รีวิวฉบับที่ 469 … โครงการ LIV@49 (ลิฟ แอท 49) เป็นของบริษัท Lucky Living ที่เคยทำโครงการ Liv@5 และ Liv@Nimman มาก่อนนะครับ เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise 2 ตึกคู่ ที่มีจุดเด่นที่สุดในเรื่องของทำเล ติดถนนซอยสุขุมวิท 49 ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ ซึ่งจัดว่าเป็นทำเลที่ดูดีทีเดียวล่ะ ซึ่งแน่นอนว่าราคาขายก็ต้องแพงขึ้นเป็นเงาตามตัว ที่เฉลี่ยประมาณ 150,000 บาทต่อตารางเมตรบวกลบนะครับ
Fact @ 7 Nov 2013
- LIV@49 (ลิฟ แอท 49)
- Lucky Living Co., Ltd.
- LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร 183 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 17 ยูนิต
- ที่จอดรถ 60% จอดซ้อนคันได้ 70%
- ที่ดินประมาณ 1-3-33 ไร่
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ 2559
- Studio 32.7 ตารางเมตร
- 1 Bedroom 38 – 55 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms 69 – 75 ตารางเมตร
- 3 Bedrooms+ 92 – 145 ตารางเมตร
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 4.6 ล้านบาท
- ราคาต่อตารางเมตรประมาณ 141,000 – 161,000 บาท
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS ทองหล่อ ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS ทองหล่อ
- Website: http://www.livat49.com
- โทร 02-258-8822
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
Liv @ 49 ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 49 หรือ ซอยกลาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลสมิติเวชและ Fuji Super Market โดยมี Community Mall ที่ใกล้ที่สุดก็คือ Rain Hill นะครับ
ซึ่งถ้าเป็นภาพรวมของทำเลใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อและซอยสุขุมวิท 49 ก็สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ ประกอบกับการอ่านรีวิวฉบับนี้ครับ
ครั้งนี้ผมเดินทางมาด้วยรถไฟฟ้า ระยะทางจากบันไดสถานีรถไฟฟ้าไปถึงขอบที่ดินของโครงการ LIV@49 วัดได้ประมาณ 500 เมตรโดยประมาณ ซึ่งก็ไกลพอควรแต่ก็ไม่ได้ไกลมากจนเดินไม่ไหว
บันไดรถไฟฟ้าขาที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 53
โดยจะต้องเดินผ่าน Skywalk ด้านบนอีกประมาณ 100 เมตรก่อนจะถึงตัวสถานีรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ
จากทางขึ้นลงเดินไปทางซอย 49 ก็จะผ่านโรงเรียนนานาชาติ Bangkok Prep
โดยฝั่งตรงข้ามจะเป็นคอนโดมิเนียม 3 ตึกติดกัน Noble Remix, Keyne และ The Crest สุขุมวิท 34
พอเดินมาเรื่อยๆอีกหน่อยจะพบว่าทางขวานี้เป็นทางลัดเข้าไปที่ซอยสุขุมวิท 51 แต่เราจะไปซอย 49 ดังนั้นก็เดินทางซ้ายไปนะครับ
ยังไม่ทันเหนื่อยก็มาถึงปากซอยสุขุมวิท 49 แล้ว
นี่เป็นแผนที่บริเวณ ซึ่งจะมีคอนโดมิเนียมตึกสำคัญๆที่พึ่งเปิดตัวไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาวงกลมเอาไว้ ได้แก่ Via49, The Crest 49, Plus และ Aequa ส่วน Rain Hill นั้นเป็น Community Mall นะครับ
หน้าตาของซอย 49 เป็นแบบนี้ มองเข้าไปจะเห็น Aequa โดดเด่นเป็นสง่าอยู่ตึกเดียวเลย
หน้าปากซอยส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก มีร้าน 7-11 และพี่วินมอเตอร์ไซค์อยู่ทั่วไป
ทางเข้า AEQUA อยู่ห่างไปจากโครงการไม่ไกลนัก มี ATM ธนาคารกรุงเทพให้กดด้วย
เดินเข้าไปอีกหน่อย มองทางขวามือจะเจอไซต์งานก่อสร้างอยู่ อันนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้แหะ
ถัดจากไซต์งานนิดเดียวก็จะเป็นตัวโครงการ ซึ่งสมัยก่อนเป็นบ้านที่มีรั้วสีส้มๆนะครับ
โดยขอบเขตโครงการนั้นฝั่งทิศเหนือจะติดซอยแคบๆ ไม่ได้ติดกับที่ดินแปลงข้างเคียงนะครับ ภาพนี้เป็นภาพถ่ายในอดีตที่ Google Map เก็บไว้ เลยหยิบมาอ้างอิง
แล้วเราก็เดินมาถึงโครงการ LIV@49 กันแล้ว มีการสร้างสำนักงานขาย 1 ชั้นไว้ในแปลงที่ดินนะครับ
ด้านทิศเหนือของแปลงที่ดินที่เป็นถนนแคบๆที่แสดงให้ชมกันไป ถัดไปจะเป็นอาคารพาณิชย์สูงประมาณ 4 ชั้น
ฝั่งตรงข้ามหรือทิศตะวันออกเป็นบ้านทาวน์โฮมหลังคาสีน้ำตาล คั่นด้วยถนนซอยสุขุมวิท 49
ฝั่งที่มองเข้าไปด้านในซอย วิ่งตรงไปเรื่อยๆก็จะเจอ VIA49 และ Fuji Supermarket
มองย้อนไปยังปากซอยครับ
ฝั่งตรงข้ามมีซอยตันอยู่ด้วย เป็นทางเข้าของบ้านหลังเล็กๆข้างใน
ทิศใต้จะเป็นอาคารเตี้ยๆ มองเห็นตึก Aequa อยู่ด้านหลัง
ผมจะยก Master Plan มาอธิบายกันก่อนจะได้เข้าใจง่ายขึ้น ตัวโครงการ Liv @ 49 นี้แบ่งเป็น 2 อาคาร A และ B … A คือตึกหน้าส่วน B คือตึกหลัง ซึ่งมีช่องว่างตรงกลางระหว่างสองตึกนะครับ
โดยพื้นที่ตรงกลางระหว่างสองตึกนั้นเป็นพื้นที่ของต้นไม้ต้นนี้ครับ เก็บต้นไม้ใหญ่ของที่ดินเดิมเอาไว้อยู่เหมือนเดิม
ฝั่งทิศใต้จะเป็นพื้นที่บ้านเรือนเตี้ยๆสูงไม่เกิน 2 ชั้น ทำให้วิวค่อนข้างโปร่ง
ฝั่งทิศเหนือของตึก B ที่ถัดมาจากตึก A ด้านหน้าจะค่อนข้างโล่ง ไม่ติดอะไร
ฝั่งทิศตะวันตกจะชิดกับตึกด้านข้าง ตรงนี้จะโดน Block วิวไปส่วนหนึ่ง
สรุปเรื่องทิศและวิว
- เหนือ ตึก A มีอาคารพาณิชย์สูงประมาณ 4 ชั้นแต่จะไม่ประชิดเพราะมีถนนซอยแคบๆคั่นไว้
- เหนือ ตึก B ค่อนข้างโล่ง
- ใต้ ตึก A และ B จะค่อนข้างโล่งทั้งคู่ วิวบ้านเดี่ยว 2 ชั้น
- กลางใน Court มีส่วนของต้นไม้ใหญ่ที่รักษาไว้
- ตะวันตก ติดตึกสูงด้านข้าง
- ตะวันออก หันหน้าเข้าหาถนนซอยสุขุมวิท 49 ฝั่งตรงข้ามเป็นทาวน์โฮม 3-4 ชั้น
เจาะลึกตัวโครงการ
หลังจากที่เราดูทิศกันไปแล้ว ก็มาดูหน้าตึกกันบ้างว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
รูปทรงของ LIV@49 นี้ จะเหลี่ยมๆหน่อยนะครับ ปลูกเต็มพื้นที่ เป็นอาคาร 8 ชั้น 2 ตึก พร้อมที่จอดรถทั้งหมดที่ชั้นใต้ดิน โดยมีจำนวนที่จอดรถ 60% รวมจอดซ้อนคันที่ชั้น B1, B2 ได้ 70%
ตัวตึกเป็น Low Rise ทำเพดานสูง 2.45 เมตร ให้เฟอร์นิเจอร์ครบพร้อมม่าน
ชั้น 1 และชั้น 2 ก็มีพื้นที่เป็นยูนิตพักอาศัย แต่ด้วยความที่เป็นชั้นพิเศษ ทางโครงการจึงจัดเป็นห้อง Duplex เสียเกือบหมด (สีเขียว) ซึ่งจะสามารถเดินเข้าหน้าบ้านจากหน้าห้องได้ครับ
ชั้น 2 ส่วนใหญ่แล้วทำเป็นพื้นที่เปิดโล่ง Void เอาไว้ไม่ให้พื้นที่แน่นจนเกินไป
เริ่มชั้น 3 จริงๆจึงจะเป็นห้องพักอาศัย โดยตึก A และตึก B มีความหนาแน่นต่อชั้นพอๆกันที่ 16 – 17 ห้องต่อชั้น
ตึก A จะมีแต่ห้อง 1 Bedroom (สีฟ้า) และ 2 Bedrooms (สีน้ำตาล)
ตึก B จะมีห้อง Studio (สีน้ำเงิน) และห้อง 3 Bedrooms (สีแดง) เข้ามาประกอบด้วย
พอถึงชั้น 8 ก็จะมีห้องสีเขียวน้ำทะเลเป็น Penthouse เพิ่มเข้ามา 2 ห้อง ซึ่งทั้งสองห้องนั้นมีสวนและสระว่ายน้ำส่วนตัว
Master Plan ชั้น G จัดเป็นพื้นที่สวนและ Lobby โดยเปิด Court กลางให้ห้องนั่งเล่นทั้งสองตึกหันหน้าเข้าหากัน ซึ่งจัดเป็นห้อง Library, Multipurpose และห้อง Cinema/Karaoke
ตึก A มีฟังก์ชั่นพิเศษเพิ่มมาอีกสองชิ้น ก็คือห้อง Kid’s Club และห้องนิติบุคคล
ทั้งสองตึกมีห้อง Laundry ของใครของมันแยกต่างหาก
ชั้น 8 ตัดพื้นที่บางส่วนมาเป็นส่วนกลาง
ตึก A มีสระว่ายน้ำความยาว 20 เมตร, ห้องฟิตเนสและ พื้นที่นั่งเล่นริมสระ
ตึก B มีห้องโยคะ, ห้องแช่ Jacuzzi (Onsen) และห้องสปา
สุดท้าย Roof Top ก็จะมีสวนนั่งเล่น ทั้งสองตึก สามารถมาพักผ่อนได้ครับ
อ่อ … สวนเล็กๆและสระเล็กๆตามมุมตึกที่เห็นนั้นเป็นพื้นที่ส่วนตัวของห้อง Penthouse ทั้งสองยูนิต ไม่ใช่พื้นที่ส่วนกลางนะครับ
เราถ่ายภาพสำนักงานขายมาให้ดูกัน เผื่อว่าจะจินตนาการห้อง Lobby แนวของโครงการนี้ออกบ้าง
ทางเข้าโครงการ LIV@49 จากโมเดล
บริเวณสระว่ายน้ำของตึก A
Court กลางที่มองเข้าไปเห็นต้นไม้ใหญ่
แนวตึก A และ B เวลามองจากฝั่งตรงข้ามของถนนซอย 49
สวนพักผ่อนหย่อนใจบน Rooftop ตึก B
ด้านหลังของตึก B ที่หันหน้าเข้าหาอาคารข้างเคียง จะมีเพียงห้อง Studio เท่านั้น
ตึก B อยู่ด้านหลังถัดไปจากตึก A
สวนและสระว่ายน้ำส่วนตัวของห้อง Penthouse
แปลน Rooftop ให้เห็นเต็มๆว่าตึกไหนเป็นอย่างไร (ซ้าย A, ขวา B)
ภาพโมเดลด้านข้างของตึก ดูไม่หวือหวานะครับ
หน้าตา Facade ของตึก โมเดลทำออกมาเพลนมากเลย ใน Render สวยกว่านี้เยอะ
ลองเทียบกับ Facade ของสำนักงานขายดูก็เห็นว่าของจริงดีกว่ามาก น่าจะพอเข้าใจว่าเราไม่สามารถเอาเกรดอาคารที่ทำจริงๆไปอ้างอิงกับ Model ได้นะครับ
ดังนั้นเรามาเทียบจากภาพ Perspective กันดีกว่า ก็จะเห็นว่าตัวตึกนั้นทำออกมาได้ค่อนข้าง Modern มากๆ หน้าต่างแต่ละบานเป็นกระจกบานใหญ่เต็มบาน ราวกันตกเป็นกระจกด้วย
มองตอนกลางคืนก็จะมีไฟตามนี้ สะท้อนออกมาดูสวยดี
ภาพส่วนกลางด้านบนของตึก A นะครับ สระว่ายน้ำและสวนที่บริเวณ Roof Top
สระว่ายน้ำยาว 20 เมตร
บริเวณ Pool Bar ซึ่งเป็นที่นั่งเล่นริมสระว่ายน้ำของตึก A
ฟิตเนสก็อยู่ที่ตึก A … ดูจากการตกแต่งค่อนข้างล้ำทีเดียว
มาที่ตึก B บ้าง จะมีสวนนั่งพักผ่อนแทนที่จะเป็นฟังก์ชั่นกิจกรรมแบบตึก A
มีสวนให้นั่งคุยกันได้ที่ดาดฟ้าของตึก B
Health Club หรือที่เป็น Jacuzzi / Onsen ในตึก B
บริเวณ Courtyard ตรงกลางของตึก A และ B
ห้องอเนกประสงค์ ทำเป็น Cinema / Karaoke
ห้องนั่งเล่น อ่านหนังสือ
Library ที่ตึก B
Kid’s Club ที่ตึก A
สุดท้ายเป็นภาพรวมของ Rooftop ของทั้งสองตึก
สิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำยาว 20 เมตร ที่ตึก A
- ห้องออกกำลังกาย ที่ตึก A
- สวนบนชั้นดาดฟ้าตึก A, B
- Lobby ที่ตึก A
- Library
- Cinema / Karaoke
- Multi-purpose Room
- Kid’s Club
- สวนตรงกลาง Courtyard
- Health Club (Jacuzzi/Onsen)
- Yoga
- Spa
- Pool Bar
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์โดยเฉลี่ยประมาณ 1:52
- Service Lift ไม่มี
- ที่จอดรถที่ชั้น B1, B2 คิดเป็น 60% รวมจอดซ้อนคันได้ 70%
- ระบบ CCTV / Access Card
Product Walkthrough
คราวนี้เราจะมาดูห้องตัวอย่างกันบ้างนะครับ ซึ่งทางโครงการ LIV @ 49 ก็ได้ทำห้องตัวอย่างไว้ทั้งหมด 2 ห้องด้วยกัน
ห้องแรกเป็นแบบ B4 – 1 Bedroom ขนาด 41.64 – 49.1 ตารางเมตร
เปิดประตูเข้าไปทางเข้าห้องจะเป็นทางเดินที่แคบหน่อยนะครับ
พื้นของส่วนด้านหน้าเป็นพื้นกระเบื้องลายไม้
ส่วนนี้เป็นส่วนของครัวและรับประทานอาหาร
สวิทช์ไฟของ Panasonic พลาสติกแต่มีดีไซน์หน่อย
พอถัดจากส่วนของครัวเข้าไปเป็นห้องนั่งเล่น ก็จะจบพื้นกระเบื้องใช้พื้น Engineering Floor ที่เป็นไม้จริงปิดผิวแทน
ส่วนของครัวได้เป็นชุดครัวแบบนี้ ทำสี High Gloss ด้านหลังใส่กระจก Glasskote สีเขียวอ่อนๆ
ท๊อปเป็นหินสังเคราะห์สีขาว … ชุดเตาอบด้านล่างไม่มีให้นะครับ ทำเป็นช่องว่างสำหรับใส่ Microwave ตัวที่วางอยู่บนท๊อปแทน
ชุดครัวเปิดออกมาได้ประมาณนี้
มีลิ้นชัก และตัว Hinge ทั้งหมดเป็นแบบ Soft Close
ชุดเครื่องดูดควันและเครื่องใช้ไฟฟ้าของ Electrolux ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในราคาขายแล้ว มีให้ด้วย
ชุดครัวของ STARMARK
ซิงก์สแตนเลสหลุมลึกแต่ไม่มีที่พักจาน
เตาไฟฟ้าสองหัวของ Electrolux
Microwave ของ Electrolux
เครื่องซักผ้าก็ให้
ตู้เย็นก็ให้ สรุปครบเซ็ตขาดแต่เตาอบและที่พักจานนะครับ
ฝั่งตรงข้ามจัดไว้ให้ดูเป็นที่นั่งรับประทานอาหาร เก้าอี้สองตัวและ Sofa Built-in ติดผนังสองชุด
โซฟานั่งไม่ค่อยสบายเท่าไรนะครับ เพราะที่นั่งแคบไปหน่อย วางหมอนก็จะเต็มเบาะอยู่แล้ว
โต๊ะนั่งได้ 4 คนก็จริงแต่ต้องกินอาหารจานเดียว ผมว่าห้องแบบ 1 Bedroom แบบนี้ โต๊ะอาหารเท่านี้ … นั่ง 2 คนสบายกว่าครับ ไม่ต้องเบียดกันด้วย
ระยะต่างๆของชุดโต๊ะอาหารครับ ด้านปลายสุดของผนังมีการติดกระจกสีชาเอาไว้ด้วย ซึ่งมีให้ทุกห้องนะครับ
ให้ดูระยะนั่งกันอีกที
โปรดเก็บเก้าอี้ทุกครั้ง ไม่อย่างนั้นท่านจะไม่มีทางเดินออกจากห้อง
เพดานห้องตัวอย่างสูง 2.5 เมตร ของจริงจะสูง 2.45 เมตร คือจะเตี้ยกว่าห้องตัวอย่างประมาณ 5 เซ็นติเมตร
เรามาดูส่วนที่เป็น Living / Bedroom กันบ้าง จะเห็นว่าห้อง 1 Bedroom นี้ก็ใหญ่ใช่เล่นนะ
ระยะดูทีวีจากโซฟานี่จะบอกว่าสบายเลย
แต่ด้วยความที่ทำเป็นตึก Low Rise เพดานสูง 2.45 เมตร แอร์จึงต้องเป็น Wall Type อย่างที่เห็นนะครับ
ระยะดูทีวีจากด้านข้าง
ดูจากมุมนี้จะเห็นว่าโซฟาไม่มีพนักแขนนะเนี่ย
ผ้าม่านทั้งชุดนี้มีให้ รวมอยู่ในราคาขาย
เป็นแบบสองชั้นมีแบคเอาท์ด้วย
รางม่านซ่อนในหลืบเก็บเรียบร้อย
กรอบกระจกเป็นอลูมิเนียมสีดำ
ถ้าวิวส่วนกลางตรง Courtyard เวลามองออกไปก็จะเป็นสวนแบบนี้
ระเบียงด้านนอกปูพื้นด้วยกระเบื้องสีเทาขนาด 30 x 30 ซม.
ระเบียงกว้างใช้ได้เลยครับ ประมาณ 1.10 เมตร
เทียบกับระยะยืนของผมนะครับ กว้างแบบนี้เอาเก้าอี้มานั่งเล่นได้ หรือมาปลูกต้นไม้ก็ยังได้
คอมพ์แอร์ไม่ต้องห่วงนะครับมีที่แยกเก็บเรียบร้อย เราใช้ประโยชน์จากระเบียงได้เต็มที่ โดยราวกันตกทำเป็นกระจก Tempered Glass ใสๆแบบนี้เลย
จากระเบียงมองย้อนกลับไปหน้าห้องครับ
ทีนี้เรามาดูรางผนังห้องแบบ 4 ตอนกันบ้าง ที่เอาไว้เลื่อนเปิด-ปิด เชื่อมต่อห้องนอนกับห้องนั่งเล่นเป็นห้องเดียวกัน
รางด้านล่างบางมาก เดินสบาย ไม่มีสะดุด ตรงนี้ต้องขอชมเชยครับ
บานนี้ลากออกมาเป็นตอนๆ
ปิดปุ๊บก็จะสามารถกั้นห้องด้านหลังโซฟาห้องนั่งเล่นได้พอดิบพอดี
เปิดออกก็จะเป็นห้องนอน … เวลานอนเปิดแอร์ในห้องนอนตัวเดียวก็ได้ จะประหยัดกว่านะ
ระยะเตียงเหลือเฟือทั้งสองข้าง มีตู้ข้างเตียงให้เรียบร้อย
แอร์อีกตัวหนึ่งติดตั้งตรงนี้ ด้านหลังบานเลื่อน
แต่จุดที่จะต้องกังวลนิดนึงก็คือคาวมสูงของโซฟา เวลานอนบนเตียงแล้วจะบังทีวีเราแทบมิด … ซึ่งทีวีนั้นต้องใหญ่มากประมาณนึงนะครับ ไม่อย่างนั้นนอนดูบนเตียงไม่ได้ มองไม่เห็นครับ
ห้องนี้ผิดกับห้องของโครงการอื่นนะ ที่ต้องติดทีวีขนาดเล็ก … ทีนี่ต้องติดขนาดใหญ่ ไม่งั้นจะมองไม่เห็น ผมว่าสัก 60 นิ้ว จะกำลังดีเลย
ถัดจากเตียงก็จะเป็นมุมกระจก
ห้องตัวอย่างแต่งเป็นมุมทำงานและ Sofa … ของจริงไม่มีให้นะครับ น่าเสียดาย
มุมนี้ทำงานสบายเลย
นั่งๆนอนๆตรงนี้ด้วย
ถัดจากเตียงเข้าไปด้านในเป็นห้องน้ำ
โต๊ะข้างเตียงสวยๆ เอาไว้วางของ
ที่นี่จะบอกว่าให้ตู้เสื้อผ้าบานใหญ่มา 2 บาน ซึ่งเยอะกว่าพวกห้อง 1 Bedroom ทั่วไปมากครับ
ในตู้เสื้อผ้ามี Accessory ให้แล้ว
ข้างตู้เสื้อผ้ามีชั้นวางของได้อีก
ต่อมาเป็นห้องน้ำ ซึ่งพื้นจะดรอปลงไปจากห้องนอน กลายเป็นพื้นกระเบื้องเซรามิกขนาด 60 x 60 ซม.
สุขภัณฑ์ต่างๆใช้ของ KOHLER ทั้งหมด
มุมนี้เป็นส่วนตัวดีครับ ผนังกรุกระเบื้องทุกด้านด้วย
ซิงก์มีการ Built-in ตู้มาให้และทำ Counter ด้วยหินสังเคราะห์สีขาว
ก๊อกและระบบทั้งหมดฝังด้านในผนัง
แต่ตัวซิงก์มันเล็กไปนิดนึง ผมว่าอาจจะมีน้ำกระเด็นได้
ปลั๊กให้มาเป็นแบบมีที่ปิดเปิดกันน้ำ
ส่วนของที่อาบน้ำให้เป็นทั้ง Shower และ Bath Tub กั้นด้วยกระจก Tempered Glass แยกส่วนเปียกส่วนแห้ง
Shower ได้เป็น Rain Show จากฝ้าเพดานเลย
มีที่วางสบู่เรียบร้อย ตัวระบบฝังในผนังทั้งหมด
Bath Tub ก็เช่นกันของ KOHLER
มีตำแหน่งรองคอด้วย
หน้าตาของบานเปิด
มีการก่อ Curb กันน้ำล้นออกไปอีกนิด
ความกว้างของ Bath Tub น่าจะพอดีๆ
ดึงฝักบัวออกมาได้แบบนี้
จบกับการรีวิวห้อง 1 Bedroom ขนาด 40 กว่าตารางเมตร ครับ เตรียมไปต่อกันที่ห้องต่อไปเลย
ห้องต่อมาเป็น E1 … 1 Bedroom เหมือนกัน แต่เป็นแบบ Duplex ที่มีขนาดตั้งแต่ 50.63 – 55.51 ตารางเมตร
ทางเข้าห้อง Duplex จะรู้สึกว่าแคบกว่าห้องแบบ 1 Bedroom หน่อย เพราะว่าทางซ้ายต้องเผื่อพื้นที่สำหรับบันไดเพื่อเดินขึ้นไปยังชั้น 2
ถ้าใครกลับบ้านมาหมดสภาพจะขึ้นห้องนอนก็สามารถเลี้ยวซ้ายขึ้นชั้นสองได้เลย ณ จุดนี้
ชุดครัวต่างๆมีให้เหมือนเดิมเด๊ะ ผมขอข้ามไม่ลงในรายละเอียดนะครับ เว้นแต่เครื่องซักผ้าที่หายไป !?
ไม่หายหรอกครับมาแอบอยู่ในห้องเก็บของนี่เอง ซึ่งเป็นพื้นที่ใต้บันได เอามาใช้ให้เป็นประโยชน์เสีย ห้องตัวอย่างทำเป็น mini laundry room ได้เลย
ด้านซ้ายมือในห้องเก็บของมีตู้ลอยสำหรับวางโน่นนี่ด้วย
นี่อีกใส่ผ้า ใส่อะไรได้
สังเกตว่าบันไดพาดผ่านขึ้นไปเป็นสามเหลี่ยมเลย แต่ก็ยังเหลือพื้นที่วางเครื่องมือสำหรับเครื่องซักผ้า พวกน้ำยาต่างๆและผงซักฟอกด้านบนครับ
เดินถัดออกมาจากส่วนของห้องครัวและทางเดินแคบๆก็จะเป็นส่วนของ Living Room ชั้นล่าง ที่เปิดเป็นพื้นที่โล่ง ใช้เป็น 3 ฟังก์ชั่นหลัก
ฟังก์ชั่นแรก ก็คือโต๊ะรับประทานอาหาร ที่เอาโต๊ะชุดเดิมมาวางไว้ตรงนี้ แต่ดีขึ้นตรงที่ไม่เกะกะ และตัวเก้าอี้ยาวนั้นยังสามารถเอาไปทำประโยชน์อื่นได้
ฟังก์ชั่นที่สองคือโต๊ะทำงาน เล่นเนต เล่นคอม ตรงนี้ได้เลย
ฟังก์ชั่นสุดท้ายคือโซฟาดูทีวี
ระยะทีวีค่อนข้างห่างมาก ใส่ทีวีได้ตามใจชอบ
เนื่องจากห้อง Duplex ทั้งหมดจะมีชั้น G ที่สามารถมองออกไปเห็นสวนด้วย ตัวห้องก็จะเป็นแบบนี้
ซึ่งบริเวณห้องนั่งเล่นจะเปิดเพดานสูง มองเห็นห้องนอนด้านบน
หน้าต่างด้านบนสามารถพับออกมาได้แบบนี้ พร้อมกับราวกันตกที่เป็นกระจกใส เพื่อวิวที่สวยงาม
เทียบกับภาพ Perspective ของห้อง 1 Bedroom Duplex นะครับ … ใกล้เคียงๆ
ดูมุมนี้จะเห็นว่าห้องไม่กว้างมากเท่าไร ผิดกับห้องตัวอย่างห้องแรกที่เวลาเปิดเชื่อมพื้นที่ห้องนอนแล้วจะได้พื้นที่ใหญ่สะใจดี
ทีนี้เรามาเปิดม่านกันบ้าง … Background ด้านหลังคือต้นไม้ใหญ่ที่จะเก็บไว้กลาง Courtyard
ส่วนของระเบียงจะปูหญ้าเทียมให้ แทนที่จะเป็นกระเบื้อง เพื่อเชื่อมต่อกับสวน
คอมแอร์อยู่ในช่องนั้น ไม่ต้องกังวลว่าจะออกมาเกะกะ
เพดานสูงแต่ก็ยังมีหลังคากันสาด
มองจากด้านนอกครับ ให้เห็นความเป็น Duplex … จะพบว่าภาพต่างกับ Perspective อยู่นะ เพราะชั้นบนมีกระจกปิดทับอีกรอบหนึ่ง
ต่อมาเรามาเดินขึ้นไปยังชั้นบนกันดีกว่า ทางขึ้นจะมีตู้เก็บของวางอยู่ด้วย
แต่มือจับหน้าบานตู้คมบาดใจจริงๆ แนะนำว่าให้เปลี่ยนทุกกรณี อันตรายครับ!
สีของบันไดทำได้เข้ากับพื้นเลย และแม้ว่าจะเป็นห้อง Duplex ในคอนโด ก็ไม่ยอมทำขั้นสามเหลี่ยมด้วย ใช้ขั้นสี่เหลี่ยมเต็มทุกจุด ทำให้เดินง่ายและปลอดภัย ชอบครับ
เดินขึ้นชั้นสอง
ราวบันไดจับยากนิดนึงนะครับ
ขึ้นมาชั้นสองเราจะพบกับ … ห้องนอนทันที ไม่มีพื้นที่ให้เว้นหายใจเลย แม้แต่ตัวเตียงก็แทบจะประชิดกระจกอยู่แล้ว
เบียดๆเลยครับ ยังดีที่มีราวกันตกเป็น Tempered Glass ใครนอนดิ้นจะได้ไม่ต้องลงไปนอนต่อบนโซฟา
ทั้งหมดนี้มาจากความที่ห้องทำพื้นที่ Void ต้องการเพดานสูง Double Ceiling … เลยทำให้มาเบียดเบียนห้องนอน แต่ในขณะเดียวกันก็จะได้กระจกแนวดิ่งวิวจากมุมสูงเป็น Trade Off ครับ
เวลานอนจะเห็นยอดไม้แบบนี้ครับ สวยดีนะ
ต่อมาเป็นตู้เสื้อผ้าที่เปลี่ยนเป็นหน้าบานกระจกแล้ว จำนวนตู้ก็ลดลงเหลือเพียงตู้เดียว
แอร์ติดปลายเตียง พร้อมกับทีวีแขวนผนัง หรือจะตั้งบนพื้นที่ Sideboard ก็ได้
ห้องน้ำกั้นเป็นสัดเป็นส่วน แต่มีแค่ 3 Fixtures คือจะขาด Shower Box ไป
โดยซิงก์และโถสุขภัณฑ์ยังใช้ KOHLER เหมือนเดิม
มองในมุมสูงจะมีการจัดที่วางเก็บของโน่นนี่มาให้ครบถ้วน
แต่ส่วนที่ถูกลดทอนลงไปคือการเอา Shower Box มารวมเข้ากับ Bath Tub
ฝักบัวสวยงาม ด้ามจับกันลื่น
ดีที่ Bath Tub รุ่นนี้ทำพื้นเรียบ ทำให้ยืนได้เต็มๆเท้า แต่ด้วยขนาดก็อาจจะเล็กไปหน่อยสำหรับคนตัวใหญ่ๆแบบผมนะครับ
จบด้วยการก้มลงไปมองพื้นชั้นล่าง จาก Duplex ชั้นบนล่ะ
ซึ่งห้อง Duplex นี้มีห้องน้ำเดียว ทำให้คนที่อยู่ด้านล่างต้องขึ้นมาใช้ห้องน้ำข้างบนนะครับ
สุดท้ายคือ 3 Bedrooms Duplex ที่ไม่มีห้องตัวอย่าง แต่จัดเป็น 2 Bedrooms ชั้นบนและ 1 Bedroom ชั้นล่าง
การจ่ายเงินทำได้ 4 แบบ คือ
- จ่ายตามปกติ จอง 50,000 สัญญา 5% ผ่อนดาวน์ 10% และโอน 85% กรณีนี้จะรูดบัตรเครดิตได้ 5%
- จอง 50,000 เทดาวน์ 15% โอน 85% จะสามารถรูดบัตรได้ 15% เลย
- แบบผ่อนเบาๆ จอง 50,000 สัญญา 5% แบ่งจ่ายเป็น 0% 10 เดือน กับ KBANK/UOB และ ผ่อนดาวน์10% รูดบัตรได้เต็มที่ 5%
- แบบเน้นแต้ม จอง 50,000 สัญญาและดาวน์15% แบ่งจ่ายเป็น 0% 10 เดือน กับ KBANK/UOB รูดบัตรได้เต็มที่ 15%
มีแปลนเฟอร์นิเจอร์และของแถมให้ … สำหรับห้อง Studio จะได้ตามนี้
- ห้องนอน เตียง/ตู้ข้าวเตียงสองชุด/เก้าอี้นั่ง
- ห้องนั่งเล่น โซฟา/โต๊ะกลาง/สตูล/โต๊ะอาหาร/เก้าอี้สองตัว/ทีวี
- ชุดครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า 5 ชิ้น ตู้เย็น/Microwave/Hob/Hood/เครืองซักผ้า
มี Service แบบโรงแรมให้ แต่ก็จะเสียค่าใช้จ่ายต่างหาก ยกเว้นรถ Shuttle Bus ที่จะไม่เสียเพิ่ม
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 7/11/2013
- Studio อาคาร B ห้อง 408 เนื้อที่ 32.72 ตารางเมตร ราคา 4.76 ล้านบาท หรือ 145,000 บาทต่อตารางเมตร
- 1 Bedroom อาคาร A ห้อง 313 เนื้อที่ 44.49 ตารางเมตร ราคา 6.3 ล้านบาท หรือ 141,000 บาทต่อตารางเมตร
- 1 Bedroom อาคาร A ห้อง 505 เนื้อที่ 39.48 ตารางเมตร ราคา 5.95 ล้านบาท หรือ 150,000 บาทต่อตารางเมตร
- 2 Bedrooms อาคาร B ห้อง 804 เนื้อที่ 75.31 ตารางเมตร ราคา 12.1 ล้านบาท หรือ 161,000 บาทต่อตารางเมตร
- 3 Bedrooms อาคาร B ห้อง 401 เนื้อที่ 92.8 ตารางเมตร ราคา 13.98 ล้านบาท หรือ 150,000 บาทต่อตารางเมตร
- Fully Furnished + แอร์ + ม่าน + เครื่องใช้ไฟฟ้า 5 รายการ
- เพดานสูง 2.45 เมตร
- จอง 50,000 บาท
- ทำสัญญา 10%
- ค่ากองทุน 800 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 60 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
เจาะลึกรวบยอด
เรามาดูกันด้วยเรื่องทำเลก่อน ตัวโครงการ LIV@49 นี้ตั้งอยู่บนถนนซอยสุขุมวิท 49 ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งศูนย์กลางการใช้ชีวิตย่านพร้อมพงษ์-ทองหล่อ แถวหน้าถนนใหญ่มี Rain Hil ข้างในซอยมี Fuji Supermarket และโรงพยาบาลสมิติเวช จัดว่าเป็นซอยหลักซอยหนึ่งบนถนนสุขุมวิท พื้นที่รอบข้างส่วนใหญ่แล้วเป็นทาวน์โฮม มีคอนโดมิเนียมไม่กี่โปรเจค และส่วนใหญ่ก็จะเป็น Low Rise ทั้งสิ้น เช่น VIA 49, The Crest สุขุมวิท 49 แต่ก็จะมีตึก High Rise อย่าง Aequa ตั้งเด่นอยู่ช่วงหน้าปากซอย ซึ่งแถวนั้นมีร้านก๋วยเตี๋ยวหมูลูกชิ้นปลาอร่อยๆด้วยนะ
การเดินทางคมนาคมด้วยรถยนต์ทำได้สะดวก โดยทางลัดในซอยสามารถลัดเลาะทะลุไปออกได้ตั้งแต่ อโศก ประสานมิตร สวัสดี พร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัย โดยไม่ต้องผ่านถนนใหญ่สุขุมวิท เป็นการหลีกเลี่ยงรถติดไปในตัว แต่ถ้าจะต้องออกนอกบริเวณไปย่านอื่นก็ต้องใช้ถนนใหญ่อย่างสุขุมวิทหรือเพชรบุรี ซึ่งแน่นอนว่าคงจะต้องมีเรื่องรถติดเข้ามาร่วมพิจารณา ส่วนเรื่องที่จอดรถนั้นมีมาให้พอประมาณ อยู่ที่ 60% ไม่รวมจอดซ้อนคัน พอรวมจอดซ้อนคันแล้วน่าจะได้แถวๆ 70% ซึ่งเป็นที่จอดรถชั้น B1 และ B2 เป็นหลัก
การเดินทางโดยไม่ใช้รถก็ทำได้ค่อนข้างสะดวกเช่นกัน เนื่องจากสะพานลอยขึ้นรถไฟฟ้าสถานี BTS ทองหล่อนั้น ลากยาวมาจนถึงปากซอยสุขุมวิท 53 ทำให้ระยะทางจากหน้าโครงการไปถึงตีนสะพานลอยอยู่ที่ 500 เมตรพอดิบพอดี เดินไปชิวๆก็เกือบได้เหงื่อนะครับ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าสะพานลอยนั้นยาวเหมือนกันกว่าจะเดินไปถึงตัวสถานีก็ต้องมีอีกประมาณ 100 เมตร ซึ่งการเดินบนทางลอยฟ้านั้นให้ความรู้สึกว่าใกล้และเดินสบายกว่าด้านล่างมาก ส่วนใครที่ไม่อยากเดินทางโครงการก็มีรถรับส่งแบบ Shuttle Service เตรียมไว้ให้บริการนะครับ
Service อื่นๆของโปรเจคนี้ ก็มีทั้งเรื่องการบริหารการปล่อยเช่า, แม่บ้าน ทำความสะอาดและซักรีด มีบริการ Concierge เช่นจองตัวเครื่องบินหรือร้านอาหาร ทั้งนี้ไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายเป็นส่วนหนึ่งของค่าส่วนกลาง มี Surcharge ที่แต่ละท่านต้องออกกันเองเพื่อใช้บริการต่างๆ ยกเว้นแต่ Shuttle Service เท่านั้นที่ไม่เสียค่าบริการเพิ่มเติม
ทิศทาง วิวและบรรยากาศโดยรอบโครงการจัดว่าค่อนข้างดี ตัวตึก A อาจจะถูกบังวิวที่ด้านทิศเหนือจากอาคารพาณิชย์และทาวน์โฮมข้างๆ แต่ก็มีถนนซอยเล็กๆคั่นไว้ทำให้ไม่ได้บังในระยะประชิดขนาดนั้น ส่วนตึก B ห้อง Studio ทั้งสามห้องด้านหลังก็จะถูกบังด้วยอาคารข้างเคียงมิดจนถึงชั้น 8 … ทิศทางอื่นๆค่อนข้างโล่งตามที่ได้รีวิวไป ในขณะที่บรรยากาศบริเวณ Courtyard ตรงกลางโครงการนั้นทำออกมาค่อนข้างโล่ง โปร่ง มีต้นไม้ใหญ่เก็บไว้หนึ่งต้นซึ่งจะช่วยแผ่กิ่งก้านสร้างร่มเงาได้เป็นอย่างดี
ห้อง Duplex ที่บริเวณชั้น G นั้นมีข้อได้เปรียบห้องอื่นก็คือสามารถเดิน Access เข้าออกได้สองทาง จากทางระเบียงหรือทางประตูห้อง ซึ่งพอเดินออกไปแล้วก็จะเป็นสวน ทำให้ได้บรรยากาศคล้ายๆกับการอยู่บ้าน อันเป็นสิ่งที่หาไม่ได้ในตึก High Rise แต่จะหาได้เฉพาะในโครงการ Low Rise … ขณะเดียวกันก็ต้องระวังปัญหาเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากประตูบานเลื่อนบริเวณระเบียงนั้นเป็นจุดอ่อนของ Security เมื่อเทียบกับประตูห้องด้านหน้า ที่ต้องผ่านการ Scan บัตร ฯลฯ ก่อนเข้ามาในโถงทางเดิน
การที่เลือกทำชั้นล่างเป็นห้อง Duplex นั้นก็ดีอีกอย่างในเรื่องของ Privacy ที่จะทำให้ห้องนอนชั้นบนได้รับความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องมากังวลว่าจะมีใครเดินผ่านไปผ่านมาข้างห้องนอนของเรา แต่ด้วยพื้นที่ที่จำกัดและการทำ Double Ceiling บริเวณห้องนั่งเล่น ก็ทำให้พื้นที่ห้องนอนนั้นดูแคบไปถนัดตา และตู้เสื้อผ้าก็ถูกตัดโควต้าลงครึ่งหนึ่ง ห้องน้ำก็ไม่มี Shower Box แยกต่างหาก หากใครไม่ได้รักชอบ Duplex ขนาดนั้น ผมว่าห้องนอนธรรมดาจะดูสบายกว่ามากครับ และอีกอย่างคือเรื่องของห้องน้ำ ที่จัดมาให้เฉพาะห้องน้ำด้านบน ดังนั้นก็จะไม่ค่อยสะดวกสำหรับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ชั้นล่างมากกว่าชั้นบนนะครับ
วัสดุต่างๆของห้องตัวอย่างนั้นจัดมาค่อนข้างดี พื้น Engineering Floor, ครัวท๊อปหินสังเคราะห์สีขาว, มีม่านสองชั้นให้, จัดเฟอร์นิเจอร์ให้ครบชุด, หน้าบาน High Gloss ระบบปิดเปิดเป็น Soft Close, พื้นครัวเป็นกระเบื้องลายไม้ เข้ากันดีกับพื้นห้องนอน, ห้องน้ำใช้สุขภัณฑ์ทั้งหมดของ KOHLER และกระจกแบบ Tempered Glass แทบทุกชิ้น, ตู้เสื้อผ้ามีให้พอเพียง, คอมเพรสเซอร์แอร์ซ่อนมิดชิด, ห้องน้ำส่วนใหญ่เป็น 4 Fixtures และมีการตกแต่งพื้นผนังด้วยกระเบื้องลายที่สวยงาม จะขาดอยู่เพียงเรื่องเดียวคือความสูงของเพดานที่จำกัดแค่ 2.45 เมตร และแอร์ที่เป็นแบบแขวนผนัง
แบบโครงการทำออกมาได้สวยงาม Modern มาก แต่อย่าไปดูโมเดลเยอะ เพราะมันไม่สวยเลย ผิดกับหน้าตาสำนักงานขายราวฟ้ากับเหว ดังนั้นขอให้ดูจากภาพ Perspective, การตกแต่งสำนักงานขายเอา ว่าโครงการหน้าตาจะออกมาเป็นอย่างไร โดยอัตราส่วนลิฟท์นั้นเหมาะสมอยู่ที่ค่าเฉลี่ย 1 ต่อ 52 ยูนิต แต่จำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดมีประมาณ 17 ยูนิต ซึ่งจัดว่ามากไปหน่อยสำหรับโครงการในเกรด Luxury Class นะครับ
สาธารณูปโภคจัดมาค่อนข้างเยอะ เมื่อเทียบกับการเป็นโครงการ Low Rise แล้ว จะพบว่ามีห้องอเนกประสงค์มากมาย ตั้งแต่ Library, Cinema, Health Club, Spa, Kid’s Room และ Multipurpose Room ซึ่งเป็นห้องที่ไม่ค่อยเห็นในโครงการทั่วไป ส่วนสระว่ายน้ำ สวนพักผ่อน ฟิตเนสนั้น ก็มีให้ครบตามมาตรฐาน แถม Pool Bar ไปอีกหนึ่งชุดด้วย แต่ด้วยขนาดของโครงการที่ไม่ใหญ่นัก ฟังก์ชั่นต่างๆที่กล่าวมาก็ต้องมีขนาดเล็กหน่อย ไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการนะครับ ทำให้เป็นสาธารณูปโภคแบบ มีเยอะ มีครบ ไม่ใช่แบบใหญ่โตครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 150,000 บาทต่อตารางเมตร, 7/11/2013
- ทำเล 8.5/10 – ติดถนนซอยสุขุมวิท 49 ไม่ไกลจากปากซอย
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – ทางลัดเลาะมากมาย ที่จอดรถ 70%
- ไม่ใช้รถ 8/10 – เดิน 500 เมตรไปถึงทางขึ้นสถานี BTS + มีระบบ Shuttle Service
- วัสดุ 9/10 – จัดมาให้เยอะ ครบ และดี
- แบบ 7/10 – ห้อง Duplex 1 Bedroom ดูเหมือนจะไม่ลงตัวเท่าไร, แบบตึกสร้างเต็มพื้นที่ มีห้องที่เป็นเหลี่ยมมุมแหลมๆตรงกลาง Court ค่อนข้างเยอะ
- สาธารณูปโภค 9/10 – จัดให้มาเยอะ ครบครัน แต่ขนาดอาจจะไม่ใหญ่มาก
- LUXURY CLASS
- 8.33 / 10.00
BOTTOM LINE
LIV@49 เหมาะกับคนที่กำลังหาคอนโดมิเนียมในย่านทองหล่อ / สุขุมวิท 49 อยากจะเก็บไว้เป็นทรัพย์สินหรืออยู่เองก็ได้ โดยเป็นโครงการ Low Rise ที่เน้นเรื่องสาธารณูปโภคครบครัน ใกล้ Fuji Supermarket และ รพ. สมิติเวช
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ