแล้ว ก็เลยทำให้ห้องดูกว้างและโปร่งโล่งมากขึ้น แถมยังได้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างด้านในส่องมาถึงหน้าห้องอีกด้วย ระยะดูทีวี 2.35 m. สามารถใช้ทีวี 46 – 50 นิ้วได้เลย เพียงแต่ถ้าดูจากห้องตัวอย่างจะเห็นว่าทีวีเหมือนจะติดสูงเกินไป เวลาดูอาจต้องเงยหน้าทำให้เมื่อยคอได้ แนะนำให้วางบนชั้นก็ได้ครับ
และสำหรับความสูงฝ้าจะมากกว่า Kensington อยู่ที่ 2.7 m. และนอกจากเค้าจะติดตั้ง Digital Door Lock มาให้เหมือนกันแล้ว ของจริงเค้ายังจะติด VIDEO Door Phone และระบบ Home Automation ใช้เปิด-ปิดไฟมาให้อีกด้วยครับ ส่วนพื้นเป็นกระเบื้องยางไวนิลแบบ Click Lock ซึ่งติดตั้งง่าย และทนความชื้นได้ดีกว่าพื้นไม้ลามิเนตทั่วไปครับ
สนใจอ่านบทความเรื่องพื้นกระเบื้องยางไวนิลต่อคลิก : Living Idea : พื้นไม้ลามิเนต กับ พื้นกระเบื้องยางไวนิล อะไรดีกว่ากัน?
ทางด้านซ้ายเป็นชุดตู้ Built in ซึ่งเราจะได้ตามนี้เลยครับ ยกเว้นชั้นวางของบนทีวีนะ
ตู้ด้านซ้ายเป็นชั้นเก็บรองเท้า สามารถเก็บได้ประมาณ 6 คู่ ซึ่งเค้าได้ทำช่องระบายอากาศที่ด้านล่างมาให้แล้วครับ ตู้จะได้ไม่อับจนเกินไป และที่ช่องเล็กๆด้านข้างก็เอาไว้เก็บร่มได้นะ ส่วนชั้นตรงกลางก็เอาไว้วางของที่ต้องหยิบใช้บ่อยๆก่อนออกจากห้องได้ มีที่แขวนกุญแจติดมาให้ด้วย ส่วนชั้นวางทีวีก็มีลิ้นชักเก็บของได้พอสมควรเลยครับ
ฝั่งตรงข้ามเป็นโซฟาและโต๊ะทานอาหาร ซึ่งเค้าจัดมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ไม่ได้แถมมาให้นะครับ โดยที่โซฟาอาจใช้เป็น 2 – 3 ที่นั่งได้แบบนี้ แต่ผมแนะนำให้หาโซฟาแบบไม่มีพนักด้านข้างจะดีครับ เพราะเราจะได้นั่งที่ปลายโซฟา แล้วหันหน้ามาที่โต๊ะทานอาหารได้โดยไม่ต้องเสียพื้นที่ให้เก้าอี้ตัวที่ 2
ซึ่งก็อย่าลืมเลือกโต๊ะที่มีขนาดและความสูงให้พอดีกับฟังก์ชันแบบนี้ด้วยนะ เพราะเวลาเรานั่งบนโซฟามันจะต่ำกว่าเวลาเรานั่งบนเก้าอี้ โต๊ะอาจสูงเกินไปได้ ซึ่งโต๊ะตัวนี้นอกจากจะใช้ทานอาหารแล้ว เรายังใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์นั่งทำงาน หรือใช้เป็นที่วางของโดยไม่ต้องมีโต๊ะกลางหน้าทีวีให้เกะกะทางเดินได้อีกด้วยครับ
ถัดมาเป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่กั้นระหว่างห้องนอนและห้องนั่งเล่น ทำให้พื้นที่เชื่อมต่อถึงกัน ดูกว้างและโปร่งโล่งมากขึ้นครับ กรอบประตูจะเป็นอลูมิเนียม Anodized สีดำ และได้กระจกใสธรรมดา
ส่วนรางประตูเค้าเดินจะรางที่พื้นตามปกติ ซึ่งอาจเดินสะดุดหรือเก็บฝุ่นอยู่บ้างนะครับ แต่ก็แข็งแรงและปิดได้แนบสนิทกว่าการเดินรางบนนะ ส่วนเหนือประตูจะมีพื้นที่ใต้ฝ้าอีกนิดหน่อย สามารถติดม่านเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ถ้าต้องการ
ภายในห้องนอนขนาดกำลังดี มีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่จึงทำให้ห้องนี้ไม่อึดอัดครับ ซึ่งทางขวามือเค้าจะ Built ตู้เสื้อผ้าและติดกระจกเงามาให้แบบนี้ เอาไว้ส่องแต่งตัวก็ได้ แล้วยังทำให้ห้องดูกว้างมากขึ้นอีกด้วย
ภายในตู้สามารถเก็บของได้เพียงพอต่อการอยู่อาศัย 1 – 2 คนกำลังดี มีลิ้นชักและที่เปิดบานตู้เป็นแถบอลูมิเนียมครับ
พื้นที่รอบเตียงเหลือใช้งานแบบพอดีตัว อย่างบริเวณหน้าตู้เสื้อผ้าเมื่อกี้ก็กว้าง 1.3 m. ปลายเตียง 40 cm. สามารถติดทีวีแขวนผนังได้ ส่วนซ้ายมือติดกับหน้าต่างจะเหลือพื้นที่ 40 cm. พอให้ขึ้น-ลงเตียงหรือปิดม่านได้พอดีครับ
หน้าต่างมีบานกระทุ้งให้เปิดระบายอากาศได้นะ โดยกรอบยังเป็นอลูมิเนียมสีดำเหมือนเดิม แต่ตัวกระจกจะเปลี่ยนเป็น Laminated สีเทาครับ
ต่อไปเป็นโซนพื้นที่ใช้งานที่อยู่ฝั่งซ้ายของห้อง ซึ่งแยกออกไปเป็นสัดส่วนไม่รบกวนส่วนพักอาศัย
พื้นที่ตรงกลางกว้าง 1 m. สามารถใช้งานได้พอดี ซึ่งเค้าจะ Built โต๊ะตัวนี้มาให้ไว้ทำเป็นโต๊ะอเนกประสงค์ หรือไว้วางของเล็กๆน้อยๆ แต่ผมจะแนะนำให้ Built เป็นตู้หรือชั้นวางของสูงเต็มผนังไปเลยครับ จะได้เพิ่มพื้นที่เก็บของให้มากขึ้น
ภายในห้องน้ำมีฟังก์ชันมาตรฐาน แยกพื้นที่ส่วนแห้งกับส่วนเปียกมาให้ พร้อมได้สุขภัณฑ์หน้าตาแบบนี้เลย
สำหรับพื้นที่ส่วนแห้งมีขนาดประมาณ 1.45 x 1.42 m. และธรณีประตูค่อนข้างกว้าง ระวังสะดุดกันด้วยนะครับ
ส่วนแรกเป็นอ่างล้างหน้าของ Cotto ขนาด 55 x 44 cm. มีพื้นที่วางของเล็กน้อยที่ด้านหลัง และติดตั้งปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบ และมีช่องเสียบ USB ให้ด้วยครับ ใครเป็นสายชอบดูหนัง/ฟังเพลงจากมือถือและไอแพดในห้องน้ำนี่ยิ้มเลย
ติดกันเป็นโถสุขภัณฑ์ยี่ห้อเดียวกัน มาพร้อมกับสายฉีดชำระ แต่ไม่มีที่แขวนกระดาษชำระนะครับ ต้องหาซื้อมาติดเองเน้อ
ต่อไปเป็นพื้นที่ส่วนเปียกที่เค้ากั้นฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass และที่ด้านหลังประตูยังมีตัว stopper กันกระแทกมาให้ด้วยนะ ส่วนขนาดพื้นที่อาบน้ำจะกว้าง 1 x 0.85 m. ใช้งานพอดีๆ มีขอบพื้นสูง 6 cm. ช่วยกันไม่ให้น้ำไหลออกมาด้านนอกได้ด้วย
ภายในมี Hand Shower และก๊อกน้ำแบบก้านโยกใช้งานสะดวก โดยห้องจริงเค้าจะมี Junction box เอาไว้ให้ติดเครื่องทำน้ำอุ่นได้นะ ส่วนพื้นที่ด้านขวาจะเว้าเข้าไปหน่อย สามารถติดชั้นวางของเพิ่มได้ครับ สุดท้ายคือฝ้าเพดานในห้องของจริง นอกจากจะมีไฟดาวน์ไลท์แล้ว เค้าจะติดพัดลมดูดอากาศมาให้ด้วย
ออกมาจากห้องน้ำฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้องครัว โดยเค้าจะเป็นครัวปิดที่ได้ประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ทำให้เปิดได้กว้าง 0.75 m. จะได้ขนของและเดินผ่านได้สะดวก
นอกจากนี้ห้องครัวยังอยู่ติดกับระเบียง ซึ่งเราสามารถเปิดประตูเพื่อระบายอากาศได้ครับ ทำให้เป็นครัวที่ทำอาหารได้จริงจัง โดยพื้นที่ใช้งานจะกว้างประมาณ 70 cm. ทางซ้ายสุดมีพื้นที่วางตู้เย็นกว้าง 1 m. สามารถใช้ตู้ใบใหญ่ๆสูงๆได้เลย ถ้าด้านบนเราไม่ Built ตู้เพิ่ม
เคาน์เตอร์ครัวจะได้ทุกอย่างตามนี้ครับ ยกเว้น backsplash ด้านหลัง ซึ่งเราก็ควรติดเพิ่มเพื่อจะได้ทำความสะอาดง่าย ส่วน Top เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์ ที่ค่อนข้างทนกรด-ด่างและความร้อนได้ดี อ่างล้างจานเป็นของ MEX ขนาด 39 x 37 cm. ลึก 19 cm. และมี Hop&Hood ยี่ห้อเดียวกับมาให้ด้วย
ช่องเก็บของมีพอสมควร แต่ที่วางไมโครเวฟอาจอยู่สูงไปหน่อย ทำให้ใช้งานลำบาก และด้านล่างจะมีพื้นที่วางเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า ขนาด 65 x 60 cm. สูง 87 cm. ซึ่งเราไม่ต้องกลัวพื้นเปียกครับ เพราะเค้าเปลี่ยนจากพื้นกระเบื้องยางไวนิลในห้องนอน มาเป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ที่เช็ดทำความสะอาดง่ายมาให้แล้ว
ส่วนนอกระเบียงจะมีขนาด 1.3 x 0.9 m. ราวกันตกเหล็กสูง 1.1 m. และมีระแนงสูงด้านข้างที่ช่วยพรางสายตาจากภายนอกให้ด้วย เพราะเป็นตำแหน่งที่ไว้แขวน Condensing unit เพียงแต่เค้าจะเป่าลมร้อนมาด้านข้าง แนะนำให้ติดกริลแอร์ดันลมออกไปด้านนอก ระเบียงจะได้ไม่ร้อนจนออกมาใช้งานไม่ได้ครับ เว้นแต่ถ้าเพื่อนๆอยากตากผ้าล่ะก็…แห้งไวแน่นอนครับ
1 Bedroom Plus
ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.8 ตารางเมตร ซึ่งห้องนี้เป็น Type พิเศษที่จะอยู่ตามมุมอาคารเท่านั้นครับ ทำให้ได้ช่องเปิดถึง 2 ด้าน ค่อนข้างโปร่งโล่งมากเลยทีเดียว รวมถึงถ้าเราเปิดหน้าต่างทั้งหมดภายในห้อง ก็จะทำให้เกิดการระบายอากาศที่ดีมากๆอีกด้วย โดยเมื่อเข้ามาในห้องเราจะเจอ Common area ขนาดใหญ่ ที่เค้าค่อนข้างให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะจะมีระเบียงที่ยาว เหมาะที่จะชมวิวมากๆ ส่วนครัวแม้จะไม่ได้ติดระเบียงเหมือนห้องที่แล้ว แต่ก็ได้เป็นครัวปิด พอที่จะทำอาหารจริงจังได้อยู่ครับ ห้องนอนจะกั้นด้วยผนังทึบทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูง ในขณะที่ห้องอเนกประสงค์ก็มีพื้นที่มากพอ ที่จะทำเป็นห้องทำงานส่วนตัวหรือห้องนอนก็ได้ โดยรวม Layout ของห้องนี้ผมค่อนข้างชอบนะ เหมาะทั้งการอยู่อาศัยแบบ 1 – 2 คน หรือครอบครัวที่วางแผนจะขยับขยายในอนาคตก็ได้ครับ ซึ่งของจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันได้เลย
เมื่อเข้ามาภายในจะพบกับ Common area ขนาดใหญ่ ตรงกลางเป็นเหมือนโถงทางเดินที่เชื่อมต่อทุกๆฟังก์ชันเข้าด้วยกัน จะมีก็แต่ห้องนอนที่กั้นด้วยผนังทึบ จึงได้ความเป็นส่วนตัวอยู่ครับ
หันมาทางขวามือเป็นพื้นที่นั่งเล่นและโต๊ะทานอาหาร ดูๆแล้วก็เหมือนเป็นห้องหน้ากว้างเลยครับ ค่อนข้างโปร่งโล่งเลยทีเดียว
ในส่วนของโต๊ะทานอาหารด้านหลังโซฟา เราสามารถจัดแบบห้องตัวอย่างได้นะครับ เพราะเราจะได้ใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ นั่งทำงานอ่านหนังสือไปด้วยแล้วดูทีวีไปในตัว รวมถึงยังสามารถชมวิวจากระเบียงขนาดใหญ่ได้อีกด้วย ซึ่งถ้าอิงจากห้องตัวอย่างโดยวัดพื้นที่ด้านหลังโซฟาจะกว้าง 1 m. (จากพื้นที่ห้องนั่งเล่นทั้งหมดที่กว้าง 3.3 m. ครับ)
ระเบียงนี้จะยาวและแคบครับ ขนาดประมาณ 3.35 x 0.6 m. เหมาะที่จะออกมายืนชมวิวและสูดอากาศได้เท่านั้น โดยเค้าจะติด Condensing unit ไว้ด้านบน ทำให้ไม่เกะกะสายตา และเป่าลมร้อนออกไปด้านนอก พร้อมมีระแนงพรางสายตาให้เช่นเคยด้วยครับ
มองย้อนกลับเข้ามาภายในห้อง ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องครัว ซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ทำให้เปิดได้ค่อนข้างกว้าง แล้วยังกันกลิ่นและควัน สามารถทำอาหารได้จริงจังครับ
ขนาดพื้นที่ภายในกว้าง 0.85 x 1.6 m. สามารถใช้งานได้พอดี พื้นจะเปลี่ยนเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้เหมือนเดิม ส่วนเคาน์เตอร์ครัวจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยครับ ทำให้มีพื้นที่เก็บของกับพื้นที่ประกอบอาหารมากขึ้น มีอ่างล้างหน้ากับ Hob&Hood ของ MEX มาให้เช่นเคย
ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นที่วางตู้เย็นขนาด 70 x 55 cm. แต่คราวนี้จะถูกจำกัดความสูงจากตู้ Built in ด้านบน ทำให้ใช้ตู้เย็นสูงได้ไม่เกิน 1.65 m. ครับ ซึ่งชั้นวางของด้านข้างก็สามารถเก็บของได้เยอะเลยล่ะ
ต่อไปพื้นที่ด้านในห้องจะประกอบด้วย ห้องน้ำทางซ้ายมือ ตรงกลางเป็นห้องอเนกประสงค์ และมีห้องนอนอยู่ขวามือ ซึ่งโถงทางเดินตรงกลางนี้จะกว้างประมาณ 90 cm. สามารถเดินผ่านได้สะดวกครับ
มาเริ่มกันที่ห้องน้ำจะมีลักษณะเหมือนห้องที่แล้วเลยนะ มีการแยกส่วนแห้งขนาด 1.4 x 1.4 m. และส่วนเปียก 1.3 x 0.85 m. ออกจากกันชัดเจน กั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำ และมีสุขภัณฑ์ภายในเป็นของ Cotto
แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือ Smart Mirror ที่จะมีให้เฉพาะห้อง 1 Bedroom Plus เท่านั้น เอาไว้ดูหนัง ฟังเพลง หรือดู Youtube ในห้องน้ำได้นะ
ต่อมาเป็นห้องอเนกประสงค์ที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งเค้าจะกั้นประตูกระจกบานเลื่อนแบบเดินรางบนมา ทำให้ที่พื้นไม่มีรางให้เก็บฝุ่นหรือเดินสะดุด และตัวกระจกยังทำให้โถงทางเดินตรงกลางสว่างและโปร่งโล่งมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งถ้าใครต้องการความ Private ที่อาจใช้ห้องนี้เป็นห้องนอนก็สามารถติดม่านเพิ่มเติมได้นะครับ
ภายในห้องเค้าจัดมาให้ดูเป็นห้องนอนเล็ก แต่จริงๆแล้วเราจะได้เป็นห้องเปล่าๆนะครับ ซึ่งกระจกภายในมีขนาดใหญ่เหมือนห้อง 1 Bedroom ก่อนหน้านี้เลย ทำให้ค่อนข้างสว่างและโปร่งโล่งมาก
สำหรับขนาดพื้นที่ทั้งหมดของห้องนี้คือ 2.4 x 2.1 m. ซึ่งเราจะจัดเป็นห้องนอนแบบนี้ก็ได้ครับ เพราะเมื่อวางเตียง 3.5 ฟุตไปแล้ว ก็ยังมีพื้นที่ด้านข้างเหลือ 90 cm. พอให้วางตู้เสื้อผ้าและแต่งตัวได้ หรือถ้าใครจะปรับเป็นห้องทำงานก็ได้อีกเช่นกันครับ
สุดท้ายคือห้องนอนที่กั้นด้วยผนังทึบจึงค่อนข้างเป็นส่วนตัวมากๆ ภายในมีขนาดพื้นที่ใช้งานพอดีๆครับ ไม่ได้กว้างมาก เพราะเค้าให้ความสำคัญกับ Common area ด้านนอกมากกว่า แล้วยังต้องแบ่งพื้นที่เป็นห้องอเนกประสงค์เมื่อสักครู่อีกด้วย
โดยทางด้านขวาของเตียงจะกว้าง 40 cm. พอให้เปิด-ปิดม่านแบบพอดีๆเท่านั้นครับ ส่วนปลายเตียงก็จะเหลือแค่ 35 cm. พอให้แทรกตัวผ่านไปได้
ซึ่งถ้าเราจะติดทีวีก็สามารถติดแบบแขวนผนังได้ครับ ส่วนอีกฝั่งของห้องจะเป็นที่วางตู้เสื้อผ้าซึ่งเค้า Built มาให้เหมือนกับห้องก่อนหน้านี้ เพียงแต่เวลาเปิดต้องระวังบานตู้ชนกับขอบเตียงด้วยนะครับ เพราะห้องตัวอย่างเค้าเหลือพื้นที่หน้าตู้แค่ 60 cm. เท่านั้น เราอาจต้องเลื่อนเตียงไปทางหน้าต่างอีกสักหน่อยนะ
และจุดเด่นของห้องนอนนี้ก็คือ หน้าต่างกระจกเข้ามุมแบบ Bay Window ที่จะช่วยเพิ่มมุมมองให้กว้างมากขึ้น แล้วยังมีบานกระทุ้งเปิดระบายอากาศได้อีกด้วย
และสำหรับห้องรูปแบบอื่นๆของโครงการจะมีอะไรบ้าง เราไปวิเคราะห์พร้อมๆกันเลยครับ
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 22.3 ตารางเมตร เป็นขนาดเล็กที่สุดของโครงการ และมีเพียง 2 ห้องต่อชั้นในบริเวณหน้าลิฟต์เท่านั้นครับ ลักษณะเป็นห้องตอนลึกที่เค้าจะแยกส่วนครัวกับห้องน้ำมาอยู่ด้านหน้า กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนซึ่งช่วยกันกลิ่นและความชื้นไม่ให้เข้าไปรบกวนพื้นที่พักผ่อนภายในได้ โดยในห้องจะมีลักษณะคล้าย Studio ที่ทุกฟังก์ชันเชื่อมต่อกันโดยไม่มีอะไรมากั้น ทำให้ห้องดูกว้างและโปร่งโล่ง เหมาะกับคนที่ชอบใช้ชีวิตครบและจบในฟังก์ชันเดียว ซึ่งจุดที่ผมชอบคือพื้นที่อเนกประสงค์ริมหน้าต่าง ที่สามารถทำเป็นมุมนั่งทำงานอ่านหนังสือได้นั่นเอง ห้องนี้เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน ซึ่งอาจเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเพื่อนมาหาที่ห้องบ่อยนัก เพราะไม่ได้มีพื้นที่สำหรับรับแขกที่แยกออกไปเป็นส่วนตัว อีกทั้งยังเป็นห้องเริ่มต้นที่ราคาไม่สูง เหมาะกับคนที่มีงบประมาณจำกัด หรืออยากเก็บเงินไว้แต่งห้องด้วยนั่นเอง
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.7 ตารางเมตร ตำแหน่งห้องนี้จะมีอยู่เฉพาะด้านที่หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ได้วิวศูนย์ราชการ นิคมฯมาบตาพุด และภูเขาในระยะไกลครับ ซึ่งฟังก์ชันของห้องนี้จะเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกที่ผมพาไปดูเลย เพียงแต่ขนาดจะเล็กลงนิดหน่อย เพราะห้องจะสั้นลง แต่เราจะได้หน้าต่างกระจกเข้ามุมแบบ Bay Window ในห้องนอนเพิ่มเข้ามา ซึ่งไม่มีในห้องตัวอย่างครับ ดังนั้นคนที่จะเลือกห้องนี้จึงอาจเป็นคนที่ชอบฟังก์ชันนี้ แต่เน้นวิวเป็นพิเศษนั่นเอง
ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 33.4 ตารางเมตร เป็นห้องที่มีเพียงชั้นละ 1 ห้องเท่านั้น อยู่ในตำแหน่งที่ติดกับโถงลิฟต์ของลิฟต์ขนของ ซึ่งจะไม่ได้มีเสียงรบกวนจากลิฟต์โดยตรงครับ และสำหรับห้องนี้จะเป็น Type เดียวที่ได้ครัวเปิด จึงไม่ค่อยเหมาะกับการทำอาหารมากนัก แต่จะมีห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมา สามารถปรับเป็นห้องนอน, ห้องทำงาน หรือห้องแต่งตัวได้ สรุปแล้วห้องนี้จะเหมาะกับคนที่ต้องการห้องอเนกประสงค์เพื่อตอบสนอง Lifestyle ที่แตกต่างกันไป มี Common area ที่กว้าง และเป็นคนที่ไม่เน้นทำอาหารจริงจังในห้องมากนักครับ
แบบห้องสุดท้ายคือ 1 Bedroom 26 ตารางเมตร และ 1 Bedroom Plus 31.3 ตารางเมตร ซึ่งเป็น Layout พิเศษรูปตัว L และอยู่ในตำแหน่งติดกับบันไดหนีไฟเหมือนกันกันทั้งคู่ครับ สำหรับห้องแรก 1 Bedroom 26 ตารางเมตร จะได้พื้นที่ครัวขนาดใหญ่หน้าห้องเลย ทำให้พื้นเกือบครึ่งห้องจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้เป็นหลัก และมีห้องน้ำแยกตัวออกไป ไม่รบกวนพื้นที่ส่วนอื่น ทำให้ห้องดูกว้างมากขึ้นครับ
ส่วนห้อง 1 Bedroom Plus 31.3 ตารางเมตร ลักษณะจะเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกที่ผมพาไปดูครับ แต่จะมีห้องครัวแยกออกไป ได้เป็นครัวปิดเหมือนเดิม และตรงพื้นที่ครัวเก่าก็จะกลายเป็นห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมาครับ ซึ่งทุกฟังก์ชันก็กั้นด้วยกระจกบานเลื่อนทั้งหมด ทำให้พื้นที่ดูเชื่อมต่อกัน ห้องดูกว้างมากขึ้นเหมือนได้ห้องหน้ากว้างเลยครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคา
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 28 August 2019
- 1 Bedroom 22.5 – 30.2 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.09 ล้านบาท (มีโปรโมชั่นส่วนลด 300,000 บาท เหลือเพียง 1.79 ล้านบาท เฉพาะวัน Presale ที่ 28 ก.ย. 2562)
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.7 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
- Hob & Hood / ของยี่ห้อ MEX
- จอง n/a บาท
- ทำสัญญา n/a บาท
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง n/a บาท/ตร.ม./เดือน
- 28 ก.ย.นี้ เปิดจองครั้งแรก ! กับคอนโดมิเนียม 2 โครงการใหม่ NOTTING HILL RAYONG และ KENSINGTON RAYONG บนโปรเจคใหญ่ “ORIGIN SMART CITY RAYONG” แลนด์มาร์คใหม่ ใจกลาง New CBD เมืองระยอง กับ Sales Gallery ที่ใหญ่ที่สุด บนแยกเนินสำลี จ.ระยอง พร้อมรับ Gift Voucher เพื่อใช้เป็นส่วนลดสูงสุด 300,000.-* ในการเข้าจองครั้งแรก!! คลิก https://bit.ly/2kGxwje
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
ทำเล : โครงการตั้งอยู่ติดกับแยกเนินสำลี ที่ถือว่าเป็นแยกขนาดใหญ่มากในจังหวัดระยอง ซึ่งกำลังมีการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดใต้ทางแยก ในอนาคตจะทำให้การคมนาคมระหว่างนิคมอุสาหกรรมมาบตาพุด และถนนบายพาส ระยอง-พัทยา เป็นไปอย่างสะดวกมากขึ้น และถึงแม้ว่าโดยรอบโครงการจะไม่ได้มีความอุดมสมบูรณ์มากนัก อาจต้องเข้าไปในตัวเมืองสักหน่อย แต่ด้วยระยะทางประมาณ 12 km. ของต่างจังหวัดก็ถือว่าไม่ลำบากเท่าไหร่ครับ ทำให้จุดนี้กลายเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง “แหล่งงาน” และ “ความอุดมสมบูรณ์” ที่สะดวกทั้งคู่
การเดินทาง : ด้วยทำเลต่างจังหวัดแบบนี้ จึงต้องอาศัยการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก ดังนั้นที่จอดรถ 35% ส่วนตัวผมคิดว่าอาจน้อยไปหน่อยครับ แต่ก็โชคดีที่โครงการอยู่ติดกับถนนใหญ่ ทำให้เรียกรถสาธารณะได้ไม่ยากนัก เช่น รถแท็กซี่ หรือจะเป็นรถบัสรับ-ส่งพนักงานในนิคมฯก็มี เพราะทำเลของโครงการนี้อยู่บนเส้นทางที่รถสวัสดิการพนักงานจะต้องผ่านอยู่แล้ว และก็อย่าลืมว่า Notting Hill ระยอง เป็นหนึ่งในโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ในโปรเจค Origin Smart City Rayong ที่มีทั้ง Community Mall, โรงแรม และ Office Building ที่เป็นความอุดมสมบูรณ์ในตัวเอง ดังนั้นจึงสามารถชดเชยกับเรื่องทำเลที่อยู่นอกตัวเมืองได้ครับ
การออกแบบโครงการ : จุดเด่นอย่างแรกคือ Notting Hill ระยอง เป็นคอนโดมิเนียมที่สูงที่สุดของจังหวัดระยอง ณ ปัจจุบัน ซึ่งโครงการนี้เค้าได้จัดฟังก์ชันส่วนกลางแยกเอาไว้เป็น 2 จุดหลักๆ ตามฟังก์ชันการใช้งาน โดยโซนชั้นล่างๆจะเป็นพื้นที่ทำงานที่ต้องการความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว ส่วนโซนชั้นบนที่ถือว่าเป็น Highlight จะเป็นพื้นที่ออกกำลังกายและพักผ่อนชมวิวได้รอบทิศ ถือว่าโครงการแบ่งฟังก์ชันมาได้เป็นสัดส่วนเหมาะกับการใช้งานดีครับ
ส่วนเรื่องตำแหน่งห้องในอาคารก็ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะมีห้องที่ได้ความเป็นส่วนตัวหลายห้องอยู่เหมือนกัน ซึ่งอาคารนี้จะ take view แค่ 2 ด้านเท่านั้นครับ เลือกได้ไม่ยากเลย แต่ด้านที่ผมคิดว่าดีที่สุดจะเห็นทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่อยู่ติดกับถนนหลายเลข 363 เพราะมีระยะถนนที่กว้าง ไม่โดนบังวิวในระยะประชิดแน่นอน ซึ่งห้องทางฝั่งนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นห้อง size ใหญ่ของโครงการ และมีตำแหน่งเป็นส่วนตัวถึง 5 ห้องเลยทีเดียว เพียงแต่ด้วยอัตราส่วนลิฟต์ 179 : 1 ผมคิดว่าค่อนข้างหนาแน่นไปสักหน่อยครับ
การออกแบบห้องพักอาศัย : ห้องพัก 1 Bedroom ส่วนใหญ่เป็นฟังก์ชันมาตรฐานที่เป็นสัดส่วนดีอยู่แล้ว เหมือนๆกับโครงการตัวก่อนๆของออริจิ้นเค้า แต่ที่น่าสนใจคือฟังก์ชันของ 1 Bedroom Plus แบบห้องมุมที่เค้าออกแบบใหม่ ส่วนตัวผมมองว่าค่อนข้างลงตัวมากๆ เน้น common area ขนาดใหญ่ มีระเบียงยาว ทำให้เหมือนเป็นห้องหน้ากว้างที่ค่อนข้างโปร่งโล่งดีครับ รวมถึงชอบตรงที่เค้าใช้ประตูห้องอเนกประสงค์เป็นประตูกระจกบานเลื่อน เพราะทำให้โถงทางเดินกลางห้องไม่มืดจนเกินไป หรือจะเป็นห้องที่มี Layout รูปตัว L ก็น่าสนใจครับ เพราะการที่เราเอาฟังก์ชันอย่างห้องน้ำหรือห้องครัวไปไว้ในส่วนที่ยื่นออกไป จะทำให้ห้องส่วนหลักที่เหลือดูเชื่อมต่อกันเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่แบบเต็มๆ ดูกว้างและโปร่งโล่งดีไปอีกแบบครับ
วัสดุ : ถือว่าให้มาเหมาะสมกับราคาครับ ติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ พร้อมของจริงจะมี VIDEO Door Phone และระบบ Home Automation พื้นห้องเป็นกระเบื้องยางไวนิล พื้นครัวเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ให้ชุดครัวมาพร้อม Top เคาน์เตอร์หินสังเคราะห์ อ่างล้างจาน เตา และเครื่องดูดควันของ MEX กรอบประตูหน้าต่างเป็นอลูมิเนียม Anodized สีดำ ภายในเป็นกระจกใสธรรมดา ภายนอกเป็นกระจก Laminated สีเทา และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ Cotto มีฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย Tempered Glass มาให้พร้อม และสำหรับห้อง 1 Bedroom Plus ก็จะมี Smart Mirror ให้ด้วยนะครับ
สาธารณูปโภค : ผมว่าให้มาค่อนข้างเยอะเลยครับถ้าเทียบกับจำนวนยูนิต โดยชั้น 6 – 7 จะเป็น Co-Working Space, Meeting Room และสวนภายนอก ที่ชั้น 32 มี Sky Lounge ขนาดใหญ่ มีห้อง Private Sky Lounge แยกไว้ให้ กับสวนเล็กๆให้ออกไปใช้งานได้ สระว่ายน้ำขนาด 5.9 x 30 m. มีฟิตเนสและห้องโยคะด้วย ส่วนชั้น 33 จะมี Game Room, Theater Room และ Co-Kitchen รวมถึงมีสวนบนชั้นดาดฟ้าให้ขึ้นไปชมวิวและพักผ่อนได้ด้วยครับ
Judgement
สำหรับโครงการ Notting Hill ระยอง เราจะไม่มีการให้คะแนนนะครับ เนื่องจากเป็นโครงการที่อยู่ต่างจังหวัดในทำเลที่ ThinkofLiving ไม่คุ้นเคย และอาจมีปัจจัยในการเลือกซื้อหลายๆอย่างที่แตกต่างจากโครงการคอนโดในเมือง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้อ่านนะครับ
BOTTOM LINE
โครงการ Notting Hill ระยอง เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่อยู่ใกล้แหล่งงาน ทั้งศูนย์ราชการ และนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดในจังหวัดระยอง และสามารถเดินทางเข้าตัวเมืองได้สะดวก รวมถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในโครงการครบ ทั้ง Community Mall, โรงแรม และออฟฟิศ มี Sky Facilities ให้ใช้งานและชมวิวได้ มีงบประมาณเริ่มต้น 1.79 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนเริ่มต้นประมาณ 13,000 บาท/เดือน
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving