[รีวิวฉบับที่ 2841] ใครที่มองหาคอนโดทำเลใจกลางเมือง, ใกล้โรงพยาบาลโซนอนุสาวรีย์ที่คุณหมอไปทำงานได้ง่ายๆ, ผู้ปกครองที่มีลูกเรียนอยู่โซนสยามหรือเป็น Pet Family มีน้องเลี้ยงสัตว์เป็นครอบครัว มาติดตามอ่านรีวิวนี้กันก่อนค่ะ

✅ ลงทะเบียนเลือกยูนิตพิเศษก่อนใคร คลิก >> https://bit.ly/3XSlWAL

เพราะทาง MAJOR ได้เปิดตัวคอนโดแบรนด์ใหม่ Segment Wellness Luxury “MARQUIS Phayathai (มาร์ควิส พญาไท)” คอนโด High Rise ติดถนนพญาไท ใกล้ BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเพียง 150 เมตร🚝 พร้อมพื้นที่ส่วนกลางหลากหลาย ตกแต่งอย่างหรูหรา ในราคาเริ่มต้น 7.89 ล้านบาท โดยจะเปิด PRESALE ในวันที่ 29-30 มี.ค. นี้ งั้นจุดเด่นของโครงการนี้จะมีอะไรอีกบ้าง ตามอ่านกันต่อได้เลย

  • ทำเลใจกลางเมือง ความอุดมสมบูรณ์สูง : ตั้งอยู่ติดถนนพญาไท ใกล้ BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 150 เมตร เดินไป Century The Movie Plaza, King Power รางน้ำและ Center One ได้ง่ายหรือไปเดินเล่นช้อปปิ้งที่สยามก็สะดวก
  • คอนโด Pet-Friendly เลี้ยงสัตว์ได้ เป็น Rare Item บนทำเล : ตัวเลือกคอนโดเพื่อคนรักสัตว์บนทำเลมีน้อย อีกทั้งทาง Major มีความเข้าใจในเรื่อง Pet-Friendly เป็นอย่างดี จึงออกแบบได้ถูกใจ Pet Parent แน่นอน
  • ออกแบบ Pet Facilities มาหลากหลายและขนาดใหญ่ น้องๆสัตว์เลี้ยงอยู่ได้สุขกาย สบายใจ แตกต่างจากโครงการอื่นๆที่จะมีเพียงสนามหญ้าหรือห้องส้ตว์เลี้ยงเล็กๆ น้องๆอาจจะรู้สึกอึดอัด วิ่งเล่นได้ไม่เต็มที่
  • แบบห้องเยอะ เน้นห้องเพดานสูง 4.50 เมตร : เลือก Layout ได้ตรงตามไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย บรรยากาศภายในห้องโปร่งสบาย แบ่งแยกฟังก์ชันเป็นสัดส่วนและห้องนอนตรงชั้นลอยก็กั้นกระจกมาให้เรียบร้อย
  • เลือกใช้วัสดุที่คำนึงถึงสุขภาพที่ดีต่อคนและสัตว์เลี้ยง ทั้งห้องพักและส่วนกลาง เช่น วัสดุที่ทนรอยขีดข่วน-ความชื้น, Non-Toxic Material และพันธุ์ต้นไม้ที่เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยง เป็นต้น

ข้อมูลโครงการ

MARQUIS Phayathai (มาร์ควิส พญาไท)  ณ วันที่ 11 มีนาคม 2568

 ชื่อโครงการ   MARQUIS Phayathai (มาร์ควิส พญาไท)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS   HIGH-LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2023 )
 โครงการตั้งอยู่   ถนนพญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร
 ที่ดิน   1-3-87 ไร่
 ประเภทคอนโด   High Rise 38 ชั้น และชั้นใต้ดิน 3 ชั้น
 จำนวนยูนิต   380 ยูนิต
 จำนวนยูนิต   17 ยูนิต
 ที่จอดรถ  Automatic Parking ประมาณ 70%
 เริ่มก่อสร้าง   ปี 2568
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปี 2571
 ประเภทห้องพัก
  • Simplex สูง 2.80 เมตร
    – 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 30.25-50.25 ตร.ม.
    – 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 49.75-92.00 ตร.ม.
  • High Ceiling (ห้องเพดานสูง) สูง 4.50 เมตร
    – 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 30.00-30.15 ตร.ม. (พื้นที่รวมชั้นลอยเป็น 47.50-57.25 ตร.ม.)
    – 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 34.00-38.75 ตร.ม. (พื้นที่รวมชั้นลอยเป็น 51.25-57.25 ตร.ม.)
    – 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 47.75-58.25 ตร.ม. (พื้นที่รวมชั้นลอยเป็น 69.50-86.00 ตร.ม.)
    – 3 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 73.25-93.50 ตร.ม. (พื้นที่รวมชั้นลอยเป็น 115.25-137.75 ตร.ม.)
  • Penthouse พื้นที่ใช้สอย 146.25-161.00 ตร.ม.
  • Duplex พื้นที่ใช้สอยรวม 104.25 ตร.ม.

 PRESALE วันที่ 29-30 มี.ค. 2568
 ราคาเริ่มต้น  Simplex 7.89 ล้านบาท / High Ceiling 10 ล้านบาท (ราคา ณ วัน PRESALE 29-30 มี.ค. 2568)
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ Simplex เริ่มต้น 254,000  บาท/ตร.ม.
High Ceiling เริ่มต้น 200,000 / ตร.ม. (รวมพื้นที่ชั้นลอย)
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม)  ผ่านแล้ว
 เว็บไซต์โครงการ คลิกที่นี่
 เบอร์โทร  02-116-1111

 

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.760496036780555, 100.53595464539049
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

Highlight

  • ทำเลใจกลางเมือง ตั้งอยู่ติดถนนพญาไท เดินทางเชื่อมต่อได้ง่าย
  • Medical Hub ศูนย์กลางทางการแพทย์ มีความต้องการอยู่อาศัยจากบุคลากรทางการแพทย์บนทำเลเยอะ
  • ใกล้ BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 150 เมตร อีกทั้งไม่ไกลจาก BTS และ Airport Link พญาไท และมีรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกให้ใช้งานในอนาคต
  • ใกล้ทางพิเศษศรีรัช ด่านอุรุพงษ์ ประมาณ 1.7 กิโลเมตร เดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่าย
  • ความอุดมสมบูรณ์สูง ใกล้ Century The Movie Plaza, King Power รางน้ำและ Center One ในระยะไม่เกิน 650 เมตร รวมถึงมีร้านค้า ร้านอาหารหลากหลายตลอดแนวถนน

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

“ทำเลพญาไท” ถือเป็นทำเลใจกลางเมืองที่อยู่อาศัยได้สะดวกสบาย เดินทางเชื่อมต่อถนนหลายสาย มีรถไฟฟ้าตัดผ่าน เดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิได้ง่าย อีกทั้งอยู่ใกล้กับสยามที่ถือเป็น Shopping District ขนาดใหญ่และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิที่เป็น Hub เชื่อมต่อการเดินทางสำคัญ

นอกจากนั้นทำเลพญาไทถือเป็น Medical Hub ศูนย์กลางทางการแพทย์ในไทย มีสถานที่ทางการแพทย์ที่สำคัญหลายแห่ง ประกอบกับปัจจุบันก็มีอาคารสำนักงานเกรด A และโครงการ Mixed Use หลายโครงการ รวมถึงมี Mega Project ใหม่ๆเกิดขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ทำเลพญาไทนี้กลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยระดับ Hi-End ที่มีโครงการคอนโดมิเนียมหลากหลายโครงการบนทำเล นอกจากจะเป็นที่ต้องการของคนที่กำลังมองหาคอนโดใจกลางเมือง ยังดึงดูดกลุ่มบุคลาการทางการแพทย์ที่ทำงานบนทำเลนี้ด้วยนั่นเอง

MARQUIS Phayathai (มาร์ควิส พญาไท) ตั้งอยู่บนถนนพญาไท ฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าไปสยาม อยู่ข้างๆกับโครงการรุ่นพี่ M Phayathai เลยค่ะ อีกทั้งอยู่ไม่ไกลจากทางพิเศษศรีรัช เดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่าย โดยโครงการตั้งอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงแยกพญาไท ซึ่งเป็นจุดตัดระหว่างถนนพญาไทและศรีอยุธยา เดินทางเชื่อมไปยังถนนพหลโยธิน, จตุรทิศ, เพชรบุรี, พระราม 6 และพระราม 1 ได้ง่าย มีรถไฟฟ้าให้ใช้งานหลายสาย จึงเดินทางสะดวกทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถสาธารณะค่ะ

สำหรับทางด่วนที่ใกล้โครงการที่สุดจะเป็น ทางพิเศษศรีรัช ด่านอุรุพงษ์ตรงถนนพระราม 6 มีระยะห่างจากโครงการ 1.7 กิโลเมตร สามารถวิ่งไปยังหัวลำโพง-พระราม 3 หรือโซนพระราม 9-เพชรบุรี-สุขุมวิท รวมถึงยังออกนอกเมืองไปได้ทั้งนนทบุรี, เมืองทองธานี, รังสิต หรือเส้นวิภาวดีมุ่งหน้าดอนเมืองได้

นอกจากตัวโครงการจะอยู่ติดถนนใหญ่พญาไท เดินทางได้สะดวกสบายแล้ว ยังอยู่ใกล้รถไฟฟ้าหลายสายทั้ง BTS, Airport Link และรถไฟฟ้าสายสีส้มที่กำลังก่อสร้างอยู่ด้วย โดยมี BTS สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อยู่ใกล้โครงการมากที่สุด อีกทั้งอยู่ไม่ไกลจาก BTS สถานีพญาไทที่เป็นจุด Interchange Station กับ Airport Link พญาไท หากนั่งต่อไปอีกจะเป็น BTS สยาม ก็เป็นจุด Interchange Station กับ BTS สายสีเขียวเข้ม เชื่อมไปราชดำริ สีลม วงเวียนใหญ่ ตลาดพลูและบางหว้า จึงทำให้เดินทางเชื่อมต่อได้หลากหลายเส้นทางเลยค่ะ

สำหรับรถไฟฟ้าในอนาคตบนทำเลอย่างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ จะอยู่ตรงแยกราชเทวี มีเส้นทางเชื่อมจากศูนย์วัฒนธรรมฯ ตรงเส้นรัชดาภิเษก มายังเส้นเพชรบุรี และสิ้นสุดที่ถนนจรัญสนิทวงศ์ โดยปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง คาดเปิดบริการในปี 2573 หากเปิดใช้บริการแล้วก็ยิ่งทำให้เดินทางได้สะดวกขึ้นอีก

ส่วนรถสาธารณะอื่นๆทั้งรถเมล์, รถตู้, รถ Taxi และวินมอเตอร์ไซค์ก็ขับผ่านไป-มาให้เราเรียกใช้บริการกันได้ง่ายๆ แต่ปัจจุบันเราสามารถเรียกรถผ่าน Application ได้แล้ว ทำให้จะเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวหรือรถสาธารณะก็สะดวกมากๆค่ะ

Image 1/2
ระยะห่างจากรถไฟฟ้า

ระยะห่างจากรถไฟฟ้า

สถานีที่อยู่ใกล้โครงการมากที่สุด นั่นก็คือ BTS สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีระยะห่างเพียง 150 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่เดินได้สบายๆ ฟุตบาทก็กว้าง เดินได้ง่าย หรือเราจะไป BTS สถานีพญาไทก็ได้เหมือนกัน มีระยะห่างประมาณ 400 เมตร นอกจากนั้นยังเป็นจุด Interchange กับ Airport Link เดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิได้ค่ะ

ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบ MARQUIS Phayathai (มาร์ควิส พญาไท) มีความเจริญสูงและหลากหลาย เพราะเป็นย่านออฟฟิศขนาดใหญ่ รวมถึงมีแหล่งงานของหน่วยงานภาครัฐและโรงพยาบาลอยู่หลายแห่ง เรียกได้ว่าเป็น Medical Hub ที่เต็มไปด้วยสถานพยาบาล เช่น รพ.สถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์, รพ.ราชวิถี, รพ.รามาธิบดี, รพ.พระมงกุฎ, รพ.พญาไท 1, รพ.พญาไท 2 และสถาบันวิจัยเฉพาะทางด้านการแพทย์ต่างๆ

แต่ใกล้ๆกับตัวโครงการเลยจะมี Century The Movie Plaza อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นศูนย์การค้าและโรงภาพยนตร์, ห้าง Center One ที่ภายในมีร้านค้า ร้านอาหารชั้นนำอยู่หลากหลายและ King Power ให้มาซื้อสินค้าปลอดภาษีกันได้

นอกจากนั้นโซนอนุสาวรีย์จะมีร้านค้าต่างๆตลอดแนวถนนในราคาสบายกระเป๋า รวมถึงซอยรางน้ำเองก็มีของกินเยอะมากๆทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ร้านนั่งชิลล์ ร้านสะดวกซื้อและสวนสันติภาพ ขนาด 20 ไร่ เป็นพื้นที่สีเขียวใจกลางเมืองให้เรามาเดินเล่น-ออกกำลังกาย หากอยากไปห้างใหญ่ๆก็ขับตรงไปยังโซนสยาม-จุฬาฯได้สบายๆด้วย

Image 1/5
Century The Movie Plaza อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

Century The Movie Plaza อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

ภาพบรรยากาศ Century The Movie Plaza อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นอกจากจะมีร้านต่างๆภายในห้างแล้ว บริเวณด้านหน้าห้างจะมีร้านอาหารต่างๆตั้งขายให้เราเลือกซื้อทั้งของกิน ของใช้ได้

Image 1/8
ภาพบรรยากาศ Sales Gallery ของโครงการ

ภาพบรรยากาศ Sales Gallery ของโครงการ

ภาพบรรยากาศ Sales Gallery ของโครงการ โดยในอนาคตจะถูกเปลี่ยนเป็น Queen Court พื้นที่สวนสีเขียวด้านหน้าโครงการ นอกจากนั้นจะนำโคมไฟแชนเดอเลียร์ไปติดตั้งบริเวณ The Terrarium ภายในโครงการด้วย

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

สภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการ MARQUIS Phayathai (มาร์ควิส พญาไท) จากที่ตั้งโครงการอยู่ติดถนนพญาไท ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่ราชการขนาดใหญ่มีทั้งโรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์และกรมแพทย์ทหารบก ทำให้ห้องที่หันมาฝั่งด้านหน้าโครงการหรือฝั่งทิศตะวันตกจะได้วิวที่เปิดโล่ง ส่วนโดยรอบโครงการจะมีอาคารสูงอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะทางทิศเหนือและใต้จะอยู่ติดกับคอนโด 38 ชั้นและโรงพยาบาล 22 ชั้น ทำให้ห้องชั้นล่างๆจะถูกบังวิวไปบางส่วนค่ะ

  • ทิศเหนือ ติดกับ คอนโดสูง 38 ชั้น
  • ทิศตะวันออก ติดกับ บ้านพักอาศัย อาคารสำนักงานและโรงแรม
  • ทิศใต้ ติดกับ โรงพยาบาลราชเวช กรุงเทพฯ สูง 22 ชั้น
  • ทิศตะวันตก ติดกับ ถนนพญาไท โรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์และกรมแพทย์ทหารบก

Image 1/3
ภาพบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการ

ภาพบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการ

ภาพบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการ MARQUIS Phayathai (มาร์ควิส พญาไท)

ภาพบรรยากาศที่ตั้งโครงการ ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Century The Movie Plaza ~ 140 เมตร
  • King Power รางน้ำ ~ 350 เมตร
  • Center One ~ 650 เมตร
  • Siam Discovery ~ 1.6 กิโลเมตร
  • Siam Center ~ 1.9 กิโลเมตร
  • Siam Paragon ~ 2.0 กิโลเมตร
  • Central World ~ 2.5 กิโลเมตร
  • Central ชิดลม ~ 2.9 กิโลเมตร
  • Central Embassy ~ 3.2 กิโลเมตร

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ~ 500 เมตร
  • โรงพยาบาลราชวิถี ~ 1.0 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลพญาไท 1 ~ 1.2 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลพญาไท 2 ~ 1.4 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ~ 1.6 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลรามาธิบดี ~ 1.9 กิโลเมตร

โรงเรียน

  • โรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย ~ 550 เมตร
  • โรงเรียนศรีอยุธยา ~ 700 เมตร
  • โรงเรียนอำนวยศิลป์ ~ 1.1 กิโลเมตร
  • โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ~ 2.4 กิโลเมตร
  • วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ~ 2.5 กิโลเมตร
  • วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก ~ 2.5 กิโลเมตร
  • จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ~ 2.8 กิโลเมตร

อื่นๆ

  • สวนสันติภาพ  ~ 500 เมตร
  • อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  ~ 650 เมตร
  • พระราชวังพญาไท  ~ 1.5 กิโลเมตร

รายละเอียดโครงการ

Highlight

  • คอนโดแบรนด์ใหม่และเป็น Segment บนสุด จาก Major Development
  • คอนโด Pet-Friendly เลี้ยงสัตว์ได้ เอาใจ Pet Parent พร้อมส่วนกลางให้น้องๆสัตว์เลี้ยงมาใช้งานได้
  • เน้นห้อง High Ceiling เพดานสูง 4.50 เมตร ถือเป็น Product หายากบนทำเล
  • ออกแบบพื้นที่สวนสีเขียวกระจายหลายจุด ได้แก่ บริเวณด้านหน้าโครงการ, Stacked Garden และ Rooftop Garden ลูกบ้านจึงมาใช้งานและใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น

MARQUIS Phayathai (มาร์ควิส พญาไท)  เป็นคอนโดแบรนด์ใหม่และเป็น Segment บนสุดจาก Major Development โดยเป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 38 ชั้น+ชั้นใต้ดิน 3 ชั้น บนที่ดินเกือบ 2 ไร่ มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 380 ยูนิต พร้อมที่จอดรถแบบ Automatic Parking 70% ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ติดถนนพญาไท อีกทั้งยังเอาใจ Pet Family เพราะเป็นคอนโด Pet-Friendly เลี้ยงสัตว์ได้ทุกยูนิต ซึ่งเรารู้กันดีอยู่แล้วว่าทาง Major ถือเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์พัฒนาโครงการที่เลี้ยงสัตว์ได้มาหลากหลายโครงการ จึงมีความเข้าใจในเรื่อง Pet-Friendly เป็นอย่างดี (สำหรับรายละเอียดของการเลี้ยงสัตว์ในโครงการ โปรดสอบถามโดยตรงกับทางโครงการค่ะ)

เราจะเริ่มต้นด้วยแนวคิดการออกแบบกันก่อนนะคะ เพราะอย่างที่เรารู้กันว่ากลุ่มลูกค้าของคอนโด Segment ระดับบน ไม่ได้เน้นเรื่องความคุ้มค่าด้านราคาเพียงอย่างเดียว แต่จะพิจารณาและให้น้ำหนักเรื่องของความชอบและรสนิยมที่เหมาะกับตัวเองค่ะ

ตัวโครงการออกแบบมีแนวคิดมาจาก Terrarium หมายถึงสวนในขวดแก้ว ซึ่งเป็นการจำลองระบบนิเวศน์เล็กๆ ไว้ในขวดแก้ว ทางโครงการจึงตั้งใจออกแบบโดยใช้แนวคิดนี้ผ่านการออกแบบสภาพแวดล้อมภายในโครงการที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การอยู่อาศัย ทั้งการเปิดรับแสงธรรมชาติ ระบบน้ำที่บริสุทธิ์ ดีต่อพืชและร่างกายทั้งคน-สัตว์เลี้ยง รวมไปถึงการเลือกใช้วัสดุที่คำนึงถึงสุขภาพที่ดีต่อคนและสัตว์เลี้ยง สามารถใช้งานได้ยาวนานและเป็น Non-Toxic Material ปลอดภัยจากสารที่เป็นพิษ ทำให้สามารถอยู่อาศัยได้อย่างสุขกาย สบายใจ

ส่วนการออกแบบโครงการจะเป็นสไตล์ Modern Classic มีการลดทอนรายละเอียดของความคลาสสิกให้ดูเรียบง่ายและมีความทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงได้กลิ่นอายบริบททำเลที่อยู่ใกล้พระราชวังพญาไทผ่านการออกแบบ Facade, การย่อมุมอาคาร, Symmetry Design การออกแบบสมมาตร เพื่อสร้างความโดดเด่นและหรูหรา

นอกจากนั้นยังตั้งชื่อโครงการที่สื่อถึงความเป็นพระราชวังและความหรูหราอย่าง MARQUIS ที่แปลว่า ขุนนาง รวมไปถึงชื่อฟังก์ชันส่วนกลางทั้ง Queen Court, Crown Garden, Forest Bathing Garden และ Moon Pool เป็นการรับรู้ธรรรมชาติผ่านประสาทสัมผัสและอาบแสงจันทร์ อีกทั้งยังนำเรื่องราวในอดีตของพญาไทที่เป็นทุ่งนา สะท้อนผ่านการใช้สี Earth Tone อย่างสีขาว น้ำตาล เขียวและน้ำเงิน สื่อถึงความเป็นธรรมชาติ รวมถึงโคมไฟแชนเดอเลียร์มีรูปร่างเหมือนดอกหญ้าไปติดตั้งบริเวณ The Terrarium Hall ภายในโครงการด้วย

การจัดฟังก์ชันส่วนกลางภายในโครงการสรุปได้ดังนี้

  • ชั้น B3-B1 : Automatic Parking
  • ชั้น 1 (Pet-Friendly) : The Terrarium Hall, Dune Lounge, Pet Lounge, Waiting Area, Juristic Office, Queen Court, Pet Park, Pet Jogging Track ระยะ 100 เมตร, Grab & Go
  • ชั้น 2-8 : Automatic Parking
  • ชั้น 9 : Meditation Garden
  • ชั้น 23 : Forest Bathing Garden
  • ชั้น 27 (Pet-Friendly) : Cat Lounge, Cat Garden
  • ชั้น 31 : Scent Garden
  • ชั้น 35 (Pet-Friendly) : Co-Working Lounge, Working Pod, Meeting Room, Vitality Gym, Private Studio, Dog Lounge, Dog Garden
  • ชั้น 36 : Moon Pool with Hydrotherapy and Body Massage, Kid’s Pool, Spa Room, Sauna & Steam Room, Private Onsen แยกชาย-หญิง
  • Rooftop : Crown Garden, Jogging Track

Master Plan

MARQUIS Phayathai (มาร์ควิส พญาไท) อยู่ติดกับถนนพญาไท มีประตูทางเข้า-ออกของรถยนต์เป็นรั้วอะลูมิเนียมรางเลื่อน พร้อมระบบจดจำป้ายทะเบียน License Plate Recognition System, CCTV ส่วนกลาง, ป้อมรปภ. 24 ชั่วโมงอยู่ด้านข้างประตูทางเข้า-ออกและรั้วทึบรอบโครงการ นอกจากนั้นยังมี Pedestrian Entrance เป็นประตูอะลูมิเนียม พร้อมติดตั้งระบบ Face Scan ลูกบ้านจึงเดินเข้า-ออกจากด้านหน้าโครงการไปยังภายในอาคารได้เลย สำหรับลิฟต์โดยสารมีกำหนด Pet Lift จำนวน 1 ตัว (แถบสีส้ม) เพื่อสร้างความเป็นระเบียบในการใช้งานให้แก่ลูกบ้านในโครงการ

Image 1/2
ชั้น 1

ชั้น 1

ออกแบบพื้นที่สวนสีเขียวอยู่ด้านหน้าโครงการ มีทางเดินรถภายในโครงการเป็นทางเดินรถทางเดียว เราต้องขับเลี้ยวขวาไปเจอพื้นที่ Drop Off รับส่งลูกบ้าน หากต้องการออกจากโครงการก็ขับวนขวาเพื่อไปยังทางออกได้เลย แต่หากจะขับไปจอดรถจะต้องขับไปทางซ้าย วนรอบอาคาร เพื่อไปยังที่จอดรถแบบ Auto Parking ที่ชั้น B3-B1 และชั้น 2-8 รวมถึงมีช่องจอดใต้อาคาร 6 คัน และจุด EV Charger รองรับรถยนต์ไฟฟ้าด้วย

เมื่อเข้ามาภายในอาคารจะเจอกับ The Terrarium Hall พื้นที่นั่งรองรับแขก เวลามีเพื่อนหรือแขกมาเยี่ยมก็ให้มานั่งรอตรงบริเวณนี้ได้ ถัดมาจะกั้นด้วยประตูที่อนุญาตให้เข้า-ออกเฉพาะลูกบ้าน ติดตั้งระบบ Face Scan และ Keycard Access สำหรับการเดินเข้าออกและขึ้นลงในอาคาร เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ลูกบ้าน

ภายในเป็น Dune Lounge พื้นที่นั่งพักผ่อนและ Pet Lounge พาน้องสัตว์เลี้ยงมานั่งเล่นตรงบริเวณนี้ ต่อมาจะมี Grab & Go อยู่ใกล้ๆกับ Juristic Office รองรับกับเทรนด์การอยู่อาศัยสมัยใหม่ที่นิยมสั่งอาหาร Delivery กันมากขึ้น ทำให้ทาง Driver ขับมาวางอาหารตรงพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ได้เลย ไม่ต้องเดินเข้ามาส่งถึงภายในโครงการ เพิ่มความปลอดภัยให้แก่ลูกบ้านของโครงการ

ส่วน Lift Lobby จะอยู่ด้านในสุดทางเดิน แต่ด้านข้างของโถงทางเดินนี้จะมี Waiting Area ที่อยู่ติดกับ Auto Parking ให้ลูกบ้านมานั่งรอรถยนต์ได้ ซึ่งพอรถของเราลงมาแล้ว เราก็เดินเชื่อมไปยังทางเข้า-ออกของที่จอดรถ Auto Parking นั่นเอง

ตั้งแต่บริเวณ Pedestrian Entrance ตรงเข้ามาภายในอาคารจะเป็นการออกแบบสมมาตร นำสายตาไปยังจุดปลายตา ทำให้บริเวณ Reception มีความโดดเด่นขึ้นมา ประกอบกับการตกแต่งอย่างหรูหราก็ช่วยส่งเสริมให้เกิดความประทับใจแก่แขกและลูกบ้านภายในโครงการที่มากขึ้นด้วยค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ The Terrarium Hall ตรงชั้น 1 โดยออกแบบมี Pavilion กรงสี Copper เป็นจุด Attraction ดึงสายตาและสร้างความประทับใจแรกให้กับลูกบ้านและแขกได้ดี รวมถึงเป็นห้องเพดานสูงประมาณ 12 เมตร ทำให้ได้บรรยากาศโปร่งสบายและนำโคมไฟแชนเดอเลียร์ รูปร่างเหมือนดอกหญ้าที่อยู่ใน Sales Gallery มาติดตั้งในบริเวณนี้ด้วยนะคะ

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Dune Lounge และ Pet Lounge ตรงชั้น 1 เมื่อเดินผ่าน The Terrarium Hall เข้ามาด้านในจะมีประตูกั้นโซนไว้ ทำให้บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้ามายัง Dune Lounge และ Pet Lounge ได้ ซึ่งทางโครงการได้ออกแบบมีพื้นที่นั่งพักผ่อน รองรับแขก รวมถึง Pet Lounge จะอยู่ด้านข้างให้เราพาน้องๆสัตว์เลี้ยงมานั่งเล่นตรงนี้ได้ด้วย

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Waiting Area ตรงชั้น 1 ทางโครงการได้ออกแบบจัดเป็นชุดโซฟาให้ลูกบ้านมานั่งรอรถยนต์จาก Auto Parking

ทางโครงการออกแบบสวนสีเขียวขนาดประมาณ 400 ตร.ม. อยู่ด้านหน้าโครงการ ทำให้นอกจากจะเป็น Buffer Zone กันเสียงและควันจากรถยนต์บนถนนด้านหน้าโครงการแล้ว ยังเป็นเหมือนจุดพักสายตาให้กับส่วนกลางภายในชั้น 1 โดยภายในสวนประกอบด้วย Queen Court, Pet Park และ Pet Jogging Track ทำให้ลูกบ้านพาสัตว์เลี้ยงมาวิ่งเล่นภายในโครงการได้

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Queen Court ตรงด้านหน้าโครงการ โดยเป็นส่วนกลางที่พาน้องๆสัตว์เลี้ยงมาเล่นสนุกได้ ออกแบบแบ่ง Queen Court เป็นพื้นที่ให้ลูกบ้านมานั่งเล่นในสวนและ Pet Park พื้นที่ของน้องๆ ซึ่งออกแบบมีประตูกั้นแบ่งโซนไว้ ทำให้ทางลูกบ้านไม่ต้องกังวลว่าน้องๆจะวิ่งไปไกลหรือรบกวนลูกบ้านคนอื่นๆตรง Queen Court นอกจากนั้นยังมี Pet Jogging Track ระยะประมาณ 100 เมตร ให้เราพาน้องๆมาวิ่งออกกำลังกายกันได้ด้วย

ชั้น 9

ทางโครงการออกแบบ Meditation Garden เป็นพื้นที่สวนสีเขียวตรงชั้น 9 หันไปทางฝั่งด้านหน้าโครงการที่มีวิวเปิดโล่ง ทำให้ลูกบ้านมานั่งเล่นท่ามกลางธรรมชาติได้

นอกจากนั้นทางโครงการออกแบบมีประตูกั้นระหว่างโถงลิฟต์และห้องพักอาศัยทั้ง 2 ฝั่งอาคาร (วงกลมสีน้ำเงิน) ทำให้ถึงแม้จะมีลูกบ้านอื่นๆเดินมาใช้งานพื้นที่สวนนี้ แต่ลูกบ้านในชั้นนี้ก็ยังคงได้ความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยและมาใช้งานส่วนกลางได้ง่ายด้วย

ทางโครงการออกแบบมีซุ้มที่นั่งและปลูกต้นไม้โดยรอบพื้นที่ ทำให้ได้ร่มเงาของต้นไม้บังแสงแดด ช่วยให้ลูกบ้านมานั่งใช้งานได้นานขึ้น แต่บริเวณนี้จะไม่อนุญาตให้สัตว์เลี้ยงเข้ามาใช้งานนะคะ

Stacked Garden

ทางโครงการได้ออกแบบเป็น Stacked Garden ด้วยลักษณะอาคารแบบ Stack ร่วมกับการออกแบบ Landscape ตรงชั้น 23, 27, 31 และสิ้นสุดที่ชั้น 35 ทำให้ลูกบ้านในโครงการสามารถเข้าถึงธรรมชาติหรือพื้นที่สวนสีเขียวได้ง่ายและสะดวกกว่าโครงการทั่วไปค่ะ

ชั้น 23

ส่วนกลางในชั้นที่ 23 จะเป็น Forest Bathing Garden สวนที่มีแนวคิดการออกแบบมาจากศาสตร์บำบัดของญี่ปุ่นเรียกว่า Shinrin-Yoku โดยรับรู้บรรยากาศป่าผ่านประสาทสัมผัส เพื่อเชื่อมความรู้สึกเข้าสู่ธรรมชาติ ช่วยผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ ทำให้ลูกบ้านมานั่งพักผ่อนหย่อนใจบริเวณนี้ได้

สำหรับห้องพักฝั่งซ้ายของอาคารจะมีการกั้นประตูไว้อีกชั้น (วงกลมสีน้ำเงิน) ลูกบ้านจึงได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ส่วนโถงทางเดินไปยังห้องพักทางฝั่งขวาอาคารและ Forest Bathing Garden จะใช้เส้นทางเดียวกันและไม่มีประตูกั้นอีกชั้น ทำให้ลูกบ้านอื่นๆที่ต้องการมายังสวนสีเขียวในชั้นนี้จะต้องเดินผ่านหน้าห้องพัก ถึงแม้จะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้าง แต่ก็แลกมากับการมาใช้งานส่วนกลางได้ง่ายค่ะ รวมถึงเรามองว่าส่วนใหญ่แล้วคนก็มักจะไปใช้งานสวนสีเขียวที่ชั้น 1 หรือตรง Rooftop มากกว่าด้วย

ถึงแม้ Forest Bathing Garden จะออกแบบเป็นสวนกลางแจ้ง แต่ทางโครงการได้มีปลูกต้นไม้ใหญ่และมีโครงไม้สูงขึ้นมาคอยบังทิศทางแดดและเพิ่มร่มเงาให้กับพื้นที่สวนนี้ เราค่อนข้างชอบเลยนะ เพราะหลายๆโครงการมักจะทำเป็นสนามหญ้า ทำให้พอมาใช้งานในตอนกลางวันจริงๆกลับร้อนเกินไปค่ะ

ชั้น 27

สำหรับห้องพักในชั้นนี้เรามองว่าเหมาะกับคนที่เลี้ยงน้องแมวนะคะ เพราะมีส่วนกลางสำหรับน้องแมวโดยเฉพาะ ทำให้มาใช้งานได้ง่าย โดยมีทั้ง Cat Lounge พื้นที่รองรับน้องแมว พร้อมออกแบบแบ่งเป็น 3 ห้อง จึงพาน้องแมวมานั่งเล่นกับเพื่อนๆ รวมถึงให้เหล่าคนรักแมวมานั่งพูดคุย-แลกเปลี่ยนเรื่องการเลี้ยงแมวได้ อีกทั้งมีทางเดินเชื่อมออกไปยัง Cat Garden สวนสำหรับน้องแมวด้วย

ทางโครงการออกแบบมีประตูกั้นระหว่างโถงลิฟต์และห้องพักอาศัยทั้ง 2 ฝั่งอาคาร (วงกลมสีน้ำเงิน) ประกอบกับการออกแบบโถงทางเดินบันไดหนีไฟคั่นระหว่าง Cat Lounge และห้องพักอาศัย (แถบสีแดง) จึงทำให้ลดเสียงดังรบกวนจากส่วนกลางไปยังห้องพักและลูกบ้านยังได้ความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย ทำให้เราเห็นถึงความใส่ใจของโครงการที่มีต่อการอยู่อาศัยของลูกบ้านได้ดีเลย

Cat Lounge และ Cat Garden ออกแบบให้ใช้งานได้ต่อเนื่องกันดี โดยบริเวณ Cat Garden ออกแบบคำนึงถึงน้องแมว โดยเลือกพืชพันธุ์ต้นไม้ที่เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยง ไม่มีเห็บ-หมัดมาทำร้ายน้องๆ รวมถึงมีกลิ่นหอมที่น้องๆชอบ ช่วยให้น้องแมวมีสุขภาพและอารมณ์ดี นอกจากนั้นยังออกแบบมีต้นไม้และโครงสูงขึ้นมา ช่วยบังแสงแดดด้วยค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Cat Lounge ตรงชั้น 27 ออกแบบมีทั้งพื้นที่ต้อนรับและห้องให้น้องแมวมาวิ่งเล่น โดยภายในห้องจะมีคอนโดแมวให้น้องๆมาปีนป่าย มุดลอด เล่นสนุกกัน ส่วนด้านข้างจะมีโซฟาและโต๊ะให้ลูกบ้านมานั่งเฝ้าดูแลน้องแมวอย่างใกล้ชิด ซึ่งเราสามารถพาน้องๆออกไปยัง Cat Garden ที่อยู่ด้านนอกได้ค่ะ

ชั้น 31

สวนสีเขียวในชั้นนี้จะเป็น Scent Garden โดยเลือกพืชพันธุ์ต้นไม้ที่ฟอกอากาศ ทำให้ได้อากาศสดชื่น บริสุทธิ์ อีกทั้งยังมีดอกไม้ต่างๆ เพิ่มสีสันสดใส ดูมีชีวิตชีวาและมีกลิ่นหอมให้สูดดมได้ความรู้สึกสบายใจ

ส่วนการออกแบบภายในชั้นพักอาศัยจะเหมือนกับชั้น 23 เลย โดยโซนห้องพักฝั่งซ้ายจะมีประตูกั้นไว้อีกชั้น (วงกลมสีน้ำเงิน) ส่วนห้องพักที่อยู่ฝั่งขวาจะมีลูกบ้านคนอื่นๆเดินผ่านหน้าห้อง เพื่อไปใช้งาน Scent Garden แต่ตัวลูกบ้านเองก็จะได้เปรียบในเรื่องการเข้าถึงส่วนกลางได้ง่ายกว่านั่นเอง

ทางโครงการออกแบบพื้นที่สวนกลางแจ้งคล้ายๆกันเลยนะคะ จะมีพื้นที่นั่งพักผ่อนในสวน พร้อมต้นไม้ใหญ่และโครงไม้สูงขึ้นมาคอยบังแดดและให้ร่มเงาเวลาลูกบ้านมาใช้งานค่ะ

ชั้น 35

Main Facilities ของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 35-36 โดยชั้น 35 จะมีส่วนกลางครบครัน สำหรับฝั่งซ้ายของอาคารจะมีทั้ง Passive Facilities และ Active Facilities ส่วนฝั่งขวาของอาคารจะเป็น Pet Facilities อย่าง Dog Lounge และ Dog Garden ถือเป็นการออกแบบส่วนกลางแบบแยกฝั่งจาก Passive-Active Facilities และมีโถงทางเดินบันไดหนีไฟคั่นไว้อีกชั้น (แถบสีแดง)  เพื่อป้องกันเสียงจากน้องสุนัขไม่ให้รบกวนพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆ ซึ่งเป็นไอเดียเหมือนกับการออกแบบในชั้น 27 ที่แยกส่วนกลางของน้องแมว (Cat Lounge และ Cat Garden) ออกจากโซนพักอาศัยนั่นเอง

Image 1/2
ชั้น 35

ชั้น 35

สำหรับ Active Facilities อย่าง Vitality Gym และ Private Studio จะหันไปทางฝั่งด้านหน้าอาคาร พร้อมผนังกระจกตลอดแนวผนัง เปิดรับวิวโล่งๆด้านหน้าโครงการ ส่วน Passive Facilities จะหันไปทางฝั่งด้านหลังโครงการ ประกอบด้วย Co-Working Lounge, Working Pod และ Meeting Room จึงรองรับการทำงานทั้งคนเดียว เป็นกลุ่มหรือการประชุมได้สบายๆ

ทางโครงการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางของน้องสุนัขไว้ที่ชั้นนี้นะคะ โดยมีทั้งพื้นที่ในร่ม Dog Lounge และพื้นที่กลางแจ้งเป็น Dog Garden ซึ่งบริเวณสวนนี้ก็มีติดตั้งพื้นที่ล้างมือ-เท้าของน้องๆ มาให้เช็ดทำความสะอาดได้สะดวก

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Co-Working Lounge ตรงชั้น 35 ลูกบ้านสามารถเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานจากในห้องพักมายังบริเวณนี้ได้

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Co-Working Lounge ตรงชั้น 35 ทางโครงการได้ออกแบบจัดโต๊ะ-เก้าอี้ทั้งแบบโซฟาหรือแบบนั่งเป็นบาร์ หันออกไปได้วิวด้านนอก ลูกบ้านจึงสามารถเลือกนั่งใช้งานได้ตามความต้องการ

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Working Pod และ Meeting Room ตรงชั้น 35 จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Co-Working Lounge โดยออกแบบแบ่งเป็นห้องไว้ให้ใช้งานแบบส่วนตัวได้ รองรับการนั่งทำงานที่ต้องการสมาธิหรือการโฟกัสที่มากขึ้น

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Dog Lounge ตรงชั้น 35 ภายในห้องออกแบบมีมุมนั่งเล่นให้ลูกบ้านพาน้องสุนัขมาวิ่งเล่นบริเวณนี้กับเพื่อนๆได้ ส่วนด้านข้างจะมีประตูเปิดออกไปยัง Dog Garden จึงใช้งานได้ต่อเนื่องกันดีค่ะ

ทางโครงการออกแบบส่วนกลางมาเพื่อสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ แตกต่างจากโครงการเลี้ยงสัตว์อื่นๆที่มักจะทำเป็นสนามหญ้าและห้องสัตว์เลี้ยงเล็กๆ แต่โครงการนี้มีสนามหญ้าหลายจุดให้น้องๆมาวิ่งเล่น รวมถึงมีห้องสัตว์เลี้ยงขนาดใหญ่ ทำให้น้องๆมาใช้งานได้ทั้ง Indoor และ Outdoor เรียกได้ว่าทั้งคนและน้องๆสัตว์เลี้ยงสามารถอยู่ได้สุขกาย สบายใจเลยค่ะ

ชั้น 36

ส่วนกลางในชั้น 36 ก็ถือเป็น Main Facilites อีกชั้นของโครงการ ประกอบด้วย Moon Pool with Hydrotherapy and Body Massage, Kid’s Pool, Spa Room, Sauna & Steam Room และ Private Onsen แยกชาย-หญิง

โดยการออกแบบยก Main Facilites มาไว้ชั้นบนๆก็เป็นการออกแบบที่นิยมในคอนโด High Rise เพราะทำให้พื้นที่ของส่วนกลางเปิดรับวิวเมืองได้กว้าง อีกทั้งยังหันไปฝั่งด้านหน้าโครงการที่มีวิวเปิดโล่ง ลูกบ้าจึงมาใช้ส่วนกลางและชมวิวเมืองได้เลยนั่นเอง

Image 1/2
ชั้น 36

ชั้น 36

ทางโครงการมีแนวคิดในการออกแบบเป็น Moon Bathing การอาบแสงจันทร์ คล้ายๆกับ Forest Bathing Garden สวนส่วนกลางในชั้น 23 ที่เป็นการรับรู้ธรรรมชาติผ่านประสาทสัมผัส โดยออกแบบเป็น Moon Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 4×30 เมตร ลึก 1.20 เมตร จึงมาว่ายน้ำได้จริงจังตลอดทั้งวัน พร้อม Hydrotherapy และ Body Massage เพื่อมานั่งแช่น้ำผ่อนคลายได้ ส่วนด้านข้างจะมี Kid’s Pool สระว่ายน้ำของเด็ก ขนาด 3×2.30 เมตร ลึก 0.60 เมตร และพื้นที่นั่งริมสระว่ายน้ำด้วย

บริเวณด้านหลังของสระว่ายน้ำจะเป็นฟังก์ชันส่วนกลางสำหรับผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ มีทั้ง Spa Room, Sauna & Steam Room และ Private Onsen แยกชาย-หญิง จึงมานั่งแช่น้ำกันได้สบายตัวเลย

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Moon Pool ตรงชั้น 36 โดยออกแบบหันไปทางฝั่งด้านหน้าโครงการจึงได้วิวแบบเปิดโล่ง รวมถึงเห็นอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิด้วย เราชอบที่ทางโครงการออกแบบมีหลังคาปกคลุมสระว่ายน้ำ ลูกบ้านจึงมาว่ายน้ำได้ตลอดทั้งวัน

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Spa Room ตรงชั้น 36 ทางลูกบ้านสามารถเรียกใช้บริการนวดผ่อนคลายจากด้านนอกได้ ภายในห้องมีการจัดเตรียมเตียงนอนและเก้าอี้นั่งพักผ่อนมาเรียบร้อยเลย

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Private Onsen ตรงชั้น 36 โดยจะอยู่ด้านหลังของ Moon Pool หากว่ายน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มานั่งแช่น้ำใน  Private Onsen ได้

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Private Onsen ตรงชั้น 36 ออกแบบแบ่งฝั่งชาย-หญิง ทำให้ใช้งานได้สะดวกและเป็นส่วนตัว ซึ่งภายในห้องจะออกแบบมีพื้นที่นั่งพักผ่อนและแช่น้ำผ่อนคลาย ด้านข้างมองออกไปเปิดรับวิวด้านนอก ชมวิวได้เพลินๆดี

ชั้น Rooftop

ส่วนกลางชั้นสุดท้ายของโครงการจะอยู่ชั้นบนสุดเลย นั่นก็คือ Crown Garden เป็นพื้นที่สวนสีเขียวให้มานั่งเล่นได้ พร้อม Jogging Track เผื่อลูกบ้านเบื่อการออกกำลังกายใน Fitness ก็เปลี่ยนบรรยากาศมาเดินออกกำลังกายตรงนี้ได้เหมือนกัน ยิ่งมาออกกำลังกายในตอนเช้าก็น่าจะได้อากาศสดชื่นดี

Image 1/2
Rooftop

Rooftop

ลูกบ้านสามารถขึ้นลิฟต์มาใช้งานส่วนกลางบนชั้นนี้ได้เลย ไม่ต้องเดินบันไดขึ้นมาเหมือนโครงการอื่นๆ พอออกลิฟต์มาจะเจอกับ Crown Garden พื้นที่สวนสีเขียวที่มีการปลูกต้นไม้เล็ก-ใหญ่ สร้างบรรยากาศร่มรื่น อีกทั้งยังมี Jogging Track ให้ลูกบ้านมาออกกำลังกายกันได้ด้วย

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Main Facilities ของโครงการ โดยจะออกแบบส่วนกลางส่วนใหญ่อยู่ชั้นสูงๆ เพื่อเปิดรับวิวเมืองได้กว้าง อีกทั้งด้วยตำแหน่งของโครงการสามารถมองเห็นวิวสวยๆของอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ด้วยค่ะ

แปลนชั้นพักอาศัย

Image 1/8
ชั้น 10-15

ชั้น 10-15

ลักษณะการวางผังอาคารจะเป็นรูปตัว L ออกแบบให้มีโถงลิฟต์เยื้องมาทางฝั่งซ้าย ทำให้ห้องทางฝั่งซ้ายอาคารจะมีระยะเดินที่ไกลกว่านิดหน่อย สำหรับลิฟต์โดยสารจะมีทั้งหมด 3 ตัว ซึ่งลูกบ้านสามารถใช้ลิฟต์ได้ทุกตัว แต่ทางโครงการมีกำหนด Pet Lift จำนวน 1 ตัว (แถบสีส้ม) เพื่อความเป็นระเบียบมากขึ้น รวมถึงในกรณีที่ Pet Parent ไม่อยากรบกวนลูกบ้านคนอื่นๆก็สามารถใช้ลิฟต์ตัวนี้ในการขึ้น-ลงไปใช้ส่วนกลางอื่นๆได้นั่นเอง

ส่วนโถงทางเดินจะเป็นแบบ Double load Corridor ที่ออกแบบประตูห้องไม่ชนกัน เพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยมีจำนวนห้องพักอาศัยสูงสุดที่ 17 ยูนิตค่ะ สำหรับชั้น 9-22 เป็นห้อง High Ceiling เพดานสูง 4.50 เมตร ส่วนห้อง Simplex สูง 2.80 เมตร จะอยู่ที่ชั้น 23-34

นอกจากนั้นชั้นพักอาศัย 9, 23, 31 ที่มีพื้นที่ส่วนกลางให้ลูกบ้านมาใช้งานได้ จะมีการกั้นประตูระหว่างห้องพักในฝั่งซ้ายและโถงลิฟต์ (วงกลมสีน้ำเงิน) จึงทำให้ลูกบ้านมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ส่วนลูกบ้านในฝั่งขวาของอาคารจะมีลูกบ้านคนอื่นเดินผ่านหน้าห้อง แต่ก็แลกมากับการใช้งานส่วนกลางได้ง่ายดี

ส่วนชั้น 27 จะออกแบบแตกต่างจากชั้นอื่นๆ มีการกั้นประตูระหว่างห้องพักทั้ง 2 ฝั่งและโถงลิฟต์ (วงกลมสีน้ำเงิน) รวมถึงมีโถงบันไดหนีไฟคั่นระหว่าง Cat Lounge และห้องพักอาศัย (แถบสีแดง) ถือเป็นการออกแบบที่คำนึงเรื่องเสียงรบกวนของสัตว์เลี้ยงไม่ให้ดังไปยังห้องพัก ทำให้ลูกบ้านในชั้นนี้ยังได้ความเป็นส่วนตัวและความสงบในการอยู่อาศัยค่ะ

สำหรับชั้น 37-38 เป็นห้อง MARQUIS Collection ได้แก่ Penthouse และ Duplex รวมทั้งหมด 5 ห้อง จะเป็นห้องพักอาศัยที่อยู่ชั้นบนสุดของโครงการและอยู่ระหว่าง Main Facilities (ชั้น 35-36) และ Rooftop ทำให้นอกจากจะได้วิวมุมสูงแล้ว ยังมาใช้งานส่วนกลางได้ง่าย รวมถึงมีเพื่อนบ้านในชั้นเพียง 3 ยูนิตจึงได้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด

ทางโครงการออกแบบชั้นพักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 9 ขึ้นไป โดยมีระดับจากพื้นถนนสูงขึ้นมา 19 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่พ้นแนวรถไฟฟ้า BTS แล้ว จึงมั่นใจได้ว่าห้องพักที่หันมาทางฝั่งด้านหน้าโครงการจะได้วิวเปิดโล่งนั่นเอง

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1
    – The Terrarium Hall
    – Dune Lounge
    – Pet Lounge
    – Waiting Area
    – Juristic Office
    – Queen Court
    – Pet Park
    – Pet Jogging Track ระยะ 100 เมตร
    – Grab & Go
  • ชั้น 9
    – Meditation Garden
  • ชั้น 23
    – Forest Bathing Garden
  • ชั้น 27
    – Cat Lounge
    – Cat Garden
  • ชั้น 31
    – Scent Garden
  • ชั้น 35
    – Co-Working Lounge
    – Working Pod
    – Meeting Room
    – Vitality Gym
    – Private Studio
    – Dog Lounge
    – Dog Garden
  • ชั้น 36
    – Moon Pool with Hydrotherapy and Body Massage ขนาด 4×30 เมตร ลึก 1.20 เมตร
    – Kid’s Pool ขนาด 3×2.30 เมตร ลึก 0.60 เมตร
    – Spa Room
    – Sauna & Steam Room
    – Private Onsen แยกชาย-หญิง
  • Rooftop
    – Crown Garden
    – Jogging Track
  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร (ลูกบ้านสามารถใช้ลิฟต์ได้ทุกตัว แต่ทางโครงการมีกำหนด Pet Lift จำนวน 1 ตัว เพื่อความเป็นระเบียบมากขึ้น)
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 127 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 70%
  • EV Charger
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ
    – รูปแบบประตูทางเข้า-ออกโครงการ (รถยนต์) : รั้วอะลูมิเนียมรางเลื่อน
    – รูปแบบประตูทางเข้า-ออกโครงการ (Pedestrian Entrance) : ประตูอะลูมิเนียม
    – ระบบในการเข้า-ออก (รถยนต์) : License Plate Recognition System (ระบบจดจำทะเบียนรถผู้พักอาศัย)
    – ระบบในการเข้า-ออก (Pedestrian Entrance) : Face Scan
    – ระบบในการเข้า-ออก (เดินเข้าออก ขึ้นลงอาคาร) : Face Scan / Keycard Access
    – CCTV ส่วนกลาง
    – เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
    – รั้วทึบรอบโครงการ

แบบห้อง

Highlight

  • เน้นห้อง High Ceiling เพดานสูง 4.50 เมตร ทำให้ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน มีความโปร่งสบาย และได้วิวเมืองมุมสูง
  • แบบห้องเยอะถึง 8 แบบ อยู่ได้ทั้งคนเดียวไปถึงครอบครัวขนาดเล็ก มีทั้ง Simplex, High Ceiling, Duplex และ Penthouse
  • เน้นเรื่อง Wellness เลือกใช้วัสดุที่คำนึงถึงสุขภาพที่ดีต่อคนและสัตว์เลี้ยง มีคุณสมบัติทนรอยขีดข่วน-ความชื้นและการใช้ Non-Toxic Material ยับยั้งแบคทีเรียและเชื้อรา, ปลอดภัยจากสารก่อมะเร็ง กลิ่นและสารระเหยที่เป็นพิษ ได้คุณภาพอากาศดี
  • ห้องนอนตรงชั้นลอย กั้นกระจกมาให้เรียบร้อย ทำให้ได้ความเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัวมากขึ้น

MARQUIS Phayathai (มาร์ควิส พญาไท) มีรูปแบบห้องพักอาศัยตั้งแต่ 1 Bedroom ไปจนถึง Penthouse ทำให้สามารถอยู่อาศัยทั้งคนเดียว คู่รักหรือครอบครัวขนาดเล็กได้สบายๆ โดยเน้นห้อง High Ceiling เพดานสูง 4.50 เมตร ทำให้ได้บรรยากาศภายในห้องที่โปร่งสบาย ไม่อึดอัด แบ่งพื้นที่ใช้งานเป็นชั้นล่างและชั้นลอย อยู่ตั้งแต่ชั้น 9-22 ส่วนห้อง Simplex จะอยู่ตั้งแต่ชั้น 23-34 เปิดรับวิวมุมสูงค่ะ

ข้อดีสำหรับห้องเพดานสูง คือ พื้นที่ชั้นลอยจะถือเป็นแค่ส่วนเฟอร์นิเจอร์ ไม่ได้คิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างและไม่ได้นับเป็นพื้นที่โฉนด ทำให้เวลาจ่ายค่าส่วนกลางจะจ่ายเฉพาะพื้นที่ชั้นล่างตามโฉนดเท่านั้น ทำให้เหมือนเราได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น แต่จ่ายค่าส่วนกลางถูกกว่านั่นเอง

นอกจากนั้นทางโครงการได้กั้นผนังกระจกตรงชั้นลอยมาให้เรียบร้อย แตกต่างจากโครงการอื่นๆที่มักจะทำเป็นเพียงราวกันตกกระจก ลูกบ้านจึงได้พื้นที่ภายในห้องเป็นสัดส่วนมากขึ้น ส่วนตัวห้องก็ตกแต่งแบบ Fully Fitted+เฟอร์นิเจอร์ Built-in อีกทั้งยังเน้นเรื่อง Wellness ออกแบบและเลือกใช้วัสดุภายในห้องที่ดีต่อสุขภาพทั้งคนและสัตว์เลี้ยงทั้งพื้น สีทาผนังและเฟอร์นิเจอร์

วัสดุภายในห้อง
– พื้นห้อง : Hybrid Engineering Wood ทนรอยขีดข่วน-ความชื้นและเป็น Non-Toxic Material (Low Formaldehyde & VOCs หรือ Volatile Organic Compounds ปลอดภัยจากสารก่อมะเร็ง กลิ่นและสารระเหยที่เป็นพิษ)
– Built-in ตู้รองเท้าและตู้เสื้อผ้า : วัสดุตู้เป็นเมลามีน พร้อมหน้าบานลามิเนต
– พื้นระเบียง : กระเบื้อง ขนาด 60×60 เซนติเมตร
– พื้นบริเวณ Condensing Unit : คอนกรีตขัดเรียบ
– ผนังห้องฉาบเรียบทาสีขาว จาก TOA รุ่น Supershield Duraclean (Non-Toxic Material : ช่วยยับยั้งแบคทีเรียและเชื้อรา, Low VOCs ปลอดภัยจากกลิ่นและสารระเหยที่เป็นพิษ)
– ไฟดาวน์ไลท์ รองรับระบบ Smart Home เปิด-ปิดผ่าน Application
– สวิตช์-ปลั๊ก จาก BTicino และ Legrand
– วัสดุกระจก : กระจก Laminated (เฉพาะบริเวณห้องนอนเป็น Insulated Glass หรือ IGU ช่วยลดเสียงรบกวน แสง-ความร้อนเข้ามาภายในห้อง)
– เครื่องปรับอากาศ มีฟิลเตอร์กรองฝุ่น PM2.5 ได้แก่ Cassette Type (บริเวณ Common Area) และ Wall Type (บริเวณห้องนอนและพื้นที่อเนกประสงค์) โดยจำนวนชิ้นขึ้นอยู่กับแบบห้อง

วัสดุห้องครัว
– พื้นครัว : กระเบื้อง ขนาด 60×60 เซนติเมตร (เฉพาะห้องครัวแบบปิด กระเบื้อง ขนาด 60×120 เซนติเมตร)
– Built-in เคาน์เตอร์ครัว พร้อมตู้เก็บของเมลามีนทั้งบน-ล่าง หน้าบานเป็นลามิเนต มีติดตั้งไฟแบบ Strip Light และถังขยะแบบ Built-in มาให้
– Top Counter : หินควอตซ์ (Quartz)
– Backsplash : กระจก
– อ่างล้างจาน, Hob และ Hood จาก TEKA

วัสดุห้องน้ำ
– พื้นห้องน้ำ : กระเบื้อง ขนาด 60×60 เซนติเมตร
– ผนังห้องน้ำ : กระเบื้อง ขนาด 5×20 เซนติเมตร และ ขนาด 60×60 เซนติเมตร
– ก๊อกน้ำ, อ่างล้างมือ, โถสุขภัณฑ์ และ Hand-Rain Shower จาก KOHLER (ห้องเพดานสูง ได้ฝารองนั่งแบบ Washlet+Rain Shower เฉพาะห้องน้ำ 1 / ห้อง Simplex ได้โถสุขภัณฑ์ Washlet+Rain Shower เฉพาะ Master Bathroom / Duplex และ Penthouse ได้อ่างล้างมือแบบ His & Her+โถสุขภัณฑ์ Washlet+Rain Shower เฉพาะ Master Bathroom)
– อ่างอาบน้ำ จาก KASCH (เฉพาะ Master Bathroom ของ Penthouse)
– ฉากกั้นกระจกอาบน้ำ จาก MOTIV

Home Automation
– Digital Door Lock จาก LiftSmart รองรับ 5 ระบบ ได้แก่ Keycard, Password, Finger Scan, กุญแจ และ Wireless Access ผ่านแอปพลิเคชัน
– Nature Mini Pro หน้าจอแสดงการทำงานของระบบ Smart Home
– Spot Mini : IR Appliance Control ระบบควบคุการทำงานของเครื่องปรับอากาศและทีวี ผ่าน Application
– Smart Switch : ระบบควบคุม เปิด-ปิดไฟผ่าน Application

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

วันนี้เราได้เก็บภาพบรรยากาศของ 1 Bedroom Plus แบบ High Ceiling พื้นที่ใช้สอย 34.25-34.75 ตร.ม. (พื้นที่รวมชั้นลอยเป็น 52.75-53.25 ตร.ม.) และ 2 Bedroom แบบ Simplex พื้นที่ใช้สอย 73.50 ตร.ม.


ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom Plus แบบ High Ceiling พื้นที่ใช้สอย 34.25-34.75 ตร.ม.+พื้นที่ชั้นลอย 18.50 ตร.ม. (พื้นที่รวมชั้นลอยเป็น 52.75-53.25 ตร.ม.)

ทางโครงการออกแบบเน้นห้อง High Ceiling สูง 4.50 เมตร ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของโครงการ เพราะทำให้ได้บรรยากาศภายในห้องแบบโปร่งโล่งและแบ่งพื้นที่ใช้งานได้เป็นสัดส่วนดี

ห้องตัวอย่างที่เราพาไปชมเป็น 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 34.25-34.75 ตร.ม.+พื้นที่ชั้นลอย 18.50 ตร.ม. (พื้นที่รวมชั้นลอยเป็น 52.75-53.25 ตร.ม.) มีตำแหน่งอยู่ฝั่งซ้ายของอาคาร จึงมีระยะเดินมาขึ้น-ลงลิฟต์ได้ง่าย สำหรับชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกลางให้ลูกบ้านมาใช้งาน ทางโครงการออกแบบมีประตูกั้นระหว่างโถงลิฟต์กับห้องพักทางฝั่งซ้าย จึงทำให้ห้องพักในฝั่งนี้มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า นอกจากนั้นยังมีตำแหน่งห้องที่ติดกับเพื่อนบ้านด้านเดียวให้เลือกจึงได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยเราได้สรุปจุดเด่นของห้องนี้มาให้ดังนี้

  • ห้องเพดานสูง Double Volume เพิ่มบรรยากาศโปร่งโล่ง เปิดรับแสง-วิวได้กว้าง
  • พื้นที่นั่งเล่น+พื้นที่รับประทานอาหาร+พื้นที่อเนกประสงค์เชื่อมต่อกัน ทำให้ใช้งานได้ต่อเนื่องกันดี
  • พื้นที่อเนกประสงค์ ทำเป็นห้องทำงานหรือห้องนอนอีกห้องได้
  • ห้องน้ำ แบ่งเป็นสัดส่วนทั้งอ่างล้างมือ สุขภัณฑ์และพื้นที่อาบน้ำ
  • ระเบียง ออกแบบแบ่งพื้นที่บางส่วนสำหรับแขวน Condensing Unit ไว้ด้านบนและตั้งเครื่องซักผ้าโดยเฉพาะ
  • ห้องนอนอยู่ตรงชั้นลอย ติดหน้าต่าง ทำให้ได้ความเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัวมากขึ้น เปิดรับแสงได้ดี

ประตูห้องจะติดตั้ง Digital Door Lock จาก LiftSmart รองรับการใช้งานได้ถึง 5 ระบบ ได้แก่ Keycard, Password, Finger Scan, กุญแจ และ Wireless Access ผ่านแอปพลิเคชัน ทำให้เราสามารถใช้งานได้ง่ายดี ไม่ต้องพกกุญแจหรือ Keycard ให้วุ่นวายค่ะ นอกจากนั้นระบบล็อกก็มีหลายชั้น ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการอยู่อาศัย

อย่างที่เราได้เกริ่นไปนะคะว่าทางโครงการออกแบบเน้นห้อง High Ceiling สูง 4.50 เมตร โดยได้พื้นที่ Double Volume ตั้งแต่ก้าวเข้าห้อง ประกอบกับมองตรงไปจะเจอกับหน้าต่างขนาดใหญ่สูงตั้งแต่พื้นถึงฝ้าเพดาน จึงทำให้ได้บรรยากาศโปร่งโล่ง ไม่รู้สึกอึดอัด

ทางโครงการออกแบบและเลือกใช้วัสดุที่ดีต่อสุขภาพทั้งคนและสัตว์เลี้ยงอย่างวัสดุปูพื้นเป็น Hybrid Engineering Wood มีคุณสมบัติทนรอยขีดข่วน-ความชื้นจากสัตว์เลี้ยง ทำให้ Pet-Parent ไม่ต้องกังวลเรื่องการดูแลรักษา รวมถึงยังช่วยซับแรงกระแทก ถนอมข้อต่อน้องๆเวลาวิ่งเล่นในห้อง อีกทั้งยังเป็น Non-Toxic Material ที่มี Low Formaldehyde และ Low VOCs (Volatile Organic Compounds) ปลอดภัยจากสารก่อมะเร็ง กลิ่นและสารระเหยที่เป็นพิษ

ส่วนผนังห้องฉาบเรียบทาสีขาว จาก TOA รุ่น Supershield Duraclean ที่เป็น Non-Toxic Material ช่วยยับยั้งแบคทีเรียและเชื้อรา และ Low VOCs ปลอดภัยจากกลิ่นและสารระเหยเป็นพิษ ทำให้ได้คุณภาพอากาศภายในห้องดี ไม่มีกลิ่นสารระเหยจากสีทาบ้าน สำหรับไฟเป็นแบบดาวน์ไลท์ รองรับระบบ Smart Home เปิด-ปิดผ่าน Application และวัสดุกระจกภายในห้องจะเป็นกระจก Laminated ทำให้เวลาเกิดการแตกจะไม่ร่วงลงมา เพราะมีฟิล์มยึดกระจก 2 แผ่นเข้าด้วยกัน ทำให้มีความปลอดภัยนั่นเอง

เมื่อเราเข้าห้องมาจะเจอกับพื้นที่ครัวอยู่โซนด้านหน้าห้องและมีบันไดเดินขึ้นไปชั้นลอย ส่วนพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่อเนกประสงค์จะอยู่ด้านในห้อง

เราชอบที่ออกแบบพื้นที่ครัวและบันไดอยู่บริเวณด้านหน้าห้อง เพราะทำหน้าที่เป็น Buffer Zone ช่วยกันเสียงดังจากโถงทางเดินไม่ให้ไปรบกวนโซนพักผ่อนที่อยู่ด้านใน รวมถึงทำให้โซนพักผ่อนทั้งพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่อเนกประสงค์ เปิดรับแสงธรรมชาติและวิวได้กว้าง สร้างบรรยากาศผ่อนคลายภายในห้องได้ดีเลยค่ะ

พื้นที่ครัวมีขนาด 1.90×2.55 เมตร อยู่ใกล้ๆกับบันไดขึ้นไปชั้นลอย โดยออกแบบเป็นครัวเปิดเหมาะเตรียมอาหารง่ายๆ ไม่ได้ทำอาหารจริงจังมากนัก มีพื้นที่เดินผ่านเข้า-ออกห้องกว้าง 1.30 เมตร

หากใครที่ต้องการกั้นห้องเป็นครัวปิดก็สามารถทำได้ เพราะห้องนอนตรงชั้นลอยได้กั้นด้วยผนังกระจกปิดเป็นห้องมาให้แล้ว แต่กลิ่นหรือควันอาหารอาจจะติดอยู่กับตัวบันไดแทน เราจึงต้องคอยเช็ดทำความสะอาดบ่อยๆนะคะ

ทางโครงการได้ตกแต่งห้องแบบ Fully Fitted + Built-in เฟอร์นิเจอร์มาให้บางส่วน โดยตู้วางรองเท้าและเคาน์เตอร์ครัวนี้เป็นส่วนที่ทางโครงการ Built-in มาให้ใช้งานได้สะดวกดี

พอเราเข้าห้องมาก็จะเจอกับตู้วางรองเท้าแบบ Built-in อยู่ด้านข้างประตูห้อง ทำให้เราถอดเก็บรองเท้าได้สะดวก นอกจากนั้นเราชอบที่ออกแบบมีเว้นช่องสำหรับวางของกระจุกกระจิกที่ใช้บ่อยๆได้ รวมถึงมีที่แขวนกุญแจมาให้เรียบร้อยเลย

สำหรับตู้รองเท้านี้จะได้หน้าตาเหมือนในภาพด้านบน มีวัสดุของตู้เป็นเมลามีน พร้อมหน้าบานลามิเนตที่ทนต่อรอยขีดข่วนและความชื้นจากสัตว์เลี้ยงค่ะ

Image 1/4
เคาน์เตอร์ครัวแบบ Built-in

เคาน์เตอร์ครัวแบบ Built-in

ทางโครงการได้ Built-in เคาน์เตอร์ครัว Top ด้วยหินควอตซ์ มีความทนทานและการเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย พร้อมตู้เก็บของเมลามีนทั้งบน-ล่าง สามารถเก็บเครื่องปรุงและอุปกรณ์ทำอาหารต่างๆ ส่วนหน้าบานตู้เป็นลามิเนต มีคุณสมบัติทนต่อรอยขีดข่วนและความชื้น แต่ทางโครงการได้เปลี่ยนบานตู้เก็บของด้านบนเป็นกระจกให้เป็นไอเดียนำไปปรับใช้กันได้ อีกทั้งมีติดตั้งไฟแบบ Strip Light มาให้ด้วย

พื้นที่บนเคาน์เตอร์กว้าง ทำให้เตรียมอาหารได้สะดวก พร้อมติดตั้งอ่างล้างจาน, Hob และ Hood จาก TEKA มาเรียบร้อย นอกจากนั้นยังติดตั้ง Backsplash เป็นกระจกบริเวณผนังด้านหลังเคาน์เตอร์ ทำให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายและผนังไม่เป็นคราบจากการทำอาหาร รวมถึงมีถังขยะแบบ Built-in ใต้เคาน์เตอร์ เพื่อทิ้งเศษอาหารมาให้ด้วย

สำหรับหัวก๊อกของอ่างล้างจานเป็นแบบ Pull Out สามารถดึงออกมาใช้ล้างทำความสะอาดได้สะดวก ส่วน Hood ไม่ได้เป็นระบบหมุนเวียนที่ดูดควันไปปล่อยนอกอาคาร ทำให้พอใช้ไปนานๆอย่าลืมเปลี่ยนไส้กรองกันด้วยนะคะ จะได้สามารถดูดซับกลิ่นและควันได้อย่างเต็มที่

Image 1/2
Common Area

Common Area

Common Area เชื่อมพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่อเนกประสงค์เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณ 5.10×5.50 เมตร อีกทั้งยังคงออกแบบเป็น Double Volume ต่อเนื่องมาจากพื้นที่ครัว ทำให้ได้พื้นที่แบบโปร่งโล่ง มีบานหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ ดึงแสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะ อีกทั้งเปิดรับวิวได้กว้าง นอกจากนั้นยังได้ความเป็นส่วนตัวสูง เพราะยกห้องนอนไปตรงชั้นลอย ทำให้เราใช้พื้นที่ชั้นล่างสำหรับต้อนรับแขกได้โดยไม่รบกวนพื้นที่นอนหลับพักผ่อนแบบส่วนตัวนั่นเอง

ทางโครงการได้ติดตั้ง Home Automation มาให้ด้วย ได้แก่ Nature Mini Pro หน้าจอแสดงการทำงานของระบบ Smart Home, Spot Mini เป็น IR Appliance Control ระบบควบคุมการทำงานของเครื่องปรับอากาศและทีวี ผ่าน Application รวมถึง Smart Switch ระบบควบคุม เปิด-ปิดไฟผ่าน Application โดยสวิตช์และปลั๊กเลือกใช้จาก BTicino และ Legrand

Image 1/2
เครื่องปรับอากาศ

เครื่องปรับอากาศ

สำหรับเครื่องปรับอากาศจะมีฟิลเตอร์กรองฝุ่น PM2.5 เพื่อให้ลูกบ้านได้อากาศบริสุทธิ์ภายในห้อง นอกจากนั้นยังช่วยกรองกลิ่นของสัตว์เลี้ยงได้ด้วย โดยบริเวณ Common Area จะติดตั้งเป็น Cassette Type ส่วนบริเวณห้องนอนและพื้นที่อเนกประสงค์จะติดตั้งแบบ Wall Type ซึ่งจำนวนชิ้นจะขึ้นอยู่กับแบบห้องนะคะ

Image 1/2
พื้นที่นั่งเล่น

พื้นที่นั่งเล่น

เราสามารถตกแต่งพื้นที่นั่งเล่นเหมือนห้องตัวอย่างได้เลย ทั้งวางโซฟา 2-3 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง ชั้นวางทีวีและทีวี มีพื้นที่เดินผ่านไปยังระเบียงที่อยู่ติดกับพื้นที่นั่งเล่น นอกจากนั้นยังเปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะ ทำให้ได้บรรยากาศโปร่งสบายภายในห้อง

ระเบียงจะอยู่ติดกับพื้นที่นั่งเล่น กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน โดยระเบียงมีขนาดประมาณ 1.30×1.55 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้อง ขนาด 60×60 เซนติเมตร ทำให้สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย นอกจากนั้นเราสามารถทำเป็นมุมปลูกต้นไม้ เป็นวิวสีเขียวให้กับพื้นที่นั่งเล่น รวมถึงจัดเป็นมุมนั่งเล่นแบบ Semi Outdoor หรือพื้นที่ของสัตว์เลี้ยงก็ดีเหมือนกัน ตัวราวกันตกก็เป็นกระจก ไม่ใช่ราวระแนง จึงไม่ต้องกลัวน้องๆมุดลอดระแนงและเกิดอันตรายค่ะ

อีกฝั่งของระเบียงจะมีการกั้นแบ่งพื้นที่ Service ขนาด 0.90×1.25 เมตร พื้นเป็นคอนกรีตขัดเรียบ ออกแบบเป็นประตูระแนงที่ได้ความเป็นสัดส่วนดีและสามารถระบายความร้อนจาก Condensing Unit ได้ โดยทางโครงการจะแขวน Condensing Unit อยู่ด้านบน มีพื้นที่ด้านล่างใช้เป็นพื้นที่ตั้งเครื่องซักผ้า-อบผ้าหรือตั้งราวตากผ้าได้

เราชอบที่ทางโครงการมีการกั้นแบ่งพื้นที่สำหรับ Service แยกเป็นสัดส่วน นอกจากช่างมาบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมได้สะดวกแล้ว เราสามารถใช้งานพื้นที่ระเบียงได้มีประโยชน์มากขึ้น ทำเป็นมุมนั่งเล่น-ปลูกต้นไม้ได้สบาย แตกต่างจากโครงการอื่นๆที่พอเราตั้งเครื่องซักผ้าตรงระเบียงก็แทบไม่เหลือพื้นที่ให้ใช้งานอย่างอื่นได้แล้ว

ต่อมาเราพาไปดูพื้นที่อเนกประสงค์และห้องน้ำที่อยู่ด้านหลังพื้นที่นั่งเล่นกันค่ะ โดยพื้นที่บริเวณนี้จะมีความสูงอยู่ที่ 2.10 เมตรนะคะ แต่ได้ช่องแสงขนาดใหญ่ตรงด้านข้าง ทำให้ได้บรรยากาศที่ไม่รู้สึกอึดอัดนะ

Image 1/3
พื้นที่อเนกประสงค์

พื้นที่อเนกประสงค์

พื้นที่อเนกประสงค์ มีขนาดประมาณ 2.90×3.80 เมตร ซึ่งทางห้องตัวอย่างได้จัดเป็นพื้นที่นั่งทำงาน พร้อม Built-in ชั้นวางของอยู่ด้านหลัง เก็บของและเอกสารต่างๆได้เยอะ

หากใครที่ต้องการพื้นที่เป็นสัดส่วนก็สามารถกั้นผนังทำเป็นห้องปิดได้ค่ะ เราจึงสามารถใช้เป็นห้องนอนอีกห้องได้เลย ไม่ต้องกังวลว่าจะรู้สึกอึดอัด เพราะมีหน้าต่างขนาดใหญ่อยู่ด้านข้าง เปิดรับแสงและวิวได้กว้าง นอกจากนั้นยังอยู่ใกล้ห้องน้ำ จึงมาใช้งานได้สะดวกด้วย

Image 1/4
ห้องน้ำ

ห้องน้ำ

ห้องน้ำจะอยู่ถัดจากพื้นที่อเนกประสงค์ มีขนาดห้องอยู่ที่ 1.50×2.70 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้อง ขนาด 60×60 เซนติเมตร ส่วนผนังห้องน้ำเป็นกระเบื้อง ขนาด 5×20 เซนติเมตร และ ขนาด 60×60 เซนติเมตร

ภายในห้องน้ำก็มีแยกพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งมาให้ชัดเจน สุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งก๊อกน้ำ, อ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์เลือกใช้จาก KOHLER โดยจำนวนชิ้น ดีไซน์และรูปแบบของสุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะขึ้นอยู่กับแบบห้องนะคะ เราชอบที่ออกแบบมี Low Wall ก่อกำแพงด้านหลังเคาน์เตอร์อ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์มาให้ ช่วยเพิ่มพื้นที่วางของตกแต่งและอุปกรณ์ของใช้ในห้องน้ำได้เยอะ

สำหรับเคาน์เตอร์อ่างล้างมือจะมีช่องเก็บของด้านล่าง ส่วนบานกระจกจะได้ขนาดความกว้างเท่ากับตัวเคาน์เตอร์ แต่เราสามารถติดกระจกมาเต็มผนังเหมือนห้องตัวอย่างได้เหมือนกัน ส่วนโถสุขภัณฑ์จะมีฝารองนั่งแบบ Washlet มาให้ใช้งานได้สะดวก ด้วยตำแหน่งของห้องน้ำที่อยู่ตรงกลางห้องจึงใช้พัดลมดูดอากาศ ช่วยระบายกลิ่นและความชื้นภายในห้องน้ำค่ะ

Image 1/3
พื้นที่อาบน้ำ

พื้นที่อาบน้ำ

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.90×1.05 เมตร ออกแบบมีพื้นลดระดับต่ำกว่าส่วนอื่น โดยจะออกแบบเป็นทางลาดเล็กๆ ทำให้เดินเข้า-ออกพื้นที่อาบน้ำได้ไม่สะดุด พร้อมติดตั้ง Hand-Rain Shower จาก KOHLER และเจาะช่องตรงผนังด้านข้าง เพื่อวางอุปกรณ์อาบน้ำและหยิบใช้งานได้สะดวก อีกทั้งมีฉากกั้นกระจกอาบน้ำจาก MOTIV มาให้เรียบร้อย ทำให้เวลาอาบน้ำไม่ต้องกังวลว่าน้ำจะกระเด็นไปเลอะบริเวณอื่นค่ะ

ต่อมาเราจะพาเดินขึ้นไปห้องนอนที่ชั้นลอยกัน โดยมีความกว้างบันไดประมาณ 0.90 เมตร เดินขึ้น-ลงได้ง่ายดี ปิดผิวบันไดด้วยลายไม้เหมือนพื้นห้อง พร้อมราวบันไดเป็นกระจก มือจับเป็นไม้สำเร็จรูปทำสีเหมือนตัวบันได

นอกจากนั้นมีออกแบบห้องเก็บของใต้บันได มีขนาดประมาณ 0.50×0.85 เมตร สามารถใช้เก็บพวกของชิ้นใหญ่ๆอย่างกระเป๋าเดินทางได้ สำหรับใครที่ต้องเดินทางบ่อยๆนั่นเอง ตามแบบห้องมาตรฐานจะออกแบบมีผนังกั้นตรงด้านหลังกระเป๋าลงมาอีกนะคะ ไม่ได้มีช่องลึกเข้าไปใต้บันไดค่ะ

เมื่อเดินขึ้นมายังชั้นลอยจะเจอกับพื้นที่ว่างด้านหน้าห้องนอน ขนาดประมาณ 1.10×1.20 เมตร เราชอบที่มีพื้นที่ให้ยืนพักก่อนเปิดประตูห้องนอนนะ เพราะโครงการส่วนใหญ่ที่มีการกั้นเป็นห้องตรงชั้นลอย จะมีแนวประตูเสมอกับบันไดขั้นสุดท้ายพอดี ทำให้เปิดประตูมาก็เจอบันไดเลย อย่างเราจะแอบกลัวตกบันไดอยู่เหมือนกัน พอทางโครงการออกแบบมีพื้นที่ยืนพักตรงนี้ก็ได้ความรู้สึกปลอดภัยดี รวมถึงใช้เป็นมุมสัตว์เลี้ยงได้ด้วย

Image 1/2
ห้องนอนตรงชั้นลอย

ห้องนอนตรงชั้นลอย

พื้นที่ชั้นลอยออกแบบมาเป็นห้องนอน มีขนาดประมาณ 2.60×3.80 เมตร และสูงประมาณ 2.10 เมตร ส่วนพื้นปูเป็น Hybrid Engineering Wood เหมือนกับชั้นล่าง ทนทั้งรอยขีดข่วนและความชื้น เราจึงพาน้องๆสัตว์เลี้ยงมานอนหรือวิ่งเล่นในห้องได้ค่ะ

สำหรับห้องนี้ออกแบบพื้นที่ชั้นลอยติดกับหน้าต่างห้อง แตกต่างจากโครงการส่วนใหญ่ที่ออกแบบส่วนของชั้นลอยอยู่ห่างจากหน้าต่าง จึงได้ไม่ได้วิวด้านนอกและดึงแสงเข้ามาได้ไม่มากนัก ทำให้ห้องนี้จึงเปิดรับแสงธรรมชาติและวิวได้เต็มที่ รวมถึงหน้าต่างบริเวณห้องนอนนี้จะเลือกใช้เป็น Insulated Glass หรือ IGU ช่วยลดเสียงรบกวน แสง-ความร้อนเข้ามาภายในห้อง ทำให้นอนหลับพักผ่อนได้สบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อนเลยค่ะ ส่วนการตกแต่งห้องก็จัดวางเฟอร์นิเจอร์ต่างๆเหมือนห้องตัวอย่างได้เลย วางเตียง 5-6 ฟุตได้สบาย มีพื้นที่เดินรอบเตียงกว้าง

นอกจากนั้นตรงริมหน้าต่างของห้องนอนนี้ก็มีพื้นที่ให้ตั้งโซฟา ทำเป็นมุมนั่งเล่น-อ่านหนังสือก่อนนอนได้สบายๆเลยค่ะ มีหน้าต่างเปิดระบายอากาศได้ด้วย

บริเวณด้านข้างของเตียงนอนจะมีพื้นที่ Walk-in Closet ขนาด 1.45×2.80 เมตร ซึ่งทางโครงการได้ Built-in ตู้เสื้อผ้า มีวัสดุเหมือนเคาน์เตอร์ครัวเลย โดยตัวตู้เป็นเมลามีน พร้อมหน้าบานลามิเนต ทนรอยขีดข่วนและความชื้นจากสัตว์เลี้ยง ภายในตู้มีราวแขวนและลิ้นชักเก็บเสื้อผ้าได้เป็นระเบียบ พร้อมติดตั้งไฟแบบ Strip Light มาเรียบร้อย

อย่างที่เราได้บอกไปนะคะว่าทางโครงการกั้นผนังกระจกตรงบริเวณชั้นลอยมาให้เรียบร้อยเลย แตกต่างจากโครงการอื่นๆที่มักจะทำเป็นราวกันตกแบบกระจก ซึ่งพอทางโครงการกั้นกระจกมาให้แล้ว มีข้อดีคือได้พื้นที่เป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัว, ประหยัดไฟ เพราะความเย็นจากแอร์ตรงชั้นลอยไม่ไหลลงไปด้านล่างและช่วยประหยัดเงินในการกั้นกระจกห้อง เพราะทางโครงการติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้วนั่นเอง


ห้องตัวอย่าง 2 Bedroom แบบ Simplex พื้นที่ใช้สอย 73.50 ตร.ม.

เราพามาดูห้องตัวอย่างอีกห้องจะเป็น 2 Bedroom แบบ Simplex พื้นที่ใช้สอย 73.50 ตร.ม. เป็นห้องหน้ากว้าง หันไปทางฝั่งด้านหน้าโครงการที่ได้วิวเปิดโล่ง มีตำแหน่งอยู่ฝั่งด้านซ้ายของอาคารจึงเดินมายังลิฟต์ได้ง่ายและในชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกลางจะมีประตูกั้นอีกชั้น จึงได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น สำหรับจุดเด่นของห้องนี้มีดังนี้

  • Common Area ขนาดใหญ่ เชื่อมพื้นที่นั่งเล่น รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งทำงาน
  • ห้องครัวแบบปิด ทำอาหารได้จริงจัง ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่น-ควันอาหาร
  • ห้องน้ำ 2 ห้อง มีห้องน้ำส่วนกลางและ Master Bathroom ใช้งานสะดวก
  • ระเบียงยาว ทำมุมนั่งเล่น ปลูกต้นไม้ได้ มีกั้นแบ่งโซน Service โดยเฉพาะ
  • ห้องนอนขนาดใหญ่ วางเตียง 5-6 ฟุตได้สบาย

Image 1/3
Common Area

Common Area

ประตูห้องทุกยูนิตติดตั้ง Digital Door Lock จาก LiftSmart รองรับ 5 ระบบ ได้แก่ Keycard, Password, Finger Scan, กุญแจ และ Wireless Access ผ่านแอปพลิเคชัน โดยมีตู้วางรองเท้าแบบ Built-in อยู่ด้านข้างประตู มีวัสดุของตู้เป็นเมลามีน พร้อมหน้าบานลามิเนต มีหน้าตาเหมือนห้องก่อนหน้านี้เลยค่ะ

เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ 4.65×5.00 เมตร ออกแบบเป็น Open Plan เชื่อมพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งทำงาน มีข้อดีที่นอกจากจะได้บรรยากาศโปร่งโล่งแล้ว ยังใช้งานได้ต่อเนื่องกันดี ส่วนความสูงของห้องจะอยู่ที่ 2.80 เมตร ถึงแม้จะมีความสูงมากกว่าของคอนโดทั่วไป (ความสูง 2.40 เมตร) แต่ถือเป็นความสูงของห้องคอนโดระดับนี้นะ จึงได้บรรยากาศภายในห้องที่โปร่งสบายค่ะ

การออกแบบและเลือกใช้วัสดุภายในห้องก็เน้นเรื่อง Wellness ดีต่อสุขภาพทั้งคนและสัตว์เลี้ยง โดยปูพื้นเป็น Hybrid Engineering Wood ทนรอยขีดข่วน ความชื้นและถนอมข้อต่อของสัตว์เลี้ยง ส่วนผนังห้องฉาบเรียบทาสีขาว จาก TOA รุ่น Supershield Duraclean ซึ่งทั้งพื้นและสีทาผนังเป็นแบบ Low Formaldehyde และ VOCs จึงปลอดภัยจากสารก่อมะเร็ง ช่วยยับยั้งแบคทีเรีย-เชื้อราและไม่มีกลิ่นสารระเหยจากสีทาบ้าน สำหรับไฟเป็นแบบดาวน์ไลท์ รองรับระบบ Smart Home เปิด-ปิดผ่าน Application ส่วนกระจกห้องจะเป็นกระจก Laminated มีความปลอดภัยเวลาเกิดการแตก

Image 1/5
ห้องครัว

ห้องครัว

ห้องครัวของห้องนี้จะได้เป็นครัวแบบปิด ทำอาหารได้จริงจัง กั้นด้วยประตูกระจก 3 ตอน เปิด-ปิดได้กว้าง ป้องกันไม่ให้กลิ่น-ควันอาหารลอยเข้าไปติดเฟอร์นิเจอร์ด้านในห้อง โดยห้องครัวนี้มีขนาดประมาณ 2.25×3.00 เมตร ปูพื้นกระเบื้อง ขนาด 60×120 เซนติเมตร สามารถทำความสะอาดได้ง่าย

ทางโครงการได้ Built-in เคาน์เตอร์ครัวตัว L มี Top เป็นหินควอตซ์ที่มีความทนทาน พร้อมตู้เก็บของเมลามีนทั้งบน-ล่าง ส่วนหน้าบานตู้เป็นลามิเนต ทนต่อรอยขีดข่วนและความชื้น แต่ทางโครงการได้เปลี่ยนบานตู้เก็บของด้านบนเป็นกระจกให้เป็นไอเดียนำไปปรับใช้กันได้ อีกทั้งมีติดตั้งไฟแบบ Strip Light มาให้ บริเวณด้านข้างห้องมีเว้นพื้นที่สำหรับตั้งตู้ย็นด้วย

พื้นที่บนเคาน์เตอร์กว้างและติดตั้งอ่างล้างจาน, Hob และ Hood จาก TEKA  รวมถึงมี Backsplash เป็นกระจกสามารถทำความสะอาดได้ง่ายและถังขยะแบบ Built-in มาให้เรียบร้อย นอกจากนั้นหัวก๊อกของอ่างล้างจานเป็นแบบ Pull Out ใช้งานสะดวก ส่วน Hood ไม่ได้เป็นระบบหมุนเวียนที่ดูดควันไปปล่อยนอกอาคาร จึงต้องมีการเปลี่ยนไส้กรองด้วยนะคะ

Image 1/2
พื้นที่นั่งเล่น

พื้นที่นั่งเล่น

พื้นที่นั่งเล่นจะอยู่ติดริมระเบียง จึงได้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้เยอะ ทำให้ภายในห้องดูสว่าง โดยเราสามารถวางเป็นโซฟา 2-3 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางและชั้นวางทีวี มีระยะดูทีวีอยู่ที่ 1.05  เมตร วางทีวีประมาณ 40 นิ้วได้ค่ะ

สำหรับระบบ Home Automation ภายในห้องจะมี Nature Mini Pro หน้าจอแสดงการทำงานของระบบ Smart Home, Spot Mini เป็น IR Appliance Control ระบบควบคุมการทำงานของเครื่องปรับอากาศและทีวีผ่าน Application รวมถึง Smart Switch ระบบควบคุม เปิด-ปิดไฟผ่าน Application โดยสวิตช์และปลั๊กเลือกใช้จาก BTicino และ Legrand

บริเวณด้านหลังของพื้นที่นั่งเล่นมีขนาดประมาณ 1.90×2.65 เมตร ทำเป็นพื้นที่นั่งรับประทานอาหาร ตั้งโต๊ะ 4 ที่นั่ง เหมือนห้องตัวอย่างได้เลย สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องดีเหมือนกันนะ เพราะอยู่ใกล้ห้องครัวจึงจัดเสิร์ฟอาหารได้ง่าย รวมถึงยังนั่งรับประทานอาหาร พร้อมดูข่าว-ซีรีส์ได้ด้วย

Image 1/2
ระเบียง

ระเบียง

ระเบียงมีขนาดประมาณ 1.00×3.10 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้อง ขนาด 60×60 เซนติเมตร สามารถใช้เป็นพื้นที่ของสัตว์เลี้ยง มุมนั่งเล่นหรือปลูกต้นไม้เป็นแนวยาวก็ดีเหมือนกัน ช่วยเพิ่มวิวสีเขียวให้ภายในห้อง

ทางโครงการมีแบ่งพื้นที่ระเบียงบางส่วนเป็นโซน Service โดยเฉพาะ มีขนาดอยู่ที่ 0.95×1.35 เมตร พื้นเป็นคอนกรีตขัดเรียบ โดยแขวน Condensing Unit ไว้ด้านบน มีพื้นที่ด้านล่างตั้งเครื่องซักผ้า พร้อมกั้นด้วยประตูระแนง ช่วยพรางสายตาให้ดูเรียบร้อยและระบายความร้อนจาก Condensing Unit ได้สบาย

พอออกแบบแยกโซน Service ไว้ชัดเจนก็ทำให้ช่างมาซ่อมแซมได้ง่าย อีกทั้งเราก็ใช้พื้นที่ระเบียงเพื่อรองรับการใช้งานอื่นๆ เช่น นั่งเล่น ยืนชมวิวหรือพื้นที่สัตว์เลี้ยง เป็นต้น แตกต่างจากโครงการอื่นๆที่เรามักจะเสียพื้นที่ระเบียงเป็นพื้นที่สำหรับซักผ้า-ตากผ้า

ต่อมาด้านข้างของพื้นที่นั่งเล่นจะมีพื้นที่ทำเป็นพื้นที่นั่งรับประทานอาหารหรือปรับเป็นบาร์นั่งดื่มเหมือนห้องตัวอย่างได้เหมือนกัน โดยเฉพาะคนที่ชอบชวนเพื่อนหรือแขกมานั่งดื่มชิลๆภายในห้อง

Image 1/2
พื้นที่นั่งรับประทานอาหาร

พื้นที่นั่งรับประทานอาหาร

พื้นที่นั่งรับประทานอาหารขนาดประมาณ 1.75×2.50 เมตร โดยทางห้องตัวอย่างได้ปรับพื้นที่ใหม่ โดยเปลี่ยนจากพื้นที่ทำงานด้านหลังพื้นที่นั่งเล่นเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ทำให้พื้นที่ตรงนี้จึงปรับเป็นบาร์นั่งดื่มแทน เพื่อเป็นไอเดียให้เห็นว่าเราสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของแต่ละคนค่ะ

ถัดจาก Common Area เข้ามาจะเป็นโถงทางเดินกว้าง 1.05 เมตร ไปยังโซนห้องนอน โดย Master Bedroom จะอยู่สุดปลายทางเดิน ส่วนห้องนอนรองและห้องน้ำจะอยู่ด้านข้างของโถงทางเดิน ซึ่งทางห้องตัวอย่างได้ทุบผนังของห้องนอนรองออก เพื่อเชื่อมพื้นที่ต่อเนื่องกัน อีกทั้งเปิดรับแสงเข้ามาภายในห้องได้เยอะดีด้วย

Image 1/2
ห้องนอนรอง

ห้องนอนรอง

ห้องนอนรองมีขนาด 2.70×3.25 เมตร วางเตียง 5-6 ฟุต พร้อมโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งและแขวนทีวีตรงปลายเตียงได้ ส่วนด้านข้างมีหน้าต่างขนาดใหญ่แบบ Full Height จึงเปิดรับแสงและวิวได้กว้าง ทำให้ได้บรรยากาศภายในห้องที่โปร่งสบาย

แต่สำหรับลูกบ้านที่อยู่ 1-2 คน ก็สามารถปรับห้องนอนรองเป็นห้องทำงานเหมือนทางห้องตัวอย่างที่ตกแต่งเป็นไอเดียได้นะคะ โดยทำ Built-in ชั้นวางของเต็มผนัง ตั้งโต๊ะ-เก้าอี้นั่งทำงาน ส่วนด้านข้างก็มีหน้าต่างขนาดใหญ่มองออกไปชมวิวด้านนอกได้เพลินๆ

Image 1/5
ห้องน้ำส่วนกลาง

ห้องน้ำส่วนกลาง

ห้องน้ำส่วนกลางจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องนอนรองเลย ทำให้มาใช้งานได้สะดวกทั้งจาก Common Area และห้องนอนรอง โดยมีขนาดห้องอยู่ที่ 1.70×2.80 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้อง ขนาด 60×60 เซนติเมตร ส่วนผนังห้องน้ำเป็นกระเบื้อง ขนาด 5×20 เซนติเมตร และ ขนาด 60×60 เซนติเมตร ภายในห้องน้ำออกแบบแยกพื้นที่ส่วนเปียก-แห้ง ติดตั้งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก KOHLER

เคาน์เตอร์อ่างล้างมือจะมีช่องเก็บของด้านล่าง ส่วนบานกระจกจะได้ขนาดความกว้างเท่ากับตัวเคาน์เตอร์ แต่ทางห้องตัวอย่างได้ติดกระจกเต็มผนังมาให้เป็นไอเดียให้ลูกบ้านไปตกแต่งตามกันได้ ส่วนด้านหลังมี Low Wall วางของตกแต่งและอุปกรณ์ของใช้ในห้องน้ำได้เยอะดี สำหรับพื้นที่อาบน้ำมีความกว้าง 0.95 เมตร ออกแบบเป็นทางลาดเล็กๆค่อยๆลดระดับพื้นต่ำกว่าส่วนอื่น พร้อมเจาะช่องตรงผนังด้านข้างสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำ มีฉากกั้นกระจกอาบน้ำจาก MOTIV ช่วยไม่ให้น้ำกระเด็นไปเลอะบริเวณอื่น

Master Bedroom มีขนาดใหญ่ วางเตียง 6 ฟุตได้สบายๆ พร้อมโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งและแขวนทีวีตรงปลายเตียง จะได้มีพื้นที่เดินรอบเตียงได้กว้าง ส่วนด้านข้างจะมีตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการ Built-in มาให้ มีวัสดุเหมือนเคาน์เตอร์ครัวเลย โดยตัวตู้เป็นเมลามีน พร้อมหน้าบานลามิเนต ทนรอยขีดข่วนและความชื้นจากสัตว์เลี้ยง ภายในตู้มีราวแขวนและลิ้นชักเก็บเสื้อผ้าได้เป็นระเบียบ และติดตั้งไฟแบบ Strip Light มาให้ด้วย

ส่วน Master Bathroom มีการออกแบบคล้ายกับห้องน้ำส่วนกลาง ปูพื้นเป็นกระเบื้อง ขนาด 60×60 เซนติเมตร ส่วนผนังห้องน้ำเป็นกระเบื้อง ขนาด 5×20 เซนติเมตร และ ขนาด 60×60 เซนติเมตร

โดยออกแบบแบ่งส่วนเปียก-แห้ง พร้อมสุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก KOHLER สำหรับตัวเคาน์เตอร์อ่างล้างมือมีช่องเก็บของด้านล่าง, มี Low Wall วางอุปกรณ์ของใช้ในห้องน้ำและติดตั้งโถสุขภัณฑ์เป็นแบบ Washlet ใช้งานได้ง่าย ส่วนพื้นที่อาบน้ำติดตั้ง Hand-Rain Shower พร้อมเจาะช่องตรงผนังด้านข้างและติดตั้งฉากกั้นกระจกอาบน้ำจาก MOTIV ป้องกันไม่ให้น้ำกระเด็นไปเลอะบริเวณอื่น

แบบแปลน

ห้องแบบ Simplex สูง 2.80 เมตร

Image 1/10
1 Bedroom

1 Bedroom

Image 1/6
2 Bedroom

2 Bedroom

ห้องแบบ High Ceiling สูง 4.50 เมตร

Image 1/2
1 Bedroom (High Ceiling)

1 Bedroom (High Ceiling)

Image 1/4
1 Bedroom Plus (High Ceiling)

1 Bedroom Plus (High Ceiling)

Image 1/2
2 Bedroom (High Ceiling)

2 Bedroom (High Ceiling)

Image 1/2
2 Bedroom Plus (High Ceiling)

2 Bedroom Plus (High Ceiling)

Image 1/2
3 Bedroom (High Ceiling)

3 Bedroom (High Ceiling)

Image 1/5
Duplex : Marquis I (MARQUIS Collection)

Duplex : Marquis I (MARQUIS Collection)

ราคา

MARQUIS Phayathai (มาร์ควิส พญาไท) ราคา ณ วันที่ 11 มีนาคม 2568

  • Simplex สูง 2.80 เมตร ราคาเริ่มต้น 7.89 ล้านบาท
    – 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 30.25-50.25 ตร.ม.
    – 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 49.75-92.00 ตร.ม. 
  • High Ceiling (ห้องเพดานสูง) สูง 4.50 เมตร ราคาเริ่มต้น 10 ล้านบาท
    – 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 30.00-30.15 ตร.ม. (พื้นที่รวมชั้นลอยเป็น 47.50-57.25 ตร.ม.)
    – 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 34.00-38.75 ตร.ม. (พื้นที่รวมชั้นลอยเป็น 51.25-57.25 ตร.ม.)
    – 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 47.75-58.25 ตร.ม. (พื้นที่รวมชั้นลอยเป็น 69.50-86.00 ตร.ม.) 
    – 3 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 73.25-93.50 ตร.ม. (พื้นที่รวมชั้นลอยเป็น 115.25-137.75 ตร.ม.)
  • Penthouse พื้นที่ใช้สอย 146.25-161.00 ตร.ม.
  • Duplex พื้นที่ใช้สอยรวม 104.25 ตร.ม.

  • รูปแบบการขาย Fully Fitted + Built-in เฟอร์นิเจอร์ มีวัสดุตู้เป็นเมลามีน พร้อมหน้าบานลามิเนต ได้แก่ ตู้รองเท้า, ตู้เสื้อผ้า และเคาน์เตอร์ครัว
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.80-4.50 เมตร
  • Built-in เคาน์เตอร์ครัว พร้อมตู้เก็บของทั้งบน-ล่าง มีติดตั้งไฟแบบ Strip Light และถังขยะแบบ Built-in มาให้
  • Top Counter หินควอตซ์ / Backsplash : กระจก
  • อ่างล้างจาน, Hob และ Hood จาก TEKA
  • สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ จาก KOHLER
  • เครื่องปรับอากาศ มีฟิลเตอร์กรองฝุ่น PM2.5 ได้แก่ Cassette Type และ Wall Type (จำนวนชิ้นขึ้นอยู่กับแบบห้อง)
  • ค่าจอง 100,000 บาท
  • ค่าทำสัญญา 5%
  • ค่ากองทุน 900 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 90 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเล :

ตั้งอยู่ทำเลใจกลางเมือง โดยอยู่ติดถนนพญาไท ฝั่งมุ่งหน้าเข้าสยาม ใกล้ด่วนและรถไฟฟ้า ทำให้เดินทางด้วยรถยนต์และรถสาธารณะได้สะดวกสบาย ตัวทำเลถือเป็น Medical Hub ศูนย์กลางทางการแพทย์ มีสถานพยาบาลหลายแห่ง ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการสูง อย่างใกล้ๆโครงการจะมี Century The Movie Plaza, King Power รางน้ำและ Center One ในระยะไม่เกิน 650 เมตร รวมถึงมีร้านค้า ร้านอาหารหลากหลายตลอดแนวถนน

การเดินทางโดยใช้รถ :

ถือว่าสะดวก เพราะอยู่ติดกับถนนใหญ่พญาไท วิ่งตรงเข้าเมืองไปสยาม-จุฬาฯได้ง่ายหรือจะเลี้ยวเข้าศรีอยุธยาวิ่งเข้าพระราม 9 ก็ไม่ยาก รวมถึงกลับรถไปยังอนุสาวรีย์ได้สะดวก แต่ก็มีช่วงที่การจราจรติดขัดอยู่เหมือนกัน แต่ก็แลกมากับการเดินทางเชื่อมต่อได้หลากหลายเส้นทาง อีกทั้งใกล้ทางพิเศษศรีรัช ด่านอุรุพงษ์ ประมาณ 1.7 กิโลเมตร จึงเดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่าย ส่วนที่จอดรถเป็น Automatic Parking 270 คัน คิดเป็น 70% แต่ด้วยทำเลติดถนนใหญ่และใกล้รถไฟฟ้าจึงมีตัวเลือกในการเดินทางหลากหลาย ไม่จำเป็นต้องพึ่งพารถยนต์ส่วนตัวเพียงอย่างเดียว

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

ถือเป็นทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้าหลายสาย อย่างที่ใกล้สุดจะเป็น BTS สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีระยะห่างเพียง 150 เมตร รวมถึงไป BTS สถานีพญาไท ที่เป็น Interchange Station กับ Airport Link เชื่อมไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ มีแนวรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกที่กำลังก่อสร้างให้ใช้งานในอนาคต นอกจากนั้นยังสามารถเรียกรถเมล์, รถตู้, รถ Taxi และวินมอเตอร์ไซค์ได้ง่ายค่ะ

วัสดุ :

รูปแบบห้องจะเป็น Fully Fitted + Built-in ตู้รองเท้า, ตู้เสื้อผ้าและเคาน์เตอร์ครัวมาให้ ส่วนการเลือกใช้วัสดุในโครงการถือว่าให้มาดีสมราคาทั้งพื้น Hybrid Engineering Wood / กระจก Laminated + Insulated Glass ในห้องนอน / อ่างล้างจาน, Hob และ Hood จาก TEKA / สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ จาก KOHLER / Home Automation อย่าง Digital Door Lock, Nature Mini Pro, Spot Mini และ Smart Switch / เครื่องปรับอากาศ Cassette Type และ Wall Type ที่มีฟิลเตอร์กรองฝุ่น PM2.5

นอกจากนั้นเลือกใช้วัสดุที่คำนึงถึงสุขภาพที่ดีต่อคนและสัตว์เลี้ยง มีคุณสมบัติทนรอยขีดข่วน-ความชื้นและการใช้ Non-Toxic Material ยับยั้งแบคทีเรียและเชื้อรา, ปลอดภัยจากสารก่อมะเร็ง กลิ่นและสารระเหยที่เป็นพิษ ได้คุณภาพอากาศดี

การออกแบบ :

โครงการนี้เป็นคอนโด Segment บนสุดจาก Major Development ทำให้กลุ่มลูกค้าจะไม่ได้เน้นเรื่องราคาความคุ้มค่าเท่านั้น แต่ให้น้ำหนักกับความชอบและรสนิยมด้วย ซึ่งตัวออกแบบในสไตล์ Modern Classic ลดทอนรายละเอียดของความคลาสสิกให้ดูเรียบง่ายและมีความทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงความหรูหรา อีกทั้งเน้นใช้สี Earth Tone สื่อถึงความเป็นธรรมชาติ นอกจากนั้นยังเป็นคอนโด Pet-Friendly เลี้ยงสัตว์ได้ ซึ่งเป็น Rare Item บนทำเลนะคะ

รูปแบบห้องพักอาศัยตั้งแต่ 1 Bedroom ไปจนถึง Penthouse ส่วนแบบห้องก็มีให้เลือกเยอะถึง 8 แบบ ทำให้สามารถอยู่อาศัยทั้งคนเดียว คู่รักหรือครอบครัวขนาดเล็กได้สบายๆ โดยเน้นห้อง High Ceiling เพดานสูง 4.50 เมตร ซึ่งห้องนอนตรงชั้นลอย กั้นกระจกมาให้เรียบร้อย ทำให้ได้ความเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัวมากขึ้น

สาธารณูปโภค :

ส่วนกลางของโครงการนี้มีมาให้ครบครันและจัดมาให้หลากหลาย โดยชั้น 1 จะเป็นพื้นที่รองรับ-นั่งพักผ่อนและสวนสีเขียว ซึ่งน้องๆสัตว์เลี้ยงมาใช้งานได้ ส่วนชั้น 27 จะเป็นส่วนกลางของน้องแมวทั้ง Cat Lounge และ Cat Garden

สำหรับ Main Facilities จะอยู่ที่ชั้น 35-36 หันไปทางด้านหน้าโครงการ เปิดรับวิวเปิดโล่ง มีทั้งพื้นที่ทำงาน สระว่ายน้ำ ฟิสเนส ห้องสปาและออนเซ็น รวมถึง Dog Lounge และ Dog Garden ให้สุนัขมาใช้งาน ส่วนชั้นบนสุดของโครงการจะเป็น Crown Garden และ Jogging Track ได้วิวมุมสูงค่ะ

นอกจากนั้นมีพื้นที่สีเขียวกระจายอยู่หลายจุดทั้งตรงชั้น 1 เป็น Buffer Zone กันเสียง-ควันจากรถยนต์ และออกแบบเป็น Stacked Garden สวนสีเขียวกลางแจ้งกระจายไว้ที่ชั้น 9, 23, 27, 31 และ 35 รวมถึงชั้น Rooftop เป็นสวนสีเขียวกว้างๆ ทำให้ลูกบ้านมีตัวเลือกในการออกไปใช้งานได้หลายจุด

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG เริ่มต้น 200,000-254,000  บาท/ตร.ม., 11 มีนาคม 2568

  • ทำเล 8.5/10 – ทำเลใจกลางเมือง ใกล้สยาม มีความอุดมสมบูรณ์สูง
  • เดินทางด้วยรถ 8.5/10 – ติดถนนพญาไท เดินทางเข้าเมืองสะดวก พร้อมที่จอดรถ 70% ถือว่าเยอะสำหรับคอนโดใกล้รถไฟฟ้า
  • ไม่ใช้รถ 8/10 – ใกล้ BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 150 เมตร อยู่ไม่ไกลจาก BTS และ Airport Link พญาไท หารถสาธารณะได้ง่าย
  • วัสดุ 7.75/10 – ตกแต่งแบบ Fully Fitted + เฟอร์นิเจอร์บางชิ้น วัสดุอื่นๆให้มาดี
  • แบบ 8.5/10 – คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ แบบห้องให้เลือกเยอะ จัดฟังก์ชันลงตัว เน้นห้องฝ้าเพดานสูง
  • สาธารณูปโภค 8.5/10 – มีส่วนกลางครบครัน สวยน่าใช้งาน และมี Pet Facilities หลายจุด

  • HIGH-LUXURY CLASS
  • 8.43 / 10.00

MARQUIS Phayathai (มาร์ควิส พญาไท) เหมาะกับใคร

โครงการ MARQUIS Phayathai (มาร์ควิส พญาไท) เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใจกลางเมือง เดินทางง่ายทั้งรถยนต์และรถไฟฟ้า รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์และผู้ปกครองที่มีลูกเรียนอยู่แถวนี้ต้องการคอนโดใกล้แหล่งงานหรือสถานศึกษา ตัวห้องพักมีตั้งแต่ 1 Bedroom ไปจนถึง Penthouse ทำให้อยู่อาศัยทั้งคนเดียว คู่รักหรือครอบครัวขนาดเล็กได้สบายๆ โดยเน้นห้องฝ้าเพดานสูงและมีห้อง Simplex ให้เลือกด้วย สำหรับส่วนกลางก็มีมาครบครัน กระจายพื้นที่สีเขียวในแต่ละชั้น อีกทั้งเป็นคอนโด Pet-Friendly เลี้ยงสัตว์ได้ พร้อมส่วนกลางของสัตว์เลี้ยงหลายจุด มีงบประมาณเริ่มต้นที่ 7.89-10 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนเริ่มต้นที่ 47,340-70,000 บาท


Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!

โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ

เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่