รีวิวฉบับที่ 578 … วันนี้จะพาไปดูโครงการประเภทคอนโด Low Rise ที่อยู่ในย่านนิคมอุตสาหกรรมบางปู Miami Bangpu (ไมอามี่ บางปู) ตัวโครงการอยู่ตรงข้ามเยื้องๆกับเมืองโบราณ และถูกแบ่งออกเป็น 3 โซน โซนแรกคือโซน Commercial Area จะอยู่ด้านหน้าสุดติดกับถนนสุขุมวิท และโซนคอนโดจะอยู่ตรงกลางกับด้านในที่ติดทะเล-อ่าวไทย เนื้อที่ของโครงการมีขนาดค่อนข้างใหญ่มากประมาณ 120 ไร่ ทำเลตรงนี้ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย แบริ่ง – เคหะสมุทรปราการ – บางปู วิ่งผ่านด้วย ตัวโครงการจะเป็นอย่างไรเราไปดูกันเลยครับ ヾ(^-^)ノ~♪
Fact @ 9 May 2014
- Miami Bangpu (ไมอามี่ บางปู)
- บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
- SUPER ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
- เนื้อที่โครงการ 120-0-5.2 ไร่ จำนวนยูนิตทั้งหมด 5,010 ยูนิต
- โซน Garden Villa คอนโด Low Rise 5 ชั้น 60 อาคาร 3,840 ยูนิต
- ที่ดินประมาณ 51-2-34 ไร่
- โซน Beach Front Villa คอนโด Low Rise 5 ชั้น 30 อาคาร 1,170
- ที่ดินประมาณ 25-3-71 ไร่
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 13 ยูนิตที่โซน Garden Villa
- ที่จอดรถประมาณ xxx คันคิดเป็น xxx% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 30%/อาคาร
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ธ.ค. 2558 (บางส่วน)
- Studio 25 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 0.875 ล้านบาท
- 1 Bedroom 34 – 41.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.56 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 0.875 ล้านบาทหรือประมาณ 35,000 บาทต่อตารางเมตร
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรประมาณ 44,400 บาท
- http://jsp.siamapplication.net/projects-detail.php?id=36
- Call Center 02-897-8888
- สำนักงานขาย 080-438-6777
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 13.542841,100.619432
แผนที่จากทางโครงการครับ ตัวโครงการจะอยู่บนถนนสุขุมวิทเลยและอยู่ใกล้ๆกับเมืองโบราณแต่อยู่ฝั่งตรงข้ามและตำแหน่งไม่ได้ตรงตามรูปสักเท่าไหร่ ตำแหน่งจริงๆดูจากรูปด้านล่างนะครับ
เนื่องจากทำเลของโครงการอยู่ใกล้ๆกับโครงการ 180 บางปู Beach House ที่เคยทำไปแล้วเลยขอนำส่วนทำเลมาใช้บางส่วนนะครับ ตัวโครงการนั้นตั้งอยู่บนถนน สุขุมวิท ในย่านบางปู ซึ่งบริเวณนี้คือแหล่งนิคมอุสาหกรรมบางปูที่เป็นนิคมอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศอีกแห่ง โดย GDP ของนิคมอุตสาหกรรมบางปูสูงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ มีโรงงานขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้มากมาย และมี Head Office ต่างๆตั้งอยู่ในบริเวณนี้ด้วย ถ้าลองดูในแง่ศักยภาพของพื้นที่บริเวณนี้แล้ว ทำเลตรงนี้ถือว่าเป็นทำเลสำคัญอีกแห่งที่เปรียบเสมือนจุดเชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพกับนิคมต่างๆในต่างจังหวัดเช่น ระยอง ชลบุรี หรือท่าเรือแหลมฉบัง ทำให้พื้นที่บริเวณนี้มีความหนาแน่นของชุมชนที่สูงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนิคมอุตสาหกรรมบางปูที่ขยายตัวแล้ว ยังมีการขยายตัวของชุมชนที่ต่อเนื่องมาตลอดแนวถนนสุขุมวิท ตั้งแต่ในกรุงเทพฯจนมาถึงบริเวณนิคมอุสาหกรรม สิ่งเหล่านี้เป็นแสดงให้เห็นว่าความเจริญก้าวหน้าในโซนนี้เริ่มมีมากขึ้นและยังจะมีการพัฒนาต่อไปอีกมากหากรถไฟฟ้าสร้างเสร็จ การเดินทางก็จะสะดวกขึ้นอีกเยอะ
สภาพแวดล้อมในตอนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะที่ตอบสนองต่อการอยู่อาศัยของหนุ่มสาวโรงงานและบุคลากรที่ทำงานในบริเวณนี้ มีหอพักแบบ Low Rise มากมาย แหล่งร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ซึ่งนอกจากจะมีหนุ่มสาวโรงงานแล้วยังมีชาวต่างชาติที่ทำงานในย่านนี้และมีกำลังซื้อสูงอยู่ด้วย ดังนั้นหากในอนาคตรถไฟฟ้าสร้างเสร็จเมื่อไหร่อาจจะได้เห็นโครงการใหญ่ในบริเวณนี้ก็ได้ เพราะคนที่ทำงานในย่านนี้สามารถอาศัยอยู่ใกล้ๆที่ทำงาน ถ้าจะเดินทางเข้าเมืองก็อาศัยรถไฟฟ้าไม่ต้องกลุ้มใจกับรถติดบนเส้นสุขุมวิท หรือถ้าคนไหนที่ต้องทำงานติดต่อกับหลายนิคมอุสาหกรรมเช่น ชลบุรี, ระยองก็สะดวกเช่นกัน เส้นทางการสัญจรบริเวณนี้ก็สามารถเชื่อมต่อได้หลายเส้นทาง เช่น บางนาตราด, ถนนเทพารักษ์, ถนนกาญจนาภิเษก, ทางด่วนอุสาหกรรมพระราม 2, และทางด่วนบางนา ตัวถนนสุขุมวิทในช่วงบางปูจะขนานไปกับเส้นบางนาและมอเตอร์เวย์ มีถนนตำหรุ กิ่งแก้ว และถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกเป็นตัวเชื่อม แหล่งท่องเที่ยวต่างๆใกล้เคียงด้วยเช่น เมืองโบราณ สถานตากอากาศบางปู และอื่นๆ
ถึงแม้ทางโครงการจะแจ้งว่าห่างจาก สถานีรถไฟฟ้าสวางคนิวาส (E24) แค่ 300 เมตรก็ตาม แต่ถ้านับระยะจากโซนที่อยู่อาศัยไม่ใช่ที่หน้าโครงการ จะต้องเพิ่มระยะเดินเข้าไปอีกประมาณ 300 – 800 เมตร ดังนั้นระยะเดินจริงๆก็จะตกอยู่ที่ประมาณ 600 เมตรถึง 1.1 กม.นั่นเอง ถ้าทางโครงการมีทำที่จอดรถจักรยานไว้ที่ด้านหน้าบริเวณโซน Community Mall ก็จะช่วยให้ลูกบ้านเดินทางได้สะดวกขึ้น แต่รถไฟฟ้าที่น่าจะได้ใช้งานเร็วที่สุดตอนนี้น่าจะเป็นช่วง แบริ่ง (E14) – เคหะสมุทรปราการ (E23) ที่คาดว่าน่าจะเสร็จปี 2561 ตัวสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ เคหะสมุทรปราการ (E23) ซึ่งอยู่บริเวณซอยเทศบาลบางปู 50 จะมีระยะห่างประมาณ 3 กม.จากตัวโครงการ (นับจากด้านหน้าสุดที่เป็น Community Mall นะครับ) ส่วนช่วงต่อขยาย เคหะสมุทรปราการ (E23) – บางปู (E27) อยู่ในแผนงานระยะยาวคาดว่าจะสร้างเสร็จในปี 2572 (หรืออีก 15 ข้างหน้า) ยังไงก็คงต้องรอกันอีกนานพอสมควร (ยกเว้นจะมีแผนงานเร่งรัดนะครับ)
การเดินทางจะเริ่มจากลงทางด่วนบางนาวิ่งตามเส้น สุขุมวิทไปจนถึงโครงการ เพื่อจะได้ครับสภาพแวดล้อมตลอดแนวรถไฟฟ้าแบบคร่าวๆครับ ส่วนถ้าใครอยากไปแบบเร็วๆแนะนำไปทางบางนาจะทำความเร็วได้ดีกว่าพอสมควร
เมื่อลงทางด่วนมายังถนนสุขุมวิทสถานีแรกที่เจอคือสถานีบางนา
สถานีถัดมาคือ สถานีแบริ่ง
เลยสถานีแบริ่งมานิดเดียวก็เจอซอยแบริ่งแล้วครับ
Imperial World สำโรงและ Big C สำโรง
ทางแยกไปถนนเทพารักษ์ ด้านขวามือที่เห็นกำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่นะครับ
ถนนปู่เจ้าสมิงพราย อยู่ห่างจากถนนเทพารักษ์ ประมาณ 240 เมตร
ฝั่งขาออกก็มี Big C สำโรง 2
ทางแยกไป ถนนกญจนาภิเษก หรือทางด่วนอุตสาหกรรม บางนา-พระราม2
ลอดใต้สะพานมาจะเจอกับ พิพิธภัณฑ์ ช้างเอราวัณ
พิพิธภัณ์ ทหารเรือ จะอยู่ตรงข้ามกับโรงเรียน ทหารเรือพอดีๆ
เจอทางแยกไปปากน้ำให้เลี้ยวซ้ายเพื่อวิ่งบนถนนสุขุมวิทต่อ
เจอทางแยกไปถนนศรีนครินทร์ให้ชิดขวาตรงไป
เจอทางแยกไปถนนแพรกษาด้านซ้ายมือให้ตรงต่อไป
Big C สมุทรปราการ
ทางแยกไปถนนสายลวด สุดทางของถนนสายลวดคือสุขุมวิทช่วงปากน้ำ
เจอป้ายบอกจุดเริ่มต้นเขตตำบลบางปู ทางขวามือเป็นทางเข้าฟาร์มจระเข้
ตอนนี้การก่อสร้างรางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจะเริ่มเห็นตัวรางมาสุดทางที่ ซอยเทศบาลบางปู 52 แล้ว
เลยเส้นที่เป็นแนวก่อสร้างรถไฟฟ้ามาปริมาณรถยนต์จะเริ่มน้อยและถนนก็โล่งขึ้นเยอะครับ เลยมาไม่ไกลนักจะเจอ วัดอโศการาม ที่เป็น 1 ในแหล่งท่องเที่ยวของ บางปู ครับ
ถัดมาจะเป็น สวางคนิวาส สภากาชาดไทย ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟฟ้าที่ทางโครงการบอกว่าสถานีนี้เป็นสถานีที่ใกล้โครงการมากที่สุด(ประมาณ 300 เมตรจากหน้าโครงการ) แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าตำแหน่งสถานีจะอยู่ตรงไหนนะครับ
ก่อนถึงที่ดินโครงการด้านขวามือ จะมีเจอที่ทำการไปรษณีย์และสะพานอยู่ติดกับ สะพานลอยที่อยู่ใกล้ๆโครงการจะมีอยู่ 2 จุด จุดแรกที่จะอยู่ในรูป ส่วนจุดที่ 2 จะอยู่หน้าวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ (สะพานลอยจะอยู่ขนาบ 2 ข้างที่ดินของโครงการ)
สำนักงานขายและที่ดินของโครงการอยู่ฝั่งตรงข้าม เราต้องไปกลับรถมาก่อน
ขับมาไม่ไกลจะเจอเมืองโบราณอยู่ด้านซ้ายมือ ก็เริ่มชิดขวาเตรียมเลี้ยวกลับได้เลยครับ
ถ้าใครไม่เคยมาเที่ยวก็ลองมาเที่ยวดูได้ครับด้านในมีของที่น่าสนใจให้ดูเยอะเหมือนกัน ถ่ายรูปประตูทางเข้า เมืองโบราณ มาให้ดูด้วยจะได้ไม่หลง ถัดจากบริเวณนี้ไปจะเริ่มเป็นแหล่งอุตสาหกรรม โรงงานและที่พักสำหรับคนที่ทำงานในย่านนี้ครับ
เลยเมืองโบราณมาจะเจอจุดกลับรถจะอยู่หน้าโชว์รูม Honda พอดี
กลับรถมาแล้วให้วิ่งมาเรื่อยๆจนเจอ วิทยาลัยเทคนิค สมุทรปราการ ก็ชะลอความเร็วเข้าเลยซ้ายมือไว้เลยครับ
จุดเริ่มต้นที่ดินของโครงการจะอยู่ติดกับที่ดินของวิทยาลัยเทคนิคเลย
สำนักงานขายจะอยู่ช่วงกลางๆของที่ดินพอดีครับ เดี๋ยวเราเข้าไปดูตัวโครงการพร้อมๆกันเลยครับ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Big C สมุทรปราการ
- วิทยาลัยเทคนิค สมุทรปราการ
- Community Mall หน้าโครงการ (โครงการในอนาคต)
- สถานตากอากาศบางปู
- เมืองโบราณ
- สนามกอล์ฟบางปู คันทรีคลับ – designed by Arnold Palmer
- ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์ สมุทรปราการ
- วัดอโศการาม
ตัวโครงการจะกินพื้นที่ตั้งแต่ติดถนนสุขุมวิทด้านหน้ายาวจนไปถึงริมทะเล ขนาบข้างด้วยที่ดินว่างเปล่าและวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ ซึ่งที่ดินว่างเปล่าเป็นที่ดินของเทศบาลบางปูและยังไม่รู้ว่าจะมีแผนสร้างเป็นอะไรครับ พื้นที่ทั้งหมดมีขนาดประมาณ 120 ไร่แบ่งพื้นออกเป็น 2 ส่วนหลักๆคือ ส่วนที่ทำเป็นศูนย์การค้าจะอยู่ด้านหน้า และที่อยู่อาศัยอยู่ด้านหลัง รอบๆข้างไม่มีอาคารสูงอะไรเลยแต่ก็ไม่ได้เห็นวิวมากนะครับเพราะทุกอาคารสูงแค่ 5 ชั้นเท่านั้น พื้นที่อยู่อาศัยก็ยังแบ่งย่อยออกเป็นอีก 2 โซน คือโซน Garden Villa จะมีระยะห่างจากตัวถนนประมาณ 150 – 270 เมตร และโซน Beach Front Villa จะอยู่ที่ประมาณ 530 เมตร
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ
ตัวโครงการของที่นี่มีขนาดค่อนข้างใหญ่มากครับถ้าเทียบกับโครงการคอนโด Low Rise ในเมือง โดยเนื้อที่ของโครงการ Miami บางปูทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 120 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ศูนย์การค้าประมาณ 43 ไร่ และพื้นที่อยู่อาศัย ประมาณ 77ไร่ ตัวศูนย์การค้าจะตั้งอยู่ที่ด้านหน้าสุดของโครงการ จะมีทั้งร้านอาหาร ตลาดขายของแฟชั่น และซูเปอร์มาร์เก็ต 24 ชม.มาเปิดให้บริการทำให้คนที่มาอยู่ที่นี่ไม่ต้องกังวลเรื่องความอุดมสมบูรณ์เลย แต่มีเรื่องนึงที่ต้องระวังอยู่บ้างคือการควบคุมคนเข้าออกจากโครงการ กับ ศูนย์การค้าด้านหน้า ถ้าโครงการไม่มีระบบการจัดการที่ดีอาจมีเรื่องปวดหัวในอนาคตแน่นอนครับ
ตัวที่ดินของโครงการมีความลึกประมาณ 800 เมตร ดังนั้นคนที่อยู่ด้านในถ้าจะเดินมาด้านหน้าก็ต้องเดินไกลหน่อย แต่ก็แลกกับความเป็นส่วนตัวมากขึ้น หน้ากว้างของที่ดินที่กว้างที่สุดประมาณ 320 เมตรและแคบที่สุดอยู่ที่ประมาณ 140 เมตร มีทางเข้าออก 2 ทางคือถนนหน้าโครงการทางด้านขวามือ(จากในรูป) ส่วนถนนรองจะอยู่ด้านซ้ายมือ ถนนภายในโครงการมีขนาดเท่ากันหมดที่ 16 เมตร ถือว่ากว้างมากสำหรับคอนโดแนว Low Rise แต่… ที่ทางโครงการจัดให้มาแบบนี้เพราะเค้าไม่มีที่จอดรถใต้ตึกครับ ให้จอดรอบๆตึกและตามถนนภายในโครงการ ห้องพักอาศัยจึงเริ่มตั้นแต่ชั้นแรกเลย ที่อยู่อาศัยทั้ง 2 โซนมีความแตกต่างกันตรงที่โซน Garden Villa จะเน้นวิวสวน และ Beach Front Villa จะเน้นวิวทะเล และส่วนที่ต่างกันอีกอย่างคือความหนาแน่นครับ โซน Garden Villa จะมีความหนาแน่นที่สูงกว่า น่าจะเจาะกลุ่มลูกค้าที่ทำงานในย่านนี้ เน้นความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย ส่วนโซน Beach Front Villa ออกแนวพักผ่อนมากกว่าเพราะได้ Club House ที่อยูในสวนด้วย ไม่ได้อยู่ติดถนนแบบ Garden Villa
มาดูในส่วนของศูนย์การค้าก่อนนะครับ ส่วนนี้จะถูกแบ่งออกเป็นหลายๆโซน A,B และ C จะเป็นร้านอาหารชั้นนำต่างๆมาเปิดขาย โซน D จะเป็น Supermarket ที่เปิดขายตลอด 24 ชม. ตอนนี้ที่มาแน่ๆคือ McDonald’s Drive Thru จะอยู่ทางขวาบนสุดที่เป็นสีชมพูแสดกลมๆน่ะครับ โซนที่เป็นสีฟ้าจะเป็นตลาดขายทั้งอาหารและของใช้ต่างๆ ส่วน F, G และ H จะเป็นโซนร้านขายของแฟชั่น ดูๆแล้วก็สะดวกสำหรับคนที่อยู่ด้านในเพราะไม่ต้องออกไปไหนไกลๆและเวลาจะหาของกินของใช้ แต่ตอนนี้ทางโครงการยังไม่ได้ระบุว่าคนที่พักอาศัยด้านในจะใช้เส้นทางไหนในการเข้าออกมายังศูยน์การค้า และคนที่ชอบความสงบส่วนตัวอาจจะต้องอยู่ลึกเข้าไปหน่อยจะไม่ได้เจอเสียงดังจากด้านหน้าครับ
ภาพบรรยากาศจำลองโดยรวม จะเห็นว่าดูยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างมาก ตรงนี้ถ้าทำแล้วรุ่งลูกบ้านก็สบายหน่อยมีที่ให้เดินใกล้ๆแต่ถ้ามีร้านมาเปิดกันไม่ครบหรือไม่เกิน 80-90% ก็คงจะดูเหงาๆหน่อยเพราะพื้นที่มันใหญ่มากครับ ส่วนชิงช้าขนาดใหญ่อันนั้นของจริงมีมาตั้งแน่นอนครับในปีแรก ส่วนปีต่อๆไปค่อยว่ากันอีกที
บรรยากาศจำลองบริเวณหน้าโครงการ เอา McDonald’s มาโชว์ให้เห็นเลยว่ามาแน่ๆนะ ;p
ต่อไปเป็นโซน Garden Villa โซนนี้จะมีทั้งหมด 60 อาคาร 3,840 ยูนิตทุกอาคารจะเป็นแบบเดียวกันหมด แต่จะวางกลับด้านกันแบบ Mirror และมีเพียงอาคาร 1-4 เท่านั้นที่วางแนวนอนต่างจากชาวบ้าน อาคารที่วางในแนวเดียวกันจะเรียงตามแนวตั้งหรือที่เห็นตัวอักษร A กับ B อยู่ที่ด้านบนของแต่ละแถวนั่นเอง อาคาร Club House ที่ให้มาจะอยู่ตรงกลางมีสระว่ายน้ำ, Fitness และร้านค้าระหว่างอาคาร ส่วนสวนหย่อมก็จะมีแทรกอยู่ในพื้นที่ระหว่างอาคารมีให้ทุกบล็อคเลย ระยะห่างระหว่างอาคารที่เป็นสวนคือ 12 เมตร ที่เป็นถนนจะกว้างกว่าหน่อยอยู่ที่ 18 เมตร และระยะห่างระหว่างอาคารตรง Club House คือ 30 เมตร
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Club House ของโซน Garden Villa ในรูปด้านขวามือที่เห็นคือโซนร้านค้าครับ
หน้าตาของตัวอาคารก็มาแบบเรียบๆง่ายๆไม่เน้นความหวือหวา ยังดีที่มีการเล่นสีสลับกันบ้างและมีสีส้มมาตัดช่วยให้ตัวอาคารดูไม่จืดชืดดูเหมือนหอพักทั่วๆในย่านนี้ พื้นที่สวนที่เห็นคือพื้นที่ระหว่างอาคาร อันนี้ถ้าใครชอบสวนคงถูกใจเพราะโครงการเค้าอยากให้มีพื้นที่สีเขียวเยอะไม่ใช่เอะอะก็เอาไปทำที่จอดรถซะหมด
ผังอาคารก็ดูเข้าใจง่ายดีครับไม่ซับซ้อนมาเป็นสี่่เหลี่ยมทรงยาวธรรมดา ห้องพักจะเริ่มตั้งแต่ชั้นแรกเลยและมีจำนวนห้องน้อยกว่าชั้นอื่นๆอยู่ 1 ห้องเพราะต้องเอาไปทำเป็น Lobby ครับ ด้วยความที่แบบห้องใช้แบบเดียวกันหมดทำให้ห้องที่อยู่หัวมุมไม่เห็นวิวอีกด้าน เลยไม่ได้ใช้ประโยชน์จากห้องหัวมุมเลย อัตรส่วนลิฟท์อยู่ที่ 64:1
ต่อมาเป็นโซน Beach Front Villa โซนนี้จะมีจำนวนอาคารน้อยกว่า Garden Villa ครึ่งนึงเลยคือเหลือแค่ 30 อาคารเท่านั้น แถมจำนวนยูนิต่อชั้นก็เหลือแค่ 8 ยูนิต ทำให้ความหนาแน่นของส่วนนี้มีน้อยกว่ามาก การวางแนวอาคารยังคงเป็นแบบเดิมคือใช้ผังอาคารที่เหมือนกันและมีแถว A กับ B ที่ Mirror กันอยู่ ตัว Club House จะอยู่บริเวณสวนหย่อมตรงกลางมีสระว่ายน้ำ และ Fitness ส่วนที่ติดหาดจะเป็นลานปูนโล่งๆมาให้ ที่จอดรถของโซนนี้ก็ใช้การจอดหน้าอาคารเช่นเดียวกัน
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณตัว Club House จะเห็นว่าโซนนี้บรรยากาศจะดูเป็นแบบตากอากาศมากกว่าเพราะไม่ได้อยู่ติดกับถนนและได้วิวทะเลด้วย ถ้าใครอยากได้ที่พักออกแนวตากอากาศก็มาเลือกโซนนี้ได้เลยครับ ตัว Club House ยังไม่มีข้อมูลเปิดเผยออกมามากนัก (ถ้าได้ข้อมูลเพิ่มเติมแล้วจะมา Update ให้อีกทีครับ)
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณที่ติดทะเล โครงการนี้ไม่ได้ทำอะไรที่มันหวือหวามากโดยทำเป็นแต่สวนหย่อมกับลานโล่งๆไว้ให้ทำกิจกรรมหรือนั่งพักผ่อนชมวิว
รูปร่างหน้าตาตัวอาคารจะแตกต่างจาก Garden Villa ที่เป็นเหลี่ยมๆ โซนนี้จะมาแนวโค้งๆและใช้สีสันที่ดูแล้วจืดหน่อย ตัวอาคารมีความสูงแค่ 5 ชั้นเท่ากัน
ผังอาคารจะเป็นรูปวงรีคล้ายๆถั่ว ตรงหัวกับท้ายอาคารดูป่องๆหน่อย ลิฟท์โดยสารมีมาให้ 1 ตัว อัตราส่วนอยู่ที่ 39:1 จำนวนยูนิตทั้งหมด 39 ยูนิต ห้องพักอาศัยจะมีทั้งหมด 8 ห้อง/ชั้น ยกเว้นชั้น 1 ที่มีแค่ 7 ห้อง ห้องมุมจะได้วิวทั้ง 2 ด้าน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวิวสวนทั้งหมดยกเว้นอาคาร 72, 74 ,75 และ 77 ที่จะหันไปทางทะเลพอดี และห้องที่ได้เห็นทะเลเต็มๆคือห้องเบอร์ 5 กับ 4 เท่านั้นนะครับ ส่วนห้อง 1 กับ 8 จะได้เห็นแต่สวนเท่านั้น
มาดูสำนักงานขายกับโมเดลกันดีกว่าครับ ตัวสำนักงานขายจะอยู่ริมถนนสุขุมวิทเลย
ภายในจะมีโมเดลของโครงการขนาดใหญ่ตั้งอยู่ มีห้องตัวอย่างให้ดู 2 ห้อง โซน Garden Villa ขนาด 25 จะอยู่ด้านซ้ายมือและมีแปลนอาคารบอกว่าเลยว่าเหลือห้องไหนว่างบ้าง
ส่วนอีกด้านจะเป็นห้องตัวอย่างโซน Beach Front Villa ขนาด 40.5 ตร.ม.
โซนศูนย์การค้าจะมีบางส่วนที่สร้างเสร็จช่วงปลายปี 2558 นะครับ แต่ McDonald’s Drive Thru จะมาเปิดเร็วกว่าเพื่อนเลยประมาณอีก 3 เดือนก็จะเปิดบริการแล้วครับ
โมเดลตัวอาคารจะไม่ค่อยมีรายละเอียดเท่าไหร่ เน้นโชว์ภาพรวมให้ดูมากกว่า ส่วนที่เห็นอยู่นี้เป็นโซน Garden Villa ครับ จากโมเดลจะเห็นว่ามีทางเข้าโครงการอยู่หลายเส้นทางซึ่งตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดเปิดเผยออกมาว่าจะมีป้อมยามอยู่ตรงไหนบ้างและเข้า-ออกได้กี่ทาง
ถนนตรงนี้เป็นถนนหลักที่มี Club House ตั้งอยู่ ตึกเล็กๆที่เห็นอยู่คือตึกที่เป็นร้านขายของนะครับ
ตัว Club House โซน Beach Front Villa จะมีรูปร่างล้อไปกับตัวอาคารพักอาศัย โดยใช้รูปทรงวงรีมาช่วยให้บรรยากาศโดยรวมดูเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ระยะห่างระหว่างตัวอาคารส่วนที่เป็นถนนจะกว้างประมาณ 20 เมตรและส่วนที่เป็นสวนกับ Club House จะกว้าง 26 เมตร ดังนั้นห้องพักที่หันทางสวนจะได้วิวที่เปิดโล่งมากและฝุ่นควันจากรถยนต์ก็จะมีน้อยกว่าด้วย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ/โซน ระบบเกลือ ขนาด xxxเมตร แบ่งสระเด็กลึก xx เมตร สระผู้ใหญ่ลึก xx เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง/โซน ขนาด xxx ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ xx เครื่อง
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 1 ตัว/อาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 55.67 : 1
- อัตราส่วนลิฟท์ Garden Villa 64:1
- อัตราส่วนลิฟท์ Beach Villa 39:1
- Service Lift ไม่มี
- ที่จอดรถ xxx คัน คิดเป็น 30% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น xx%
- ระบบ CCTV / Access Card
ผังห้องโซน Garden Villa ขนาด 25 ตร.ม. (มีห้องแบบเดียว) การขายเป็นแบบ Fully Furnished เป็นห้องแบบ Studio การวางผังมีมุมแปลกๆอยู่เหมือนกันอย่างตรงพื้นที่ห้องนั่งเล่นดันไปอยู่ติดกับระเบียงที่ต้องแชร์พื้นที่กันทำให้มีระยะดูทีวีค่อนข้างแคบ และจริงๆแล้วก็ไม่ควรเอาทีวีวางไว้ตรงนั้นด้วยเพราะใช้งานจริงไม่ได้ ส่วนเตียงนอนก็อยู่ตรงกลางเวลาจะดูทีวีก็นั่งดูที่เตียงแทนทำให้การใข้งานไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ส่วนโซนเปียกอย่าง Pantry กับห้องน้ำที่ไว้ด้านหน้าก็ยังโอเคไม่มีปัญหาอะไร เดี๋ยวนี้ห้องลักษณะแนวลึกเค้าจะนิยมวางผังแบบ เอาห้องนั่งเล่นไว้ตรงกลางและเอาเตียงไว้ติดระเบียง และระเบียงจะเป็นแนวยาวๆแคบๆให้พอไปยืนรับแดดรับลมและวางคอมเพรสเซอร์แอร์แบบเป่าออกไปด้านนอกได้ ตัวห้องก็จะดูลงตัวกว่าและระยะต่างๆจะช่วยให้ใช้งานพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า
เฟอร์นิเจอร์ที่แถมก็มีตามป้ายหน้าห้องตัวอย่างเลยครับ ช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องคอยถามว่าอันไหนแถมอันไหนไม่แถม (ป้ายใหญ่มาก)
ทางเดินหน้าห้องกว้างประมาณ 1 เมตร วัสดุปูพื้นได้พื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม.ตามมาตรฐานทั่วๆไป ห้องน้ำจะอยู่ด้านซ้ายมือและ Pantry ครัวอยู่ด้านขวามือ
ถัดมาจะเป็นส่วนเตียงนอนและนั่งเล่น ห้องนี้เป็นแบบ Studio เลยไม่มีฉากกั้นห้องมาให้ดังนั้นเวลาทำครัวแนะนำให้ทำแบบเบาๆอย่าจัดหนักนะครับไม่งั้นกลิ่นติดเต็มห้องแน่ๆ
หันกลับมาดูส่วน Pantry ครัวต่อนะครับ เฟอร์นิเจอร์ที่ได้จะมีแค่เคาน์เตอร์ครัวชุดล่างเท่านั้น ชุดบนและชุดข้างๆที่ติดกับประตูทางเข้าไม่ได้ให้มานะครับ ขนาดตู้เย็นที่เห็นคือขนาด 6.6 คิวบิกฟุต
ขนาดของเคาน์เตอร์ก็ไม่ใหญ่มากประมาณ 1.2 ม.เพียงพอต่อการอยู่อาศัยไม่เกิน 2 คน มีที่เตรียมอาหารให้นิดหน่อย ไม่เน้นทำอาหารประเภท ผัด ทอด ต่างๆ Top ของเคาน์เตอร์เป็นปาติเกิ้ลปิดผิวด้วยเมลานีนสำหรับใช้ในครัว ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการทำให้มีน้ำขังบนเคาน์เตอร์นะครับเพราะจะทำให้เกิดอาการบวมได้
อ่างเป็นแบบหลุมเดียวไม่มีที่พักจานมาให้ ความลึกก็กำลังดีครับ ล้างหม้อขนาดกลางได้ 1 ใบสบายๆ
ตู้ด้านนี้ไม่ได้ให้มาแต่แนะนำว่าสามารถวางเป็นตู้เย็นหรือตู้เก็บรองเท้าแบบนี้ก็ได้ เพราะตรงนี้มีปลั๊กไฟมาเตรียมมาให้อยู่แล้ว
ห้องน้ำจะแบ่งเป็นโซนเปียกกับแห้งแยกจากกันแต่ไม่มีฉากกระจกกั้นมาให้ ปูกระเบื้องขนาด 12″ x 12″ ทั้งพื้นและผนัง ชุดสุขภัณฑ์จะติดตั้งอยู่ทางด้านซ้ายมือทั้งหมด
ฝักบัวอาบน้ำมีมาให้ 1 ชุด และตำแหน่งที่ติดตั้งจะมีกำแพงยื่นออกมาเป็นช่องไว้ใส่ท่องานระบบต่างๆ ทำให้พื้นที่ส่วนนี้จะแคบลงไปหน่อย แต่ก็ไมถึงกับแคบมากยังขยับตัวได้สบายๆ
ชุดโถสุขภัณฑ์ใช้ของ Balena ถึงขนาดจะเล็กแต่หน้าตาดูดีใช้ได้เลย แถมผนังส่วนนี้ยังมีการปูโมเสคมาให้ด้วย ส่วนตำแหน่งที่แขวนทิชชู่นั้นถูกย้ายมาอยู่เหนือสายชำระ เนื่องจากอีกด้านจะติดตำแหน่งของฉากกั้นโซนอาบน้ำเวลาหยิบก็เอี้ยวตัวเยอะหน่อย
ชุดสุขภัณฑ์อ่างล้างหน้าก็ใช้ของ Balena เช่นเดียวกัน ไม่มีเคาน์เตอร์วางของมาให้แต่มีชั้นวางของกับกระจกเงาบานเล็กๆมาให้ (เหมือนอยู่หอเลยนะ ;p)
ระดับพื้นห้องน้ำจะลดลงมาประมาณ 5 ซม. และโซนอาบน้ำมี Curb กั้นมาให้สูงเท่าๆกัน
ต่อไปมาดูส่วนห้องนอนกันต่อ ขนาดเตียงที่เห็นคือขนาด 5 ฟุตวางแล้วก็ยังมีพื้นที่เหลือๆอยู่ สามารถใส่ 6 ฟุตได้แต่จะต้องไปเบียดเอาพื้นที่ห้องนั่งเล่นนะ
ปลายเตียงจะมีชั้นวางทีวีแถมมาให้ แต่ไม่แถมโต๊ะทำงานกับชั้นวางของชิ้นบน ส่วนกำแพงที่เห็นเป็น Wallpaper สีและลวดลายต่างๆไม่ได้แถมมาให้นะ เป็นกำแพงทาสีขาวธรรมดา
ลิ้นชักด้านล่างเป็นแบบบานเลื่อนสลับ ความลึกประมาณ 40 ซม.
ตู้เสื้อผ้าจอยู่ติดกับกำแพงห้องน้ำเป็นบานเปิด Swing และมีพื้นที่ข้างๆว่างอยู่หาชั้นวางของทรงสูงมาวางเพิ่มได้นะครับจะได้มีที่เก็บของเพิ่มขึ้น
ด้านในตู้เสื้อผ้าไม่มีลิ้นชักมาให้เลยมีราวแขวนเสื้อมาให้ 2 ชั้น ดังนั้นจะไม่เหมาะกับการแขวนชุดยาวๆแบบในรูปนะครับ ทางโครงการคงเตรียมไว้สำหรับพนักงานที่มีชุดยูนิฟอร์มเยอะๆ มีที่แขวนพอแน่นนอน
มือจับเป็นแบบเซาะร่องมุมแหลมเต็มความสูงหน้าบาน
โซฟาที่ได้จะเป็นแบบ 2 ที่นั่งตามในรูป แต่ไม่ได้โต๊ะกลางนะครับ
บานหน้าต่างตรงห้องนั่งเล่นไม่ได้เป็นบานเต็มจากพื้นถึงฝ้าเพดาน และเป็นบาน Fix ด้านซ้ายและขวา ตรงกลางเป็นบานกระทุ้ง
ประตูทางออกไปยังระเบียงจะเป็นบานกระจกเลื่อนสลับมีตัว Lock 2 ชั้น กระจกเขียวตัดแสงและกรอบอลูมิเนียมสีขาว
ระดับพื้นระเบียงจะเท่ากับตัวห้องแต่มีธรณีสูง 10 ซม.กั้นอยู่ช่วยให้น้ำไม่รั่วซึมเข้าห้องได้ครับ
พื้นที่ระเบียงมีขนาดไม่ใหญ่มากพอวางเครื่องซักผ้าและคอมเพรสเซอร์แอร์ได้ 1 เครื่อง แต่ถ้าจะตากผ้าก็จะแน่นๆไปหน่อยครับ
ปิดถ่ายด้วยมุมที่หันกลับไปดูภายในห้อง ส่วนคุณพี่ที่ยืนอยู่นั่นคือ 1 ในลูกค้าที่มาดูโครงการนี้ครับ ตอนที่เข้าไปเก็บข้อมูลก็มีคนพื้นที่ให้ความสนใจกันเยอะพอสมควรครับมีเข้ามาดูเรื่อยๆ เลยมีถ่ายรูปติดมาบ้างนะครับ ^_^
ผังห้องโซน Beach Front Villa ขนาด 40.5 ตร.ม. ตัวห้องยังคงเป็นแนวลึกแต่ว่ามีหน้ากว้างที่กว้างกว่าห้องแบบ 25 ตร.ม. ทำให้มีระยะดูทีวีที่ยังอยู่ในเกณฑ์ปรกติไม่มีปัญหาอะไร มีการทำฉากกระจกกั้นแบบบานเลื่อน 3 ตอนระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอนมาให้ ซึ่งเราจะเห็นกันบ่อยๆกับคอนโดในเมืองเพราะช่วยประหยัดพื้นที่และไม่ทำให้บรรยากาศห้องอึดอัดเกินไป พื้นที่ห้องด้านหน้าจะเป็นโซนทานอาหารที่วางโต๊ะกินข้าวแบบ 4 ที่นั่งแล้วยังมีพื้นที่เหลืออยู่ สามารถใส่โต๊ะทำงานเข้าไปได้อีกชุดเลย ส่วนครัวจะได้แบบตัว L มีพื้นที่ใช้งานกำลังดี แต่ไม่ได้ปูกระเบื้องแบบในผังนะครับแต่เป็นพื้นไม้ลามิเนตทั้งหมด ส่วนห้องน้ำกับระเบียงได้กระเบื้องเซรามิค ห้องนี้เป็นห้องที่อยู่ตรงกลางพอดีเลยได้ระเบียงแบบโค้งๆมาหน่อย ถ้าเป็นห้องหัวมุม ตรงห้องนอนจะโค้งตามไปด้วย โดยรวมแล้วห้องนี้ออกแบบมาได้ดีและลงตัวกว่าห้องขนาด 25 ตร.ม.พอสมควร
เฟอร์นิเจอร์ของห้องนี้จะแถม 11 ชิ้นรวมแอร์ 2 เครื่อง ได้เยอะกว่าห้องแบบ Studio 5 ชิ้น สิ่งที่ได้เพิ่มาคือ โต๊ะหน้าโซฟา, โต๊ะและเก้าอี้ทานข้าว, ฉากกั้นห้องอาบน้ำ และแอร์อีก 1 เครื่อง
เมื่อเข้าห้องมาบรรยากาศจะดูกว้างขวางและโปร่งสบายกว่าแบบ 25 ตร.ม.เยอะ ขนาดวางโต๊ะทานอาหารแล้วยังมีพื้นที่เหลือรอบๆอีกพอสมควรเลย
ส่วนครัวจะอยู่ติดกับประตูทางเข้า ได้เคาน์เตอร์แบบเข้ามุมพอดี
ตู้เย็นที่วางอยู่ขนาด 7.4 คิวบิกฟุตครับวางได้พอดีๆ แต่ระยะเปิดตู้ใช้งานจะไม่ค่อยสะดวกซักเท่าไหร่
ตู้ชุดล่างจะมีลิ้นชักพร้อมถาดวางของมาให้ และช่องวางไมโครเวฟอยู่ล่างสุด
มือจับบานเปิดจะเป็นแบบปาดมุมมาให้ จับสะดวกขึ้น
ช่องเก็บของอีกด้านเป็นบานเปิดสามารถเก็บไปถึงมุมด้านในได้เลย แต่เก็บอะไรไว้ก็อย่าลืมนะครับเพราะมันอยู่ในซอกพอดีถ้าลืมหละก็บูดหมดพอดี ;p
ตัวอ่างใช้แบบเดียวกับห้อง 25 ตร.ม.เป็นของ HAFELE
ส่วนชุดบนจะแถมตู้เก็บของค่างๆมาให้ด้วย แต่ไม่มี Hob กับ Hood นะครับลูกบ้านต้องหามาติดตั้งเอง
หันกลับไปดูโซนทานอาหาร จะเห็นว่ามีพื้นที่เหลือระหว่างกำแพงหน้าห้องกับโต๊อาหารพอสมควร ตรงนี้ใครอยากจะทำเป็นตู้เก็บของเต็มกำแพงก็ได้ หรือจะเลื่อนโต๊ะทานอาหารมาไว้ใกล้ๆกำแพงหน้าห้องแล้วใส่โต๊ะทำงานก่อนถึงห้องนั่งเล่นก็ได้
โต๊ะที่ให้มาก็หน้าตาดีใช้ได้นะครับ เป็นแบบ 4 ที่นั่ง ฐานเป็นเหล็กทำสี Top เป็นไม้ประเภท Formica ส่วนเก้าอี้เป็นหนังเทียมหุ้มทั้งตัว ลองนั่งดูแล้วก็นุ่มกำลังดี แต่เกรงว่าจะเลอะง่ายดังนั้นควรระมัดระวังเวลาใช้งานด้วยนะครับ
จริงๆถ้าจะกั้นห้องครัวก็พอทำได้อยู่นะครับ โดยทำฉากกั้นจากกำแพงหน้าห้องไปเชื่อมกับกำแพงตรงห้องน้ำ แต่ควรใช้เป็นบานเลื่อนกระจกนะ จะได้ประหยัดพื้นที่ประตูและห้องไม่ดูแคบด้วย
ภายในห้องน้ำสุขภัณฑ์ที่ใช้จะเหมือนกับห้องขนาด 25 ตร.ม. แต่มีฉากกระจกกั้นโซนอาบน้ำมาให้
ประตูฉากกั้นจะเป็นแบบบานเลื่อน 2 บานเข้ามุม
พื้นที่ด้านข้างโถสุขภัณฑ์มีพื้นที่เหลือพอใส่ที่แขวนทิชชู่แล้ว แต่น่าจะเอาไว้ที่กำแพงจะสะดวกในการใช้งานมากกว่า
หน้าห้องอาบน้ำยังมีที่เหลือพอให้วางตะกร้าผ้าได้ 2-3 ใบ
ส่วนอ่างล้างหน้าจะอยู่ในช่องด้านข้างประตูพอดี ถึงแม้ตัวสุขภัณฑ์จะเหมือนกันแต่ห้องนี้จะได้บานกระจกที่ใหญ่กว่าและมีเคาน์เตอร์วางของมาให้ด้วย ส่วนมือจับที่เห็นไม่ใช่ลิ้นชักนะครับแต่เป็นที่แขวนผ้าเช็ดตัว
พื้นห้องน้ำจะลดระดับลงมาประมาณ 4 ซม. แต่โซนอาบน้ำไม่ได้ลดระดับพื้นลงไปอีกเป็นแค่ธรณีและรางเลื่อนของฉากกระจกกั้น
ระยะดูทีวีให้ห้องนั่งเล่นกว้างประมาณ 2 เมตรสามารถวางทีวีขนาด 46″ ได้ครับ เฟอร์นิเจอร์ที่แถมมีให้แค่โซฟา, ชั้นวางทีวีและโต๊ะกลางนะครับ ตู้วางของล้อเลื่อนกับชั้นวางของชุดบนไม่ได้แถมมาให้ด้วย ส่วนด้านหลังของโซฟาจะเป็นฉากกระจกกั้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอน
ประตูที่ออกไประเบียงจะเป็นบานกระจกเลื่อนสลับมีระยะเต็มความกว้างของตัวห้องนั่งเล่น ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะและเห็นวิวได้ชัดเจนอีกด้วย
ชั้นวางทีวีที่แถมมาให้มีขนาดไม่ใหญ่มากลึกประมาณ 40 ซม.
โต๊ะกลางที่ให้มีช่องเก็บของให้ทั้ง 3 ด้านเลย สีและลายของตู้จะเป็นแบบเดียวกับโต๊ะกินข้าวและชั้นวางทีวี
โซฟาที่ได้เป็นแบบ 2 ที่นั่ง ไม่ใช่ 3 ที่นั่งตามในรูปนะครับ แต่เค้าวางให้ดูว่ามีพื้นที่พอวางแบบ 3 ที่นั่งได้อยู่เหมือนกัน
พื้นที่ระเบียงจะเป็นแบบโค้งๆ แปลกตาไปสักหน่อยแต่ก็ได้พื้นที่เยอะเหมือนกัน จะตากผ้าหรือเอาเก้าอี้มานั่งพักผ่อนก็ได้ พื้นระเบียงปูกระเบื้องเซรามิคขนาด 12″ x 12″ สีเทาเข้ม และราวระเบียงเป็นราวสแตนเลสกับกระจกนิรภัยไม่บดบังวิวจากให้ห้องนั่งเล่น
กลอนประตูเป็นแบบล็อค 2 ชั้นเช่นกัน
ตำแหน่งการวาง Condensing unit จะเปลี่ยนเป็นแขวนอยู่ด้านบนและเป่าออก ไม่ได้เป่าด้านข้างเหมือนห้อง 25 ตร.ม.ทำให้พื้นที่ระเบียงไม่ร้อนและน่าใช้งานมากกว่า
ระหว่างระเบียงกับห้องนั่งเล่นจะมีธรณีกั้นน้ำสูงประมาณ 10 ซม.
ถ่ายมุมบรรยากาศในห้องรวมๆมาให้ดูครับ
ส่วนห้องนอนจะดูไม่ใหญ่มาก เพราะเค้าออกแบบโดยให้น้ำหนักไปกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นและห้องทานอาหารมากกว่า ตัวบานเลื่อนแบบ 3 ตอนจะเวลาเปิดสุด-ปิดสุดจะเป็นแบบในรูป คือไม่ว่าปิดหรือเปิดห้องก็ดูไม่ทึบเพราะเป็นผนังกระจกแต่เวลาใช้งานห้องนั่งเล่นจะยืดแขนยืดขาก็ระวังอย่าไปชนกระจกหละกันนะครับ
ตัวรางที่พื้นไม่สูงมากเดินผ่านได้สบายๆไม่ถึงกับสะดุดง่ายๆ
ภายในห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วเหลือพื้นที่รอบๆเตียงไม่มาก ไม่แนะนำให้วางเตียง 6 ฟุตครับ เพราะจะไม่เหลือพื้นทีให้เปิดตู้เสื้อผ้า(อยู่ด้านขวาบริเวณหัวเตียง) แต่ถ้าอยากได้จริงๆต้องยอมเสียพื้นที่ข้างเตียงไปด้านนึง โดยเอาเตียงไปชิดกำแพงด้านที่มีหน้าต่างเลย
ระยะพื้นที่ปลายเตียงเหลือไม่ค่อยเยอะนะครับเดินได้แบบพอดีๆ
ตู้เสื้อผ้าในห้องนี้จะมีลิ้นชักและช่องเก็บของมาให้แต่หน้ากว้างของตู้จะเล็กกว่าห้องขนาด 25 ตร.ม.หน่อย แต่ยังแอบใส่กระจกเงามาให้ด้วยนะ ^_^
หน้าต่างห้องนอนจะไม่เป็นบาน Fix แล้วแต่เป็นบานเลื่อนสลับแทน
ปิดท้ายด้วยมุมที่หันไปทางห้องนั่งเล่นจากในห้องนอน แนะนำให้ติดทีวีแบบแขวนกับผนังจะดีกว่าเผื่อวันไหนเบื่อๆก็นั่งดูจากบนเตียงได้ด้วย ;p
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 9 May 2014 (เนื่องจากโครงการนี้มีจำนวนอาคารเยอะมาก เลยขอราคาที่่ต่ำสุดกับสูงสุดของแต่ละโซนมาให้แทนนะครับ ซึ่งช่วงราคาในแต่ละชั้นจะไม่ต่างกันมาก)
- Garden Villa เนื้อที่ 25 ตร.ม. ราคา 875,000 บาท หรือ 35,000 บาท/ตร.ม.
- Garden Villa เนื้อที่ 25 ตร.ม. ราคา 925,000 บาท หรือ 37,000 บาท/ตร.ม.
- Beach Front Villa เนื้อที่ 34 ตร.ม. ราคา 1,560,000 บาท หรือ 45,900 บาท/ตร.ม.
- Beach Front Villa เนื้อที่ 40.5 ตร.ม. ราคา 1,820,000 บาท หรือ 44,900 บาท/ตร.ม.
- Beach Front Villa เนื้อที่ 41.5 ตร.ม. ราคา 2,090,000 บาท หรือ 50,400 บาท/ตร.ม.
- Fully Furnished
- เพดานสูง 2.45 เมตร
- Kitchen & Sink
- จอง Garden Villa 999 บาท, Beach Front Villa 5,000 บาท
- ทำสัญญา Garden Villa และ Beach Front Villa 10,000 บาท
- ดาวน์ 10% ผ่อนดาวน์ 15 งวด
- ค่ากองทุน Garden Villa 350 บาท/ตร.ม., Beach Front Villa 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง Garden Villa 25 บาท/ตร.ม./เดือน Beach Front Villa 35 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
Miami Bangpu เป็นโครงการที่ทำไว้สำหรับคนที่ทำงานในย่านนิคมอุตสาหกรรมบางปูหรืออาศัยอยู่แถวๆนี้และอยากขยายครอบครัว หรือสร้างครอบครัวใหม่เป็นหลัก สำหรับคนที่ต้องการซื้อคอนโดตากอากาศอาจจะไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่ เพราะไม่ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและอยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมพอสมควร ส่วนสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการจะเป็นลักษณะของแหล่งทำการค้าที่อิงกับตัวนิคมอุตสาหกรรมเป็นหลักเช่น โกดังเก็บของ, ห้างร้านต่างๆแบบอาคารพาณิชย์และ โรงงานขนาดเล็ก รวมไปถึงหอพัก อพาร์ทเม้นท์ ในละแวกใกล้เคียงด้วย
ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินได้นั้นมีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างน้อย แต่โครงการนี้ก็ได้เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับโครงการโดยการสร้าง Community ที่ด้านหน้าของโครงการซะเลย แถมขนาดของศูนย์การค้าก็ค่อนข้างใหญ่พอสมควร มีทั้งตลาดร้านอาหารและข้าวของเครื่องใช้ ร้านขายของแฟชั่น รวมถึงร้านอาหารชั้นนำต่างๆด้วย แต่ตอนนี้ทางโครงการยังไม่ได้แจ้งว่ามีแบรนด์อะไรมาลงบ้าง สิ่งที่ต้องระวังอีกเรื่องคือการควบคุมคนเข้าออกของโครงการ เพราะการทำพื้นที่ด้านหน้าโครงการให้เป็นที่สาธารณะแบบนี้จะมีคนนอกมาใช้งานเป็นจำนวนมาก ถ้าไม่มีการบริหารจัดการที่ดีอาจมีเรื่องปวดหัวตามมาแน่ๆ
การเดินทางโดยใช้รถถือว่าสะดวกมากเพราะเกือบติดถนนใหญ่เลย ที่ต้องบอกว่าเกือบติดเพราะมีระยะจากถนนใหญ่ผ่านตัว Community ด้านหน้าเข้าไปหน่อยซึ่งก็ไม่ไกลมาก เส้นทางหลักๆที่ใช้จะเป็นเส้นสุขุมวิท เพราะไม่ได้อยู่ใกล้ถนนเส้นหลักอื่นๆ ยกเว้นเวลาจะเข้าเมืองจะมีเส้นศรีนครินทร์, บางนา, และมอเตอร์เวย์ให้เลือกใช้ หรือถ้าจะไปโซนพระราม 3 ก็ใช้เส้นวงแหวนอุตสาหกรรมได้ ส่วนกลุ่มลูกค้าที่ทำงานในนิคมบางส่วนก็มีรถจากที่ทำงานมาคอยรับ-ส่งอยู่แล้วก็สบายหน่อย สำหรับคนที่ทำงานในย่านสำโรงอาจต้องเจอรถติดบ้างในช่วงนี้เพราะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้ากันอยู่
การเดินทางโดยไม่ใช้รถถือว่ายังสะดวกอยู่ ถึงแม้จะยังไม่มีรถไฟฟ้าให้ใช้ก็ตาม แต่มีป้ายรถเมล์อยู่หน้าวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ รถสาธารณะที่วิ่งผ่านจะเป็นรถ 2 แถววิ่งไปทางสำโรง และรถตู้วิ่งไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สามารถโบกระหว่างทางได้เลย สำหรับรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายต้องรอนานหน่อยนะครับสำหรับช่วง การเคหะสมุทรปราการ-บางปู (ที่วิ่งผ่านหน้าโครงการ) เพราะอยู่ในแผนปี 2572 สถานีที่จะใช้งานได้ก่อนจะเป็นช่วง แบริ่ง-เคหะสมุทรปราการที่คาดว่าจะได้ใช้ 2561 ตัวสถานีที่ใกล้ที่สุดจะอยู่ห่างจากหน้าโครงการประมาณ 3.1 กม.ต้องต่อรถไปอีกทีนึง แต่ก็ถือว่าเป็นระยะที่ไม่ไกลมากสำหรับทำเลในย่านชานเมือง
วัสดุที่ให้มาถ้าเทียบกับราคาแถวๆไม่เกิน 45,000 บาท/ตร.ม. แล้วถือว่าให้มาคุ้มนะครับเพราะขายแบบ Fully Furnished แต่ห้องแบบ Studio จะได้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวน้อยกว่า 1 Brdeoom การใช้งานจริงอาจต้องมีการซื้อเพิ่มเติมอีกซักหน่อย ส่วนห้องแบบ 1 Bedroom ให้มาเยอะกว่าได้ทั้งโต๊ะทานอาหารแบบ 4 ที่นั่ง 1 ชุดด้วย วัสดุพื้นในห้องนั่งเล่น, ห้องนอน และส่วนครัวได้พื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. ดังนั้นการใช้ครัวต้องระวังเรื่องความชื้นมากหน่อยนะครับและหมั่นทำความสะอาดบ่อยๆเพราะ พื้นไม้ลามิเนตมีความทนทานต่ำกว่าพวกกระเบื้องอยู่แล้ว ส่วนกระเบื้องห้องน้ำกับระเบียงได้กระเบื้องเซรามิคขนาด 12″ x 12″ และสุขภัณฑ์ใช้ของ
การออกแบบโครงการจะเน้นไปที่ให้โครงการเป็นแหล่งชุมชนที่พึ่งพาตัวเองได้เป็นหลัก โดยการสร้าง Community Mall ด้านหน้าเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับลูกบ้านของที่นี่ สามารถหาซื้อของกินของใช้ได้โดยไม่ต้องขับรถวิ่งออกไปไกลๆ ซึ่งทำเลย่านชายเมืองส่วนใหญ่จะไปไหนทีต้องวิ่งหลายกิโลเมตรขึ้นไปอยู่แล้ว โซนที่พักอาศัยจะแบ่งออกเป็น 2 โซนคือโซนสวน และโซนทะเล แบบอาคารและแบบห้องจะมีแค่ 2 แบบเท่านั้น โดยออกแบบให้ตอบสนองกับกลุ่มลูกค้าที่จะมาใช้งานตามโซนที่แบ่งไว้ โดยโซนทะเลจะได้ห้องใหญ่แบบ 1 Bedroom ขนาด 34 – 41.5 ตร.ม. เน้นบรรยากาศที่ดูแล้วเหมือนเป็นที่พักต่างอากาศ จะแตกต่างจากโซน Garden Villa ที่จะเน้นอิงลูกค้าทำงานในละแวกใกล้เคียง เน้นวิวสวน เข้า-ออกสะดวก ขนาดของห้องก็มีขนาดเดียวเช่นกันคือ 25 ตร.ม. โดยรวมแล้วเป็นโครงการที่ไม่ได้เน้นเรื่องการออกแบบให้หวือหวาสักเท่าไหร่ แต่จะเน้นไปที่ตัวทำเล และความคุ้มค่าของห้องชุดซะมากกว่า
สาธารณูปโภคของโครงการนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนตามโซนหลักที่แบ่งไว้ โดยมี Club House แยกออกจากกันอย่างชัดเจน ทั้ง 2 จุดจะมีทั้งสระว่ายน้ำและ Fitness ให้ แต่ส่วน Garden Villa จะมีโซนร้านค้าเพิ่มขึ้นมา ส่วนริมทะเลจะเป็นลานปูนเอาไว้มาออกกำลังกายหรือมานั่งพักผ่อนริมทะเลก็ได้ ข้อดีอีกข้อของโครงการนี้คือให้ถนนมาใหญ่ดีการเข้าออกคงทำได้สะดวก แต่สิ่งที่ต้องรอดูตอนสร้างเสร็จแล้วคือเส้นทางการสัญจรและการรักษาความปลอดภัย เพราะสามารถเข้า-ออกได้ 2 ทางจากถนนใหญ่ เลยไม่แน่ใจว่าจุดที่จะวางป้อมยามและทางเข้า-ออกของแต่ละโซนจะเป็นอย่างไร ….ซึ่งในตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลเปิดเผยออกมามากนัก
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 44,400 บาทต่อตารางเมตร, 9 May 2014
- ทำเล 8.25/10 – ทำเลดีเกือบติดถนนใหญ่ ด้านหน้ามี Community Mall ส่วนด้านหลังติดทะเล อนาคตมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวผ่าน (สำหรับคนที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวสูงสามารถตัดลดคะแนนส่วนนี้ครับ เพราะคงมีความคึกคักสูง)
- เดินทางด้วยรถ 8.0/10 – เดินทางสะดวกเพราะอยู่เกือบติดถนนสุขุมวิทเลย แต่ช่วงนี้ก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่รถจะติดหนักหน่อย
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – มีรถ 2 แถวไปสำโรงและรถตู้ไปอนุเสาวรีย์วิ่งผ่านหน้าโครงการสามารถโบกได้เลย (ไม่นำรถไฟฟ้ามาคิดด้วยเพราะอีกนานมากกว่าจะได้ใช้)
- วัสดุ 8.25/10 – ให้มาตามระดับราคาแต่ก็ถือว่าให้มาเยอะถ้าเทียบกับราคาห้อง ได้เฟอร์นิเจอร์มาพอสมควรพร้อมกับแอร์ด้วย
- แบบ 7.5/10 – แบบ 1 Bedroom ออกแบบมาให้มีฟังก์ชั่นครบและลงตัวน่าใช้งานมากกว่า แบบ Studio
- สาธารณูปโภค 7.0/10 – มีสระว่ายน้ำและ Fitness มาให้ แต่ถ้าเทียบกับจำนวนยูนิตแล้วถือว่าหนาแน่นไปหน่อย
- SUPER ECONOMY CLASS
- 7.9 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ Miami บางปู เป็นโครงการที่เหมาะกับคนที่ทำงานหรืออาศัยอยู่ในย่านนิคมอุสาหกรรมบางปู อยากได้สิ่งอำนวยความสะดวกที่อยู่ใกล้ๆที่พัก ทำงานเสร็จกลับมาบ้านก็ไม่อยากออกไปหาอะไรกินไกลๆก็พึ่งพา Community ด้านหน้าได้ มีงบประมาณ 0.88 – 2 ล้านบาท
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ
(ノ´ヮ´)ノ*:・゚✧