..ใครกำลังมองหาคอนโดย่านรามอินทรา ราคาจับต้องได้ไม่ยาก วันนี้ผมมีรีวิวโครงการใหม่ Na Veera Ramintra (ณ วีรา รามอินทรา) มาฝากครับ ซึ่งจะอยู่ในซอยลาดปลาเค้าแถวๆปากซอยที่อุดมสมบูรณ์มาก อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าสายสีชมพูอีกด้วย โดยจะเน้นเป็นห้องไซส์เล็ก 1 Bedroom ขนาด 22 – 26 ตร.ม. ที่มีราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท* ส่วนจุดเด่นอื่นๆของโครงการจะมีอะไรบ้างนั้น ผมได้รวบรวมมาให้ดังนี้ครับ

  • ทำเลอุดมสมบูรณ์ ใกล้ตลาดและคอมมูนิตี้มอลล์ในระยะเดินได้ง่ายเพียง 300 m.
  • เรียกรถสาธารณะได้ง่าย ปากซอยมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูให้ใช้ ห่างจากโครงการประมาณ 1 km.
  • เป็นห้องไซส์เล็กแต่สามารถจัดฟังก์ชันทำให้ห้องดูกว้างขวาง และโปร่งโล่งดีทีเดียว
  • แยกอาคาร Clubhouse ออกมาจากอาคารหลัก ทำให้การใช้งานมีความเป็นส่วนตัวจากกัน
  • ราคาเริ่มต้นไม่สูงมากนัก หากเทียบกับเพื่อนบ้านย่านเดียวกันที่ติดถนนใหญ่ ซึ่งปัจจุบันมักจะมีราคา 2 ล้านขึ้นไปกันหมดแล้ว

ข้อมูลโครงการ

Na Veera Ramintra (ณ วีรา รามอินทรา) ณ วันที่ 18 สิงหาคม 2566

 ชื่อโครงการ  Na Veera Ramintra (ณ วีรา รามอินทรา)
 ชื่อผู้ประกอบการ  บริษัท แอสเสท พลัส อินเตอร์ จำกัด โดย บริษัท ณวรางค์ แอสเซท จำกัด
 SEGMENT CLASS  MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ถนน ลาดปลาเค้า เขต บางเขน
 ที่ดิน  1-3-8.5 ไร่
 ประเภทคอนโด  Low Rise 8 ชั้น
 จำนวนยูนิต  218 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด   32 ยูนิต
 ที่จอดรถ  คิดเป็น 32% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน
 เริ่มก่อสร้าง  Q2 ปี 2567
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  Q2 ปี 2568
 ประเภทห้องพัก
    • Type A  ห้อง 1 Bedroom ขนาด 22.07 – 22.87 ตร.ม.
    • Type B  ห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.42 – 27.34 ตร.ม.
    • Type C  ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35.13 – 35.74 ตร.ม.
    • Type D1  ห้อง 2 Bedrooms ขนาด 41.04 ตร.ม.
    • Type D2  ห้อง 2 Bedrooms ขนาด 41.72 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง  2.4 เมตร
 ราคาเริ่มต้น  1.59 ล้านบาท (Promotion)
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  85,000 บาท/ตร.ม.
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม)  อยู่ระหว่างการประเมิน
 เว็บไซต์โครงการ https://navarangasset.com/projects/naveera-ramintra/
 Call Center 094-836-5559

 

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ทำเลอุดมสมบูรณ์ ใกล้ตลาดและคอมมูนิตี้มอลล์ในระยะเดิน 300 m. หาของกินง่าย
  • ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีชมพู 1 km. เป็นตัวเลือกในการเดินทางเข้าเมืองที่สะดวก
  • เป็นคอนโดที่ราคาเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้านในย่าน ซึ่งปัจจุบันมีตัวเลือกไม่มากนัก

พิกัด Google Maps : 13.859295, 100.611396
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

..โครงการ Na Veera Ramintra (ณ วีรา รามอินทรา) ตั้งอยู่ภายในซอยลาดปลาเค้าย่านรามอินทรา ซึ่งจะเป็นบริเวณใกล้กับปากซอยที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงมากๆครับ โดยจะอยู่ใกล้ทั้งคอมมูนิตี้มอลล์เดอะแจส ตลาดเดินเพลิน และตลาดลาดปลาเค้า ที่อยู่ใกล้ในระยะเดินถึงได้ประมาณ 500 m. เท่านั้น อีกทั้งยังมีการเดินทางด้วยรถสาธารณะที่ค่อนข้างสะดวกอีกด้วยครับ เพราะเป็นซอยที่มีทั้งวินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ และรถกระป้อขับผ่านอยู่ตลอดเวลา รวมถึงที่ถนนใหญ่ใกล้ๆกับปากซอยยังเป็นที่ตั้งของรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีลาดปลาเค้า อีกด้วยครับ

และหากพูดถึงที่อยู่อาศัยในซอยนี้ ปัจจุบันโครงการประเภทคอนโดถือว่ามีตัวเลือกไม่เยอะนัก ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการเก่าที่มีอายุ 5 – 10 ปีขึ้นไป และถ้าเป็นโครงการใหม่ๆก็มักจะอยู่บนถนนใหญ่หรือใกล้รถไฟฟ้ามากกว่าก็จริง แต่ก็มักจะมีราคา 2 ล้านบาทขึ้นไปเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหากใครกำลังมองหาคอนโดที่อยู่ในงบเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้านในย่านนี้ ก็จะมีโครงการของ Na Veera Ramintra (ณ วีรา รามอินทรา) ในปัจจุบันเนี่ยแหละครับที่จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกแรกๆเลย

รถไฟฟ้าสายสีชมพู :

เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางที่สะดวก และสามารถเลี่ยงรถติดได้ดีของย่านนี้ครับ โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ ‘สถานี ลาดปลาเค้า’ จะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1 km. ซึ่งเราอาจนั่งวินมอเตอร์ไซค์มาลงตรงปากซอย แล้วเดินย้อนถนนกลับมายังสถานี 300 m. ก็ได้นะครับ

สำหรับรถไฟฟ้าสายสีชมพู ปัจจุบันมีกำหนดการล่าสุดจะเปิดให้บริการในปี 2567 โดยพาดผ่านกรุงเทพตะวันตก-ตะวันออก ซึ่งหมายความว่าตอนที่โครงการ Na Veera Ramintra (ณ วีรา รามอินทรา) สร้างเสร็จเราก็จะมีรถไฟฟ้าให้ใช้แล้วนั่นเอง อีกทั้งรถไฟฟ้าสายนี้ยังสามารถไปเชื่อมต่อกับสายอื่นๆได้อีก คือ

  • สถานี ศูนย์ราชการนนทบุรี : เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายสีน้ำตาล (ในอนาคต)
  • สถานี หลักสี่ : เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม
  • สถานี วัดพระศรีมหาธาตุ : เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว (สุขุมวิท)
  • สถานี วัชรพล : เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเทา (ในอนาคต)
  • สถานี มีนบุรี : เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม

ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :

สำหรับทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ ‘ทางด่วนฉลองรัช’ หรือที่เรามักจะเรียกกันติดปากว่า ทางด่วนรามอินทรา ซึ่งจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 6.5 m. สามารถเข้าเมืองไปทางพระราม 9 – อโศกได้ครับ

สำนักงานขาย :

ปัจจุบันที่ตั้งของสำนักงานขาย (Sale Gallery) จะอยู่ใกล้ๆกับตัวโครงการประมาณ 160 m. ซึ่งหากใครสนใจเข้าไปชมห้องตัวอย่าง ก็สามารถเข้ามาติดต่อเจ้าหน้าที่หน้างานได้เลย หรือจะคลิกพิกัดสำนักงานได้ที่นี่ครับ >> สำนักงานขาย ณ วีรา รามอินทรา

โดยจุดสังเกตง่ายๆของสำนักงานขายก็คือ Skytube สีส้มที่เด่นสะดุดตาอยู่ริมถนน และจะอยู่ติดกับอู่หยอยที่เป็นอู่ขนาดใหญ่แบบนี้เลยครับ ซึ่งด้านในก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูลต่างๆ พร้อมกับมีโมเดลและห้องตัวอย่างให้ดูด้วยนะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนแนวราบ และยังมีคอนโดเพื่อนบ้านที่เป็น Low Rise เหมือนกันตั้งอยู่อีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นทำเลที่ค่อนข้างคึกคักและอุมดมสมบูรณ์ สามารถหาของกินหรือเรียกรถสาธารณะด้านหน้าโครงการได้ง่าย ส่วนวิวต่างๆจะสามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : เป็นทางเข้าหลักของโครงการ ติดกับ ถนนลาดปลาเค้า และฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น
  • ทิศใต้ : ติดกับ คอนโดลุมพินีสูง 8 ชั้น และห้องบางส่วนก็จะได้วิวส่วนกลางของลุมพินีด้วยเช่นกัน
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ ซอยลาดปลาเค้า 72 และฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ คอนโดลุมพินีสูง 8 ชั้น

โดยภาพนี้จะเป็นบรรยากาศภายในที่ดินโครงการก่อนที่จะก่อสร้าง ซึ่งก็จะมีคอนโดลุมพินีเพื่อนบ้านและอาคารข้างเตียงอยู่รอบข้างแบบนี้ครับ

บริเวณด้านหน้าโครงการปัจจุบันมีการล้อมรั้วเตรียมที่จะก่อสร้างแล้ว และถนนด้านหน้าก็มีรถผ่านไป-มาค่อนข้างคึกคัก จึงทำให้สามารถเรียกรถสาธารณะอย่างวินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ หรือรถกะป้อได้ง่ายนั่นเองครับ

ทางด้านซ้ายของโครงการจะอยู่ติดกับซอยลาดปลาเค้า 72 ซึ่งเป็นซอยลัดที่สามารถเชื่อมต่อไปออกถนนลาดพร้าวที่ซอยรามอินทรา 8 ได้ด้วย

หรือถ้าเราไปตามทางบนถนนลาดปลาเค้านี้ก็จะผ่านทั้งตลาด คอมมูนิตี้มอลล์ และไปขึ้นรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่อยู่ใกล้ๆปากซอยได้

ส่วนทางขวาของโครงการจะอยู่ติดกับคอนโดลุมพินี และที่ด้านหน้าคอนโดนี้ก็จะมีเซเว่นตั้งอยู่ด้วย จึงทำให้เราสามารถเดินมาซื้อของได้สะดวกด้วยเช่นกัน

Image 1/5

ตลาดเดินเพลิน กม.2 :

เป็นตลาดกลางคืนที่จะเปิดทุกวันเวลา 16.00 – 23.00 น. โดยจะอยู่ห่างจากโครงการเพียง 300 m. เท่านั้น สามารถขับรถมาหรือจะเดินมาก็ยังได้ ภายในส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาคาร ชาบู ร้านเครื่องดื่ม และร้านนั่งชิล รวมถึงด้านในสุดก็จะเป็น Sport Club ให้มาใช้บริการกันได้อีกด้วย

Image 1/11

เดอะแจส รามอินทรา :

เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตลาดเดินเพลิน โดยภายในก็จะมีร้านต่างๆให้เราได้ช้อปปิ้งครบ รวมถึงแหล่งให้ฝากท้องกันอย่าง Food Court และร้านอาหารแบรนด์ดังก็มี เช่น KFC / MK / Pizza / Starbucks เป็นต้น ส่วนชั้นบนจะเป็นพวกสถาบันกวดวิชา และคลินิกเสริมความงามครับ

เรียกได้ว่าโครงการ Na Veera Ramintra (ณ วีรา รามอินทรา) มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่ครบครัน และอยู่ใกล้ในระยะเดินถึงง่ายๆเพียง 300 m. เท่านั้น ถือได้ว่าทำเลมีความน่าสนใจมากๆเลยครับ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • The Jas Ramintra ~ 300 m.
  • ตลาดเดินเพลิน กม.2 ~ 300 m.
  • ตลาดลาดปลาเค้า ~ 650 m.
  • Central รามอินทรา ~ 3.3 km.
  • Ease Park ~ 3.8 km.
  • นวมินทร์ ซิตี้ อเวนิว ~ 4.7 km.
  • ตลาดยิ่งเจริญ ~ 5.9 km.
  • ตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา ~ 7.9 km.
  • Central Festival Eastville ~ 11.1 km.

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลซีจีเอช (CGH) ~ 5.3 km.
  • โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ~ 10 km.

โรงเรียน

  • มหาวิทยาลัยเกริก ~ 3.2 km.
  • มหาวิทยาลัยศรีปทุม ~ 5.6 km.
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ~ 9.6 km.

แหล่งงานและอื่นๆ

  • SCB Park ~ 4.7 km.
  • กรมป่าไม้ ~ 7.2 km.
  • ตึกช้าง ~ 7.7 km.
  • กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 11 ~ 8.3 km.
  • อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ~ 12.2 km.
  • ท่าอากาศยานดอนเมือง ~ 14.2 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • แยกอาคาร Clubhouse และฟังก์ชันส่วนกลางอื่นๆออกมาจากอาคารพักอาศัยหลัก ทำให้มีความเป็นส่วนตัว และยังได้วิวส่วนกลางจากห้องพักอีกด้วย
  • มีตำแหน่งห้องพักแต่ละ Type ที่แยกกันชัดเจน สามารถเลือกให้ตรงกับความต้องการได้ง่าย ไม่ซับซ้อน
  • เป็นโครงการขนาดกลางๆ แต่ถ้าเทียบกับเพื่อนบ้านย่านเดียวกันถือว่ายูนิตไม่เยอะ จึงเป็นโครงการที่ไม่พลุกพล่านหรือวุ่นวายมากนัก

..โครงกาาร Na Veera Ramintra (ณ วีรา รามอินทรา) เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร + Clubhouse สูง 2 ชั้น 1 อาคาร ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 1-3-8.5 และมีเพื่อนบ้าน 218 ยูนิต จัดเป็นโครงการขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่หากเทียบกับเพื่อนบ้านในย่านเดียวกัน ก็ถือว่ามียูนิตที่น้อยกว่า เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความพลุกพล่านวุ่นวายในโครงการครับ

Master Plan :

ตัวโครงการจะมีการแยกอาคาร Clubhouse ออกมาทางด้านหน้า เพื่อทำให้อาคารพักอาศัยหลักมีความเป็นส่วนตัวและไม่วุ่นวาย รวมถึงยังทำให้ห้องพักที่หันเข้ามาด้านใน สามารถมองวิวส่วนกลางสวยๆได้อีกด้วยครับ แต่ทั้งนี้ก็ต้องแลกมากับการใช้งานที่จะต้องเดินข้ามกันไป-มาระหว่างอาคารอยู่สักหน่อย ทำให้เวลาที่แดดแรงๆหรือมีฝนตกก็อาจต้องพกร่มกันสักนิดนึงนะ

บริเวณใต้อาคารจะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมด 32% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน ถือว่าให้มาเป็นมาตรฐานไม่ได้เยอะมากนะครับ เพราะทำเลนี้ก็มีตัวเลือกในการเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆอยู่แล้วด้วยนั่นเอง ส่วนพื้นที่สีเขียวก็จะกระจายอยู่ 2 จุด สามารถมานั่งพักผ่อนหรือเดินเล่นกันได้ รวมถึงใต้อาคารจะมี Lobby แยกออกมาจาก Clubhouse เพื่อที่เวลามีแขกมาหาก็จะได้แยกตัวออกมา ไม่รบกวนลูกบ้านท่านอื่นที่ใช้งานส่วนกลางอยู่นั่นเองครับ

ภาพจากโมเดลบริเวณทางเข้าโครงการ จะไม่ได้มีซุ้มประตูนะครับ แต่ของจริงจะเป็นไม้กั้นกระดกแทน เข้า-ออกด้วยการแตะบัตร Key Card Access มาพร้อมกล้อง CCTV และมี รปภ. คอยดูแลตลอด 24 ชม.

เมื่อเข้ามาเราจะเจอกับ Clubhouse ทางขวามือ ซึ่งจะเป็นอาคาร 2 ชั้น พร้อมดาดฟ้าให้ขึ้นไปใช้งานได้ด้วย โดยภายในก็จะมีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ ได้แก่ Co-Working Space / Meeting Room / Swimming Pool / Kids Pool และ Fitness

สำหรับสระว่ายน้ำจะมีขนาด 9.9 x 4.5 m. ซึ่งอาจไม่ได้ใหญ่มากนัก ซึ่งถ้าใครที่ต้องการว่ายออกกำลังกายจริงจังก็อาจต้องวนหลายๆรอบสักหน่อยครับ และแนะนำให้มาใช้งานช่วงแดดร่มๆนะ เพราะเป็นสระแบบกลางแจ้งนั่นเอง

แต่ที่ผมชอบอย่างหนึ่งก็คือ เค้าจะมีการปลูกแนวต้นไม้กั่นเอาไว้ระหว่างสระว่ายน้ำและถนนโครงการ ซึ่งจะช่วยพรางสายตาและเพิ่มความเป็นส่วนตัว ให้กับคนที่มาใช้งานสระว่ายน้ำได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

ภาพบรรยากาศจำลอง Co-Working Space ภายในจะมีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งหลายจุดเลยครับ ซึ่งเราสามารถเข้ามาทำงานอ่านหนังสือในห้องแอร์เย็นๆได้ หรือถ้าใครอยากประชุมกับเพื่อนเป็นส่วนตัว เค้าก็จะมีห้อง Meeting Room แยกเอาไว้ให้ด้วยนะ

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Fitness ที่อยู่บนชั้น 2 ซึ่งจะมีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ และล้อมรอบด้วยผนังกระจกทั้ง 3 ด้าน ทำให้มีความสว่างโปร่งโล่ง แต่ด้วยความที่เป็นโครงการขนาดไม่ใหญ่มากนัก เลยอาจทำให้ต้องมองเห็นห้องของเพื่อนบ้านอยู่บ้างนะครับ

ถัดเข้ามาด้านในจะมีพื้นที่สีเขียวอยู่ข้างๆ Clubhouse ด้วยครับ ซึ่งถูกจัดเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนใต้ต้นไม้จริงจังแบบนี้เลย

โดยจะแบ่งเป็นโซนโต๊ะแบบเดี่ยวที่จะนั่งคนเดียวหรือนั่งเป็นคู่ก็ได้ รวมถึงด้านในสุดจะเป็นโต๊ะขนาดใหญ่ที่เป็น BBQ. Area ให้เราได้มาปาร์ตี้ทานอาหาร หรือทำกิจกรรมกับเพื่อนหลายๆคนได้ครับ

ส่วนพื้นที่สีเขียวอีกจุดหนึ่งจะอยู่ตรงมุมด้านหน้าสุดของโครงการ โดยจะเป็นพื้นที่ให้มาเดินเล่นและนั่งพักผ่อนนิดๆหน่อยๆได้ครับ

นอกจากนี้ทางโครงการยังมีการคำนึงถึง Universal Design ด้วยการทำพื้นที่จอดรถของผู้ใช้รถเข็นวีลแชร์ให้อยู่ใกล้ๆ Lobby และมีทางลาดให้ใช้งานได้สะดวกแบบนี้ด้วยครับ

ซึ่งนอกจากผู้ที่ใช้รถเข็นวีลแชร์แล้ว ก็ยังเป็นประโยชน์สำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ รวมไปถึงคนทั่วไปที่สามารถลากกระเป๋าขนของขึ้นห้องได้อีกด้วยนั่นเอง

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Lobby จะเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume ให้เราสามารถมานั่งเล่นพักผ่อน หรือแขกก็สามารถมานั่งคอยได้ รวมถึงยังมี Mail Box ให้หยิบก่อนขึ้นห้องได้ด้วยครับ

แปลนชั้น 2 จะเริ่มเป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมดเลยครับ แต่จะยังไม่ได้เป็นชั้นที่มีห้องพักอาศัยแบบ Full เต็มที่นะ เพราะจะมีตำแหน่งห้องบางส่วนที่หายไป เนื่องจากเป็นพื้นที่ Double Volume ของ Lobby และเป็นหลังคาบางส่วนของชั้น 1 นั่นเอง

จึงทำให้ชั้นนี้มีเพื่อนบ้านทั้งหมด 30 ยูนิต (น้อยกว่าชั้นปกติ 2 ยูนิต) โดยความน่าสนใจจริงๆจะเป็นตำแหน่งห้องที่หันออกไปด้านนอกโครงการ ซึ่งจะเป็นแนวต้นไม้ที่ปลูกอยู่รอบๆรั้ว และความสูงของชั้น 2 นี้ก็จะพอดีกับระดับพุ่มไม้ครับ จึงค่อนข้างเหมาะกับคนที่ชอบใกล้ชิดธรรมชาติ และมีความเงียบสงบเป็นส่วนตัว

แปลนชั้น 3 – 7 จะเป็นชั้นพักอาศัยปกติที่มีห้องพักอยู่เต็ม 32 ยูนิต โดยตัวอาคารจะเป็นรูปตัว L โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ และมีการแยกตำแหน่งห้องของแต่ละ Type ได้ชัดเจนไม่ซับซ้อน ทำให้ผมสามารถสรุปความน่าสนใจออกมาได้ดังนี้

  • กรอบสีแดง : เป็นตำแหน่งที่ได้มองเห็นพื้นที่ส่วนกลางได้ดีที่สุด โดยหลักๆก็จะเป็นวิวสระว่ายน้ำและสวนบน Rooftop ซึ่งผมแนะนำให้เป็นชั้นที่ 5 – 6 กำลังดีครับ เนื่องจากจะพ้นระดับสายตาของคนที่มาใช้งาน Clubhouse ได้พอดี และทำให้ห้องของเราไม่เสียความเป็นส่วนตัวมากเกินไปอีกด้วย
  • กรอบสีน้ำเงิน : เป็นตำแหน่งห้องของ 1 Bedroom Plus ซึ่งจะมีเพียง 3 ยูนิต/ชั้น และจะได้วิวภายในโครงการที่ค่อนข้างเปิดโล่งเป็นส่วนตัว โดยจะหันหน้าออกไปทางถนนด้านหน้าโครงการ และมองเห็นพื้นที่จอดรถ + อาคาร Clubhouse แบบไกลๆได้ด้วย
  • กรอบสีชมพู : เป็นตำแหน่งห้องที่อยู่ด้านหลังโครงการ ซึ่งอยู่ติดกับคอนโดเพื่อนบ้านเลยจะโดนบังวิวอยู่พอสมควร แต่ความน่าสนใจจริงๆก็คือ ‘ราคา’ เนื่องจากเป็นห้องไซส์เล็กสุด 1 Bedroom 22 ตร.ม. จึงเหมาะกับคนที่อาจมีงบประมาณที่จำกัดนั่นเอง
  • กรอบสีส้ม : เป็นตำแหน่งห้องที่ได้วิวเปิดโล่งที่สุด แต่แนะนำให้เป็นชั้นสูงๆประมาณชั้น 5 – 6 ขึ้นไป เพื่อให้พ้นจากระยะของอาคารพาณิชย์ 4 ชั้นที่อยู่ในซอยข้างๆครับ ซึ่งเราจะได้เห็นวิวชุมชนแนวราบของซอยลาดปลาเค้า และทั้งหมดจะเป็นห้อง 1 Bedroom 26 ตร.ม.
  • กรอบสีม่วง : เป็นตำแหน่งของห้อง 2 Bedrooms ซึ่งจะมีเพียง 2 ยูนิต/ชั้น โดยจะอยู่ตรงสุดทางเดินจึงค่อนข้างไกลจากลิฟต์อยู่สักหน่อย แต่ก็ได้ความเป็นส่วนตัวดีครับ เหมาะกับคนที่ต้องการอยู่กันเป็นครอบครัวจริงจัง

นี่เป็นภาพจากโมเดลที่แสดงให้เห็นถึงตำแหน่งห้องที่ได้วิวส่วนกลาง ซึ่งผมแนะนำให้เป็นชั้น 5 – 6 ขึ้นไปก็เพราะว่า เป็นความสูงที่พ้นระดับสายตาของคนที่มาใช้งาน Fitness และ Rooftop แล้วนั่นเอง เพื่อที่ห้องของเราจะได้ไม่เสียความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยครับ

ส่วนมุมนี้จะเป็นห้อง 1 Bedroom Plus ซึ่งวิวหลักๆในโครงการจะมองเห็นพื้นที่จอดรถกลางแจ้ง และเห็นพื้นที่ส่วนกลางได้แบบนี้เลย แต่อาจจะอยู่ไกลจาก Clubouse สักหน่อย ดังนั้นจึงจะเน้นเป็นวิวเปิดโล่งที่หันออกไปด้านนอกโครงการแบบตรงๆมากกว่าครับ

แปลนชั้น 8 จะเห็นว่ามีตำแหน่งห้องบางส่วนที่หายไปถึง 4 ยูนิต จึงทำให้เป็นชั้นพักอาศัยที่มีความเป็นส่วนตัวที่สุดในโครงการ ซึ่งจะมีเพื่อนบ้านทั้งหมด 28 ห้องเท่านั้น อีกทั้งยังเหมาะกับคนที่ชอบวิวมุมสูงในระยะไกลๆอีกด้วย

แต่ทั้งนี้ก็อาจต้องพิจารณาถึงความร้อนของฝ้าเพดานในช่วงกลางวัน ที่แน่นอนว่าอาจได้รับผลกระทบมากกว่าชั้นอื่นๆ แต่ถ้าใครเลิกงานกลับมาอยู่เฉพาะกลางคืนอยู่แล้วก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร

รวมถึงอัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการเฉลี่ยอยู่ที่ 109 :  1 ซึ่งก็ยังถือว่าค่อนข้างหนาแน่นอยู่พอสมควร จึงทำให้เป็นโครงการที่อาจต้องมีการยืนรอลิฟต์กันอยู่บ้างนั่นเองครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse
  • Lobby
  • Co-Working Space
  • Meeting Corner
  • Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 9.9 x 4.5 m.
  • Kids Pool
  • Fitness
  • Boxing Corner
  • Rooftop Garden
  • Garden & BBQ. Area
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 109 :  1
  • ที่จอดรถประมาณ 32% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card Access
  • รปภ. ดูแลตลอด 24 ชม.

 

แบบห้อง

Highlights :

  • สามารถจัดฟังก์ชันห้องไซส์เล็กออกมาได้ลงตัว และยังทำให้ห้องดูกว้างขวางโปร่งโล่งดี
  • มีแบบห้องให้เลือกเยอะถึง 5 แบบ ซึ่งมีจุดเด่นและตอบโจย์คนที่มี Lifestyle แตกต่างกัน
  • ห้อง 1 Bedroom ได้ครัวปิดทุกแบบ และมี Walk-in Closet ให้ใช้งาน
  • ห้อง 1 Bedroom Plus มีห้องอเนกประสงค์และห้องนอนเป็นส่วนตัว
  • ห้อง 2 Bedrooms เหมาะกับอยู่เป็นครอบครัว ได้พื้นที่ Common Area ขนาดใหญ่ บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน

..โครงกาาร Na Veera Ramintra (ณ วีรา รามอินทรา) มีห้องพักทั้งหมด 3 Type 5 แบบ โดยจะเน้นห้อง 1 Bedroom เป็นหลัก แต่ถ้าใครที่ต้องการห้องไซส์ใหญ่ หรืออยู่อาศัยเป็นครอบครัวจริงจัง ก็มีห้อง 1 Bedroom Plus และ 2 Bedrooms ให้เลือกด้วยเช่นกันครับ ประกอบด้วย

  • Type A  ห้อง 1 Bedroom ขนาด 22.07 – 22.87 ตร.ม.
  • Type B  ห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.42 – 27.34 ตร.ม.
  • Type C  ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35.13 – 35.74 ตร.ม.
  • Type D1  ห้อง 2 Bedrooms ขนาด 41.04 ตร.ม.
  • Type D2  ห้อง 2 Bedrooms ขนาด 41.72 ตร.ม.

ลักษณะการขายมาตรฐานจะเป็นแบบ Fully Fitted คือมีเฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่จำเป็นมาให้แล้วบางส่วน ประกอบด้วย ชุดครัว ตู้เสื้อผ้า โต๊ะแต่งหน้า และสุขภัณฑ์ต่างๆในห้องน้ำ จึงเหมาะกับคนที่ชอบแต่งห้องเอง และแน่นอนว่าจะต้องเผื่อเงินส่วนหนึ่งเอาไว้ซื้อของเข้าห้องเพิ่มด้วยนะครับ

แต่สำหรับช่วงที่โครงการเพิ่งเปิดตัวใหม่นี้ จะมีโปรโมชั่น Furniture Package แบบ Fully Furnished ที่เป็นชิ้นลอยตัวแถมให้ด้วยนะ หลักๆจะประกอบด้วย โซฟา ชั้นวางทีวี ตู้เก็บรองเท้า ฐานเตียง โต๊ะทานข้าว และเก้าอี้  ขาดเพียงเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนตัวบางอย่างก็สามารถหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย

**หมายเหตุ : ระยะเวลาและโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามกับทางโครงการอีกครั้ง

  • Type B  ห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.42 – 27.34 ตร.ม.

จุดเด่นของห้องนี้คือ ‘ความกว้างขวาง และได้ครัวติดระเบียง’ โดยบริเวณตรงกลางห้องจะมีพื้นที่เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่ระหว่างห้องนั่งเล่น และห้องครัว รวมถึงยังกั้นห้องนอนด้วยประตูกระจกด้วย ซึ่งจุดนี้เองทำให้เวลาที่เราเข้ามาอยู่ในห้องแล้ว ก็จะรู้สึกว่าห้องดูกว้างขวางและสว่างโปร่งโล่งมากกว่าปกติ

และด้วยตำแหน่งของครัวที่อยู่ติดกับระเบียงแบบนี้ ยังทำให้เหมาะกับคนชอบทำอาหารด้วยครับ เพราะเราสามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายกลิ่น/ควันได้ง่ายๆเลย รวมถึงยังสามารถกั้นประตูตรงกลางห้องเพิ่มเติม เพื่อทำเป็นครัวปิดสำหรับคนที่ชอบทำอาหารแบบจริงจังได้อีกด้วยนะ

สำหรับประตูห้องทางโครงการจะมี Digital Door Lock ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานแบบนี้ด้วยครับ ทำให้มีความปลอดภัยและสามารถเข้า-ออกได้สะดวก

เมื่อเข้ามาเราจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ ซึ่งบรรยากาศจะค่อนข้างโปร่งโล่งดีทีเดียว เพราะเราจะได้แสงสว่างจากด้านในส่องเข้ามาจนถึงหน้าห้องนี้เลยครับ

โดยพื้นก็จะเป็นกระเบื้อง SPC (Stone Plastic Composite) ที่สามารถทนความชื้นและรอยขีดช่วนได้ดี ส่วนฝ้าเพดานก็จะสูง 2.4 m. เป็นมาตรฐาน

สำหรับพื้นที่ส่วนแรกจะเป็น Living Area โดยมีระยะห่าง TV อยู่ที่ 2.7 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้สบายๆ อีกทั้งยังสามารถ Built-in ตู้เก็บรองเท้าเพิ่มเติมได้อีกด้วย ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นพื้นที่วางโซฟาและโต๊ะทานอาหารครับ

โดยหากใครอยากจะใช้เป็นโซฟาตัวยาวไว้นอนดูหนังสบายๆ ก็อาจลองหาโต๊ะหน้าทีวีแบบ Multi-Function ที่สามารถปรับระดับความสูงได้มาใช้ดูก็น่าสนใจ และเราจะมีพื้นที่เหลือให้ขยายเป็นโซฟาตัวใหญ่ได้นั่นเอง

บริเวณกลางห้องจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียมสีดำพร้อมกระจกใสปกติ จึงทำให้ได้แสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามา และเวลาที่เปิดประตูเอาไว้พื้นที่ห้องก็จะเชื่อมต่อกัน ทำให้ดูกว้างขวางโปร่งโล่งมากขึ้น

และเราสามารถเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องนอนได้ ด้วยการติดผ้าม่านเพิ่มเติมครับ ซึ่งเวลามีแขกมาหาก็สามารถเลื่อนปิดเอาไว้ เพื่อไม่ให้มองเข้าไปเห็นพื้นที่ส่วนตัวของเราด้านในได้นั่นเอง

ภายในห้องนอนมีขนาดใหญ่และกว้างขวางดีครับ ซึ่งเราสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต แล้วยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้ใช้งานได้สะดวก

โดยหากเราเลื่อนเตียงไปชิดกับหน้าต่าง ก็จะมีพื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งเหลือกว้าง 60 cm. ให้ขึ้น-ลงเตียงได้สะดวก และยังสามารถเพิ่มโต๊ะหัวเตียงเพื่อใช้วางโคมไฟ หรือชาร์จโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้ๆตัวได้อีกด้วยครับ

ช่องหน้าต่างมีขนาดค่อนข้างใหญ่ จึงทำให้สามารถนอนบนเตียงเพื่อชมวิวชิลๆ และมีแสงสว่างส่องผ่านเข้ามาได้เต็มที่ โดยจะมีช่องหน้าต่างบานกระทุ้งด้านข้าง ให้เปิดระบายอากาศได้ด้วยครับ

ส่วนบริเวณปลายเตียงจะเป็นพื้นที่แต่งตัว ประกอบด้วย ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ Built-in มาให้เป็นมาตรฐานแบบนี้เลยครับ

พื้นที่แต่งตัวปลายเตียงจะกว้าง 80 cm. ให้สามารถยืนใช้งานได้พอดีๆ และภายในตู้มีพื้นที่เก็บเสื้อผ้าสำหรับ 1 – 2 คน และหน้าบานข้างหนึ่งก็จะเป็นกระจกเงาไว้ส่องแต่ตัวได้ด้วย (แต่ของจริงจะไม่ได้มีการติดตั้งไฟส่องสว่างให้นะครับ)

ถัดมาจะเป็นทางโถงทางเดินเชื่อมต่อไปยังส่วนครัวและห้องน้ำ ซึ่งจะมีขนาดใหญ่และกว้างกว่าห้องปกติค่อนข้างมาก

จึงทำให้บรรยากาศภาพรวมของห้องดูกว้างขวางและโปร่งโล่งดีทีเดียว แต่ถ้าใครที่เป็นคนชอบทำอาหารจริงจัง ก็สามารถติดผนังหรือประตูเพิ่มเติมเองได้นะครับ

พื้นที่ทำครัวกว้าง 1.2 m. สามารถใช้งานได้ปกติ และมีพื้นที่ด้านข้างสำหรับวางตู้เย็นกว้าง 70 cm. สูง 1.55 m. เป็นให้มาตรฐานครับ

เคาน์เตอร์ครัวทางโครงการจะ Built-in มาให้แบบนี้เลย ซึ่งก็มีช่องให้เราได้เก็บของเยอะพอสมควร อีกทั้งตำแหน่งของไมโครเวฟก็จะอยู่ด้านล่างพอดี จึงทำให้ผู้หญิงหรือคนตัวเล็กๆก็สามารถใช้งานได้ง่ายครับ

Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์สีขาว ซึ่งสามารถทนความร้อนและความชื้นได้ดี มีการติดตั้ง Backsplash ที่ผนังมาให้เพื่อเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

ส่วน Hop and Hood จะเป็นแบบดูดหมุนเวียนภายใน ซึ่งเราอาจต้องคอยหมั่นถอดไส้กรองมาทำความสะอาดบ่อยๆหน่อยนะครับ แต่ทั้งนี้ก็ทำให้มีพื้นที่ตู้ด้านบนให้เก็บของได้เยอะขึ้นด้วยนั่นเอง

ติดกันจะเป็นระเบียงที่เราสามารถเปิดประตูเพื่อระบายกลิ่น/ควันได้โดยตรง ภายนอกมีขนาด 1.6 x 1 m. พอที่จะใช้วางเครื่องซักผ้าได้แบบพอดีๆ หรือจะตากผ้าเล็กๆน้อยๆได้ครับ ส่วนด้านบนของจริงก็จะมี Condensing Unit ของแอร์ติดตั้งเอาไว้ตามปกตินะ

อีกด้านหนึ่งจะเป็นห้องน้ำที่สามารถใช้งานได้สะดวกจาก Living Area

ภายในห้องน้ำแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน โดยเราจะได้สุขภัณฑ์จาก Cotto ครบเหมือนห้องตัวอย่างเลยครับ และด้านบนของจริงก็จะมีพัดลมดูดอากาศติดตั้งมาให้ด้วยนะ

นอกจากนี้ยังติดฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass มาให้แบบนี้ด้วย ซึ่งจะช่วยกันไม่ให้น้ำกระเด็นออกมาเปียกด้านนอกได้ดี แถมยังมี Stopper ติดตั้งมาให้ช่วยกันกระแทกให้ด้วย

พื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1 x 0.9 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆตัว พร้อมติด Hand Shower และเจาะช่องตรงผนังให้วางสบู่/แชมพู รวมถึงของจริงก็จะมีการติด Junction สำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เป็นมาตรฐานด้วยนะครับ

  • Type A  ห้อง 1 Bedroom ขนาด 22.07 – 22.87 ตร.ม.

จุดเด่นของห้องนี้คือ ‘Walk-in Closet’ ที่อยู่ติดกับระเบียงและห้องน้ำ ซึ่งเดิมทีมักจะเป็นตำแหน่งของครัวใช่มั้ยครับ แต่คราวนี้จะมีการสลับตำแหน่งให้ครัวย้ายมาอยู่ด้านหน้าห้องแทน และเรายังได้เป็นครัวปิดที่ทำอาหารจริงจังได้ระดับหนึ่งด้วย ส่วนภายในห้องนอนจะมีลักษณะคล้ายห้อง Studio ที่มีพื้นที่ Living Area รวมอยู่ด้วย จึงทำให้มีความกว้างขวางและโปร่งโล่งดีทีเดียวครับ

ทั้งนี้ก็แลกมากับการลดทอนฟังก์ชันโต๊ะนั่งทานอาหารออกไป เพื่อประหยัดพื้นที่ใช้สอยส่วนอื่นๆ จึงทำให้เราอาจต้องปรับตัวมานั่งทานตรงบริเวณหน้าทีวีแทนนั่นเอง โดยภาพรวมจึงเป็นห้องที่เหมาะกับคุณผู้หญิง หรือคนที่ชอบแต่งตัวมากๆครับ เพราะเราจะมีพื้นที่แต่งตัวให้ใช้งานได้จริงจัง แต่อาจเป็นห้องที่ไม่ค่อยเหมาะจะรับแขกสักเท่าไหร่นั่นเอง

เมื่อเข้ามาภายในห้องสิ่งแรกที่จะเจอก็คือ ‘ครัว’ โดยที่ยังคงมีความสว่างและโปร่งโล่งดีอยู่นะครับ เพราะเราจะได้แสงสว่างที่ส่องผ่านเข้ามาจากหน้าต่างที่อยู่ด้านในด้วยนั่นเอง

และถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ครัวที่อยู่ติดระเบียง แต่ก็พอจะทำอาหารได้จริงจังระดับหนึ่งเลย เพราะเป็นครัวปิดที่มีประตูกระจกคอยกันกลิ่นและควัน ไม่ให้ลอยเข้าไปในห้องนอนได้นั่นเอง

พื้นที่ใช้สอยของครัวค่อนข้างกว้างขวาง โดยมีขนาดประมาณ 1.55 x 2.2 m. ทำให้เราสามารถใช้งานพื้นที่ทั้ง 2 ฝั่งพร้อมๆกันได้สบายๆ

เคาน์เตอร์ครัวซ้ายมือทางโครงการจะ Built-in มาให้เป็นมาตรฐานเหมือนกับห้องเมื่อครู่นี้เลยครับ ส่วนฝั่งตรงข้ามจะยังมีพื้นที่เหลือให้สามารถทำเป็นตู้เก็บรองเท้า หรือจะทำเคาน์เตอร์ครัวเพิ่มอีกฝั่งก็ยังได้

ถัดเข้ามาด้านในก็จะเป็นพื้นที่ใช้สอยหลัก ที่มีลักษณะคล้ายห้อง Studio ซึ่งรวมเอา Living Area กับเตียงนอนมาไว้ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อทำให้ห้องดูกว้างขวางและอยู่สบายมากขึ้น

โดยพื้นที่ส่วนแรกจะเป็น Living Area ที่มีระยะดูทีวี 2.5 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้พอดีๆ แนะนำว่าเราอาจหาโต๊ะแบบ Multi-Function ที่ปรับความสูงได้มาใช้หน้าทีวีด้วยจะดีครับ เพื่อใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์และโต๊ะทานข้าวในตัวเดียวได้นั่นเอง

เนื่องจากเป็นห้องไซส์เล็ก จึงอาจมีพื้นที่รอบเตียงเหลืออยู่ไม่มากนัก โดยหากเราวางเตียงขนาด 5 ฟุตแบบชิดหน้าต่างแล้ว ก็จะเหลือพื้นที่ปลายเตียงกว้างประมาณ 40 cm. พอจะให้คนที่นอนด้านในขึ้น-ลงได้แบบพอดีตัวอยู่บ้าง

ส่วนพื้นที่ข้างเตียงอาจต้องแล้วแต่ขนาดโซฟาที่นำมาใช้อีกทีนะครับ ซึ่งจริงๆก็จะเหลือกว้างไม่พอที่จะวางโต๊ะข้างเตียงขนาดมาตรฐานได้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงอาจต้องสั่งทำพิเศษให้พอดีกับช่องที่เหลือ หรือจะ Built เป็นแบบแขวนผนังไปเลยก็น่าสนใจเหมือนกัน

อีกด้านหนึ่งจะเป็นทางไป Walk-in Closet ซึ่งจะกั้นด้วยผนังทึบและประตูไม้บานเลื่อน จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูง เวลาอาบน้ำแต่งตัวก็ไม่จำเป็นต้องเขินกัน

และถ้าเวลาปกติเราก็สามารถเปิดประตูเอาไว้ ให้พื้นที่เชื่อมต่อกันแบบนี้ ห้องก็จะดูกว้างขวางและโปร่งโล่งดีนั่นเองครับ

สำหรับ Walk-in Closet ภายในจะมีพื้นที่ใช้สอยกว้าง 90 cm. สามารถใช้งานยืนแต่งตัวได้สบายๆ มาพร้อมกับตู้เสื้อผ้าและโต๊ะแต่งหน้าที่จะ Built-in มาให้แบบนี้เลยครับ

โดยตำแหน่งของฟังก์ชันนี้ก็จะอยู่ติดกับห้องน้ำ เลยทำให้สะดวกต่อการใช้งาน พออาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวได้เลย รวมถึงยังได้แสงสว่างจากระเบียงอีกด้วย

ขนาดพื้นที่ระเบียงกว้าง 1.5 x 1 m. พอจะวางเครื่องซักผ้าและออกมาใช้งานเล็กๆน้อยๆได้พอดี ส่วนด้านบนของจริงก็จะมี Condensing Unit ของแอร์ติดตั้งเอาไว้ครับ

สุดท้ายเราจะไปดูห้องน้ำกันบ้าง ซึ่งจริงๆแล้วหากเราปิดประตูห้องนอน และเปิดประตูระเบียงเอาไว้ ก็จะช่วยในเรื่องการระบายอากาศ + ความชื้น จากห้องน้ำออกไปสู่ภายนอกโดยตรงได้อีกด้วยนั่นเอง

ภายในห้องน้ำจะมีการแยกฟังก์ชันเป็นสัดส่วนชัดเจน และได้สุขภัณฑ์ต่างๆจาก Cotto ครบเหมือนห้องที่แล้วเลย

เพียงแต่ส่วนที่ต่างกันออกไปก็คือ ห้องนี้จะไม่ได้มีการเจาะผนังเพื่อทำเป็นชั้นวางของ แต่จะมีผนัง Low Wall ให้ใช้งานเป็นแนวยาวแบบนี้แทน ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำก็จะกว้าง 1 x 0.8 m. ให้ใช้งานได้พอดีๆครับ

  • Type C  ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35.13 – 35.74 ตร.ม.

แน่นอนว่าจุดเด่นของห้องนี้ก็คือ ‘ห้องอเนกประสงค์’ ซึ่งจะอยู่ติดกับระเบียงขนาดใหญ่ เป็นห้องที่เหมาะกับคนที่อยากมีห้องทำงานส่วนตัวที่บ้าน หรืออาจเป็นครอบครัวที่มีลูกเล็กๆอยู่ก็ได้ครับ นอกจากนี้เรายังได้ ‘ห้องนอนที่มีความเป็นส่วนตัวสูง’ เพราะจะกั้นด้วยผนังทึบแยกออกจากฟังก์ชันอื่นๆ รวมถึงห้องน้ำก็จะเข้า-ออกได้ 2 ทางค่อนข้างสะดวกทีเดียว แต่ทั้งนี้ก็แลกมากับครัวเปิดที่อยู่ในพื้นที่ Living Area จึงอาจไม่ได้เหมาะกับคนชอบทำอาหารจริงจังสักเท่าไหร่นัก

  • Type D1  ห้อง 2 Bedroom ขนาด 41.04 ตร.ม.

จุดเด่นของห้องนี้คือ ‘ความเป็นส่วนตัวสูง’ โดยห้องนอนทั้ง 2 จะกั้นด้วยผนังทึบแยกออกจาก Common Area และภายในก็มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง เหมาะกับคนที่อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว และต้องการแยกห้องนอนเป็นส่วนตัวจากกัน ไม่ว่าจะเป็นการอยู่แบบพี่น้องก็ดี หรือจะอยู่กับลูกตั้งแต่เด็ก-โตเลยก็ได้ โดยภาพรวมค่อนข้างให้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านเลยครับ เพียงแต่เราจะได้เป็นครัวเปิดที่ไม่เหมาะกับการทำอาหารจริงจังสักเท่าไหร่นักนั่นเอง

  • Type D2  ห้อง 2 Bedroom ขนาด 41.72 ตร.ม.

จุดเด่นของห้องนี้คือ ‘ความกว้างขวางและโปร่งโล่ง’ โดยห้องนอนห้องหนึ่งจะถูกกั้นด้วยผนังกระจก จึงทำให้พื้นที่ของ Common Area และห้องนอนดูเชื่อมต่อถึงกันได้นั่นเอง ซึ่งหากใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ก็สามารถติดผ้าม่านหรือกระจกฝ้าเพิ่มเติมได้นะครับ แต่ที่ผมจะชอบอีกอย่างก็คือ เค้าออกแบบพื้นที่ครัวให้เราสามารถกั้นผนัง เพื่อทำเป็นครัวปิดเพิ่มเติมเองได้ง่ายด้วยนั่นเอง

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

ณ วีรา รามอินทรา ราคา ณ วันที่ 18 สิงหาคม 2566

  • Type A  ห้อง 1 Bedroom ขนาด 22.07 – 22.87 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท
  • Type B  ห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.42 – 27.34 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.19 ล้านบาท
  • Type C  ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35.13 – 35.74 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท
  • Type D1 – D2  ห้อง 2 Bedrooms ขนาด 41.04 – 41.72 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.54 ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.4 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ MEX
  • ค่าจองห้อง 1 Bedroom 22 – 26 ตร.ม. = 3,000 บาท / ห้อง 1 Bedroom Plus 35 ตร.ม. – 2 Bedrooms 41 ตร.ม. = 10,000 บาท
  • ทำสัญญาห้อง 1 Bedroom 22 – 26 ตร.ม. = 6,999 บาท / ห้อง 1 Bedroom Plus 35 ตร.ม. – 2 Bedrooms 41 ตร.ม. = 20,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 1 ปี
  • Promotion : ส่วนลดเงินสด 200,000 บาท และเฟอร์นิเจอร์แพ็คเกจ Fully Furnished สำหรับช่วง VVIP และ Presale (โปรดสอบถามกับทางโครงการอีกครั้ง)

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : ตั้งอยู่ในช่วงปากซอยลาดปลาเค้าฝั่งถนนรามอินทรา ซึ่งจะใกล้กับตลาดและคอมมูนิตี้มอลล์ในระยะเดินถึงง่ายๆเพียง 300 m. ถือได้ว่ามีความอุดมสมบูรณ์สูง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และหาของกินได้ง่าย ส่วนในเรื่องการเดินทางก็นับว่าสะดวกไม่แพ้กัน เพราะทำเลนี้ก็จะมีทั้งรถไฟฟ้าสายสีชมพู และทางด่วนรามอินทราให้ใช้เข้าเมืองได้ง่ายนั่นเอง

มาพูดถึงเรื่องโปรดักส์กันบ้างครับ จริงๆแล้วทำเลซอยนี้ไม่ค่อยจะมีคอนโดเปิดใหม่สักเท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคอนโดติดถนนใหญ่พหลโยธิน หรือใกล้รถไฟฟ้าไปเลยมากกว่า ซึ่งก็มักจะมีราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาทขึ้นไปทั้งนั้น

แต่ถ้าใครที่กำลังมองหาคอนโดราคาจับต้องได้ง่าย ก็อาจต้องลองมองเป็นโครงการ Na Veera Ramintra (ณ วีรา รามอินทรา) ที่อยู่ในซอยลาดปลาเค้าดูก็ได้ครับ เพราะยังคงเดินทางได้สะดวกไม่แพ้กัน แต่มีความอุดมสมบูรณ์ที่เรียกได้ว่าสูงกว่ามากๆ ในราคาเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้านบาทแบบนี้ ก็ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ไม่เลวสำหรับคนที่อาจมีงบประมาณจำกัดครับ

การเดินทางโดยใช้รถ : ซอยลาดปลาเค้าสามารถเชื่อมต่อถนนหลักสำคัญๆได้ 2 สาย ไม่ว่าจะเป็นถนนรามอินทรา และถนนประดิษฐ์มนูธรรม รวมถึงยังมี ‘ทางด่วนฉลองรัช’ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่าทางด่วยรามอินทราให้ใช้งานอีกด้วย โดยจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 6.5 km. สามารถเข้าเมืองไปทางพระราม 9 – อโศกได้สะดวกครับ ทั้งนี้ตัวโครงการเองก็จะมีที่จอดรถ 32% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน ถือได้ว่าให้มากลางๆไม่เยอะมากนัก เพราะด้วยทำเลนี้จะมีการเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ ที่สะดวกเป็นตัวเลือกด้วยนั่นเอง

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : เป็นซอยที่คึกคักและสามารถเรียกรถสาธารณะได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นวินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ และรถกะป้อ รวมถึงบริเวณใกล้กับปากซอยลาดปลาเค้า จะเป็นที่ตั้งของรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานี ลาดปลาเค้า ห่างจากโครงการประมาณ 1 km. โดยคาดว่าจะเปิดใช้บริการในปี 2567 ทำให้เมื่อตัวโครงการคอนโดสร้างเสร็จเมื่อไหร่ ก็จะมีรถไฟฟ้าให้ใช้พอดีนั้นเองครับ

การออกแบบโครงการ : มีการแยกอาคาร Clubhouse ออกมาจากตัวอาคารพักอาศัยหลัก จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวในการใช้งานมากขึ้น แถมยังทำให้ห้องพักได้มองเห็นวิวสวนส่วนกลางสวยๆอีกด้วย แต่ทั้งนี้ก็แลกมากับการที่เราจะต้องเดินข้ามไป-มา ระหว่างอาคารอยู่สักหน่อยนะครับ นอกจากนี้ยังมีห้องพักอาศัย 218 ยูนิต ซึ่งหากเทียบกับคอนโดเพื่อนบ้านย่านเดียวกัน ถือว่าเป็นโครงการขนาดกลางๆไม่ใหญ่มากนัก จึงเหมาะกับคนที่ไม่ชอบความพลุกพล่านหรือวุ่นวายนั่นเอง

การออกแบบห้องพักและพื้นที่ใช้สอย : มีแบบห้องให้เลือกเยอะถึง 5 แบบ โดยหลักๆจะเน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom ซึ่งถึงแม้จะเป็นห้องไซส์เล็ก แต่ก็สามารถจัดแปลนและฟังก์ชันออกมาทำให้ดูกว้างขวางโปร่งโล่งดีทีเดียวครับ โดยเฉพาะห้อง 22 ตร.ม. จะมีโถงทางเดินเชื่อมต่อกับครัวขนาดใหญ่ และได้ครัวติดระเบียงที่ทำอาหารจริงจังได้เลย ส่วนห้อง 26 ตร.ม. เราจะได้ Walk-in Closet จริงจังเข้ามาแทน เหมาะกับคนที่ชอบแต่งตัวมากๆครับ

และถ้าใครที่ต้องการห้องไซส์ใหญ่เค้าก็มี 1 Bedroom Plus กับ 2 Bedrooms ให้เลือกด้วย แต่จะมีเพียงชั้นละ 2 – 3 ห้องเท่านั้น ซึ่งฟังก์ชันจะเน้นความเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยห้องนอนจะถูกกั้นด้วยผนังทึบ และห้องน้ำสามารถเข้า-ออกได้ 2 ทางสะดวก จึงเหมาะกับการอยู่เป็นครอบครัว 2 – 3 คน อาจมีลูกเล็กๆ หรือเป็นพี่น้องที่ต้องการแยกห้องนอนเป็นส่วนตัวกันก็ได้ครับ

วัสดุ : ห้องมาตรฐานจะขายแบบ Fully Fitted ให้เฉพาะเฟอร์นิเจอร์ Built-in อย่างชุดครัว Top เคาน์เตอร์หินสังเคราะห์ / ตู้เสื้อผ้า + โต๊ะแต่งหน้า และได้สุขภัณฑ์ต่างๆในห้องน้ำครบ พร้อมฉากกั้นกระจกแบบห้องตัวอย่างเลยครับ จึงทำให้เราอาจต้องเผื่อเงินในการซื้อของเข้าห้องเพิ่มด้วย ซึ่งก็จะเหมาะกับคนที่อาจชอบตกแต่งห้องเองอยู่แล้วนั่นเอง

หรือถ้าใครที่ไม่อยากเสียเวลาไปเดินซื้อเฟอร์นิเจอร์ ช่วง Pre-Sale นี้เค้าก็จะมีโปรโมชั่นพิเศษแถม Furniture Package แบบ Fully Furnished ซึ่งจะเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวมาให้เกือบครบทั้งห้อง ขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนตัวบางอย่างก็หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย (อาจต้องสอบถามรายละเอียด และระยะเวลาของโปรโมชั่นเพิ่มเติมจากทางโครงการอีกครั้ง)

สาธารณูปโภค : มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ ไม่ว่าจะเป็น Lobby /  Co-Working Space / Meeting Room / Fitness / สระว่ายน้ำ และพื้นที่สวนสีเขียว โดยสิ่งที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวก็คือ เค้าจะแยก Lobby ออกมาจากอาคาร Clubhouse และนำมาอยู่ที่ใต้อาคารแทนครับ ซึ่งเวลาที่มีแขกภายนอกมาหาก็จะได้ไม่รบกวนลูกบ้านคนอื่นที่มาใช้งานส่วนกลางเลย รวมถึงยังมีการปลูกต้นไม้ช่วยพรางสายตาบริเวณริมสระว่ายน้ำเพิ่มให้อีกด้วย

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 85,000 บาท/ตร.ม., 18 สิงหาคม 2566

  • ทำเล 7.75/10 – อุดมสมบูรณ์ ใกล้ตลาดและคอมมูนิตี้มอลล์ในระยะเดิน หาของกินง่าย
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – อยู่ในซอยหลัก ใกล้ถนนใหญ่และทางด่วน ที่จอดรถ 32%
  • ไม่ใช้รถ 8/10 – เรียกรถสาธารณะหน้าโครงการได้ง่าย ห่างจากรถไฟฟ้าสีชมพู 1 km.
  • วัสดุ 7.75/10 – ขายมาตรฐานแบบ Fully Fitted ต้องเผื่อเงินแต่งห้องเพิ่ม วัสดุเหมาะสมกับการใช้งาน (หากใครซื้อแบบ Fully Furnished อาจเพิ่มคะแนนความคุ้มค่าได้อีกสัก 0.25 – 0.5 นะครับ)
  • แบบ 8.5/10 – แบบห้องให้เลือกเยอะ จัดฟังก์ชันห้องไซส์เล็กได้กว้างขวางและลงตัว
  • สาธารณูปโภค 8/10 – แยกอาคาร Clubhouse และมีฟังก์ชันให้ใช้งานครบ

  • MAIN CLASS
  • 7.85 / 10.00

ณ วีรา รามอินทรา เหมาะกับใคร

..โครงการ Na Veera Ramintra (ณ วีรา รามอินทรา) เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดในซอยลาดปลาเค้า ทำเลอุดมสมบูรณ์ หาของกินได้ง่าย และอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าสายสีชมพู โดยเป็นโครงการขนาดไม่ใหญ่หรือวุ่นวายมากนัก แยกอาคาร Clubhouse และส่วนกลางออกมาเพื่อความเป็นส่วนตัว รวมถึงเน้นห้องไซส์เล็กที่ราคาจับต้องได้ไม่ยาก แต่สามารถจัดฟังก์ชันออกมาได้กว้างขวางและลงตัวดีทีเดียว หรือถ้าใครอยู่กันเป็นครอบครัวก็มีห้องไซส์ใหญ่ให้เลือกด้วยเช่นกันครับ มีงบประมาณระดับ 1.59 – 3.54 ล้านขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 11,000 – 25,000 บาท/เดือน