รีวิวโครงการ

BoomTharis I Life ๑ Wireless คอนโด High Rise บนถนนวิทยุ

10 พฤศจิกายน 2019

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับย่อที่ 1387 ..สวัสดีค่ะ นานๆ จะมีโครงการเปิดตัวใหม่บนถนนวิทยุกับ “Life ๑ Wireless” ทางทีมงานไม่รอช้ารีบไปเก็บข้อมูลมาฝากกัน เป็นคอนโด High Rise 43 ชั้น จาก AP ที่มีความพิถีพิถันในการออกแบบในสไตล์ Modern Thai Colonial ตัวโครงการมีให้เลือกตั้งแต่ห้องแบบ Studio, 1-2 Bedrooms ในราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท ซึ่งจะเปิด Booking Online ในวันที่ 20 ก.ค. และจะเปิด Pre-Sale ในวันที่ 29 ก.ค. นี้ค่ะ

Fact @ 18 July 2017

  • Life ๑ Wireless (ไลฟ์ วัน ไวร์เลส)
  • บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ปทุมวัน
  • คอนโด High Rise 43 ชั้น 1 อาคาร 1,344 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด n/a ยูนิตที่อาคาร n/a
  • ที่จอดรถประมาณ 566 คันคิดเป็น 42% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 48%
  • ที่ดินประมาณ 4-2-47.1 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : Q3 ปี 2017
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q3 ปี 2020
  • Studio 24-28 ตร.ม.
  • 1 Bedroom 35-45 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 63 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 170,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด n/a บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : n/a
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS n/a ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS เพลินจิต
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1623

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.747973, 100.548928

แผนที่จากโครงการ Life ๑ Wireless ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าเพลินจิตประมาณ 500 ม.

ที่ตั้งของโครงการ Life ๑ Wireless อยู่บนถนนวิทยุ ซึ่งเป็นถนนเส้นสั้นๆ ประมาณ 3 กม. ที่เชื่อมระหว่างถนนพระราม 4 และถนนเพชรบุรี มีลักษณะบางช่วงเป็น Two-way แต่ในช่วงที่ผ่านหน้าโครงการจะเป็นทางแบบ one-way โดยตำแหน่งที่ตั้งโครงการนั้นเรียกว่าค่อนมาทางฝั่งถนนเพชรบุรีแล้ว ทำเลโดยรอบเป็นจุดที่เรียกว่าเป็น CBD (central business district) แห่งหนึ่งของกรุงเทพจากความอุดมสมบูรณ์และเป็นพื้นที่ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นของ Lifestyle คนเมือง

ส่วนจุดทางขึ้น-ลงทางด่วน ที่ใกล้กับโครงการที่สุดคือ จุดขึ้นลงทางด่วนบนถนนเพชรบุรี แต่ถ้าจากถนนเพชรบุรีจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิทยุไม่ได้นะคะ ต้องตรงไปเลี้ยวซ้ายเข้าถนนชิดลมแล้วจึงค่อยวนเข้าถนนวิยุอีกที ส่วนทางขึ้นก็อยู่ข้างๆ กัน อันนี้ง่าย แค่วิ่งออกทางถนนเพชรบุรีแล้วเลี้ยวขวา ก็จะถึงทางขึ้นทางด่วนแล้วค่ะ

ส่วนการเดินทางโดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะ มีสถานีรถไฟฟ้า BTS เพลินจิตที่ใกล้ที่สุด โดยสามารถเลือกได้ว่าจะเดินลงมาที่บนทางเท้า แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนชิดลมเลยในระยะ 500 เมตร หรือจะเลือกเดินเข้า Wave Place ตากแอร์นิดหน่อยแล้วลงบันไดเลื่อน ออกจากห้างมาบนถนนวิทยุ ซึ่งถ้าต้องการเดินช้อปของใช้ในบ้านตาม Homepro ก็เป็นทางเลือกที่ดี ซึ่งจากสถานีนี้นั่งไปอีก 2 สถานีก็จะถึงสยาม ซึ่งเป็นสถานี Interchange กับสายสีลม สามารถไปออฟฟิสแถวสาทร หรือไปสุดสายที่ BTS บางหว้าได้เลย ส่วนแท๊กซี่ค่อนข้างหาง่ายมากเพราะถนนวิทยุค่อนข้างใหญ่ ส่วนพี่วินจะอยู่ตามทางลง BTS ทางออกต่างๆ ที่ใกล้กับโครงการที่สุดคือ วินตรงหัวมุมถนนวิทยุ หน้า Wave Place เลยค่ะ

ส่วนเรื่องความอุดมสมบูรณ์โดยรอบ เรียกได้ว่าเป็นทำเลย่านเพลินจิต ซึ่งอิงถนนสำคัญอย่างถนนสุขุมวิท มีห้างเรียงรายในระยะ 3 กิโลเมตร ที่ใกล้ที่สุดคือ Central Embassy ศูนย์การค้าที่มีการลงทุนสูงที่สุดในเครือ Central ถัดไปอีกนิดก็จะมี Central ชิดลม ซึ่งมีทางเชื่อมมาจาก Central Embassy ด้วย ฝั่งตรงข้ามกันคือ mercury ville ไกลออกไปหน่อยที่แยกราชประสงค์คือ Central world  สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่และสยามสแควร์วัน นอกจากนั้นก็ยังมีโรงแรม อาคารสำนักงาน เช่น Park venture, เพลินจิต เซ็นเตอร์ มีโรงพยาบาลจุฬา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โรงเรียนมาแตร์เดอี จุฬาลงกรณ์ และอีกมากมาย

การเดินทางในวันนี้ จะใช้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจากสถานีที่ใกล้โครงการที่สุดคือ สถานีเพลินจิต เพื่อดูบรรยากาศโดยรอบ และเส้นทางการเดินเข้าถึงโครงการกันนะ ว่าจะผ่านอะไรบ้าง รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 650 ม. ค่ะ

เริ่มต้นจากสถานีเพลินจิต เป็นสถานีที่ถัดมาจากสถานีที่คึกคักอย่างชิดลมเพียง 1 สถานี และถัดมาจากสถานีสยาม ซึ่งเป็นสถานี Interchange เพียง 2 สถานี ซึ่งเป็นสถานีที่เป็นแหล่งรวมความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้ อย่างไรก็ตามความอุดมสมบูรณ์ในย่านเพลินจิตก็มีไม่แพ้กัน เพราะมีห้างใหญ่ และอาคารสำนักงานให้เห็นอยู่หลายแห่งทีเดียว เห็นช่วงเวลากลางวันคนไม่เยอะมากแบบนี้ แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนนี่ไม่ต้องพูดกัน แน่นเอี๊ยดทุกขบวน เพราะเป็นแหล่งคนทำงาน ออฟฟิศใหญ่ๆ อยู่แถวนี้เยอะมาก

ลงมาจากชานชาลาก็หาทางออกหมายเลข 5

พามาวิวมุมสูงของถนนวิทยุสักหน่อย ถนนวิทยุช่วงนี้จะเป็น One-way นะคะ บรรยากาศโดยรวมคือจะมีอาคารใหญ่ทั้งศูนย์การค้า โรงแรม อาคารสำนักงาน ที่จะขึ้นตามหัวมุมถนน ส่วนบริเวณช่วงกลางๆ จะเป็นพื้นที่ของสถาณฑูต และที่ดินบางส่วนของเครือนายเลิศ ทำให้เราจะเห็นช่วงกลางๆ ถนนเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ที่ซ่อนตัวอยู่กลางเมืองแบบนี้ เดี๋ยวเราจะเริ่มเดินลงไปบนถนน เป็นระยะทางประมาณ 500 ม. ก็จะถึงโครงการค่ะ

จากทางออก 5 มีทางลงให้เลือก 2 ทาง ทางนึงคือเดินเข้า Wave Place ผ่านโฮมโปร แล้วลงไปที่ถนน หรืออีกทางหนึ่งคือเดินตรงไปลงบันไดตามปกติค่ะ

จากทางลงทั้ง 2 ทาง เราก็ลงมาที่ทางเท้าริมถนนวิทยุกันแล้ว

เดินเข้าถนนวิทยุมาจะเห็นพี่วินนั่งรอให้บริการกันอยู่เลย ถ้าเรียกพี่วินไปโครงการ สนน. ราคา 10 บาท เท่านั้นค่ะ

เดินผ่านพี่วินมาตามทางเท้า บรรยากาศดูร่มรื่น นับเป็นเอกลักษณ์ของย่านสถาณฑูตแบบนี้เลยนะคะ ที่จะมีทางเท้าที่สะอาดสอ้านเดินสบายแบบนี้

เดินมาอีกหน่อยก็จะผ่านสถาณฑูตสวิตเซอร์แลนด์

เดินมาอีกนิดเดียวก็จะผ่านโรงแรม The Moonite 4 ชั้น โดยติดกันก็จะเป็นทางเข้าที่ดินของ Life ๑ Wireless แล้วค่ะ

โครงการตั้งสำนักงานขายชั่วคราวเอาไว้เรียบร้อย โดยภายในจัดเป็นห้องตัวอย่างไว้ให้ชมกันค่ะ

ถนนด้านหน้าโครงการเป็นถนนสาธารณะ 2 เลน ที่เชื่อมออกมาจากถนนวิทยุ มีระยะจากถนนวิทยุถึงทางเข้าโครงการประมาณ 65 ม. ที่ต้องเปิดไว้เป็นถนนสาธารณะเพราะถนนเส้นนี้เป็นทางเข้าไปยังท่าเรือวิทยุด้วยเช่นกันค่ะ

บรรยากาศบริเวณทางลงท่าเรือวิทยุที่อยู่ติดกับถนนสาธารณะ 2 เลน โดยรอบจัดต้นไม้พุ่มไว้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี

ขึ้นมาบนสะพานวิทยุแล้วมองไปยังที่ดินของโครงการ จะเห็นทางเข้าที่กระเถิบเข้าไปด้านใน มีข้อดีที่ช่วยรักษาความ Privacy ในโครงการและหลีกหนีความวุ่นวายจากพื้นที่ริมถนนวิทยุไปได้เยอะทีเดียว

ภาพในมุมสูงทำให้เห็นที่ดินของ Life ๑ Wireless ชัดเจน มีตำแหน่งอยู่บนถนนวิทยุ ค่อนไปเกือบจะถึงถนนเพชรบุรี (ตัดใหม่) ด้วยตำแหน่งที่ดินถูกล้อมด้วยอาคารสูงทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ และทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ยังดีด้านที่ติดกับอาคารสูง จะมีถนนวิทยุและคลองแสนแสบกั้น ทำให้อาคารสูงไม่ได้อยู่ติดกับโครงการในระยะประชิด แต่ก็ถือว่าถูกบล๊อกวิวในระยะใกล้นะคะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

มาดูรอบๆ ที่ดินของโครงการ Life ๑ Wireless กันต่อ อ้างอิงจากตัวอาคารที่ทำไว้ให้ดูง่ายขึ้นเป็นเส้นกรอบสีแดงนะคะ ทำให้ห้องพักของโครงการจะมีห้องทั้งหมด 4 ทิศ ซึ่งสามารถสรุปได้ ดังนี้

  • ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดกับ คลองแสนแสบ ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารวิทยุ คอมเพล็กซ์สูง 38 ชั้น มีระยะห่างจากอาคารประมาณ 80 ม.
  • ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ติดกับ อาคารพักอาศัยสูง 2-3 ชั้น ซึ่งเป็นทิศที่ได้วิวดีที่สุดในโครงการ เพราะพอผ่านอาคารสูง 2-3 ชั้นขึ้นมาแล้วจะสามารถมองผ่านไปเห็นสวนสีเขียวขนาดใหญ่บนที่ดินของสถาณฑูตสวิตเซอร์แลนด์ และที่ดินที่เหลือของเครือนายเลิศ
  • ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หันไปทางคลองแสนแสบเช่นกัน แต่มองเลยไปก็จะเป็นทางพิเศษเฉลิมมหานคร ที่เทียบกับความสูงอาคารอยู่ที่ประมาณ 7 ชั้น
  • ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ หันไปทางทางพิเศษเฉลิมมหานคร ที่เทียบกับความสูงอาคารอยู่ที่ประมาณ 7 ชั้น ซึ่งห้องพักในฝั่งนี้จะค่อนข้างห่างจากทางพิเศษพอสมควร

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Park Venture ~ 550 ม.
  • Central Embassy ~ 650 ม.
  • โรงแรม Plaza Athenee/ Athenee Tower ~ 750 ม.
  • Central chidlom ~ 850 ม.
  • All season place ~ 1 กม.
  • โรงเรียนมาแตร์เดอี ~ 1 กม.
  • สถานฑูตอเมริกา ~ 1.3 กม.
  • โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ~ 1.4 กม.
  • จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ~ 3.4 กม.
  • Q.house ลุมพินี ~ 3.7 กม.
  • สวนลุมพินี ~ 3.9 กม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

มาดูภาพรวมของโครงการกันก่อนนะคะ Life ๑ Wireless เป็นคอนโดใหม่บนถนนวิทยุ ซึ่งนานๆ เราถึงจะเห็นโครงการใหม่เกิดขึ้นมาบนถนนเส้นนี้สักโปรเจกค์หนึ่ง มีความสูง 43 ชั้น 1 อาคาร โครงการนี้จัดพื้นที่ส่วนกลางมาให้ค่อนข้างเยอะและน่าใช้งานทีเดียว โดยจะแบ่งพื้นที่ชั้นล่างออกเป็นชั้น Faclities อย่าง Lobby, Parking และสวนส่วนกลางโดยรอบอาคาร ขึ้นมาถึงชั้น 4 จึงจะเริ่มเป็นชั้นพักอาศัย และจะกระจายพื้นที่ส่วนกลางไว้บนชั้น 10 ในลักษณะของ Sky Garden สำหรับ Facilities หลักๆ จะจัดไว้ 2 ชั้นบนสุดของอาคาร คือที่ชั้น 42-43 ก็จะมีทั้ง Swimming Pool, Fitness, Recreation Area, Roof Garden และ Sky Bar ค่ะ

Master Plan ของโครงการบนชั้น Ground Floor ซึ่งจะเป็นพื้นที่ต้อนรับส่วนแรก ประกอบด้วย Lobby หลักของโครงการ และ Semi Outdoor Lobby ที่เชื่อมให้เห็นสวนด้านหน้าโครงการ นอกจากนี้จะมี Library ในชั้นนี้ด้วย

ต่อไปมาดูแปลนอาคารกันนะคะ เริ่มกันที่ผังชั้น 1 โครงการ Life ๑ Wireless มีทางเข้าออกโครงการทางเดียวคือทางถนนสาธารณะที่เชื่อมเข้ามาจากถนนวิทยุ ทำให้ตำหน่งที่ตั้งโครงการจะถูกถอยร่นมาจากถนนใหญ่พอสมควร มีข้อดีที่ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น การเข้าถึงอาคารแยกส่วนรถและทางเดินเข้าไว้ชัดเจน ทำให้เป็นสัดส่วนดี ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเดินหลบรถค่ะ

ในชั้นนี้พื้นที่นอกอาคารจัดเป็นพื้นที่สวนส่วนกลางทั้งหมด ไม่มีส่วนของพื้นที่จอดรถนะคะ สำหรับที่จอดรถทางโครงการรองรับด้วยที่จอดรถในอาคาร 9 ชั้น รวมเป็นที่จอดรถประมาณ 566 คันคิดเป็น 42% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 48% นับว่ายังน้อยไปหน่อยสำหรับคอนโดระดับนี้ ที่ตั้งอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าประมาณ 500 ม. เส้นทางเดินรถในโครงการจะถูกบังคับให้วนซ้ายรอบอาคารเพื่อตรงมายังทางเข้าที่จอดรถในอาคารเท่านั้น หรือถ้าใครเข้ามาส่งลูกบ้านก็จะมีบริเวณ Drop-Off ให้จอดส่งและวนออกด้านหน้าโครงการได้สะดวก สำหรับความปลอดภัยนั้นจะเริ่มใช้ Key Card ตั้งแต่ทางเข้าโถงลิฟท์ แขกของลูกบ้านจึงสามารถมานั่งรอในส่วนของ Lobby ได้อยู่ค่ะ

สิ่งอำนวยความสะดวกในชั้นนี้จะมี Semi-Outdoor Lobby ที่ช่วยเปลี่ยนบรรยากาศให้ดูผ่อนคลายตั้งแต่บริเวณทางเข้าโครงการ ถัดเข้ามาเป็น Lobby หลัก ที่จะได้วิวสวนส่วนกลางรอบโครงการ ด้านในสุดเป็น Library ส่วนหนึ่งที่มีความพิเศษคือโถงลิฟท์ของโครงการนี้จะแยกออกเป็น 2 โถง ทำให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการสามารถเลือกใช้งานได้ว่าฝั่งไหนใกล้กับห้องพักอาศัยมากกว่ากัน ก็ถือว่าเป็นส่วนช่วยอำนวยความสะดวกให้แก้ลูกบ้านได้ดีค่ะ มีอัตราส่วนลิฟท์เฉลี่ยทั้งโครงการถือว่าน้อยมากอยู่ที่ 192 : 1 ค่อนข้างมากทีเดียว ก็คงต้องเผื่อเวลารอลิฟท์บ้างในช่วงเวลาเร่งด่วนนะคะ

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Drop-Off หน้าโครงการ มีแรงบันดาลใจมาจากต้นโพธิ์ ซึ่งถือว่าเป็นต้นไม้เก่าแก่ที่อยู่ในพื้นที่เดิม ถูกนำมาปรับรูปแบบให้ดูหรูหราแต่ก็ยังคงไว้ถึงอดีตของพื้นที่

เข้ามาด้านในอาคารส่วนแรกเลยจะผ่านบริเวณ Semi Outdoor Lobby ก่อนค่ะ บรรยากาศก็จะดูสบายๆ ฝั่งซ้ายมีการออกแบบที่นั่งคอยไว้เป็น Sunken Seat ที่สามารถมองออกไปผ่าน Recareation Pond และมองเลยไปยังสวนส่วนกลางได้

ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Lobby ของโครงการ ที่เปิดมุมมองให้สามารถเห็นสวนด้าหน้าโครงการได้

ภาพจำลองบรรยากาศอีกมุมหนึ่งภายใน Lobby หลักของโครงการ

ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Library

ในส่วนของสวนส่วนกลางด้านหน้าโครงการจัดออกมาให้มีความร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และไม่พุ่ม เพิ่มบรรยากาศด้วยเสียงจากน้ำตกเล็กๆ ภายในสวน พื้นที่ของสวนส่วนกลางที่ชั้น 1 มีขนาดประมาณ 1 ไร่ค่ะ

ห้องพักอาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้น 4 นะคะ ผังอาคารก็จะเหมือนๆ กันกับชั้น 5-8 ความพิเศษของห้องพักชั้นนี้คือสามารถเดินเชื่อมจากพื้นที่จอดรถเข้ามาได้เลย ทำให้สามารถเข้าห้องได้สะดวก ส่วนในเรื่องของความปลอดภัยจะเป็นประตู 2 ชั้นนะคะ คือมีประตูที่เข้ามาจากโซนที่จอดรถเพื่อเข้าโถงลิฟท์ชั้นหนึ่ง และก็จะมีประตูสำหรับเข้าโซนที่พักอาศัยอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งทั้ 2 ประตูนี้จะต้องใช้ Key Card ในการผ่านเข้าออกเท่านั้นค่ะ สำหรับห้องพักอาศัยชั้นนี้มีทั้งหมด 21 ยูนิต ดังนี้

  • ห้อง Studio ขนาด 24-28 ตร.ม. 7 ห้อง
  • ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม. 11 ห้อง ซึ่งเป็นแบบที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดในชั้น
  • ห้อง 1 Bedroom ขนาด 43 ตร.ม. 1 ห้อง
  • ห้อง 2 Bedroom ขนาด 45-63 ตร.ม. อีก 2 ห้อง

สำหรับวิวของห้องพักบนทำเลในเมืองแบบนี้คงต้องทำใจเรื่องตึกสูงที่รายล้อมอยู่นะคะ แต่ก็ใช่ว่าโครงการนี้จะถูกล้อมทั้งหมดนะคะ ห้องทิศที่วิวโล่งๆ ก็มีเช่นกันค่ะ ห้องทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ จะหันออกถนนวิทยุ ซึ่งเยื้องๆ ไปฝั่งตรงข้ามจะมีอาคารวานิชสูง 42 ชั้น บังวิวอยู่ในระยะไกลหน่อย คือระยะประมาณ 150 ม. ก็ยังดีที่เหลือพื้นที่ว่างระหว่างอาคารค่อนข้างมาก ส่วนห้องทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะหันไปทางคลองแสนแสบ ซึ่ง ฝั่งตรงข้ามคลองเป็นอาคารวิทยุคอมเพล็กซ์สูง 38 ชั้น ก็จะโดนบล๊อกวิวเช่นกัน แต่ก็ยังมีพื้นที่ว่างระหว่างอาคารประมาณ 80 ม. ทิศที่ได้วิวดีที่สุดคือทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่หันไปทางนายเลิศทาวเวอร์ แต่ก็ไม่โดนบล๊อกวิวตรงๆ แถมน่าจะยังสามารถมองทะลุมาถึงสวนขนาดใหญ่ของตระกูลนายเลิศ ซึ่งปัจจุบันเปิดเป็นร้านอาหารได้ วิวในทิศนี้ตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นมาก็ค่อนข้างโล่งทีเดียว สามารถมองผ่านอาคารใกล้ๆ ไปเห็นอาคารสูงๆ ที่อยู่ติดถนนสุขุมวิท ตามเส้นรถไฟฟ้าได้

ชั้นมาที่แปลนชั้น 10 จากแปลนชั้นนี้จะเห็นรูปทรงของอาคารเป็นตัว Z ชัดเลย การออกแบบอาคารแบบนี้มีข้อดีที่ช่วยเปิดมุมมองให้แก่ห้องทุกห้อง แต่ก็มีข้อเสียที่โถงทางเดินของแต่ละชั้นจะค่อนข้างยาวมาก ซึ่งทางโครงการก็แก้ปัญหาด้วยการแยกโถงลิฟท์ออกเป็น 2 ฝั่งเลย ทำให้แปลนแบบนี้ดูลงตัวดีทีเดียว

สำหรับชั้น 10 จะเป็นอีกชั้นที่มีพื้นที่สวนส่วนกลางแบบลอยฟ้า โดยมีทางเข้าแยกออกมาจากโถงลิฟท์โดยตรง ทำให้ไม่รบกวน Privacy ของผู้พักอาศัยในชั้นนี้ พื้นที่สวนส่วนกลางแบ่งพื้นที่ออกเป็นมุมต่างๆ ได้แก่ Reflection Pond, Party Space, Multi-Use Lawn, Amphitheater และ Sunken Garden with Swing ห้องพักในชั้นนี้มีทั้งหมด 39 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นห้อง 1 Bedroom Plus 35 ตร.ม. แต่ก็มีห้องอื่นๆ ให้เลือกทั้งแบบ Studio, 1 Bedroom และ 2 Bedrooms ค่ะ

สำหรับเรื่องวิวที่ชั้น 10 ก็จะคล้ายๆ กับชั้น 5-8 เลย ต่างกันที่จะมีห้องที่อยู่ติดสวนเพิ่มเข้ามาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งทางโครงการออกแบบไว้ให้ห้องพักติดสวนแบบนี้ มีทางเดินเชื่อมเข้าสวนด้วยนะคะ

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณสวนส่วนกลางบนชั้น 10 ของโครงการ ที่เป็นส่วนของ ReflectionPond เห็นรูปแบบนี้แล้วอยากเห็นตอนสร้างเสร็จจริงเลยนะคะ ว่าจะร่มรื่นน่าใช้งานขนาดไหน

ขึ้นมาบนชั้น 14-32 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้นผังของห้องพักอาศัยเหมือนกับแบบของชั้น 10 นะคะ มีทั้งหมด 39 ยูนิต เช่นเดียวกัน

วิวโดยรวมของห้องพักก็จะเหมือนชั้น 10 เลยนะคะ ต่างกันที่ห้องพักในชั้นที่สูงขึ้นก็จะได้วิวในมุมสูงขึ้นไปด้วย

ชั้น 33 ผังโดยรวมจะเหมือนที่ชั้น 32 นะคะ แต่จำนวนห้องจะลดลงไป 2 ห้อง ส่วนผังชั้น 34-35 ก็จะมีแปลนอาคารที่คล้ายกับชั้น 33 เลยค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 36 ห้องพักจะลดลงจากชั้น 35 อีก 1 ห้อง ส่วนผังชั้น 37-38 ก็จะคล้ายๆ กับชั้น 36 เช่นเดียวกัน

ขึ้นมาชั้น 39-41 ห้องพักจะลดลงจากชั้น 38 อีก 1 ซึ่งชั้น 41 จะเป็นชั้นพักอาศัยที่สูงสุดของโครงการแล้ว

ต่อไปมาดูชั้น Facilities ส่วนกลางหลักๆ ที่ถูกจัดไว้ที่ชั้นบนสุดของอาคาร แบบเต็มๆ 2 ชั้นเลย คือชั้น 42 และ 43 โดยในชั้น 42 จะมี Rooftop Garden ที่จัดมาในลักษณะของ Amphitheater, พื้นที่ Recreation ที่ประกอบไปด้วย Leisure Theater Room และ Roof Hideaway Bar ซึ่งจะเชื่อมต่อกับพื้นที่ Outdoor ที่จัดไว้เป็น Sky Bar ค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศพื้นที่ Roof Hideaway Bar ที่เชื่อมต่อกับ Sky Bar แบบ Outdoor เป็นพื้นที่สังสรรค์ยามเย็นที่ได้วิวเมืองในมุมสูงไปด้วย

ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Leisure Theater Room ที่เชื่อมต่อกับ Roof Hideaway Bar ค่ะ

 

ขึ้นมาที่ชั้น 43 เป็นชั้นบนสุดของอาคาร ถูกออกแบบไว้เป็นสระว่ายน้ำและห้อง Fitness ที่จะได้วิวเมืองในมุมสูงด้วยค่ะ ในชั้นนี้สามารถขึ้นมาด้วยลิฟท์เลย ทำให้สะดวกสบายทีเดียว

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณสระว่ายน้ำขนาดประมาณ 5 x 30 ม.ที่ได้วิวเมืองโดยรอบ ด้านข้างสระว่ายน้ำจัดไว้เป็นโซน Jacuzzi สำหรับใครที่ไม่อยากว่ายน้ำหนักๆ ก็สามารถมานั่งเล่นน้ำ ชมวิวในมุมนี้แทนได้

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • 1st Floor

  • One Wireless Botany
  • Cascade Garden
  • Lobby
  • Semi Lobby
  • Library

  • 10th Floor
    • High Garden Promenade

  • 42nd Floor
    • Amphitheater Wireless Social Club
    • Leisure Theater Lounge with Sky View Lobby
    • SKY BAR

  • 43rd Floor
    • Dazzling Swimming Pool Panoramic View ขนาด 5 x 30 ม.
    • Fitness

  • ลิฟท์โดยสาร 7 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 192 : 1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 566 คันคิดเป็น 42% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 48%
  • ระบบ CCTV / Access Card
  •  


    Product Walkthrough

    ห้องตัวอย่างจัดไว้ให้ดู 2 แบบ คือห้อง Type 28A เป็นสตูดิโอแบบ 28 ตร.ม. และห้อง Type 35A เป็นห้องแบบ 1 Bedroom Plus 35 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องที่มีจำนวนยูนิตเยอะที่สุดในโครงการ โดยโครงการนี้จะขายแบบ Fully Fitted เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่จัดไว้ จึงแค่ให้ดูเป็นตัวอย่างการจัดวางเท่านั้นนะคะ ไม่ได้ให้ทั้งหมด ส่วนเฟอร์นิเจอร์และวัสดุอุปกรณ์ที่จะได้เหมือนแบบในห้องตัวอย่างคือ Pantry ครัว และ วัสดุภายในห้องน้ำค่ะ

    ห้องแบบ Studio ขนาด 28 ตร.ม. มีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่จัดมาได้ลงตัว ลักษณะห้องเป็นสไตล์หน้าแคบลึกและวางฟังก์ชันของพื้นที่ครัวและห้องน้ำให้อยู่ด้านหน้าห้อง(ในอาคาร) เพื่อให้พื้นที่ส่วนเตียงนอนและพื้นที่นั่งเล่นได้วิวและแสงจากภายนอกได้ดี ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งขึ้นมามากกว่าการวางฟังก์ชันครัวและห้องน้ำอยู่ด้านนอก แลกมาประสิทธิภาพใช้งานครัวและห้องน้ำที่ลดลง เพราะครัวและห้องน้ำจะต้องพึ่งพาระบบระบายอากาศของตัวอาคารล้วนๆ แต่ถ้าให้เลือกเราก็เลือกการวางแปลนแบบนี้นะ เพราะเราไม่ได้เน้นทำครัวเยอะ ส่วนใหญ่ก็ใช้พื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่เตียงนอนเป็นหลัก จึงอยากให้แสงเข้าห้องมายังพื้นที่นั่งเล่นมากกว่า อย่างไรก็ตามแบบห้องจะเหมาะหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่นะคะ

    ในส่วนของห้องน้ำนั้นจะค่อนข้างแตกต่างกว่าโครงการทั่วไปเนื่องจากเป็นห้องน้ำสำเร็จรูป (สร้างและประกอบที่โรงงาน ค่อยมาติดตั้งหน้างาน) ข้อดีของห้องน้ำประเภทนี้คือคุณภาพค่อนข้างดีเพราะประกอบจากโรงงานมีการ QC ไม่เหมือนห้องน้ำทั่วไปที่ต้องแล้วแต่โชคว่าช่างที่ทำให้ห้องเรานั้นทำเก่งรึเปล่า การซ่อมแซมง่าย ไม่รั่วซึม ทำความสะอาดง่าย แต่ข้อเสียก็มีนะคะ คือเรื่องราคาที่สูงกว่าห้องน้ำธรรมดา และขนาดที่ไม่มีให้เลือกได้มากนัก พื้นห้องน้ำจะยกสูงขึ้นมาจากพื้นห้อง ออกแบบมากะทัดรัด เพื่อประหยัดเนื้อที่ใช้สอยส่วนอื่นๆ ซึ่งยากที่จะต่อเติมหรือขยับขยายแน่นอน สำหรับใครที่สนใจในการศึกษาห้องน้ำสำเร็จรูปเพิ่มเติม (คลิกที่นี่)

    เข้ามาในห้องจะเจอกับเคาน์เตอร์ครัวทางฝั่งขวา ฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำ ถัดเข้าไปเป็นโซนพักผ่อน ทั้งนอนและนั่งเล่นที่รวมไว้ในพื้นที่เดียวกัน

    มาดูรายละเอียดส่วนของเคาน์เตอร์ครัวเป็นตำแหน่งแรก ขนาดเคาน์เตอร์ยาวประมาณ 1.8 เมตร พอเหมาะกับการใช้งานในคอนโดแบบ Studio เฟอร์นิเจอร์ที่ได้ก็จะมีชุดครัวที่เว้นตำแหน่งสำหรับวางตู้เย็นไว้ให้, Pantry ครัว, Backsplash ด้านหลังและตู้ลอย พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ จะไม่ได้ให้มานะคะ

    เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีตู้เก็บของเป็นตู้บานเปิดปิดและลิ้นชัก หน้าบานไม้ลามิเนต ซึ่งบานพับจะเป็นแบบ Soft close 2 ตู้เป็นลิ้นชักไว้เก็บช้อนส้อม เก็บจาน อีกตู้หนึ่งใต้ซิงค์ล้างจานเป็นตู้ไว้ใช้เก็บของเล็กๆ น้อยๆ ได้ แต่ใส่ของเต็มไม่ได้นะคะเพราะต้องเว้นพื้นที่เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจานค่ะ

    มือจับตู้ถูกออกแบบให้ด้านในมีการเว้นร่อง เพื่อให้เกิดช่องสำหรับสอดมือไปดึงลิ้นชักออกได้ ซึ่งแบบนี้มีข้อดีที่ไม่ต้องกลัวมือจับตู้หลุดอีกต่อไปค่ะ

    มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ให้ช่องเคาน์เตอร์มา 3 ช่องนะคะ ช่องหนึ่งเป็นซิงค์ล้างจาน อีกช่องเป็นเตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควัน อีกช่องเป็นเคาน์เตอร์โล่งไว้ให้เป็นพื้นที่เตรียมอาหาร Top เป็นหินสังเคราะห์ ส่วน Backsplash ด้านหลังติดกระเบื้องแกรนิตโต้มาให้แบบห้องตัวอย่างเลยนะคะ เวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

    เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Teka จะใช้อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ หรือ ทำอาหารทานกันในห้องก็ได้ มาพร้อมเครื่องดูดควันของ Teka เช่นกัน โดยจะต่อท่อดูดควันออกไปข้างนอกให้เรียบร้อย

    ถัดไปเป็นซิงค์ล้างจานและก๊อกน้ำของ Teka มีขนาดพอจะใส่จานใส่แก้วได้ และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมาค่ะ

    ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 3 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของ ตัวบานพับเปิดปิดเป็นแบบ Soft Close เช่นเดียวกับตู้ใต้เคาน์เตอร์ครัวนะคะ

    สำหรับห้องครัวของห้อง Type นี้ สามารถกั้นเป็นครัวปิดได้โดยทำประตูบานเลื่อนเพิ่ม ถ้าทำเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอนแบบห้องตัวอย่างได้ยิ่งดีนะคะ เพราะจะทำให้เวลาเปิดประตูแล้ว เราจะได้พื้นที่ทางเดินที่กว้างกว่าประตูแบบ 2 ตอนค่ะ ฝั่งตรงข้ามของชุดครัวเป็นตำแหน่งของห้องน้ำค่ะ

    ในส่วนของห้องน้ำค่อนข้างพิเศษจากโครงการอื่นคือ เป็นห้องน้ำสำเร็จรูป จากที่ได้อธิบายข้อดีข้อเสียไว้ก่อนหน้าแล้ว ภายในห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนเปียกแห้งไว้ด้วยฉากกั้นอาบน้ำ

    เนื่องจากพื้นห้องน้ำสำเร็จรูปที่ต้องซ้อนทับลงบนพื้นห้องอีกที ทำให้พื้นห้องน้ำสูงกว่าพื้นห้องขึ้นไปอีก ภายในแบ่งพื้นที่ 2 ส่วนด้วยขอบธรณีกั้น เพื่อกันน้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกไหลไปส่วนแห้ง ทำให้ได้การใช้งานที่เป็นสัดส่วน

    ในส่วนของสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้ ก็จะได้ครบตามอย่างห้องตัวอย่างเลย ผนังด้านหลังอ่างล้างหน้าติดกระจกไว้เป็นบานใหญ่กว้างเกือบเต็มผนัง ทำให้บรรยากาศภายในห้องน้ำดูโปร่งขึ้น

    อ่างล้างหน้าของ Bathroom Design หรือเทียบเท่า มีขนาดพอสมควรกับการใช้งาน มีขอบอ่างสำหรับวางของได้นิดหน่อย ด้านล่างอ่างล้างมือมีตู้ลิ้นชักสำหรับใส่ของ อย่างผ้าเช็ดมือผืนเล็กๆได้นิดน่อย แต่ก็อย่าลืมเว้นที่ไว้เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างมือค่ะ

    นอกจากที่วางของบนขอบอ่างล้างหน้าแล้ว ยังมีพื้นที่หน้ากระจกให้วางของใช้ได้อีกหน่อยด้วยนะคะ

    โถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้นของยี่ห้อ Kohler หรือเทียบเท่า พร้อมสายฉีดชำระและแกนใส่กระดาษทิชชู่ตามมาตรฐานโครงการ

    ต่อไปมาดูพื้นที่อาบน้ำกันบ้าง จะถูกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจกนิรภัย ซึ่งเป็นแบบบานเปิดปิด มีมือจับสามารถจับเปิดได้สะดวก ช่วยกันไม่ให้น้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกกระเด็นออกมาในพื้นที่ส่วนแห้งค่ะ

    สำหรับมือจับสามารถนำมาใช้เป็นที่แขวนผ้าเช็ดตัวก็ได้ ส่วนขอบประตูกระจกทางโครงการเก็บรายละเอียดมาเรียบร้อย ด้วยการติดพลาสติกกันกระแทกตรงขอบประตูกระจก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุค่ะ

    ภายในพื้นที่อาบน้ำก็มีการติดตั้งอุปกร์อาบน้ำไว้เรียบร้อยเช่นเดียวกัน

    พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 0.9 x 0.9 cm. ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านกันลื่น

    หน้าตาของฝักบัวที่ได้ของ Grohe นะคะ มีขนาดจับได้ถนัดมือดี

    ถัดมามาดูพื้นที่ภายในโซนพักผ่อนกันบ้าง โดยโครงการจะจัดเตียงขนาดใหญ่ไว้กลางห้องเลย ซึ่งห้อง Studio แบบนี้ก็เหมาะจะอยู่คนเดียวมากกว่า และไม่ได้มีแขกมาเยี่ยมบ่อยๆ เพราะไม่มีแยกโซนห้องนอนกับห้องนั่งเล่นออกจากกันอย่างชัดเจนเลยนะ พื้นที่ตรงนี้มีข้อดีที่จะได้แสงธรรมชาติเข้ามาจากทางกระจกด้านในเต็มๆ ซึ่งจะเป็นส่วนที่โปร่งโล่ง น่าอยู่ ที่สุดในห้อง

    อย่างที่บอกไปว่าโครงการขายแบบ Fully Fitted ทำให้เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในห้องนี่เราจะต้องหามาเพิ่มเองนะคะ อย่างเตียงถ้าใครชอบเตียงใหญ่ๆ ก็สามารถหาแบบ 6 ฟุตมาวางก็ยังได้ เพราะมีพื้นที่รอบเตียงเหลือสบายๆ ค่ะ

    ด้านข้างเตียงฝั่งซ้ายทางโครงการจัดไว้เป็นมุมโต๊ะทำงาน และมีตู้เก็บของได้เล็กน้อย ในชีวิตจริงอาจจะ Built-in ตู้เก็บของขนาดใหญ่เต็มผนังฝั่งซ้าย แล้ววางโต๊ะเขียนหนังสือขนาดเล็กลงหน่อย ก็จะช่วยให้ห้องมีพื้นที่เก็บของเพิ่มได้อีกเยอะนะคะ

    ฝั่งตรงข้ามโต๊ะเขียนหนังสือเป็นตำแหน่งของตู้เสื้อผ้า

    ตู้เสื้อผ้าที่โครงการ Built-in ไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างจะเป็นตู้บานเปิด 2 ตู้ ซึ่งเราสามารถเก็บไว้ใช้เป็นไอเดียในการตกแต่งห้องได้ แต่แนะนำถ้าเลือกเป็นตู้บานเลื่อนจะประหยัดพื้นที่ภายในห้องได้ดีกว่านะคะ

    ติดกันกับตู้เสื้อผ้าก็จะเป็นตำแหน่งสำหรับติดทีวี ซึ่งถูกออกแบบไว้ให้สามารถนอนดูทีวีได้จากบนเตียงได้เลย

    ถ้าติดชั้นวางทีวีแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ทางเดินปลายเตียง ให้สามารถเดินผ่านเข้าออกได้สะดวกอยู่นะคะ

    ถัดเข้ามายังพื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่งเป็นส่วนที่ติดกับหน้าต่าง ทางโครงการจัดไว้ให้เป็นพื้นที่ตั้งโซฟาสำหรับนั่งดูหนังหรือชมวิวภายนอกได้จากมุมนี้ ซึ่งห้องจริงจะไม่ได้โซฟามานะคะเป็นพื้นที่โล่งๆ จึงสามารถปรับเป็นมุมโต๊ะทำงานหรืออ่านหนังสือก็ได้แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลยค่ะ

    มุมโซฟาก็จะได้ติดกับหน้าต่างแบบนี้เลยนะคะ เป็นหน้าต่างบาน Fix ผสมบานกระทุ้ง ทำให้สามารถเปิดระบายอากาศภายในห้องได้ด้วย

    แต่หน้าต่างบานกระทุ้งจะเปิดได้ไม่กว้างมากนักนะคะ คือระยะแค่ที่เปิดให้ดู ที่เปิดได้แค่นี้ก็เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยเองค่ะ

    ถัดมายังพื้นที่ใช้สอยส่วนสุดท้ายในห้องคือส่วนของระเบียง ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ตัวเฟรมวงกบเป็นอลูมิเนียม ส่วนตัวบานเป็นกระจกตัดแสง จึงรับแสงธรรมชาติได้และยังช่วยกันความร้อนเข้ามาในห้อง

    ตัวล็อกจะเป็นตัวล็อกแบบฝังกับประตูแบบทั่วไป

    พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้แบบผิวด้านกันลื่น ซึ่งทำให้ทำความสะอาดง่าย มีขนาด 1.5 x 0.8 ม. เป็นพื้นที่ไว้สำหรับวางราวตากผ้าขนาดเล็ก หรือตั้งต้นไม้กระถางได้

    คอมเพลสเซอร์แอร์จะแขวนอยู่ด้านบนและปล่อยลมร้อนออกนอกอาคาร ทำให้ความร้อนไม่สะสมอยู่ที่ระเบียง จึงสามารถใช้พื้นที่ระเบียงได้เต็มที่

    ขยับมาที่ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 35 ตร.ม. แปลนห้องโดยรวมจะให้ความสำคัญกับห้องนอนมากกว่าห้องแบบ Studio ได้พื้นที่ห้องนอนแบบเป็นสัดส่วน โดยแยกส่วนของ Common Area ประกอบด้วยห้องนั่งเล่น, ห้องครัว, ระเบียง ออกจากห้องนอนอย่างชัดเจน ส่วนข้อด้อยของแปลนนี้ก็คือพื้นที่นั่งเล่นไม่ได้วิวภายนอก โซนครัวและห้องน้ำจะถูกจัดไว้ด้านในตัวอาคารทำให้ต้องพึ่งระบบระบายอากาศของอาคารล้วนๆ เลย สำหรับห้องน้ำจะได้เป็นห้องน้ำสำเร็จรูปเช่นเดียวกับห้องแบบแรกนะคะ

    เข้ามาภายในห้องจะเจอพื้นที่นั่งเล่นรับแขกก่อนเลย ถัดเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่สำหรับทำครัว และทานข้าว ด้านในสุดเป็นห้องนอนที่มีประตูบานเลื่อนกระจกกั้นพื้นที่ไว้เป็นสัดส่วน ซึ่งห้องนั่งเล่นก็ต้องอาศัยแสงธรรมชาติที่ลอดผ่านจากประตูกระจกนี้มาช่วยให้บรรยากาศในห้องดูโปร่งขึ้น

    ฝ้าเพดานห้องนี้สูง 2.6 เมตร ซึ่งเป็นระดับที่ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่งพอสมควร พื้นห้องในส่วนนั่งเล่นและห้องนอนจะได้เป็นพื้นไม้ลามิเนต ภายในโซนนั่งเล่นมีการจัดวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง มีระยะดูทีวีประมาณ 2 ม. มีขนากทีวีที่เหมาะสมกับระยะนี้อยู่ที่ 46 นิ้ว

    ติดกับโซฟามีพื้นที่โล่งๆ ให้วางโต๊ะทำงานได้ หรือจะใช้เป็นตำแหน่งวางตู้หนังสือ หรือโต๊ะทานข้าว ก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลยค่ะ

    ฝั่งตรงข้ามชุดโซฟานั่งเล่น เป็นส่วนของพื้นครัว ซึ่งห้องจริงก็จะได้ Pantry ครัวอยู่ในตำแหน่งนี้นะคะ

    ด้านข้างโซนครัวจะเป็นตำแหน่งของห้องน้ำ ซึ่งเป็นห้องน้ำสำเร็จรูปเช่นเดียวกับห้องตัวอย่างแบบแรก

    สำหรับห้องตัวอย่างจัดโซนครัวไว้ โดยออกแบบให้โต๊ะทานข้าวเชื่อมต่อกับ Pantry ครัวเลย ก็มีข้อดีที่สามารถเสิร์ฟอาหารได้สะดวก หรือใครอยากไปตั้งข้างโซฟาแทนโต๊ะเขียนหนังสือ เพื่อจะได้นั่งทานข้าวแล้วดูทีวีไปด้วยได้ก็ลงตัวไปอีกแบบ แต่โต๊ะทานข้าว และเครื่องใช้ไฟฟ้าในโซนนี้จะไม่ได้แถมมาให้นะคะ ผู้อยู่อาศัยสามารถเลือกแบบที่ชอบได้เลย

    พื้นที่สำหรับวางตู้เย็น มีพื้นที่เว้นเป็นช่องมาให้ โดยขนาดของตู้เย็นที่ห้องตัวอย่างจัดมาให้ดูมีขนาด 10.8 คิว เวลาจะเลือกซื้อตู้เย็นจึงต้องเช็คระยะที่วางให้ดีก่อนนะคะ

    ชุดครัวจะได้พื้นที่มากกว่าแบบแรก โดยจะเป็น Pantry ตัว L แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าชุดครัวแบบห้องแรกดูลงตัวกว่า เพราะตำแหน่งของเตาไฟฟ้าอยู่ใกล้กับตู้เย็น ทำให้ตู้เย็นต้องทำงานหนักขึ้น ระบายความร้อนยากขึ้น ส่งผลให้เปลืองไฟได้ค่ะ

    ถ้าใครชอบโต๊ะทานอาหารแบบ Pantry ติดกับครัวจัดแบบห้องตัวอย่างก็ดูลงตัวดีนะคะ สำหรับโต๊ะทานอาหารจะไม่ได้ให้มาด้วย แต่ก็สามารถเก็บไว้เป็นไอเดียในการตกแต่งได้ค่ะ

    มาดูภายในห้องน้ำกันต่อ เป็นห้องน้ำสำเร็จรูปที่ภายในแบ่งพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งไว้เรียบร้อย ด้านในติดตั้งวัสดุอุปกรณ์ให้ครบถ้วนเหมือนกับห้องน้ำในห้องแบบแรกเลยนะคะ

    ขนาดพื้นที่ใช้สอยก็จะมีพื้นที่พอๆ กับห้องน้ำแบบแรกเช่นเดียวกันค่ะ

    ต่อไปมาดูส่วนของห้องนอนกันค่ะ ประตูห้องนอนเป็นประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 2 ตอน ได้บานสูงถึงฝ้าเพดานเลย ทำให้ดูโปร่งดี แต่ด้วยความที่เป็นบานกระจกก็จะทำให้เสียความเป็นส่วนตัวภายในห้องนอนไปได้เหมือนกัน ก็สามารถแก้ด้วยการติดม่านบังสายตาเพิ่มเติมได้

    ขอบประตูเก็บรายละเอียดมาดี มีการติดเส้นกำมะหยี่ไว้ให้เพื่อกันฝุ่นและเก็บเสียง ส่วนตัวรางประตูนั้นถูกเซาะร่องให้รางอยู่ในระนาบเดียวกับพื้น ทำให้พื้นห้องปูพื้นได้ต่อเนื่องเดินสบายไม่สะดุดเท้าค่ะ

    พื้นที่ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงใหญ่ได้สบายๆ และมีหน้าต่างอยู่ภายในห้อง ทำให้สามารถนอนมองวิวจากบนเตียงนอนได้เลย

    พื้นที่รอบเตียงมีพื้นที่เหลือให้สามารถเดินได้โดยรอบ ระยะกำลังดีไม่แคบไปนัก และเหลือพื้นที่ด้านข้างให้วางโต๊ะหัวเตียงได้ 2 ข้างด้วยนะคะ

    ในส่วนของปลายเตียงนั้นเป็นตำแหน่งสำหรับติดทีวี แนะนำให้ติดแบบแขวนดีกว่าเพื่อประหยัดพื้นที่ทางเดินรอบเตียง ถัดไปมีประตูทางเข้าห้องอเนกประสงค์

    ภายในห้องอเนกประสงค์สามารถจัดเป็นห้อง Walk-in Closet หรือจะวางเตียงเดี่ยวเพื่อจัดเป็นห้องนอนเล็กอีกห้องก็ได้

    หากจัดเป็นพื้นที่ Walk-in Closet พอ Built-in ตู้เสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะเหลือพื้นที่ภายในห้องให้ยืนเลือกเสื้อผ้า แต่งตัวได้สบายๆ

    ผนังห้องอีกฝั่งหนึ่งเป็นประตูกระจกบานเลื่อนเปิดออกไประเบียงด้านนอก โดยกรอบประตูจะอยู่บนขอบธรณีที่ยกสูงขึ้นอีกทีนึง ซึ่งขอบธรณีนี้จะช่วยกันน้ำจากภายนอกไม่ให้ไหลเข้าสู่ภายในตัวห้อง

    พื้นที่ระเบียงมีขนาด 0.8 x 2 เมตร พอให้วางราวตากผ้าและต้นไม้กระถางได้อีกนิดหน่อย

    ด้านบนเป็นที่ตั้งของคอมเพลสเซอร์แอร์ 2 ตัวซึ่งเป็นแบบแขวน ดีที่ตั้งหันออกด้านนอก ทำให้ความร้อนไม่สะสมอยู่ที่ระเบียง ถ้าเราจัดวางพื้นที่ใต้คอมเพลสเซอร์แอร์เป็นพื้นที่ตากผ้า ก็จะเหลือที่ให้สามารถออกมายืนชมวิวได้อีกนิดหน่อยด้วยนะคะ

    สวิชต์เปิด – ปิดและปลั๊กไฟจะได้ของ Siemens ค่ะ

     

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 18 July 2017

    • Studio เนื้อที่ 28 ตร.ม. ราคาประมาณ 4.9 ล้านบาท ประมาณ 175,000 บาท/ตร.ม.
    • 1 Bedroom Plus เนื้อที่ 35 ตร.ม. ราคาประมาณ 5.95 ล้านบาท ประมาณ 170,000 บาท/ตร.ม.

    • Fully Fitted
    • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • จอง n/a และทำสัญญา

      Type

      Booking Fee

      Contract Fee

      Total

      STUDIO 24-28 SQM

      80,000

      100,000

      180,000

      1BR 35-45 SQM

      100,000

      150,000

      250,000

      2BR 63 SQM

      150,000

      250,000

      400,000

    • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
    • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

    สรุป  Life ๑ Wireless เป็นโครงการที่มีจุดขายหลักที่ทำเลอยู่ในย่าน New CBD ที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง เป็นทำเลที่จะมี Big Project เกิดขึ้นอยู่ตลอดอย่างเช่น Central Embassy หรืออย่างเครือโรงพยาบาลกรุงเทพฯ ที่เพิ่งซื้อที่ดินบางส่วนของโครงการ ปาร์ค นายเลิศเพื่อสร้างเป็นศูนย์สุขภาพแบบครบวงจร BDMS Wellness Clinic แถมมีข่าวแว่วๆ มาว่ามีการซื้อที่ดินของสถาณฑูตอังกฤษไปแล้วอีกด้วย คงจะต้องจับตารอดูการพัฒนาในอนาคตกัน เชื่อว่าราคาที่ดินคงต้องขึ้นไปอีกแน่นอน

    แม้ว่าตัวโครงการอยู่ในทำเลที่เป็น CBD (central business district) แห่งหนึ่งของกรุงเทพจากความอุดมสมบูรณ์และเป็นพื้นที่ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นของ Lifestyle คนเมือง แต่ที่ตั้งของโครงการก็มีระยะที่ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีเพลินจิต 500 ม. ก็ต้องออกแรงเดินกันสักนิด หรือจะต้องต่อรถอีกที อย่างไรก็ตามทางเท้าจากโครงการมายังรถไฟฟ้าค่อนข้างเดินสบายมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะถนนเส้นนี้ร่มรื่น และสะอาดสอ้านมากทีเดียว ส่วนการเดินทางด้วยรถก็สะดวกเนื่องจากติดถนนใหญ่ แต่ก็เป็นถนน One-way ทำให้การเดินทางจะต้องพึ่งพาถนนโดนรอบร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีทางพิเศษเฉลิมมหานครให้เลือกใช้ในระยะไม่ไกลอีกด้วย หรือใครอยากไปนั่งเรือก็มีท่าเรือวิทยุ ที่อยู่ด้านหน้าโครงการเลย 

    ส่วนเรื่องของวิวนั้นทาง AP เองก็รู้ดีว่าถูกบล๊อกวิวด้วยอาคารสูงทั้งสองทิศทาง เค้าเลยพยายามแก้ปัญหาโดยการออกแบบอาคารให้เป็นตัว Z เพื่อให้เกิดระยะห่างระหว่างอาคาร ทำให้ถึงจะถูกบล๊อกวิวแต่ก็ไม่ได้อยู่ในระยะประชิดซะทีเดียว ซึ่งการทำแบบนี้แม้จะเป็นการเพิ่ม Cost และขั้นตอนการทำงาน แต่ก็ช่วยให้ลูกบ้านได้มุมมองที่ดีขึ้น

    โดยโครงการ Life ๑ Wireless เปิดตัวมาในราคาประมาณ 170,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นคอนโดบนถนนเส้นนี้ที่ราคาไม่ได้สูงลิบ และยังแบ่งห้องขนาดกะทัดรัด ทำให้ราคายังพอจับต้องได้ แม้ว่าขนาดห้องจะแบ่งออกมาไม่ใหญ่นัก ทางโครงการก็ชดเชยด้วยพื้นที่ส่วนกลางที่อัดแน่นมาให้เยอะมาก ทั้งที่ชั้น 1, 10 และยังจัด Facilities หลักๆ ไว้บน 2 ชั้นบนสุดคือชั้น 42-43 ทำให้ได้วิวในมุมสูงด้วย 

    แนวคิดในการออกแบบอาคารในสไตล์ Modern Thai Colonial ซึ่งมีแรงบันดาลใจมากจากประวัติศาสตร์ของที่ตั้งโครงการ ที่เป็นย่านสถาณฑูต ทำให้เรามักจะเห็นงานออกแบบสถาปัตยกรรมแบบผสมผสาน มีกลิ่นอายของความเป็นไทยผสมกับความโมเดิร์นแบบชาติตะวันตก ที่ถูกถ่ายทอดลงบนพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ

    การออกแบบห้องพักจะเน้นห้องแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตารางเมตร เป็นแบบที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุด ซึ่งจริงๆ จะมีแบบให้เลือกค่อนข้างเยอะ ทั้งแบบ Studio, แบบ 1 Bedroom และแบบ 2 Bedrooms ซึ่งการออกแบบภายในห้องพักส่วนใหญ่ของโครงการ จะเน้นพื้นที่พักผ่อนอย่างห้องนอนและห้องนั่งเล่นให้มีตำแหน่งอยู่ติดกับหน้าต่าง เพื่อให้ได้แสงธรรมชาติในส่วนนี้เป็นหลัก ส่วนห้องครัวและห้องน้ำจะถูกผลักไว้ด้านในอาคาร ทำให้จะได้ห้องครัวเป็นแบบเปิด ซึ่งถ้าต้องการจะกั้นปิดก็สามารถทำประตูกั้นเพิ่มเองได้ ทำให้แปลนแบบนี้เหมาะกับผู้ชอบการนั่งเล่นดูทีวี หรือใช้เวลาในห้องนอนเป็นหลัก ไม่ได้เน้นเรื่องทำอาหารมากนัก

    สาธารณูปโภคให้มาครบและส่วนหลักๆ จัดเอาไว้ที่ชั้นบนสุด ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการได้เป็นอย่างดี แถมเป็นวิวเปิดโล่งด้วย โดยส่วนกลางบนชั้น 42 จะประกอบด้วย Rooftop Garden ที่จัดมาในลักษณะของ Amphitheater, พื้นที่ Recreation ที่ประกอบไปด้วย Leisure Theater Room และ Roof Hideaway Bar ซึ่งจะเชื่อมต่อกับพื้นที่ Outdoor ที่จัดไว้เป็น Sky Bar ส่วนบนชั้น 43 จะมีสระว่ายน้ำและห้อง Fitness ที่ได้วิวเมืองในมุมสูง โดยอาคารนี้มีลิฟท์โดยสาร 7 ตัว อัตราส่วนลิฟต์ 192 : 1 ซึ่งราคานี้น่าจะได้อัตราส่วนร้อยต้นๆนะ

    สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถจองออนไลน์ได้ในวันที่ 20 ก.ค. นี้ และจะเปิด Pre-Sale ในวันที่ 29 ก.ค. นี้ค่ะ