..ใครกำลังมองหาคอนโดใกล้ทั้งมหาลัย รถไฟฟ้า และแหล่งงานในย่าน ม.เกษตร วันนี้ผมจะพามารีวิว Modiz Vault เกษตร – ศรีปทุม ซึ่งนับว่าเป็นโครงการที่มีฟังก์ชันส่วนกลางเยอะที่สุดในย่าน และเยอะที่สุดของ AssetWise ด้วยครับ โดยมีทั้งหมดกว่า 60 ฟังก์ชันเลยทีเดียว ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายได้ทุกเพศทุกวัย โดยจุดเด่นที่น่าสนใจหรือ Highlights ของโครงการที่ผมได้รวบรวมมาให้ก็จะมีดังนี้

  • ทำเลอยู่ติดรั้วม.เกษตร บนถนนเลียบคลองบางเขน ใกล้มหาลัยขนาดใหญ่ 2 แห่ง และสามารถเชื่อมต่อถนนใหญ่ 2 สายได้สะดวก
  • เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีฟังก์ชันส่วนกลางเยอะสุดในย่าน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนทุกได้รูปแบบทั้ง Live / Work / Learn / Relax และ Shopping อีกทั้งยังมีอาคารที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ด้วย
  • เน้นห้อง 1 Bedroom ที่ได้ครัวปิดเป็นสัดส่วน ขายแบบ Fully Furnished พร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ รวมถึงยังมีแบบห้องพิเศษให้เลือกค่อนข้างเยอะ ทั้งห้องฝ้าเพดานสูง และห้องสำหรับเลี้ยงสัตว์ได้โดยเฉพาะ เป็นต้น

ข้อมูลโครงการ

Modiz Vault Kaset – Sripatum (โมดิซ วอลท์ เกษตร – ศรีปทุม) ณ วันที่ 14 มิถุนายน 2566

 ชื่อโครงการ   Modiz Vault Kaset – Sripatum (โมดิซ วอลท์ เกษตร – ศรีปทุม)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS   UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่   ซ.พลโยธิน 49/1 เขต จตุจักร
 ที่ดิน   5-01-42 ไร่
 ประเภทคอนโด   High Rise 21 ชั้น 1 อาคาร และ Low Rise 7 ชั้น 1 อาคาร
 จำนวนยูนิต   798 ยูนิต (แบ่งเป็น อาคาร A สูง 21 ชั้น 637 ยูนิต / อาคาร B สูง 7 ชั้น 150 ยูนิต และร้านค้า 11 ยูนิต)
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด   42 ยูนิต ที่อาคาร A
 ที่จอดรถ   292 คัน หรือคิดเป็น 37% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน และไม่รวม EV Charger 2 คัน
 เริ่มก่อสร้าง   Q1 ปี 2567
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   Q3 ปี 2569
 ประเภทห้องพัก

  • ห้องแบบ Simplex
  • 1 Bedroom (S) ขนาด 22.00 – 24.20 ตร.ม.
  • 1 Bedroom ขนาด 24.20 – 24.90 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Exclusive ขนาด 26.20 – 27.10 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Extra ขนาด 27.90 – 28.70 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 34.40 – 35.50 ตร.ม.
  • ห้องแบบ Vertical Suite (ฝ้าเพดานสูง)
  • 1 Bedroom (S) VS ขนาด 22.6 ตร.ม. + พื้นที่ชั้นลอย 9.3 ตร.ม.
  • 1 Bedroom VS ขนาด 24.4 – 24.5 ตร.ม. + พื้นที่ชั้นลอย 9.4 – 10 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Exclusive VS ขนาด 26.2 – 27 ตร.ม. + พื้นที่ชั้นลอย 10 – 10.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Extra VS ขนาด 27.9 ตร.ม. + พื้นที่ชั้นลอย 14.3 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus VS ขนาด 34.4 ตร.ม. + พื้นที่ชั้นลอย 19 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร ในแบบห้องปกติ
 ราคาเริ่มต้น  2.29 ล้านบาท
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  110,000 บาท/ตร.ม.
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม)  อยู่ระหว่างการประเมิน
 เว็บไซต์โครงการ https://modizcondo.com/condominium/modiz-vault-kaset-sripatum/
 Call Center 02-168-0000

 

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีบางบัว 550 m. ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าเส้นหลักที่นั่งตรงเข้าเมืองได้แบบไม่ต้องเปลี่ยนสาย
  • ถนนเลียบคลองบางเขนเป็นถนนตัดใหม่ เชื่อมต่อถนนใหญ่ 2 สาย (ถนนพหลโยธิน + ถนนวิภาวดี-รังสิต) ทำให้เดินทางได้สะดวก
  • ใกล้มหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ 2 แห่ง (ม.เกษตร + ม.ศรีปทุม) และใกล้แหล่งงานเยอะ จึงมีความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่มากพอสมควร

พิกัด Google Maps : 13.857375, 100.580815
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

..โครงการ Modiz Vault เกษตร – ศรีปทุม ตั้งอยู่ในย่าน ‘เกษตร-ศรีปทุม’ ใกล้กับมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ 2 แห่งคือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยศรีปทุม ซึ่งหากมองถึงกลุ่มเป้าหมายแล้ว แน่นอนว่าจะต้องมีทั้งกลุ่มนักศึกษาและคณาจารย์ในมหาวิทยาลัยเป็นหนึ่งในนั้น ยิ่งสำหรับ ม.เกษตร ที่กำลังจะมีคณะแพทย์มาเปิดใหม่ในอนาคตด้วยแล้ว ก็ยิ่งจะทำให้มีคนเข้ามาในพื้นที่นี้มากขึ้น ดังนั้นความต้องการที่อยู่อาศัยจึงยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องครับ

นอกจากนี้ยังเป็นทำเลที่มีแหล่งงานค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ราชการอย่างกรมป่าไม้ / กรมทหารราบ 11 และโรงพยาบาลข้างเคียงต่างๆ รวมไปถึงตรงบริเวณแยกรัชโยธินก็มีอาคารสำนักงานเพียบเลย เพียงแต่คอนโดบริเวณนั้นจะมีราคาที่ค่อนข้างสูงสำหรับพนักงานออฟฟิศปกติสักนิดนึง (ประมาณ 130,000 บาท/ตร.ม.) ดังนั้นหากต้องการจะมองหาคอนโดทำเลข้างเคียง ที่พอจะจับต้องได้ง่ายขึ้นมาสักประมาณ 110,000 บาท/ตร.ม. ก็จะเป็นแถวๆโซน ‘เกษตร-ศรีปทุม’ เนี่ยแหละครับ ซึ่งปัจจุบันมีรถไฟฟ้าในย่านให้ใช้แล้วด้วย ก็เป็นอะไรที่สะดวกและตอบโจทย์ดีมากๆเลยทีเดียว

ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนเลียบคลองบางเขน ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่ติดกับรั้ว ม.เกษตร เชื่อมต่อระหว่างถนนใหญ่ 2 สายอย่าง ถนนพหลโยธิน และถนนวิภาวดี-รังสิต อีกทั้งปัจจุบันถนนเส้นนี้ก็ได้มีการขยายถนนเป็น 4 เลนเสร็จแล้วเรียบร้อย จึงทำให้เป็นอีกเส้นหนึ่งที่น่าใช้งาน และเป็นทางลัดไปขึ้นทางด่วนเพื่อเข้าเมืองได้สะดวกมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งครับว่า เรื่องความอุดมสมบูรณ์ของถนนเส้นนี้ปัจจุบันยังมีน้อยมากๆ กับราคาตอนนี้ที่เรียกได้ว่าเทียบเท่ากับคอนโดติดถนนใหญ่หรือใกล้รถไฟฟ้าของย่านนี้เลยนั่นเอง

ทำเลใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินถึง :

สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ BTS บางบัว (เดิมชื่อ สถานีศรีปทุม) ซึ่งจะอยู่บริเวณปากซอย ห่างจากโครงการประมาณ 550 m. ซึ่งถือได้ว่าเป็นระยะที่พอจะเดินถึงได้นะครับ หรือหากใครที่ไม่อยากเดินให้เหนื่อย ก็จะมีพี่วินมอเตอร์ไซค์คอยให้บริการอยู่ตรงปากซอยด้วย

นอกจากนี้ทางโครงการยังมีบริการ Shuttle Service คอยรับ-ส่งไปที่มหาวิทยาลัยเกษตร และยังแวะส่งที่ BTS สถานีบางบัว + BTS สถานีกรมป่าไม้ ให้ด้วยนะ โดยจะใช้เส้นทางวนรอบมหาวิทยาลัยเกษตร ผ่านไปทางถนนวิภาวดี > ถนนงามวงศ์วาน > ถนนพหลโยธิน > ถนนเลียบคลองบางเขน ตามลำดับ

และสำหรับสำนักงานขายในปัจจุบันจะตั้งอยู่เยื้องกับตัวโครงการนะครับ โดยหากเข้าซอยจากทางฝั่งพหลโยธินหรือเดินมาจากรถไฟฟ้า ก็จะอยู่ด้านขวามือในระยะเพียง 250 m. เท่านั้น หรือสามารถกดพิกัดได้ที่นี่ >> ตำแหน่งสำนักงานขาย

วันนี้ผมเดินทางมาด้วยรถไฟฟ้า ซึ่งจะได้เป็นการทดลองเดินจากสถานีให้ดูกันด้วยว่าบรรยากาศจะเป็นอย่างไร และสามารถเดินได้จริงมั้ย? โดยเริ่มจากบนสถานี BTS บางบัว ให้เราใช้ทางออกที่ 3 ตามป้ายบอกทางเลยครับ

ซึ่งทางออก 3 จะเป็นบันไดลงแบบปกตินะครับ แต่ถ้าขาขึ้นจะเป็นบันไดเลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งเวลาที่เราจะเดินทางไปทำงานตอนเช้า หรือไปที่ต่างๆด้วยรถไฟฟ้าก็จะสะดวกสบายมากขึ้น

โดยจากตัวสถานีก็สามารถเดินริมถนนมาได้เรื่อยๆ จนถึงทางแยกก็เลี้ยวซ้ายไปทางถนนเลียบคลองบางเขนได้เลย

อย่างที่บอกครับว่าบริเวณปากซอยจะมีวินมอเตอร์ไซค์อยู่ด้วย ซึ่งเราสามารถเรียกใช้บริการพี่ๆเค้าได้ โดยมีค่าบริการเพียง 10 บาทเท่านั้น

และเมื่อเราเดินเข้ามาประมาณ 250 m. ก็จะเจอกับสำนักงานขายที่ตั้งอยู่ทางขวามือที่ถนนฝั่งตรงข้ามครับ ซึ่งหากใครที่ขับรถมาเองก็จะมีที่จอดคอยให้บริการอยู่ด้านหลังด้วยนะ

ภายในสำนักงานขายจะมีทั้งโมเดลขนาดใหญ่ และห้องตัวอย่างให้ชมกันทั้งหมด 4 Type ซึ่งหากใครสนใจก็สามารถสอบถามกับเซลล์ได้ตลอดทุกวันเลยครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริบทโดยรอบโครงการปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นชุมชนแนวราบครับ ยังไม่มีตึกสูงข้างเคียงขึ้นมาบังวิวนะ อีกทั้งถนนด้านหน้าโครงการก็จะไม่ค่อยมีรถพลุกพล่านเหมือนตรงถนนใหญ่เท่าไหร่นัก จึงทำให้บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ เหมาะแก่การอยู่อาศัย

และอย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ความอุดมสมบูรณ์ต่างๆยังไม่ค่อยมีนัก แต่ไม่แน่ว่าถ้าในอนาคตมีคอนโดหรือร้านค้ามาเปิดบนถนนเส้นนี้มากขึ้น ก็อาจทำให้กลายเป็นย่านที่อยู่อาศัยโซนใหม่ของ ม.เกษตร แบบจริงจังไปเลยก็ได้เหมือนกัน ส่วนด้านอื่นๆของโครงการก็จะได้วิวต่างๆดังนี้

  • ทิศเหนือ : เป็นทางเข้าหลักโครงการ ติดกับ ถนนเลียบคลองบางเขน ฝั่งตรงข้ามเป็นคลองบางเขน ที่ว่าง และชุมชนแนวราบ ระยะไกลได้วิวทางฝั่งดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ
  • ทิศใต้ : ติดกับ ที่ว่างและชุมชนแนวราบ ระยะไกลมองออกไปทางฝั่งแยก ม.เกษตร – งามวงศ์วาน
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ ซอยอุดมมิตรและชุมชนแนวราบ ระยะไกลมองออกไปทางฝั่งพหลโยธิน เห็นรถไฟฟ้า BTS และโครงการตึกสูงเพื่อนบ้านอย่าง Ciela ศรีปทุม
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ ซอยพหลโยธิน 54 / คอนโดเนเชอร์ เพลส และชุมชนแนวราบ ระยะไกลมองออกไปทาง ม.เกษตร – ถนนวิภาวดีรังสิต

เรามาเดินดูทำเลรอบๆโครงการกันสักหน่อยครับ เริ่มจากถนนด้านหน้าโครงการคือ “ถนนเลียบคลองบางเขน” ปัจจุบันมีการขยายถนนจาก 2 เลนเป็น 4 เลน กลายเป็นถนนใหญ่ที่น่าใช้งาน

อีกทั้งยังมีฟุตบาทขนาดใหญ่ที่เดินได้สะดวก ซึ่งก็จะมีทั้งบ้านคนและร้านค้าอยู่ 1 – 2 ร้าน แถมผมก็ยังเห็นว่ามีน้องๆนักเรียนนักศึกษา เดินเข้า-ออกถนนเส้นนี้อยู่เป็นระยะๆด้วยครับ

และที่ถนนฝั่งตรงข้ามก็จะมีการปลูกต้นไม้ ทำเป็นแนวสวนเลียบริมคลองไปตลอดทั้งเส้นเลยครับ ซึ่งทำให้มีบรรยากาศที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

โดยปัจจุบันถนนเส้นนี้ยังไม่ค่อยมีร้านค้าร้านอาหารมากนัก แต่ใกล้ๆกับสำนักงานขายจะมีร้านอาหารอยู่ร้านหนึ่งที่คนเยอะมากๆ รถจอดริมถนนค่อนข้างคึกคักน่าดู ซึ่งอนาคตหากมีร้านเกิดขึ้นใหม่อีกก็คงจะทำให้เป็นย่านที่น่าอยู่ขึ้นอีกเยอะเลยทีเดียวครับ

ถัดเข้ามาจากตัวสำนักงานขายประมาณ 300 m. เราจะเจอกับที่ตั้งของโครงการที่ปัจจุบันมีการล้อมรั้วเอาไว้แล้วเรียบร้อย

โดยด้านซ้ายมือจะเป็นทางที่มุ่งหน้าไป ม.เกษตร และถนนใหญ่ทางฝั่งวิภาวดี-รังสิต ส่วนด้านข้างของที่ดินโครงการก็จะอยู่ติดกับซอยพหลโยธิน 54 และคอนโดเนเชอร์ เพลส แบบนี้เลยครับ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • เซ็นทรัล รามอินทรา ~ 4.2 km.
  • Tesco Lotus หลักสี่ ~ 4.9 km.
  • ตลาดบางเขน ~ 5.6 km.
  • Major รัชโยธิน ~ 5.8 km.
  • Central ลาดพร้าว ~ 6.9 km.
  • Union Mall ~ 7.9 km.

โรงพยาบาล

  • รพ.วิภาวดี ~ 2.8 km.
  • รพ.เปาโลเกษตร ~ 3.7 km.

โรงเรียน

  • โรงเรียนบางบัว ~ 550 m.
  • มหาวิทยาลัย ศรีปทุม ~ 700 m.
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ~ 1 km.
  • โรงเรียนสารวิทยา ~ 1.6 km.
  • มหาวิทยาลัย เกริก ~ 4.1 km.
  • โรงเรียนหอวัง ~ 5.9 km.

สถานที่ราชการและอื่นๆ

  • กรมที่ดินบางเขน ~ 1.5 km.
  • กรมทหารราบที่ 11 ~ 3.2 km.
  • SCB Park ~ 5.6 km.
  • ตึกช้าง ~ 5.9 km.
  • สนามบินดอนเมือง ~ 18.3 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีฟังก์ชันหลากหลาย ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนในทุกรูปแบบทั้ง Live / Work / Learn / Relax และ Shopping
  • เป็นโครงการที่มีฟังก์ชันส่วนกลางเยอะที่สุดในย่าน พร้อมสระว่ายน้ำ 2 สระ และ Co-Working Space ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
  • ปัจจุบันเป็นโครงการใกล้ ม.เกษตร เพียงแห่งเดียวที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ (Pet Friendly)

.. Modiz Vault เกษตร – ศรีปทุม ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่มี Facilities เยอะที่สุดในบรรดาคอนโดของ AssetWise เลยก็ว่าได้ เพราะเค้ามีมาให้ใช้งานมากถึง 60 ฟังก์ชัน และตามปกติแล้วเรามักจะเห็นคอนโดแบรนด์ Modiz ตั้งอยู่ทำเลในเมืองและใกล้รถไฟฟ้าเป็นหลักใช่มั้ยครับ

โดยนี่ถือเป็น Modiz ตัวที่ 2 (ต่อจาก Modiz Launch ที่ธรรมศาสตร์) ซึ่งมีทำเลตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเหมือนกัน จึงออกแบบให้มีฟังก์ชันภายในที่สามารถตอบโจทย์คนได้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นวัยทำงาน นักลงทุน และนักศึกษา รวมไปจนถึงกลุ่มคนที่ต้องการเลี้ยงสัตว์ในคอนโดด้วยครับ

และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ Modiz Vault เกษตร – ศรีปทุม เป็นโครงการที่ตอบโจทย์ทั้ง Live / Work / Learn / Relax และ Shopping โดยตัวโครงการแบ่งออกเป็น 2 อาคาร ประกอบด้วยอาคาร A สูง 21 ชั้นที่เป็นอาคารหลัก และอาคาร B สูง 7 ชั้น ซึ่งมีห้องพักอาศัยรวมทั้งหมด 798 ยูนิต ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ในย่านเลยทีเดียวครับ

Master Plan ตัวอาคารจะแบ่งออกเป็น 2 ตึก โดยอาคาร B ที่อยู่ด้านหน้าจะมีความกึ่งสาธารณะสักนิดนึงครับ เพราะด้านล่างจะมียูนิตร้านค้าทั้งหมด 11 ยูนิต ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะคนที่พักอยู่อาคาร B อยู่แล้วก็จะสะดวกมาก รวมถึงบุคคลภายนอกก็สามารถแวะเข้ามาใช้บริการได้เช่นกัน ส่วนอาคาร A ที่อยู่ด้านในจะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และจะมีจุด Drop-Off ให้วนรถรับ-ส่งที่ด้านหน้า Lobby ได้เลยครับ

ตัวโครงการมีที่จอดรถ 292 คัน หรือคิดเป็น 37% แบบไม่รวมซ้อนคัน ซึ่งจะมีทั้งที่จอดแบบกลางแจ้งรอบๆอาคารทั้ง 2 และส่วนใหญ่ก็จะอยู่ภายในอาคาร A เป็นหลักครับ โดยคนที่อยู่อาคาร B ก็สามารถเข้าไปจอดและเดินข้ามสะพานทางเชื่อมอาคาร เพื่อกลับมายังห้องพักของตัวเองได้จากชั้น 3 ในขณะที่คนพักอาศัยอยู่อาคาร A ก็จะขึ้นลิฟต์ตรงกลับขึ้นไปห้องพักได้สะดวกมากกว่าหน่อยนั่นเอง

จากโมเดลเราจะเห็นจุดที่จะมีการตั้งป้อม รปภ. และไม้กั้นกระดก ซึ่งของจริงจะมีการขยับออกมาอยู่ใกล้ถนนใหญ่มากขึ้นนะครับ

หมายความว่า Visitor ที่จะแวะมาร้านค้าใต้อาคาร B ก็จำเป็นต้องแลกบัตรกับพี่ยามก่อนทุกครั้ง ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยในการคัดกรองและรักษาความปลอดภัยให้กับอาคาร B ได้ดีมากขึ้นนั่นเอง

ซึ่งพอขับรถเข้ามาด้านในแล้ว ก็จะสามารถเลือกได้ว่าจะตรงเข้าไปในอาคาร A หรือจะเลี้ยวขวาแวะร้านค้าที่อาคาร B ก่อนก็ได้ครับ

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณทางเข้าโครงการ ถือว่าค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวดีทีเดียว เพราะจากมุมนี้เราจะยังมองไม่เห็นฟังก์ชันส่วนอื่นๆของโครงการได้เลย นอกจากยูนิตร้านค้าที่อยู่ด้านหน้าสุดครับ

อาคาร B : เลี้ยงสัตว์ได้ มีร้านค้าใต้ตึก

.. Modiz Vault เกษตร – ศรีปทุม ถือเป็นโครงการใกล้ ม.เกษตร เพียงแห่งเดียวในปัจจุบันที่อนุญาตให้สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มคนรักสัตว์ (Pet Friendly) ที่ต้องการเลี้ยงน้องหมาน้องแมวแก้เหงาในคอนโดมากๆครับ

โดยอาคารที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ก็จะเป็นอาคาร B ที่แยกออกมาอยู่ทางด้านหน้า และนอกจากนี้ยังเป็นอาคารที่มียูนิตร้านค้าอยู่ที่ชั้นล่างอีกด้วย (เป็นยูนิตขาย) ทำให้กลายเป็นอาคารที่ค่อนข้างมีความสะดวกสบาย ในการลงมาใช้บริการจับจ่ายใช้สอยที่ร้านค้าได้ง่ายนั่นเอง

แต่จะมีร้านค้าอะไรมาเปิดบ้างก็อาจต้องรอดูในอนาคตกันอีกครั้งนะครับ ซึ่งนอกจากร้านเหล่านี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านในโครงการแล้ว บุคคลภายนอกก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้ด้วยเช่นกัน โดยจะมีประตูคนเดินเล็กๆเชื่อมต่อกับฟุตบาทสาธารณะที่อยู่ด้านหน้าแบบนี้เลยครับ

แปลนชั้น 1 ของอาคาร B หลักๆก็จะมี Lobby ที่จะต้องใช้ Key Card Access เพื่อความปลอดภัย / มียูนิตร้านค้าต่างๆ รวมถึงยังมีพื้นที่สวนเล็กๆสำหรับสัตว์เลี้ยง และที่เหลือก็จะเป็นที่จอดรถกลางแจ้งหน้าอาคารครับ

ซึ่งโดยปกติก็อาจมี Visitor เข้ามาจอดเพื่อใช้บริการร้านต่างๆ หรือจะมาหาเพื่อนที่โครงการอยู่บ้างเหมือนกัน ดังนั้นลูกบ้านก็อาจต้องเลยเข้าไปจอดที่อาคาร A แทนครับ

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Lobby อาคาร B โดดเด่นที่ฝ้าเพดานเป็นทรง Arch โค้ง โดยมีที่มาจากชื่อ ‘Vault’ ของโครงการนั่นเอง

ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง Curve & Symmetry (ความนุ่มนวล+ความสมดุล) และออกมาในรูปทรงโค้งและความสมมาตรแบบนี้ จึงทำให้ได้บรรยากาศที่ดูหรูหราสวยงามดีทีเดียวครับ

โดยเราจะสามารถพบเห็นสถาปัตยกรรมแบบนี้ได้บ่อยๆในต่างประเทศ เช่น วิหารนอร์เทอร์ดาม (NOTRE DAME) หรือโบสถ์แซงท์ ชาแปลล์ (Sainte Chapelle) เป็นต้น

ซึ่งหากใครได้มีโอกาสไปดูห้องตัวอย่างที่สำนักงานขาย ก็จะได้เห็นการจำลองฝ้าด้านบนให้คล้ายกับบรรยากาศของตัวอาคารในอนาคตด้วยนะ (แต่ของจริงน่าจะทำออกมาได้ชัดเจนมากกว่านี้อีกครับ)

ทางด้านขวาของอาคาร B จะเป็น Pet Park พื้นที่สีเขียวที่สามารถพาน้องๆสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่นได้ โดยภายในก็จะมีอุปกรณ์ของเล่นต่างๆให้ใช้งานได้ด้วยครับ

ข้อกำหนดการเลี้ยงสัตว์พื้นฐาน : 

  • สัตว์เลี้ยงต้องเป็นพันธุ์เล็ก น้ำหนัก 10-15 kg.
  • สัตว์เลี้ยงจะต้องตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีน หรือมีใบรับรองจากสัตว์แพทย์ (แล้วแต่ทางโครงการจะกำหนด)
  • จำกัดจำนวนสัตว์เลี้ยงโดยทั่วไปอยู่ที่ 1 ตัว/ห้อง
  • อนุญาตให้สัตว์เลี้ยงใช้งานได้เฉพาะ Pet Zone นี้เท่านั้น (บริเวณอาคาร B) ห้ามเข้าไปยังส่วนกลางอื่นๆของอาคาร A โดยเด็ดขาด
  • จะพาสัตว์เลี้ยงไปไหนในโครงการต้องมีสายจูงทุกครั้ง
  • เจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องเป็นผู้ดูแลความสะอาด เก็บสิ่งปฎิกูลทุกครั้งที่มาใช้งาน Pet Zone ที่เตรียมไว้ให้
  • มีค่าใช้จ่าย/ค่าแรกเข้าเพิ่มเติม (สอบถามกับทางโครงการอีกครั้ง)

แปลนชั้น 2 / 4 / 6 และ 7 ของอาคาร B จะเป็นชั้นพักอาศัยที่เหมือนกันทั้งหมดเลยครับ โดยจะมีอยู่ 25 ห้อง/ชั้น และมีตำแหน่งห้องที่น่าสนใจหลักๆ 2 จุดคือ

  • กรอบสีแดง : จะเป็นห้องที่หันหน้าไปด้านในโครงการ ซึ่งจะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องที่หันหน้าออกมายังถนนใหญ่ด้านหน้า เหมาะกับคนที่ชอบความเงียบสงบไม่วุ่นวาย
  • กรอบสีน้ำเงิน : เป็นห้อง 1 Bedroom Plus ที่จะมีอยู่เพียง 2 ห้อง/ชั้นเท่านั้น เหมาะกับคนที่อาจอยู่กันเป็นครอบครัว ต้องการแยกห้องนอน หรืออยากได้ห้องอเนกประสงค์เพิ่มเติม

นอกจากนี้ตัวอาคาร B ยังมีความพิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือ ห้องพักบางแบบจะมีการออกแบบและเพิ่มฟังก์ชันสำหรับสัตว์เลี้ยงเข้ามาด้วย ซึ่งจะมีความแตกต่างจากห้องมาตรฐานเล็กน้อย เช่น เพิ่มประตูเข้า-ออกของสัตว์เลี้ยง และทำกรงเหล็กให้ตรงระเบียง เป็นต้น ตอบโจทย์คนมีสัตว์เลี้ยงอยู่แล้ว และไม่ต้องเสียเวลาไปทำเพิ่มเองครับ

สำหรับฟังก์ชันส่วนกลางจะอยู่ทางฝั่งด้านซ้ายของอาคาร B ซึ่งนอกจาก Lobby ที่ชั้น 1 ก็จะมีอีก 2 ชั้นให้ใช้งานได้ครับ โดยทุกฟังก์ชันของอาคาร B เราจะสามารถพาน้องๆสัตว์เลี้ยงไปด้วยได้ทั้งหมดเลย แต่จะไม่สามารถข้ามฝั่งไปทางอาคาร A ได้นะครับ

แปลนชั้น 3 ของอาคาร B จะเป็นโซนสำหรับนั่งทำงานอ่านหนังสือ ประกอบด้วย Co-Living Space / Tutor Room และ Vault Pod อีกทั้งยังเป็นชั้นที่มีสะพานทางเชื่อมต่อไปยังอาคาร A ได้อีกด้วย ซึ่งหลักๆก็จะเป็นการข้ามไปใช้งาน Facilities หลักที่อยู่ฝั่งนั้น รวมถึงยังใช้เดินทางมาจากชั้นจอดรถเพื่อกลับมายังห้องพักที่ฝั่งนี้ได้อีกด้วยนั่นเอง

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Co-Living Space จะมีพื้นที่โซฟานั่งเล่นหลายจุด ให้สามารถมานั่งทำงานอ่านหนังสือกันแบบชิลๆ และมี Vault Pod เป็นมุมส่วนตัวสำหรับคนที่ต้องการใช้สมาธิมากๆในการทำงานครับ

แปลนชั้น 5 ของอาคาร B จะเป็นชั้น Facilities หลักสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นพื้นที่ Indoor อย่าง Pet Playhouse ที่พาน้องๆมาเล่นอุปกรณ์ต่างๆในห้องแอร์เย็นๆได้

ส่วนพื้นที่แบบ Outdoor จะเป็นโซนที่ให้พาน้องๆออกมาทำกิจกรรม เช่น ล้างตัว และทำธุระส่วนตัวต่างๆ เป็นต้น ซึ่งหากใครที่เน้นการเลี้ยงสัตว์อยู่แล้ว ก็สามารถเลือกห้องพักที่ชั้นนี้ได้นะครับ เพราะเราจะได้พาน้องหมาน้องแมวเดินมาใช้งานในชั้นเดียวกันได้สะดวกเลย

ภาพบรรยากาศจำลองของ Pet Playhouse ให้อารมณ์เหมือนเป็นคาเฟ่หมาแมวเลยครับ ซึ่งคนทั่วไปเองก็สามารถมานั่งเล่นกับน้องๆได้ด้วยนะ

ส่วนด้านนอกก็จะเป็นพื้นที่สวนแบบ Outdoor ให้ได้เปลี่ยนบรรยากาศและออกมาทำกิจกรรมต่างๆได้ด้วย

อาคาร A : เป็นอาคารพักอาศัยหลัก และมีส่วนกลางเยอะสุด

ขยับเข้ามาด้านในอีกอาคารกันบ้างครับ ซึ่งจะมีความเป็นส่วนตัวจากบุคคลภายนอกมากกว่าอาคาร B และเป็นโซนที่ไม่สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาเดินได้นะ

โดยหากใครที่นั่งแท็กซี่หรือมีคนมารับ-ส่ง ก็สามารถวนรถได้ที่ Drop-Off ใต้อาคาร และเดินเข้าสู่ Lobby ได้เลย

ส่วนถ้าเป็นลูกบ้านที่ต้องการไปจอดรถในอาคาร ก็จะต้องอ้อมมาทางด้านซ้ายมือแบบนี้เลยครับ ซึ่งก็จะมีที่จอดรถกลางแจ้งที่อยู่รอบๆอาคารด้วย โดยจำนวนที่จอดรถทั้งหมดคือ 292 คัน หรือคิดเป็น 37% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน ถือว่าให้มาเป็นมาตรฐานของคอนโดทั่วไป

ทั้งนี้ทางโครงการยังแจ้งเพิ่มเติมมาอีกว่า จะมีการเตรียมที่จอดรถมอเตอร์ไซค์มาให้พอสมควรเลย เพราะคนในพื้นที่มักนิยมใช้กันเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานใกล้ๆ และน้องๆนักศึกษามหาวิทยาลัยครับ

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Lobby อาคาร A จะเน้นสถาปัตยกรรมที่มีความโค้งเว้าเหมือนของอาคาร B ก่อนหน้านี้เลยครับ โดยที่จะมีขนาดใหญ่กว่าและสามารถรองรับคนได้เยอะเลยทีเดียว

แปลนชั้น 4 ของอาคาร A เป็นหนึ่งในชั้น Main Facilities หลักของโครงการ ซึ่งจะมีทั้งฟังก์ชัน Indoor และ Outdoor ให้ใช้งานครับ โดยหากเป็นด้านนอกอาคารหลักๆก็จะเป็นสระว่ายน้ำ และยังมีมุมนั่งเล่นต่างๆกระจายอยู่ทั่วบริเวณเลย

ส่วนถ้าเป็นฟังก์ชันที่อยู่ภายในอาคาร ที่โดดเด่นที่สุดก็คือ Co-Working Space ที่เปิดให้ใช้งานได้ 24 ชม. ตอบโจทย์ทั้งคนวัยทำงานและน้องๆนักศึกษา ที่อาจต้องมีการทำรายงานหรืออ่านหนังสือสอบกันตอนดึกๆ อีกทั้งยังมีฟังก์ชันสำหรับสายออกกำลังกาย ห้องเกมส์ ห้องดูหนัง และห้องนวด+ห้องแต่งหน้าเสริมสวยก็มี

นอกจากพื้นที่ส่วนกลางต่างๆแล้ว ด้านหนึ่งของอาคารก็จะมีห้องพักอาศัยอยู่ส่วนหนึ่งด้วยครับ โดยจะมีการกั้นโซนแยกออกจาก Facilities เพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย รวมถึงยังเป็นห้อง Type พิเศษอย่าง Vertical Suite (หรือห้องฝ้าเพดานสูง) ที่จะมีเพียง 15 ยูนิตเท่านั้นอีกด้วย

ภาพจากโมเดลเราจะเห็นบรรยากาศบริเวณ Outdoor ของสระว่ายน้ำได้อย่างชัดเจนมากขึ้น โดยชื่อของฟังก์ชันที่นี่จะเรียกตามทิศเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำนะครับ อย่างทางฝั่งนี้ก็จะเป็น Sunrise Pool เพราะเป็นทิศที่อยู่ทางฝั่งทิศตะวันออกนั่นเอง ซึ่งเราสามารถมาใช้งานช่วงบ่าย-เย็นได้แบบไม่ต้องกลัวร้อน เพราะจะมีเงาจากอาคารช่วยบังแดดให้ได้นั่นเอง

นอกจากนี้หากใครที่ชอบมองวิว Facilities จากในห้องสวยๆ ผมก็แนะนำเป็นห้องประมาณชั้น 6 – 7 จะยังสามารถมองเห็นวิวสระสวยๆได้สบาย แต่ถ้าเป็นชั้นที่สูงกว่านั้นก็อาจต้องมีการก้มลงมาดูสักหน่อยนะ

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณสระว่ายน้ำฝั่ง Sunrise ที่สามารถว่ายได้จริงจัง โดยจะมีขนาด 6.5 x 25 m. อีกทั้งยังมีฟังก์ชันอื่นๆกระจายอยู่รอบๆสระ ให้เราได้มาใช้งานกันได้ด้วยครับ

ทางด้านซ้ายของโมเดลจะเป็นฟังก์ชัน Indoor ประกอบด้วยโซนออกกำลังกายอย่างห้อง Fitness ที่ภายในยังมีการแบ่งโซนแยกย่อยออกมาอีกมากมาย ได้แก่

Boxing Zone เป็นจุดที่ไว้ใช้ซ้อมต่อยมวยได้ / Pilates Machine เป็นเครื่องเล่นพิลาทิสสำหรับสาวๆ / Fit Club เป็นโซนของ Weight Training สำหรับหนุ่มๆ และ Fit Studio เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ไว้เล่นโยคะและเต้นแอโรบิค เป็นต้น

ถัดมาจากโซนออกกำลังกายก็จะมีห้องเล่นเกมส์ ห้องดูหนัง และที่น่าจะถูกใจสาวๆมากที่สุดก็คือ ห้องเสริมสวยและห้องนวดสปาต่างๆ ซึ่งเราสามารถเรียกช่างจากภายนอกมาให้บริการที่คอนโดของเราได้นั่นเองครับ

ส่วนภาพบรรยากาศภายในแต่ละฟังก์ชันจะเป็นอย่างไร สามารถคลิกชมได้ใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Image 1/9
ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Fitness บริเวณ Boxing Zone และ Pilates Machine

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Fitness บริเวณ Boxing Zone และ Pilates Machine

อีกด้านหนึ่งของอาคาร อย่างที่บอกไปในช่วงแปลนแล้วว่าจะเป็นห้อง Type พิเศษอย่าง Vertical Suite (หรือห้องฝ้าเพดานสูง) ที่จะมีเพียง 15 ยูนิตเท่านั้น (หากสนใจก็ลองสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากทางโครงการดูได้นะครับ)

ซึ่งการที่อยู่ในชั้นเดียวกับ Facilities แบบนี้ เค้าก็ได้มีการออกแบบมาโดยคำนึงถึงเรื่องความเป็นส่วนตัวมาให้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการกั้นโซนด้วยประตู Key Card และการใช้แนวต้นไม้มาช่วยพรางสายตา เป็นต้น

อีกด้านหนึ่งของอาคารก็จะมีโซนของสระน้ำเหมือนกัน แต่เราจะเรียกฝั่งนี้ว่า Sunset Pool เพราะเค้าจะอยู่ทางทิศตะวันตก เหมาะที่จะมานั่งดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าในช่วงเย็นๆ จึงเน้นฟังก์ชันให้มานั่งเล่นพักผ่อนและชมวิวกระจายอยู่หลายๆจุดแบบนี้นั่นเองครับ

ภาพบรรยากาศจำลองของพื้นที่ส่วนกลางชั้น 4 ฝั่ง Sunset ที่จะเน้นการนั่งเล่นชมวิว ซึ่งสระน้ำก็จะเป็นลักษณะของสระนั่งแช่ขาเอาบรรยากาศ ไม่ได้เป็นสระว่ายน้ำจริงจังครับ

แปลนชั้น 12 ของอาคาร A จะเป็นชั้นที่มีห้องพักอาศัยแบบเต็ม Floor โดยจะมีทั้งหมด 42 ยูนิต ถือว่าค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวครับ และอัตราส่วนลิฟต์ตึก A ก็จะอยู่ที่ 212 : 1 ซึ่งนับว่าหนาแน่นเลยทีเดียว ส่งผลให้เวลาใช้งานลิฟต์ในชั่วโมงเร่งด่วนที่คนใช้กันเยอะๆ ก็อาจต้องมีการรอลิฟต์นานอยู่สักหน่อย

ตัวอาคารมีลักษณะเป็นรูปตัว H ซึ่งจะมีคอร์ดของ Facilities อยู่ 2 จุดใหญ่ๆ ทำให้ห้องพักทุกห้องที่หันหน้าเข้ามาด้านในจะมองเห็นวิวสระสวยๆได้หมดเลย โดยทั้ง 2 คอร์ดนี้จะมีความแตกต่างกันคือ

ฝั่งของ Sunrise ที่มีสระว่ายน้ำจริงจัง จะมีความคึกคักและมีคนใช้งานค่อนข้างบ่อย ส่วนฝั่ง Sunset จะเน้นเป็นจุดนั่งชิล ก็เลยจะมีความเงียบสงบมากกว่า แต่แดดก็จะร้อนนิดนึงในช่วงบ่าย-เย็นๆครับ ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่คนว่าจะชอบแบบไหนนะ

ส่วนตำแหน่งห้องอื่นๆที่น่าสนใจสำหรับผมก็จะมีดังนี้

  1. กรอบสีแดง : เป็นห้องพักที่หันหน้ารับวิวส่วนกลางด้านใน แต่จะมีความเป็นส่วนตัวที่ค่อนข้างสูง เพราะส่วนใหญ่มีผนังติดกับเพื่อนบ้านแค่ 1 ด้านเท่านั้น หรือบางห้องก็จะไม่อยู่ติดกับใครเลยก็มี จึงหมดปัญหาเรื่องเสียงรบกวนจากห้องข้างๆไปได้เลย
  2. กรอบสีฟ้า : เป็นห้องที่หันหน้ารับวิวส่วนกลางเช่นกัน ซึ่งคราวนี้จะหันหน้าออกไปรับวิวไกลๆด้านนอกโครงการด้วย ไม่เหมือนกับฝั่งสีแดงที่ยังอาจต้องหันหน้าเจอเพื่อนฝั่งตรงข้าม แต่ตัวห้องพักก็จะมีเพื่อนบ้านข้างๆทั้ง 2 ด้านตามปกติครับ
  3. กรอบสีส้ม : เป็นห้องที่หันหน้ารับวิวภายนอกโครงการ ซึ่งปัจจุบันก็ยังได้วิวที่เปิดโล่ง และมีห้องหลากหลายแบบให้เลือกมากๆ

แปลนชั้น 13 – 20 ของอาคาร A จะเป็นชั้นที่มีห้องพักเหมือนเดิมหมดเลย เพียงแต่บางชั้นจะมีจำนวนห้องพักที่ลดลง ซึ่งเป็นไปตามระยะร่นของอาคารตามกฎหมาย จึงทำให้ชั้นสูงๆมีความเป็นส่วนตัวในชั้นเพิ่มขึ้นนิดหน่อยครับ

แปลนชั้น 21 ของอาคาร A เป็นอีกหนึ่งชั้น Main Facilities ที่เราสามารถขึ้นมาใช้งานพร้อมกับชมวิวมุมสูงโดยรอบไปด้วยได้ โดยจะมีพื้นที่ให้ใช้งานทั้งแบบ Outdoor ที่เป็นสระว่ายน้ำและพื้นที่นั่งเล่นต่างๆ ส่วนพื้นที่แบบ Indoor ก็จะเน้นเป็น Sky Lounge / Social Club และพื้นที่สันทนาการต่างๆ

แต่ที่เพิ่มเข้ามาจากชั้น 4 ก่อนหน้านี้ก็คือ พื้นที่แบบ Semi-Outdoor ที่ส่วนตัวผมมองว่าของจริงคงจะน่าใช้งานมากๆแน่นอนครับ ซึ่งเค้าจะมีการจัดเป็นรูปแบบของสวนและมีหลังคาคลุมให้เรียบร้อยเลย

เริ่มกันที่ Relaxing Panoramic Lap Pool เป็นสระว่ายน้ำจริงจังจุดที่ 2 ของโครงการ ที่นอกจากเราจะขึ้นมาว่ายออกกำลังกายได้แล้ว ยังสามารถชมวิวมุมสูงได้ 180 องศาอีกด้วย โดยสระนี้ก็จะมีขนาด 4 x 20 m. อีกทั้งยังมีพื้นที่นั่งเล่นริมสระให้ได้ใช้งานอีกด้วยครับ

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Relaxing Panoramic Lap Pool ซึ่งจะมีจุดนั่งเล่นริมสระให้สามารถขึ้นมาชมวิวมุมสูงชิลๆได้แบบนี้เลยครับ

มาต่อกันที่โซนของพื้นที่ Semi-Outdoor ซึ่งทางโครงการเรียกฟังก์ชันนี้ว่า Sunrise Lounge และ Sunrise Pocket Space เป็นพื้นที่สีเขียวที่ปลูกต้นไม้กระถางตามจุดต่างๆโดยรอบ และมีหลังคาคลุมคอยช่วยบังแดดบังฝนได้

จึงทำให้สามารถขึ้นมาใช้งานตอนกลางวันได้แบบไม่ต้องกลัวแดด และแน่นอนว่าบนชั้นสูงๆแบบนี้จะมีลมพัดผ่านเย็นสบายตลอดทั้งวัน นั่นจึงทำให้ผมมองว่าพื้นที่บริเวณนี้คงจะน่าใช้งานพอดูครับ แต่ก็ต้องรอดูของจริงอีกทีว่าจะทำออกมายังไงบ้างนะ

สุดท้ายคือพื้นที่โซน Indoor ซึ่งจะเน้นเป็น Sky Lounge ให้เราได้ขึ้นมานั่งเล่นพักผ่อน และชมวิวมุมสูงสวยๆได้ 180 องศา โดยภายในก็จะมีการแบ่งฟังก์ชันแยกย่อยออกไปอีกหลายอย่าง เพื่อแยกการใช้งานให้มีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น The Social Club / Co-Kitchen Space / Live Studio และ Co-Dinning Space เป็นต้น

ส่วนภาพบรรยากาศภายในแต่ละฟังก์ชันจะเป็นอย่างไร สามารถคลิกชมได้ใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Image 1/7
ภาพบรรยากาศจำลองของ Panoramic Mingle Room

ภาพบรรยากาศจำลองของ Panoramic Mingle Room

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

ชั้น G

  • Backyard Living Space
  • Pet Park
  • EV Charging Station
  • The Vault Lobby A
  • The Vault Lobby B [Pet Friendly]

ชั้น 3

  • Tutor Room
  • Co-Living Space
  • Vault Pod

ชั้น 4

  • Sunrise Pool ขนาด 6.5 x 25 เมตร
  • Sunset Pool
  • Sunrise Floating Pavilion
  • Sunrise Jacuzzi
  • Sunset Amphitheater
  • Sunset Sunken Deck
  • Shallow Pool Bed
  • Sunset Lounge
  • Chilling Bar
  • Pool Deck
  • Pocket Seat
  • Co-Working Space 24 hrs.
  • Recreation Space
  • Meeting Room
  • Sharing Space
  • Private Pod
  • Brainstorm Station
  • Wash & Clean
  • Fit Club
  • Fit Studio
  • Boxing Zone
  • Pilates Machine
  • VR Game
  • Theater
  • Salon & Beauty Lounge
  • Aroma Massage Room
  • Relax Massage
  • Oxygen Room
  • Retreat Area

ชั้น 5

  • Seat Area
  • Pet Wash Station
  • Pet Waste Station
  • Pet Play Yard
  • Pet Playhouse

ชั้น 21

  • Relaxing Panoramic Lap Pool ขนาด 4 x 20 เมตร
  • Sunrise Lounge
  • Sunrise Pocket Space
  • Sunrise Sky Pool Deck
  • Sunset Sky Shallow Pool
  • Sunset Relaxing Deck
  • Sky BBQ
  • Heaven Balcony
  • The Cloud Lounge
  • Moonlight Lounge
  • Panoramic Mingle Room
  • Creative Studio
  • Live Studio
  • Co-Dining
  • Sky Seat
  • The Social Club
  • Private Jacuzzi
  • Sauna

 

  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 159 :  1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 212 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 75 : 1
  • Service Lift 1 ตัว/อาคาร
  • ที่จอดรถประมาณ 292 คัน หรือคิดเป็น 37% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน และไม่รวม EV Charger 2 คัน
  • มีบริการ Shuttle Service รับ-ส่งไปที่มหาวิทยาลัย และ BTS บางบัว / BTS กรมป่าไม้
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card Access / ระบบสแกนป้ายทะเบียนรถยนต์

แบบห้อง

Highlights :

  • มีแบบห้องให้เลือกหลากหลาย ทั้งห้องที่กั้นด้วยกระจกดูกว้างขวางโปร่งโล่ง กับห้องที่กั้นผนังทึบเป็นส่วนตัว รวมถึงยังมีแบบห้องพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะอีกด้วย
  • ฝ้าเพดานสูงกว่าปกติ และได้ช่องแสงขนาดใหญ่ บรรยากาศโปร่งโล่งและกว้างขวาง (หากเทียบกับขนาดพื้นที่ห้อง)
  • แบ่งฟังก์ชันได้เป็นสัดส่วน มีครัวปิดทุกห้องสามารถทำอาหารทานเองได้
  • ขายแบบ Fully Furnished ไม่ต้องเสียเวลาตกแต่งห้องเอง พร้อมเข้าอยู่ได้เลย

..แบบห้องของโครงการ Modiz Vault เกษตร – ศรีปทุม ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางห้อง 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus ซึ่งเหมาะกับการอาศัย 1 – 2 คน อีกทั้งยังมีแบบห้องพิเศษอย่างห้องฝ้าเพดานสูง (Vertical Room) และห้องสำหรับ Pet Friendly ซึ่งจะมีจุดเด่นและรายละเอียดที่แตกต่างออกไปให้เลือกครับ ประกอบด้วย

  • 1 Bedroom (S) ขนาด 22 – 24.20 ตร.ม.
  • 1 Bedroom ขนาด 24.2 – 24.9 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Exclusive ขนาด 26.2 – 27.1 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Extra ขนาด 27.9 – 28.7 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 34.4 – 35.5 ตร.ม.

ลักษณะการขายจะเป็นรูปแบบ Fully Furinshed ขาดแค่เพียงเครื่องใช้ไฟฟ้าและของใช้ส่วนตัวบางอย่างก็พร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการตกแต่งห้องไปได้เยอะทีเดียว อีกทั้งยังมีการเพิ่ม Bluetooth Sound System เอาใจคนชอบฟังเพลงเข้ามาด้วยครับ ถือเป็นอีกหนึ่ง Signature หลักของคอนโด AssetWise ที่จะมีอยู่ในทุกโครงการเลยนั่นเอง

สำหรับห้องตัวอย่างแรกจะเป็นขนาดกลางที่จัดได้ลงตัวดีมากๆ จุดเด่นที่ไม่เหมือนห้องอื่นๆก็คือ “ห้องน้ำที่สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง” จึงทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกทั้งจากในห้องนอนและ Living  Room นอกจากนี้ยังได้ห้องนอนที่มีความเป็นส่วนตัวมากๆ เพราะกั้นห้องด้วยผนึงทึบเป็นสัดส่วน รวมถึงยังได้ครัวปิดที่อยู่ติดริมระเบียง จึงสามารถทำอาหารได้อย่างจริงจังเลยนั่นเองครับ

โดยภาพรวมผมมองว่าห้องนี้เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน โดยเน้นการใช้งาน 2 ฟังก์ชันหลักๆคือ ห้องนอน และห้องครัว เพราะมีขนาดใหญ่และอยู่ติดกับช่องแสงทั้งคู่ อีกทั้งยังเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารทานเอง และอาจเป็นคนที่มีเพื่อนมาหาบ่อยๆก็ได้ครับ ซึ่งรับรองว่าห้องนอนจะไม่เสียความเป็นส่วนตัวเลยนั่นเอง

สำหรับเฟอร์นิเจอร์ของห้องนี้ก็จะประกอบด้วย โซฟา / ชั้นวางทีวี / โต๊ะทานอาหาร / เก้าอี้ / ตู้รองเท้า / ตู้เสื้อผ้า / ชุดครัว และฐานเตียง ทั้งหมด 8 ชิ้นด้วยกัน ซึ่งลักษณะอาจจะไม่ได้เหมือนในห้องตัวอย่างที่เค้าจัดไว้ให้นะครับ แต่จะเหมือนกับในรูปภาพนี้แทน

นอกจากนี้ก็จะมีการติดตั้ง Digital Door Lock มาให้เป็นมตรฐานด้วย รองรับการใช้ Key Card / รหัสผ่าน / กุญแจ และลายนิ้วมือ ทำให้การใช้งานมีความปลอดภัยและสะดวกสบายมากขึ้น

เข้ามาภายในเราจะเจอกับ Living Room ซึ่งจะได้แสงสว่างหลักๆมาจากทางระเบียงในห้องครัวนั่นเอง อีกทั้งเรายังได้ฝ้าเพดานที่สูงกว่าห้องทั่วไปอยู่ที่ 2.6 m.

ส่วนพื้นห้องทั้งหมดก็จะเป็นกระเบื้อง SPC (Stone Plastic Composite) ลายไม้แบบนี้เลย ซึ่งจะมีความสามารถในการทนน้ำหรือความชื้นได้ดีกว่าไม้ลามิเนตครับ

สำหรับระยะดูทีวีจะกว้าง 2.5 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้นะครับ และของจริงเราจะได้เป็นตู้เก็บรองเท้าตรงมุมห้องด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถเก็บของได้เป็นระเบียบ และหยิบใช้งานได้สะดวกมากขึ้นนั่นเอง

นอกจากนี้เรายังมองเห็นแผงระบบ Bluetooth Sound System ติดอยู่ตรงผนังแบบนี้ด้วยครับ ซึ่งสามารถใช้เปิดฟังเพลงผ่านลำโพงที่ติดอยู่บนฝ้าด้านบนได้

โดยจะมีอยู่ทั้งใน Living Room และห้องนอนทั้งหมด 2 จุดด้วยกันครับ ซึ่งคนที่ชอบฟังเพลงเป็นประจำอยู่แล้วก็น่าจะถูกใจไม่น้อย

ตรงกลางห้องจะเป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานอาหาร พร้อมกับมีเก้าอี้ให้อีก 1 ตัว ซึ่งหากใครที่อยู่ห้องนี้กัน 2 คน ก็สามารถนั่งบนโซฟาอีกคนหนึ่งได้นะครับ

หรือถ้าในช่วงเวลาปกติเราก็ยังสามารถใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ ไว้นั่งทำงาน/อ่านหนังสือ หรือจะใช้วางของข้างโซฟาให้หยิบจับง่ายก็ได้เหมือนกัน

ติดกันจะเป็นห้องครัวที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน จึงทำให้สามารถเปิดออกได้กว้าง แถมยังช่วยกันกลิ่น/ควันจากการทำอาหาร ไม่ให้เข้ามารบกวนพื้นที่พักผ่อนด้านในได้ด้วย อีกทั้งยังเป็นช่องแสงหลักของ Living Room ที่จะช่วยดึงแสงจากภายนอกให้เข้ามาภายในห้องได้นั่นเองครับ

ภายในเราจะได้ชุดครัว Built-in มาให้ครบแบบนี้เลย มีช่องเก็บของที่เพียงพอสำหรับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน รวมถึงด้านล่างก็จะเป็นพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าด้วยครับ

ซึ่งพื้นก็ยังคงเป็นกระเบื้อง SPC ลายไม้เหมือนกับภายในห้อง สามารถทนน้ำหรือความชื้นได้ระดับหนึ่ง โดยมีความกว้างของพื้นที่ใช้สอยอยู่ที่ 75 cm. สามารถใช้งานได้พอดีๆ

Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์ที่ทนความชื้นและความร้อนได้ดี แถมยังมีการติดตั้ง Blacksplash เอาไว้ที่ผนังเพื่อให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย

Hop+Hood เป็นของ TEKA ซึ่งจะดูดแบบหมุนเวียนภายใน จึงอาจต้องคอยถอดไส้กรองออกมาทำความสะอาดด้วยนะครับ นอกจากนี้เราจะได้อ่างล้างจานแบบ 1 หลุม และปลั๊กไฟก็อยู่ในตำแหน่งที่เสียบใช้งานง่าย

ด้านข้างเป็นพื้นที่วางตู้เย็นกว้าง 80 cm. ซึ่งจะตั้งอยู่ติดกับระเบียงที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน กรอบเป็นอลูมิเนียมสีดำพร้อมกระจกเขียวตัดแสงทุกจุด และภายนอกมีขนาด 1.4 x 0.9 m. พอที่จะออกไปยืนสูดอากาศหรือชมวิวได้ รวมถึงอาจใช้เป็นที่ตากผ้าเล็กๆน้อยๆได้ด้วยครับ

โดยด้านบนจะติด Condensing Unit แขวนเอาไว้เพื่อไม่ให้เกะกะพื้นที่ด้านล่าง ซึ่งเราอาจติดกริลดันลมร้อนออกไปด้านนอก เพื่อไม่ให้ระเบียงร้อนตอนเปิดแอร์ได้ หรือหากใครอยากให้ผ้าที่ตากไว้แห้งไวๆ ก็อาจปล่อยเอาไว้เหมือนเดิมแบบนี้ก็ได้นะครับ

ต่อมาจะเป็นห้องนอนที่จะมีเป็นส่วนตัวสูง เพราะกั้นด้วยผนังทึบและมีประตูปิดเป็นสัดส่วน

ภายในมีขนาดกว้าง 2.5 x 3.4 m. สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต และยังมีพื้นที่ปลายเตียงเหลือให้เดินขึ้น-ลงได้สะดวก โดยที่ฐานเตียงก็จะมีช่องให้เก็บของได้ด้วยนะครับ

และถ้าใครอยากนอนดูทีวีสบายๆ ก็สามารถติดทีวีที่ผนังปลายเตียงได้เลย แถมยังทำให้แบ่งกันดูคนละห้องได้ไม่รบกวนกัน ส่วนช่องแสงข้างเตียงก็ให้มาใหญ่ดีทีเดียว ทำให้ภายในห้องดูกว้างและสว่างโปร่งโล่งมากขึ้นครับ

อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นพื้นที่แต่งตัวหน้าห้องน้ำ ประกอบด้วยตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่ทางโครงการจะ Built-in มาให้แบบนี้เลย

โดยหน้าบานเป็นกระจกใสเพื่อความโปร่งโล่ง แต่ก็ทำให้มองเห็นเสื้อผ้าด้านในได้ชัดเจน ซึ่งผมแนะนำให้ติดฟิล์มทึบหรือฟิล์มกระจกเงา เพื่อที่จะได้ใช้งานส่องแต่งตัวไปได้ด้วยจะดีครับ

และสิ่งที่เราสามารถทำเพิ่มเติมได้ก็คือ “โต๊ะเครื่องแป้ง” ซึ่งจะมีพื้นที่ว่างอยู่ด้านข้างเตียงครับ หรือเราอาจวางเป็นโคมไฟข้างหัวเตียงสวยๆก็แล้วแต่ความชอบเลย

สุดท้ายจะเป็นห้องน้ำที่มีจุดเด่นคือ “มีประตูที่สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง” ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เวลาเราอาบน้ำเสร็จก็ออกไปแต่งตัวในห้องนอนได้เลย แถมเวลามีแขกมาใช้เราก็จะไม่เสียความเป็นส่วนตัวในห้องนอนเลยด้วยครับ

ภายในมีการแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็น 2 ส่วนชัดเจน โดยพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้าง 1.5 x 1.4 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ และได้สุขภัณฑ์ทั้งหมดเป็นของ Cotto เหมือนห้องตัวอย่างเลยครับ

ฉากกั้นอาบน้ำจะเป็นกระจกนิรภัย Tempered Glass แบบ 3 ตอน ทำให้สามารถเปิดออกได้กว้าง และช่วยป้องกันน้ำไม่ให้กระเด็นออกมาด้านนอกได้ดี มีพื้นที่ด้านในกว้าง 1 x 0.95 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ

ด้านข้างติดตั้ง Hand Shower พร้อมเสาปรับระดับความสูงตามต้องการ และมี Junction Box ให้ติดเครื่องทำน้ำอุ่นได้ ส่วนอุปกรณ์อาบน้ำก็วางในช่องตรงผนังได้เลย หรือจะเพิ่มชั้นวางเองก็ได้นะครับ ส่วนบนฝ้าเพดานก็จะมีไฟส่องสว่างมาให้ 2 ดวง พร้อมกับพัดลมดูดอากาศอีก 1 ตัวเป็นมาตรฐานแบบนี้เลย

สำหรับห้องนี้จะเป็นขนาดเริ่มต้นของโครงการ ซึ่งจุดเด่นก็คือ “ความกว้างขวางและโปร่งโล่ง” เพราะตรงกลางห้องจะมีการกั้นฟังก์ชันด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้พื้นที่ของทั้ง 2 ส่วนดูเชื่อมต่อถึงกันคล้ายห้องแบบ Studio เหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศของห้องที่กว้างขวาง และไม่ค่อยจะมีแขกมาหาบ่อยนัก เพราะต้องแลกกับความเป็นส่วนตัวที่ลดลงอยู่บ้างนะครับ

นอกจากนี้ยังได้ครัวปิดที่อยู่ติดกับระเบียงเช่นเดิม จึงเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารทานเองด้วยเช่นกัน ส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่สุดก็คือ “ตำแหน่งของห้องน้ำ” ที่คราวนี้จะเข้าได้จากทางห้องครัวแทน ซึ่งข้อดีคือเราสามารถเปิดระบายอากาศหรือความชื้น ผ่านทางระเบียงห้องครัวออกไปได้โดยตรง แต่ก็แลกมากับการใช้งานที่อาจต้องเปิดประตูผ่านหลายฟังก์ชันอยู่สักหน่อยนะครับ

เข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับ Living Room ที่คราวนี้จะสัมผัสได้ว่าบรรยากาศของห้องมีความสว่างโปร่งโล่งมากขึ้น นั่นเป็นเพราะมีการเปิดเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ ให้สามารถเชื่อมต่อกับหน้าต่างในห้องนอนได้นั่นเอง

ด้านหน้าห้องเรายังได้เฟอร์นิเจอร์เหมือนเดิมนะครับ ประกอบด้วยชั้นวางทีวี ตู้รองเท้า และโซฟาแบบ 2 ที่นั่ง โดยมีระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.5 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้เลย

และตรงกลางห้องเราก็จะได้โต๊ะทานอาหาร กับเก้าอี้ 1 ตัวมาให้เหมือนห้องก่อนหน้านี้เลยครับ

สำหรับห้องนอนจะถูกกั้นฟังก์ชันด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้มีความโปร่งโล่งและห้องก็ดูกว้างขวางเชื่อมต่อกันเหมือน Studio Type เลยครับ

ทั้งนี้ก็ต้องแลกกับความเป็นส่วนตัวของห้องนอนที่ต้องลดลงด้วยเช่นกัน จึงเป็นห้องที่เหมาะกับคนที่ไม่ได้มีแขกมาหาบ่อยนัก หรือเราอาจติดม่าน/มู่ลี่ เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวก็ได้นะ

ภายในห้องนอนมีขนาด 2.6 x 2.75 m. ซึ่งจะเล็กกว่าห้องก่อนหน้านี้สักเล็กน้อยนะครับ ทำให้ฟังก์ชันที่หายไปก็คือ “โต๊ะเครื่องแป้ง” โดยผมแนะนำให้ติดเป็นโต๊ะแบบแขวนที่ผนังฝั่งตรงข้ามตู้เสื้อผ้าแทนได้นะ

ส่วนฟังก์ชันอื่นๆเราจะยังคงได้มาครบเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นฐานเตียงขนาด 5 ฟุต ตู้เสื้อผ้า และสามารถติดทีวีแขวนผนังตรงปลายเตียงได้เหมือนเดิม

อีกด้านหนึ่งของห้องจะมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นแยกครัวออกไป ทำให้ช่วยกันกลิ่น/ควันไม่ให้ลอยเข้ามารบกวนพื้นที่พักผ่อนด้านในได้

โดยประตูนี้จะเป็นแบบเดินรางไว้ด้านบน ทำให้ไม่มีรางให้เดินสะดุดหรือเก็บฝุ่นที่พื้นด่านล่างเลยครับ ส่วนพื้นที่ในครัวก็จะกว้าง 80 cm. สามารถใช้งานได้ตามปกติ

ภายในครัวจะมีการ Built-in เคาน์เตอร์มาให้เหมือนกับห้องก่อนหน้านี้เลยครับ ซึ่งตำแหน่งก็จะยังคงอยู่ติดกับระเบียงเช่นเดิม ดังนั้นเราจึงสามารถเปิดประตูเพื่อระบายกลิ่น/ควันได้โดยตรง เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารทานเองเป็นประจำมากๆครับ

ระเบียงภายนอกมีขนาด 1.4 x 0.9 m. สามารถออกไปยืนสูดอากาศและตากผ้าได้พอดีๆ

อีกด้านหนึ่งของครัวจะมีห้องน้ำให้ใช้งานครับ ซึ่งตำแหน่งนี้เราก็สามารถเปิดเชื่อมต่อกับระเบียง เพื่อช่วยระบายกลิ่น/ความชื้นในห้องน้ำได้โดยตรงอีกด้วย

ส่วนภายในห้องน้ำเราก็จะได้ฟังก์ชันและสุขภัณฑ์ครบเหมือนห้องที่แล้วเลยครับ สามารถใช้งานได้ตามปกติ

มาดูห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย โดยจุดเด่นของห้องนี้ก็คือ ภายในห้องนอนเราจะได้ฐานเตียง 3 ฟุต 2 เตียงแบบนี้เลย ซึ่งก็จะเหมาะกับน้องๆนักศึกษาที่อยู่ด้วยกันเป็น Roommate หรือเป็นพี่น้องที่สามารถนอนห้องเดียวกันก็ได้ จึงค่อนข้างเป็นห้องที่น่าสนใจสำหรับสายนักลงทุน และพ่อแม่ผู้ปกครองที่อยากซื้อให้ลูกๆหลานๆอาศัยอยู่ครับ

หรือหากใครที่ชอบฟังก์ชันห้องนี้แต่อาศัยอยู่คนเดียว เราก็สามารถเลื่อนฐานเตียงมาชิดกัน เพื่อให้กลายเป็นเตียง King Size และนอนคนเดียวสบายๆเลยก็ได้นะ ส่วนฟังก์ชันอื่นๆก็ยังคงมีให้ใช้งานครบ เพียงแต่ห้องครัวจะย้ายมาอยู่ทางด้านหน้าห้องแทน จึงเหมาะกับคนที่อาจไม่ค่อยเน้นการทำอาหาร แต่ชอบที่จะมีโซฟาอยู่ติดระเบียงแบบนี้แทนนั่นเอง

โดยของจริงจะเป็นอย่างไรสามารถคลิกชมใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Image 1/6

สำหรับห้องสุดท้ายจะคล้ายๆกับห้องเมื่อสักครู่ แต่คราวนี้จะเป็นรูปแบบของเตียงเดี่ยวแทนนะครับ ซึ่งจะสังเกตได้ว่าเราจะมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือพอสมควร จึงสามารถวางเป็นโต๊ะนั่งทำงานอ่านหนังสือริมหน้าต่างได้ด้วย รวมถึงเรายังได้ตู้เสื้อผ้าเป็นรูปตัว L จึงสามารถเก็บของได้เยอะมากขึ้นครับ

นอกจากนี้ในอาคาร Pet Friendly ก็จะมีการจัดฟังก์ชันพิเศษที่ต่างไปจากห้องปกติเล็กน้อย คือจะมีการเพิ่มพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงตรงระเบียง พร้อมช่องประตูน้องหมาน้องแมวให้เข้า-ออกได้สะดวก โดยแลกกับพื้นที่วางเครื่องซักผ้าตรงระเบียงที่จะต้องหายไป ซึ่งเราก็สามารถออกไปใช้บริการภายนอกได้แทนนั่นเอง

โดยของจริงจะเป็นอย่างไรสามารถคลิกชมใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Image 1/7

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

Modiz Vault เกษตร – ศรีปทุม ราคา ณ วันที่ 14 มิถุนายน 2566

ห้องแบบ Simplex

  • 1 Bedroom (S) ขนาด 22 – 24.20 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ขนาด 24.2 – 24.9 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.64 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Exclusive ขนาด 26.2 – 27.1 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.66 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Extra ขนาด 27.9 – 28.7 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.09 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 34.4 – 35.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.79 ล้านบาท

 

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.6 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ TEKA
  • มีรถ Shuttle Service ไป-กลับ มหาวิทยาลัยเกษตร และ BTS บางบัว / BTS กรมป่าไม้
  • จอง 10,000 บาท
  • ทำสัญญา 10,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนเลียบคลองบางเขน ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่เชื่อมต่อถนนวิภาวดี และถนนพหลโยธิน ทำให้สามารถไปใช้งานได้สะดวกทั้ง 2 เส้นทาง เป็นทำเลที่มีความหลากหลายของคนเยอะ ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานที่จะมีทั้งคณาจารย์ที่ทำงานในสถานศึกษาของย่านนี้อย่าง ม.เกษตร และ ม.ศรีปทุม รวมถึงยังมีคนที่ทำงานในกรมป่าไม้ กับพนักงานออฟฟิศแถวแยกรัชโยธิน ที่เน้นใช้รถไฟฟ้าในการเดินทางเป็นหลักอีกด้วย

โดยถนนเลียบคลองบางเขนปัจจุบันได้มีการขยายเป็น 4 เลน และจัดสภาพแวดล้อมให้น่าใช้งานมากขึ้นเยอะเลยทีเดียวครับ แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องแอบทำใจนิดนึงว่า ถนนเส้นนี้อาจยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกพวกร้านค้าร้านอาหารสู้ถนนใหญ่ข้างเคียงยังไม่ได้นะ แต่ไม่แน่ว่าในอนาคตถ้ามีคนมาอยู่กันเยอะขึ้น ก็อาจมีร้านค้าต่างๆตามมาให้บริการได้ด้วยเช่นกัน

ในด้านของราคาเฉลี่ย 110,000 บาท/ตร.ม. ก็ถือว่าค่อนข้างเกาะกลุ่มกับเพื่อนบ้านนะครับ แต่จะเทียบเท่ากับคอนโดที่อยู่ติดถนนใหญ่พหลโยธินนั่นเอง (ไม่ใช่คอนโดในซอยย่อยหรือถนนรองในย่าน) โดยความน่าสนใจที่ทำให้โครงการนี้ ที่มีความแตกต่างออกไปจากเพื่อนบ้านก็มีไม่น้อยก็

เช่น เป็นโครงการที่มีส่วนกลางที่เยอะที่สุดในย่าน / เป็นโครงการติด ม.เกษตร เพียงแห่งเดียวในปัจจุบันที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ และเป็นเพียงไม่กี่โครงการในย่านที่ขายห้องแบบ Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่ได้เลย เป็นต้น ซึ่งเราก็ต้องลองตัดสินใจดูนะครับว่าสิ่งที่ทางโครงการจัดมาให้ตอบโจทย์ความต้องการของเรามากน้อยแค่ไหน และคุ้มค่าหรือไม่นั่นเอง

การเดินทางโดยใช้รถ : ถนนเลียบคลองบางเขนเป็นถนนที่เชื่อมต่อถนนใหญ่ 2 สาย คือถนนพหลโยธิน และถนนวิภาวดี-รังสิต จึงทำให้มีความสะดวกในการใช้เส้นทางทั้ง 2 อย่างมาก อีกทั้งยังมีประตูมหาลัยที่เข้าจากถนนเส้นนี้ได้โดยตรงอีกด้วย และสำหรับที่จอดรถของโครงการจะมี 292 คัน หรือคิดเป็น 37% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน ถือว่าให้มากลางๆเป็นมาตรฐาน เพราะทำเลนี้จะเน้นใช้รถไฟฟ้าเป็นหลักอีกส่วนหนึ่งด้วย รวมถึงยังมีบางส่วนที่ใช้รถมอเตอร์ไซค์ขับขี่อยู่ในพื้นที่มากกว่า ซึ่งทางโครงการก็จะมีที่จอดแยกเตรียมไว้ให้อีกทีด้วยครับ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีบางบัว 550 m. ซึ่งเป็นระยะที่พอจะสามารถเดินถึงได้นะครับ โดยฟุตบาทของถนนตามเส้นทางก็มีขนาดใหญ่และเดินได้สบายมากในตอนกลางวัน แต่ก็อาจเงียบๆเล็กน้อยในตอนกลางคืนเพราะไม่ใช่เส้นทางที่คึกคักนัก แนะนำให้นั่งวินมอเตอร์ไซร์ที่อยู่ตรงปากซอย หรือถ้าจะไปไหน-มาไหนก็สามารถเรียกแท็กซี่หน้าโครงการได้เหมือนกัน อีกทั้งทางโครงการก็ยังมี Shuttle Service คอยบริการรับ-ส่งที่มหาลัยและ BTS อีก 2 สถานีด้วยนะครับ สรุปแล้วก็มีความสะดวกพอสมควรเลย

การออกแบบโครงการ : ด้วยบริบทของทำเลที่ใกล้ทั้งสถานศึกษา สถานที่ทำงาน และรถไฟฟ้า ทางโครงการจึงคาดการณ์ว่าน่าจะมีกลุ่มคนที่หลากหลายให้ความสนใจไม่น้อย จึงได้ออกแบบให้มีฟังก์ชันที่สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยทุกในรูปแบบทั้ง Live / Work / Learn / Relax และ Shopping จนกลายมาเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีฟังก์ชันส่วนกลางเยอะที่สุดในย่าน

และถึงแม้ว่าอาจจะมีนักศึกษามาอยู่ด้วย แต่ทางโครงการก็ตีโจทย์ออกมาให้มีความแตกต่างจากคอนโดใกล้มหาลัยอย่างแบรนด์ Kave โดยเลือกการดีไซน์ภายในเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Arch โค้งที่เน้น Curve & Symmetry ทำให้เกิดบรรยากาศที่หรูหราสวยงาม และดูเหมาะสมกับแบรนด์ Modiz ของ AssetWise เพราะมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยชอบอะไรที่ดูหรูหรา มากกว่าความเป็นวัยรุ่นทรงสปอร์ตแบบเดิมๆนั่นเอง

ตัวโครงการจะแบ่งออกเป็น 2 อาคาร โดยอาคาร B จะเป็น Pet Friendly ที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ ซึ่งจะแยกโซนการใช้งานออกมาจากอาคาร A ทำให้ไม่รบกวนกัน และยังมีความสะดวกในการลงมาซื้อของที่ร้านค้าใต้ตึกด้วย ในขณะที่อาคาร A จะมีความสะดวกในการใช้งานส่วนกลางมากกว่า และสามารถขึ้นลิฟต์ตรงมาจากชั้นจอดรถได้เลย แบบไม่ต้องเสียเวลาเดินข้ามสะพานทางเชื่อม แต่ก็แลกมากับความหนาแน่นของเพื่อนบ้าน และอัตราการใช้งานลิฟต์ที่สูงถึง 212 : 1 ทำให้ในชั่วโมงเร่งด่วนก็อาจต้องมีการรอลิฟต์กันอยู่บ้างครับ

การออกแบบห้องพักอาศัยและพื้นที่ใช้สอย : ส่วนใหญ่จะเน้นห้อง 1 Bedroom ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งห้องที่กั้นด้วยกระจกเพื่อความกว้างขวางและโปร่งโล่ง กับห้องที่กั้นด้วยผนังทึบเป็นส่วนตัวไปเลยก็มี โดยเราก็สามารถเลือกได้ตามความชอบและ Lifestyle ในการอยู่อาศัย นอกจากนี้ยังได้ครัวปิดทุกแบบห้อง จึงเหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน และอาจเป็นคนที่ชอบทำอาหารทานเองก็ได้

รวมถึงยังมีแบบห้องพิเศษ เช่น ห้องที่มีเตียงคู่สำหรับการอยู่อาศัยแบบ Roommate ของน้องๆนักศึกษา ซึ่งตอบโจทย์สำหรับกลุ่มนักลงทุน หรือพ่อแม่ผู้ปกครองเป็นอย่างมาก มีห้องฝ้าเพดานสูงที่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน อีกทั้งยังมีห้องสำหรับคนเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะอีกด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่าโครงการนี้มีแบบห้องที่ตอบโจทย์ความต้องการ ของคนที่ค่อนข้างหลากหลายมากๆเลยครับ

วัสดุ : ขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบพร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้ทันที ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการตกแต่งห้องไปได้เยอะเลยครับ โดยวัสดุที่ได้ก็เป็นไปตามระดับราคาที่ค่อนข้างได้มาตรฐาน หลายๆอย่างก็ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยและเทคโนโลยี เช่น พื้นเปลี่ยนมาใช้กระเบื้อง SPC ที่ทนน้ำมากขึ้น รวมถึงยังได้ระบบ Bluetooth Sound System เอาใจคนรักการฟังเพลงในห้องตามแบบฉบับของคอนโด AssetWise อีกด้วย

สาธารณูปโภค : เป็นโครงการที่มีส่วนกลางเยอะที่สุดในย่าน และเยอะที่สุดของ AssetWise ด้วยครับ ซึ่งมีมาให้ใช้งานกันมากถึง 60 ฟังก์ชันเลยทีเดียว โดดเด่นที่สุดก็คือ Co-Working Space 24 ชม. ตอบโจทย์ทั้งคนวัยทำงานและน้องๆวัยเรียน ที่ต้องอ่านหนังสือสอบตอนดึกๆบ่อยๆครับ

อีกทั้งยังมีสระว่ายน้ำที่ว่ายจริงจัง 2 สระ กับฟังก์ชันอื่นๆที่ใส่มาให้ครบแบบไม่ต้องออกไปด้านนอกให้เสียเวลา เช่น ห้องดูหนัง ห้องเล่นเกมส์ ห้องนวด/สปา และห้องเสริมสวย เป็นต้น รวมไปถึงตัวอาคาร B เค้าก็จะมีฟังก์ชันสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะแยกออกมาอีกที โดยค่าส่วนกลางก็เท่ากับคนที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์เลย และไม่ได้เสียเงินเพิ่มแต่อย่างใด (มีแค่ค่าแรกเข้าเท่านั้น)

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 110,000 บาท/ตร.ม., 14 มิถุนายน 2566

  • ทำเล 7.5/10 – ติดรั้ว ม.เกษตร และใกล้แหล่งงานหลายแห่ง แต่ความอุดมสมบูณ์ของซอยยังมีไม่มาก
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – ถนนเลียบคลองบางเขนกว้างขวาง เชื่อมต่อถนนใหญ่ได้ 2 สาย เข้า-ออกเมืองสะดวก
  • ไม่ใช้รถ 8.25/10 – ใกล้รถไฟฟ้า BTS บางบัว 550 m. เรียกรถสาธารณะได้ไม่ยาก พร้อมมี Shuttle Service รับ-ส่งที่มหาลัยกับ BTS
  • วัสดุ 8/10 – Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์ครบพร้อมเข้าอยู่ เกรดวัสดุได้มาตรฐานตามระดับราคา
  • แบบ 8/10 – โครงการขนาดใหญ่ เน้นห้อง 1 Bedroom มีความเป็นสัดส่วน ได้ครัวปิดทุกแบบ
  • สาธารณูปโภค 9/10 – ส่วนกลางเยอะสุดในย่านกว่า 60 ฟังก์ชัน พร้อมสระว่ายน้ำ 2 สระ / Co-Working Space 24 ชม. และสามารถเลี้ยงสัตว์ที่อาคาร B ได้

  • UPPER CLASS
  • 7.96 / 10.00

Modiz Vault เกษตร – ศรีปทุม เหมาะกับใคร

..โครงการ Modiz Vault เกษตร – ศรีปทุม เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใกล้ม.เกษตร และอยู่ในระยะที่สามารถเดินไปใช้งานรถไฟฟ้า BTS ได้ด้วย เป็นคอนโดที่จัดเต็ม Facilities มาให้เยอะสุดในย่านกว่า 60 ฟังก์ชัน ตอบโจทย์ทั้งคนวันทำงานและวัยเรียน อีกทั้งยังมีอาคารที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ด้วย โดยเน้นห้องพัก 1 Bedroom ที่เป็นสัดส่วน มีครัวปิดให้ใช้งาน และขายแบบ Fully Furnished พร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ มีงบประมาณระดับ 2.29 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 16,000 บาท/เดือนขึ้นไป


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc