รีวิวฉบับที่ 1556 … สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชม 1 ใน 3 คอนโดใหม่ภายใต้แบรนด์ “Knightsbridge” ที่ทาง Origin เปิดตัวพร้อมกันอยู่ตอนนี้ กับ Knightsbridge Space Rama 9 คอนโด High Rise 27 ชั้น ตั้งอยู่ใกล้แยกอโศก-พระราม 9 และ MRT พระราม 9 ที่มากับห้องแบบ Duo Space ฝ้าเพดานสูง 4.2 เมตร และ Auto Parking พร้อมให้ส่วนกลางมาแบบจัดเต็ม ราคาเริ่มต้น 4.69 ล้านบาท ตามไปชมกันค่ะ

Fact @ 13 March 2018

  • Knightsbridge Space Rama9 (ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม9)
  • บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่บน : ถนนดินแดง เขตดินแดง
  • คอนโด High Rise 27 ชั้น 1 อาคาร 325 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 20 ยูนิต
  • ที่จอดรถแบบ Auto Parking ประมาณ 52%
  • ที่ดินประมาณ 2-0-47 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง :  n/a
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : n/a
  • 1 Bedroom 23.30 – 33.10 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus 33.44 – 42.60 ตร.ม.
  • 2 Bedroom 57.40 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 4.2 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 4.69 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรประมาณ 15x,xxx-18x,xxx บาท/ตร.ม.(รวมพื้นที่ Duo Space)
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center :020-300-000

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13°45’21.8″N 100°33’44.6″E

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

โครงการ Knightsbridge Space Rama9 ตั้งอยู่บนถนนดินแดง ฝั่งขามุ่งหน้าไปแยกดินแดง ใกล้กับแยกพระราม 9 และ MRT พระราม 9 โดย ทำเลนี้เป็นพื้นที่ที่มีคนเรียกกันว่าเป็น New-CBD (new-central business district) แห่งใหม่ของกรุงเทพ เนื่องจากในระยะ 1 กิโลเมตรจากแยกพระราม 9 มีคอนโด High Rise จากหลาย Developer ขึ้นเป็นจำนวนมากทั้งที่สร้างเสร็จเข้าอยู่เรียบร้อยแล้ว และบางโครงการยังอยู่ในช่วงก่อสร้าง นอกจากนั้นยังมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่หลายแห่งในพื้นที่ มีสถานฑูตจีน โดยแยกพระราม 9 ก็เป็นพื้นที่ที่ต่อเนื่องมาจากย่านอโศกที่มีความหนาแน่นของออฟฟิศสูง

ส่วนเรื่องความอุดมสมบูรณ์รอบโครงการ คงจะหนีไม่พ้นศูนย์การค้าและห้างต่างๆในระยะใกล้ๆ อาทิเช่น Central พระราม 9, ฟอร์จูน, เอสพลานาด, BigC Extra และก็ The Street รัชดา นอกจากนั้นพื้นที่ใกล้เคียงยังมีอาคารออฟฟิศอยู่เป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็น CP tower II ,  u place , true tower, AIA capital center , ตลาดหลักทรัพย์ , G land tower และในอนาคตจะมี The Super Tower โครงการ Mixed Used ขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน โรงแรม ห้องจัดเลี้ยงและศูนย์ประชุม ภัตตาคาร และจุดชมวิว นอกจากนั้นก็ยังมีคอนโดในพื้นที่อีกมากมายทั้งที่เข้าอยู่กันนานแล้ว รวมถึงที่กำลังสร้างด้วย

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ สามารถเรียกรถสาธารณะต่างๆทั้งแท็กซี่ รถเมล์ วินมอเตอร์ไซค์ได้ในบริเวณใกล้ๆโครงการ มีสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุดคือสถานี MRT พระราม 9 อยู่บนถนนรัชดาฯบริเวณหน้า Central พระราม 9 และ Fortune town ถ้านั่งจาก MRT พระราม9 อีก 2 สถานีก็จะเป็นสถานีสุขุมวิทที่เป็นสถานี Interchange กับ BTS ที่อโศกเพื่อเข้าเส้นสุขุมวิท ส่วนระบบคือจาก Airport Rail Link มักกะสัน โดยถือเป็นสถานีใหญ่ที่ชอบมีการจัดงานในและนอกอาคารบ่อยๆ ใช้เดินทางต่อไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิได้

การเดินทางด้วยรถยนต์สามารถใช้เส้นทางได้หลากหลาย สามารถเชื่อมต่อไปยัง อโศก-เพชรบุรี-รัชดาฯ-ดินแดงหรือถนนใหญ่เส้นหลักอย่างสุขุมวิท การเดินทางจากแยกพระราม 9 สามารถวิ่งไปทางลาดกระบังเข้าสุวรรณภูมิได้ทางตะวันออก สามารถเข้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิทางทิศตะวันตก ถ้าตรงขึ้นถนนรัชดาไปเรื่อยๆก็จะไปผ่านแถวรัชโยธินขึ้นไปประชาชื่น ส่วนทางใต้จะต่อกับถนนอโศกมนตรี

การใช้ทางด่วนที่ไม่ไกลจากโครงการ ซึ่งมีอยู่ 2 เส้น แส้นแรกคือ “ทางด่วนเฉลิมมหานคร” เราแค่มุ่งหน้าไปแยกดินแดง ก็มีจุดขึ้นและลงให้ใช้ได้ ทั้งขาเข้าและขาออกเมือง

หรือไม่ก็ใช้ทางด่วนศรีรัช โดยออกจากโครงการมาเลี้ยวซ้ายที่แยกโบสถ์แม่พระ เข้าจตุรทิศ ก็มีจุดให้ขึ้นทางด่วนไปเชื่อมกับมอเตอร์เวย์ได้ด้วย

การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าไปโครงการ ที่ MRT พระราม 9 จะมีประตูทางออก 2 แห่งที่ใกล้กับตัวโครงการ โดยทางแรกคือประตูทางออก 3 หน้าตึก G Tower โดยจะมีระยะประมาณ 330 เมตร ถึงแม้ว่าระยะทางจะสั้นกว่า แต่ต้องข้ามถนนถึง 2 ต่อนะ

ส่วนทางที่ 2 ที่เราจะใช้เป็นการเดินทางในวันนี้คือ ประตูทางออก 1 หน้าฟอร์จูน การเดินไปโครงการจะมีระยะทางประมาณ 420 เมตร ซึ่งจะข้ามถนนแค่ต่อเดียวเท่านั้น

การเดินทางในวันนี้ เลือกใช้ MRT พระราม9 ทางออกที่ 1 ค่ะ

ใน MRT พระราม9 นี้ก็เป็นอีกหนึ่งสถานีที่ด้านในมี Metro mall ที่มีของขายทั้งของกิน ของใช้ เสื้อผ้า มีร้านสะดวกซื้ออย่าง Lawson 108 ด้วย

พอขึ้นมาด้านบนสถานี ประตูทางออก1 นี้ จะอยู่บริเวณห้างฟอร์จูน

ห้างฟอร์จูนที่คนในย่านนี้รู้จักกันดีว่าเป็นห้างที่รวมอุปกรณ์ไอที ใครจะซื้อ-ซ่อมคอม มือถือ กล้องถ่ายรูปที่นี่มีครบ และยังมี Tesco Lotus รวมถึงร้านอาหารให้แวะหาอะไรทานรองท้องกันได้

ฝั่งตรงข้ามเป็นเซ็นทรัลพระราม9 ศูนย์การค้าใหญ่ในย่านนี้ พื้นที่ด้านหลังเป็นที่ดินผืนใหญ่ของกลุ่ม GLand ที่มีการพัฒนาอาคารสำนักงานมาอย่างต่อเนื่องหลายตึกด้วยทั้ง เดอะไนน์, ยูนิลิเวอร์, G Tower และอนาคตจะปิดท้ายด้วยโปรเจคใหญ่อย่าง Super Tower อีกด้วย

ตึกกับเซ็นทรัลคืออาคาร G Tower อาคารสำนักงานที่ออกแบบรูปทรงอาคารเป็นรูปตัว G

จากตัวสถานีเราเดินมุ่งหน้าไปทางแยกพระราม9 บริเวณนี้ทางเท้ากว้างดีนะ เดินได้สบายๆ

ทางฝั่งขวาจะผ่านโรงแรม Grand mercure ในพื้นที่ของ Fortune town

ถัดมาก็จะเป็นแยกพระราม 9 ค่ะ

โดย“แยกพระราม 9” เป็นแยกที่มีถนนทั้ง 4 เส้นมาบรรจบกัน ได้แก่ ถนนรัชดาภิเษก, ถนนพระราม 9, ถนนอโศกดินแดง และถนนดินแดง โดยการจราจนจะค่อนข้างแน่นหนาเป็นพิเศษในเวลาเข้างานและเลิกงานค่ะ

ในอย่างนี้หลายๆคนมักจะเรียกย่านนี้กันว่า New CBD หรือว่า Central Business District แห่งใหม่นั่นเอง เพราะว่าย่านนี้ เป็นแหล่งที่มีออฟฟิศสำนักงานชื่อดังมากมายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในเวลาหลายปีที่ผ่านมา อาทิเช่น ตึก AIA, ตึกตลาดหลักทรัพย์ใหม่, ตึก True Tower, สถานฑูตจีน อีกทั้งผืนที่แปลงหัวมุมขนาดใหญ่กว่า 73 ไร่ ของกลุ่ม GLand ที่มีการพัฒนาอาคารสำนักงานอีกหลายตึก ในอนาคตจะปิดท้ายด้วยโปรเจคใหญ่อย่าง Super Tower อีกด้วย

เราเดินเลี้ยวทางด้านขวาเพื่อเข้าสู่ถนนดินแดง

ข้างทางมีร้านค้า ร้านอาหารอยู่ตลอดค่ะ สามารถแวะหาอะไรทานก่อนกลับบ้านได้

มี 7-11 ขนาดใหญ่ 3 คูหาให้มาเลือกซื้อของกินของใช้ จากโครงการเดินมาไม่ไกล

ถัดมาบริเวณหน้าซอยอยู่เจริญมีร้านบะหมี่เกี๊ยวปูหมูแดง เห็นคนมากินเยอะอยู่เหมือนกัน

บริเวณหน้าร้านบะหมี่จะมีทางม้าลาย เราจะข้ามถนนกันตรงนี้ค่ะ

ข้ามมาอีกฝั่ง บ้านเรือนที่ติดกับถนนส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถวและอาคารพาณิชย์

เดินตรงมาอีกหน่อยก็จะเจอกับสำนักงานขายของโครงการ Knightsbridge Space Rama9 ค่ะ

ตอนนี้สำนักงานขายสร้างเสร็จพร้อมให้เข้าชมแล้ว บรรยากาศภายในประมาณนี้ค่ะ

มีโมเดลและห้องตัวอย่างให้ดูครบ เดี๋ยวเราจะพาเข้าไปชมกันนะ

ที่ตั้งโครงการจะอยู่ติดถนนดินแดง ฝั่งขามุ่งหน้าไปแยกดินแดง ใกล้กับแยกพระราม9

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

พื้นที่รอบข้างของโครงการ Knightsbridge Space Rama9 ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3-4 ชั้น ริมถนนดินแดงมีทั้งร้านค้าหรือตึกที่ปล่อยว่างๆ ด้านหลังของโครงการหรือทางใต้จะติดกับคลองสามเสนที่เป็นคลองขนาดไม่กว้างมาก ไม่ค่อยมีการสัญจรเท่าไรแล้ว ส่วนฝั่งตรงข้ามถนนก็เช่นกันจะเป็นอาคารพาณิชย์ติดถนนใหญ่และในซอยจะเป็นทาวน์โฮมสูง 2 ชั้นเป็นส่วนใหญ่ ส่วนพื้นที่รอบกว้างๆออกมาหน่อยก็จะเป็นตึกออฟฟิศและคอนโดเพื่อนบ้าน High rise ที่ไม่อยู่ในระยะประชิด มีแต่ละด้านของโครงการติดกับ

  • ทิศเหนือ – ติดกับถนนดินแดง ฝั่งมุ่งหน้าไปแยกดินแดง
  • ทิศตะวันออก – ติดกับอาคารอาคารพาณิชย์และโครงการคอนโด High Rise
  • ทิศใต้ – ติดกับที่ดินเปล่าและคลองสามเสน
  • ทิศตะวันตก – ติดกับอาคารอาคารพาณิชย์และพักอาศัยสูง 5 ชั้น

ทิศเหนือ ติดกับถนนดินแดง ฝั่งมุ่งหน้าไปแยกดินแดง ตรงข้ามถนนมีสะพานข้ามแยกอยู่

ทิศตะวันออก ติดกับอาคารอาคารพาณิชย์สูง 4-5 ชั้น และโครงการคอนโด High Rise

ทิศตะวันตก ติดกับอาคารอาคารพาณิชย์และพักอาศัยสูง 5 ชั้น

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Grand Mercure fortune – 300 เมตร  (ระยะเดิน)
  • G land tower – 330 เมตร (ระยะเดิน)
  • Fortune town – 410 เมตร (ระยะเดิน)
  • Central พระราม9 – 500 เมตร
  • Tesco Lotus – 755 เมตร
  • Airport Link มักกะสัน – 1.6 กิโลเมตร
  • ตลาดหลักทรัพย์ – 4 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)
  • AIA capital center – 4.1 กิโลเมตร
  • Esplanade รัชดา – 4.4 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลพระราม 9 – 4.6 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)
  • โรงพยาบาลจักษุรัตนิน – 5 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)
  • True tower – 5.2 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)


เจาะลึกตัวโครงการ

Knightsbridge Space Rama 9 เป็นคอนโด สูง 27 ชั้น จำนวน 325 ยูนิต 1 ร้านค้า ตั้งอยู่บนเนื้อที่ดินประมาณ 2 – 0 – 47 ไร่

โครงการนี้ออกแบบด้วยแนวคิด SHIFT THE WORLD “SPACE MAKES POSSIBLE” แตกต่างด้วยการดีไซน์ห้องแบบ “Duo Space” ห้องฝ้าเพดานสูง 4.2 เมตรทั้งโครงการ ทำให้แบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็น 2 ชั้นได้ โดยมีการออกแบบฟังก์ชันต่างๆดังนี้

  • Flow Space – เชื่อมต่อพื้นที่ภายในและภายนอกอาคารด้วยการออกแบบ Space ที่มีการเล่นระดับ เล่นระดับพื้นที่โถงเพดานสูง มีการออกแบบพื้นที่ใช้งานขนาดใหญ่
  • More Space – การออกแบบให้ผู้อยู่อาศัย สามารถใช้ชีวิตในพื้นที่ได้มากกว่า ทั้งภายในห้องและพื้นที่ส่วนกลาง มุมสังสรรค์ ภายในโครงการ
  • Value Space – การเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในห้อง ให้สามารถใช้งานได้เพิ่มมากขึ้น
  • Vertical Space –  การออกแบบพื้นที่ใช้งานแนวตั้งให้มีประโยชน์สูงสุด

โครงการนี้เป็นคอนโด High Rise สูง 27 ชั้น มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 325 ยูนิต อยู่บนเนื้อที่ดินทั้งหมดรวม 2 ไร่กว่า

  • ชั้น B1-B3 : เป็นที่จอดรถแบบ Automatic parking โดยจำนวนช่องจอดรถทั้งหมดทางโครงการให้มา 52%
  • ชั้นล่าง (Ground Floor) – เป็น Automatic parking , Lobby และ Waiting Area เพื่อให้ลูกบ้านได้มีพื้นที่นั่งระหว่างรอรับรถได้
  • ชั้น 2 : เป็นยก Step ขึ้นมาเป็นส่วน Lobby , Business Lounge และ Craft Cafe & Working Space พื้นที่บริเวณนี้เป็น Double Volume
  • ชั้น 3-5 : เป็นพื้นที่ของ Automatic parking ทั้งหมด
  • ชั้น 6 : เป็นห้องพักอาศัยและสวนหย่อม
  • ชั้น 7-18 : เป็นพื้นที่ของห้องพักอาศัยทั้งหมด
  • ชั้น 19 เป็นชั้น Facilities หลักของอาคารทั้ง Infinity Lab pool , Onsen แยกชาย-หญิง , Sky Panoramic Social Fitness Club , Sky Yoga&Zumba
  • ชั้น 20-25 เป็นห้องพักอาศัย
  • ชั้น 26 เป็นห้องพักอาศัยและสวนหย่อม
  • ชั้น 27 เป็นห้องพักอาศัย
  • ชั้น Rooftop : จัดเป็น Rooftop Garden ให้ทั้งชั้น ไว้ยืนชมวิวสวยบนพื้นที่สีเขียวแบบลอยฟ้า

รูปที่ดินของโครงการ จะมีลักษณะแปลกๆหน่อย โดยจะมีส่วนที่ยื่นออกมาตรงกลางที่ดินตามในภาพ ซึ่งทางโครงการจัดพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นสวนหย่อม และที่ดินจะยาวท้ายโครงการไปติดกับคลองสามเสนด้านหลังค่ะ

จากทางเข้าโครงการ เข้ามาจะเจอกับ Drop off พื้นที่สำหรับจอดรถรับ-ส่ง ส่วนที่จอดรถจะเป็น Automatic Parking พร้อม Waiting Area  โดยจะสามารถจอดได้ประมาณ 52% รอบๆโครงการมีสวนหย่อมอยู่หลายจุด รวมๆแล้วจะมีพื้นที่สีเขียวกว่า 1,000 ตร.ม. ทั้ง Hidden Backyard Garden , Secret Garden และยังมีพื้นที่รองรับ EV Charger หรือรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าอีกด้วย เข้ามาในอาคารก็จะเจอกับ Lobby ที่มีชั้นลอยเป็น Business Lounge และ Craft Cafe & Working Space รวมๆแล้วพื้นที่กว่า 600 ตร.ม.

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Secret Garden เป็นสวนเล่นระดับ เราสามารถออกมาเดินเล่นนั่งเล่นได้ โดยพื้นที่สีเขียวรอบโครงการจะมีกว่า 1,000 ตร.ม.ค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศส่วน Grand Lobby ค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศ Business Lounge มาใช้นั่งเล่น พักผ่อนได้

ภาพจำลองบรรยากาศ Craft Cafe & Working Space ซึ่งทางโครงการแจ้งว่าจะมีเตรียมเครื่องทำกาแฟเอาไว้ให้ สำหรับใครอยากมานั่งทำงานแล้วทานกาแฟไปด้วย และยังมีโต๊ะพูลมาให้เล่นคลายเครียดด้วยค่ะ

ห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 6 นะคะ ชั้นนี้จะมีสวนหย่อมอยู่ด้วย เราสามารถออกมาเดินเล่นได้โดยจะมีประตูกั้นก่อนเข้าไปใช้พื้นที่ส่วนกลางนะ ห้องพักมีให้เลือกหลายแบบวางคละๆกันไป ห้องขนาดใหญ่หน่อยจะอยู่บริเวณหัวมุมของอาคาร ชั้นนี้มีห้องพัก 19 ยูนิต มีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว ลิฟต์ Service อีก 1 ตัว อัตราส่วนลิฟต์ประมาณ 108:1 ห้องขยะและงานระบบต่างๆจะแยกออกมาและมีประตูกั้นอีก 1 ชั้นเพื่อไม่ให้ไปรบกวนในส่วนของห้องพักอาศัยค่ะ

ชั้น 7-18 เป็นชั้นพักอาศัย มีห้องพัก 20 ห้องต่อชั้น เป็นห้องแบบ Duo Space ทั้งหมดค่ะ

ชั้น 19 เป็น Facilities ค่ะประกอบด้วย สระว่ายน้ำแบบ Infinity Lab pool  พร้อมพื้นที่นั่งเล่นและสวนหย่อม ห้อง Onsen แยกชาย-หญิง และ Sky Panoramic Social Fitness Club และ Sky Yoga&Zumba

ภาพจำลองบรรยากาศ Sky Infinity Lab pool ระบบเกลือ ขนาด 4.5 x 25 เมตร และ Sky Pool Terrace & Garden พื้นที่นั่งเล่นริมสะว่ายน้ำมาให้ด้วย

ภาพจำลองบรรยากาศ Sky Panoramic Social Fitness Club เป็นฟิตเนสแบบ 2 ชั้น ขนาดใหญ่กว่า 221 ตรม. ที่มี Lounge นั่งพักผ่อนอยู่ด้านใน ให้ลูกบ้านสามารถมานั่งพบปะพูดคุยกันได้  บรรยากาศจะคล้ายๆกับฟิตเนสในห้างค่ะ

ชั้น 20-25 เป็นชั้นพักอาศัยค่ะ มีจำนวนยูนิตน้อยลงเหลือ 9 ยูนิตต่อชั้น มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ห้องที่มีขนาดใหญ่หน่อยจะจัดอยู่บริเวณมุมของอาคาร

ขึ้นมาที่ชั้น 26 ห้องพักจะมีแค่ 6 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้น ค่อนข้างเป็นส่วนตัวทีเดียวและชั้นนี้จะมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ด้วยคือสวนหย่อมซึ่งเราสามารถออกมาเดินเล่นได้

ภาพจำลองบรรยากาศ DUSK & DAWN SKY TERRACE ค่ะ

ชั้น 27 มีห้องพัก 6 ยูนิตต่อชั้นเช่นเดียวกันกับชั้น 26 แต่ไม่มีสวนหย่อมค่ะ

ส่วนชั้นดาดฟ้าจะเป็น Rooftop Garden หรือ สวนดาดฟ้า ใช้ออกมานั่งเล่นพักผ่อน ชมวิวได้

ภาพจำลองบรรยากาศ Rooftop Garden ค่ะ

มาดูวิวรอบๆโครงการกันบ้าง ดูทิศทางตามในภาพมุมสูงได้เลยนะ

โดยทางทิศเหนือ จะเป็นฝั่งด้านหน้าที่ติดถนน ใครที่เลือกชั้นล่างๆ ก็มีเสียงรบกวนจากรถที่วิ่งผ่านไปมาหน่อย แต่พอพ้นขึ้นมาที่ชั้นกลางๆ วิวก็จะโล่งเคลียไม่มีอาคารสูง จะเป็นชุมชนพักอาศัยทั่วไป

ทางทิศใต้ ปัจจุบันตอนนี้ยังเป็นผืนที่ดินเปล่าขนาดใหญ่ และยังไม่ได้มีการพัฒนาใดๆอยู่ แต่ดูจากรูปแปลงแล้ว มีโอกาสขึ้นเป็นคอนโดอาคารสูงได้เหมือนกันนะ ซึ่งถ้ามองไกลๆไปเราจะเห็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ของมักกะสันด้วย

สุดท้ายฝั่งทิศตะวันตก ในระยะใกล้จะค่อนข้างเคลียโล่ง ถ้าห่างออกไปประมาณ 140 จะมีคอนโดศุภาลัยตั้งอยู่ แต่ว่าหันแนวอาคารตัดกับเรา ระเบียงไม่เห็นกันและกันค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น G

  • Hidden Backyard Garden
  • Secret Garden
  • Business Lounge
  • Craft Cafe & Working Space
  • Ev Charger

  • ชั้น 6
    • Private Sky Terrace & Garden

  • ชั้น 19
    • Sky Sunset Pool Terrace & Garden
    • Sky infinity Lap Pool ระบบเกลือ ขนาด 4.5 x 25 เมตร
    • Sky Sunrise Onsen
    • Sky Panoramic
    • Social Fitness Club
    • Sky Yoga & Zumba

  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 108:  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถ Auto Parking ประมาณ 52%
  • ระบบ CCTV / Access Card

  • Product Walkthrough

    จุดเด่นของโครงการเลยคือ ห้องพักอาศัยทั้งหมดเป็นห้อง Loft แบบ “Duo Space” ที่มีความสูงฝ้าเพดานถึง 4.2 ม. ทำให้ลักษณะการอยู่อาศัยมีความไม่ธรรมดาเหมือนห้องพักอาศัยความสูงทั่วไป เพราะสามารถมีพื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่มากกว่าจึงสามารถจัดฟังก์ชันได้มากขึ้น หรือได้ขนาดของฟังก์ชันที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงความโปร่งโล่งของห้องที่จะมีความโปร่งโล่งมากกว่า เป็นไปตามปริมาตรของห้องที่มีมากกว่านั่นเองค่ะ

    รูปแบบการขายของโครงการนี้จะเป็น Fully Fitted โดยมีเฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in ให้ทั้งหมดยกเว้นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ได้ชุดครัว พร้อมสุขภัณฑ์จาก TOTO รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ชั้นบน (บันได พื้นชั้นบน การกั้นพื้นที่เป็นห้อง Walk-in Closet พร้อมชุด Built-in ภายใน)

    นอกจากนี้ก็มีการให้ฟังก์ชัน Home Automation เข้ามาเพิ่มความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยมากขึ้นโดยสามารถควบคุมเครื่องปรับอากาศ, Digital Door Lock, แสงสว่าง และรางผ้าม่าน ผ่าน Application ใน Smart phone ได้อีกด้วยค่ะ

    แบบห้องพักอาศัยมีทั้งหมดหลักๆ 3 แบบ ด้วยกันคือ

    • 1 Bedroom 23.30 – 33.10 ตร.ม.
    • 1 Bedroom Plus 33.44 – 42.60 ตร.ม.
    • 2 Bedroom 57.40 ตร.ม.

    ขอแนบลิ้งค์เพิ่มเติมสำหรับใครที่ยังสงสัยห้อง Loft กับ Duplex ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรนะคะ (คลิกที่นี่)

    สำหรับห้องตัวอย่างห้องแรกที่เราจะพาไปดู คือห้อง 1 Bedroom ชั้นล่างมีขนาด 27.90 ตารางเมตร ส่วนชั้นลอยมีขนาด 10.68 ตารางเมตร ลักษณะตัวห้องด้วยความที่เป็นห้องแบบ Loft ความรู้สึกจะแตกต่างกับห้องทั่วไปในขนาดเดียวกันมากทีเดียวนะคะ เพราะสามารถจัดฟังก์ชั่นได้เป็นสัดส่วนมากกว่า เริ่มต้นจากทางเข้าห้อง เข้ามาจะเป็นส่วนของห้องครัวก่อน ตัวห้องครัวนี้เป็นแบบครัวปิด มีประตูบานเลื่อน 3 ตอนกั้นไว้ให้เป็นสัดส่วน สำหรับใครที่ชอบทำอาหารหนักก็จะตอบโจทย์การใช้งานได้ดี ติดกับห้องครัวนั้นเป็นส่วนห้องน้ำ แยกโซน Service ไว้ชัดเจนเป็นสัดส่วนดี  แต่ในขณะเดียวกันหากมองในแง่ของการใช้สอยแล้วอาจจะไม่สะดวกมากนักเพราะอยู่แยกออกมาจากส่วน Common area และห้องนอนนะคะ

    ถัดมาที่ส่วน Common area นี้เป็นพื้นที่เปิดโล่ง ได้ฝ้าเพดานสูงถึง 4.2 เมตร บริเวณนี้สามารถวางฟังก์ชันประกอบไปด้วย พื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่น ติดกับส่วน Common area  เป็นส่วนระเบียงซักล้างค่ะ

    ขึ้นมาที่ชั้นบน จัดให้เป็นพื้นที่ของห้องนอนทั้งหมด สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้กำลังดี ที่พิเศษกว่าห้อง Loft ทั่วไป คือมีการจัดฟังก์ชั่นของ Walk-in Closet ให้ ตอบโจทย์การใช้งานภายในห้องนอนอย่างครบครัน

    เริ่มจากส่วนทางเข้าห้องบริเวณพื้นที่ครัว ฝ้าเพดานส่วนนี้สูงอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร จัดว่าเป็นความสูงฝ้าที่ไม่เตี้ยเกินไป ไม่ได้ให้ความรู้สึกอึดอัด ตัวพื้นของพื้นที่นี้ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้เพื่อง่ายต่อการทำความสะอาด และมีความคงทนในการใช้งานครัวมากกว่าพื้นลามิเนต ฝั่งซ้ายจัดให้เป็นส่วนพื้นที่เก็บของ เก็บรองเท้า และตู้เย็น ส่วนฝั่งขวาเป็นส่วนเคาน์เตอร์ครัว ถัดไปเป็นห้องน้ำค่ะ

    ฝั่งตรงข้ามครัวจะได้ชุด Built-in ทั้งหมดเหมือนกับห้องตัวอย่างเลยค่ะ สเปคของชุดตู้เหมือนกับสเปคบานเปิดของเคาน์เตอร์ครัว มาในตีมเดียวกันดูสวยงาม

    เป็นชุดตู้ไว้สำหรับวางของและเก็บรองเท้า ได้ตามแบบนี้เลย ขนาดพอเหมาะต่อการใช้งาน

    ติดกันมีที่นั่งให้สามารถใส่รองเท้าได้สะดวกพร้อมลิ้นชักสำหรับเก็บของได้และชั้นวางของด้านบนที่สามารถเก็บของได้อีกเช่นเดียวกันหรือใครจะวางของตกแต่งก็ได้เช่นเดียวกัน ได้เบาะที่นั่งมาแบบนี้เลยแต่ไม่รวมหมอนอิงนะ

    สำหรับเคาน์เตอร์ครัวของที่นี่จะได้เหมือนกับห้องตัวอย่างเป็นมาตรฐาน ยกเว้นผนังกันเปื้อนด้านหลังนี่จะไม่ได้นะคะ จะได้เป็นผนังฉาบเรียบมาตรฐาน แต่หากใครที่ชอบทำครัวเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้วจะแนะนำให้กรุกระเบื้องหรือกระจกเพิ่มเติมบริเวณผนังนะคะ เพราะคราบน้ำมันจะได้ไม่ติดกับผนังและทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย

    ตัว Top Counter  ใช้เป็นหินเทียม ด้านล่างบานเปิดเป็น Soft Close ทั้งหมด มีช่องวางใส่ของให้ระดับนึง  ตรงกลางเว้นช่องว่างไว้ให้ลูกบ้านวางเครื่องซักผ้าขนาด 7.5 กิโลกรัม ได้กำลังดี

    ถัดมาเป็น Sink ล้างจานหลุมเดี่ยวฝั่งเข้าเคาน์เตอร์ครัวเรียบร้อย

    เตาเซรามิคแบบ 2 หัว จาก HAFELE

    พร้อมเตาดูดควันด้านบนเป็นมาตรฐานของ HAFELE  เช่นเดียวกัน

    ภายในห้องน้ำแบ่งเป็นโซนเปียกและโซนแห้งชัดเจน เริ่มจากโซนแห้งก่อนบริเวณผนังจะได้เป็นกระจกเงาขนาดใหญ่ติดผนังเลยนะคะ ส่วนพื้นที่เคาน์เตอร์ทำเป็น Low Wall (ก่อผนัง)ให้เรียบร้อย สามารถวางของใช้ต่างๆได้ดีมาก อีกทั้งยังมีความสวยงามอีกด้วยนะคะ

    พื้นห้องน้ำเป็นพื้นเซรามิคสีเทาเล่นลวดลายเล็กน้อย มีธรณีเป็นหินสังเคราะห์สีขาวเพื่อกันน้ำไหลไปโดนส่วนอื่นๆ

    สำหรับสุขภัณฑ์ห้องน้ำทั้งอ่างล้างมือใช้ยี่ห้อ TOTO โดย Top เคาน์เตอร์ได้เป็นหินสีดำแบบในห้องตัวอย่างเลย

    โถสุขภัฑณ์ก็เป็นของ TOTO ส่วนสายฉีดชำระเป็นของ VRH

    ถัดมาเป็นพื้นที่อาบน้ำการด้วยฉากกั้นกระจก ซึ่งของจริงจะมีบานประตูมาให้ด้วยนะคะ สามารถกันน้ำกระเด็นออกมายังโซนแห้งได้ดีมากและเป็นสัดส่วน

    พื้นที่ด้านข้างทำช่องไว้สำหรับวางครีมแชมพูต่างๆได้ดี

    ในส่วนของฝักบัวให้มาทั้ง 2 แบบ ฝักบัวสายอ่อนและ Rain shower

    ฝักบัวที่ทางโครงการให้มา

    ภายในพื้นที่อาบน้ำกันด้วยธรณีที่ยกสูงเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลย้อนออกมายังโซนแห้ง ขนาดพื้นที่อาบน้ำอยู่ที่ประมาณ 1.2 x 0.76 เมตร เป็นขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปในการใช้งานจริง

    ถัดมาเป็นประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 3 ตอนสามารถเปิดพื้นที่ได้กว้างขวาง

    สำหรับโครงการนี้จะได้ชุดเฟอร์นิเจอร์เป็นบันได พื้น พร้อมตกแต่งชุดตู้ Built-in ชั้นบนให้ครบเหมือนในห้องตัวอย่าง แต่จะไม่ได้ถูกเคลมเป็นพื้นที่ในโฉนดเหมือนห้อง Duplex แต่ถูกเคลมเป็นเพียงชุดเฟอร์นิเจอร์ทั้งเซตแทน ซึ่งในความเป็นจริงนั้นการอยู่อาศัยของเราสามารถนับได้ว่ามีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากค่ะ พื้นในส่วนนี้จะเป็นไม้ลามิเนตหนา 12 มม.

    ถัดจากครัวเข้ามาก็จะเจอกับพื้นที่สำหรับชุดโต๊ะทานข้าวได้ประมาณ 2 ที่นั่ง พอทำอาหารจากในครัวเสร็จก็ยกมาเสิร์ฟได้สะดวก

    ฝั่งตรงข้ามโต๊ะทานข้าวหรือพื้นที่บริเวณใต้ท้องบันไดถูกจัดทำให้เป็นตู้ Built-in สามารถวางของได้พอสมควรเลยทีเดียว ส่วนด้านบนทำเป็นชั้นวางของได้

    ถัดเข้ามาในส่วนของ Common area เป็นพื้นที่เปิดโล่งเชื่อมต่อกัน บริเวณนี้นอกจากมีพื้นที่ขนาดใหญ่มากที่สุดของทั้งห้องพักอาศัยแล้ว ยังมีความโปร่งโล่งมากกว่าพื้นที่อื่นๆในห้อง เพราะได้ฝ้าเพดานสูงถึง 4.2 เมตร

    ระยะดูทีวีบริเวณนี้ประมาณ 3 เมตร วางโซฟาได้ประมาณ 2-3 ที่นั่งค่ะ

    ทางฝั่งซ้ายเป็นหน้าต่างบานใหญ่ช่วยให้แสงสว่างธรรมชาติเข้ามาภายในห้องได้ดี  ส่วนประตูฝั่งขวาที่เห็นนั้นเป็นประตูบานเลื่อนออกไปยังระเบียงซักล้าง

    มีบานกระทุ้งสามารถเปิดระบายอากาศได้ด้วย ส่วนระเบียงซักล้างนี้มีขนาดกะทัดรัดพอสมควรทีเดียวอยู่ที่ประมาณ  1.5 x 0.6 เมตร  สามารถใช้ตากผ้าได้เล็กน้อยไม่มากนัก ราวกันตกเป็นราวเหล็กพ่นสีมาตรฐาน

    เราขึ้นไปดูที่ชั้น 2 กันต่อ ตัวบันไดนี้ออกแบบมาได้น่าสนใจระดับหนึ่ง คือ มีลักษณะการใช้พื้นที่ใต้ท้องบันไดเช่นเดียวกับบ้านที่เรามักจะเห็นกันว่ามีห้องเก็บของใต้ท้องบันได ในส่วนของบันไดมีขนาดความกว้างไม่มากนักอยู่ที่ประมาณ 0.7 เมตร การเดินจริงๆไม่ค่อยถนัดมากนัก ด้วยความที่มีความกว้างไม่มาก รวมถึงไม่มีราวจับให้ ลูกบ้านอาจจะต้องทำราวเพิ่มเติมในส่วนนี้จะสะดวกขึ้นเยอะมากเลยค่ะ

    ขึ้นมาที่ชั้นบนก็จะเจอกับพื้นที่เตียงนอน สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้กำลังดี การวางเตียงจะมีด้านหนึ่งที่ติดกับผนังและอีกด้านมีพื้นที่ทางเดินได้สะดวก สามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้

    มีระยะปลายเตียงประมาณ 1.20 เมตร เดินผ่านได้สบายๆ

    ข้างเตียงจัดให้เป็นห้อง Walk-in Closet  โดยกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 3 ตอน เป็นสัดส่วนชัดเจน ทำให้พื้นที่ชั้นบนนี้เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ของห้องนอนได้อย่างสมบูรณ์จริงๆ เพราะตอบโจทย์การใช้งานเกือบทั้งหมด เหลือแต่ไม่มีห้องน้ำในห้องนอนเท่านั้นเอง

    ภายในส่วน Walk-in Closet  ตกแต่งด้วยตู้ Built-in พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งเหมือนกับที่เห็นในห้องตัวอย่างเลย สามารถจัดวางเสื้อผ้าหรือเก็บของได้เพราะสมควรดีทีเดียวนะคะ ถือว่าให้มาโอเคเลย และไม่ค่อยได้เห็นโครงการไหนที่ทำห้อง Loft ชั้นบนเป็นห้องนอนที่มี Walk-in Closet ในตัว

    ถัดมาที่ห้องขนาดใหญ่มากขึ้นหน่อยคือห้อง 1 Bedroom ขนาด 32.10 ตารางเมตร ชั้นลอยมีขนาด 12.69 ตารางเมตร ห้องนี้มีฟังก์ชันการใช้งานคล้ายๆกับแบบแรกคือชั้นล่างมีครัวปิด ห้องน้ำ ถัดเข้ามาเป็น Common Area พื้นที่นั่งเล่น ต่อเนื่องกับพื้นที่ทานข้าว แต่มีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าหน่อยทำให้สามารถทำมุมนั่งทำงานเพิ่มเติมได้ ส่วน ชั้นบนของห้องนี้ไม่แตกต่างจากห้องที่แล้วเท่าไหร่นักคือเป็นห้องนอนที่มี Walk-in Closet มาให้ด้วย

    เข้ามาจะเจอกับครัวปิดก่อน ครัวของห้องนี้จะมีขนาดที่กว้างกว่าห้องก่อนหน้า มีขนาดห้องประมาณ 2.8 x 2.58 เมตร ฝ้าเพดานส่วนนี้สูงอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้เพื่อง่ายต่อการทำความสะอาดและมีความคงทนในการใช้งาน ฝั่งซ้ายจัดให้เป็นส่วนพื้นที่เก็บของและตู้เย็น ครัวเป็นแบบครัวปิดสามารถทำอาหารหนักได้พอสมควร กลิ่นอาหารไม่ฟุ้งเข้าไปในส่วนของ Common area ค่ะ

    มุมมองย้อนกลับไปที่บริเวณหน้าห้อง ทางเข้าห้องน้ำจะอยู่ถัดจากเคาน์เตอร์ครัวเลย

    ตู้เก็บของบริเวณหน้าห้องได้ตามนี้ค่ะ

    ถัดมาเป็นครัวที่ทั้งวัสดุและอุปกรณ์ได้เหมือนห้องก่อนหน้า

    ภายในห้องน้ำจัดวางและสเป็คสุขภัณฑ์เหมือนกันทั้งหมด คือมีการแบ่งเป็นโซนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วน

    สุขภัณฑ์ต่างๆใช้ยี่ห้อสุขภัณฑ์จาก TOTO

    มีตู้เก็บของใต้บันไดเช่นเดียวกัน

    ถัดมาเป็นส่วน Common Area สามารถจัดฟังก์ชันได้ทั้งพื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นซึ่งจะไม่ได้เป็นสัดส่วนชัดเจนเท่าไหร่นักนะคะ เน้นเป็นพื้นที่ใช้สอยเดียวกันมากกว่า

    ระยะดูทีวีประมาณ 2.3 เมตร ด้านหลังมีพื้นที่สำหรับทำเป็นชุดโต๊ะทำงาน

    บริเวณนี้สามารถจัดเป็นฟังก์ชันป็นพื้นที่ทำงานได้ ติดๆกันเป็นประตูทางออกไปที่ระเบียง

    ประตูทางออกไประเบียงเป็นบานเลื่อนแบบ 2 ตอน มีความสูงประมาณ 2.55 เมตร ซึ่งสูงกว่าบานประตูปกติทั่วไป

    พื้นที่ระเบียงมีขนาด 1.4 x 0.6 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 เซนติเมตร

    ส่วนด้านบนเป็นพื้นที่สำหรับวาง Condensing Unit ของแอร์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เวลาเราออกมาใช้งานจะไม่ได้รับลมร้อนและไม่บดบังวิวในห้องพักเราค่ะ

    เรามาต่อกันที่ชั้นบนของห้องกันต่อนะคะ ลักษณะก็จะคล้ายคลึงกับห้องที่แล้วคือทำชั้นบนเอาไว้เป็นห้องนอนพร้อมมี Walk-in Closet

    บันไดทางขึ้นลักษณะเดียวกันค่ะ มีความกว้าง 0.7 เมตร

    ราวกันตกที่ทางโครงการให้มาเป็นประมาณนี้ เราสามารถต่อเติมเพิ่มได้

    ขึ้นมาด้านบนเจอกับพื้นที่เตียงนอนก่อนเลย วางเตียงได้แบบ 5 ฟุต มีพื้นที่วางโต๊ะข้างเตียงได้ 2 ฝั่ง ถัดเข้าไปด้านในจัดให้เป็นพื้นที่ Walk-in Closet เช่นเดียวกับห้องตัวอย่างที่แล้วค่ะ

    วางโต๊ะข้างเตียงได้ั้ง 2 ฝั่งเลย

    มีระยะปลายเตียงประมาณ 1.2 เมตร

    ห้อง Walk-in Closet กั้นด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน

    สุดท้ายภายในพื้นที่ Walk-in Closet ที่จัดมาให้นั้นจะ Built-in ให้ตามห้องตัวอย่างเเลยนะคะ สเป็คต่างๆ ก็แบบเดียวกับห้องตัวอย่างแรกเลยที่พาไปดูกัน เพิ่มเติมคือมีขนาดของพื้นที่ใหญ่มากอีกหน่อยค่ะ

    ปลั๊กและสวิทช์ของ PHILIPS

    แปลนอีกห้องหนึ่งคือห้องขนาด 23.60 ตารางเมตรที่มีชั้นลอย เข้ามาจึงได้ความโปร่งโล่งมากกว่าห้องขนาดประมาณ 23 ตารางเมตรทั่วๆไป เข้ามาจะเจอกับห้องครัวปิดเช่นเดียวกัน แต่พื้นที่ห้องน้ำจะแยกส่วนแห้งส่วนเปียกออกจากกัน ถ้าเข้าห้องน้ำแล้วอยากอาบน้ำต่อเลยอาจจะไม่สะดวกนัก แต่ข้อดีคือสามารถแบ่งการใช้งานได้ในกรณีอยู่กัน 2 คน ถัดเข้าไปเป็นพื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหาร เชื่อมต่อกับระเบียง ชั้นบนเป็นพื้นที่ของห้องนอน ห้องนี้มีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้า ไม่มี Walk-in Closet ค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 13 March 2018

    • ราคาห้องเริ่มต้น 4.69 ล้านบาท
    • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร 15x,xxx-18x,xxx บาท/ตร.ม.(รวมพื้นที่ Duo Space)
    • ห้อง 1 Bedroom ขนาด 23 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น  4.69 ล้านบาท เฉลี่ยประมาณ 156,000 (รวมพื้นที่ Duo Space)
    • ห้อง 1 Bedroom ขนาด 26 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.09 ล้านบาท เฉลี่ยประมาณ 166,000  (รวมพื้นที่ Duo Space)
    • ห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น  7.25 ล้านบาท เฉลี่ยประมาณ 168,000 (รวมพื้นที่ Duo Space)

    • Fully Fitted 
    • ฝ้าเพดานสูง 4.2 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • จอง n/a บาท
    • ทำสัญญา n/a บาท
    • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
    • ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง n/a บาท/ตร.ม./เดือน

    ** เนื่องจากทางโครงการยังไม่ได้เปิดจอง อาจจะขาดข้อมูลบางอย่าง ถ้าได้อะไรมาเพิ่มจะมา Update ให้นะคะ

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเลของโครงการ Knightsbridge Space Rama9 ตั้งอยู่บนถนนดินแดง ฝั่งขามุ่งหน้าไปแยกดินแดง ใกล้กับแยกพระราม 9 และ MRT พระราม 9 โดย ทำเลนี้เป็นพื้นที่ที่มีคนเรียกกันว่าเป็น New-CBD (new-central business distri ct) แห่งใหม่ของกรุงเทพ เนื่องจากในระยะ 1 กิโลเมตรจากแยกพระราม 9 มีคอนโด high rise จากหลาย Developer ขึ้นเป็นจำนวนมากทั้งที่สร้างเสร็จเข้าอยู่เรียบร้อยแล้ว และบางโครงการยังอยู่ในช่วงก่อสร้าง นอกจากนั้นยังมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่หลายแห่งในพื้นที่ มีสถานฑูตจีน และแยกพระราม 9 ก็ต่อเนื่องมาจากย่านอโศกที่มีความหนาแน่นของออฟฟิศสูง ส่วนเรื่องความอุดมสมบูรณ์รอบโครงการ คงจะหนีไม่พ้นศูนย์การค้าและห้างต่างๆในระยะใกล้ๆ อาทิเช่น Central พระราม 9, ฟอร์จูน, เอสพลานาด, BigC Extra และก็ The Street รัชดา นอกจากนั้นพื้นที่ใกล้เคียงยังมีอาคารออฟฟิศอยู่เป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็น CP tower II ,  u place , true tower, AIA capital center , ตลาดหลักทรัพย์ , G land tower และในอนาคตจะมี The Super Tower โครงการ Mixed Used ขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน โรงแรม ห้องจัดเลี้ยงและศูนย์ประชุม ภัตตาคาร และจุดชมวิว นอกจากนั้นก็ยังมีคอนโดในพื้นที่อีกมากมายทั้งที่เข้าอยู่กันนานแล้ว รวมถึงที่กำลังสร้างด้วย

    การเดินทางโดยใช้รถ สามารถใช้เส้นทางได้หลากหลาย สามารถเชื่อมต่อไปยัง อโศก-เพชรบุรี-รัชดาฯ-ดินแดงหรือถนนใหญ่เส้นหลักอย่างสุขุมวิท การเดินทางจากแยกพระราม 9 สามารถวิ่งไปทางลาดกระบังเข้าสุวรรณภูมิได้ทางตะวันออก สามารถเข้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิทางทิศตะวันตก ถ้าตรงขึ้นถนนรัชดาไปเรื่อยๆก็จะไปผ่านแถวรัชโยธินขึ้นไปประชาชื่น ส่วนทางใต้จะต่อกับถนนอโศกมนตรี การใช้ทางด่วนที่ไม่ไกลจากโครงการ ซึ่งมีอยู่ 2 เส้น แส้นแรกคือ “ทางด่วนเฉลิมมหานคร” เราแค่มุ่งหน้าไปแยกดินแดง ก็มีจุดขึ้นและลงให้ใช้ได้ ทั้งขาเข้าและขาออกเมือง หรือ ไม่ก็ใช้ทางด่วนศรีรัช โดยออกจากโครงการมาเลี้ยวซ้ายที่แยกโบสถ์แม่พระ เข้าจตุรทิศ ก็มีจุดให้ขึ้นทางด่วนไปเชื่อมกับมอเตอร์เวย์ได้ด้วย

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ สามารถเรียกรถสาธารณะต่างๆทั้งแท็กซี่ รถเมล์ วินมอเตอร์ไซค์ได้ในบริเวณใกล้ๆโครงการ มีสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุดคือสถานี MRT พระราม 9 มีประตูทางออก 2 แห่งที่ใกล้กับตัวโครงการคือประตูทางออก 1 หน้าฟอร์จูน การเดินไปโครงการจะมีระยะทางประมาณ 420 เมตร ซึ่งจะข้ามถนนแค่ต่อเดียวเท่านั้น และอีกที่หนึ่งก็คือประตูทางออก 3 หน้าตึก G Tower โดยจะมีระยะประมาณ 330 เมตร ถึงแม้ว่าระยะทางจะสั้นกว่า แต่ต้องข้ามถนนถึง 2 ต่อ จาก MRT พระราม9 อีก 2 สถานีก็จะเป็นสถานีสุขุมวิทที่เป็นสถานี Interchange กับ BTS ที่อโศกเพื่อเข้าเส้นสุขุมวิท ส่วนระบบคือจาก Airport Rail Link มักกะสัน โดยถือเป็นสถานีใหญ่ที่ชอบมีการจัดงานในและนอกอาคารบ่อยๆ ใช้เดินทางต่อไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิได้

    วัสดุ ขายในรูปแบบ Fully Fitted ให้เฟอร์นิเจอร์ครบทั้งหมดยกเว้นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวเท่านั้นค่ะ ซึ่งเฟอร์นิเจอร์นี้ก็รวมชั้นบนทั้งหมดด้วย เช่น บันได ราวกันตก พื้น และชุด Built-in ในเรื่องของสเป็คให้มาค่อนข้างดีทีเดียว บานเปิดเป็น Gloosy ตัวบาน Soft Close ทั้งหมด ส่วน Pantry ครัวได้ครบทั้งชุด ท็อปเป็นหินเทียม พร้อม Hob & Hood และ Sink ส่วนสุขภัณฑ์ทั้งหมดจาก TOTO และโครงการนี้ลูกค้าจะได้Home Automation ที่ครอบคลุมการใช้งานทั้งแสงสว่าง Digital Door Lock รางผ้าม่าน และเครื่องปรับอากาศ ผ่าน Application ทาง Smartphone เป็นมาตรฐานในทุกห้องอีกด้วย

    การออกแบบ โครงการนี้ออกแบบด้วยแนวคิด SHIFT THE WORLD “SPACE MAKES POSSIBLE” แตกต่างด้วยการดีไซน์ห้องแบบ “Duo Space” ห้องฝ้าเพดานสูง 4.2 เมตรทั้งโครงการ ทำให้แบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็น 2 ชั้นได้ ในส่วนของห้องพักอาศัยที่ออกแบบมาเป็นห้อง Loft เรียกว่า Duo Space ทำออกมาได้น่าสนใจนะคะ อย่างห้องขนาดประมาณ 26 ตร.ม. (พื้นที่ตามโฉนด) จัดเป็นห้อง 1 Bedroom ที่จัดฟังก์ชันมาได้ค่อนข้างลงตัว ได้ครัวปิดเป็นสัดส่วน และที่ชอบคือชุด Built-in เก็บของ เก็บรองเท้า และมีที่นั่งใส่รองเท้าให้อีก นอกจากนี้ตัวบันไดที่ทางโครงการให้มาเป็นมาตรฐานก็มีพื้นที่เก็บของใต้โถงบันไดให้อีกด้วย ซึ่งออกแบบมาให้สามารถใช้พื้นที่ใช้สอยได้เต็มที่ดี ส่วนชั้นบนออกแบบเป็นห้องนอนที่มีห้อง Walk in Closet เป็นสัดส่วนดีมาก

    ว่ากันเรื่องราคาขายของโครงการนี้ค่อนข้างแปลกใหม่นะคะ โครงการบอกราคาเป็นราคาเฉลี่ยรวมพื้นที่ชั้นบน ที่สามารถใช้งานได้จริงไปด้วย แต่ไม่ใช่พื้นที่ที่ได้ในโฉนด ด้วยราคาต่อตาราเมตรจะอยู่ราวๆ 130,000-180,000 บาท หากลองคำนวนเป็นราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้นแบบนับเฉพาะพื้นที่ในโฉนดจะอยู่ที่ประมาณ 200,000++ บาท/ตร.ม. บวกลบอีกเล็กน้อย ก็จัดว่าเป็นราคาที่สูงพอสมควร เทียบกับโครงการข้างเคียงในละแวกนี้ ซึ่งสิ่งที่ลูกค้าได้มาก็จะหาได้ยากในโครงการอื่นๆ เหมือนกัน เช่น ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาครบครัน ออกแบบมาโดยเฉพาะในการอยู่อาศัยแบบ Loft และปริมาตรห้องที่ได้มากขึ้นกว่าห้องพักอาศัยทั่วไปด้วยความสูง 4.2 ม.

    สาธารณูปโภค ให้มาพอสมควรและค่อนข้างหลากหลายดี มีทั้งพื้นที่สีเขียวโดยรวมกว่า 1,000 ตรม. มี Business Lounge , Craft Cafe & Working Space , Ev Charger ซึ่ง Facilities หลักถูกยกขึ้นไปชั้น 19 คือ Sky Sunset Pool Terrace & Garden , Sky infinity Lap Pool , Sky Sunrise Onsen , Social Fitness Club และ Sky Yoga & Zumba สามารถใช้งาน Facilities ไปในขณะที่ก็สามารถชมวิวไปด้วยได้ ทีเดียวนะคะ ส่วนฟังก์ชันที่น่าสนใจที่เพิ่มขึ้นมาคือการทำพื้นที่ Cafe และ Car Waiting Area ไว้ให้สำหรับให้ลูกบ้านที่คอยรถนั่งรอได้สบายๆ ด้วยความที่ตัวโครงการนี้ใช้ระบบที่จอดรถเป็น Automatic Parking ทั้งหมด

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา (รวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด) 15x,xxx-18x,xxx บาท/ตร.ม., 13 March 2018

    • ทำเล 8/10 – ความอุดมสมบูรณ์ดี ติดถนนใหญ่ดินแดง ใกล้แยกพระราม9 
    • เดินทางด้วยรถ 7.25/10 – ใกล้แยกพระราม9 เดินทางสะดวก เข้าสู่ตัวเมืองได้ง่าย 
    • ไม่ใช้รถ 8/10 – ระยะ 330 เมตรถึง MRT พระราม9 แต่ต้องข้ามถนนตรงแยกพระราม9 ที่เป็นถนนใหญ่ 800 เมตรถึง APL มักกะสัน
    • วัสดุ 7.5/10 – ให้วัสดุแบบ Fully Fitted ที่สเป็คดี พร้อมระบบ Home Automation
    • แบบ 7.5/10 – น่าสนใจ มีการออกแบบในรูปแบบ Vertical และการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยให้สามารถใช้งานเต็มที่
    • สาธารณูปโภค 7.25/10 – ให้ Facilities มาหลากหลาย และมี Sky Facilities ที่สามารถชมวิวได้ด้วย

    • LUXURY CLASS
    • 7.68 / 10.00

    BOTTOM LINE

    Knightsbridge Space Rama 9 เหมาะกับคนที่อยากได้คอนโดใกล้ทำงานหรือต้องการอาศัยในละแวกนี้ ชอบห้อง Duo Space หรือห้องฝ้าเพดานสูง มีส่วนกลางให้ใช้ครบ เน้นเดินทางสะดวกทั้งแบบใช้รถและไม่ใช่รถ ในราคาเริ่มต้น 4.69 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนเริ่มต้นประมาณ 33,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป