รีวิวโครงการ
คิดเรื่องอยู่ Ep.583 : Life Asoke Hype
12 กันยายน 2021
รีวิว Life Asoke Hype คอนโดในตระกูล Life ที่มีคำว่า Hype เติมเข้ามา ทำให้ที่นี่มีการออกแบบที่เรารู้สึกว่า Extra กว่าโครงการอื่นๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ราคาของโครงการนี้นั้นถูกเขยิบขึ้นไปอยู่ในกลุ่ม Upper Class ด้วยเช่นกัน เราสรุปความน่าสนใจออกเป็น 3 หัวข้อได้ดังนี้
- Boutique Condominium : การออกแบบของ Life Asoke Hype ถือว่าโดดเด่นเลยโดยเฉพาะงาน Interior ของพื้นที่ส่วนกลาง และสวนหย่อม ซึ่งทุกจุดมีคอนเซปต์ มีการสร้างบรรยากาศให้แตกต่างอย่างเช่น สวนชั้นล่างเป็น The Circle Running Garden ทางวิ่งวน Loop 2 ชั้นมีต้นไม้อยู่ตรงกลาง พอขึ้นมาที่ชั้น 7 ก็จะกลายเป็น The Muted Garden ที่เน้นความเงียบสงบ มีทางเดินน้ำตกแทน ซึ่งแต่ละส่วนจะพยายามสร้างความเป็นส่วนตัวในพื้นที่ส่วนกลาง คือจัดพื้นที่เป็นมุมย่อยๆ เพื่อความเป็นส่วนตัวในการใช้งานนั่นเอง
อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับความ Unique หรูหรา โดยตกแต่งด้วยผลงานศิลปะจากแบรนด์ “MOOOI” (มอย) บริษัทสัญชาติเนเธอร์แลนด์ การใช้ Chandelier ที่เป็นงาน Handmade รวมถึงสีที่ใช้ในโครงการก็ออกแบบมาให้เป็นสีแดง Burgandy เฉดพิเศษ สำหรับที่นี่โดยเฉพาะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่โรงแรมหรูนะคะ
- Facility ส่วนกลางเยอะ น่าใช้งาน : สระว่ายน้ำ 2 สระซึ่งมีความยาวเทียบ Half Olympic ได้ทั้งคู่ สวนแต่ละชั้นก็มีคอนเซปต์น่าใจงาน เทียบกับเพื่อนบ้านในกลุ่ม 1 พันยูนิตในละแวกนี้เหมือนกันเราว่าที่นี่ทำออกมาดูดีสุดนะคะ
- แบบห้องมีให้เลือกหลากหลาย : รวมๆ กว่า 20 แบบ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในการอยู่อาศัยที่แตกต่างกัน โดยจะเน้นไปที่ห้องแบบ 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus อยู่อาศัย 1-2 คน เป็นหลัก
ข้อมูลโครงการ
Life Asoke Hype (ไลฟ์ อโศก ไฮป์) ณ วันที่ 9 กันยายน 2564
ชื่อโครงการ | Life Asoke Hype (ไลฟ์ อโศก ไฮป์) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนจตุรทิศ ตัดกับถนนอโศก-ดินแดง แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี |
ที่ดิน | 5-0-10 ไร่ |
ประเภทคอนโด | High Rise 40 ชั้น |
จำนวนยูนิต | 1,253 ยูนิต และร้านค้า 4 ยูนิต |
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด | 38 ยูนิต |
ที่จอดรถ | 529 คัน คิดเป็น 42% ไม่รวมจอดซ้อนคัน |
เริ่มก่อสร้าง | มกราคม 2562 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | สร้างเสร็จพร้อมอยู่ กรกฎาคม 2564 |
ประเภทห้องพัก |
|
ฝ้าเพดานสูง | 2.6 เมตร |
ราคาเริ่มต้น | 3.49 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ | ประมาณ 139,000 บาท/ตร.ม. |
ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด) | 129,000 – 149,000 บาท/ตร.ม. |
เว็บไซต์โครงการ | apthai.com/th/คอนโดมิเนียม/life/life-อโศก-ไฮป์ |
Call Center | 1623 |
สนใจคลิกลงทะเบียนโครงการได้ที่ https://bit.ly/3jTSG9e
ทำเลที่ตั้ง
Highlight ของทำเล
- อยู่ระหว่างรถไฟฟ้า 2 สถานีคือสถานี MRT พระราม 9 และ เพชรบุรี ในระยะประมาณ 400-600 m. ซึ่งไม่ต้องกลัวว่าเราจะต้องเดินไกลเพราะมีพี่วินมอเตอร์ไซค์อยู่หน้าปากซอยเดินจากโครงการไปประมาณ 180 m. ค่ะ
- ประเด็นถัดมาคือโครงการเข้าออกได้จากถนนหลัก 2 เส้น คือถนนจตุรทิศ และถนนดินแดง-พระราม 9 ขาลงทางด่วนจึงสะดวกเข้าโครงการได้เลย ส่วนขาขึ้นจะต้องวนไปขึ้นที่ถนนเพชรอุทัย ห่างจากโครงการประมาณ 1.7 km.
- พูดถึงจุดแข็งที่คนเลือกอยู่อาศัยที่ทำเลพระราม 9 กันบ้าง หลักๆ คงหนีไม่พ้นเรื่องแหล่งงานทั้งฝั่งอโศกและพระราม 9 และเป็นทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่ครบครัน แค่บริเวณใกล้ๆ โครงการช่วงแยกพระราม 9 ก็จะมี Central พระราม 9, ห้างฟอร์จูนทาวน์, อาคารสำนักงาน G Tower ถัดไปหน่อยทางเส้นรัชดาฯ ก็จะเป็น Esplanade รัชดา, ตลาดนัดรถไฟฟ้ารัชดา, ตึก Set และศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย หรือถ้าลงมาทางอโศกก็จะมีอาคารสำนักงานหลายแห่ง เช่น Midtown อโศก, ตึก GMM สำหรับโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในทำเลนี้ก็จะมี รพ.พระราม 9 มีแหล่งช้อปปิ้งชั้นดีหลังเลิกงาน ซึ่งโซนนี้จะมีความคึกคักตลอดทั้งวัน จะเห็นได้จากร้านค้าต่างๆ ที่มาเปิดกันแบบ 24 ชั่วโมง เช่น The Street รัชดาค่ะ
พิกัด Google Maps : 13.754218, 100.563308
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการ Life Asoke Hype แสดงให้เห็นตำแหน่งที่ตั้งของโครงการที่อยู่บนถนนจตุรทิศ ซึ่งเป็นถนนบริเวณใต้ทางด่วนพิเศษศรีรัชเชื่อมต่อกับถนนหลักอย่างถนนอโศก-ดินแดง บอกพิกัดอย่างง่ายๆ ได้ว่าอยู่ระหว่างสี่แยกอโศก-เพชรบุรี กับสี่แยกพระราม9 จึงเดินทางไปทั้งย่านอโศก และพระราม 9-รัชดาภิเษก ได้สะดวก
ถ้าใครไม่อยากไปรถติดบนท้องถนน ก็มีรถไฟฟ้าเป็นตัวช่วย อย่าง
- MRT พระราม 9 ทางออกหมายเลข 3 ~ 400 m. (จากโครงการถึง MRT ฝั่งหน้า Central พระราม 9) หรือหากไม่อยากข้ามถนนหลายต่อก็เดินตรงไปที่ MRT หน้าฟอร์จูน ทางออกหมายเลข 1 มีระยะ ~ 500 m. ค่ะ
- Airport Rail Link มักกะสัน ~ 500 m.
- MRT เพชรบุรี ~ 600 m.
เนื่องจากทำเลของโครงการ Life Asoke Hype นั้นทางทีมงานเคยอธิบายทำเลไว้ละเอียดแล้ว ในรีวิวเปิดตัวโครงการเมื่อปี 2018 ใครสนใจอ่านทำเลโดยละเอียดคลิกได้ที่รีวิวนี้
ส่วนที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือประเด็นเรื่องมีทางเดิน Cover Way ให้ใช้งานได้ (เส้นสีขาว) ซึ่งจะเชื่อมจากซอยไม้ดัดเข้าไปที่ถนนอโศก-ดินแดง ช่วยลดระยะที่ต้องเดินริมถนนไปได้ค่ะ
การเดินทางไปโครงการวันนี้
เส้นทางที่เราจะไปโครงการ Life Asoke Hype ในวันนี้ จะเป็นเส้นทางการเดินเท้าจากสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดจะเป็น MRT พระราม 9 ซึ่งอยู่ห่างโครงการเพียง 300 เมตรซึ่งเป็นสถานีที่มีความอุดมสมบูรณ์มากค่ะ ภายในจะมี Metro Mall ที่จะสามารถซื้อของกินได้ตั้งแต่เช้า-เย็นค่ะ
เส้นทางการเดินทาง
เริ่มที่ทางออก MRT พระราม 9 หมายเลข 1 จะอยู่บริเวณด้านหน้าตึก Fortune Town เลยค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
แม้ว่าวิวที่เปิดโล่งจะเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนที่เลือกอยู่คอนโด High Rise แต่ด้วยทำเลที่อยู่ใจกลางเมืองย่านพระราม 9 ก็ทำให้ตัวโครงการถูกรายล้อมด้วยคอนโด High Rise ทางทิศเหนือและตะวันออก ส่วนทางทิศใต้และตะวันตกนั้น ในปัจจุบันยังคงเปิดโล่ง แต่ก็ไม่มีอะไรการันตีได้หรอกว่าที่ดินขนาดใหญ่ในเมืองจะถูกพัฒนาไปอย่างไร สรุปพื้นที่รอบๆ แต่ละทิศดังนี้
- ทิศเหนือ ติดกับคอนโด Life Asoke Rama9
- ทิศตะวันออก ติดกับคอนโด Rhythm Asoke 1 และ Chewathai Residence Asoke ที่สามารถออกไปยังถนนอโศก-ดินแดงได้ค่ะ
- ทิศใต้ ติดกับถนนจตุรทิศ และ ทางพิเศษศรีรัช และพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (มักกะสัน)
- ทิศตะวันตก ติดกับที่ดินเปล่า
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ตัวช่วยในการเดินทาง
- MRT พระราม 9 ~ 400 m.
- Airport Rail Link มักกะสัน ~ 500 m.
- MRT เพชรบุรี ~ 600 m.
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- Fortune Town ~ 550 m.
- Central พระราม 9 ~ 550 m.
- ตลาดรวมทรัพย์ ~ 1.4 km.
- Esplanade รัชดา ~ 1.6 km.
- The Street รัชดา ~ 2.1 km.
- Terminal 21 ~ 2.3 km.
ออฟฟิศ
- G Tower ~ 400 m.
- Unilever House ~ 600 m.
- The Nine Towers ~ 1 km.
- ตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานใหญ่ ~ 1.3 km.
- AIA Capital Center ~ 1.4 km.
- GMM Tower ~ 1.5 km.
- True Tower ~ 1.7 km.
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลผิวหนังอโศก ~ 1 km.
- โรงพยาบาลพระราม 9 ~ 1.4 km.
- โรงพยาบาลปิยะเวท ~ 2.2 km.
- โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ~ 3.1 km.
โรงเรียน
- มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ~ 1.4 km.
- โรงเรียนนานาชาตินิสท์ ~ 1.6 km.
- โรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร ~ 1.7 km.
- โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ~ 1.9 km.
- โรงเรียนเซนต์ดอมินิก ~ 1.9 km.
- โรงเรียนนานาชาติออสเตรเลียน กรุงเทพฯ ~ 1.9 km.
อื่นๆ
- สถานทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ~ 1.4 km.
- ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ~ 2.5 km.
- สยามนิรมิต ~ 2.9 km.
รายละเอียดโครงการ
Life Asoke Hype หลายคนคงนึกสงสัยว่าทำไม คอนโด Life ที่นี่จึงมีคำว่า “Hype” เติมมาด้วย ถ้าเป็นคำว่า Hype ในวงการ Sneaker จะหมายถึงรุ่นที่ออกแบบมาพิเศษ, รุ่น Limited Edition ไม่ต่างกันคำว่า Hype สำหรับคอนโดนี้ก็คือการออกแบบมาเป็นพิเศษ ซึ่งส่วนที่เราเห็นว่าแตกต่างจาก แบรนด์คอนโด Life อื่นๆ ก็จะเป็นความพิถีพิถันในงานตกแต่งด้วยผลงานของ “MOOOI” (มอย) บริษัทออกแบบเฟอร์ฯและผลงานตกแต่งประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งผลงานที่เอามาในติดตั้งในโครงการก็เคยโชว์ในงาน Milan Fair มาแล้ว จึงมาในสไตล์ Boutique Condominium ได้บรรยากาศเหมือนอยู่ในโรงแรม นอกจากนั้นบรรยากาศของพื้นที่ส่วนกลางก็ทำออกมาได้ความสงบ ร่มรื่น แม้จะมีทำเลอยู่ใจกลางเมืองก็ตาม เราประทับใจหลายส่วนเลยซึ่งจะค่อยๆ พาไปชมทั้งหมด แต่ก็แน่นอนว่าราคาจะถูกอัพขึ้นมาอยู่ในกลุ่ม Upper Class เฉลี่ยทั้งโครงการ 139,000 บาท/ตร.ม. ด้วยเช่นกันค่ะ โดยมี 3 ส่วนที่เป็นจุดเด่นตามคอนเซปต์ของโครงการ ดังนี้
- Privacy Design : เราจะเห็นการพยายามสร้างความเป็นส่วนตัวในพื้นที่ส่วนกลางให้เกิด “การมีพื้นที่ของตนเอง” เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานจริงของคนยุคนี้ เช่น Secret Seat ให้นั่งคุยงานอย่างเป็นส่วนตัวได้หลายมุม, Private Treadmill ออกแบบให้มี Partition กั้นทั้งแบบเดี่ยวและแบบคู่เพิ่มความเป็นส่วนตัว เป็นต้น
- Custom Made : หลายอย่างในโครงการที่สร้างบรรยากาศหรูหรา เช่น การตกแต่งด้วยผลงานศิลปะจากแบรนด์ “MOOOI” และเหตุผลที่โครงการเลือกผลงานของแบรนด์นี้ เนื่องจากหลายผลงานของบริษัทนี้มีคอนเซปต์ East meets West ซึ่งตรงกับลักษณะทำเลโครงการบนย่านพระราม 9 ที่ Mixed รวมไว้หลายวัฒนะธรรมเช่น จีน แม็กซิโก ไทย
- Outstanding Design : บรรยากาศตั้งแต่หน้าโครงการที่ดู Luxury โดยเฉพาะการตกแต่งพื้นที่ชั้น 1 ทั้งหมด เช่นการตกแต่งด้วยหินแกรนิต Picasso Grey การใช้ Chandelier ที่เป็นงาน Handmade รวมถึงสีที่ใช้ในโครงการก็ออกแบบมาให้เป็นสีแดง Burgandy เฉดพิเศษ สำหรับที่นี่โดยเฉพาะค่ะ
เล่ามาถึงตรงนี้เพื่อนๆ คงคาดหวังงานตกแต่งที่ดูสวย แปลกตาจากโครงการ Life Asoke Hype กันแล้วใช่มั้ยคะ ก่อนจะไปชมบรรยากาศของแต่ละชั้น เราจะอธิบายภาพรวมโครงการกันอีกสักนิดค่ะ …Life Asoke Hype เป็นคอนโด High Rise สูง 40 ชั้น จำนวน 1,253 ยูนิต บนที่ดินขนาด 5 ไร่
เริ่มตั้งแต่ชั้น 1 บริเวณ Landscape ด้านนอกจะมีพื้นที่สำหรับวิ่งออกกำลังกายและพักผ่อน พอเข้ามาในบริเวณล็อบบี้จะมีพื้นที่ Co-working Space สำหรับทำงาน ขึ้นมาที่บริเวณชั้น 3 มี Co-Working Space อีกจุดหนึ่งซึ่งมีความเงียบสงบกว่าโซนชั้น 1 ค่ะ ขยับขึ้นมาที่ชั้น 7 มีสระว่ายน้ำและพื้นที่สวน+ทางเดินน้ำตกสำหรับนั่งเล่น ส่วน 2 ชั้นบนสุดเป็น Facility ส่วนกลาง เต็มทั้ง 2 ชั้นคือ ชั้นที่ 40และ Rooftop จะมีสระว่ายน้ำตัว L ขนาดใหญ่ , ฟิตเนสและพื้นที่พักผ่อนที่สามารถชมวิวมุมสูงได้
ชั้น 1
Master Plan – เริ่มจากด้านหน้าโครงการ จะมีร้าน 7-11 ขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า เป็นกรรมสิทธิ์ที่ดินของโครงการเอง นั่นหมายความว่าค่าเช่าต่างๆ ก็จะเข้าโครงการ โดยเจ้า 7-11 จะแยกจากตัวโครงการ ตั้งอยู่ด้านหน้าก่อนถึงประตูทางเข้าโครงการ เวลามีคนมาซื้อของ-ส่งของจะได้ไม่ต้องเข้าไปรบกวนพื้นที่พักอาศัยด้านใน จึงยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านไว้ได้ค่ะ
ถัดเข้ามาจะเจอพื้นที่ Drop-off โดยพื้นที่รอบๆ จะมีการจัดเป็นสวนหย่อมขนาดใหญ่ ที่มีชื่อว่า The Circle Running Garden สำหรับทางเดินรถของโครงการนี้จะมีไม้กั้นกระดกเข้า-ออกแค่จุดเดียว ด้านข้างของตึกจะมีพื้นที่จอดรถสำหรับผู้มาติดต่อ ส่วนพื้นที่ด้านหลังจะเป็นที่จอดรถใต้อาคารของผู้พักอาศัย
ถัดเข้ามาด้านในอาคาร โซนต้อนรับส่วนแรกจะเจอกับ Scarlet Foyer ซึ่งมีไว้สำหรับบุคคลภายนอกมาติดต่อ รวมถึงเป็นจุดที่จะแจกจ่ายออกไปยังบริเวณ Lobby ทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งใช้ได้เฉพาะผู้พักอาศัยเพราะจำเป็นต้องใช้ Face Scan ในการเข้าถึงอีกที มีชื่อเรียกเก๋ๆ ว่า Electric Lobby และ East meets West Lobby สำหรับลิฟต์ของโครงการนี้จะมีทั้งหมด 8 ตัว แบ่งเป็นลิฟต์โดยสาร 7 ตัวและลิฟต์ Service 1 ตัว ซึ่งกระจายอยู่ใน Lobby ทั้ง 2 ส่วน
ภายนอกอาคาร
7-11 บริเวณหน้าโครงการน่าจะฮอตฮิตทีเดียวนะคะ เพราะอยู่ระหว่างคอนโดใหญ่ทั้ง 2 แห่ง รวมๆ แล้วกว่า 3 พันยูนิตทีเดียว
ภายในอาคาร
เข้ามาในอาคารพื้นที่รับรองส่วนแรกก็คือ Scarlet Foyer เป็นโถงต้อนรับขนาดใหญ่แบบ Double Space ตกแต่งแบบ Boutique Condominium ซึ่งไม่ได้แค่ตกแต่งด้วยงาน Craft ชิ้น 2 ชิ้น แต่เค้าตกแต่งทั้งชั้นและออกแบบให้แต่ละฟังก์ชันมีความเป็นส่วนตัวในการใช้งานค่ะ เคาน์เตอร์ต้อนรับทำจากหินแกรนิต Picasso Grey ที่นำลายมาต่อกันด้วยเทคนิค Bookmatch เพื่อให้เกิดลวดลายใหม่ๆ
ชั้น 7
ถัดขึ้นมาบริเวณที่ชั้น 7 พื้นที่ส่วนกลางของชั้นนี้จะเป็นโซน Outdoor ซึ่งแยกอยู่ 2 ส่วน คือสระว่ายน้ำที่มีชื่อว่า Hover Bay Swimming Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 25 x 6 m. + Semi Outdoor Jacuzzi Pool อยู่ด้วย และอีกส่วนหนึ่งคือ The Muted Garden เป็นทางเดินเล่นในสวน มีทางเดินผ่านน้ำตก จุดเด่นของพื้นที่บริเวณนี้จะมีที่นั่งเล่น ที่มีหลังคาบังแดดบังฝนได้ ซึ่งเค้าทำไว้ให้เป็นส่วนตัวอยู่หลายจุด
ส่วนที่เป็นประเด็นของชั้นนี้คือ หากมาจากทางลิฟต์ฝั่ง East Meets West Lobby จะต้องเดินผ่านห้องพักอาศัยบางส่วนก่อนที่จะถึงส่วนกลาง ทำให้มีห้องพักที่จะต้องเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างแลกกับการไปว่ายน้ำและเดินเล่นในสวนได้สะดวก
เราขึ้นลิฟต์มาจาก East Meets West Lobby จะมีทางเดินยาวเพื่อไปยัง Facility ส่วนกลาง จริงๆแล้วจะมีประตูกั้นโซนพักอาศัยกับพื้นที่ส่วนกลางไว้ชัดเจน แต่ด้วยตำแหน่งลิฟต์ที่ทำให้มีบางห้องพักเท่านั้น ที่เป็นทางผ่านไปส่วนกลางค่ะ
ชั้น 8-31
แปลนชั้นที่ 8-31 ของโครงการจะเป็นชั้นพักอาศัยเต็มชั้นคะ ซึ่งจะมีจำนวน 38 ยูนิตต่อชั้น โดยทางโครงการได้ออกแบบเป็นรูปตัว L สองตอนต่อกัน คล้ายตัว W การออกแบบนี้จะทำให้ทุกห้องสามารถเห็นวิวได้อย่างเต็มที่ไม่บังวิวซึ่งกันและกัน โดยจะมีโถงลิฟต์ทั้ง 2 โถงวางไว้ช่วงกลางตึกเพื่อง่ายต่อการใช้งาน ทางเดินในแต่ละชั้นจะเป็น Double Corridor คือจะใช้โถงทางเดินในการแจกจ่ายทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งห้องที่มีจำนวนมากที่สุดคือ 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus
ห้องพักส่วนใหญ่จะใช้ Concept Interlocked Layout เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในห้อง และเพิ่มพื้นที่การใช้งานให้ลงตัวมากขึ้น รองลงมาจะเป็นห้อง Studio และ ห้อง 2 Bedroomจะอยู่ที่หัวมุมของตัวอาคารค่ะ
ภายในโซนพักอาศัยก็จะเป็นทางเดินตามรูปแบบของคอนโดปกติ
ชั้น 32-38
แปลนชั้นที่ 32-38 คล้ายชั้น 31 เลยแต่บริเวณห้องพักอาศัยฝั่งทางทิศใต้ของอาคาร จะมีห้องพิเศษมีขนาด 40 ตารางเมตรเพิ่มขึ้นมา ซึ่งมีเพียงไม่กี่ห้องในโครงการค่ะ
ชั้น 39
แปลนชั้นที่ 39 ของโครงการจะมีจำนวน 27 ยูนิตต่อชั้น ซึ่งจะน้อยกว่าชั้นล่างๆ เนื่องจากมีส่วนงานระบบของสระว่ายน้ำชั้นที่ 40 ค่ะซึ่งพื้นที่บริเวณฝั่งด้านล่างจะเป็น ทางเดินแบบ Single Corridor ซึ่งจะทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นค่ะ
ชั้น 40
ชั้นที่ 40 เป็นชั้นพักอาศัยบนสุดของโครงการ Life Asoke Hype นอกจากจะเป็นยูนิตที่ได้วิวสูงที่สุดแล้วยังอยู่ชั้นเดียวกับ Facility ส่วนกลางหลักๆ ของโครงการด้วย ชั้นนี้จะมีสระว่ายน้ำรูปตัว L shaped โดยสระทางทิศตะวันตกจะเป็น Private Jacuzzi และมุมนั่งเล่นชมวิวริมสระเสียมากกว่า ส่วนใครที่ต้องการว่ายน้ำแบบจริงจังจะมีสระทางทิศใต้จะมีขนาด 36 x 5.3 เมตร นอกจากนี้บริเวณด้านข้างของสระน้ำจะมี fitness 2 ชั้นด้วยกันค่ะ
ขึ้นลิฟต์ฝั่ง East Meets West Lobby มาจนถึงชั้น 40 ปุ๊บมองออกไปจะเห็นสระว่ายน้ำกว้างๆ เลยค่ะ
Roof Plan
ชั้น RoofTop ของโครงการออกแบบให้ใช้งานได้หลายฟังก์ชัน บริเวณฝั่งทิศใต้จะมีพื้นที่ชมวิวแบบ Indoor และ Outdoor โดยมี Lunar Balcony เป็นจุดชมวิวแบบ Outdoor ส่วน Indoor จะเป็น Cinematory Lounge ซึ่งมีดีไซน์เก๋ๆ ให้ชมวิวได้
สำหรับโซนทิศเหนือจะมีสะพานกระจกลอยฟ้าให้เดินเชื่อมไปได้ เรียกว่า Mirage Sky Path ซึ่งทางฝั่งนี้จัดเป็น Outdoor ทั้งหมด จุดนอนดูดาว (The Astro Deck) มีมุมนั่งเล่นที่เป็น Mini Pavilion ให้ได้ความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อน และสุดท้ายเหมาะกับใครที่ต้องการจัด Private Outdoor Party ก็จะมี Sunset Parlor ที่สามารถชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปพร้อมจัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ได้
การขึ้นชั้น RoofTop สามารถขึ้นได้จากทางลิฟต์ฝั่ง Eclectric Lobby เท่านั้น หรืออีกทางหนึ่งก็ขึ้นจากทางบันไดวนก็ได้
วิวจากห้องตัวอย่างชั้น 12
เรื่องวิวของ Life Asoke Hype ซึ่งเป็นคอนโดใจกลางเมืองนั้น เป็นเรื่องยากที่จะได้มุมโล่งๆ ทุกด้าน เพราะคอนโดมิเนียมขึ้นกันหนาแน่น โดยรวมการออกแบบอาคารยังเอื้อให้ทุกด้านมีพื้นที่ว่างระหว่างอาคาร ไม่ติดชิดจนอึดอัด แต่ก็ยังโดนบล็อกวิวระยะไกล ซึ่งทิศที่เรามองว่าได้วิวดีที่สุดในตอนนี้คือทางทิศใต้และทิศตะวันตก เพราะได้วิวเขียวๆ จากสวนมักกะสันกว่า 500 ไร่ แต่ในอนาคตนั้นยังมีที่ดินเปล่าทางทิศตะวันตกให้พอขึ้นอาคารสูงได้อยู่นะคะ ก็ต้องรอดูว่าจะถูกพัฒนาไปอย่างไรค่ะ
เริ่มจากวิวที่เป็นมุม Highlight กันก่อนทางทิศตะวันตก ซึ่งจะเห็นสวนมักกะสัน และชมพระอาทิตย์ตกได้
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
1st Floor
- Scarlet Foyer : โถงต้อนรับที่ตกแต่งด้วย Chandelier แบบ Custom Made
- Eclectic lobby และ East Meets West Lobby : โถงต้อนรับสำหรับลูกบ้าน เพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วย Keycard, Face Scan และ Digital Key
- Jewelry Cocoon : มุมนั่งเล่นที่สร้างความเป็นส่วนตัว
- Co-working Space : โต๊ะประชุมทำงาน พร้อม Smart TV และรองรับ USB port
- Private Co-working Space 3 โซน : โต๊ะประชุมทำงาน รองรับ USB port
- Private Sunken Seat : มุมนั่งเล่นพักคอยเห็นวิวต้นไม้นอกอาคาร
- Smart Mailbox และ Smart Locker
- The Circle Running Garden : ลู่วิ่งเล่นระดับ 2 ชั้นและที่นั่งพักคอย
- สวนหย่อม
- 7-11 หน้าโครงการ และร้านค้าในโครงการ อีก 2 ยูนิต
- EV Charger จำนวน 4 ช่องจอด
3rd Floor
- Co-Working Business Lounge จำนวน 2 ห้อง ให้บริการเฉพาะลูกบ้าน จองล่วงหน้าผ่าน Smart World Application
7th Floor
- สระว่ายน้ำ (Hover bay) ระบบเกลือ ขนาด 25 x 7.35 m. ลึก 1.2 m.
- Semi-Outdoor Jacuzzi และม่านน้ำตก
- The Muted garden : สวน มุมที่นั่งและ Loop สำหรับ Jogging
40th Floor และ Rooftop
- สระว่ายน้ำ L-shaped Sky Pool ระบบเกลือ รวมความยาว 75 m. แบ่งเป็นสระว่ายน้ำฝั่งทิศใต้มีขนาด 36 x 5.3 เมตร ลึก 1.2 m. และ Private Jacuzzi ทางสระฝั่งทิศตะวันตก
- Fitness ลอยฟ้า 2 ชั้น (Athletic Sky Atrium)
- Cinematory Lounge : พื้นที่นั่งเล่น Indoor ที่ออกแบบพื้นเป็นกระจกใสเหนือสระว่ายน้ำ
- Lunar balcony : จุดชมวิว
- The Astro deck : จุดนอนดูดาว
- Mirage Sky Path : สะพานพื้นกระจกใส
- The Forestier : สวนลอยฟ้าบน Rooftop
- Sunset Parlor : จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก และพื้นที่สำหรับ Private Outdoor Party
- ลิฟต์โดยสาร 7 ตัว/อาคาร แบบล็อคชั้น
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 179 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 529 คันคิดเป็น 42 % ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- CCTV /ระบบ Katsan / Face Scan / Keycard / Digital Key บริการผ่าน Smart World Application
แบบห้อง
Highlight ของแบบห้อง
- Life Asoke Hype มีแบบห้องให้เลือกหลากหลาย : รวมๆ กว่า 20 แบบ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในการอยู่อาศัยที่แตกต่างกัน โดยจะเน้นไปที่ห้องแบบ 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus อยู่อาศัย 1-2 คน เป็นหลัก
โครงการ Life Asoke Hype มีห้องให้เลือกหลักๆ อยู่ 4 แบบ ดังนี้
- ห้อง Studio พื้นที่ใช้อสย 25.5 ตร.ม.
- ห้อง 1-Bedroom พื้นที่ใช้อสย 30.5-32 ตร.ม.
- ห้อง 1-Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 35 ตร.ม.
- ห้อง 2-Bedroom พื้นที่ใช้สอย 48.5-64 ตร.ม.
แปลนห้อง Studio
Studio
แปลนห้อง 1 Bedroom
1 Bedroom
แปลนห้อง 1 Bedroom Plus
1 Bedroom Plus
แปลนห้อง 2 Bedroom
2 Bedroom
ขายแบบ Fully Fitted พร้อมเฟอร์นิเจอร์ Built-in บางส่วน สำหรับวัสดุหลักๆ ในห้องจะให้มาตามนี้ค่ะ
- พื้นไม้สำเร็จรูปลามิเนตหนา 8 mm.
- ประตู Digital Door Lock
- เคาน์เตอร์ครัวและตู้วางของ Design by AP
- Top เคาน์เตอร์ครัวหินสังเคราะห์
- Hob&hood และ Sink จาก Franke
- สุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ Kohler
- ก๊อกและฝักบัวของ Kohler
วันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่าง 2 ห้องคือห้อง 1-Bedroom Plus และ 2 Bedroom ไปชมกันเลยค่ะ
ห้องตัวอย่าง 1
ห้องแบบ 1 Bedroom plus ขนาด 35 ตร.ม. เริ่ม 4.89 ล้านบาท จุดเด่นของห้องนี้คือ ออกแบบให้โซนนั่งเล่นและพื้นที่เตียงนอนติดหน้าต่าง จึงได้วิวและแสงจากภายนอก แต่ก็ทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานห้องครัวและห้องน้ำลดลง เพราะต้องพึ่งพาระบบระบายอากาศของตัวอาคารล้วนๆ จึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้ทำครัวเยอะและเน้นใช้พื้นที่นั่งเล่น พื้นที่เตียงนอนเป็นหลัก
ซึ่งการจัดมุมนั่งเล่นไว้ในห้องอเนกประสงค์ตามในแปลน ก็ต้องแลกกับฟังก์ชันอย่าง Walk-in Closet หรือมุมนั่งทำงานในห้องอเนกประสงค์ วิธีแก้คือจัดพื้นที่ทานข้าวรวมกับมุมนั่งเล่นดูทีวีไปเลย หรือจัดมุมทำงานรวมกับพื้นที่นั่งเล่นดูทีวีแทนค่ะ
ในส่วนของห้องน้ำนั้นจะค่อนข้างแตกต่างกว่าโครงการทั่วไป เนื่องจากเป็นห้องน้ำสำเร็จรูป (สร้างและประกอบที่โรงงาน ค่อยมาติดตั้งหน้างาน) ข้อดีของห้องน้ำประเภทนี้คือ คุณภาพค่อนข้างดีเพราะประกอบจากโรงงาน มีการ QC ไม่เหมือนห้องน้ำทั่วไปที่ต้องแล้วแต่โชคว่าช่างที่ทำให้ห้องเรานั้นทำเก่งรึเปล่า
การซ่อมแซมง่าย ไม่รั่วซึม ทำความสะอาดง่าย แต่ข้อเสียก็มีนะคะ คือเรื่องราคาที่สูงกว่าห้องน้ำธรรมดา และขนาดที่ไม่มีให้เลือกได้มากนัก พื้นห้องน้ำจะยกสูงขึ้นมาจากพื้นห้อง ออกแบบมากะทัดรัด เพื่อประหยัดเนื้อที่ใช้สอยส่วนอื่นๆ ซึ่งยากที่จะต่อเติมหรือขยับขยายแน่นอน สำหรับใครที่สนใจในการศึกษาห้องน้ำสำเร็จรูปเพิ่มเติมสามารถ (คลิกที่นี่) ได้เลยค่ะ
ประตูหน้าห้องได้ไม้อัดยางปิดผิวลามิเนต พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock ของ Kaadas ผ่านเข้าออกด้วยลายนิ้วมือ, รหัส PIN, บัตร, RFID, Smartphone ก็ได้ค่ะ
พื้นห้องจะสูงกว่าโถงทางเดินภายนอกเล็กน้อย การออกแบบนี้เป็นประโยชน์ต่อลูกบ้านมากๆ ในกรณีที่เกิดเหตุว่าห้องอื่นบนชั้นเดียวกัน เปิดน้ำทิ้งไว้ทำให้น้ำไหลออกมาท่วมทางเดิน ก็จะไม่ไหลเข้ามาสร้างความเสียหายให้ภายในห้องพักของเรานะคะ
เข้ามาในห้องจะเจอกับ Common Area โล่งๆ รวมพื้นที่ทานอาหาร + Kitchen ไว้ด้วยกัน เปิดห้องเข้ามาจึงดูโปร่งไม่อึดอัด ถัดเข้าไปด้านในจึงเป็นห้องอเนกประสงค์ ห้องนอนและห้องน้ำ
ด้านหลังประตูติด Door Stopper มาให้เรียบร้อย
เคาน์เตอร์ครัวจะได้ Pantry ครัว พร้อม Backsplash ด้านหลัง เวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย และตู้ลอยใช้เก็บของด้านบนยกเว้นพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างไมโครเวฟ ตู้เย็นจะไม่ได้ให้มา แต่ก็เว้นช่องไว้ให้วางได้
ส่วนที่อยากให้สังเกตคือข้างเคาน์เตอร์ครัวจะมีพื้นที่ให้สามารถBuilt-in ตู้เก็บของเพิ่มได้ หากทำเป็นตู้บานปิดก็ดีเลยจะได้เก็บของได้เรียบร้อย ดูเป็นระเบียบ
เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีตู้เก็บของเป็นตู้บานเปิดปิดและลิ้นชัก หน้าบานไม้ลามิเนต ซึ่งบานพับจะเป็นแบบ Soft Close / มีช่องว่างให้วางไมโครเวฟเพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ทำครัวบนเคาน์เตอร์ แต่เวลาใช้งานก็ต้องก้มกันหน่อย / ตู้เป็นลิ้นชักไว้ใช้เก็บช้อนส้อม เก็บจาน / อีกตู้หนึ่งอยู่ใต้ซิงค์ล้างจานเป็นตู้ไว้ใช้เก็บของเล็กๆ น้อยๆ ได้ แต่ใส่ของเต็มไม่ได้นะคะเพราะต้องเว้นพื้นที่เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจานค่ะ
ซิงค์ล้างจานของ Franke มีขนาดพอจะใส่จานใส่แก้วได้ และมีความลึกพอสมควร
เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Franke จะใช้อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ หรือ ทำอาหารทานกันในห้องก็ได้ มาพร้อมเครื่องดูดควันของ Franke เช่นกัน ซึ่งต่อท่อระบายกลิ่นควันออกด้านนอก
ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 3 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของ ตัวบานพับเปิดปิดเป็นแบบ Soft Close เช่นเดียวกับตู้ใต้เคาน์เตอร์ครัวนะคะ
ถัดมาที่มุมทานอาหารซึ่งโครงการจัดไว้เป็นโซฟายาวและใช้โต๊ะกลางตัวสูงแทนเพื่อให้นั่งทานอาหารพร้อมดูทีวีไปด้วยได้ ก็เป็นไอเดียหนึ่งในการตกแต่ง ซึ่งมุมดูทีวีของห้องนี้จริงๆ แล้วสามารถจัดชุดโซฟาใหญ่ๆ ได้ที่ห้องอเนกประสงค์นะคะ หากจะติดทีวีก็สามารถเลือกขนาดได้ถึง 50 นิ้ว เพราะมีระยะดูทีวีประมาณ 2.5 m.
ในส่วนของห้องน้ำค่อนข้างพิเศษจากโครงการอื่นคือ เป็นห้องน้ำสำเร็จรูป มีข้อดีข้อเสียตามที่ได้อธิบายไว้ก่อนหน้าแล้ว และเนื่องจากพื้นห้องน้ำสำเร็จรูปต้องวางซ้อนทับลงบนพื้นห้องอีกที ทำให้พื้นห้องน้ำจะสูงกว่าพื้นห้องขึ้นไปอีกประมาณ 15 cm. นะคะ
ข้อดีของน้ำนี้คือ เข้าออกได้ 2 ทาง ทั้งทางห้องนั่งเล่นและห้องนอนเลย
ภายในห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนเปียกแห้งไว้ด้วยฉากกั้นอาบน้ำ ให้สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ครบตามอย่างห้องตัวอย่าง ได้กระจกบานใหญ่สูงเกือบเต็มผนัง ทำให้บรรยากาศภายในห้องน้ำดูโปร่งขึ้น ยกเว้นพวกของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
อ่างล้างหน้าของ Kohler มีขนาดพอสมควรกับการใช้งาน มีขอบอ่างสำหรับวางของได้นิดหน่อย มีพื้นที่ให้แขวนผ้าเช็ดมือผืนเล็กๆ ได้
เราชอบห้องน้ำสำเร็จรูปนะ เพราะจะมี Low Wall ด้านหลังอ่างล้างมือเพิ่มขึ้นมา ทำให้เรามีพื้นที่วางของได้เพิ่มอีกเยอะเลย ซึ่งจริงๆ พื้นที่ส่วนนี้คืองานระบบท่อในห้องน้ำนี่แหละค่ะ
โถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้นของยี่ห้อ Kohler พร้อมสายฉีดชำระและแกนใส่กระดาษทิชชู่ตามมาตรฐานโครงการ
พื้นที่อาบน้ำจะถูกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำ เป็นกระจกนิรภัย ซึ่งเป็นแบบบานสวิง มีมือจับสามารถจับเปิดได้สะดวก ช่วยกันไม่ให้น้ำจากพื้นที่อาบน้ำกระเด็นออกมาในพื้นที่ส่วนแห้ง
สำหรับมือจับสามารถนำมาใช้เป็นที่แขวนผ้าเช็ดตัวก็ได้ ส่วนขอบประตูกระจกทางโครงการเก็บรายละเอียดมาเรียบร้อย ด้วยการติดตัวยึดกระจกให้แข็งแรงขึ้นและติด Door Stopper เพื่อป้องกันการกระแทก
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.9 x 0.9 ซม. ภายในพื้นที่อาบน้ำมีการติดตั้งฝักบัวของ Kohler มีขนาดจับได้ถนัดมือดี ส่วนที่ดีคือมีการเจาะช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำมาให้เสร็จ พร้อมใช้งานเลย
สำหรับประตูห้องอเนกประสงค์ทางโครงการจะติดตั้งมาให้เป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้เปิดได้กว้าง เดินผ่านเข้า-ออกสะดวกดี ความสูงของห้องอยู่ที่ 2.6 m.
รางประตูจะทำเรียบไปกับพื้นเลย จึงเดินผ่านได้ไม่ต้องกลัวสะดุด
ภายในห้องอเนกประสงค์จัดเป็นห้องทำงาน และเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนที่ติดกับระเบียง จึงเป็นมุมที่น่าใช้งาน สำหรับห้องจริงจะได้เป็นห้องเปล่าๆไม่มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งให้ ซึ่งเราสามารถเลือกฟังก์ชันที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์เราได้ค่ะ
ประตูทางออกระเบียงเป็นบานเลื่อนกระจกกรอบบานอลูมิเนียมสีเทาแบบ 2 ตอน เป็นกระจกสีเขียวตัดแสง เนื่องจากโครงการได้แขวน Condensing Unit 2 เครื่องไว้ด้านบน ทำให้สามารถมองเห็นวิวได้อย่างเต็มที่ด้วยไม่มีอะไรมารบกวนสายตาค่ะ
ตัวระเบียงจะยกธรณีประตูขึ้นมาเพื่อกันไม่ให้น้ำไหลย้อนเข้าห้อง
ระเบียงจะมีขนาด 0.8 x 2.2 m. ปูพื้นด้วยกระเบื้องจึงทำความสะอาดง่าย ส่วนราวกันตกระเบียงเป็นเหล็กเส้นสีดำ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ไม่จำเป็นต้องใช้วางเครื่องซักผ้าก็ได้นะคะ เพราะโครงการเดินงานระบบให้ติดตั้งใต้เคาน์เตอร์ครัวก็ได้นะคะ
Condensing Unit 2 เครื่องแขวนลอยมาให้ทำให้สามารถใช้พื้นที่ระเบียงได้เต็มที่ค่ะ
ภายในห้องนอนมีพื้นที่กว้างพอสมควรเลยนะคะ ทำให้สำหรับวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต พร้อมโต๊ะหัวเตียงและตู้เสื้อผ้าได้เพียงพอ
หน้าต่างของห้องนอนได้มาเป็นบานใหญ่ และมีบานกระทุ้ง 1 บาน เอาไว้เปิดระบายอากาศได้ โดยจะใช้กระจกสีเขียวตัดแสงช่วยป้องกันความร้อนเข้ามาในห้อง
พื้นที่ที่เหมาะจะวางเตียงก็คือชิดริมหน้าต่างนี่แหละค่ะ ซึ่งเราสามารถนอนมองวิวได้จากเตียงนอนเลย
บานกระทุ้งจะไม่สามารถเปิดได้กว้างมากนัก เพื่อความปลอดภัย ส่วนบริเวณด้านจับเป็นแบบก้านโยกสามารถเปิดใช้งานได้ง่ายค่ะ
อีกฝั่งนึงของห้องจะมีพื้นที่สำหรับ Built-in ตู้เสื้อผ้าอยู่ติดกับประตูทางเข้าห้องน้ำจึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้สะดวก ซึ่งห้องนอนนี้ก็มีห้องน้ำในตัวด้วยเพราะห้องน้ำเข้าได้ 2 ทางตามที่เคยอธิบายไว้นะคะ
โคมไฟของที่นี่จะเป็นแบบดาวน์ไลท์เป็นมาตรฐาน
สวิตซ์ไฟจะมีทั้งแบบปกติและ Smart Touch Switch ซึ่งใช้เปิดปิดไฟทั้งห้องได้ในปุ่มเดียว โดยที่เราไม่ต้องเดินปิดทีละดวงนะคะ ซึ่งห้องของที่นี่จะติดตั้ง Home Automation มาให้ ทำให้สามารถสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ผ่านมือถือ ควบคุมดวงไฟและแอร์ฯ ได้ค่ะ
ห้องตัวอย่าง 2
ถัดมาที่ห้อง 2 Bedroom 64 ตร.ม. เริ่ม 8.89 ล้านบาท เป็นห้อง Size ใหญ่สุดของโครงการทำให้พื้นที่แต่ละส่วนได้มาแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ห้องนอนของ Type นี้จะได้พื้นที่ใหญ่ๆ วางเฟอร์ฯ หลักๆ อย่างเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งได้ครบ และมีห้องน้ำในตัวทั้งคู่
จุดเด่นของห้องนี้คือห้องนั่งเล่นและห้องนอนมีช่องแสงเป็นของตัวเองทั้งหมด ทำให้ห้องดูโปร่ง ห้องครัวแม้จะมีขนาดเล็กสักหน่อยแต่ก็ได้เป็นครัวปิดนะคะ คิดว่าใช้อยู่อาศัย 2-4 คนกำลังดี
เข้ามาภายในห้องพักส่วนแรกจะเจอกับ พื้นที่ทานอาหารซึ่งต่อเชื่อมกับโซนนั่งเล่น กลายเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยพื้นที่นี้จะอยู่ตรงกลางระหว่างห้องนอน 2 ห้อง ช่วยให้ผนังห้องนอนไม่ติดกัน ได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ
พื้นที่วางโต๊ะทานอาหารวางโต๊ะขนาด 4 ที่นั่งได้พอดีๆ
ติดกับโต๊ะทานอาหารจะมีครัวปิด โดยโครงการจะให้ประตูมาเป็นกระจกบานเลื่อน ทำให้ห้องดูไม่ทึบ ไม่อึดอัด
ประตูห้องครัวเป็นบานเลื่อน 2 ตอน พอเปิดแล้วจึงมีระยะเดินเข้า-ออกไม่กว้างมาก แต่ก็พอให้ถือจาน ชามแล้วเดินผ่านได้ ภายในมีพื้นที่สำหรับยืนทำครัวประมาณ 0.7 x 2.5 m.
Pantry ครัวให้มาเหมือนในแบบห้องแรก ฟังก์ชันครบ และเครื่องดูดควันก็เป็นแบบต่อท่อออกด้านนอก จึงช่วยระบายอากาศได้ดีกว่าแบบหมุนเวียนนะคะ
ถัดเข้าไปด้านในเป็น Living Area ไว้นั่งเล่นดูทีวี โดยมีระยะดูทีวี 2.6 m. สามารถวางโซฟาขนาดใหญ่แบบ 3 ที่นั่ง พร้อมวางโต๊ะกลางได้ไม่เกะกะทางเดิน และจากตำแหน่งที่อยู่ติดระเบียงทำให้เราดูทีวีไปชมวิวภายนอกไปได้
เนื่องจากเป็นห้องมุมระเบียงจึงได้แบบเข้ามุมมาด้วยนะคะ จึงเปิดชมวิวได้กว้างขึ้น พื้นที่ฝั่งหนึ่งของระเบียงจัดไว้สำหรับวาง condensing Unit ได้ถึง 3 ตัวเลยมีกำแพงช่วยบังไม่ได้เกะกะสายตาได้พอดี
ระเบียงห้องมีขนาด 1 x 1.5 m. มีพื้นที่ให้วางราวตากผ้าและจะเหลือพื้นที่อีกนิดหน่อยให้มายืนชมวิวได้ เพราะเครื่องซักผ้าตั้งอยู่ในครัวแล้ว จึงไม่ต้องเผื่อพื้นที่วางเครื่องซักผ้าอีกค่ะ
พื้นที่ภายในห้องนอน 1 เป็นห้องนอนขนาดใหญ่ ได้ช่องแสงเยอะ ภายในมีพื้นที่ให้วางเฟอร์นิเจอร์ได้ครบ ทั้งเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งหรือถ้าเป็นคุณผู้ชายก็วางโต๊ะเขียนหนังสือแทนได้ แถมมีห้องน้ำในตัวด้วยค่ะ
จุดที่เป็น Highlight สำหรับห้องนี้เรามองว่าเป็นมุม Bay Window ภายในห้องนอน ที่ทำให้รับวิวได้กว้างขึ้น แถมโครงการยังให้หน้าต่างขนาดใหญ่กว่าห้องอื่นๆ ด้วย
อีกฝั่งหนึ่งของห้องมีพื้นที่สำหรับ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ติดกับห้องน้ำพอดี
ห้องน้ำเป็นแบบสำเร็จรูปเช่นเดียวกับห้องแรก ภายในจัดฟังก์ชัน และให้วัสดุอุปกรณ์ไว้เป็นของ Kohler เหมือนกัน
ห้องนอน 2 เป็นห้องที่ย่อส่วนลงมาจากห้องแรกหน่อย แต่ก็กว้างพอตัวเลยนะคะ มีพื้นที่พอให้วางเตียงใหญ่ได้ทั้ง 5 และ 6 ฟุต พร้อมโต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้าครบถ้วนเช่นเดียวกัน
อย่างเช่นห้องตัวอย่างวางเตียงขนาด 5 ฟุตก็จะมีพื้นที่ข้างเตียงให้วางโต๊ะทำงาน หรือโต๊ะเครื่องแป้งได้อีกนะคะ
ห้องนอนนี้จะได้ห้องน้ำในตัวเช่นกัน ซึ่งบริเวณหน้าห้องน้ำเราสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่และทำชั้นวางของเพิ่มได้
ห้องน้ำเป็นแบบสำเร็จรูปเช่นเดียวกับห้องแรก ภายในจัดฟังก์ชัน และให้วัสดุอุปกรณ์ไว้เหมือนกันเลย
แต่ห้องน้ำนี้จะแชร์กันใช้ระหว่างพื้นที่ส่วนกลางกับห้องนอนที่ 2 ค่ะ
ห้องตัวอย่าง 3
1 Bedroom 32 ตร.ม.
ห้องตัวอย่าง 4
Studio 25.5 ตร.ม.
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคา
Life Asoke Hype (ไลฟ์ อโศก ไฮป์) ราคา ณ วันที่ 9 กันยายน 2564
- Studio ขนาด 25.5 ตร.ม. เริ่ม 3.49 ล้านบาท
1 Bedroom ขนาด 30,30.5 และ 32 ตร.ม. เริ่ม 4.29 ล้านบาท
1 Bedroom Plus ขนาด 35 และ 40 ตร.ม. เริ่ม 4.89 ล้านบาท
2 Bedroom 1 Bathroom 48.5 ตร.ม. เริ่ม 6.79 ล้านบาท
2 Bedroom 2 Bathroom 60 และ 64 ตร.ม. เริ่ม 8.39 ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.6 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
- Hob & Hood ของยี่ห้อ Franke
- สุขภัณฑ์ Kohler
- Home Automation
- จอง 5,000-10,000 บาท
- ทำสัญญา 30,000-50,000 บาท
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน
- โปรโมชั่น ฟรีทุกค่าใช้จ่ายวันโอน, แพ็กเกจอินเตอร์เน็ต True Super Fiber นาน 1 ปี, Samsung Galaxy Z Flip3 5G รุ่นใหม่
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเล : จุดเด่นทำเลโครงการ Life Asoke Hype คือ “ความใกล้” ทั้งในเรื่องของแหล่งงานทางฝั่งอโศกมนตรีและฝั่งพระราม 9 และใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์ที่ครบครัน แค่บริเวณใกล้ๆ โครงการช่วงแยกพระราม 9 ก็จะมี Central พระราม 9, ห้างฟอร์จูนทาวน์, อาคารสำนักงาน G Tower ถัดไปหน่อยทางเส้นรัชดาฯ ก็จะเป็น Esplanade รัชดา, ตลาดนัดรถไฟฟ้ารัชดา, ตึก Set และศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย หรือถ้าลงมาทางอโศกก็จะมีอาคารสำนักงานหลายแห่ง เช่น Midtown อโศก, ตึก GMM จึงใกล้แหล่งช้อปปิ้งชั้นดีหลังเลิกงาน นอกจากนี้ยังใกล้โรงเรียน มหาวิทยาลัยชื่อดังต่างๆ ในย่านอโศกด้วยค่ะ
การเดินทางโดยใช้รถ : โครงการเข้าออกได้จากถนนหลัก 2 เส้น คือถนนจตุรทิศ และถนนดินแดง-พระราม 9 พอโครงการอยู่ใกล้กับถนนหลักก็ทำให้ใช้งานเข้า-ออก เมืองได้สะดวก มีตัวช่วยในการเดินทางอย่างทางด่วน โดยขาลงทางด่วนจะเข้าโครงการได้สะดวกจากทางถนนจตุรทิศเลย ส่วนทางขึ้นทางด่วนที่ใกล้สุดจะต้องวนไปขึ้นที่ถนนเพชรอุทัย ห่างจากโครงการประมาณ 1.7 km. ก็ถือว่าไม่ไกลเลย แต่รถเยอะนะ สำหรับที่จอดรถให้มา 529 คัน คิดเป็น 42 % ไม่รวมจอดรถซ้อนคัน ก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของคอนโดใกล้รถไฟฟ้าโซนนี้
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : มีรถสาธารณะให้เลือกใช้งานได้หลากหลาย มีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT พระราม 9 ทางลงใกล้สุดจะห่างจากโครงการประมาณ 400-500 m. หรือจะมาใช้ MRT เพชรบุรี ห่างจากโครงการประมาณ 600 m. ซึ่งสถานีนี้ยังเป็นสถานี Interchange กับ Airport Rail Link มักกะสัน สามารถเชื่อมต่อไปสนามบินสุวรรณภูมิได้ รวมถึงบริเวณนี้จะมีท่าเรือด่วนคลองแสนแสบ ห่างโครงการประมาณ 800 เมตร โดยรวมถือว่าทำเลนี้เป็น Hub ที่เชื่อมต่อการเดินทางได้หลากหลายทั้งทางเรือ , รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT และรถไฟฟ้า BTS ค่ะ
วัสดุ : Fully Fitted ให้ชุดครัวและวัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำ ถือว่ามาตรฐานตามราคาคอนโด แบรนด์ที่ใช้ได้แก่ Franke และ Kohler ส่วนที่ชอบคือติดให้ Home Automation ทำให้สามารถควบคุมดวงไฟ, แอร์, Digital Door Lock ผ่านมือถือได้ และอีกเรื่องหนึ่งที่คอนโดแบรนด์อื่นไม่ค่อยได้ทำกันคือห้องน้ำสำเร็จรูป ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำรั่ว ห้องน้ำไม่ได้มาตรฐานไปได้
การออกแบบ :
การออกแบบตัวอาคาร – เป็นคอนโด High Rise ออกแบบในสไตล์ Boutique Condominium ได้บรรยากาศส่วนกลางเหมือนอยู่ในโรงแรม ใช้ผลงานศิลปะเข้ามาตกแต่ง นอกจากนั้นบรรยากาศของพื้นที่ส่วนกลางก็ทำออกมาได้ความสงบ ร่มรื่น แม้จะมีทำเลอยู่ใจกลางเมือง โดยมี 3 ส่วนที่เป็นจุดเด่นตามคอนเซปต์ของโครงการ ดังนี้
- Privacy Design : เราจะเห็นการพยายามสร้างความเป็นส่วนตัวในพื้นที่ส่วนกลางให้เกิด “การมีพื้นที่ของตนเอง” เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานจริงของคนยุคนี้ เช่น Secret Seat ให้นั่งคุยงานอย่างเป็นส่วนตัวได้หลายมุม, Private Treadmill ออกแบบให้มี Partition กั้นทั้งแบบเดี่ยวและแบบคู่เพิ่มความเป็นส่วนตัว เป็นต้น
- Custom Made : หลายอย่างในโครงการที่สร้างบรรยากาศหรูหรา เช่น การตกแต่งด้วยผลงานศิลปะจากแบรนด์ “MOOOI” บริษัทออกแบบสัญชาติเนเธอร์แลนด์
- Outstanding Design : บรรยากาศตั้งแต่หน้าโครงการที่ดู Luxury โดยเฉพาะการตกแต่งพื้นที่ชั้น 1 ทั้งหมด
ซึ่งการออกแบบแปลนอาคารพักอาศัยให้เป็นรูปตัว L ซ้อนกัน 2 ตอนซึ่งจะคล้ายกับตัว W การออกแบบนี้จะทำให้ทุกห้องสามารถชมวิวได้อย่างเต็มที่ รวมถึงได้ออกแบบชั้น Facilities แยกส่วนออกมาและกระจายไว้ในชั้นต่างๆ ง่ายต่อการเข้าถึงและเพื่อความสะดวกในการใช้งาน
การออกแบบตัวห้อง – มีแบบห้องให้เลือกเยอะมากรวมๆ แล้ว 20 แบบ โดยห้องส่วนใหญ่ในโครงการใช้แนวคิด Interlocked Layout Plan ทำให้การจัดวางผังห้องที่ลงตัวกว่าห้องทั่วไปที่เป็นสี่เหลี่ยมตามปกติ โครงการเน้นไปที่ห้องแบบ 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus เป็นหลักขนาดประมาณ 30 ตร.ม.++ ตอบโจทย์การอยู่อาศัย 1-2 คน เป็นหลัก
สาธารณูปโภค : Facilities ส่วนกลางทำออกมาได้ดี มีให้เลือกใช้ค่อนข้างหลากหลายและน่าใช้งาน โดยจะแบ่งพื้นที่ใช้งานออกเป็น 4 ชั้นหลักๆ คือชั้น 1, 3, 7, 40 และ Rooftop โดยส่วนที่เราเห็นลูกบ้านมาใช้เยอะๆ ก็คือบริเวณ Co-Working Space ที่โครงการเน้นความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์คนทำงานรุ่นใหม่ที่บางครั้งอยากที่จะมานั่งทำงานเพียงคนเดียวหรือกลุ่มเล็กๆ แต่หากอยากได้ความเป็นส่วนตัวมาขึ้นก็มี Co-Working Business Lounge ให้จองใช้เป็นส่วนตัวได้
สำหรับสระว่ายน้ำจะมี 2 สระที่ชั้น 7 และชั้น 40 ทั้ง 2 สระมี Lap Pool ให้ใช้ออกกำลังกายแบบจริงจัง และมี Jacuzzi ให้ใช้งาน ส่วนที่คิดว่าเป็น Benefit ของส่วนกลางโครงการนี้คือ “วิว” เพราะเค้าออกแบบให้ส่วนกลางเปิดรับวิวสวนมักกะสันกว่า 500 ไร่ จึงรับวิวได้เต็มที่ อีกเรื่องที่เราชอบคือ ทุกจุดของส่วนกลางจะมีคอนเซปต์ที่แตกต่างกัน อย่างเช่น สวนชั้นล่างเป็น The Circle Running Garden ทางวิ่งวน Loop 2 ชั้นมีต้นไม้อยู่ตรงกลาง พอขึ้นมาที่ชั้น 7 ก็จะกลายเป็น The Muted Garden ที่เน้นความเงียบสงบ มีทางเดินน้ำตกแทน แลกกับค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม. ถือว่าคุ้มค่าเลย
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 139,000 บาท/ตร.ม., 9 กันยายน 2564
- ทำเล 7.75/10 – ใกล้แหล่งงานและความอุดมสมบูรณ์ย่านพระราม 9
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – เดินทางสะดวกใกล้ถนนหลักและใกล้ทางด่วน
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ระยะ 400-600 m. ถึง MRTและ Airport Rail Link และท่าเรือคลองแสนแสบ
- วัสดุ 7.5/10 – ได้มาตรฐานตามราคาโครงการ
- แบบ 8/10 – คอนเซปต์ดี ส่วนกลางออกแบบสวยเหมือนอยู่โรงแรม มีแบบห้องให้เลือกเยอะ
- สาธารณูปโภค 9/10 – ประทับใจ สวยและให้ส่วนกลางมาเยอะ
- UPPER CLASS
- 7.79 / 10.00
Life Asoke Hype (ไลฟ์ อโศก ไฮป์) เหมาะกับใคร
โครงการ Life Asoke Hype เหมาะสำหรับคนที่มองหาคอนโดทำเลใจกลางเมืองย่านอโศก-พระราม 9 เดินหรือนั่งมอเตอร์ไซค์ไป MRT ได้ในระยะ 400 เมตร และอยากอยู่ใกล้ทางด่วน ชอบการออกแบบสไตล์ บูทีค คอนโด ใช้งาน Craft เหมือนได้อยู่โรงแรม ยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้นมาหน่อยให้กับความสวยงามและพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ มีงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับตกแต่งห้องได้อีกหน่อย โดยมีงบห้องเริ่มต้น 3.49 – 8.39 ล้านบาท หรือมีเงินผ่อนประมาณ 24,000 – 59,000 บาท/เดือน
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc