[รีวิวฉบับที่ 2798] Sneak Peek👀✨ เอาจริงๆโครงการนี้ยังไม่เปิดขายนะ แต่เราแอบพามาให้ชมกันก่อนกับโครงการ MUSE Condo Saphanmai (มิวส์ คอนโด สะพานใหม่) คอนโด Low Rise บนย่านสะพานใหม่ ใกล้ BTS และตลาดยิ่งเจริญ เริ่ม 1.49 ล้านบาท
MUSE Condo Saphanmai (มิวส์ คอนโด สะพานใหม่) เป็นคอนโด Low Rise แห่งใหม่ที่ตั้งบนทำเลที่ดีมากๆ เพราะตัวโครงการอยู่บนเส้นพหลโยธิน เดินทางง่าย ใกล้ทางด่วน และที่สำคัญคือฝั่งตรงข้ามเป็นตลาดยิ่งเจริญ จึงบอกได้เลยว่าอยู่ที่นี่ไม่ต้องห่วงเรื่องปากท้องอาหารการกิน เพราะมีร้านค้า ร้านอาหารให้เลือกซื้อเยอะมากๆ รวมถึงยังเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS สะพานใหม่ได้สบายๆ มีระยะเพียง 170 เมตร
สำหรับภายในโครงการเองก็จัดส่วนกลางมาให้ถึง 30 รายการ* กระจายอยู่ทั้ง Court กลางโครงการและภายในแต่ละอาคาร ทำให้ลูกบ้านใช้งานส่วนกลางได้หลากหลาย ส่วนตัวห้องก็มีให้เลือกเยอะถึง 9 แบบ จึงรองรับได้ทุกไลฟ์สไตล์ โดยเน้น 1 Bedroom เป็นหลัก อยู่อาศัย 1-2 คนได้สบายๆ พร้อมตกแต่งแบบ Fully Furnished ที่ซื้อของอีกนิดหน่อยก็เข้าอยู่ได้เลย รวมถึงมีกระจกพร้อมระบบไฟส่องสว่าง-ไล่ฝ้าและฝักบัวแบบ Rain Shower ที่ถือว่าหาได้ยากในคอนโดระดับ Economy Class นี้ด้วยนะ
ซึ่งทางโครงการจะเปิดชมห้องตัวอย่างครั้งแรกในวันที่ 15-16 ก.พ. นะคะ ดังนั้นใครที่สนใจก็สามารถอ่านรีวิวด้านล่างและคลิกลงทะเบียนนัดเยี่ยมชมโครงการได้เลยค่ะ 😊
ข้อมูลโครงการ
MUSE Condo Saphanmai (มิวส์ คอนโด สะพานใหม่) ณ วันที่ 17 ธันวาคม 2567
ชื่อโครงการ | MUSE Condo Saphanmai (มิวส์ คอนโด สะพานใหม่) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท ธนบูลย์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (ในเครือ JW GROUP) |
SEGMENT CLASS | ECONOMY CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2023 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร |
ที่ดิน | 1-3-55 ไร่ |
ประเภทคอนโด | Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร |
จำนวนยูนิต | 287 ยูนิต แบ่งเป็นอาคาร A จำนวน 109 ยูนิต / อาคาร B จำนวน 178 ยูนิต |
ที่จอดรถ | 94 คัน คิดเป็น 39% (รวมจอดซ้อนคัน) แบ่งเป็น Conventional Parking 50 คันและ Auto Parking 44 คัน / จอดรถมอเตอร์ไซค์ 8 คัน |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2568 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2569 |
ประเภทห้องพัก |
|
ราคาเริ่มต้น | 1.49 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ | ประมาณ 73,000 บาท/ตร.ม. |
EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) | N/A |
เว็บไซต์โครงการ | คลิกที่นี่ |
Call Center | 085-905-1111 |
Line | @musecondo |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.894517190093012, 100.60898770560148
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
Highlight
- ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน เดินทางเชื่อมต่อถนนได้หลายสาย
- ใกล้ BTS สะพานใหม่ มีระยะเดินประมาณ 170 เมตร
- ตลาดยิ่งเจริญและยิ่งเจริญ สแควร์ อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ เป็นตลาดสดและ Community Mall จึงมาจับจ่ายใช้สอยได้ 24 ชั่วโมง
- ความอุดมสมบูรณ์สูง นอกจากโดยรอบโครงการจะเป็นพื้นที่ตลาดสะพานใหม่แล้ว ฝั่งตรงข้ามยังเป็นตลาดยิ่งเจริญและยิ่งเจริญ สแควร์
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
MUSE Condo Saphanmai (มิวส์ คอนโด สะพานใหม่) ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน ซึ่งเป็นถนนหลักที่ผ่านตั้งแต่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปถึงปทุมธานี มีถนนตัดผ่านเชื่อมต่อกันหลายเส้นทั้งถนนแจ้งวัฒนะที่มาจากทางปากเกร็ด นนทบุรี และถนนรามอินทราที่มาจากทางมีนบุรี ใกล้ทางพิเศษอุตราภิมุข จึงสามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่าย รวมถึงไม่ไกลจากสนามบินดอนเมืองด้วย
ตัวโครงการตั้งอยู่บนผืนที่ดินเดิมของโรงหนังสยามรามาที่ได้ปิดตัวไปแล้วในพื้นที่ตลาดสะพานใหม่นั่นเอง อีกทั้งฝั่งตรงข้ามโครงการยังเป็นตลาดยิ่งเจริญที่ถือเป็น Node สำคัญของคนในย่านนี้ และใกล้ BTS สะพานใหม่ มีระยะเดินจากโครงการไปถึงบันไดสถานีประมาณ 170 เมตร ทำให้สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีแดงได้ไม่ไกล หรือจะนั่งไปถึงโซนลาดพร้าวก็เชื่อมต่อกับ MRT สายสีน้ำเงินและสายสีเหลืองด้วย
สำหรับโครงการนี้ถือว่าอยู่ในทำเลชานเมืองตอนเหนือของกรุงเทพ ซึ่งภาพรวมส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบทั้งที่จัดสรรและไม่จัดสรร รวมถึงบริเวณรอบโครงการเองก็เป็นพื้นที่ตลาดสะพานใหม่ด้วย จึงมีร้านค้า ร้านอาหารหลากหลาย ประกอบกับ 2 ฝั่งถนนพหลโยธินก็เป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นที่ชั้นล่างสุดเปิดเป็นร้านต่างๆ จึงจัดเป็นย่านที่หาซื้อของกินของใช้ง่ายเลย แต่ความอุดมสมบูรณ์หลักของโครงการจะอยู่ที่ตลาดยิ่งเจริญที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการนั่นเอง มีพื้นที่ตลาดรวม 32 ไร่ โดยเป็นตลาดสดขนาดใหญ่เปิดขาย 24 ชั่วโมงที่คนแถวนี้นิยมมาจับจ่ายซื้อของกัน รวมถึงมียิ่งเจริญ สแควร์เป็น Community Mall แห่งใหม่ที่มีร้านอาหารแบรนด์ ศูนย์อาหาร ร้านค้าต่างๆมาเพิ่มความคึกคักบนทำเลมากยิ่งขึ้น
แต่หากอยากเดินห้างใหญ่หน่อยก็สามารถไป Central รามอินทรา, Big C สะพานใหม่และ Lotus’s หลักสี่ รวมถึงมีโรงพยาบาลและสถานศึกษาหลายแห่งอยู่ไม่ไกล เช่น โรงพยาบาลเซ็นทรัล เยนเนอรัล, โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ, มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ, มหาวิทยาลัยเกริก, มหาวิทยาลัยศรีปทุมและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นต้น
สำหรับทางด่วนที่ใกล้กับโครงการมากที่สุด ได้แก่ ทางพิเศษอุตราภิมุข ด่านแจ้งวัฒนะ 2 ที่มีระยะห่างจากโครงการ 5 กิโลเมตร โดยขับจากโครงการไปยังวงเวียนบางเขนและเลี้ยวซ้าย เข้าสู่ถนนวิภาวดีรังสิตเพื่อขึ้นทางด่วน เราจึงสามารถเดินทางไปจตุจักร, ลาดพร้าว, ดินแดง และพระราม 9 ได้ค่ะ
MUSE Condo Saphanmai (มิวส์ คอนโด สะพานใหม่) เป็นโครงการคอนโดที่อยู่ใกล้ BTS สะพานใหม่ โดยมีระยะเดินจากตัวโครงการบริเวณทางเข้า-ออกด้านหลังโครงการไปยังบันไดสถานี BTS สะพานใหม่เพียง 170 เมตร ซึ่งถือเป็นระยะที่เราสามารถเดินไปใช้งานได้สบาย
จากโครงการจะมีทางม้าลายให้เดินข้ามไปฝั่งตรงข้ามที่มีตลาดยิ่งเจริญและยิ่งเจริญ สแควร์ ซึ่งเป็นทางม้าลายที่มีปุ่มกดสัญญาณไฟจราจรด้วย ทำให้เราเดินข้ามได้ง่ายดีค่ะ
ภาพบรรยากาศตลาดยิ่งเจริญ
ภาพบรรยากาศตลาดยิ่งเจริญ เป็นพื้นที่ตลาดขนาดใหญ่เปิดขาย 24 ชั่วโมง มีทั้งของสด ของแห้งและร้านค้า ร้านอาหารต่างๆด้วย ซึ่งถือเป็นตลาดที่คนนิยมมาจับจ่ายใช้สอยกันค่ะ
ภาพบรรยากาศยิ่งเจริญ สแควร์
ภาพบรรยากาศยิ่งเจริญ สแควร์ เป็น Community Mall แห่งใหม่บนทำเล ประกอบด้วย ร้านอาหารแบรนด์ ศูนย์อาหาร ร้านค้าต่างๆ ทำให้ทำเลคึกคักมากยิ่งขึ้น
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
เนื่องจาก MUSE Condo Saphanmai (มิวส์ คอนโด สะพานใหม่) ตั้งอยู่ในพื้นที่ตลาดสะพานใหม่ จึงล้อมรอบด้วยอาคารพาณิชย์ที่ชั้นล่างสุดเปิดเป็นร้านต่างๆ ส่วนบริเวณโดยรอบก็มีทั้งบ้านพักอาศัยแนวราบทั้งที่จัดสรรและไม่จัดสรร รวมถึงอาคารพาณิชย์ต่างๆ และฝั่งตรงข้ามเป็นตลาดยิ่งเจริญ ทำให้บริเวณโดยรอบทำเลมีความคึกคักสูง แต่ยังดีที่ตัวโครงการขยับเข้ามาด้านในจึงได้บรรยากาศที่สงบมากขึ้น
- ทิศเหนือ ติดกับ อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น และตลาดสะพานใหม่
- ทิศตะวันออก ติดกับ อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น
- ทิศใต้ ติดกับ อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น
- ทิศตะวันตก ติดกับ อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น และตลาดสะพานใหม่
Sales Gallery
ภาพบรรยากาศ Sales Gallery ของโครงการ MUSE Condo Saphanmai (มิวส์ คอนโด สะพานใหม่) โดยจะตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามพื้นที่ตั้งโครงการ ข้างๆพื้นที่ตลาดยิ่งเจริญและมูลนิธิโพธิภาวนาสงเคราะห์ สามารถคลิกดูแผนที่ตั้ง Sales Gallery ของโครงการได้ที่นี่เลย
ภาพบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการ
ภาพบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการ โดยทางเข้า-ออกโครงการจะเป็นถนนภาระจำยอมที่เราสามารถสังเกตจากป้ายชื่อกรุงสยามรามาที่อยู่ด้านบนค่ะ ส่วนถนนทั้ง 2 ฝั่งจะมีร้านค้า ร้านอาหารหลากหลาย รวมถึงตลอดแนวถนนภาระจำยอมที่เชื่อมจากถนนพหลโยธินเข้าไปยังพื้นที่ตั้งโครงการจะเป็นพื้นที่ตลาดสะพานใหม่ จึงทำให้เราเห็นมีร้านต่างๆอีกหลายร้านเลย
ภาพบรรยากาศที่ตั้งโครงการ
ภาพบรรยากาศที่ตั้งโครงการ เดิมทีเป็นที่ตั้งของโรงหนังสยามรามา สะพานใหม่ เมื่อเราผ่านซุ้มอาคารเล็กๆที่เรียงตามแนวถนนภาระจำยอมเข้ามาจะเป็นพื้นที่ของโครงการ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- ตลาดยิ่งเจริญ ~ 500 เมตร
- Big C สะพานใหม่ ~ 650 เมตร
- Lotus’s หลักสี่ ~ 2.2 กิโลเมตร
- Central รามอินทรา ~ 3.3 กิโลเมตร
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลเซ็นทรัล เยนเนอรัล ~ 950 เมตร
- โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ ~ 2.4 กิโลเมตร
สถานศึกษา
- มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ ~ 1.2 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัยเกริก ~ 3.2 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ~ 3.5 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัยศรีปทุม ~ 5.1 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์~ 8.5 กิโลเมตร
อื่นๆ
- วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร ~ 3.9 กิโลเมตร
- ท่าอากาศยานดอนเมือง ~ 11.8 กิโลเมตร
รายละเอียดโครงการ
Highlight
- ออกแบบทั้ง 2 อาคาร โอบล้อมพื้นที่สวนสีเขียว ทำให้ห้องส่วนหนึ่งของโครงการที่หันเข้ามาด้านในจะได้วิวและบรรยากาศสวยๆของโครงการค่ะ
- ส่วนกลางกว่า 30 รายการ* กระจายอยู่ทั้ง Court กลางโครงการและภายในแต่ละอาคาร ทำให้ลูกบ้านใช้งานส่วนกลางได้หลากหลาย
- ทุก Layout มีตำแหน่งที่แชร์ผนังร่วมกับเพื่อนบ้านเพียงด้านเดียว ได้ความเป็นส่วนตัว
MUSE Condo Saphanmai (มิวส์ คอนโด สะพานใหม่) เป็นคอนโดมิเนียม Low rise สูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร จาก ธนบูลย์ พร็อพเพอร์ตี้ ในเครือ JW GROUP โดยตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 1-3-55 ไร่ และมีห้องพักอาศัย 287 ยูนิต แบ่งเป็นอาคาร A จำนวน 109 ยูนิต / อาคาร B จำนวน 178 ยูนิต
สำหรับที่ตั้งโครงการนี้ คือ ผืนที่ดินเดิมของโรงหนังกรุงสยามรามา สะพานใหม่ที่ได้ปิดตัวลงไปแล้วนั่นเอง ทางโครงการจึงได้ซื้อที่ดินต่อและพัฒนาเป็นโครงการ MUSE Condo Saphanmai (มิวส์ คอนโด สะพานใหม่) ซึ่งออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจากโรงภาพยนตร์ในยุค 80 เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในยุคแห่งความบันเทิง “Modern Cinematic Nostalgia“
โดยมีธีม Hollywood เป็น Concept ของโครงการ เน้นใช้สีแดงและเส้นโค้งในการตกแต่งตัวอาคารและภายในพื้นที่ส่วนกลางให้ความรู้สึกคล้ายบรรยากาศของโรงภาพยนตร์แบบสมัยก่อน พร้อมส่วนกลางหลากหลายกว่า 30 รายการ* กระจายอยู่ที่ชั้น 1-3, 8 และ Rooftop รวมถึงมีพื้นที่ส่วนกลางที่ออกแบบและตั้งชื่อให้สอดคล้องกับธีม Hollywood ได้แก่ Oscar Theater ห้องดูหนัง, Hollywood Room พื้นที่ Entertainment, Avenue of Stars พื้นที่ดาดฟ้าของอาคาร B และ Walk of Fame ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Hollywood Walk of Fame ใน Los Angeles
พื้นที่ตั้งของโครงการจะอยู่ทำเลสะพานใหม่ ฝั่งตรงข้ามกับตลาดยิ่งเจริญ โดยตั้งอยู่ในพื้นที่ของตลาดสะพานใหม่และมีทางเข้า-ออกอยู่ 2 ทางด้วยกัน ซึ่งทางโครงการจะออกแบบถนนทางฝั่งขวาเป็นทางเข้า-ออกของรถยนต์ เมื่อเข้าไปด้านในแล้วจะเป็นพื้นที่ตลาดและอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น ล้อมรอบตัวโครงการ
ถนนที่เชื่อมจากถนนพหลโยธินและถนนรอบโครงการแบบ One Way จะเป็นถนนภาระจำยอมที่แชร์การใช้งานกับเพื่อนบ้านในบริเวณนั้นค่ะ ส่วนทางเข้า-ออกฝั่งซ้ายจะเป็น Pedestrian Entrance ทางเข้า-ออกสำหรับคนเดินเท่านั้นค่ะ ซึ่งลูกบ้านสามารถเดินออกจากโครงการตรงบริเวณด้านหลังและเดินตรงมายังถนนพหลโยธิน ก็จะเจอกับบันไดทางขึ้น BTS สถานีสะพานใหม่นั่นเอง
สำหรับการวางผังโครงการ จะวางตัวอาคารรูปตัว L ทั้ง 2 อาคาร ล้อมรอบพื้นที่ Court บริเวณตรงกลางที่เป็น Facilities สวนสีเขียวของโครงการ ทำให้ห้องพักอาศัยส่วนหนึ่งที่หันเข้ามาด้านใน จะได้วิวและบรรยากาศสวยๆที่ทางโครงการออกแบบและดูแลรักษาให้สวยงามกว่าวิวโดยรอบโครงการด้วยค่ะ ซึ่งถือเป็นการวางผังอาคารที่นิยมในคอนโดมิเนียมแบบ Low rise อย่างโครงการนี้
ทางเข้า – ออกของโครงการมี 2 จุดนะคะ โดยทางเข้า-ออกที่ใกล้กับ BTS สะพานใหม่ จะเป็น Pedestrian Entrance ทางเข้า-ออกสำหรับคนเดินเท่านั้นค่ะ ส่วนทางเข้า-ออกของรถยนต์จะอยู่ถัดออกมาอีกหน่อย
Main Entrance เป็นทางเข้า-ออกของรถยนต์ ออกแบบเป็นถนนภาระจำยอมยาวประมาณ 70 เมตร เชื่อมจากถนนพหลโยธินเข้ามายังซุ้มประตูโครงการที่แบ่งช่องทางเข้า-ออกเป็นฝั่งละ 1 ช่องทาง ทำให้รถยนต์สามารถต่อแถวเข้า-ออกได้ ไม่เกิดรถติดขัดบริเวณด้านหน้าโครงการ
ระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่มีประตูทางเข้า-ออกโครงการ (รถยนต์) แบบรั้วไม้กระดก พร้อมระบบในการเข้า-ออกแบบ Active Module / Bluetooth Reader / Photo Sensor ส่วนประตูทางเข้า-ออกโครงการ (Pedestrian Entrance) เป็นแบบประตูบานเฟี้ยม บริเวณด้านหลังโครงการ พร้อม CCTV ส่วนกลาง รวม 124 จุด แบ่งเป็นอาคาร A จำนวน 56 จุด และอาคาร B จำนวน 68 จุด, รั้วทึบรอบโครงการสูง 2.20 เมตร และรปภ.คอยดูแลอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง
ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Main Entrance โดยออกแบบเป็นซุ้มประตูมีหลังคาคอยบังแดด-ฝน พร้อมเลือกใช้สีแดงช่วยดึงสายตาเข้าไปด้านในโครงการที่มีวิวสีเขียวจาก Cinematic Garden Court เพิ่มบรรยากาศน่าอยู่อาศัยและสดชื่นตั้งเต่ขับเข้ามาในโครงการ รวมถึงมีป้ายชื่อโครงการขนาดใหญ่อยู่ด้านข้างทางเข้าที่มองเห็นได้ชัดเจนจากถนนด้วย
การเดินรถภายในโครงการจะเป็นแบบ One way พอเราขับผ่านซุ้มประตูตรงเข้าไปแล้วต้องเลี้ยวซ้าย เพื่อไปพื้นที่จอดรถใต้อาคาร A หรือ Automatic Parking และวนออกไปพื้นที่จอดรถใต้อาคาร B แล้วขับออกจากโครงการค่ะ
โครงการนี้มีพื้นที่จอดรถ 94 คัน คิดเป็น 39% (รวมจอดซ้อนคัน) แบ่งเป็น Conventional Parking 50 คันและ Auto Parking 44 คัน / จอดรถมอเตอร์ไซค์ 8 คัน ทำให้โครงการนี้เป็นคอนโด Low Rise ที่มี Auto Parking ด้วย เนื่องจากหากออกแบบเป็นพื้นที่จอดรถแบบช่องปกติทั้งหมด จะมีจำนวนที่จอดรถน้อยเกินไป ทางโครงการจึงเลือกใช้ Auto Parking เพื่อเพิ่มสัดส่วนของจำนวนที่จอดรถนั่นเอง
ส่วนกลางหลากหลายกว่า 30 รายการ* กระจายอยู่ที่ชั้น 1-3, 8 และ Rooftop โดยพื้นที่ส่วนกลางของชั้น 1 ได้แก่ Muse Lobby, Mailbox และ Multi Purpose Room อยู่บริเวณอาคาร A ส่วนอาคาร B มี Mingle Lobby, Mailbox และ Laundry Café พื้นที่ซักผ้า นอกจากนั้นยังมี Grab & GO เป็นห้องที่ออกแบบมารองรับกับเทรนด์สมัยใหม่ที่คนส่วนใหญ่สั่งอาหาร Delivery ผ่าน Application กันมากขึ้น, Cinematic Garden Court พื้นที่สวนสีเขียวตรงกลางโครงการ ประกอบด้วย Hillside Walking และ Feature Wall ส่วนบริเวณด้านหลังโครงการจะมี Secret Garden พื้นที่สวนสีเขียวใกล้กับประตูเข้า-ออกทางด้านหลังโครงการ
Muse Lobby ของอาคาร A
ภาพจำลองบรรยากาศ Muse Lobby บริเวณชั้น 1 ของอาคาร A จัดเป็นพื้นที่นั่งพักคอยเล็กๆ รวมถึงมีพื้นที่รอลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นพักอาศัยด้านบน ส่วนด้านข้างก็เป็น Mailbox สำหรับใส่จดหมายต่างๆ
Mingle Lobby
ภาพจำลองบรรยากาศ Mingle Lobby บริเวณชั้น 1 ของอาคาร B ออกแบบเป็นพื้นที่ยืนรอลิฟต์ พร้อมติดตั้ง MailBox สำหรับใส่พวกจดหมายค่ะ
บริเวณตรงกลางโครงการจะมี Cinematic Garden Court เป็นพื้นที่สวนสีเขียวปลูกต้นไม้นานาพันธุ์ โดยมี Hillside Walking และ Feature Wall เป็นพื้นที่ให้มานั่งพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ นอกจากจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางเพิ่มบรรยากาศสดชื่นและเป็นฟังก์ชันให้ใช้งานแล้ว ยังเป็นวิวสีเขียวให้กับห้องพักที่หันเข้าด้านในด้วยนั่นเอง
Cinematic Garden Court
ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Cinematic Garden Court ที่ประกอบด้วย Hillside Walking และ Feature Wall เป็นพื้นที่สีเขียว เพิ่มบรรยากาศน่าอยู่อาศัยภายในโครงการ
บริเวณด้านหลังโครงการจะมี Secret Garden พื้นที่สีเขียวอีกจุดให้สามารถมาเดินเล่นกันได้ ส่วน Laundry Café จะอยู่ใต้อาคาร B เป็นพื้นที่สำหรับซักผ้านั่นเอง บริเวณด้านหลังโครงการจะมีทางเข้า-ออกอีกจุดอย่างที่เราได้บอกไปก่อนหน้านี้นะคะว่าเป็น Pedestrian Entrance ทางสำหรับคนเดินโดยเฉพาะ
ทางโครงการออกแบบ Pedestrian Entrance เพื่อให้ลูกบ้านสามารถเดินออกจากโครงการเพื่อไปขึ้น BTS สถานีสะพานใหม่ได้ใกล้ขึ้น โดยมีระยะห่างจากตัวโครงการประมาณ 170 เมตรค่ะ
สำหรับชั้น 2 จะมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ทั้ง 2 อาคาร โดยอาคาร A เน้นเป็น Active Facilities ส่วนอาคาร B จะเป็น Passive Facilities ทำให้ลูกบ้านสามารถเลือกได้ว่าชอบใช้งานส่วนกลางแบบไหนก็เลือกอยู่อาคารที่มีส่วนกลางนั้นๆเพื่อใช้งานได้สะดวกดี แต่จริงๆแล้วทางโครงการก็ออกแบบมี Bridge สะพานเชื่อมอาคาร A และ B ตรงชั้น Rooftop ด้วยนะ ทำให้จะพักอยู่อาคารไหนก็ใช้งานส่วนกลางได้ทั้งหมดค่ะ
ทางโครงการออกแบบให้มีประตูกั้นระหว่างโถงลิฟต์และส่วนห้องพักอาศัย ทำให้ลูกบ้านที่พักอยู่ชั้นส่วนกลางก็ได้ความเป็นส่วนตัว เพราะลูกบ้านอื่นๆที่ต้องการมาใช้งานส่วนกลางก็เดินออกลิฟต์และไปใช้งานส่วนกลางได้โดยไม่ต้องเดินผ่านห้องพักอาศัยอื่นๆนั่นเอง
พื้นที่ส่วนกลางชั้น 2 ของอาคาร A จะเน้นเป็น Active Facilities มีทั้ง Pool Lounge พื้นที่นั่งพักผ่อนกลางสระว่ายน้ำ, Pool Deck พื้นที่นั่งข้างสระว่ายน้ำ, Mermaid Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือ, High Energy Club ห้องออกกำลังกายพร้อมอุปกรณ์ครบครันและ The Aqua เป็นห้อง Sauna ที่ตั้งอยู่ภายในห้องน้ำ
High Energy Club
ภาพจำลองบรรยากาศ High Energy Club บริเวณชั้น 2 ของอาคาร A ออกแบบเป็นห้องออกกำลังกายที่ทางโครงการได้จัดเตรียมอุปกรณ์ทั้ง Weight Training และ Cardio ไว้ครบครันให้สามารถมาออกกำลังกายได้ภายในโครงการ นอกจากนั้นออกแบบเป็นหน้าต่างกระจกทั้ง 2 ฝั่งเปิดรับวิวสวนสีเขียวและสระว่ายน้ำ ทำให้ขณะออกกำลังกายก็ชมวิวได้เพลินดีค่ะ
Mermaid Pool
ภาพจำลองบรรยากาศ Mermaid Pool บริเวณชั้น 2 ของอาคาร A โดยเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 2.65×12.00 เมตร ความลึก 1.25 เมตร แต่เป็นสระน้ำกลางแจ้ง ทำให้มาใช้งานในตอนกลางวันอาจจะแดดแรงไปหน่อย จึงเหมาะมาใช้งานในช่วงเช้าหรือเย็นค่ะ ส่วนด้านข้างจะมีทั้ง Pool Lounge และ Pool Deck เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนข้างสระว่ายน้ำด้วย
สำหรับพื้นที่ส่วนกลางของอาคาร B บริเวณชั้น 2 จะเป็น Passive Facilities เกี่ยวกับพื้นที่นั่งทำงาน ได้แก่ Working Pod, Business Lounge, Co-Working Space ซึ่งออกแบบอยู่บริเวณเดียวกัน นอกจากนั้นยังเป็นตำแหน่งที่มองออกมาได้วิว Cinematic Garden Court สวนสีเขียวบริเวณชั้น 1 เราจึงนั่งทำงานพร้อมชมวิวสีเขียวได้ รวมถึงมี Juristic Office ช่วยดูแลลูกบ้านภายในโครงการด้วย
ภาพจำลองบรรยากาศ Co-Working Space และ Business Lounge บริเวณชั้น 2 ของอาคาร B โดยทางโครงการออกแบบมีพื้นที่โต๊ะยาว 8 ที่นั่งให้มานั่งทำงานกันได้ ส่วนบริเวณ Business Lounge ที่อยู่ด้านข้างก็จัดเป็นชุดโซฟาให้มานั่งพักผ่อนพูดคุยกันค่ะ ซึ่งทางโครงการยังคงตกแต่งด้วยโทนสีแดง-ขาว-เทาเข้มนะคะ
ภาพจำลองบรรยากาศ Working Pod บริเวณชั้น 2 ของอาคาร B ซึ่งจริงๆแล้วจะอยู่บริเวณเดียวกับ Co-Working Space และ Business Lounge แต่มีการออกแบบให้เป็นซุ้มที่นั่งแยกออกมา สำหรับคนที่ต้องการทำงานแบบใช้สมาธิและได้ความเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อย
พื้นที่ส่วนกลางของชั้น 3 จะมีเพียง 1 ฟังก์ชันอยู่ในอาคาร A ได้แก่ The Studio เป็นห้องที่ออกแบบมารองรับกับเทรนด์สมัยใหม่ที่คนนิยม Live ขายของหรือถ่ายงานต่างๆนั่นเอง ทำให้ลูกบ้านไม่ต้องไปเสียเงินเช่าพื้นที่ถ่ายงานด้านนอก รวมถึงทางโครงการก็เตรียมอุปกรณ์ไว้ครบครันและตกแต่งเป็นมุมสวยๆให้ถ่ายงานกันได้
ภาพจำลองบรรยากาศ The Studio บริเวณชั้น 3 ของอาคาร A ทางโครงการได้เตรียมมุมโต๊ะแต่งหน้าให้ลูกบ้านมานั่งแต่งหน้าแต่งตัวภายในห้องได้เลย รวมถึงมีไฟสำหรับถ่ายงานให้เลือกใช้ได้ค่ะ
สำหรับส่วนกลางของชั้น 8 จะมีอยู่ในอาคาร B เท่านั้นนะคะ โดยจะเน้นเป็นฟังก์ชันเกี่ยวกับ Entertainment ได้แก่ Oscar Theater, Co-Kitchen Space, Hollywood Room และ Party Area ที่ออกแบบให้อยู่บริเวณเดียวกัน จึงใช้งานได้ต่อเนื่องเลย
อย่างที่เราได้บอกไปนะคะว่าทางโครงการมีพื้นที่ส่วนกลางที่ออกแบบและตั้งชื่อให้สอดคล้องกับธีม Hollywood อย่างชั้น 8 นี้ก็มี Oscar Theater ห้องดูหนัง และ Hollywood Room พื้นที่นั่งพักผ่อนนั่นเอง
Hollywood Room
ภาพจำลองบรรยากาศ Hollywood Room บริเวณชั้น 8 ของอาคาร B ซึ่งภายในห้องตกแต่งด้วยสีแดงและเส้นโค้ง พร้อมลวดลายของพื้นห้องให้ความรู้สึกคล้ายบรรยากาศของโรงภาพยนตร์แบบสมัยก่อนเลยค่ะ โดยทางโครงการได้ออกแบบเป็นพื้นที่นั่งเล่น มีโต๊ะสนุกเกอร์ภายในห้องให้มาเล่นสนุกกันได้ รวมถึงมีจัดมุมนั่งพักไว้หลายจุดและมี Co-Kitchen Space และ Party Area ใช้เป็นพื้นที่ปาร์ตี้กันได้
Oscar Theater
ภาพจำลองบรรยากาศ Oscar Theater บริเวณชั้น 8 ของอาคาร B ทางโครงการได้ออกแบบมีห้องดูหนังภายในโครงการด้วย ทำให้เรามานั่งดูหนังกับเพื่อนได้เลย มีจัดเป็นมุมโซฟานั่งพร้อมที่พักขาและโซฟายาวนั่งกันได้หลายคนค่ะ
ส่วนกลางชั้นสุดท้ายของโครงการ ได้แก่ Rooftop นั่นเอง โดยพื้นที่ส่วนกลางของอาคาร A จะเรียกว่า Sky Garden ประกอบด้วย Milkyway Jogging, Sky View Deck, Sky Bar, Long Dining Table, Chill Lawn และ Relaxing Corner ส่วนอาคาร B จะเรียกว่า Avenue of Stars ประกอบด้วย Instagrammable Snap, Walk of Fame และ Sky Lounge Seating โดยมี Bridge เชื่อมพื้นที่ดาดฟ้าของทั้ง 2 อาคาร ทำให้ลูกบ้านสามารถเดินข้ามมาใช้งานพื้นที่ส่วนกลางได้ทั่วทั้งโครงการโดยไม่ต้องลงลิฟต์ไปชั้น 1 เพื่อเดินไปใช้งานส่วนกลางในอีกอาคารนั่นเอง
สำหรับพื้นที่ Rooftop นี้จะเน้นเป็นพื้นที่สวนสีเขียวที่ปลูกต้นไม้นานาพันธุ์ พร้อมพื้นที่นั่งพักผ่อนให้เรามานั่งเล่นชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น-ตกได้ รวมถึงยังมาเดินเล่นหรือวิ่งออกกำลังกายสูดอากาศบริสุทธิ์ได้ด้วยค่ะ
ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Rooftop ของทั้ง 2 อาคาร โดยมี Bridge เชื่อมพื้นที่ดาดฟ้าของอาคารทั้ง 2 อาคาร แต่ทางโครงการบอกมาว่าอาจจะมีการเปลี่ยนตัวราวกันตกเป็นกระจกแทนนะคะ
ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Rooftop ของทั้ง 2 อาคาร ลูกบ้านสามารถมาใช้งานส่วนกลางได้ทั้ง 2 อาคารเลย
Rooftop ของอาคาร A
Rooftop ของอาคาร A จะเรียกว่า Sky Garden ประกอบด้วย Milkyway Jogging ให้ลูกบ้านมาเดินออกกำลังกายกันได้, Sky View Deck และ Sky Bar เป็นพื้นที่นั่งเล่นในสวน, Long Dining Table และ Chill Lawn เป็นลานสนามหญ้าที่มีโต๊ะยาวให้มานั่งปิกนิกกันได้ ส่วนด้านข้างจะมี Relaxing Corner เป็นมุมนั่งพักผ่อนอีกจุดค่ะ
ภาพจำลองบรรยากาศ Sky Garden บริเวณ Rooftop ของอาคาร A ออกแบบเน้นต้นไม้สีเขียว ที่นอกจากจะสร้างบรรยากาศสดชื่นแล้ว ยังเป็นร่มเงาให้กับพื้นที่นั่งพักผ่อน ทำให้ลูกบ้านมานั่งใช้งานได้นานขึ้นค่ะ
Rooftop ของอาคาร B
พื้นที่ส่วนกลางบริเวณ Rooftop ของอาคาร B เรียกว่า Avenue of Stars ประกอบด้วย Instagrammable Snap, Sky Lounge Seating และ Walk of Fame ซึ่งทางโครงการออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจจาก Hollywood Walk of Fame ใน Los Angeles ที่เป็นทางเท้าที่ประดับด้วยแผ่นหินรูปดาวห้าแฉก พร้อมรายชื่อนักแสดงและบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ วงการโทรทัศน์ วงการดนตรี วงการวิทยุ และวงการละครเวทีนั่นเอง
ภาพจำลองบรรยากาศ Walk of Fame บริเวณ Rooftop ของอาคาร B โดยออกแบบเป็นลานอเนกประสงค์กว้างๆ มีปลูกต้นไม้อยู่โดยรอบให้ร่มเงาเวลามาใช้งาน ส่วนด้านข้างจะมี Sky Lounge Seating ให้มานั่งรับลมชมวิวได้
ภาพจำลองบรรยากาศ Instagrammable Snap บริเวณ Rooftop ของอาคาร B เป็นพื้นที่ Photo Spot ให้ลูกบ้านมาถ่ายรูปกันได้ รวมถึงมีการปลูกดอกไม้หลากหลายสี เพิ่มสีสันสดใสให้บริเวณชั้นดาดฟ้านี้
การจัดแปลนชั้นพักอาศัย
ชั้น 4
ชั้น 4-7 เป็นชั้น Typical Floor Plan ของโครงการนะคะ โดยอาคาร A มีจำนวนยูนิตสูงสุดอยู่ที่ 19 ยูนิต และอาคาร B มีจำนวนยูนิตสูงสุดอยู่ที่ 27 ยูนิต สำหรับลักษณะการวางผังทั้ง 2 อาคารเป็นรูปตัว L และมีตำแหน่ง Core ลิฟต์อยู่ตรงมุมตัว L สำหรับอาคาร A จะมีระยะเดินจากโถงลิฟต์มายังห้องพักทั้ง 2 ฝั่งพอๆกัน แต่โถงลิฟต์ของอาคาร B จะอิงมาฝั่งด้านล่างมากกว่า จึงทำให้ห้องพักอาศัยทางฝั่งบนมีระยะเดินที่ไกลกว่าค่ะ
เราชอบที่ทางโครงการออกแบบให้ทุก Layout มีตำแหน่งที่แชร์ผนังร่วมกับเพื่อนบ้านเพียงด้านเดียว ได้ความเป็นส่วนตัวสูงค่ะ เพราะโครงการส่วนใหญ่จะออกแบบห้องที่แชร์ผนังกับเพื่อนบ้านเป็นห้องที่มี Layout เดียวหรือเป็นห้องขนาดใหญ่ ทำให้ห้องขนาดเล็กไม่มีตำแหน่งแบบนี้เท่าไหร่ค่ะ
โดย 1 Bedroom Star เป็นห้องที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดและ 1 Bedroom Plus เป็นห้องขนาดใหญ่สุดในโครงการและมีเพียง 1 ห้องต่อชั้น ทำให้เป็นห้องที่มีจำนวนน้อยสุดเพียง 7 ยูนิตค่ะ ตำแหน่งห้องส่วนใหญ่ของโครงการจะหันไปทางตะวันออกเฉียงใต้และตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้ได้แดดไม่แรงและรับลมดีค่ะ ส่วนประตูห้องก็ออกแบบให้ไม่หันหน้าชนกัน เพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นนั่นเอง งั้นเรามาดูตำแหน่งที่ห้องพักที่น่าสนใจกันค่ะ บอกเลยว่ามีตำแหน่งดีๆหลายจุดเลยนะ
- กรอบสีชมพู – แบบห้อง Studio เป็นห้องขนาดเล็กราคาดีที่หันออกได้วิวด้านนอกอาคาร แต่แชร์ผนังกับเพื่อนบ้านเพียงด้านเดียว รวมถึงมีห้องที่ไม่มีห้องเพื่อนบ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วย
- กรอบสีแดง – ตำแหน่ง Rare Item ที่ได้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด เพราะนอกจากจะไม่ต้องแชร์ผนังร่วมกับห้องเพื่อนบ้านแล้ว โถงทางเดินด้านหน้าห้องเป็น Single load Corridor ที่ไม่มีห้องอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วย
- กรอบสีน้ำเงิน – ห้อง Studio Extra ถือเป็นห้องขนาดเล็กราคาดีที่หันหน้าเข้าด้านใน เปิดรับวิว Court ส่วนกลางแนวยาว
- กรอบเขียว – ห้อง 1 Bedroom Plus ที่เป็นห้องขนาดใหญ่สุดในโครงการ โดยมีตำแหน่งหันหน้าเข้าด้านในเปิดรับวิว Court ส่วนกลางและมีระเบียงเปิดรับวิวด้านข้างด้วย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- ชั้น 1
– อาคาร A : Muse Lobby, Mailbox และ Multi Purpose Room
– อาคาร B : Mingle Lobby, Mailbox และ Laundry Café
– Grab & GO
– Cinematic Garden Court (Courtyard)
– Hillside Walking
– Feature Wall
– Secret Garden - ชั้น 2
– อาคาร A : Pool Lounge, Pool Deck, Mermaid Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 2.65×12.00 เมตร ความลึก 1.25 เมตร, High Energy Club และ The Aqua
– อาคาร B : Working Pod, Business Lounge, Co-Working Space และ Juristic Office - ชั้น 3
– อาคาร A : The Studio - ชั้น 8
– อาคาร B : Oscar Theater, Co-Kitchen Space, Hollywood Room และ Party Area - Rooftop
– อาคาร A : Sky Garden ประกอบด้วย Milkyway Jogging, Sky View Deck, Sky Bar, Long Dining Table, Chill Lawn และ Relaxing Corner
– Bridge เชื่อมพื้นที่ดาดฟ้าของอาคาร A และ B
– อาคาร B : Avenue of Stars ประกอบด้วย Instagrammable Snap, Walk of Fame และ Sky Lounge Seating - ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 72 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 55 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 89 : 1
- ที่จอดรถ 94 คัน คิดเป็น 39% (รวมจอดซ้อนคัน) แบ่งเป็น Conventional Parking 50 คันและ Auto Parking 44 คัน / จอดรถมอเตอร์ไซค์ 8 คัน
- ประตูทางเข้า-ออกโครงการ (รถยนต์) : รั้วไม้กระดก
- ประตูทางเข้า-ออกโครงการ (Pedestrian Entrance) : ประตูบานเฟี้ยม บริเวณด้านหลังโครงการ
- ระบบในการเข้า-ออก (รถยนต์) : Active Module / Bluetooth Reader / Photo Sensor
- ระบบในการเข้า-ออก (เดินเข้าออก ขึ้นลงอาคาร) : Keycard Access / ระบบ Scan
- CCTV ส่วนกลาง : 124 จุด แบ่งเป็นอาคาร A จำนวน 56 จุด / อาคาร B จำนวน 68 จุด
- รั้วทึบรอบโครงการสูง 2.20 เมตร
แบบห้อง
Highlight
- แบบห้องเยอะถึง 9 แบบ เลือกได้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ทั้งพื้นที่เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่, มีพื้นที่นั่งทำงานติดหน้าต่าง, ได้ครัวปิดติดระเบียงหรือห้องที่มี Walk-in Closet
- เน้น 1 Bedroom เป็นหลัก รองรับการอยู่อาศัย 1 – 2 คนได้สบายๆ
- ตกแต่งแบบ Fully Furnished ช่วยประหยัดงบซื้อของ เพราะซื้อของอีกนิดหน่อยก็เข้าอยู่ได้เลย รวมถึงมีกระจกพร้อมระบบไฟส่องสว่าง-ไล่ฝ้าและฝักบัวแบบ Rain Shower ที่ถือว่าหาได้ยากในคอนโดระดับ Economy Class
MUSE Condo Saphanmai (มิวส์ คอนโด สะพานใหม่) มีรูปแบบห้องพักอาศัยทั้งหมด 9 แบบ มีให้เลือกตั้งแต่ Studio ไปจนถึง 1 Bedroom Plus โดยเน้นเป็นห้อง 1 Bedroom เป็นหลัก จึงอยู่อาศัย 1 – 2 คนได้สบายๆ รวมถึงตัวห้องก็ตกแต่งแบบ Fully Furnished ที่ถือว่าให้มาค่อนข้างครบเลย ส่วนการจัดฟังก์ชันในห้องก็มีความหลากหลายดีทั้งพื้นที่เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่, มีพื้นที่นั่งทำงานติดหน้าต่าง, ได้ครัวปิดติดระเบียงหรือห้องที่มี Walk-in Closet ทำให้เลือก Layout ห้องได้ตามไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของแต่ละคนเลย
- Studio พื้นที่ใช้สอย 22.30-23.00 ตร.ม.
- Studio Extra พื้นที่ใช้สอย 23.65-24.60 ตร.ม.
- 1 Bedroom Star พื้นที่ใช้สอย 22.30-23.20 ตร.ม.
- 1 Bedroom Stage พื้นที่ใช้สอย 23.25-24.65 ตร.ม.
- 1 Bedroom Extra I พื้นที่ใช้สอย 25.25 ตร.ม.
- 1 Bedroom Extra II พื้นที่ใช้สอย 25.90-26.25 ตร.ม.
- 1 Bedroom Exclusive I พื้นที่ใช้สอย 26.40-27.25 ตร.ม.
- 1 Bedroom Exclusive II พื้นที่ใช้สอย 26.45-27.25 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 34.75 ตร.ม.
Furniture Package
ทางโครงการได้ตกแต่งห้องแบบ Fully Furnished ที่ให้เฟอร์นิเจอร์มาค่อนข้างครบทั้ง ตู้วางทีวี, โซฟา, ฐานเตียง 5 ฟุต มีลิ้นชักเก็บของ, ตู้เสื้อผ้า, เคาน์เตอร์ครัว Top หินเทียมและกรุ Backsplash ลายหินอ่อน พร้อมอ่างล้างจาน Hop & Hood และเครื่องปรับอากาศ ส่วนตู้รองเท้าจะมีแถมมาให้เฉพาะ 1 Bedroom Star, 1 Bedroom Exclusive I และ 1 Bedroom Plus เพราะแบบห้องอื่นๆจะจัดพื้นที่ด้านหน้าห้องเป็นพื้นที่ครัวและ Built-in เคาน์เตอร์ครัวแทนนั่นเอง
วัสดุภายในห้อง
– พื้นห้อง : กระเบื้องยาง หนา 5 มม.
– พื้นระเบียง : กระเบื้อง ขนาด 30×30 เซนติเมตร
– ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.40 เมตร
– ผนังห้องฉาบเรียบ ทาสีขาว
– ไฟดาวน์ไลท์
– สวิทช์-ปลั๊ก จาก CNBW
– ประตูห้อง : วัสดุ WPC
– กระจก : ด้านนอก กระจกลามิเนต สีเทา / กระจกในห้อง กระจกใส
– วัสดุกรอบบานหน้าต่าง : หน้าต่างกรอบบานอะลูมิเนียม
– เครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type จาก GREE จำนวน 1-2 ตัว (จำนวนชิ้นและขนาด BTU ขึ้นอยู่กับแบบห้อง)
– Digital Door Lock จาก B.grimm
วัสดุห้องครัว
– Top Counter ด้วยหินเทียมสีขาว
– ชุดเคาน์เตอร์ครัว พร้อมติดตั้งอ่างล้างจานและเตาไฟฟ้า จาก แบรนด์ในเครือ JW GROUP
– เครื่องดูดควัน จาก MEX
– Backsplash กระเบื้องลายหินอ่อน
วัสดุห้องน้ำ
– พื้นและผนังห้องน้ำ : กระเบื้อง ขนาด 30×30 เซนติเมตร
– ก๊อกน้ำ, อ่างล้างมือ, กระจกพร้อมระบบไฟส่องสว่างและไล่ฝ้า, ตู้อ่างล้างหน้าสเตนเลส, โถสุขภัณฑ์ และฝักบัว Hand-Rain Shower พร้อมราวแขวนผ้า ที่เก็บกระดาษทิชชูและชั้นวางของเข้ามุม จาก PC PERFECT แบรนด์ในเครือ JW GROUP (เทียบเท่า American Standard)
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
สำหรับห้องตัวอย่างที่เราพามาให้ดูกันจะมีทั้งหมด 3 แบบ โดยเราจะมาเจาะลึกกันที่ห้อง 1 Bedroom Star และ 1 Bedroom Exclusive I นอกจากนั้นเราได้เก็บภาพบรรยากาศของ 1 Bedroom Plus มาให้ชมกันด้วยค่ะ
1 Bedroom Star พื้นที่ใช้สอย 22.30-23.20 ตร.ม.สำหรับห้องแรกที่เราพามาดูคือ 1 Bedroom Star ซึ่งเป็นแบบห้องที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดในโครงการนะคะ ส่วนใหญ่จะอยู่ตำแหน่งที่หันหน้าออกด้านนอกอาคาร แต่มีบางตำแหน่งที่อยู่ติดกับเพื่อนบ้านด้านเดียว ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวดี นอกจากนั้นยังมีห้องตำแหน่ง 09 ในอาคาร A ที่เรามองว่าเป็นตำแหน่งที่ได้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด เพราะแชร์ผนังกับเพื่อนบ้านด้านเดียวและได้โถงทางเดินหน้าห้องแบบ Single load Corridor ที่ไม่มีห้องอยู่ฝั่งตรงข้ามนั่นเอง โดยเราได้สรุปจุดเด่นของ 1 Bedroom Star มาให้อ่านกันค่ะ
- แบ่งพื้นที่ภายในห้องเป็น 2 ฝั่ง ได้แก่ โซนพักผ่อนและโซน Service ทำให้ได้ความเป็นสัดส่วนดี
- Open Plan เชื่อมต่อพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่นอน ทำให้ห้องดูโปร่ง จัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ยืดหยุ่น
- ห้องครัวแบบปิดติดระเบียง ทำอาหารจริงจังได้ ช่วยป้องกันกลิ่นและควันลอยเข้าไปห้อง
- ห้องน้ำ แบ่งเป็นสัดส่วนทั้งอ่างล้างมือ สุขภัณฑ์และพื้นที่อาบน้ำ
- ระเบียง มีพื้นที่ด้านล่างตั้งเครื่องซักผ้าได้ โดยแขวน Condensing Unit ไว้ด้านบน
สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่ทางโครงการตกแต่งมาภายในห้องจะได้เหมือนภาพด้านบนเลยนะคะ เรามองว่าน่าสนใจตรงที่นอกจากจะได้เคาน์เตอร์ครัวมาแล้ว ยังติดตั้งอ่างล้างมือ เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันมาให้ แถมยังได้ Backsplash มาด้วย รวมถึงภายในห้องน้ำก็ได้กระจกพร้อมระบบไฟส่องสว่าง-ไล่ฝ้าและฝักบัวแบบ Rain Shower หากเทียบกับคอนโดระดับ Economy Class ก็ถือว่าได้มาเยอะเลยค่ะ
ประตูห้องในทุกแบบห้องเป็นวัสดุ WPC พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock จาก B.grimm ทำให้สามารถใช้งานได้ง่ายดี เพราะไม่ต้องยืนหากุญแจหรือบัตรในกระเป๋าอยู่หน้าห้อง ก็สามารถกด Password หรือสแกนลายนิ้วมือเข้าห้องได้เลยนั่นเอง
บริเวณด้านล่างประตูห้องจะมีพื้นยกระดับสูงขึ้นมานิดนึง ช่วยกันเศษสกปรกและฝุ่นที่ติดจากรองเท้าหรือโถงทางเดินเข้ามาภายในห้องพักของเราด้วยค่ะ
Common Area
ทางโครงการได้แบ่งพื้นที่ภายในห้องออกเป็น 2 ฝั่ง ได้แก่ โซนพักผ่อนและโซน Service ดังนั้นเมื่อเปิดประตูเข้าห้องมาจะเจอกับโซนพักผ่อนเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ 2.50×5.60 เมตร เชื่อมจากหน้าห้องไปถึงด้านในห้องเลย โดยเป็นการออกแบบ Open Plan เพื่อเชื่อมพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่นอน ทำให้นอกจากจะใช้งานได้ต่อเนื่องกันแล้ว ยังช่วยดึงแสงธรรมชาติและเพิ่มบรรยากาศโปร่งสบายภายในห้องด้วยนั่นเอง
สำหรับพื้นภายในห้องจะเป็นกระเบื้องยางลายไม้ หนา 5 มม. ส่วนผนังและฝ้าเพดานจะเป็นแบบฉาบเรียบ ทาสีขาวนะคะ ส่วนความสูงจากพื้นถึงเพดานอยู่ที่ 2.40 เมตรค่ะ
ทางโครงการเลือกติดตั้งสวิทช์-ปลั๊ก จาก CNBW และไฟดาวน์ไลท์ ซึ่งจะได้หน้าตาเหมือนในภาพด้านบนเลยนะคะ สำหรับเราหลอดไฟนี้ให้ความสว่างประมาณนึง ถ้าใครชอบห้องสว่างๆก็สามารถเปลี่ยนรูปแบบหลอดไฟหรือเพิ่มจำนวนวัตต์ได้นะคะ
พื้นที่นั่งเล่นจะอยู่บริเวณด้านหน้าห้องเลย โดยมีขนาด 2.50×2.50 เมตร ส่วนระยะดูทีวีจะอยู่ที่ 2.20 เมตร จึงเหมาะตั้งทีวีขนาด 45 นิ้วขึ้นไปได้ ส่วนด้านข้างของพื้นที่นั่งเล่นจะมีพื้นที่ว่างให้เราสามารถทำเป็นชั้นวางของเหมือนที่ห้องตัวอย่างตกแต่งเป็นไอเดียได้ หรือจะทำเป็นมุมนั่งรับประทานอาหารก็ดีเหมือนกัน เพียงหาซื้อโต๊ะและเก้าอี้มาตั้งเพิ่ม เราก็สามารถดูทีวีไปพร้อมกับรับประทานอาหารได้เลยค่ะ
Built-in ตู้รองเท้า-ชั้นวางทีวี
อย่างที่เราได้บอกไปนะคะว่าทางโครงการได้ตกแต่งห้องแบบ Fully Furnished ทางลูกบ้านจะได้ Built-in ตู้รองเท้า-ชั้นวางทีวี และโซฟา 2 ที่นั่งมาหน้าตาแบบนี้เลยนะคะ สำหรับเราชอบตู้รองเท้าที่มีช่องด้านล่างเก็บรองเท้าคู่ที่ใส่บ่อยๆได้ ส่วนชั้นวางบริเวณที่มีบานปิดกระจกก็เก็บรองเท้าที่ไม่ค่อยได้ใช้ และชั้นวางของด้านบนก็วางบัตร-กุญแจและตั้งโชว์ของได้ นอกจากนั้นตัวบานกระจกส่องก็ทำให้เราสามารถเช็กความเรียบร้อยก่อนออกจากห้องได้ด้วย
ห้องน้ำจะอยู่ด้านข้างของพื้นที่นั่งเล่นเลย มีขนาดอยู่ที่ 1.50×2.40 เมตร มีการออกแบบลดระดับพื้นให้ต่ำลงกว่าพื้นห้อง ช่วยกันไม่ให้น้ำไหลเข้ามาภายในห้องค่ะ ส่วนภายในห้องน้ำมีการแบ่งส่วนเปียก-แห้งไว้อย่างชัดเจน เลือกวัสดุตกแต่งเป็นกระเบื้องโทนสีขาว ทำให้ห้องดูสว่าง โดยปูพื้นเป็นกระเบื้อง ขนาด 30×30 เซนติเมตร ที่มีลวดลายเหมือนห้องตัวอย่างเลยนะคะทั้งพื้นและผนัง รวมถึงบริเวณพื้นที่อาบน้ำก็เลือกเป็นกระเบื้องสีส้มอิฐ ช่วยตัดสีทำให้ไม่ดูเรียบเกินไป ส่วนสุขภัณฑ์ได้ครบชุดเหมือนในห้องตัวอย่างเลยค่ะ
ห้องน้ำ
สำหรับสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำเลือกใช้จาก PC PERFECT ที่เป็นแบรนด์ในเครือ JW GROUP เนื่องจากทาง JW GROUP ก็มีโครงการอสังหาฯอยู่หลากหลายทั้งโรงแรม, Home Office และคอนโดมิเนียม จึงมีโรงงานผลิตสุขภัณฑ์ เพื่อใช้ในโครงการของเครือ JW GROUP โดยเฉพาะ ซึ่งทางโครงการบอกมาว่าสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำนี้ก็เทียบเท่า American Standard นั่นเองค่ะ
ทางโครงการได้ติดตั้งก๊อกน้ำ, อ่างล้างมือ, ตู้อ่างล้างหน้าสเตนเลส, โถสุขภัณฑ์และฝักบัว แต่ที่เรามองว่าน่าสนใจ คือ มีกระจกพร้อมระบบไฟส่องสว่าง-ไล่ฝ้าและฝักบัวแบบ Rain Shower มาให้ด้วย ถือว่าหาได้ยากในคอนโดระดับ Economy Class ที่จะได้แบบนี้นะคะ นอกจากนั้นเราชอบที่ออกแบบ Low Wall ก่อกำแพงด้านหลังอ่างล้างมือ-โถสุขภัณฑ์ สำหรับวางของได้เยอะดีและยังมีราวแขวนผ้า ที่เก็บกระดาษทิชชูและชั้นวางของเข้ามุมมาให้ด้วย ถึงจะเป็นของใช้เล็กๆน้อยๆ แต่ก็ช่วยให้อยู่อาศัยได้สบายขึ้นนะคะ ส่วนด้านบนจะมีติดตั้งพัดลมดูดอากาศภายในห้องน้ำ ช่วยลดความอับชื้นภายในห้องค่ะ
พื้นที่อาบน้ำ
พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 0.90×1.00 เมตร ยืนอาบน้ำได้สะดวก มีสิ่งที่เราชอบเลยคือการเจาะผนังกว้างสำหรับเป็นชั้นวางของ 3 ชั้น จึงตั้งพวกครีมอาบน้ำ แชมพู ครีมนวดต่างๆได้สบาย ส่วนฝักบัวจะได้เป็น Hand Shower และ Rain Shower หน้าตาเหมือนห้องตัวอย่าง แต่ทางโครงการไม่ได้ติดตั้งฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้นะคะ เราจึงหาซื้อเพิ่มเองได้ เวลาอาบน้ำก็ไม่ต้องกังวลว่าน้ำจะกระเด็นไปเลอะบริเวณอื่นนั่นเอง
พื้นที่นอน
ต่อมาเราพามาดูบริเวณเตียงนอนกันบ้าง โดยมีพื้นที่ขนาดประมาณ 2.50×3.00 เมตร อยู่ติดกับหน้าต่างขนาดใหญ่เกือบ Full Height ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในห้องนั่นเอง ซึ่งทางโครงการได้มีฐานเตียง 5 ฟุตและตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in มาให้เรียบร้อยเลย ส่วนบริเวณปลายเตียงมีพื้นที่ให้พอเดินผ่านได้ ดังนั้นใครที่อยากจะติดตั้งทีวีบริเวณปลายเตียงก็แนะนำให้ใช้เป็นทีวีแบบแขวนนะคะ
สำหรับตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ที่ทางโครงการให้มาจะมีบานตู้เป็นบานทึบลายไม้และบานกระจก ส่วนด้านในมีราวแขวนเสื้อผ้าและช่องเก็บของด้านบน-ด้านล่าง ซึ่งเรามีไอเดียแนะนำสำหรับใครที่ไม่ค่อยสบายใจเวลามีเพื่อนแวะมาที่ห้อง แล้วต้องเห็นเสื้อผ้าภายในตู้ที่อาจจะไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ ก็สามารถติดสติกเกอร์ขุ่นตรงบานกระจกของตู้เสื้อผ้า เพื่อช่วยพรางสายตา ได้ความเป็นส่วนตัว รวมถึงติดพวกสติกเกอร์สีสันสดใสอันเล็กๆเพิ่มด้วยก็ทำให้ดูเหมือนเป็นการตกแต่งตัวตู้เสื้อผ้านั่นเอง
ส่วนฐานเตียง 5 ฟุตที่ทางโครงการให้มาก็มีการออกแบบลิ้นชักเก็บของไว้ให้ด้วย เราชอบเลยนะ เพราะบางโครงการจะออกแบบเป็นช่องวางของ ทำให้ของที่เราวางไว้อาจเกิดฝุ่นเกาะได้ พอออกแบบเป็นลิ้นชักก็ไม่ต้องกังวลเรื่องฝุ่นเลย รวมถึงทำให้เราสามารถเก็บของกระจุกกระจิกได้เป็นระเบียบเรียบร้อยดีค่ะ
ทางโครงการได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type จาก GREE มาให้ด้วยนะคะ โดยห้องนี้จะได้จำนวน 1 ตัว อยู่บริเวณปลายเตียงนอนค่ะ ซึ่งจำนวนชิ้นและขนาด BTU ของเครื่องปรับอากาศจะขึ้นอยู่กับแบบห้องนะคะ
ต่อมาเราพาไปยังโซน Service กัน โดยด้านข้างของพื้นที่เตียงนอนจะมีประตูเปิดไปยังห้องครัวแบบปิดติดระเบียงค่ะ ทางโครงการเลือกใช้เป็นประตูบานเลื่อนที่เปิด-ปิดได้ง่าย ไม่กินพื้นที่ภายในห้องและเป็นประตูแบบแขวนด้านบน ทำให้ไม่มีรางประตูตรงพื้น จึงเดินได้ไม่สะดุดและไม่กักเก็บฝุ่นตรงบริเวณนี้ ช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายดี
ห้องครัวแบบปิด มีขนาดประมาณ 1.15×1.35 เมตร ที่ทางโครงการได้ทำ Built-in เคาน์เตอร์ครัวและชั้นวางของด้านบนมาให้แล้ว พร้อมมีพื้นที่ด้านข้างวางตู้เย็นได้ โดยจะมีพื้นที่ยืนประกอบอาหารประมาณ 0.75 เมตร นอกจากนั้นยังเป็นห้องครัวแบบปิดติดระเบียงจึงเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารเอง เพราะสามารถเปิดประตูระบายอากาศไปทางระเบียงได้ จึงไม่ต้องกังวลว่ากลิ่นอาหารจะลอยเข้าไปในห้องค่ะ
เคาน์เตอร์ครัว
ทางโครงการได้ Built-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้เหมือนภาพด้านบนเลยค่ะ โดยชุดเคาน์เตอร์ครัว Top ด้วยหินเทียมสีขาวที่สามารถทนรอยขีดข่วนและทำความสะอาดได้ง่าย ส่วนชั้นเก็บของทั้งด้านบนและด้านล่างก็สามารถเก็บพวกจาน ชาม แก้วน้ำ เครื่องปรุงและวัตถุดิบทำอาหารได้เยอะ รวมถึงมีพื้นที่ด้านล่างวางอุปกรณ์ทำความสะอาดและถังขยะไว้ทิ้งเศษอาหารด้วย นอกจากนั้นได้เว้นช่องวางเครื่องไมโครเวฟ ช่วยประหยัดพื้นที่บนเคาน์เตอร์ ทำให้มีพื้นที่เตรียมอาหารกว้างขึ้น
สำหรับอ่างล้างจานและเตาไฟฟ้าเลือกใช้จากแบรนด์ในเครือ JW GROUP, เครื่องดูดควัน จาก MEX แต่ไม่ได้เป็นระบบหมุนเวียนที่ดูดควันไปปล่อยนอกอาคาร ทำให้พอใช้ไปนานๆอย่าลืมเปลี่ยนไส้กรองกันด้วยนะคะ จะได้สามารถดูดซับกลิ่นและควันได้อย่างเต็มที่ แต่จริงๆห้องครัวติดกับระเบียงอยู่แล้วจึงสามารถเปิดประตูให้ควันลอยออกไปนอกอาคารได้เลย ส่วนบริเวณด้านหลังเคาน์เตอร์ก็มี Backsplash กระเบื้องลายหินอ่อนมาให้แล้ว จึงทำความสะอาดง่ายและผนังดูสวยงาม ไม่เป็นคราบน้ำมันเวลาทำกับข้าวหนักๆ ด้วยค่ะ
ถัดจากห้องครัวจะมีประตูเปิดไปยังพื้นที่ระเบียง โดยเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้เราเปิดประตูได้กว้างขึ้น อีกทั้งได้ความโปร่งโล่งด้วย
ระเบียงจะมีขนาด 0.90×1.35 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้อง ขนาด 30×30 เซนติเมตร สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ซึ่งทางโครงการแขวน Condensing Unit ไว้ด้านบน ทำให้เราใช้พื้นที่ด้านล่างได้จริง สามารถตั้งเครื่องซักผ้า ราวตากผ้าหรือปลูกต้นไม้ได้ ส่วนตัวราวกันตกจะออกแบบเป็นระแนงเหล็กสีดำที่นอกจากจะทำให้ตัวอาคารดูสวยงามเมื่อมองจากด้านนอกแล้ว ยังช่วยพรางสายตา ได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นด้วย
1 Bedroom Exclusive I พื้นที่ใช้สอย 26.40-27.25 ตร.ม.ตำแหน่งของ 1 Bedroom Exclusive ส่วนใหญ่จะอยู่อาคาร B บริเวณมุมอาคารจึงมีการแชร์ผนังกับเพื่อนบ้านเพียงด้านเดียว ส่วนอาคาร A จะมีเพียง 1 ยูนิตต่อชั้นและหันหน้าเขาด้านใน Court ส่วนกลางของโครงการจึงถือเป็นห้องที่ได้วิวสวยค่ะ
แบบห้อง 1 Bedroom Exclusive จะมีให้เลือก 2 Layouts มีความแตกต่างกันที่ 1 Bedroom Exclusive I มีพื้นที่นั่งเล่นอยู่ด้านหน้าห้อง, ห้องน้ำแบบ Double Access และห้องครัวปิดติดระเบียง เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารบ่อยๆและจัดฟังก์ชันเป็นสัดส่วน สำหรับ 1 Bedroom Exclusive II ได้ครัวปิดบริเวณด้านหน้าห้อง, พื้นที่นั่งเล่นและเตียงนอนเชื่อมกันขนาดใหญ่และมีพื้นที่ Walk-in Closet นั่นเอง จึงเหมาะกับคนที่เน้นพื้นที่พักผ่อนขนาดใหญ่และชอบแต่งตัว ต้องการพื้นที่เก็บเสื้อผ้าได้เยอะและเป็นระเบียบ โดยเราได้เก็บภาพบรรยากาศของห้องตัวอย่าง 1 Bedroom Exclusive I มาให้ชมกันและสรุปจุดเด่นมาดังนี้
- ห้องนั่งเล่น สามารถวางโซฟาและวางโต๊ะกินข้าวได้ด้วย
- ห้องครัวแบบปิดติดระเบียง ทำอาหารจริงจังได้ ช่วยป้องกันกลิ่นและควันลอยเข้าไปในห้อง
- ห้องน้ำเข้า-ออกได้ 2 ทาง ใช้งานได้ง่ายทั้งจากพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอน
- ห้องนอนขนาดใหญ่ จัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้เยอะ
- ระเบียง มีพื้นที่ทำมุมนั่งเล่นหรือมุมต้นไม้ได้ แขวน Condensing Unit ไว้ด้านบน
อย่างที่เราได้บอกไปนะคะว่าทางโครงการตกแต่งห้องแบบ Fully Furnished โดยให้เฟอร์นิเจอร์มาตามภาพด้านบนเลย และมีเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นที่มีจำนวนแตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับรูปแบบห้องนั่นเอง
สำหรับประตูห้องจะเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้เลยนะคะ เป็นประตู WPC พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock จาก B.grimm ใช้งานได้สะดวก รวมถึงมีพื้นยกสูงขึ้นมานิดนึงเพื่อป้องกันเศษสกปรกและฝุ่นเข้ามาภายในห้องค่ะ
เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับห้องนั่งเล่นขนาด 2.55×3.00 เมตร และได้แสงธรรมชาติเข้ามาจากฝั่งครัวเพราะเป็นประตูบานเลื่อนกระจกนั่นเอง สำหรับวัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องยางลายไม้ หนา 5 มม. ส่วนผนังและฝ้าเพดานจะเป็นแบบฉาบเรียบ ทาสีขาว มีความสูงจากพื้นถึงเพดานอยู่ที่ 2.40 เมตรค่ะ
บริเวณด้านข้างประตูห้องจะมีตู้รองเท้าและชั้นวางทีวีแบบ Built-in ที่ทางโครงการทำมาให้เรียบร้อยเลย แต่หน้าตาของเฟอร์นิเจอร์จะเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้ที่เราพาไปดูนะคะ ทางโครงการได้ตกแต่งตู้รองเท้าและชั้นวางทีวีแบบ Built-in ใหม่ให้เป็นไอเดียไปทำตามกันได้ค่ะ
พอทางโครงการ Built-in ตู้รองเท้าและชั้นวางทีวีมาให้แล้ว ก็ช่วยประหยัดงบตกแต่งไปได้ประมาณนึงเลยนะ รวมถึงช่วยทำให้ใช้งานสะดวกด้วย พอเข้าห้องมาก็เก็บรองเท้า-กระเป๋าได้ มีกระจกไว้ส่องเช็กความเรียบร้อย ส่วนชั้นวางทีวีก็มีพื้นที่เก็บของเล็กๆน้อยๆได้ และด้านของตู้ Built-in นี้จะเป็นประตูเปิดไปยังห้องน้ำที่เข้า-ออกได้ 2 ทางทั้งจากห้องนั่งเล่นและห้องนอนค่ะ แต่เราขอพาไปดูพื้นที่นั่งเล่นกันต่อก่อนนะคะ
พื้นที่นั่งเล่นนี้มีระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.20 เมตร จึงตั้งทีวีขนาด 45 นิ้วขึ้นไปได้ ส่วนโซฟา 2 ที่นั่งที่ทางโครงการแถมมาให้ จะได้หน้าตาเหมือนห้องก่อนหน้านี้นะคะ บริเวณตรงกลางมีพื้นที่เดินเข้า-ออกห้องกว้าง จริงๆเราสามารถหาซื้อโต๊ะกลางเล็กๆมาตั้งเหมือนห้องตัวอย่างได้นะ ทำให้ยังมีพื้นที่ทางเดินกว้างและมีโต๊ะไว้วางของนิดหน่อยด้วย
บริเวณด้านข้างของพื้นที่นั่งเล่นจะมีพื้นที่ว่างให้เราสามารถตกแต่งเป็นโต๊ะทำงานเหมือนห้องตัวอย่างได้เลย หรือจะทำเป็นมุมนั่งรับประทานอาหารก็ได้เหมือนกัน เพราะอยู่ติดกับห้องครัวนั่นเอง
สำหรับแบบห้องนี้จะได้เครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type จาก GREE จำนวน 2 ตัวนะคะ โดยติดตั้งอยู่บริเวณห้องนั่งเล่นและห้องนอนค่ะ
ทางโครงการเลือกใช้เป็นประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ที่นอกจากจะเปิด-ปิดได้ง่าย ไม่กินพื้นที่ภายในห้องแล้ว ยังเปิดได้กว้าง เดินผ่านได้สะดวกดีค่ะ นอกจากนั้นยังช่วยดึงแสงธรรมชาติจากด้านนอกเข้ามายังพื้นที่นั่งเล่นด้วย
แต่สำหรับใครที่ไม่ค่อยสบายใจเวลามีเพื่อนแวะมาที่ห้องแล้วมองเห็นพื้นที่ครัวที่ไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ ก็สามารถติดสติกเกอร์ขุ่นตรงประตูกระจกนี้ เพื่อช่วยพรางสายตา เพิ่มความเป็นส่วนตัวได้นะคะ
ห้องครัวแบบปิดติดระเบียงขนาดประมาณ 1.15×1.50 เมตร มีพื้นที่ยืนประกอบอาหารกว้างประมาณ 0.80 เมตร ถูกใจคนที่ชอบทำอาหารเองเลย เพราะสามารถเปิดประตูระบายอากาศไปทางระเบียงได้นั่นเอง จึงไม่ต้องกังวลว่ากลิ่นอาหารจะลอยเข้าไปในห้องค่ะ โดยทางโครงการได้ทำ Built-in เคาน์เตอร์ครัวและชั้นวางของด้านบนมาให้เหมือนในห้องตัวอย่างเลยนะคะ ส่วนด้านข้างก็มีพื้นที่ตั้งตู้เย็นได้ด้วย
เคาน์เตอร์ครัว
ชุดเคาน์เตอร์ครัว Top Counter ด้วยวัสดุหินเทียมสีขาว พร้อมชั้นเก็บของทั้งด้านบนและด้านล่าง ช่วยเก็บของได้เยอะและเป็นระเบียบ มีออกแบบเว้นช่องวางเครื่องไมโครเวฟบริเวณด้านล่าง ทำให้มีพื้นที่เตรียมอาหารกว้างขึ้น
ทางโครงการได้ติดตั้งอ่างล้างจานและเตาไฟฟ้าจากแบรนด์ในเครือ JW GROUP, เครื่องดูดควัน จาก MEX ที่พอใช้ไปนานๆต้องเปลี่ยนไส้กรองกันด้วยนะคะ ส่วนบริเวณด้านหลังเคาน์เตอร์ก็มี Backsplash กรุกระเบื้องลายหินอ่อนมาเรียบร้อย ป้องกันคราบอาหารหรือควันจากการทำอาหาร และสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายด้วย
ประตูระเบียงก็เลือกใช้เป็นประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน จึงสามารถเปิด-ปิดได้กว้างและง่าย พร้อมดึงแสงธรรมชาติเข้าไปภายในห้องได้เยอะดี
ระเบียงมีขนาด 0.90×1.50 เมตร ปูพื้นด้วยกระเบื้อง ขนาด 30×30 เซนติเมตร พร้อมแขวน Condensing Unit ไว้ด้านบน ทำให้มีพื้นที่ด้านล่างสามารถใช้งานได้ทั้งตั้งเครื่องซักผ้า-ราวตากผ้าหรือทำเป็นมุมปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียว สร้างบรรยากาศสดชื่นภายในห้องก็ดีเหมือนกัน ส่วนตัวราวกันตกก็ออกแบบเป็นระแนงเหล็กสีดำที่ช่วยพรางสายตาจากด้านนอกได้ค่ะ
ห้องนอน
เราพากลับเข้ามาดูห้องนอนกันนะคะ โดยอยู่ถัดจากห้องนั่งเล่น มีขนาดห้องประมาณ 2.50×3.40 เมตร ซึ่งนอกจากจะตั้งตู้เสื้อผ้า โต๊ะแต่งหน้าและเตียงแล้ว ยังมีพื้นที่ภายในห้องกว้างเลย ส่วนด้านข้างมีหน้าต่างกระจกเกือบ Full Height เปิดรับแสงและวิวด้านนอกด้วย
ทางโครงการได้ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้เหมือนด้านบนเลยนะคะ ตัวบานตู้เป็นบานทึบลายไม้และบานกระจก ส่วนด้านในมีราวแขวนเสื้อผ้าและช่องเก็บของด้านบน-ด้านล่าง สามารถเก็บเสื้อผ้าและกระเป๋าได้ สำหรับตู้เสื้อผ้าที่มีบานตู้เป็นกระจกก็ช่วยให้เราสามารถเลือกเสื้อผ้าแต่งตัวได้ง่ายดี เรามองว่าดีไซน์ตู้เสื้อผ้าแบบนี้เหมาะกับ Layout ห้องที่มีห้องนอนกั้นเป็นสัดส่วนเหมือนห้องนี้นะคะ เพราะไม่ต้องมีแขกหรือเพื่อนเดินผ่านห้องนอน จึงไม่ต้องติดสติกเกอร์ขุ่นตรงบานกระจกของตู้เสื้อผ้าเหมือนห้องที่เราพาไปดูก่อนหน้านี้เพื่อช่วยพรางสายตานั่นเอง
สำหรับฐานเตียงที่ทางโครงการให้มาจะมีขนาด 5 ฟุต พร้อมลิ้นชักเก็บของกระจุกกระจิกได้เป็นระเบียบเรียบร้อยและไม่ต้องกังวลเรื่องฝุ่นเกาะด้วย
ห้องน้ำเข้า-ออกได้ 2 ทาง
ห้องน้ำมีขนาด 1.50×2.60 เมตร ออกแบบให้สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง (Double Access Bathroom หรือ Jack and Jill Bathroom) ทั้งจากห้องนั่งเล่นและห้องนอนจึงสามารถใช้งานได้ง่ายและรองรับแขกได้ด้วย
ออกแบบแบ่งส่วนเปียก-แห้งไว้เป็นสัดส่วน เลือกวัสดุตกแต่งเหมือนภาพด้านบนเลย มีทั้งกระเบื้องสีขาวและสีส้มอิฐตัดกัน เพิ่มลูกเล่นให้ภายในห้องดูไม่เรียบเกินไป โดยปูพื้นเป็นกระเบื้อง ขนาด 30×30 เซนติเมตร ที่มีลวดลายเหมือนห้องตัวอย่างค่ะ นอกจากนั้นมีการออกแบบ Low Wall ก่อกำแพงด้านหลังอ่างล้างมือ-โถสุขภัณฑ์ สำหรับวางอุปกรณ์ของใช้ในห้องน้ำได้เยอะดี
ห้องน้ำพร้อมอุปกรณ์ครบ
ทางโครงการเลือกใช้สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก PC PERFECT ที่เป็นแบรนด์ในเครือ JW GROUP ที่ถือว่ามีสเปคเทียบเท่า American Standard ค่ะ โดยติดตั้งก๊อกน้ำ, อ่างล้างมือ, ตู้อ่างล้างหน้าสเตนเลส, โถสุขภัณฑ์และฝักบัว รวมถึงยังคงมีกระจกพร้อมระบบไฟส่องสว่าง-ไล่ฝ้าและฝักบัวแบบ Rain Shower มาให้เหมือนห้องก่อนหน้านี้เลย พร้อมราวแขวนผ้า ที่เก็บกระดาษทิชชูและชั้นวางของเข้ามุมมาให้ด้วย
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.90×0.90 เมตร พร้อมเจาะผนังด้านข้างเพื่อวางอุปกรณ์อาบน้ำ หยิบใช้งานได้ง่าย แต่ทางโครงการไม่ได้ติดตั้งฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้นะคะ เราจึงสามารถหาซื้อเพิ่มเองได้หรือจะเลือกเป็นผ้าม่านอาบน้ำก็ได้เหมือนกัน ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำกระเด็นไปเลอะบริเวณอื่นนั่นเอง
1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 34.75 ตร.ม.เราพามาชมภาพบรรยากาศห้องตัวอย่างห้องสุดท้ายกันนะคะ ได้แก่ 1 Bedroom Plus ที่ถือเป็นห้องขนาดใหญ่สุดของโครงการ มีเพียง 1 ยูนิตต่อชั้น รวมทั้งหมดเพียง 7 ยูนิต โดยเป็นห้องมุมอาคาร A ที่หันเข้าด้านใน เปิดรับวิว Court ส่วนกลาง รวมถึงมีการแชร์ผนังกับเพื่อนบ้านด้านเดียว จึงมีความเป็นส่วนตัวดี เหมาะกับคู่รักหรือครอบครัวเล็ก โดยเราได้สรุปจุดเด่นของ 1 Bedroom Plus มาให้อ่านกันค่ะ
- ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ติดระเบียง มีพื้นที่วางโซฟาและโต๊ะกินข้าวได้สบาย เปิดรับแสงและวิวได้กว้าง
- ระเบียง มีพื้นที่ทำมุมนั่งเล่นหรือมุมต้นไม้ได้ แขวน Condensing Unit ไว้ด้านบน
- ห้องครัวแบบปิด ทำอาหารจริงจังได้ ช่วยป้องกันกลิ่นและควันลอยเข้าไปห้อง
- ห้องน้ำขนาดใหญ่ แบ่งเป็นสัดส่วนทั้งอ่างล้างมือ สุขภัณฑ์และพื้นที่อาบน้ำ
- ห้องนอนขนาดใหญ่ มีพื้นที่ภายในห้องกว้าง
- ห้องอเนกประสงค์ ปรับเป็นห้องนอนหรือห้องทำงานได้
ทางโครงการจะตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ต่างๆภายในห้องมาเหมือนกับภาพ Furniture Package ด้านบนเลยนะคะ
Common Area
แบบแปลน
Studio
ภาพ Unit Plan ของ Studio และ Studio Extra
1 Bedroom Star
ภาพ Unit Plan ของ 1 Bedroom Star
1 Bedroom Stage
ภาพ Unit Plan ของ 1 Bedroom Stage
1 Bedroom Extra I
ภาพ Unit Plan ของ 1 Bedroom Extra I และ 1 Bedroom Extra II
1 Bedroom Exclusive I
ภาพ Unit Plan ของ 1 Bedroom Exclusive I และ 1 Bedroom Exclusive II
ภาพ Unit Plan ของ 1 Bedroom Plus
ราคา
MUSE Condo Saphanmai (มิวส์ คอนโด สะพานใหม่) ราคา ณ วันที่ 17 ธันวาคม 2567
- Studio พื้นที่ใช้สอย 22.30-23.00 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Fully Furnished ได้แก่ ตู้วางทีวี, โซฟา, ฐานเตียง 5 ฟุต มีลิ้นชักเก็บของ, ตู้เสื้อผ้า, เคาน์เตอร์ครัว Top พร้อมอ่างล้างจาน Hop & Hood, เครื่องปรับอากาศ และตู้รองเท้า (เฉพาะ 1 Bedroom Star, 1 Bedroom Exclusive I และ 1 Bedroom Plus)
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.40 เมตร
- ชุดเคาน์เตอร์ครัว Top ด้วยหินเทียมสีขาว พร้อมติดตั้งอ่างล้างจานและเตาไฟฟ้า จาก แบรนด์ในเครือ JW GROUP, เครื่องดูดควัน จาก MEX และ Backsplash กระเบื้องลายหินอ่อน
- สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ จาก PC PERFECT แบรนด์ในเครือ JW GROUP
- เครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type จาก GREE จำนวน 1-2 ตัว
- ค่าจองเริ่ม 900 บาท
- ค่าทำสัญญาเริ่ม 19,100 บาท
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเล :
โครงการอยู่ในทำเลชานเมืองตอนเหนือของกรุงเทพ โดยตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินในย่านสะพานใหม่ อีกทั้งใกล้ BTS สะพานใหม่และทางพิเศษอุตราภิมุข จึงสามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่าย รวมถึงไม่ไกลจากสนามบินดอนเมืองด้วย โดยตัวโครงการตั้งอยู่บนผืนที่ดินเดิมของโรงหนังสยามรามาที่ได้ปิดตัวไปแล้วในพื้นที่ตลาดสะพานใหม่และฝั่งตรงข้ามโครงการยังเป็นตลาดยิ่งเจริญที่ถือเป็น Node สำคัญของคนในย่านนี้ ทำให้ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการสูง หาซื้อของกินของใช้ได้ง่าย
การเดินทางโดยใช้รถ :
ด้วยตัวโครงการอยู่บนถนนพหลโยธิน ซึ่งเป็นถนนหลักที่ผ่านตั้งแต่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปถึงปทุมธานีได้ เดินทางเชื่อมต่อถนนได้หลายสายทั้งถนนแจ้งวัฒนะ, รามอินทรา และเทพรักษ์ รวมถึงใกล้ทางพิเศษอุตราภิมุข 5 กิโลเมตร จึงสามารถเดินทางไปจตุจักร, ลาดพร้าว, ดินแดง และพระราม 9 ได้สบาย ส่วนพื้นที่จอดรถในโครงการมีทั้งหมด 94 คัน คิดเป็น 39% (รวมจอดซ้อนคัน) ประกอบกับตัวโครงการที่ใกล้ BTS อยู่แล้ว จึงถือว่าให้มาเพียงพอการใช้งานค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :
ถือเป็นโครงการที่ใกล้ BTS สะพานใหม่ เพราะมีระยะเดินจากโครงการไปยังสถานีประมาณ 170 เมตร ทำให้ใครที่ทำงานในเมืองใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวอยู่แล้วจะสะดวกมากเลยค่ะ รวมถึงสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีแดงได้ไม่ไกล หรือจะนั่งไปถึงโซนลาดพร้าวก็เชื่อมต่อกับ MRT สายสีน้ำเงินและเหลืองได้ด้วย นอกจากนั้นยังมีรถประจำทาง, วินมอเตอร์ไซค์และ Taxi ผ่านไป-มา ทำให้สามารถเรียกรถได้ง่ายค่ะ
วัสดุ :
รูปแบบการขายของโครงการนี้เป็น Fully Furnished ได้เฟอร์นิเจอร์มาครบทั้ง Built- in และลอยตัว เราซื้อเพียงเครื่องใช้ไฟฟ้าและชุดเครื่องนอนเพิ่มเติมนิดหน่อยก็เข้าอยู่ได้เลย ส่วนวัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องยางลายไม้ ผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี มีไฟดาวน์ไลท์ ติดตั้งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำครบและมีแอร์มาให้ด้วยค่ะ ส่วนที่เราว่าน่าสนใจคือมีกระจกพร้อมระบบไฟส่องสว่าง-ไล่ฝ้าและฝักบัวแบบ Rain Shower ภายในห้องน้ำมาให้ด้วย ซึ่งถือว่าหาได้ยากในคอนโดระดับ Economy Class
การออกแบบ :
ออกแบบในธีม Hollywood เน้นใช้สีแดงและเส้นโค้งในการตกแต่ง ส่วนวางผังโครงการจะวางทั้ง 2 อาคาร โอบล้อมพื้นที่สวนสีเขียวตรงกลาง มีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ที่ชั้น 1-3, 8 และ Rooftop ซึ่งส่วนกลางของอาคาร A เป็น Active Facilities เหมาะกับคนที่ชอบออกกำลังกายบ่อยๆ ส่วนอาคาร B จะเป็น Passive Facilities เหมาะกับคนที่ชอบพื้นที่นั่งทำงานและ Entertainment Room เราชอบที่โครงการออกแบบให้ทุก Layout ห้องมีตำแหน่งที่แชร์ผนังร่วมกับเพื่อนบ้านเพียงด้านเดียว ได้ความเป็นส่วนตัวดีค่ะ
รูปแบบห้องพักอาศัยในโครงการจะเน้นแบบห้อง 1 Bedroom จึงสามารถอยู่อาศัย 1-2 ได้สบายๆเลย และมีแบบห้องเยอะถึง 9 แบบ จึงเลือกได้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ทั้งพื้นที่เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่, มีพื้นที่นั่งทำงานติดหน้าต่าง, ได้ครัวปิดติดระเบียงหรือห้องที่มี Walk-in Closet รวมถึงตกแต่งแบบ Fully Furnished จึงซื้อของอีกนิดหน่อยก็เข้าอยู่ได้เลย มีหลายตำแหน่งที่น่าสนใจทั้งห้อง Studio เป็นห้องขนาดเล็กราคาดีที่แชร์ผนังกับเพื่อนบ้านเพียงด้านเดียว, Studio Extra หันหน้าเข้าด้านใน เปิดรับวิว Court ส่วนกลางแนวยาว, 1 Bedroom Plus หันหน้าเข้าด้านในเปิดรับวิว Court และมีระเบียงเปิดรับวิวด้านข้าง รวมถึงมีตำแหน่ง Rare Item ที่ได้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด เพราะนอกจากจะไม่ต้องแชร์ผนังร่วมกับห้องเพื่อนบ้านแล้ว โถงทางเดินด้านหน้าห้องเป็น Single load Corridor ที่ไม่มีห้องอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วย
สาธารณูปโภค :
พื้นที่ส่วนกลางรวม 30 รายการ* ออกแบบกระจายอยู่ที่ชั้น 1-3, 8 และ Rooftop พร้อมออกแบบแยกจากส่วนพักอาศัยชัดเจน เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวของลูกบ้าน ซึ่งชั้น 1 จะเป็นพื้นที่พักผ่อนสวนสีเขียวบริเวณ Court ตรงกลาง และมี Lobby ในแต่ละอาคาร ส่วนชั้น 2 จะเป็นสระว่ายน้ำและ Fitness ที่เป็น Active Facilities ในอาคาร A ส่วนอาคาร B จะเป็นพื้นที่ Co-Working Space มุมนั่งทำงานต่างๆ และชั้น 3 ในอาคาร A เป็น The Studio ให้มา Live ถ่ายงานกันได้ สำหรับชั้นบนสุดของโครงการเป็น Rooftop Garden ให้มานั่งพักผ่อน เดินเล่นและวิ่งออกกำลังกายกันค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 73,000 บาท/ตร.ม., 17 ธันวาคม 2567
- ทำเล 8/10 – ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน ทำเลย่านชุมชน ฝั่งตรงข้ามเป็นตลาดยิ่งเจริญ
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – เดินทางได้หลายเส้นทาง แต่อาจจะรถติดบ้างตามเวลาเร่งด่วน
- ไม่ใช้รถ 8/10 – ใกล้ BTS สะพานใหม่ 170 เมตร สามารถเข้าเมืองได้ง่าย
- วัสดุ 8/10 – Fully Furnished วัสดุตามมาตรฐาน ดีที่มีกระจกพร้อมระบบไฟ-ไล่ฝ้าและ Rain Shower ถือว่าหาได้ยากในคอนโดระดับ Economy Class
- แบบ 8/10 – อาคารโอบล้อมส่วนกลาง แบ่งโซนการใช้งานดี แบบห้อง 9 แบบ ทุก Layout มีตำแหน่งที่ติดเพื่อนบ้านด้านเดียว มีความเป็นส่วนตัว
- สาธารณูปโภค 8/10 – ส่วนกลางรวม 30 รายการ* กระจายอยู่ 5 ชั้น ใช้งานได้ทั่วถึงดี
- ECONOMY CLASS
- 7.93 / 10.00
MUSE Condo Saphanmai (มิวส์ คอนโด สะพานใหม่) เหมาะกับใคร
โครงการ MUSE Condo Saphanmai (มิวส์ คอนโด สะพานใหม่) เหมาะกับคนที่ต้องการคอนโดมิเนียมใกล้ BTS สายสีเขียวที่ทำงานในย่านนี้หรือใกล้เคียง ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบสูง แบบเดินไปห้างและสถานีรถไฟฟ้าได้สบายๆ มีส่วนกลางครบครัน และห้องพักอยู่ 1-2 คนได้สบาย มีแบบห้องให้เลือกเยอะ พร้อมเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งครบ ซื้อของเพิ่มอีกหน่อยก็เข้าอยู่ได้เลย มีงบประมาณเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 8,940 บาท/เดือน
ตัวอย่างโครงการโดยรอบบนทำเลเดียวกัน
Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!
โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ
เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่