รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.403 – รีวิวคอนโด Knightsbridge The Ocean ศรีราชา
27 พฤษภาคม 2018
รีวิวฉบับที่ 936 สวัสดีค่ะ ช่วงนี้ศรีราชากำลังเป็นทำเลฮอตฮิตติดลมบน วันนี้เราจึงจะพาไปดูคอนโดน้องใหม่จาก Origin ที่อยู่ในแถบศรีราชากันบ้าง กับโครงการ KnightsBridge The Ocean ศรีราชา ตัวโครงการอยู่ติดกับถนนสุขุมวิท(ทล.3) จุดเด่นของที่ตั้งโครงการคืออยู่บนชัยภูมิที่ “ด้านหลังพิงภูเขา ด้านหน้าวิวทะเล” จึงมีวิวทั้งสองแบบ 2 in 1 โครงการมีการออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานแบบญี่ปุ่น เนื่องจากศรีราชาเป็นเมืองที่คนญี่ปุ่นมาอยู่อาศัยและทำงานอยู่เยอะ จุดมุ่งหมายของโครงการนี้แท้จริงแล้วจึงต้องการที่จะเจาะกลุ่มชาวญี่ปุ่นและนักลงทุนคนไทยซะมากกว่า ซึ่งตอนนี้ตัวโครงการยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่เราจะพาไปชิมลาง ดูหน้าตาห้องตัวอย่างกันก่อนว่าจะเป็นอย่างไรบ้างค่ะ ^^
Fact @ 29 Sep 2015
- KnightsBridge The Ocean Sriracha (ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชี่ยน ศรีราชา)
- Origin Property Public Company Limited / บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
- Segment : Upper Class (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ใน : ถนนสุขุมวิท เทศบาลนครแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี
- เนื้อที่โครงการ : 4-0-4.5 ไร่
- ประเภทโครงการ : คอนโด High Rise 36 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 722 ยูนิต
- ที่จอดรถ ไม่รวมจอดซ้อนคัน 265 คัน คิดเป็น 35% รวมจอดซ้อน 320 คันคิดเป็น 44 % และที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ 38 คัน
- Superior (1-Bedroom) 24.50 – 29.00 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท
- Deluxe (1-Bedroom) 33.00 – 37.50 ตารางเมตร
- Suite (2-Bedroom) 52.00 – 62.00 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท
- Penthouse 87.00 – 93.00 ตารางเมตร
- Duplex 61.00 – 101.00 ตารางเมตร
- ความสูงห้อง 2.6 เมตร
- ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท
- ราคาต่อตารางเมตร เริ่มต้น 86,000 บาท/ตารางเมตร
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรของทั้งโครงการ 90,000 บาท
- โครงการเริ่มก่อสร้าง ปี 2559
- คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : ประมาณ Q1 ปี 2561
- อ่านข้อมูลทำเลเพิ่มเติมใน มองหาทำเลน่าอยู่ศรีราชา คลิกที่นี่
- ติดต่อสอบถาม : [email protected] หรือ 091-774-9099
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.151862, 100.917854
Knightsbridge The Ocean ศรีราชา อยู่ติดกับถนนหลักอย่างถนนสุขุมวิท(ทล.3) ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่สามารถไปยังพัทยาได้ โดยโครงการอยู่ไม่ไกลจากสถานที่เที่ยวอย่างเช่น เกาะลอย,แหลมฉบัง ใกล้แหล่งการศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โรงเรียนดาราสมุทร ศรีราชา, โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา, โรงเรียนเซนต์ปอล คอนแวนต์ และใกล้แหล่งช็อปปิ้ง อย่างโรบินสัน, J Park และตึกคอม
ตั้วโครงการตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ทล.3 ซึ่งเป็นถนนหลักของโครงการ ถนนเส้นนี้เป็นถนนใหญ่สามารถขับเข้ากรุงเทพหรือจะไปออกพัทยาก็ไปง่าย และยังมีเส้นทางเชื่อมต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเกาะลอย, ชายทะเลได้ไม่ไกลมาก จากโครงการสามารถไปยังถนนเขาน้ำซับ ที่ใช้เป็นทางลัดเลาะไปย่านชุมชนอยู่อาศัยอย่างถนนเก้ากิโล หรือจะไปออกซอยทุ่งสุขลา ไปทะลุถนนกรุงเทพ-พัทยา(บายพาสมอเตอร์เวย์ ทล.7) ได้ด้วย รอบๆโครงการจะมีสถานที่สำคัญต่างๆในละแวกไม่ไกลมากเช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตศรีราชา โรงเรียนต่างๆเช่น เซนต์ปอลคอนแวนต์ อัสสัมชัญศรีราชา ดาราสมุทร
ส่วนห้างแหล่งกินเที่ยวซื้อของ ถ้าอิงถนนหลักอย่างสุขุมวิทก็จะมีห้างโรบินสัน(แปซิฟิคพาร์ค), ตึกคอม และห้างฮาร์เบอร์ มอลล์ อีกทั้งยังมีห้างเก๋ๆสไตล์ญี่ปุ่นที่เพิ่งเปิดมาไม่นานมากอย่าง J PARK ให้เปลี่ยนบรรยากาศอีกด้วย ในอนาคตจะมีอีกห้างที่กำลังก่อสร้างอยู่แถวอัสสัมชัญคืออิออน ศรีราชาค่ะ ส่วนพวกตลาดนัด ตลาดสดนี่ก็มีให้เลือกหลายที่แล้วแต่สะดวกและชินทำเลไหนนะคะ เช่น ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดสดศรีราชา ตลาดวรกิจ เป็นต้น
จุดที่เป็นแหล่งการขนส่งหลักจากเรือในแทบบริเวณนี้ก็จะมีท่าเรือศรีราชาฮาเบอร์, เคอรี่ สยาม ซีพอร์ต และที่สำคัญที่สุด นิคมแหลมฉบัง คะอ้อ ยังมี บมจ.ไทยออยล์ ที่เป็นอุตสาหกรรมปิโตรมาอีกเจ้า เจ้าแหล่งที่พูดถึงพวกนี้ เป็นบริษัทและท่าเรือทั้งหลายที่สำคัญในโซนนี้ ที่มีแรงงาน บุคลากรมากมายทำงานอยู่ มีทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ทำให้ชุมชนศรีราชาถึงขยายและเติบโตในเรื่องที่อยู่อาศัยอย่างรวดเร็วมากๆในระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ถึงขนาดที่ว่าราคาที่ดินแนวราบบางจุดแถวนี้ใน 3 ปีที่ผ่านมาพุ่งขึ้นเกือบเท่าตัวจากเดิมเลย และทำให้เกิดตลาดลงทุนคอนโดเกิดขึ้นมานั่นเอง
ทำไมต้องเป็นศรีราชา ?
ด้วยภูมิประเทศเป็นจังหวัดที่ติดทะเล ทำให้ชลบุรีสามารถเดินทางเชื่อมต่อการขนส่งกับหลายๆประเทศ ได้เป็นเมืองหลักทางด้านอุตสาหกรรมและการค้าขายของภาคตะวันออก มีโรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรมต่างๆมากมายที่อยู่ในย่านชลบุรี ปลวกแดง มาบตาพุด โดยมีอำเภอศรีราชาเป็นศูนย์กลาง มีการก่อตั้งท่าเรือแหลมฉบัง เป็นท่าเรือพาณิชย์สำคัญขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และอันดับต้นๆของโลก ซึ่งในอนาคตจะมีการเชื่อมต่อกับท่าเรือทวาย (พม่า) ถือเป็นการเชื่อม 2 คาบสมุทรแปซิฟิก นั่นจะหมายถึงการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ทังภาครัฐและเอกชน ถือเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะมีมูลค่านับแสนล้าน ซึ่งแน่นอนว่าผู้คนก็จะหลั่งไหลเข้ามาที่ศรีราชาเป็นจำนวนมาก
สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของศรีราชาคือความเป็น “Little Osaka” ด้วยความที่ภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย ได้รับการสนับสนุนจากประเทศญี่ปุ่นมาช้านาน มีประชากรญี่ปุ่นถึง 12,000 คนในศรีราชา ทำให้เกิดความสัมพันธ์ของ 2 วัฒนธรรม ไทย- ญี่ปุ่น รวมทั้งการลงทุนของรัฐบาลไทย-ญี่ปุ่น ที่ไม่ได้จะเอื้ออำนวยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังมีความร่วมมือหลายๆด้าน เช่น โรงเรียนไทย-ญี่ปุ่น การให้กู้หรือจะร่วมทุนในรถไฟฟ้ารางคู่และรถไฟฟ้าความเร็วสูง
รวมทั้งความร่วมมือทางด้านการเตรียมการรองรับคนญี่ปุ่นที่จะเข้ามาในประเทศไทย เช่น โรงพยาบาลเอกชน อย่างโรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลกรุงเทพ รองรับการป่วยไข้, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา รองรับในด้านการศึกษา และมี Community mall อย่าง J Park ที่ออกแบบมาในสไตล์ญี่ปุ่น เพื่อรองรับการท่องเที่ยวและช็อปปิ้ง รวมไปถึงเทศบาลนครศรีราชาก็มีกิจกรรมรองรับหลายรูปแบบ
จากศักยภาพทั้งหลายเหล่านี้จึงเกิดการลงทุนคอนโดขึ้นที่ศรีราชามากมายค่ะ โดย KnightsBridge The Ocean ศรีราชา ก็เป็นคอนโดในรูปแบบหนึ่งที่ต้องการเจาะกลุ่มญี่ปุ่น รวมทั้งนักลงทุนชาวไทยที่เล็งเห็นความสำคัญในข้อนี้
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : “มองหาทำเลน่าอยู่ศรีราชา” คลิกที่นี่
การเดินทางในวันนี้ จะมาจากถนนเลี่ยงเมืองชลบุรีนะคะ แถวแยกชลบุรีบ้านบึง ตรงเพื่อจะมาออกถนนสุขุมวิท(ทล.3) บริเวณใกล้กับเซ็นทรัลชลบุรี ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักของชลบุรี จะวิ่งตรงๆไปเรื่อยๆ ผ่านอ่างศิลา > บางแสน > หนองมน > บางพระ > ศรีราชา และพอเห็นจุดสังเกตุก่อนถึงโครงการจะเป็นร้านกาแฟดอยช้าง อยู่ข้างๆ Sale Office เลยค่ะ
เริ่มต้นจากถนนเลี่ยงเมืองชลบุรี ฝั่งขาเข้าเมือง ตรงตามป้ายของบางแสนเอาไว้
ถนนเส้นนี้เป็นเส้นที่มีรถพ่วง เยอะมากๆค่ะ เพราะเป็นทางที่รถออกมาจากนิคมอมตะนครชลบุรีและใช้ไปมายังนิคมปิ่นทอง และนิคมปลวกแดง
เราเน้นตามป้ายนี้เลยนะคะ บางแสน, ศรีราชา และจะมีทางให้เบี่ยงซ้าย
หลักจากตามป้ายศรีราชานี้ จะเป็นโค้งบังคับเลี้ยว เพื่อไปบรรจบกับถนนหลักอย่างสุขุม(ทล.3)
เข้าสู่ถนนหลักอย่างสุขุมวิทแล้ว เป็นถนนเส้นหลักของจังหวัดชลบุรีที่ตัดผ่านสถานที่สำคัญๆอย่าง ตัวเมืองชล อ่างศิลา หนองมน บางพระ ศรีราชา แหลมฉบัง พัทยา จนไปถึงสัตหีบเลยค่ะ หลังจากนี้เราก็ตรงอย่างเดียวเลย แต่จะมีอธิบายว่าผ่านชุมชนไหนบ้าง ตามริมถนนสุขุมวิทนี้
ตามป้ายศรีราชาโลด แยกที่จะถึงข้างหน้าเป็นแยกอ่างศิลา ที่ขึ้นชื่อเรื่องครกหิน มาแสนนาน
ผ่านหน้า บิ๊กซี และ Homepro ทางซ้ายมือ
ตรงนี้ค่ะ แยกอ่างศิลาที่บอก ซึ่งแยกอ่างศิลาเนี่ยทางเลี้ยวลงไปมีหมู่บ้านเยอะมากๆนะคะ เพราะมีทางเชื่อมไปได้ทั้งบางแสน, ริมทะเล และถนนพระยาสัจจาเพื่อเข้าสู่ตัวเมืองชลบุรีได้ ทำให้ตอนเย็นแถวนี้รถติดไม่ใช่เล่นเลย
แยกข้างหน้า ทางซ้ายมือจะมีทางไปสวนสัตว์เขาเขียว แหล่งท่องเที่ยวของชลบุรีอีกที่นึง และมีถนนเลี่ยงตลาดหนองมนไปโผล่แทบบางพระได้ด้วย แต่เราตรงอย่างเดียวค่ะ
ก่อนถึงแยกลงหาดบางแสน จะมีป้ายบอกทางชัดเจน เป็นเส้นเดียวกับมหาวิทยาลัยบูรพาอีกด้วย
ผ่านสามแยกไฟแดงลงหาดบางแสนค่ะ
พอพ้นไฟแดงมานิดเดียวก็จะเข้าสู่ตลาดหนองมน ที่มีร้านขายของฝากเต็มข้างทางตลอดทั้งสองฝั่งยาวมากๆ ของขึ้นชื่อก็คงเป็นข้าวหลาม ขนมจาก และอาหารทะเลแห้งค่ะ
หน้าตาเจ้า “ข้าวหลามหนองมน” ของขึ้นชื่อที่หากใครมาเที่ยวชลบุรีก็มักจะแวะเวียนมาซื้อ สนนราคา 3-5 กระบอก 100 บาท แล้วแต่ขนาดค่ะ แต่ที่พิเศษคือหลายร้านจะทำ”ข้าวหลามช็อต” เป็นข้าวหลามกระบอกเล็กๆที่ใส่หัวกระทิเย๊อะๆๆๆๆๆ ถ้าใครชอบกินข้าวหลามตรงส่วนหัวที่กระทิเยิ้มๆหวานๆมันๆ นี่ Recommend เลย ราคาก็อยู่ที่ประมาณ 5 กระบอก 100 บาทค่ะ
พ้นตลาดหนองมน จะเจอกับสี่แยกวัดตาลล้อมค่ะ ถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะไปวัดตาลล้อมตามชื่อแยก ส่วนถ้าเลี้ยวขวาจะเป็นถนนเนตรดี ที่ไปโผล่ประตูหลังม.บูรพา และลงไปสู่ชายหาดวอนนภาได้นะ
ตอนนี้เราหลุดจากโซนของบางแสน และหนองมนแล้วนะคะ สภาพแวดล้อมริมทางจะเงียบๆลงหน่อย เป็นที่ดินเปล่าเสียส่วนใหญ่ มุ่งหน้าตรงต่อไปจะเป็นตำบลบางพระ ซึ่งพอถึงบางพระเนี่ยก็ถือว่าเข้าสู่อำเภอศรีราชาแล้วนะ
ผ่านปัญญา รีสอร์ททางซ้ายมือ ซึ่งเป็นทั้งสนามกอล์ฟและหมู่บ้าน ข้างในมีเนื้อที่ดินเยอะมากๆค่ะ ใครสนใจมาลองตีกอล์ฟดูได้
เข้าตัวใจกลางบางพระแล้ว ริมถนนหลักจะเป็นอาคารพาณิชย์เดิมเสียส่วนใหญ่ บริเวณนี้เป็นสามแยกไฟแดง ถ้าเลี้ยวซ้ายจะสามารถไปอ่างเก็บน้ำบางพระได้ และมีวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกบางพระด้วยนะ ฝั่งขวามือบริเวณสะพานลอยจะเป็นตลาดสดบางพระ
ตรงต่อมา บริเวณจะเป็นเนินเขา คนแถวนี้จะเรียกว่าคอเขาบางพระ ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปอ่างเก็บน้ำบางพระ ฝั่งขวามือถ้ากลับรถและเลี้ยวเข้าซอยไปจะมีวัดเขาพระพุทธบาทด้วยนะ เวลามีงานวัดจะครึกครื้นมาก
หลังจากที่ตรงมา ซ้ายมือจะเจอกับโรงเรียนใหญ่อย่างดาราสมุทร ศรีราชา
พอสิ้นสุดเขตของรร.ดาราสมุทร จะเป็นสามแยกไฟแดงที่ถ้าเลี้ยวขวานั้นจะไปสวนสุขภาพเกาะลอย, รพ.สมิติเวช ค่ะ
ตรงมาอีกแยกนึงจะเจอกับสี่แยกวังหิน ที่เรียกว่าแยกวังหินเพราะถ้าเลี้ยงซ้ายจะมีวัดวังหิน วัดเก่าแก่ของคนแถวนี้นั่นเอง
ถัดมาจะเจอกับห้างสรรพสินค้าหลักของคนศรีราชานั่นเอง นั่นคือห้าง โรบินสัน(แปซิฟิคพาร์ค) ซึ่งด้านหลังห้างนั่นคือ “ศรีราชานคร” เป็นชุมชนทั้งอยู่อาศัยและค้าขายมีทั้งร้านค้า ร้านอาหารมากมาย อีกทั้งโรงแรม และโรงพยาบาลพญาไทด้วย แต่เดิมบริเวณนี้สามารถเลี้ยวขวาเพื่อเข้าห้างได้เลย แต่เกิดปัญหาจราจรติดขัดและอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้งก็เลยเปลี่ยนใหม่ปิดห้ามเลี้ยวอย่างที่เห็น ต้องตรงไปข้างหน้าเพื่อกลับรถแทน
ตรงมาอีกหน่อยจะเจอะกับสะพานลอยคลาสสิค แยกนี้เค้าเรียกกันว่าแยกไฟแดงเก่าค่ะ ปัจจุบันไม่มีไฟแดงแล้ว ถ้าเลี้ยวขวาจะเป็นถนนสุรศักดิ์ 1
ถัดมาอีกหน่อย แยกไฟแดงข้างหน้าคือแยกเก้ากิโลนั่นเอง ถนนเก้ากิโลเป็นถนนที่เชื่อมไปสู่ถนนมอเตอร์เวย์ และไปสิ้นสุดแถวเครือสหพัฒน์ค่ะ ทำให้มีชุมชนอยู่อาศัยค่อนข้างมากอยู่พอสมควร และที่สำคัญยังมีทางลัดเลาะไปออกถนนเขาน้ำซับที่เป็นถนนผ่านหน้าโครงการเราอีกด้วย
พอเลยตึกคอมมาแล้ว ก็ตรงอย่างเดียวเลยค่ะผ่านหน้าศูนย์ Honda ฝั่งตรงข้าม
ขับมาอีกหน่อย เจอร้านกาแฟดอยช้างก็จะถึงโครงการแล้วค่ะ Knightsbridge The Ocean อยู่ติดกันเลย
ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น
ทิศใต้ของโครงการจะติดกับร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่จะเน้นวัสดุหลักๆเป็นไม้
ส่วนทางทิศเหนือก็จะติดกับกาแฟดอยช้างที่เราผ่านมาเมื่อสักครู่
สภาพแวดล้อมโครงการ ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ และสำนักงานต่างๆ จากโครงการห่างจากทะเล 1.4 กิโลเมตร เป็นระยะที่ไม่ไกลมาก บริบทโดยรอบคือ
ทิศเหนือ ติดกับร้านกาแฟดอยช้าง ซึ่งห้องที่อยู่ทางทิศนี้จะได้วิวเมืองศรีราชา
ทิศตะวันตก ติดกับถนนสุขุมวิท(ทล.3) ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารพาณิชย์ 2-3 ชั้น และบ้านพักอาศัย หากเลือกห้องในชั้นนี้จะได้วิวทะเลเต็มๆค่ะ
ทิศตะวันออก ติดกับถนนสาธารณะซึ่งเป็นถนนเส้นเล็กๆที่ยังเป็นดินลูกรัง ให้คนที่อยู่บ้านบนเนินเขาได้เข้า-ออก ไม่ค่อยวุ่นวายนักค่ะ ส่วนพื้นที่ถัดไปจะเป็นภูเขา ซึ่งหากใครที่เลือกห้องพักที่อยู่ทางทิศนี้ก็จะได้วิวภูเขาไปด้วย
ทิศใต้ อยู่ติดกับร้านวัสดุก่อสร้างและค้าไม้ อาจจะมีเสียงรบกวนในเวลากลางวันบ้าง แต่ในกลางคืนก็สงบปกติค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ตึกคอม ~ 1.8 กิโลเมตร
- ท่าเรือศรีราชาฮาร์เบอร์ ~ 1.6 กิโลเมตร
- ตลาดสดศรีราชา ~2.5 กิโลเมตร
- Robinson ศรีราชา ~ 2.8 กิโลเมตร
- เกาะลอย ~3.5 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศรีราชา ~3.5 กิโลเมตร
- J-Park ~8.2 กิโลเมตร
- นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ~8.5 กิโลเมตร
- ฮาร์เบอร์มอลล์ ~9.3 กิโลเมตร
โครงการ Knigthsbrigde The Ocean ศรีราชา เป็นโครงการที่มีจุดเด่นอย่างหนึ่งตรงที่ทำเลที่ตั้ง อยู่ในชัยภูมิที่เรียกว่า ” ด้านหลังพิงภูเขา ด้านหน้าวิวทะเล” ทำให้สามารถรับวิวได้ทั้งสองด้าน ตัวอาคารเป็นรูปตัว L โดยส่วนด้านในของตัว L จะหันหน้าเข้าทางทิศตะวันออกหรือวิวภูเขา
ภาพจำลองทัศนียภาพด้านหน้าโครงการ ด้านที่ติดกับถนนสุขุมวิท ทล.3 การออกแบบอาคารใช้ศิลปะแบบ Art Deco (ความงามตลอดกาล) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์การออกแบบในยุคที่โลกรุ่งเรือง เป็นนวัตกรรมที่ผสมความคลาสสิคให้ก้าวสู่ยุคอุตสาหกรรม ด้วยการใช้รูปทรงเลขาคณิตเข้าไปในโครงสร้างแบบคลาสสิก เน้นสัจจะวัสดุเรียบแต่เป็นเนื้อแท้ เป็นการประยุกต์ให้รูปแบบออกมาสวยงามใช้โทนสีขาว-ดำ-น้ำตาล และแซมสีทองในส่วนบนของตัวตึกเพื่อเพิ่มความหรูหราเล็กๆ
ภาพ Facade อาคาร มีการใช้โทนสีขรึมๆ เรียบๆ
จุดเด่นอย่างหนึ่งของโครงการ คือการแบ่งส่วนกลางเป็น Triple Facilities มีโซนสันทนาการถึง 3 ส่วน ได้แก่
Circle Of Nature อยู่ในชั้นล่างสุดของโครงการ ประกอบด้วยสนามหญ้าและสนามมินิกอล์ฟ บนชั้นพื้น ซึ่งด้านนี้จะอยู่ติดกับวิวด้านภูเขา ให้ความรู้สึกของพื้นหญ้าเรียบที่ต่อเนื่องกับภูเขาสูงที่เป็น Backgroud ของอาคาร
Circle Of Community สระว่ายน้ำและสวนที่อยู่บนชั้น 4 มีทั้งสระผู้ใหญ่และสระเด็กเพื่อเป็นการสันทนาการร่วมกับครอบครัว มีบาร์บีคิวโซน ห้องเด็กเล็ก และห้องสันทนาการขนาดเล็กไว้นั่งเล่นหรือทำกิจกรรมในครอบครัว
Circle Of Inspiration อยู่ในชั้น 35-36 โดยในชั้น 35 จะเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่บนชั้นดาดฟ้า สามารถมองเห็นวิวทะเลและภูเขาได้ ส่วนในชั้น 36 จะเป็นห้องฟิตเนสและ Tatami Room
ภาพจำลองมุมมองภายนอดอาคารเมื่อมองเข้าไปที่ Lobby และที่จอดรถชั้น 2-3 ที่มีการออกแบบ Facade อาคารให้ดูเรียบขรึม ปกปิดภาพของโรงจอดรถไปเลย
ภาพบรรยากาศจำลองของ Grand Lobby ชั้นล่างสุด
ภาพบรรยากาศจำลองของห้องฟิตเนสในชั้น 36 ที่รอบๆห้องเป็นกระจกใน สามารถมองวิวได้รอบทั้งวิวทะเลและภูเขา
โมเดลจำลองของโครงการ ในมุมมองจากถนนสุขุมวิท มองไปยังตัวอาคาร Khigthsbridge The Ocean จะเป็นแบบนี้ค่ะ
อาคารทางทิศตะวันตก หรือด้านหน้า ติดกับถนนสุขุมวิทซึ่งเป็นทางเข้า-ออกหลักของโครงการ โดยอาคารในชั้น 1-3 จะเป็นส่วนของ Lobby ต้อนรับและที่จอดรถ ส่วนอาคารชั้น 35-36 ซึ่งเป็นอาคารชั้นบนสุดจะเป็นส่วนของ Facilities ซึ่งเราจะพาไปดูในช่วงท้าย ห้องในทิศนี้จะได้วิวทะเลไปเต็มๆแต่จะร้อนนิดนึงในช่วงบ่ายค่ะ (เนื่องจากโมเดลโครงการมีแสงสะท้อนจากกระจกมาก เดี๋ยวจะพาเจาะรายละเอียดในรูปถัดๆไปนะคะ)
ทางเข้าอาคารจะเป็นถนนกว้าง 6 เมตร ให้รถสวนทางเข้า-ออกได้ กรอบเหลี่ยมๆทางซ้ายมือสุดที่เป็น Sales Office ในปัจจุบัน อนาคตจะถูกดัดแปลงเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นค่ะ
การเดินรถเข้าไปยังโครงการจะวนขวา โดนเริ่มจากมี Drop Off ที่หน้าอาคารเพื่อส่งคนที่ Lobby จากนั้นก็วนขวาไปขึ้นที่จอดรถ แต่หากไม่อยากขึ้นที่จอดรถก็มีที่จอดรถใต้อาคารไว้รองรับค่ะ โดยหากรถที่ลงมาจากอาคารก็จะวนกลับทางเดิม ถนนรอบโครงการกว้าง 6 เมตร เพื่อให้สามารถขับขี่สวนกันได้สะดวก
ที่จอดรถมีทั้งหมด 3 ชั้น คือชั้น 1 ที่จอดรถใต้อาคาร และชั้น 2-3 จอดรถในอาคาร มีการตกแต่ง Facade ปกปิดส่วนจอดรถตาม Theme ของอาคาร
อาคารทางทิศใต้ จะติดกับร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ที่เป็นอาคารไม่สูงจึงไม่ต้องห่วงเรื่องโดนบังวิว รูปด้านของอาคารที่เห็นในด้านนี้จะเป็นรูปตัว L และมีขั้นบันได
โดยส่วนขั้นบันไดของอาคารจะเป็น Green Roof ทั้งหมด ซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียวที่ใช้งานได้แค่ 2 ชั้นบนเท่านั้น ส่วนสองชั้นล่างออกไปใช้งานไม่ได้นะคะ เค้าแค่เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้โครงการเท่านั้น
อาคารทางทิศตะวันออก จะติดกับภูเขาสาธารณะ ซึ่งอาคารด้านนี้จะเป็นส่วนพื้นที่พักอาศัย และ Facilities ในสระว่ายน้ำชั้น 1 และสนามมินิกอล์ฟชั้น 4 ซึ่งที่โครงการนำฟังก์ชั่นดังกล่าวมาไว้ในทิศนี้ก็เพื่อให้ดูต่อเนื่องกับภูเขาทางด้านนี้
โดยสนามมินิกอล์ฟจะมีลักษณะเป็นสนามหญ้าขนาดไม่ใหญ่มากไว้ให้ตีกอล์ฟ รอบๆมีการจัดสวนให้เดินเล่นหรือนั่งเล่นได้ ส่วนพื้นที่ชั้น 4 จะเป็นพื้นที่สวนและสระว่ายน้ำที่เป็นลักษณะฟรีฟอร์ม ให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ว่ายเล่น โดยการนำสระว่ายน้ำไว้ในด้านทิศตะวันออก ใกล้ภูเขา ซึ่งเป็นทิศที่ไม่โดนแดดจัด แถมยังได้ภูเขาช่วยบัง จึงทำให้สระว่ายน้ำนี้สามารถว่ายน้ำเล่นได้ทั้งวัน ไม่ร้อน
สวนและสนามมินิกอล์ฟ
อาคารทางทิศเหนือ จะติดกับร้านกาแฟดอยช้างซึ่งเป็นร้านกาแฟเล็กๆ 1 ชั้น จึงไม่ต้องห่วงเรื่องโดนบังวิว อาคารทางด้านนี้จะดูเป็นขั้นบันไดลดหลั่นกันลงมา คนที่ขับรถมาจากชลบุรี หรือกรุงเทพมหานคร ก็จะได้เห็นตึกมุมมองนี้ค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 35-36 ซึ่งเป็นชั้น Facilities หลักของโครงการ ประกอบด้วยสระว่ายน้ำ- ออนเซ็นที่สามารถมองเห็นวิวทะเลและภูเขาได้, Fitness, ห้อง Tatami เป็นห้องนั่งเล่นแบบญี่ปุ่น, ห้องอเนกประสงค์, ห้องน้ำรวมแยกชาย-หญิง และสวนแบบญี่ปุ่น
มาดูที่ Master Plan กันบ้างค่ะ โครงการมีลิฟต์โดยสารให้ทั้งหมด 3 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 240 : 1 ซึ่งถือว่ายังค่อนข้างหนาแน่นมากไปหน่อยนะ แต่สำหรับโครงการตากอากาศที่คนอาจจะไม่ได้อยู่ตลอดเวลาก็อาจจะพอรับได้ แต่เราก็ไม่อาจรู้อนาคต หากคนมาอยู่เยอะนี่ลองนึกถึงตอนเช้า 8 โมงที่คนทำงานต้องลงมาจากลิฟต์พร้อมกัน ในลิฟต์ที่รองรับได้ 240 คนต่อ 1 ตัว.. วิ่งลงบันได้หนีไฟอาจจะเร็วกว่า ลิฟต์เซอร์วิสมีให้ 1 ตัวติดกับส่วนทิ้งขยะ ทำให้แม่บ้านขนย้ายขยะลงมาทางนี้ได้ง่าย ไม่กวนส่วนลิฟต์โดยสาร
ทางเข้าโครงการติดกับถนนสุขุมวิท (ทล.3) ผ่านทางเข้าจะมี Drop off 1 จุด หลังจากส่งคนลงแล้วก็สามารถวนรถไปจอดใต้อาคาร แต่หากต้องการขึ้นชั้นจอดรถก็สามารถขึ้นทางด้านข้างอาคารได้ค่ะ โดยที่จอดรถ ไม่รวมจอดซ้อนคัน 265 คัน คิดเป็น 35% รวมจอดซ้อน 320 คันคิดเป็น 44 % และที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ 38 คัน ถือว่าให้ที่จอดมาน้อยเลยไม่ถึงครึ่งหนึ่งของยูนิตทั้งโครงการ เมื่อเราเข้าไปในอาคารจะเจอ Lobby ที่มีร้านค้าจำนวน 3 ร้านและห้องจดหมาย ซีกซ้ายสุดในแปลนของอาคารจะส่วน Service พวกห้องน้ำ ห้องพักขยะ และห้องงานระบบ ส่วนทางด้านหลังเป็นที่จอดรถทั้งหมดจนถึงชั้น 3 ค่ะ โดยพื้นที่ส่วน Outdoor ในชั้นนี้จะมี Putting Green หรือสนามมินิกอล์ฟ รวมทั้งสวนและส่วนนั่งเล่นให้มาพักผ่อนหย่อนใจกันได้
พอขึ้นมาชั้น 4 จะเริ่มเป็นชั้นของห้องพักอาศัยและ Facilities อย่างสระว่ายน้ำและสวน ทางเดินในอาคารเป็นแบบ Double Corridor ที่ปลายทางเดินมีช่องเปิดให้แสงธรรมชาติเข้าได้ ไม่อับ มีห้องพักทั้งหมด 23 ยูนิต ประกอบด้วยห้องสีครีม คือ Deluxe(B2) แบบ 1 Bedroom 33.00 – 37.50 ตารางเมตร จำนวน 12 ห้องทางทิศเหนือและทิศตะวันตก(วิวทะเล), ห้องสีเทา คือ Suite (C1) แบบ 2 Bedroom 52.00 – 62.00 ตารางเมตร จำนวน 3 ห้อง ทางทิศเหนือและทิศตะวันตก(วิวทะเล), ห้องสีน้ำตาล คือ Suilt(C2) แบบ 2 Bedroom ขนาดพิเศษมี Bacony จำนวน 1 ห้อง และห้องที่ได้วิวภูเขาและสระว่ายน้ำไปก็มีห้องสีม่วง เป็นห้อง Duplex(D1)จำนวน 5 ห้อง และห้อง Duplex (D2) จำนวน 1 ห้อง
โดย Facilities ในชั้นนี้จะประกอบด้วย Party Lawn, Kids Club, ห้องซักรีด, Multi-function Room, Golf Simulator Room, Home Theatre Room และสระว่ายน้ำ 1 สระ เป็นแบบฟรีฟอร์ม ระบบ Over Flow ขนาด 8 x 25 เมตร ลึก 1.2 เมตร แบ่งเป็นสระเด็กลึก 0.30 เมตร เป็นสระที่เน้นเล่นสนุกไม่เน้นว่ายน้ำจริงจัง
ชั้น 5 จะเป็นชั้นของห้องพักอาศัยอย่างเดียวแล้ว โดยในชั้นนี้จะมีห้องพักทั้งหมด 30 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องสีครีม คือ Deluxe(B2) แบบ 1 Bedroom 33.00 – 37.50 ตารางเมตร จำนวน 14 ห้อง ทางทิศเหนือ, ทิศตะวันตก(วิวทะเล) และทิศตะวันออกเฉียงใต้(วิวภูเขา), ห้องสีเทา คือ Suite (C1) แบบ 2 Bedroom 52.00 – 62.00 ตารางเมตร จำนวน 5 ห้องทางทิศเหนือ, ทิศตะวันตก(วิวทะเล) และทิศตะวันออกเฉียงใต้(วิวภูเขา), ห้องสีน้ำตาล คือ Suilt(C2) แบบ 2 Bedroom ขนาดพิเศษมี Bacony จำนวน 1 ห้อง, ห้องสีเขียว คือ Superior( B1) แบบ 1-Bedroom 24.50 – 29.00 ตารางเมตร จำนวน 4 ห้อง และห้องที่ได้วิวภูเขาและสระว่ายน้ำไปก็มีห้องสีม่วง เป็นห้อง Duplex(D1) จำนวน 5 ห้อง และห้อง Duplex (D2) จำนวน 1 ห้อง
ชั้น 6-11 มีห้องพักทั้งหมด 31 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องสีครีม คือ Deluxe(B2) แบบ 1 Bedroom 33.00 – 37.50 ตารางเมตร จำนวน 19 ห้องมีอยู่ในทุกทิศของชั้นเลย, ห้องสีเทา คือ Suite (C1) แบบ 2 Bedroom 52.00 – 62.00 ตารางเมตร จำนวน 5 ห้องทางทิศเหนือ, ทิศตะวันตก(วิวทะเล) และทิศตะวันออกเฉียงใต้(วิวภูเขา), ห้องสีน้ำตาล คือ Suilt(C2) แบบ 2 Bedroom ขนาดพิเศษมี Bacony จำนวน 1 ห้อง, ห้องสีเขียว คือ Superior( B1) แบบ 1-Bedroom 24.50 – 29.00 ตารางเมตร จำนวน 3 ห้องทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศตะวันออก(วิวภูเขาและสระว่ายน้ำ)
ชั้น 12 มีห้องพักทั้งหมด 27 ยูนิต มีการวางผังเหมือนกับชั้น 6-11 เพียงแต่ตัดห้องทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือออกไป 4 ห้อง และทำเป็นพื้นที่ว่างที่ว่างเปล่า(เนื่องจากกฏหมายของอาคาร) ไม่สามารถเดินออกไปใช้งานได้นะคะ
ชั้น 18 มีห้องพักทั้งหมด 22 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องสีครีม คือ Deluxe(B2) แบบ 1 Bedroom จำนวน 14 ห้องทิศตะวันตก(วิวทะเล),ทิศตะวันออกเฉียงใต้ และทิศตะวันออก(วิวภูเขา), ห้องสีเทา คือ Suite (C1) แบบ 2 Bedroom จำนวน 5 ห้องทางทิศเหนือ, ทิศตะวันตก(วิวทะเล) และทิศตะวันออกเฉียงใต้(วิวภูเขา), ห้องสีน้ำตาล คือ Suilt(C2) แบบ 2 Bedroom ขนาดพิเศษมี Bacony จำนวน 1 ห้อง, ห้องสีเขียว คือ Superior( B1) แบบ 1-Bedroom จำนวน 2 ห้อง ทางทิศตะวันออก (วิวภูเขา) และมีพื้นที่ว่างเปล่าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่ออกไปใช้งานไม่ได้
ชั้น 24 มีห้องพักทั้งหมด 19 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องสีครีม คือ Deluxe(B2) แบบ 1 Bedroom จำนวน 13 ห้องทิศตะวันตก(วิวทะเล)และทิศตะวันออก(วิวภูเขา), ห้องสีเทา คือ Suite (C1) แบบ 2 Bedroom จำนวน 2 ห้องทางทิศเหนือและทิศตะวันตก(วิวทะเล), ห้องสีน้ำตาล คือ Suilt(C2) แบบ 2 Bedroom ขนาดพิเศษมี Bacony จำนวน 1 ห้อง, ห้องสีเขียว คือ Superior( B1) แบบ 1-Bedroom จำนวน 1 ห้อง ทางทิศตะวันออก (วิวภูเขา) และห้องสีเหลือง คือ Suite (C1) แบบ 2 Bedroom จำนวนหนึ่งห้องทางทิศเหนือ ซึ่งอยู่ติดกับสวนลอยฟ้า สามารถออกไปเดินเล่นได้
ชั้น 25-29 มีห้องพักทั้งหมด 20 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องสีครีม คือ Deluxe(B2) แบบ 1 Bedroom จำนวน 14 ห้องทิศตะวันตก(วิวทะเล), ทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันออก(วิวภูเขา), ห้องสีเทา คือ Suite (C1) แบบ 2 Bedroom จำนวน 3 ห้องทางทิศเหนือและทิศตะวันตก(วิวทะเล), ห้องสีน้ำตาล คือ Suilt(C2) แบบ 2 Bedroom ขนาดพิเศษมี Bacony จำนวน 1 ห้อง, ห้องสีเขียว คือ Superior( B1) แบบ 1-Bedroom จำนวน 1 ห้อง ทางทิศตะวันออก (วิวภูเขา)
ชั้น 30 มีห้องพักทั้งหมด 18 ยูนิต มีการวางผังเหมือนกับชั้น 25-29 เพียงแต่ตัดห้องทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือออกไป 2 ยูนิต แล้วเปลี่ยนเปลี่ยนสวนแทน
ชั้น 31-32 มีห้องพักทั้งหมด 18 ยูนิต มีการวางผังเหมือนกับชั้น 30 เพียงแต่ตัดสวนทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือออกไป
ชั้น 33 มีห้องพักทั้งหมด 18 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องสีครีม คือ Deluxe(B2) แบบ 1 Bedroom จำนวน 5 ห้องทางทิศตะวันออก(วิวภูเขา), ห้องสีม่วง คือ Duplex (D1) จำนวน 8 ห้องทางทิศตะวันตก(วิวทะเล), ห้องชมพูคือ Duplex (D3) ขนาดพิเศษมี Bacony จำนวน 1 ห้อง, ห้องสีน้ำเงิน คือ Duplex (D2) จำนวน 2 ห้องทางทิศเหนือและทิศตะวันตก(วิวทะเล) และห้องสีเขียว คือ Superior( B1) แบบ 1-Bedroom จำนวน 1 ห้อง ทางทิศตะวันออก (วิวภูเขา)
ชั้น 34 มีห้องพักทั้งหมด 18 ยูนิต การวางผังคล้ายๆกับชั้น 33
ชั้น 35-36 จะเป็นพื้นที่ Facilities หลัก โดยชั้น 35 จะประกอบด้วยห้องพัก Penthouse ขนาด 87.00 – 93.00 ตารางเมตรจำนวน 2 ห้อง พื้นที่ Scenery Linkage Pool สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบ Over Flow ขนาด 5 x 20 เมตร ลึก 1.2 เมตร ไม่มีสระเด็ก สามารถชมวิวภูเขาและวิวทะเลได้, Tatami room ที่เป็นห้องนั่งเล่นพูดคุยกันในสไตล์แบบคนญี่ปุ่น ปูด้วยเสื่อทาทามิแบบดั้งเดิม, ห้องน้ำรวมแยกชายหญิง และพื้นที่สวน ส่วนในชั้น 36 จะเป็นพื้นที่ของห้องฟิตเนสที่สามารถออกกำลังกายพร้อมมองวิวแม่น้ำได้ค่ะ
จุด A วิวทางทิศตะวันตก จากตึกของโครงการจะเห็นทางทะเลกว้างไกลสุดสายตา ที่ยาวออกไปในทะเลนั้นคือท่าเรือศรีราชาฮาร์เบอร์ค่ะ
จุด B วิวทางทิศเหนือ จะเป็นวิวของตัวเมืองศรีราชา ทัศนียภาพทางซ้ายเป็นทะเล ทางขวาเป็นภูเขา
จุด C วิวทางทิศตะวันออก เป็นวิวภูเขาสีเขียว
จุด D วิวทางทิศใต้ จะเห็นวิวภูเขาล้อมเมือง พื้นที่สีเขียวค่อนข้างเยอะทีเดียว
เนื่องจากโครงการยังไม่เริ่มก่อสร้างเราจึงจะพาไปดูห้องตัวอย่างที่สำนักงานขาย และหน้าตาผืนที่ดินกันก่อนค่ะ โดยสำนักงานขายจะตั้งอยู่หน้าผืนที่ดินที่จะก่อสร้างเลย
เดินเข้ามาด้านในจะเป็นที่จอดรถรองรับลูกค้าค่อนข้างกว้าง ที่ดินด้านในที่กำลังล้อมรั้วนั่นก็คือพื้นที่ที่กำลังเตรียมสร้างโครงการนั่นเองค่ะ
เข้ามาในพื้นที่โครงการ มีการปรับพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะเห็นวิวภูเขาแบบนี้ค่ะ ที่ด้านหลังพุ่มไม้นี้จะเป็นที่ดินว่างเปล่า และถนนสาธารณะเล็กๆที่ยังเป็นดินลูกรังอยู่ เป็นทางที่คนที่บ้านอยู่ที่เนินเขาใช้เข้า-ออก คนผ่านไปผ่านมาไม่ค่อยเยอะ
ทางทิศใต้ จะมองเห็นที่ดินว่างเปล่า ต้นไม้และบ้านคนจำนวนน้อยมาก
ส่วนทางด้านทิศเหนือ ก็มองเห็นที่ดินว่างเปล่า และบ้านคนไกลๆเช่นกัน
มองกลับไปที่เราเดินเข้ามาก็คือทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ จากตรงนี้จะมองเห็นสำนักงานขาย ซึ่งหากเราอยู่บนคอนโดจะมองเห็นวิวทะเลค่ะ
เดินออกมาจากพื้นที่เตรียมก่อสร้างโครงการ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นถนนสุขุมวิทและอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น จากตรงนี้เดี๋ยวเราจะพาเลี้ยวขวาเข้าไปดูในสำนักงานขายกัน
เข้ามาในสำนักงานขายจะเห็นส่วนของ Lobby ต้อนรับ โต๊ะรับรองลูกค้า และฝั่งขวามือเป็น Model จำลองโครงการค่ะ
ถัดจาก Model ไปจะเป็นทางไปดูห้องตัวอย่าง โดยชั้นล่างจะเป็นห้อง 2 Bedroom ส่วนถ้าขึ้นชั้น 2 จะเป็นห้อง 1 Bedroom เดี๋ยวเราจะพาไปดูห้อง 1 Bedroom กันก่อนแล้วมาต่อที่ห้อง 2 Bedroom นะคะ
ขึ้นมาดูห้องตัวอย่างกันเล้ยย ^^
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- ชั้น 1 – Urban Forest
- ชั้น 1 – Garden Amphitheater
- ชั้น 1 – Putting Green สนามมินิกอล์ฟ
- ชั้น 1 – Grand Lobby
- ชั้น 1 – 3 Shops (Restaurant) ร้านค้า 3 ร้าน
- ชั้น 1 – 24 hr. Water Machine บริการเครื่องซักผ้า 24 ชั่วโมง
- ชั้น 4 – Water Plays สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบ Over Flow ขนาด 8 x 25 เมตร ลึก 1.2 เมตร แบ่งเป็นสระเด็กลึก 0.30 เมตร เป็นสระที่เน้นเล่นสนุกไม่เน้นว่ายน้ำจริงจัง
- ชั้น 4 – Party Lawn
- ชั้น 4 – Kids Club
- ชั้น 4 – Laundry Room
- ชั้น 4 – Multi-function Room
- ชั้น 4 – Golf Simulator Room
- ชั้น 4 – Home Theatre Room
- Rooftop – 360 Degree View Point / Skyline View Point
- Rooftop – Sky Fitness
- Rooftop – Sky Lounge
- Rooftop – Tatami Room
- Rooftop – Japanese Garden
- Rooftop – Scenery Linkage Poolสระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบ Over Flow ขนาด 5 x 20 เมตร ลึก 1.2 เมตร ไม่มีสระเด็ก สามารถชมวิวภูเขาและวิวทะเลได้
Additional Services
- ลิฟท์โดยสาร 3 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 240 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถ ไม่รวมจอดซ้อนคัน 265 คัน คิดเป็น 35% รวมจอดซ้อน 320 คันคิดเป็น 44 % และที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ 38 คัน
- Shuttle Service
- Hi-Speed Internet
- Housekeeping and Laundry Service
- Reception & Concierge
- Japanese Agent Service
- 24 hours Security & CCTV
- Shuttle Bus Service
โครงการจะมีห้องทั้งหมด 5แบบ คือ
- ห้อง 1 Bedroom แบบ Superior และ Deluxe ขนาด 24.50 – 37.50 ตารางเมตร จำนวน 561 ยูนิต
- ห้อง 2 Bedroom แบบ Suite 52.00 – 62.00 ตารางเมตร จำนวน 140 ยูนิต
- ห้อง Penthouse 87.00 – 93.00 ตารางเมตร จำนวน 2 ยูนิต
- ห้อง Duplex 61.00 – 101.00 ตารางเมตร จำนวน 19 ยูนิต
โครงการขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์แต่งครบชุดทั้งลอยตัวและ Built-in, ชุดครัว, แอร์ติดผนัง , กระจกกั้นอาบน้ำและอ่างจากุชชี่ โดยห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปดูในวันนี้ เป็นห้อง 1 Bedroom แบบ Deluxe, ห้อง 2 Bedroom แบบ Suite และภาพรวมของห้อง 1 Bedroom แบบ Superior ค่ะ
มาเริ่มกันที่ห้องแบบ Deluxe ( 1 Bedroom 1 Bathroom) 33.00 – 34.50 ตารางเมตร ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร ห้องนี้จะมีขนาดกลางๆ พอดีกับการอยู่อาศัย 2 คน โดยเปิดประตูเข้าไปจะเจอกับห้องครัวซึ่งโครงการ Built-in ชุดครัวมาให้พร้อมโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งได้ พอเดินเข้าไปจะเป็นห้องนั่งเล่น ที่มีการวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางและ Built-in ชุดวางทีวีมาให้เรียบร้อย ถัดไปเป็นระเบียงที่มีการวาง Compressor แอร์ไว้ด้านบน ทำให้สามารถออกไปนั่งเล่นที่ระเบียงขณะเปิดแอร์ได้ ไม่ร้อนมากนัก
ส่วนของห้องนอนจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้เมื่อเราเปิดประตูออก ก็จะได้พื้นที่เหมือนห้อง Studio กว้างๆ แต่พอปิดประตูแล้วห้องจะดูแคบขึ้น แต่ก็ได้ประโยชน์ตรงที่หากต้องการใช้งานทั้งห้องนั่งเล่น ห้องครัวและห้องนอนในช่วงเวลาเดียวกัน ก็เป็นการแบ่งการใช้งานทั้งสามฟังก์ชั่นไปพร้อมๆกันได้ เช่น หากต้องการทำกับข้าวขณะที่อีกคนต้องการใช้สมาธิในการทำงาน ก็ปิดประตูบานเลื่อน จะช่วยให้เสียงไม่รบกวนกัน และยังป้องกันกลิ่นจากการประกอบอาหารเข้าห้องนอนด้วย
ถัดไปเป็นพื้นที่ Walk-in closed ที่โครงการ Built-in ตู้มาให้แล้ว เชื่อมต่อกับห้องน้ำที่แบ่งแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน และห้องน้ำนี่แหละที่เป็น High light ของห้อง ถ้าดูในแปลนห้องจะเห็นว่าพื้นที่ห้องน้ำนี่พอๆกับห้องนอนเลย เห็นชัดว่าค่อนข้างให้ความสำคัญกับห้องน้ำมาก โดยส่วนแห้งจะมีเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าพร้อมตู้กระจกเปิดได้มาให้ โถส้วมเป็นแบบญี่ปุ่นใช้ปุ่มกดเอา ไม่มีสายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่ให้ และส่วนเปียกจะมีอ่างจากุชชี่ รวมทั้งพื้นที่อาบน้ำด้วย Rain Shower ที่มีเก้าอี้เล็กๆให้ 1 ตัวสำหรับนั่งอาบน้ำสไตล์คนญี่ปุ่น
โดยหน้าบานของตู้จะเป็นลายไม้เรียบๆ พอเปิดออกมาจะเป็นชั้นวางรองเท้า และชั้นเก็บของเล็กๆน้อยๆ
เวลาเปิด-ปิดตู้ ก็จับครีบนี้ได้ค่ะ
ฝั่งตรงข้ามกันจะเป็นตู้ครัว Built-in ที่โครงการติดตั้งมาให้
ประกอบด้วยตู้เก็บของ หน้าบานเรียบๆ เมื่อเปิดออกมาก็จะเป็นชั้นวางของอเนกประสงค์ ชั้นล่างสุดสามารถวางถุงกอล์ฟได้ ไปใช้กับสนามมินิกอล์ฟด้านล่างโครงการ
บานพับเป็นแบบ Soft-closed ทั้งหมด ส่วนมือจับตามภาพเลยค่ะ
ครัว Built-in โครงการติดตั้งมาให้แบบนี้เลย หน้าบานบุผิวด้วยเมลามีนสีขาว ทางซ้ายมือเป็นช่องว่างให้วางตู้เย็นหน้ากว้าง 0.70 เมตร สูง 1.76 เมตร วางตู้เย็นขนาดกลางๆได้
ตรงตู้ Built-in ด้านบนจะมีสวิตซ์ไฟเล็กๆให้
พอกดปุ้บ จะเป็นการเปิดไฟตรงเคาท์เตอร์ครัวเพื่อเพิ่มแสงสว่าง ท็อปเคาท์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์สีขาว ส่วนผนังเคาท์เตอร์ครัวเป็นกระจกใส ทำความสะอาดง่ายไม่ฝังรอยคราบ
อ่างล้างจานขนาดไม่ใหญ่มาก ของ MEX
เตาและที่ดูดควันของ MEX เช่นกัน
ถัดมาเป็นชุดโต๊ะรับประทานอาหาร 2 ที่นั่ง ขนาด 0.65 x 1.20 เมตร และเก้าอี้ 2 ตัวสีน้ำตาลบุหนังเทียม
ซึ่งการจัดวางเก้าอี้ นอกจากจะวางเก้าอี้คู่กันแล้ว หากรู้สึกเบียดหรืออึดอัดก็สามารถจัดวางเก้าอี้แบบนี้ได้ เพราะช่องว่างระหว่างปลายโต๊ะถึงผนังประมาณ 0.70 เมตร เป็นระยะที่ไม่กว้างมาก แต่ก็พอนั่งได้ไม่อึดอัดค่ะ
ส่วนระยะจากเคาท์เตอร์ครัวถึงผนังมีขนาด 1.35 เมตร เป็นพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ยืนทำอาหารได้สบายๆ
ถัดไปเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นหรือรับแขก ซึ่งโครงการแถมโซฟารับแขกขนาด 2 ที่นั่ง โต๊ะกลาง และตู้วางทีวี Built-in มาให้แล้ว ระยะดูทีวีอยู่ที่ 1.50 เมตร เหมาะกับการวางทีวี 32″ จะเป็นขนาดทีวีที่พอดีกับสายตาค่ะ
ชั้นวางทีวีโครงการ Built-in มาให้หน้าตาแบบนี้เลยทั้งด้านบนและด้านล่าง มีลิ้นชักเปิด- ปิดให้ใส่ของได้เล็กน้อย
ตู้ใส่ของด้านบนเปิดขึ้นแบบนี้ เวลาเปิดเอาของใส่ตู้ต้องระวังศีรษะจะกระแทกเอาได้นะคะ
โซฟาที่โครงการแถมให้เป็นขนาดแบบ 2 ที่นั่ง ขนาด 0.70 x 1.45 เมตร มีหมอนรองหลังเล็กๆให้ด้วย 2 อัน
ถัดไปเป็นส่วนระเบียง ที่ถูกกั้นพื้นที่ด้วยประตูกระจกบานเลื่อนคู่ กระจกใสเขียวตัดแสง กรอบอลูมิเนียมสีดำ
พื้นระเบียงเป็นกระเบื้องเซรามิค ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ไม่มีการลดระดับพื้น แต่มีการยกธรณีประตูขึ้นเล็กน้อย รวมรางเลื่อนประตูแล้วก็ประมาณ 15 เซนติเมตร เผื่อฝนตกธรณีนี้จะได้เป็นตัวกันน้ำจากระเบียงไหลเข้าห้อง
ราวระเบียงเป็นเหล็กโปร่งทาสีดำ สูง 1.10 เมตร ความสูงขนาดนี้ช่วยลดความเสียวจากการอยู่บนตึกสูงได้หน่อย ส่วนด้านบนติดตั้งระแนงเหล็กทาสีดำเช่นกัน เพื่อเอาไว้พราง Compressor แอร์จากสายตาด้านนอกที่มองเข้ามาในอาคาร
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีการติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ทรงสี่เหลี่ยม 1 ดวง สามารถติดตั้ง Compressor แอร์ด้านบนได้ 2 ตัว
ส่วนระเบียงอีกด้านจะเป็นผนังทึบ มีท่อระบายน้ำให้ที่พื้น 1 จุด
จากระเบียงมองกลับเข้าไปในห้องจะเห็นฟังก์ชั่นของห้องนั่งเล่นทั้งหมดแบบนี้ค่ะ
ทางซ้ายมือจะเป็นส่วนของห้องนอนที่ถูกแบ่งพื้นที่ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 บาน กรอบอลูมิเนียมสีดำ
ซึ่งพอประตูที่กั้นเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน เวลาเปิดประตูสุดจึงทำให้มีช่องเปิดค่อนข้างกว้าง เสมือนห้อง Studio ห้องหนึ่ง ที่ห้องนอนและห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่เดียวกัน หากนอนอยู่บนเตียงก็สามารถดูทีวีที่ห้องรับแขกได้
เตียงนอนที่โครงการแถมให้เป็นเตียง Queen Size ขนาด 5 ฟุต มีลิ้นชัก 1 จุด ใส่ของได้เล็กน้อยค่ะ
ห้องนี้มีช่องเปิดให้ 1 จุดเป็นหน้าต่างกระจกเขียวใสตัดแสง กรอบอลูมิเนียมสีดำ บาน Fix และบานกระทุ้งเล็กๆ 1 บาน
มือจับหน้าต่างเป็นแบบก้านโยก สีดำค่ะ
พื้นที่ปลายเตียงมองออกไปจะเห็นโซฟานั่งเล่น และนอนดูทีวีได้ แต่จะรู้สึกเกะกะสายตากับเจ้าประตูบานเลื่อนสักหน่อยนะ
พื้นที่ปลายเตียงเว้นว่างไว้ให้เดินผ่าน หรือปิด-เปิดประตู ประมาณ 0.48 เมตร เป็นระยะแคบๆแค่พอเดินผ่าน
ส่วนหัวเตียงของจริงจะเป็นผนังฉาบเรียบ ทาสีขาวธรรม ข้างๆกันเป็นโต๊ะเครื่องแป้งที่โครงการ Built-in มาให้แล้ว
โดยโต๊ะเครื่องแป้งจะเป็นเคาท์เตอร์ยื่นออกมา พร้อมลิ้นชัก 2 ตอน เปิดใส่ของได้เล็กน้อย ส่วนกระจกเงาก็สามารถเปิดออกได้ ใส่ของจำพวกครีม เครื่องประดับ หรือของกระจุกกระจิกสำหรับคุณผู้หญิงได้ ส่วนเก้าอี้ก็มีให้ 1 ตัว ขนาดพอดีรองรับกับตัวโต๊ะเครื่องแป้ง
ถัดไปเราจะเห็นหน้าต่างกระจกบาน Fix ของห้องน้ำ เป็นกระจกใสค่อนข้างเซ็กซี่เวลาอาบน้ำ ข้างๆกันเป็นพื้นที่ Walk-in closed ที่โครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้แล้ว
โดยหน้าบานตู้เสื้อผ้าจะเป็นลามิเนตลายไม้ เรียบๆ
มือจับเป็นครีบอลูมิเนียมอยู่ด้านข้าง เวลาเปิด-ปิด ตู้ก็จะจับแบบนี้ค่ะ
เมื่อเปิดออกมาก็จะได้ฟังก์ชั่นค่อนข้างครบทั้งลิ้นชักใส่ของ ที่แขวนผ้า ที่แขวนกางเกง รวมทั้งตู้นิรภัยก็ติดตั้งมาให้ด้วย เผื่อในกรณีทำเป็นห้องเช่า จะได้มีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น
ฝั่งตรงข้ามกันของจริงจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวธรรมดา ซึ่งเราสามารถติดกระจกเงาเต็มผนัง เพื่อเอาไว้ส่องความเรียบร้อยและช่วยให้ห้องกว้างขึ้นด้วย
จาก Walk-in closed จะมีประตูกระจกฝ้าให้ 1 บานเป็นประตูบานเลื่อน หากใช้ห้องน้ำเสร็จก็สามารถเลื่อนปิดป้องกันความชื้นเข้าห้องนอน
โดยห้องน้ำนี้จะมีทางเข้า-ออก 2 ทาง คือจากห้องครัว(ตรงโถงทางเข้า) และเข้าได้จากห้องนอน พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ไม่มีการลดระดับ แต่มีการยกธรณีขึ้นเล็กน้อยเพื่อกันน้ำจากในห้องน้ำไหลออกมาเปียกพื้นในห้องนอน รวมทั้งส่วนเปียกส่วนแห้งก็ยังมีการยกธรณีอีก เรียกไว้ว่ามีการยกธรณีเยอะมาก ซึ่งการยกธรณีที่ค่อนข้างถี่แบบนี้ค่อนข้างเสี่ยงต่อการสะดุดล้ม รวมทั้งความสูงของธรณีเป็นระยะที่เสี่ยงต่อการสะดุดได้ง่ายมาก หากเดินเข้า-ออก ก็ต้องระวังกันด้วยนะคะ
เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า โครงการ Built-in มาให้ยาวเต็มผนัง มีชั้นวางของและลิ้นชักบานเปิดคู่ใส่ของใช้ในห้องน้ำได้ ส่วนช่องหน้าสุดทางขวามือเป็นที่ใส่เครื่องซักผ้าที่โครงการเว้นช่องไว้ให้ 0.60 x 0.85 เมตร สูง 0.94 เมตร เหมาะกับวางเครื่องซักผ้าขนาด 7 กิโลกรัม ส่วนกระจกเงาติดผนังสามารถเปิดออกมาได้ทางซ้าย-ขวา เพื่อเก็บของได้เล็กๆน้อยๆ
อ่างล้างมือสี่เหลี่ยมขนาดปานกลาง ของ American Standard
โถสุขภัณฑ์แบบมีปุ่มกด ไม่มีสายชำระ และกระดาษทิชชู่ ซึ่งคนไทยเองอาจจะไม่ชินกับฟังก์ชั่นแบบนี้เท่าไหร่นัก เพราะเราทำธุระเสร็จจะถนัดฉีดเสร็จ แล้วเช็ดต่อ… แต่สำหรับคนญี่ปุ่นจะถนัดกดปุ่มให้น้ำไหลออกมาชำระทำความสะอาดให้ทีเดียวเสร็จสรรพ
ถัดไปเป็นพื้นที่อาบน้ำ ที่ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนนิรภัยไม่มีเฟรม โดยประตูจะเป็นบานเลื่อนเดี่ยว เลื่อนไปทางขวาได้ทางเดียว
มือจับสแตนเลสกลมๆเล็กๆแบบนี้
พื้นที่ส่วนอาบน้ำมีขนาด 1.47 x 1.58 เมตร ฟังก์ชั่นการอาบน้ำจะแบ่งเป็นส่วนอาบน้ำและอ่างจากุชชี่ การใช้งานพื้นที่อย่างเช่น เราอาบน้ำล้างตัวให้สะอาดโดยการนั่งอาบน้ำที่เก้าอี้เล็กๆตัวนี้ จากนั้นก็ลงไปแช่ตัวในอ่างจากุชชี่เพื่อผ่อนคลาย โดยคนญี่ปุ่นบางคนที่ชินกับการอาบน้ำแบบเดิมๆก็มักจะหาถังใส่น้ำมาวางแล้วเอาขันตักอาบ นึกภาพคล้ายๆกับบ้านแถวต่างจังหวัดของไทยเรา ที่ยังใช้ขันและโอ่งกันอยู่
แต่มาซื้อคอนโดระดับนี้จะให้มาหาขันตักอาบก็กระไรอยู่ โครงการจึงได้ติดตั้ง Rain Shower มาให้ เผื่อใครอยากนั่งอาบน้ำไป เปิด Rain Shower ไป เปิดเพลงคลอๆทำมิวสิคก็ได้ความสุนทรีไปอีกแบบ
ข้างๆกันเป็นอ่างจากุชชี่ขนาด 0.70 x 1.48 เมตร อ่างขนาดไม่ใหญ่มาก เพราะว่าจุดประสงค์เค้าไม่ได้เน้นนอน แต่จะเน้นนั่งแช่น้ำแล้วเหยียดขาเอา ให้น้ำจากอ่างจากุชชี่พ่นออกมาช่วยให้ผ่อนคลาย มองตรงไปที่ผนังเป็นกระจกใสที่มองออกไปเห็นห้องนอน หากใครไม่ชอบเซ็กซี่หวิวๆก็หาผ้าม่านมาติดอำพรางสายตาได้นะคะ ส่วนผนังอีกด้านติดตั้งชุดฝักบัวอาบน้ำของ American Standard มาให้
ฝักบัวขนาดพอดีมือไม่ใหญ่มากนัก
ส่วนผนังทางซ้ายมือมีการติดตั้งราวแขวนผ้าสแตนเลสมาให้
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานจะติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ทรงสี่เหลี่ยมมาให้ 3 ดวง
สวิตซ์ไฟที่โครงการให้มาจะหน้าตาแบบนี้นะคะ
ต่อไปเป็นห้อง Suite (2-Bedroom 2 Bathroom) ขนาด 52.00 – 62.00 ตารางเมตร โดยห้องตัวอย่างไปเราจะพาไปดูมีขนาด 54 ตารางเมตร เหมาะการอยู่อาศัย 2-4 คน หรือครอบครัวขนาดเล็ก พื้นที่ใช้สอยของห้องนี้ค่อนข้างครบและ Fix ปรับเปลี่ยนพื้นที่ไม่ได้มากนัก โดยเมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาเราจะเจอกับครัวเปิดที่มีการ Built-in เคาท์เตอร์รูปตัว I ให้เป็น Pantry ประกอบอาหารได้ ฝั่งตรงข้ามกันเป็นโต๊ะนั่งรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง และห้องน้ำที่มีฟังก์ชั่นค่อนข้างครบ มีการแยกส่วนเปียกส่วนแห้งให้ด้วย ถัดไปเป็นห้องรับแขกที่โครงการแถมโซฟาขนาด 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางให้ขนาดพอดีๆกับพื้นที่ มีหน้าต่างกระจกบานเปิดค่อนข้างใหญ่ สามารถนั่งเล่นมองวิวได้ ทางซ้ายมือมีห้องนอนเล็กแยกออกไป มีระเบียงให้แต่ไม่มีห้องน้ำในตัว ส่วนทางขวามือเป็นห้องนอนใหญ่ที่มีระเบียงให้และมีห้องน้ำในตัวมีจากุชชี่ให้ด้วย
ซึ่งการจัดฟังก์ชั่นของห้องนี้จะเน้นให้พื้นที่นั่งเล่นเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ที่ทุกคนจะสามารถมานั่งเล่นมองวิวกันได้ ส่วนห้องนอนทั้งสองห้องจะมีระเบียงให้ทั้งคู่ เพื่อการใช้งานระเบียงที่เป็นส่วนตัว เช่น ตากผ้า นั่งจิบชาตอนเช้า เป็นต้น อีกส่วนคือการให้ความสำคัญของห้องน้ำที่ให้พื้นที่ล้างหน้าและนั่งส้วมค่อนข้างน้อย เพราะไม่ได้เน้นการใช้งาน แต่จะไปเน้นที่ส่วนอาบน้ำมากกว่า
เฟอร์นิเจอร์ที่แถม : ให้เฟอร์นิเจอร์แต่งครบชุดทั้งลอยตัวและ Built-in, ชุดครัว, แอร์ติดผนัง 3 ตัว, กระจกกั้นอาบน้ำและอ่างจากุชชี่
ระหว่างรอยต่อของพื้นทางเดิน กับพื้นห้องมีการปิดคิ้วรอยต่อเรียบร้อย โดยพื้นห้องนอนทั้งหมดจะเป็นพื้นไวนิลลายไม้ค่ะ
มองไปทางขวามือจะเป็นเคาท์เตอร์ครัวที่โครงการ Built-in มาให้ บานเปิดตู้เป็นเมลามีนสีขาวและบานพับเป็นแบบ Soft closed ทั้งหมด ฟังก์ชั่นของตู้คล้ายๆกับห้องแบบ 1 Bedroom
จะแตกต่างกันตรงที่ห้องนี้จะวางเครื่องซักผ้าไว้ในครัว โดยเว้นช่องว่างไว้ 0.60 x 0.85 เมตร สูง 0.86 เมตร ข้างๆกันจะเว้นช่องว่างไว้ให้วางตู้เย็นขนาด 0.60 x 0.64 เมตร สูง 1.90 เมตร จะวางตู้เย็นไซส์ที่สูงกว่าในภาพก็ได้นะคะ ส่วนชั้นด้านบนตู้เย็นจะเป็นชั้นวางของเล็กๆน้อยๆได้
ท็อปเค้าท์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์สีขาว ผนังตรงท็อปเคาท์เตอร์เป็นกระจกเหมือนกับห้อง 1 Bedroom สามารถทำความสะอาดคราบที่เปื้อนได้ง่าย รวมทั้งมีไฟซ่อนใต้เคาท์เตอร์ให้ด้วย
ซิ้งค์ล้างจานขนาดไม่ใหญ่มาก ของ MEX
ก็อกน้ำสแตนเลสทรงโค้งของ MEX เช่นกัน
ฝั่งตรงข้ามกันเป็นตู้ใส่ของ Built-in และประตูทางเข้าห้องน้ำ
เมื่อเปิดออกมาจะมีช่องขนาดใหญ่ชั้นล่างสุดสามารถวางถุงกอล์ฟได้ ซึ่งอาจจะต้องเพิ่มพื้นที่สูงขึ้นสัก 30 เซนติเมตร ถึงจะวางได้จริงๆนะคะ เพราะต้องเผื่อพื้นที่ด้ามไม้กอล์ฟขึ้นมาอีก ส่วนชั้นด้านบนสามารถวางรองเท้าและวางของจิปาถะได้
โดยพื้นในชั้นล่างสุดจะมีตะแกรงระบายอากาศ กันกลิ่นอับที่อาจจะเกิดในตู้รองเท้าด้วย
ข้างๆกันเป็นห้องน้ำที่ห้องตัวอย่างไม่ได้ติดประตูมาให้ ซึ่งบานประตูบานจริงจะเป็นประตู HDF กรุผิวเมลามีน พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิค มีการยกธรณีประตูเหมือนห้อง 1 Bedroom โดยห้องน้ำห้องนี้จะมีฟังก์ชั่นครบ สามารถอาบน้ำ ล้างหน้า เข้าส้วมได้ โดยแยกส่วนเปียกส่วนแห้งเป็นสัดส่วน
นอกจากนี้ยังติดตั้งเต้ารับแบบไม่กันน้ำมาให้ด้วย เวลาล้างมือ ล้างหน้าต้องระวังน้ำกระเด็นนิดนึงนะคะ
อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดปานกลางของ American Standard
พื้นที่อาบน้ำขนาด 1.00 x 1.45 เมตร มีการกั้นพื้นที่ด้วยกระจกนิรภัย ประตูเป็นบานเปิด กรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ
พื้นส่วนอาบน้ำไม่มีการลดระดับ แต่กั้นด้วยธรณีประตูสูงประมาณ 15 เซนติเมตร รวมกรอบประตู
ฝั่งซ้ายมือโครงการติดตั้งราวแขวนผ้ามาให้ รวมทั้งมีการ Drop ผนังสำหรับวางสบู่หรือผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในห้องน้ำให้
ฝั่งตรงข้ามกันเป็นชุดฝักบัวของ American Standard พร้อม Rain Shower
ฝักบัวขนาดไม่ใหญ่มากนัก
ถัดจากห้องน้ำจะมีพื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหาร 3 ที่นั่ง ขนาด 0.76 x 0.80 เมตร พร้อมเก้าอี้ 3 ตัว โดยระยะห่างระหว่างเก้าอี้กับเคาท์เตอร์ครัวมีระยะ 1.10 เมตร เป็นระยะที่สามารถถอยนั่งได้สบายๆไม่อึดอัด
ถัดไปเป็นพื้นที่ห้องรับแขกที่โครงการให้โซฟาขนาด 2 ที่นั่งและแบบ 1 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางมาให้ ฝั่งตรงข้ามกัน Built-in ชั้นวางทีวีมาให้ด้วย ซึ่งระยะดูทีวีประมาณ 2.20 เมตร สามารถวางทีวี 46″-52″ จะเป็นขนาดทีวีที่พอดีกับสายตาค่ะ
โดยในส่วนของห้องรับแขกจะมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่เกือบเต็มผนัง เป็นหน้าต่างบาน Fix และหน้าต่างบานกระทุ้งเล็กๆ 1 บาน
โซฟาพร้อมโต๊ะกลางที่โครงการแถมให้
ชั้นวางทีวีที่โครงการ Built-in มาให้ มีทั้งที่เป็นชั้นวางของและลิ้นชักให้เก็บของได้พอสมควรเลย
ถัดไปเป็นห้องนอนเล็ก ที่อยู่ระหว่างห้องรับแขกและโต๊ะรับประทานอาหาร
ทางซ้ายมือโครงการ Built-in เตียงขนาด 3 ฟุตมาให้ติดผนัง
โดยพื้นที่ปลายเตียงที่ Built-in ไว้ สามารถเปิดออกมาได้ เป็นช่องเก็บของเล็กๆน้อยๆ
พื้นที่หัวเตียงด้านขวามือ Built-in ชั้นวางของหัวเตียงเล็กๆมาให้ สามารถวางโคมไฟหรือเสียบที่ชาร์ทแบทมือถือได้ ถัดมาเป็นตู้เสื้อผ้าหน้าตาเรียบๆ
เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าออกมาก็จะได้ฟังก์ชั่นการใช้งานประมาณนี้
โดยผนังในห้องนอนนี้จะมีกระจกใส มองทะลุไปยังห้องรับแขกได้ ทางซ้ายมือเป็นช่องทางเดินออกไประเบียง มีความกว้าง 0.96 เมตร
ซึ่งพอเปิดตู้เสื้อผ้าออกมาก็เหลือพื้นที่เดินครึ่งหนึ่งพอดี
ข้างๆตู้เสื้อผ้าเป็นโต๊ะเครื่องแป้งที่โครงการ Built-in มาให้พร้อมเก้าอี้ โดยตัวโต๊ะเองสามารถเปิดลิ้นชักเก็บของได้ และกระจกเงาที่ผนังก็เปิดออกมาเป็นชั้นเก็บของได้เช่นกัน
ถัดไปเป็นส่วนระเบียงขนาด 1.54 x 1.65 เมตร ที่ถูกกั้นพื้นที่ด้วยประตูกระจกบานเลื่อนคู่ กระจกใสเขียวตัดแสง กรอบอลูมิเนียมสีดำราวระเบียงเป็นเหล็กโปร่งทาสีดำ สูง 1.10 เมตร ฟังก์ชั้นภายนอกคล้ายๆแบบห้อง 1 Bedroom แต่จะเป็นระเบียงที่ขนาบด้วยผนังทึบทั้งสองด้าน
ถัดไปเป็น Master Bedroom ขนาด 2.80 x 3.77 เมตร เป็นห้องขนาดปานกลางไม่ใหญ่มาก โครงการแถมเตียง Queen Size ขนาด 5 ฟุตมาให้
ปลายเตียงมีลิ้นชักสำหรับเก็บของเล็กๆน้อยๆให้ด้วย
ห้องนี้ก็มีประตูกระจกบานเลื่อนคู่ให้เดินออกไปสู่ระเบียงเช่นกัน
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค มีการยกธรณีประตูกันน้ำเข้า พื้นที่ระเบียงมีขนาด 1.25 x 2.80 เมตร ระเบียงขนาดปานกลาง สามารถนำเก้าอี้มาวางนั่งเล่นได้ 1-2 คน
ราวระเบียงเป็นเหล็กโปร่งสีดำ สูง 1.10 เมตรเหมือนกับห้องอื่นๆ โดยระเบียงห้องนี้จะหันด้านข้างติดกับผนัง มีท่อระบายน้ำให้ 1 จุด ติดตั้ง Compressor แอร์ไว้ด้านบนระเบียงจึงไม่ร้อนมาก
จากระเบียงมองเข้าไปในห้องนอน จะเห็นส่วนพื้นที่แต่งตัวที่ประกอบด้วยตู้เสื้อผ้า Built-in, โต๊ะเครื่องแป้ง และประตูทางเข้าห้องน้ำ
ตู้เสื้อผ้าที่โครงการ Built-in มาให้เป็นสไตล์เรียบๆ ฟังก์ชั่นภายในเหมือนๆกับตู้เสื้อผ้าห้องอื่นๆ และมีตู้เซฟนิรภัยไว้ให้ด้วย เพื่อความปลอดภัยของทรัพย์สินของผู้มาพัก
การติดตั้งตรงนี้มีจุดเสียนิดนึงที่เวลาเราเปิดตู้เสื้อผ้าด้านบน บานเปิดจะค้ำกับ Comprssor แอร์แบบนี้ ดูไม่ค่อยลงตัวและหากนานๆไป อาจมีการกระทบกันบ่อยๆจนเกิดชำรุดได้ หากใครไม่ซีเรียสก็โอเค แต่ถ้านึกถึงผลระยะยาวก็ลองคุยกับโครงการเพื่อเปลี่ยนทิศทางการติดตั้งแอร์ดูนะคะ
โต๊ะเครื่องแป้งมีลิ้นชักเก็บของ และกระจกเงาเปิดได้เหมือนกับห้องนอนเล็ก
ถัดไปเป็นห้องน้ำในห้อง Master Bedroom ที่การออกแบบห้องนี้จะเน้นให้ความสำคัญกับโซนอาบน้ำเป็นพิเศษ แล้วลดพื้นที่อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์แทน โดยรวมแล้วฟังก์ชั่นการใช้งานค่อนข้างครบ มีการแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน
พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิคทั้งห้อง มีการยกธรณีประตูทั้งพื้นที่ระหว่างห้องนอนและห้องน้ำ รวมทั้งธรณีส่วนเปียกและส่วนแห้ง มีการยกธรณีถี่แบบนี้เสี่ยงต่อการสะดุดเหมือนกันนะ เพราะเราก็สะดุดมาแล้ว555
อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าและก็อกน้ำแบบก้านโยกของ American Standard
โถสุขภัณฑ์แบบมีปุ่มกด ของ American Standard พื้นที่นั่งส้วมขนาดไม่กว้างมาก สำหรับคนตัวใหญ่นี่อาจจะรู้สึกคับแคบไปเลย
พื้นที่อาบน้ำขนาด 1.48 x 1.80 เมตร กว้างขวางทีเดียว มีการแบ่งฟังก์ขั่นการอาบน้ำเป็นส่วนอาบน้ำและอ่างจากุชชี่ เหมือนกับห้องแบบ 1 Bedroom แต่พื้นที่กว้างกว่า
อ่างจากุชชี่ที่โครงการให้ จะเป็นอ่างเล็กๆที่ไม่ได้เหมาะสำหรับใช้นอน แต่จะเหมาะสำหรับการนั่งพิง เหยียดขา ผ่อนคลายแบบนี้ซะมากกว่าค่ะ(นั่งชิวได้สบายเลยค่ะตามภาพ 🙂 ) ที่ผนังติดตั้งชุดฝักบัวมาให้เรียบร้อย ของ American Standard
ฝักบัวของห้องนี้จะใหญ่กว่าของห้องอื่นๆเล็กน้อยนะ
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดาน มีการติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ทรงสี่เหลี่ยมมาให้ 2 ดวง พร้อมพัดลมดูดอากาศ
ห้อง Superior (1-Bedroom) 24.50 – 29.00 ตารางเมตร โดยในห้องตัวอย่างจะมีขนาด 28 ตารางเมตร เหมาะการอยู่อาศัย 1-2 คน ห้องนี้เป็นห้องที่มีขนาดเล็กที่สุดแต่มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบและ Fix ปรับเปลี่ยนพื้นที่ไม่ได้มากนัก โดยเมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาเราจะเจอกับครัวเปิดที่มีการ Built-in เคาท์เตอร์รูปตัว I ให้เป็น Pantry ประกอบอาหารได้ ตรงข้ามกันเป็นห้องน้ำที่มีฟังก์ชั่นค่อนข้างครบ มีการแยกส่วนเปียกส่วนแห้ง และถึงแม้จะเป็นห้อง Type เล็กที่สุด ในห้องน้ำก็ยังมีอ่างจากุชชี่ให้ ถัดไปเป็นห้องรับแขกที่โครงการแถมโซฟาขนาด 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางให้ขนาดพอดีๆกับพื้นที่ ติดกันเป็นห้องนอนที่ถูกกั้นพื้นที่ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน โดยห้องนอนนี้จะมีระเบียงให้สามารถออกไปยืนรับลมเล่นได้ค่ะ โดยในห้องนี้เราจะพาไปดูภาพกันพอหอมปากหอมคอ หากใครสนก็สามารถไปดูที่โครงการได้นะคะ
เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนของห้องครัวที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ห้องนอน และระเบียง
โดยมีการแบ่งพื้นที่ห้องนอน กับห้องนั่งเล่นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน จะเป็นประโยชน์ตอนเราทำอาหาร กลิ่นจะได้ไม่เข้าไปรบกวนห้องนอน
จากห้องนอนมองกลับเข้าไปในห้อง จะเห็นว่าห้องน้ำมีผนังเป็นกระจกใส เซ็กซี่วาบหวิวมากๆ หน้าห้องน้ำเป็นช่องว่างที่จะใช้วางเครื่องซักผ้าได้ในอนาคต
โดยช่องสำหรับใส่เครื่องซักผ้า มีพื้นที่ด้านข้างที่โครงการ Built-in มาให้สามารถดึงชั้นขึ้นมาให้เป็นโต๊ะชั่วคราว เช่นโต๊ะรับประทานอาหาร หรือโต๊ะเขียนหนังสือได้ ฟังก์ชั่นตรงนี้เหมือนห้องพักคนญี่ปุ่นในเมืองที่มีพื้นที่ค่อนข้างน้อย ต้องใช้ทุกตารางเมตรอย่างคุ้มค่า
ห้องน้ำยังคงเป็น Signature เพราะถึงแม้ห้องน้ำในห้องนี้จะเล็ก แต่ก็ยังมีฟังก์ชั่นครบ
ที่สำคัญ มีอ่างจากุชชี่ และมีผนังเป็นกระจกใสให้อาบน้ำได้อารมณ์วาบหวิว มองออกมาที่ห้องนอนได้
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 29 Sep 2015 (ณ ปัจจุบันยังไม่เปิดขาย ราคาจึงเป็นราคาเริ่มต้นคร่าวๆนะคะ)
- ห้อง Superior (1-Bedroom) 24.50 – 29.00 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท
- ห้อง Deluxe (1-Bedroom) 33.00 – 37.50 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- ห้อง Suite (2-Bedroom) 52.00 – 62.00 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท
- ห้อง Penthouse 87.00 – 93.00 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- ห้อง Duplex 61.00 – 101.00 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- Fully Furnished
- เพดานสูง 2.6 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จองและทำสัญญา 5% ของราคาห้อง
- ดาวน์ n/a ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 45 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
****เนื่องจากในวันที่เราไปเก็บข้อมูล โครงการยังไม่เปิดขาย ดังนั้นราคาของแต่ละยูนิต ค่าส่วนกลาง และเงื่อนไขการขายจึงยังไม่เรียบร้อย เมื่อได้ข้อมูลราคามาครบแล้ว ทางเราจะนำมาอัพเดทอีกครั้งนะคะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าโครงการ Knightsbridge The Ocean ศรีราชา เป็นโครงการที่คิดจากศักยภาพความเป็นศรีราชาทั้งในด้านการเป็นเมืองท่าอุตสาหกรรม ที่มีนิคมอุตสาหกรรมมากมายทั้งในศรีราชาเองและชลบุรีที่อยู่ใกล้เคียง นอกจากนี้ยังมีท่าเรือแหลมฉบังที่เป็นท่าเรือยุทธศาสตร์ของประเทศไทย ที่กำลังจะร่วมมือกับท่าเรือทวาย(พม่า)สร้างโปรเจคยักษ์ แน่นอนว่าในอนาคตต้องมีผู้การลงทุนเกิดขึ้นและผู้คนก็น่าจะหลั่งไหลมามากขึ้นแน่นอน อีกทั้งในเมืองศรีราชาเองเป็นเมืองที่มีคนอยู่ปุ่นมาท่องเที่ยวและมาทำงานเยอะมาก โครงการนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์คนญี่ปุ่นที่มาอยู่อาศัยที่ศรีราชา และนักลงทุนชาวไทยที่ซื้อไว้เพื่อให้คนญี่ปุ่นเช่านั่นเอง
ทำเลของโครงการ Knightsbridge The Ocean ศรีราชา ตั้งอยู่ติดถนนหลักอย่างถนนสุขุมวิท (ทล.3) เป็นทำเลที่ค่อนข้างเหมาะแก่การอยู่อาศัย เพราะเลียบโครงการไปจะเป็นที่ดินใกล้เชิงเขา ทัศนียภาพรอบๆจึงเป็นสีเขียว หากจะเจาะลึกใกล้ๆโครงการในระยะสายตาเห็น เพื่อนบ้านรอบๆจะเป็นอาคารพาณิชย์ 2-4 ชั้น, อาคารสำนักงานใหญ่ๆ อย่างเช่น SB Furniture โชว์รูม Honda ข้างๆโครงการก็เป็นกาแฟดอยช้างและร้านค้าวัสดุก่อสร้าง และด้านหลังโครงการก็เป็นบ้านพักอาศัยที่อยู่เชิงเขา หากขับไปฝั่งเยื้องๆโครงการจะมีทางไปท่าเรือศรีราชาฮาเบอร์ ซึ่งเป็นท่าเรือที่ให้บริการขนส่งสินค้า จัดเก็บสินค้าและเป็นท่าเทียบเรือ ซึ่งแน่นอนว่าพออยู่ใกล้ท่าเรือก็ต้องอยู่ใกล้ทะเล ซึ่งชัยภูมิของโครงการนี้มีข้อดีตรงที่ “หลังพิงภูเขา หน้าวิวทะเล”คือทางทิศตะวันออกติดภูเขา และทางทิศตะวันตกติดทะเล ใครใคร่ชอบวิวไหรก็เลือกวิวนั้นได้ ส่วน Facilities ในชั้น 35-36 ของโครงการ ก็เอื้อให้สามารถ Take ได้ทั้งสองวิว และข้อดีอีกอย่าง คือในรัศมีใกล้เคียงโครงการยังไม่มีตึกสูงมากวนสายตา จึงไม่ต้องห่วงว่าจะเปิดหน้าต่างออกไปจ้ะเอ๋กับใคร
เรื่องของความอุดมสมบูรณ์อย่างที่บอกว่ารอบๆโครงการส่วนใหญ่เป็นอาคารที่ประกอบกิจการการค้าต่างๆซึ่งถ้าเน้นในเรื่องกินในระยะเดินคงไม่ได้สะดวกเท่าไหร่ ยกเว้นร้านกาแฟดอยช้างที่อยู่ติดกัน หากง่วงๆก็ไปนั่งจิบกาแฟได้ แต่หากจะไปหาของกินไม่ไกลมากคงต้องไปแถวแยกอ่าวอุดม หรือซอยทุ่งสุขลาซึ่งมีร้านอาหารเอาใจเด็กมหาลัยอยู่เยอะพอสมควร ถ้าขยับออกมาเป็นห้างสรรพสินค้าก็มีฮาเบอร์มอลล์ ไม่ก็โรบินสัน ตึกคอมศรีราชา หรือเบื่อๆอยากไปกินร้านเก๋ๆสไตล์ญี่ปุ่นให้วิ่งออกมอเตอร์เวย์เลย ไปเข้าถนนศรีราชาหนองค้อมีห้าง J PARK ที่เป็น Community mall ฮิบๆสไตล์ญี่ปุ่นค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ถือว่าค่อนข้างสะดวก โครงการอยู่ระหว่างตัวเมืองศรีราชากับอ่าวอุดมแหลมฉบัง และอยู่บนถนนหลักที่สามารถเดินทางไปพัทยาหรือกรุงเทพได้ง่ายๆอีกทั้งยังมีเส้นทางใช้ลัดเลาะออกไปยังถนนเก้ากิโล และซอยทุ่งสุขลาเพื่อไปออกถนนมอเตอร์เวย์(ทล.7) ได้อีกด้วย ส่วนการเดินทางด้วยรถสาธารณะก็มีรถเมล์ รถสองแถววิ่งผ่าน รวมทั้งพี่วินใกล้ๆโครงการ หรือไปแถวๆมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ก็มีรถโดยสารให้บริการอยู่
วัสดุอุปกรณ์ที่ให้มาตามมาตรฐานสำหรับราคานี้ ขายเป็นแบบ Fully Furnished พร้อมแอร์ทุกห้องโดยห้องแบบ 1 Bedroom ให้แอร์ 2 ตัว และห้องแบบ 3 Bedroom ให้แอร์ 3 ตัว มีทั้งเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวและ Built-in ที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อพื้นที่นี้ เช่น เตียงตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง โซฟา โต๊ะกลาง และชั้นวางทีวี Built-in ซึ่งจุดเด่นของเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาคือเก็บของได้เยอะมาก ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่มีให้ พื้นห้องเป็นไวนิลลายไม้และส่วนระเบียงและห้องนำ้ปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ส่วนสุขภัณฑ์ภายในห้องนำ้จากมีฝักบัวและ Rain Shower, อ่างจากุชชี่, โถสุขภัณฑ์แบบมีปุ่มกดให้ของ American Standard นอกจากนี้ยังมีเก้าอี้เล็กๆสำหรับนั่งอาบน้ำให้ตามสไตล์คนญี่ปุ่นให้ด้วย
การออกแบบโครงการมาในคอนเซปต์ Art Deco ที่เน้นการใช้รูปทรงเรขาคณิตเข้าไปในโครงสร้างแบบคลาสสิค เน้นสัจจะวัสดุเรียบแต่เป็นเนื้อแท้ ใช้โทนสีขาว-ดำ-น้ำตาล และมีการใช้สีทองการตกแต่งภายใน และส่วนบนของตึก ซึ่งเป็นการสอดแทรกความเรียบหรูเข้าไปในตัวอาคาร ฟังก์ชั่นห้องทำออกมาได้ค่อนข้างดี เน้น Activity คนญี่ปุ่นหน่อย โดยห้อง 1 Bedroom ออกแบบมาสำหรับการอยู่อาศัย 1-2 คน มีครัวเปิด โต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ส่วนนั่งเล่นและห้องนอนที่แบ่งพื้นที่กันด้วยประตูกระจกบานเลื่อน และมีห้องน้ำให้ 1 ห้องแยกส่วนเปียกส่วนแห้ง ส่วนห้อง 2 Bedroom เหมาะกับการอยู่อาศัย 3-4 คน มีครัวเปิด โต๊ะรับประทานอาหารขนาด 3 ที่นั่ง ห้องนั่งเล่นที่มีช่องเปิดกว้างรับวิวได้ ส่วนห้องนอนทั้ง 2 ห้องมีระเบียงให้ เพื่อเน้นการใช้งานส่วนตัว มีห้องน้ำ 2 ห้องคือห้องน้ำรวมและห้องน้ำในห้อง Master Bedroom
โดยรวมแล้วโครงการค่อนข้างให้ความสำคัญกับห้องน้ำ โดยให้พื้นที่พอๆกับห้องนอน เนื่องจากคนญี่ปุ่นค่อนข้างทำงานจริงจังและเครียด เมื่อกลับมาบ้านแล้วต้องการอาบน้ำ ผ่อนคลาย ห้องน้ำทุกห้องมีอ่างจากุชชี่สำหรับนอนแช่น้ำพักผ่อน พื้นที่อาบน้ำจึงแบ่งส่วนเปียกส่วนแห้งให้ โดยที่ส่วนแห้งอย่างอ่างล้างหน้าหรือโถสุขภัณฑ์จะไม่เน้นมากนัก แต่จะมาเน้นหนักที่ส่วนเปียก ที่มีทั้งพื้นที่ยืนอาบน้ำ ติด Rain Shower หรือถ้าอยากนั่งก็มีเก้าอี้สำรองไว้ให้ ส่วนถ้าใครอยากแช่ตัวผ่อนคลายนั่งในอ่างจากุชชี่ นอกจากนี้การออกแบบของที่นี่จะออกแนววาบหวิวหน่อยนะ เพราะห้องน้ำทุกห้องมีกระจกใส เห็นได้จากห้องนอนหมดเลย เซ็กซี่คิเระเนะมากก
ส่วนกลางของโครงการ มีลิฟท์โดยสาร 3 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 240 : 1 ซึ่งถือว่าหนาแน่นมาก ส่วน Service Lift มีให้ 1 ตัว ที่จอดรถ ไม่รวมจอดซ้อนคัน 265 คัน คิดเป็น 35% รวมจอดซ้อน 320 คันคิดเป็น 44 % และที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ 38 คัน เสียดายที่ให้มาน้อยจัง โครงการมี Shuttle Service ให้ มี Hi-Speed Internet บริการ มีแม่บ้านดูแลและเนื่องจากเป็นโครงการที่ออกแบบฟังก์ชั่นมาเพื่อคนญี่ปุ่น จึงมี Japanese Agent Service สำหรับหาผู้เช่าให้แก่นักลงทุน
ส่วน Facilities อื่นๆให้มาจัดเต็มทั้ง 4 ชั้น(ชั้น 1,4,35 และ 36) ตั้งแต่ชั้นแรกที่มีสวนและ Putting Green หรือสนามมินิกอล์ฟให้ มีร้านค้าจำนวน 3 ร้าน,บริการเครื่องซักผ้า 24 ชั่วโมง ขึ้นมาที่ Water Plays สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบ Over Flow ขนาด 8 x 25 เมตร ลึก 1.2 เมตร แบ่งเป็นสระเด็กลึก 0.30 เมตร เป็นสระที่เน้นเล่นสนุกไม่เน้นว่ายน้ำจริงจัง, Party Lawn, Kids Club,ห้องซักรีด, Multi-function Room, Golf Simulator Room และHome Theatre Room ส่วนในชั้น 35 และ 36 จะมี Fitness, Sky Lounge, Tatami Room, สวนและสระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบ Over Flow ขนาด 5 x 20 เมตร ลึก 1.2 เมตร ไม่มีสระเด็ก สามารถชมวิวภูเขาและวิวทะเลได้ โดยรวมแล้วให้ สำหรับ Facilities หลักอย่างพวกที่จอดรถ, ลิฟต์โดยสาร อะไรที่เป็นส่วนกลางหลักๆจะให้มาค่อนข้างน้อย แต่ส่วนกลางที่เป็น Activity พิเศษต่างๆจะให้มาจัดเต็มมาก ซึ่งก็ต้องลองเฉลี่ยกันดูนะคะว่าเราเองให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่ากัน แต่ถ้าลองคำนวณกับค่าส่วนกลาง 45 บาท/เดือน ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อนะ เพราะมี Facilities ที่ต้องใช้การดูแลรักษาค่อนข้างเยอะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 90,000 บาท/ตร.ม., 29 Sep 2015
- ทำเล 8/10 -ออกมาจากตัวเมืองศรีราชานิดหน่อย แต่อยู่ไม่ไกลจากทะเล และมีวิวด้านหลังเป็นภูเขา สาธารณูปโภค ของกินของใช้ก็อยู่ในระยะที่ไม่ไกลมาก
- เดินทางด้วยรถ 8.5/10 -อยู่บนหลักอย่างถนนสุขุมวิท ลัดเลาะออกไปถนนเก้ากิโล และมอเตอร์เวย์ได้ ค่อนข้างสะดวก
- ไม่ใช้รถ 7.25/10 -มีรถเมล์รถสองแถววิ่งผ่านโครงการ
- วัสดุ 7.75/10 -จัดเต็มดี Fully Furnished ทุกอย่าง หิ้วกระเป๋าพร้อมเข้าอยู่
- แบบ 8/10 -แบบเอาใจคนญี่ปุ่น ค่อนข้าง Fix เพราะจัดเฟอร์นิเจอร์มาให้แล้ว ฟังก์ชั่นครบ แถม Built-in เก็บของได้เยอะดี
- สาธารณูปโภค 7.5/10 -ส่วนกลางหลักอย่างพวกลิฟต์โดยสาร และที่จอดรถให้มาน้อย แต่ Facilities อย่างอื่นรวมทั้ง Serviceให้มาเยอะดี
- UPPER CLASS
- 7.87 / 10.00
*เนื่องจากโครงการยังไม่เปิดขาย ในเรื่องของราคาค่าส่วนกลางและราคาแต่ละยูนิตจึงยังไม่ออกมา ดังนั้นคะแนนสาธารณูปโภคและส่วนกลางเราจึงจะยังไม่ได้คิดคำนวณกับความคุ้มค่าทางราคานะคะ แต่จะให้คะแนนตามความเหมาะสมของกับขนาดของโครงการ ซึ่งหากราคาค่าส่วนกลางออกมาแล้ว ทางเราจะมาอัพเดทอีกครั้งนะคะ
BOTTOM LINE
KnightsBridge The Ocean ศรีราชา เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดแบบหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ชอบฟังก์ชั่นสไตล์ญี่ปุ่น หรือกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการซื้อเพื่อให้คนญี่ปุ่นเช่า ชอบโครงการที่อยู่ไม่ห่างจากเมืองมากนัก เดินทางสะดวก ใช้รถส่วนตัวและพึ่งพารถโดยสารสาธารณะบ้าง อยากได้โครงการที่มีวิวทะเลและวิวภูเขา ทัศนียภาพดี ให้ Faciliities และ Service จัดเต็ม มีงบประมาณ 2.69-5 ล้าน (ในราคาเบื้องต้น ณ วันที่ 29 กันยายน 2558) หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 18,830 – 35,000 บาท/เดือน
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )