รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.449 – รีวิวคอนโด Impression เอกมัย
14 เมษายน 2019
รีวิวฉบับที่ 1820 … ใครกำลังมองหาโครงการใหม่ระดับ Luxury ย่านเอกมัย ใกล้ซอยทองหล่อ 10 กับโครงการ Impression เอกมัย จาก All inspire ที่ร่วมทุนกับบริษัทญี่ปุ่น ในนาม เอเอชเจ เอกมัย จำกัด ตัวโครงการมาพร้อมกับดีไซน์ที่โดดเด่น ล้ำสมัย ภายในมี 3 อาคาร อาคารพักอาศัยสูง 25 และ 43 ชั้น และอาคารจอดรถ มาพร้อมที่จอดแบบ Auto Parking ถึง 85% ถือว่าเยอะทีเดียว ถ้าเทียบกับโครงการในละแวก
ข้อมูลโครงการ
Fact @ 26 FEBRUARY 2019
- Impression Ekkamai (อิมเพรสชั่น เอกมัย)
- บริษัท เอเอชเจ เอกมัย จำกัด
- LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : เขตวัฒนา
- คอนโด High Rise 2 อาคาร 380 ยูนิต และร้านค้า n/a ยูนิต
- อาคาร A สูง 25 ชั้น 70 ยูนิต
- อาคาร B สูง 43 ชั้น 310 ยูนิต
- อาคารจอดรถสูง 9 ชั้น ใต้ดิน 7 ชั้น
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 4 ยูนิตที่อาคาร A , 12 ยูนิตที่อาคาร B
- ที่จอดรถประมาณ 85% พร้อมที่จอดรถ Super Car ประมาณ 15 คัน
- ที่ดินประมาณ 2-3-3.9 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : สิงหาคม 2562
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : มิถุนายน 2565
- ห้องพักอาศัยอาคาร A
- 1 Bedroom 34.49 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus 35.90 – 41.77 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 66 – 76.5 ตร.ม.
- 2 Bedrooms Plus 76 – 83 ตร.ม.
- 3 Bedrooms 98 ตร.ม.
- ห้องพักอาศัยอาคาร B
- 1 Bedroom 30 – 30.5 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus 41 – 48 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 47 – 58.5 ตร.ม.
- 3 Bedrooms 77.5 – 95 ตร.ม.
- 2 Bedrooms Duplex 84.5 – 100.5 ตร.ม.
- 3 Bedrooms Duplex 134 – 139 ตร.ม.
- Penthouse 165 – 183 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.90 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 4.80 ล้านบาท / หรือตร.ม.ละ 150,000 บาท
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 200,000 บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02-029-9999
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด : 13.713492, 100.600415
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
ที่ตั้งของโครงการ Impression เอกมัย ตั้งอยู่กลางซอยสุขุมวิท 63 หรือที่เรียกกันว่าซอยเอกมัย หากพูดถึงทำเลศักยภาพในปัจจุบัน ทำเลย่านเอกมัยจัดเป็นทำเลหนึ่งที่ได้รับความนิยม รองมาจากย่านทองหล่อ ด้วยความที่เป็นซอยคู่ขนาน มีความเชื่อมต่อกันทางกายภาพของพื้นที่และบริบทโดยรอบ อีกทั้งยังจัดเป็นทำเลทองของย่านธุรกิจ มีการเติบโตของที่อยู่อาศัยในพื้นที่อย่างต่อเนื่องมาตลอด ปัจจุบันทองหล่อนั้นหนาแน่นจนเอกมัยกลายเป็นย่านที่ถูกพัฒนาเพื่อมารองรับความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นแหล่งความบันเทิงที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อีกด้วย ส่งผลให้มีความต้องการในเรื่องที่อยู่อาศัยสูงและได้รับความสนใจมากจากทั้งนักลงทุนชาวไทยและชาวต่างชาติอยู่เสมอ ด้วยความที่เป็นย่านที่มีความคล่องตัวทั้งการอยู่อาศัย การใช้ชีวิต การเดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวก ทำเลนี้จึงดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่มากขึ้น
การเดินทางโดยใช้รถ ซอยเอกมัยเป็นทั้งเส้นทางหลักและเส้นทางลัดเข้า-ออกสู่เมืองทางฝั่งสุขุมวิท ซึ่งซอยสุขุมวิท 63 นั้นเป็นซอยที่เชื่อมตรงถนนสุขุมวิทเเละถนนเพชรบุรีเข้าด้วยกัน ทำให้ซอยนี้สามารถเข้าได้จากถนนใหญ่ 2 เส้นทาง นอกจากนี้ภายในซอยเองยังสามารถลัดเลาะไปออกถนนทองหล่อ(สุขุมวิท 55) และถนนปรีดีพนมยงค์ (สุขุมวิท 71) ที่คู่ขนานอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง หรือหากต้องการเข้าเมืองทางถนนพระราม 4 ก็จะมีซอยฝั่งตรงข้ามอย่างซอยสุขุมวิท 36 และ 40 สามารถใช้เป็นถนนเชื่อมไปออกพระราม 4 ได้ และซอยสุขุมวิท 42 ก็สามารถใช้เชื่อมจากถนนพระราม 4 เข้ามายังถนนสุขุมวิทได้ แต่จะมีปริมาณค่อนข้างหนาแน่นหน่อย โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน อาจจะต้องเผื่อเวลาการเดินทางกันสักหน่อยนะคะ
จากทำเลโครงการ Impression เอกมัย นั้นจัดว่าอยู่บริเวณกลางซอยเอกมัย ที่ใกล้ซอยทองหล่อ 10 สำหรับถนนเอกมัยช่วงเวลากลางวันและกลางคืนจะแตกต่างกันโดนสิ้นเชิง โดยภาพรวมในช่วงกลางวัน เป็นอาคารสำนักงาน ร้านอาหาร และอาคารพาณิชย์เป็นส่วนใหญ่ ส่วนกลางคืนเป็นทำเลของร้านนั่งชิลล์ ประเภท Pub & Restaurant ที่ทำให้บริเวณนี้มีความคึกคักตลอดทั้งวัน รวมถึงแหล่งของกินยังอยู่ในระยะที่เดินไปมาได้สะดวกทั้ง เอกมัยเวิ้งโบราณ, Big C เอกมัย, บ้านคุณหญิง หรือถ้าใครปวดเมื่อยฝั่งตรงข้ามก็จะมีร้านนวด Health Land อยู่เยื้องๆกับโครงการที่สามารถเดินไปใช้งานได้ นอกจากนี้ยังมีห้างเปิดใหม่อย่าง Donki Mall Thonglor เป็นห้างสัญชาติญี่ปุ่น ภายในมีรูปแบบร้านค้า, ร้านอาหาร และร้านคาเฟ่จากญี่ปุ่น รวมถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดตลอด 24 ชม. ใครที่หิวมื้อดึกก็มาฝากท้องที่นี่กันได้ ถือว่าเป็นทำเลที่อุดมสมบูรณ์ทีเดียว
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ ด้วยระยะของ Impression เอกมัย จะบอกว่าใกล้ BTS ก็คงต้องบอกว่าไม่ใกล้นะคะ ด้วยระยะทาง 1 กม.จากสถานี BTS เอกมัย แต่ด้วยความที่ทางโครงการมี Shuttle Service ที่รับ-ส่งจึงสามารถใช้รถไฟฟ้าเป็นตัวเลือกในการเดินทางได้ ไม่ต้องพึ่งพามอเตอร์ไซค์ขาไป ส่วนขากลับถ้าไม่รีบมากก็รอ Shuttle Service ของโครงการ หรือถ้าของเยอะก็เรียกแท็กซี่ได้ ส่วนถ้าใครต้องการความเร็วแนะนำให้ใช้บริการพี่วินเลยค่ะ ส่วนใครที่ต้องการเดินเท้าไปโครงการ ก็สามารถเดินได้สบายเพราะเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างคึกคักเต็มไปด้วยร้านค้าร้านอาหารให้ได้ช้อปได้แวะกันตลอดทาง
บริเวณถนนสุขุมวิท 63 มีปริมาณรถหนาแน่นตลอดทั้งวัน คนส่วนมากจึงเลือกใช้พี่วินในการเดินทางเป็นหลัก ทำให้มีพี่วินกระจายอยู่หลายจุดภายในซอย วินที่ใกล้โครงการ อยู่ในเอกมัยเวิ้งโบราณฝั่งตรงข้ามโครงการ ถ้านั่งจากตรงนี้ไปหน้าปากซอย จะเสียเงินประมาณ 20 บาท ถ้าเทียบกับระยะที่ต้องเดินก็ถือว่าไม่แพงมากนะคะ
ต่อไปเรามาดูเส้นทางสำหรับรถยนต์ส่วนกันว่าเส้นทางในย่านนี้มีซอยลัด ซอยทะลุตรงไหนกันบ้าง การเดินทางเข้าเมืองจากโครงการโดยใช้เส้นทางพระราม 4 ต้องผ่านเส้นสุขุมวิทเพื่อเข้าพระราม 4 อีกที ซึ่งถนนสุขุมวิทและพระราม 4 จะเชื่อมกันด้วยสองซอยหลักๆ คือ ซอยสุขุมวิท 40 และ สุขุมวิท 42 ซึ่งทั้งสองซอยเป็นถนน One-Way ตามที่เห็นในรูป โดยซอย 42 จะมีปริมาณรถมากกว่า เนื่องจากอยู่ติด Gateway เอกมัย และเป็นซอยที่รถจากพระราม 4 ใช้ลัดมาเพื่อจะไปเลี้ยวขวาเข้าซอยเอกมัยนอกจาก 2 ซอยนี้ก็จะมี ซอยสุขุมวิท 36 ตรงข้ามทองหล่อ และ ซอยสุขุมวิท 44/1 กับ 46 ที่อยู่ติด BTS พระโขนงที่จะใช้แทนกันได้
มาดูซอยลัดฝั่งเอกมัยกันบ้าง มี ซอยทองหล่อ 10 (เอกมัย 5) เชื่อมจากทองหล่อมาเอกมัยตรงโครงการ The Alcove ทองหล่อพอดี และยังเชื่อมต่อไปยัง ซอยเอกมัย 12 ที่ไปทะลุถนนปรีดี พนมยงค์ที่ซอย 31 ได้ อีกทางลัดที่จะเลี่ยงรถติดตรงปากซอยเอกมัยได้ คือซอยเอกมัย 10 (ซอย Health Land) ที่อยู่ตรงข้ามกับตัวโครงการ สามารถวิ่งลัดๆลงมาออกถนนสุขุมวิทที่ซอย 65 ได้ แต่จะมีระยะประชันชิดอาจจะต้องระวังสักเล็กน้อยนะคะ
นอกจากนี้ยังมีทางด่วนต่างๆ ที่สามารถใช้งานเลี่ยงรถติดเพื่อเข้า-ออกเมืองได้สะดวก เริ่มที่ทางพิเศษเฉลิมมหานครเป็นเส้นทางที่จะวิ่งเข้าไปในเมืองฝั่ง สีลม สาทร และสามารถไปเชื่อมต่อกับทางพิเศษศรีรัชไปทางฝั่งจตุจักร วิภาวดีรังสิต ได้ ทางขึ้นทางด่วนอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 4.8 กม. ดูเหมือนไม่ไกลเท่าไหร่แต่การจะเดินทางไปขึ้นทางด่วนก็ต้องใช้เวลาพอสมควร โดยใช้ซอยสุขุมวิท 40 ทะลุมายังถนนพระราม 4 จากถนนพระราม 4 เลี้ยวขวาเข้าถนนกล้วยน้ำไท แล้วเลี้ยวขวาอีกทีเพื่อขึ้นทางด่วน ส่วนขากลับใช้เส้นทางเดียวกับขามา แต่ต่างกันที่ใช้ซอยสุขุมวิท 42 เชื่อมเข้าถนนสุขุมวิท แล้วชิดขวาเพื่อเลี้ยวเข้าซอยเอกมัยแทน
นอกจากทางพิเศษเฉลิมมหานคร ก็ยังมีตัวช่วยอย่างทางด่วนรามอินทราอาจณรงค์อีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งทางขึ้นทางด่วนมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 3.0 กม. โดยวิ่งออกมาทางถนนสุขุมวิทแล้วเลี้ยวซ้ายขึ้นทางด่วนได้เลย ส่วนขากลับโครงการก็ลงทางด่วนบริเวณถนนพัฒนาการ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเอกมัย มีระยะจากจุดลงทางด่วนถึงโครงการประมาณ 3.8 กม.
สำหรับการเดินทางในวันนี้เราจะเริ่มจาก BTSเอกมัย ที่อยู่บนถนนสุขุมวิท ซึ่งถ้านั่งถัดไปเพียง 2 สถานี ก็จะถึง BTSพร้อมพงษ์ ซึ่งมีห้าง Emporium, Emquartier รวมถึงยังมีสวนเบญจสิริ ที่สามารถไปเดินออกกำลังกายได้ หรือถ้านั่งถัดไป 3 สถานี จะเป็น BTSอโศก ที่สามารถเชื่อมต่อกับ MRTสุขุมวิทได้ และยังมีห้างใหญ่อย่าง Terminal 21 ขอแนะนำฟู้ดคอร์ท ที่ถูกและอร่อย นอกจากนี้สามารถนั่งไปลง BTSสยาม โดยไม่ต้องเปลี่ยนสถานีอีกด้วย ทำให้ประหยัดเวลาได้ดีทีเดียวค่ะ
หลังจากนั้นให้เราเลือกทางออกหมายเลข 1 ที่ใกล้กับปากซอยถนนเอกมัยมากที่สุด บนสถานีมีร้านค้าเล็กๆ ให้เราเลือกซื้อระหว่างทางเดินกลับบ้านได้ หรือถ้าใครอยากซื้ออาหารก่อนสามารถเลี้ยวซ้ายไปฝั่ง Gateway เอกมัยได้
เราขอแวะมาดูอาคาร Gateway เอกมัย สักเล็กน้อย หากใครต้องการไปเดิน Shopping หรือซื้อของใช้เข้าบ้าน สามารถเลือกทางออกหมายเลข 4 ที่เชื่อมเข้าตัวห้างได้เลย
ภายในห้างที่เด่นๆ เลยคือมีร้านอาหารแบรนด์ชื่อดังมากมายให้เลือกเลยค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะมีร้านอาหารญี่ปุ่นค่อนข้างมากนะคะ ใครที่ชอบอาหารญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้วมาฝากท้องที่นี่เป็นประจำเลยก็ยังได้
บริเวณปากซอยเอกมัยจากมุมนี้จะเห็นบรรยากาศในซอยเอกมัยช่วงต้น ที่มีทั้งตึกสูงสลับกับอาคารพาณิชย์แนวราบ โดยปะปนระหว่างอาคารสำนักงาน, คอนโดมิเนียม และ ห้างสรรพสินค้า ทำให้บรรยากาศค่อนข้างคึกคักตลอดทั้งวัน
เดินไปอีกนิดนึงจะถึงแยกเอกมัย-สุขุมวิท ถ้าเรามองไปฝั่งตรงข้ามมีขนส่งเอกมัย ถ้าขับบนเส้นถนนสุขุมวิทสามารถเข้าเมืองไปย่านอโศก-สยามได้ หรือถ้าต้องการออกเมืองก็ไปทางบางนา-สำโรงได้ ส่วนเราจะเลี้ยวขวาเข้าถนนเอกมัยกันค่ะ
สำหรับเอกมัยที่เรารู้จักกันดี จริงๆแล้วตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท63 นะคะ
ถัดไปเห็นโครงการ Horizon อยู่ทางขวามือ เปิดพื้นที่ภายในอาคารให้เช่าเป็นร้านอาหาร, สำนักงานออฟฟิศ และภายในโครงการเดียวกันยังมีคอนโดมิเนียมสูง 15-16 ชั้นด้วย ถัดเข้าไปมีโครงการ Noble Reveal อยู่ติดๆกันเลย ฝั่งซ้ายมือมีป้ายรถเมล์ ที่สามารถนั่งไปโครงการได้
ถัดมาเจอเวิ้งร้านอาหาร MK Restaurant และ Miyazaki ความพิเศษคือเป็นบุฟเฟ่ต์ โดยแบ่งราคาออกเป็น 2 ช่วง ก่อน 5 โมงราคา 449 บาท หลังจากนั้นราคา 499 บาท ถ้าใครสนใจมาลองแวะชิมกันได้
ห่างไปไม่ไกลมากนัก มีเวิ้งที่ตั้งของ Park Land ที่เป็นคอมมูนิตี้มอลล์เล็กๆ ด้านในมีร้านค้า ร้านอาหารชิคๆเก๋ๆหลายร้าน รวมถึงยังมี Max Valu ที่สามารถหาซื้อของก่อนเข้าบ้านได้อีกด้วยค่ะ
ภายในโครงการมีร้านเล็กๆ และคลินิกเสริมความงามอีกหลายร้าน โดยบรรยากาศภายในเป็นสไตล์อิงลิชคลาสลิก ทำให้บรรยากาศเหมือนอยู่ต่างประเทศเลยค่ะ
ถัดมาจาก Park Lane มีปั๊ม Shell อยู่ภายในซอย ถ้าใครน้ำมันใกล้หมดสามารถแวะเติมได้ ไม่จำเป็นต้องออกไปหาที่ถนนใหญ่ ถัดไปเป็นอาคารสำนัก Bangkok Business Center ที่มี 7-11 อยู่ด้านล่างค่ะ
บนถนนเส้นนี้มีร้านค้า ร้านอาหารตลอดทั้งเส้นทาง ให้เลือกได้หลายหลากรูปแบบอย่างร้านเบเกอรี่, ร้านอาหารญี่ปุ่น และร้านอาหารตามสั่งต่างๆ นอกจากนี้จุดเด่นคือร้านโชคดีติ๋มซำที่เปิด 24 ชม. ถ้าใครหิวตอนกลางคืนก็มาฝากท้องที่นี่ได้
เลยมาหน่อยมี Big C Supercenter ภายในมีร้านค้า ร้านอาหาร และซุปเปอร์มาร์เก็ต ให้เลือกจับจ่ายใช้สอยกันได้ รวมถึงยังมี Index Living Mall ที่สามารถเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านได้
เยื้องๆกันจะมีร้านอาหารคุณหญิงอยู่ทางซ้ายมือ เป็นร้านอาหารไทยเก่าแก่ในย่านเอกมัย ภายในร้านบรรยากาศร่มรื่น เหมาะกับการมานั่งชิลล์หลังเลิกงานเป็นที่สุด โดยร้านเปิดให้บริการตั้งแต่ 5 โมงเย็น – 5 ทุ่ม ภายในสามารถเลือกนั่งได้ 3 โซน มีทั้งแบบ OutdoorและIndoor รวมถึงถ้ามากันหลายคนยังจัดเป็นห้องสัมมนาได้อีกด้วย
ตรงออกมาอีกนิดเป็นร้าน Sherbet ที่ติดกับตัวโครงการเลย ภายในเป็นร้าน Pub & Lounge แบบปิด ทำให้ไม่มีเสียงออกมารบกวนด้านนอก แต่อาจมีรถและคนพลุกพล่านในช่วงกลางคืนเล็กน้อยค่ะ
เรามาถึงบริเวณหน้าสำนักงานขายกันแล้ว หน้าตาสำนักงานขายตกแต่งแบบ Modern Luxury Style เน้นกระจกรอบเพื่อเพิ่มความโปร่งโล่งของตัวอาคาร โดยสำนักงานอยู่ติดริมถนนซอยสุขุมวิท 63 สามารถมองเห็นสำนักงานขายและป้ายโฆษณาได้ชัดเจนค่ะ
เราขอเดินมาชมบรรยากาศรอบโครงการกันอีกสักเล็กหน่อยนะคะ ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ล้อมรั้วสีขาวเรียบร้อย สำหรับวิวด้านนี้ยังไม่มีตึกสูงในระยะประชิด ทำให้ได้วิวเปิดโล่งทีเดียว
เดินตรงมาอีกนิดมีร้าน Care Car ที่ติดกับตัวโครงการ ถ้าใครรถเสียหรือมีปัญหาก็สามารถนำรถมาซ่อมในบริเวณนี้ได้
ด้านหน้า Care Car มีป้ายรถเมล์อยู่ ถ้าใครต้องการขึ้นรถประจำทาง ก็สามารถเดินมาขึ้นรถบริเวณนี้ได้ค่ะ
เดินตรงมาอีกนิดมีทางม้าลาย ที่สามารถข้ามไปบริเวณเอกมัยเวิ้งโบราณ ภายในเป็นคอมมูนิตี้มอลล์เล็ก ที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากที่อื่น เราแวะเข้าไปดูกันสักหน่อยนะคะ ว่าภายในโครงการมีบรรยากาศเป็นยังไงกันบ้าง
ภายในโครงการจะแต่ง สไตล์วินเทจหน่อยๆ ที่มีร้านค้าเล็กๆหลากหลายร้าน โดยมีทั้งร้านอาหาร, ร้านตัดผม, ร้านอาหารญี่ปุ่น รวมถึงร้านนั่งชิลล์อย่าง บ้านเพื่อนเอกมัย ที่วัยรุ่นชอบมานั่งกินดื่มกันค่ะ
ภายในโครงการมีพี่วินมอไซค์ตั้งอยู่ มีอัตราค่าโดยสารจากปากซอยถึงตัวโครงการประมาณ 20 บาทเท่านั้น ถ้าเทียบกับระยะทางถือว่าคุ้มทีเดียวค่ะ
ถัดมาข้างๆ มี Health Land เอกมัย ที่มีทั้งบริการนวดไทย นวดเท้า นวดอายุรเวท รวมถึงมีโปรแกรมขัดผิวนวดตัวอีกด้วย ถ้าใครสนใจก็สามารถมาเดินมาใช้บริการได้
ห้าง Donki Mall Thonglor เป็นห้างใหญ่สูง 3-4 ชั้น ด้านหน้ามีป้ายโปสเตอร์ตัวการ์ตูน พร้อมภาษาญี่ปุ่นอยู่ บรรยากาศภายนอกดูดีทีเดียว เดี๋ยวเราขอแวะเข้าไปข้างในกันดูบ้าง เห็นเขาบอกกันว่ามีของนำเข้าเพียบเลยนะคะ
ตอนที่ผู้เขียนเป็นเป็นช่วงเวลา 8 โมงเช้า ทำให้ร้านด้านบนยังไม่เปิดใช้บริการมากนัก เราเลยขอแวะมาดูซุปเปอร์มาร์เก็ต Don Don Donki ที่เปิดบริการ 24 ชม. กันดูบ้าง ภายในมีของนำเข้าหลายอย่าง ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูงแต่ถ้าเทียบกับคุณภาพถือว่าคุ้มทีเดียวค่ะ
กลับมาที่ Sale Gallery ด้านหน้าออกแบบอาคารได้น่าสนใจทีเดียว มี Sculpture Art ห้อยด้านบน ทำออกมาดูดี แปลกตาทีเดียว ด้านหน้ามีบ่อน้ำทำให้อากาศเย็นมากขึ้น
ด้านใน Sales Gallery เดินเข้ามาเจอ Reception และโมเดลของทางโครงการ ภายในดูสะอาดสะอ้านดี สนใจสามารถเยี่ยมชมโครงการได้แล้วนะคะ
มีทางเดินเชื่อมไปออกด้านหลัง ระหว่างทางไปมีห้องตัวอย่างให้ชมบรรยากาศด้วยนะ แต่ก่อนไปเราขอแวะไปดูบรรยากาศคอฟฟี่ช้อปกันก่อนนะ
สำหรับ Sales Gallery ช่วงนี้มีร้านคาเฟ่อย่าง Dean & Deluca กาแฟแบรนด์หรู ที่รอเสิร์ฟทั้งกาแฟและขนม ให้กับผู้ที่มาเยี่ยมชมโครงการกันฟรีเลยนะคะ
สำหรับตัวผู้เขียนได้ลองชิมแล้ว รสชาติอร่อย ถูกใจดีทีเดียวค่ะ
มาดูรอบๆ ที่ดินของโครงการ Impression เอกมัย เริ่มจากทางเข้า-ออกหลักของโครงการสามารถเข้าจากซอยถนนสุขุมวิท 63 หรือซอยเอกมัย บริบทโดยรอบของโครงการส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบสูง 1-4 ชั้น รวมถึงมีอพาร์ทเม้นท์สูง 8 ชั้นอยู่ทางทิศใต้ด้านหลัง ซึ่งจะมีผลบังวิวระยะใกล้ สำหรับห้องพักอาศัยที่อยู่ชั้น 2-8 แต่เนื่องจากตัวโครงการมีความสูงต่อชั้นค่อนข้างสูง อาจจะต้องมารอลุ้นตอนตึกเสร็จอีกที ว่าจะโดนชั้นไหน ห้องไหนบ้าง นอกจากนี้ถัดออกไปอีกหน่อยทางทิศเหนือกำลังมีโครงการตึกสูงมาเปิดใหม่ ที่อาจจะบังวิวโครงการอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระยะที่ประชิด เนื่องจากมีบ้านพักอาศัยด้านข้างโครงการเว้นระยะไว้อยู่ สรุปคือทุกทิศของทางโครงการยังไม่มีตึกสูงในระยะประชิดเลย
บริบทโดยรอบโครงการสามารถสรุปได้ ดังนี้
- ด้านทิศเหนือ – ติดกับ Car Care และบ้านพักอาศัยสูง 3 ชั้น
- ด้านทิศใต้- ติดกับ Pub & Lounge และอพาร์ทเม้นท์สูง 8 ชั้น
- ด้านทิศตะวันออก – ติดกับถนนเอกมัย เลยถัดไปเป็นอาคารพักอาศัยสูง 2 ชั้น
- ด้านทิศตะวันตก – ติดกับถนนสุขุมวิท 61 และบ้านพักอาศัยสูง 4 ชั้น
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ
(ภาพความสูงที่ระยะชั้น 40 ของอาคาร)
ทิศเหนือ – หันหน้าออกไปปลายถนนเอกมัย หรือบริเวณถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เห็นได้ว่าโครงการของเราจะสูงกว่าโครงการในละแวกเดียวกัน ภาพรวมค่อนข้างเปิดโล่ง ส่วนชั้นล่างๆจะติดตึก Modern Town แต่มีระยะห่างจากตัวโครงการพอสมควร ทำให้ไม่มีผลกระทบกับโครงการมากนัก
(ภาพความสูงที่ระยะชั้น 40 ของอาคาร)
ทิศตะวันตก – หันหน้าออกไปทางถนนทองหล่อ สำหรับทิศนี้ถือว่าดีทีเดียว ได้วิวเปิดโล่งไม่มีตึกสูงในระยะประชิด เนื่องจากมีบ้านพักอาศัยแนวราบคั้นกลางอยู่ และไม่มีแนวโน้มว่าจะมีตึกสูงขึ้นบริเวณนี้อีกด้วย
(ภาพความสูงที่ระยะชั้น 40 ของอาคาร)
ทิศใต้ – หันหน้าออกไปต้นถนนเอกมัย ส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ ฝั่งนี้ยังไม่มีตึกสูงในระยะประชิดเช่นกัน แต่ตึก B ชั้นล่างๆจะโดนบังวิวจากอพาร์ทเม้นท์สูง 8 ชั้น พอตึกเสร็จ ต้องมาดูบรรยากาศภายในห้องอีกทีนะคะ
(ภาพความสูงที่ระยะชั้น 40 ของอาคาร)
ทิศตะวันตก – หันหน้าออกไปทางถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ภาพรวมต่อนข้างโล่ง เห็นวิวไกลสุดลูกหูลูกตา รวมถึงยังไม่มีตึกสูงในระยะประชิดเช่นเดียวกัน
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Health Land ~120 เมตร
- เวิ้งโบราณ ~140 เมตร
- Donki Mall Thonglor ~260 เมตร
- Big C เอกมัย ~ 290 เมตร
- Arena 10 ~ 480 เมตร
- อาคารสำนักงานสรชัย ~ 550 เมตร
- Park Lane ~ 650 เมตร
- J Avenue ~ 1 กิโลเมตร
- Major Cineplex เอกมัย ~ 1.2 กิโลเมตร
- Gateway เอกมัย ~1.2 กิโลเมตร
รายละเอียดโครงการ
ภาพจำลองหน้าตาโครงการ Impression เอกมัย เป็นคอนโดมิเนียม High Rise 2 อาคาร สูง 25 และ 43 ชั้น และอาคารจอดรถสูง 9 ชั้น มีทั้งหมด 380 ยูนิต ขนาดที่ดินประมาณ 2-3-3.9 ไร่ ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 63 (ซอยเอกมัย) มีแนวคิดที่แสดงความเป็นตัวตนและโดดเด่นของ All Inspire ที่มีสไตล์แบบ Modern Luxury ตัวอาคารออกแบบมาค่อนข้างหรูหรา ล้ำสมัย แตกต่างจากโครงการในละแวกทีเดียว โดยตัวอาคารจะแบ่งออกเป็น 2 ตึกที่มีความแตกต่างกัน
เริ่มจากอาคาร A เป็นตึกสูง 25 ชั้น ที่มี Facilities อยู่ที่ชั้น 25 และ Roof top ซึ่งอาคารนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก มียูนิตทั้งหมด 70 ยูนิตและสูงสุดที่ 4 ยูนิต/ชั้น เหมาะกับคนที่ต้องการเป็นส่วนตัวและอยู่ใกล้ทางเข้า-ออกของโครงการ แต่มีระยะห่างจากตึกจอดรถค่อนข้างมากทำให้ต้องเดินไกลสักหน่อย
ถัดมาที่อาคาร B เป็นตึกสูง 43 ชั้น มี Facilities อยู่ที่ชั้น 26, 26m และ 43 ซึ่งอาคารนี้มียูนิตทั้งหมด 310 ยูนิตและสูงสุดที่ 12 ยูนิต/ชั้น มีรูปแบบห้องที่หลากหลายมากกว่า สำหรับห้องพักอาศัยที่น่าสนใจจะเป็นห้อง Duplex ที่มีทั้งแบบ 2 Bedroom และ 3 Bedroom ที่ทำให้ได้ Space ห้องที่กว้าง รวมถึงได้อ่างอาบน้ำ Outdoor แบบส่วนตัว พร้อมทั้งพื้นที่ริมหน้าต่าง เปิดโล่งสูงพื้นถึงฝ้าประมาณ 6 เมตร
ยังให้ที่จอดรถแบบ Auto Parking ถึง 85% ถือว่าค่อนข้างเยอะ ถ้าเทียบกับโครงการในละแวก เหมาะกับคนใช้รถยนต์ส่วนตัว รวมถึงมี Facilities ที่ค่อนข้างหลากหลายตอบโจทย์การใช้ของคนรุ่นใหม่
ชั้น Ground floor เริ่มตั้งแต่บริเวณทางเข้า มีสวนหย่อมอยู่ด้านหน้าโครงการ กั้นระหว่างอาคารกับถนนเพื่อกันเสียงจากรถยนต์ภายนอก ถัดเข้ามาที่อาคาร A ชั้นล่างมี Lobby ก่อนเข้าโครงการ ถัดเข้าไปที่อาคาร B มีขนาดที่ใหญ่กว่ามี Lobby ส่วนตัวเช่นกัน แต่มีขนาดที่ใหญ่กว่าเนื่องจากมีจำนวนยูนิตที่มากกว่า นอกจากนี้ยังมีที่จอดรถ Super Car ประมาณ 15 คัน ถัดเข้าไปด้านในสุดมีอาคารจอดรถ Automatic Parking แยกออกจากตัวอาคารพักอาศัย ช่วยความวุ่นวายออกจากอาคารพักอาศัย เพื่อให้มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังมีพื้นที่สีเขียวรอบโครงการทำให้บรรยากาศดูร่มรื่นมากยิ่งขึ้น
มาที่โมเดลกันดูบ้าง โดยเราจะอธิบายแยกเป็นแต่ละอาคาร เพื่อให้เข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น
อาคาร A
- ชั้นที่ 1 มี Lobby, Mailbox Room
- ชั้นที่ 2-23 เป็นชั้นพักอาศัย มีจำนวนยูนิตสูงสุดที่ 4 ยูนิต/ชั้น
- ชั้นที่ 24 เป็นห้องเครื่อง
- ชั้น 25 มีห้อง Kids Room
- ชั้น Roof Top มี Sky Garden และ Sky Bridge ที่เชื่อมต่อกับส่วน Facilities ของอาคาร B
อาคาร B
- ชั้นที่ 1 มี Lobby, Mailbox Room
- ชั้นที่ 2-25 เป็นชั้นพักอาศัย มีจำนวนยูนิตสูงสุดที่ 12 ยูนิต/ชั้น
- ชั้นที่ 26 มี Swimming Pool, Impression Hall, Beverage Lounge,Sauna&Steam
- ชั้นที่ 26m มี Fitness, Yoga Room, Simulator Room
- ชั้นที่ 27-42 เป็นชั้นพักอาศัย
- ชั้นที่ 43 Private Party Room สามารถจัดปาร์ตี้เล็กๆ พร้อมเห็นวิวมุมสูงรอบโครงการ
อาคาร C
- ชั้นจอดรถบนดิน 9 ชั้น ใต้ดิน 7 ชั้น
- ชั้น Roof Top มี Sky Garden
ทางเข้า-ออกหลักอยู่ติดกับถนนซอยสุขุมวิท 63 (ซอยเอกมัย) มีรั้วรอบโครงการมิดชิด ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น โดยเดินรถเข้าออกแบบ 2 เลน ส่วนบรรยากาศภายในจะเป็นยังไง เราขอพาไปดูภาพ Perspective ของโครงการกันสักหน่อยค่ะ
มาดูภาพ Perspective บริเวณสวนหย่อมด้านหน้าโครงการกันดูบ้าง Lobby เป็นแบบ Double Volume พร้อมกระจกสูง ทำให้ดูโล่ง มองวิวสวนจากบริเวณ Lobby ได้ ภาพรวมทำบรรยากาศออกมาได้ร่มรื่นน่าใช้งานทีเดียว พื้นที่สวน Outdoor จะมีที่นั่งเล่นมาให้ด้วย
กลับมาดูที่โมเดลกันต่อ โครงการนี้จะมีอาคารแยกกัน 3 อาคาร อาคารพักอาศัยอยู่ที่ตึก A และ B ส่วนตึก C จะเป็นอาคารจอดรถแบบ Auto Parking นอกจากนี้บริเวณอาคาร B ยังมีที่จอดรถบนดินสำหรับ Super Car ประมาณ 15 คันอีกด้วย สำหรับอาคาร A เป็นอาคารที่ติดถนนใหญ่ แต่ไกลจากอาคารจอดรถ ทำให้เวลาใช้งานต้องเดินไกลหน่อยค่ะ
ภาพจำลองบริเวณทางเข้า Lobby อาคาร A ตกแต่งมาในสไตล์ Modern Luxury เน้นโทนสีขาว ดำ น้ำตาล คุมโทนสีโครงการให้เป็นไปในทางเดียวกัน พื้นใช้กระเบื้องหินอ่อนสีขาว ผนังเป็นพื้นกระเบื้องหินอ่อนสีดำแบบเงา ทำให้บรรยากาศดูหรูหรา มาพร้อมกระจกแบบ Ceiling Height ทำให้ภายในดูกว้างมากยิ่งขึ้นค่ะ
ถัดมาที่ Lobby อาคาร B ที่ตกแต่งสไตล์เดียวกัน แต่จะมีขนาดกว้างมากกว่าค่ะ
ถัดมาที่ Sky Garden ของอาคาร C ภายในมีที่นั่งเล่นมาให้อีกด้วย
เริ่มจากชั้นพักอาศัย 2-12 ของตึก A กันก่อน เนื่องจากมียูนิตต่อชั้นเพียง 4 ยูนิต ทำให้มีห้องมุมถึง 3 ยูนิต และหันออกทางทิศใต้มากที่สุด สำหรับทิศนี้ยังไม่มีตึกสูงในระยะประชิดได้วิวค่อนข้างโล่งทีเดียว ชั้นนี้เน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus จำนวนลิฟต์โดยสาร 2 ตัว มีอัตราส่วนการใช้งานที่ 1 : 35 ถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยสามารถใช้งานได้สบายทีเดียว ทางเดินเป็นแบบ Single Corridor ซึ่งห้องในโซนนี้ ไม่ต้องเปิดประตูมาพบกับเพื่อนห้องฝั่งตรงข้าม รวมถึงคนสัญจรไปมาหน้าห้องลดลง ทำให้ความเป็นส่วนตัวและเงียบสงบได้มากขึ้น
ถัดขึ้นมาที่ชั้น 12A จะมีจำนวนลดลงเหลือ 3 ยูนิต โดยมีห้องแบบ 2 Bedroom เพิ่มขึ้นมา
ถัดขึ้นมาที่ชั้น 18 เหลือ 2 ยูนิต เป็นห้องแบบ 2 Bedroom และ 2 Bedroom Plus ลักษณะห้องหน้ากว้างทำให้แสงเข้าห้องได้เต็มที่ รวมถึงจำนวนยูนิตที่น้อยทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
ถัดขึ้นมาที่ชั้น 23 เหลือ 1 ยูนิตคือแบบ 3 Bedroom ถือว่าเป็นชั้นที่ Private ทีเดียว
ถัดขึ้นมาที่ชั้น 25 เป็นชั้น Facilities ของอาคาร A มีห้อง Kids Room ที่สามารถพาเด็กมาทำกิจกรรมในบริเวณนี้ได้ ส่วนบรรยากาศจะเป็นยังไง ต้องมาดูกันอีกทีตอนตึกเสร็จนะคะ
ก่อนไปอาคาร B เราขอแวะมาดูทางเชื่อมอาคารกันสักเล็กน้อย สังเกตว่ามี Sky Bridge ที่ชั้น Roof Top ของตึก A เชื่อมกับชั้น 26 ของตึก B ทำให้เดินใช้งานง่าย ไม่ต้องลงไปที่ชั้น 1 ก่อนค่ะ
ถัดมาที่อาคาร B มีจำนวนยูนิตสูงสุด 12 ชั้น/ยูนิต จำนวนลิฟต์โดยสาร 3 ตัว ลิฟต์ Service 1 ตัว มีอัตราส่วนการใช้งานที่ 1 : 103 ถือว่าพอใช้งานได้กำลังดี ทางเดินอาคารนี้เป็นแบบ Double Corridor มีแสงส่องเข้ามาที่ปลายทางเดิน แต่ตรงกลางแสงอาจจะส่องเข้ามาไม่มากนักทำให้ต้องเปิดไฟช่วย ซึ่งจะส่งผลกับค่าส่วนกลางของเรานี้แหละค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 8 ห้องพักอาศัยฝั่งทิศตะวันตกเป็นห้องรูปแบบ Duplex ที่เป็นจุดขายของโครงการนี้เลยนะคะ
ถัดขึ้นมาที่ชั้น 26 เป็นชั้น Facilities ของอาคาร โดยชั้นนี้จะมีชั้นลอย ทำให้ชั้นนี้สูงมากเป็นพิเศษ สำหรับ Facilities ในโครงการมี Swimming Pool, Fitness, Yoga Room, Impression Hall, Beverage Lounge, Sauna&Steam, Simulator Room ที่กระจายตัวอยู่ ใช้งานหลายๆคนพร้อมกันได้สบายๆ
ภาพจำลองบรรยากาศสระแบบ Infinity Edge ทำให้เห็นวิวรอบโครงการค่อนข้างชัดเจน พร้อมที่นั่งหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้งานกันตามใจชอบ
ภาพจำลองบรรยากาศ Fitness มีกระจกใสรอบตัวห้อง พร้อมเครื่องเล่นให้ใช้งานค่อนข้างหลากหลาย ใครไปใช้งานจะได้ทั้งวิวสระว่ายน้ำ และวิวมุมสูงรอบโครงการอีกด้วย
ภาพจำลองบรรยากาศ Simulator Room
ภาพจำลองบรรยากาศ Yoga Room
ถัดขึ้นมาที่ชั้น 27 จากนี้ไปห้องฝั่งทางทิศตะวันตก จะค่อยๆลดหลั่นกันไปตามรูปแบบอาคาร ทำให้ยิ่งสูงจำนวนยูนิตจะน้อยลง
ถัดมาที่ชั้น 43 ที่เป็นชั้นสุดท้ายของโครงการ มีห้อง Private Party Room ที่สามารถจัดปาร์ตี้เล็กๆในบริเวณนี้ได้ พร้อมทั้งเห็นวิวในมุมสูงของโครงการอีกด้วย
ภาพจำลองบรรยากาศ Private Party Room ตกแต่งโทนสีคล้ายกับ Lobby ด้านล่าง เพื่อคุ้มโทนให้เป็นไปในทางเดียวกัน
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby
- Mailbox Room
- Kids Room
- Sky Garden
- Swimming Pool
- Fitness
- Yoga Room
- Impression Hall
- Beverage Lounge
- Sauna & Steam
- Simulator Room
- Private Party Room
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว ที่อาคาร A
- ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว ที่อาคาร B
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 35 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 103 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถแบบ Auto Parking ประมาณ 85%
- ระบบ CCTV
แบบห้อง
เริ่มเลยจากห้อง 1 Bedroom Plus ขนาดอยู่ที่ 46.50 ตร.ม. แบบ 1 ห้องน้ำ 1 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ รูปแบบห้องหน้ากว้าง ทำให้ได้รับแสงในทุกฟังก์ชันใช้งาน โครงการขายแบบ Fully Fitted สามารถตกแต่งได้ตามใจชอบเลยนะคะ
เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่กว้างขนาดใหญ่ เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่กินข้าวและห้องนั่งเล่นเข้าด้วยกัน ที่ได้หน้าต่างบานใหญ่ทำให้รับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ ห้องนี้สามารถวางโต๊ะกินข้าวแบบ 4 ที่นั่งได้สบาย จะชิดริมผนังหรือตรงกลางห้องก็สะดวก ส่วนห้องนั่งเล่นจะวางโซฟาสำหรับ 2-3 ที่นั่งได้ พร้อมเห็นวิวด้านนอกอีกด้วย ถัดมาที่ฝั่งขวาด้านในอาคารเป็นห้องครัวแบบปิด ที่สามารถทำอาหารจริงจังได้ แต่เนื่องจากตำแหน่งที่ชิดริมอาคารทำให้ต้องใช้เครื่องดูดควันช่วยระบายกลิ่นภายในห้องครัว
ถัดมาที่ห้องอเนกประสงค์ที่ติดกับห้องนั่งเล่น ทางโครงการมีฉากกั้นบานใหญ่มาให้เรียบร้อย ห้องนี้สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามใจชอบ อีกทั้งยังติดกับพื้นที่ระเบียง ที่สามารถใช้งานได้เต็มที่ เนื่องจากโครงการให้แอร์ระบบ VRF เป็นระบบที่มีคอยล์ร้อน 1 ตัว ต่อกับคอยล์เย็นได้หลายตัว ทำให้ไม่มีคอมเพรสเซอร์แอร์ภายในห้องพักอาศัย อีกทั้งยังได้เป็นแบบฝั่งฝ้า ไม่รบกวนพื้นที่ภายในห้อง ถัดมาที่ฝั่งซ้ายด้านในริมอาคารมีห้องน้ำ ที่เข้า-ออกได้ 2 ทาง จะเข้าจากห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนก็ได้ ถัดไปที่ห้องนอนใหญ่มีกระจกบานใหญ่รับแสงภายนอก มาพร้อมพื้นที่ Walk in Closet ที่ติดกับประตูทางเข้าห้องน้ำค่ะ
ประตูหน้าห้องเป็น HDF ปิดผิวลามิเนตขนาด Oversize 2.60 x 0.90 เมตร
สำหรับห้องทุกห้องนั้นจะได้ Digital Door Lock จาก Yale โดยรุ่นนี้รองรับการเปิดเข้าทั้ง 4 แบบ รหัส PIN, กุญแจ, สแกนนิ้ว และ Keycard ธรณีประตูเป็น Engineering Wood หนา 12 มม. แบบเดียวกับภายในห้อง ข้อดีคือทนความชื้นได้ดีกว่าลามิเนต รวมถึงด้านบนเป็นผิวหน้าไม้จริง ทำให้ได้สีเสมือนไม้จริงเลยนะคะ
เข้ามาในห้องเจอพื้นที่ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อระหว่างส่วนทานข้าวและส่วนนั่งเล่นไว้ด้วยกัน ทำให้ห้องดูค่อนข้างโล่งทีเดียว อีกทั้งยังได้แสงจากบริเวณหน้าต่างส่องเข้ามาภายในห้องอย่างเต็มที่ ความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.90 เมตร พื้น Engineering Wood หนา 12 มม. พื้นที่ส่วนทานข้าวสามารถวางโต๊ะแบบ 4 ที่นั่งได้สบายๆเลยนะคะ
มองกลับมาบริเวณด้านหน้าห้อง ฝั่งซ้ายมือเป็นทางเข้าห้องครัว ฝั่งขวามือเป็นทางเข้าห้องน้ำ สำหรับประตูห้องมีตัวกันกระแทกมาให้ เพื่อไม่ให้กระทบกับประตูบานเลื่อนในห้องครัว ของจริงผนังภายในห้องเป็นฉาบเรียบทาสีขาว นอกจากนี้ยังได้ระบบแอร์แบบ VRF ข้อดีคือไม่มีคอมเพรสเซอร์แอร์ภายในห้อง คอมเพรสเซอร์ไปรวมกันบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้ซ่อมแซมจากภายนอกได้เลย
ขอแวะไปดูห้องครัวกันก่อน ห้องนี้ได้เป็นครัวแบบปิด ได้เป็นประตูบานเลื่อน 2 ตอน ขอบอลูมิเนียม Powder Coat พ่นสีดำ พร้อมกระจกสีเทา
บริเวณมือจับเซาะร่องพร้อมปุ่มล็อคและมีสักกะหลาดไว้สำหรับกั้นฝุ่นบริเวณขอบประตู อีกทั้งทางโครงการยังได้ทำประตูบานเลื่อนแบบรางแขวน ไม่มีรางบนพื้นทำให้เดินได้สะดวกไม่ต้องกลัวสะดุดล้ม
ภายในห้องครัวมีลักษณะเป็นครัวปิด อย่างที่บอกไปว่ามีบานสไลด์ปิดกั้นแบ่งส่วน ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นหรือควันที่เกิดจากการประกอบอาหารไปรบกวนส่วนอื่นๆภายในห้อง ทางโครงการให้ชุด Built-in ครัวมาแบบในห้องตัวอย่างมา แต่จะไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้
สำหรับห้องนี้เปลี่ยนจากพื้นไม้ Engineering Wood เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม. ง่ายแก่การทำความสะอาด โดยหลังจากวางชุด Built in มีระยะประมาณ 85 ซม. สามารถใช้งานได้ประมาณ 1-2 คนได้
ชุด Built in ครัวที่ให้มามี 3 ระดับ ด้านบนสุดเป็นตู้เก็บของ มีหลายช่อง แบ่งเก็บของได้ค่อนข้างหลากหลาย หน้าบานเป็นแบบ Hi gloss กันรอยขูดขีดและทำความสะอาดได้ง่าย
ภายในตู้ทำเป็นชั้นๆสามารถวางอุปกรณ์ครัวได้ ฝั่งขวามือสุดเป็นช่องใส่ Hood ที่ทางโครงการได้ซ่อนท่อดูดควัน ทำให้ลิ้นชักตื้นมากกว่าอันอื่น Hob & Hood ยี่ห้อ Gorenje พร้อมระบบหมุนเวียนออกนอกอาคาร ข้อดีคือกลิ่นไม่หมุนเวียนอยู่ภายในอาคารค่ะ
ตู้ด้านบนของเคาน์เตอร์ แถม Soft Close มาให้เพื่อป้องกันไม่ให้ตู้เกิดเสียง และลดแรงกระแทกก่อนที่หน้าบานจะปิดสนิท พร้อมมือจับแบบเซาะร่องทำให้จับใช้งานเปิด-ปิดตู้ได้สะดวกทีเดียวค่ะ
บริเวณเคาน์เตอร์ทางโครงการให้วัสดุ Top เคาน์เตอร์ และ Backsplash ได้เป็นหินควอตซ์สีดำ ข้อดีที่โดดเด่นในเรื่องความแข็งแรงทนทาน ทนรอยขีดข่วนได้ดี เหมาะใช้งานได้ทั้งครัวหนักและเบา นอกจากนี้ยังเหลือใช้เตรียมอาหารได้อีกด้วย
ทางโครงการให้ซิงค์ล้างจานสแตนเลสหลุมเดี่ยวยี่ห้อ Teka พร้อมก๊อกน้ำล้างจานโครเมียมทรงสูง ปรับโยกซ้าย-ขวาได้ ส่วนพื้นที่ประกอบอาหาร จะให้ชุดเตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวพร้อมเครื่องดูดควัน ยี่ห้อ Gorenje ที่เป็นแบรนด์ครัวระดับท็อปค่ะ
ชุดครัวชั้นล่างมีช่องเปิดให้ใช้งาน 2 ฝั่ง ด้านล่างตู้มีการทำร่องลึกเข้าไปประมาณ 10 ซม. เวลามาใช้งานสามารถยืนชิดเคาน์เตอร์ได้
ชุดครัวด้านล่างเตาไฟฟ้าเป็นตู้โล่งๆ ทางโครงการแนะนำว่าสามารถถอดหน้าบานออกแล้ววางเครื่องซักผ้าในบริเวณนี้ได้ มีขนาดประมาณ 74 x 60 ซม. ส่วนบริเวณใต้ซิงค์ล้างจานสามารถนำของขนาดใหญ่มาวางในบริเวณนี้ได้เช่นกัน
ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 2 ดวง อีกทั้งยังติด Smoking Detector และ Sprinkler ให้อีกด้วย
ออกมาด้านนอกฝั่งตรงข้ามมีประตูทางเข้าห้องน้ำ เป็นห้องน้ำที่สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง จากห้องนั่งเล่นและห้องนอน ส่วนฝั่งซ้ายมือด้านหน้าห้องสามารถ Built in เป็นตู้เก็บรองเท้าเพิ่มเติมได้ ของจริงไม่ได้มีมาให้นะคะ
ภายในห้องน้ำมีขนาดใหญ่ เดินใช้งานได้สะดวกสบาย ภายในแบ่งส่วนเปียกและแห้งแยกกันชันเจน เรียงลำดับจากโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า และพื้นที่อาบน้ำอยู่ด้านในสุด พื้นและผนังเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ชนิดกันลื่นขนาด 60 x 60 ซม. ทำความสะอาดง่ายดี
โถสุขภัณฑ์ของ Toto มาพร้อมสายชำระอยู่ผนังด้านหลัง เวลาหยิบอาจจะต้องเอียงตัวสักเล็กน้อย ส่วนที่ใส่กระดาษชำระสแตนเลสอยู่ผนังซ้ายมือ เป็นตำแหน่งที่เหมาะสมหยิบใช้งานง่าย
สายชำระสแตนเลสจับถนัดมือ มาพร้อมกับที่ใส่กระดาษชำระแบบแกนเสียบด้านข้าง ไม่มีที่กันน้ำมาให้ต้องระวังเปียกกันหน่อยนะคะ
บริเวณอ่างล้างมือได้เป็น ชุด Built in ด้านข้างตู้มีการเจาะช่องให้วางของเพิ่มเติมได้อีกด้วย
บริเวณเหนืออ่างล้างมือ มีกระจกเงาพร้อมชั้นวางของภายใน สามารถเก็บอุปกรณ์ห้องน้ำได้ ส่วนฝั่งขวามือมีไฟที่ใช้สำหรับแต่งหน้ามาให้อีกด้วย
อ่างล้างหน้าเซรามิกแบบฝังในเคาน์เตอร์ยี่ห้อ Toto ด้านข้างมีพื้นที่เหลือวางของได้ ใต้อ่างมีตู้สามารถเก็บของได้นิดหน่อย หน้าบานแบบ Hi gloss ตัวอ่างยกสูงขึ้นจากพื้นเพื่อให้ไม่โดนน้ำและง่ายต่อการทำความสะอาด
ส่วนอาบน้ำมาพร้อมฉากกั้นแบบ Tempered Glass ที่ป้องกันไม่ให้น้ำออกมาเลอะส่วนอื่น พร้อมราวจับสแตนเลสที่แขวนผ้าเช็ดตัวด้านหน้าได้ สังเกตว่าห้องนี้สามารถเข้าได้ 2 ทาง ข้อดีคือเข้าได้จากภายในห้องนอน กรณีมีแขกมาก็ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนก่อนค่ะ
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.67 x 1.20 เมตร พื้นที่อาบน้ำลดระดับลง มีจุดระบายน้ำอยู่ที่มุม
ส่วนอาบน้ำมีให้ทั้งแบบ Hand Shower และ Rain Shower เลย พร้อมช่องเก็บของมาให้ด้านข้าง เป็นตำแหน่งที่วางขวดอาบน้ำพร้อมหยิบใช้งานได้สะดวก
ฝักบัวแบบ Hand Shower ของ Toto ขนาดใหญ่อาบได้สะใจทีเดียว สามารถปรับรูปแบบการไหลของน้ำได้หลากหลายเลยค่ะ
ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี ทางโครงการให้ไฟ Downlight 2 ดวง พร้อมไฟซ่อนฝ้าบริเวณเหนืออ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ นอกจากนี้ยังมีพัดลมดูดอากาศ 1 จุด ของ Panasonic มาให้
กลับออกมาด้านหน้าห้องน้ำ มีพื้นที่เหลือสามารถวางโต๊ะกินข้าวสำหรับ 4 ที่นั่งได้ วางได้ทั้งแบบชิดกำแพง หรือจะวางกลางห้องก็ได้
พื้นที่การใช้งานค่อนข้างกว้างทีเดียว สำหรับห้องจริงจะได้เป็นห้องเปล่าๆไม่มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งมาให้ เราสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ ที่เหมาะสมกับการใช้งานของเราเองได้ค่ะ
ถัดมาที่ส่วนของห้องนั่งเล่น สามารถวางโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่งได้ ซึ่งห้องนี้จะติดกับหน้าต่างขนาดใหญ่ริมอาคาร ทำให้มีแสงเข้ามาภายในห้องมากยิ่งขึ้น
หลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้ว มีระยะดูทีวีจากโซฟาอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร ซึ่งขนาดทีวีที่เหมาะกับระยะสายตาอยู่ที่ประมาณ 42″- 50″ จัดว่าวางทีวีขนาดใหญ่ได้สบายเลยทีเดียว
ได้หน้าต่างบานใหญ่ ด้านล่างเกือบติดพื้นและด้านบนที่สูงเกือบจะถึงฝ้าเลย เรียกว่ากว้างเกือบจะทั้งแผ่นผนังเลยห้องเลยก็ว่าได้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นบาน Fixed ซึ่งไม่สามารถเปิดได้ มีบานกระทุ้งมาให้ 1 บาน สามารถระบายอากาศภายในห้องได้ดี ได้เป็นขอบอลูมิเนียม Powder Coat พ่นสีดำ พร้อมกระจกลามิเนตสีเทา ที่สามารถป้องกัน UV ได้ มีคุณสมบติคล้ายกระจกสีเขียวตัดแสง แต่จะทำให้หน้าตาอาคารดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังได้หน้าต่างแบบ Bay Window อีกด้วย ทำให้เห็นวิวได้อย่างเต็มที่ ไม่มีขอบอะลูมิเนียมมาบดบังสายตาค่ะ
หน้าต่างบานกระทุ้งมีตัวล็อค ไม่สามารถเปิดได้กว้างมากนัก เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ส่วนบริเวณด้านจับเป็นแบบก้านโยกสามารถเปิดใช้งานได้ง่ายค่ะ
ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight มาให้ พร้อมแอร์ระบบ VRF แบบฝั่งฝ้า ทำให้ห้องดูเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น
ถัดมาที่ห้องเอนกประสงค์ ทางโครงการจะให้ประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน เปิดแบบ Double Slide บานขวาสุดเป็นบาน Fixed ข้อดีของบานประตู 3 ตอน คือมีช่องทางเดินกว้างมากยิ่งขึ้น เดินใช้งานได้ง่าย
ภายในห้องอเนกประสงค์มีขนาดค่อนข้างกว้าง สามารถวางโซฟาหรือเตียงขนาด 3.5 ฟุตได้ รวมถึงฝั่งขวายังสามารถ Built in ตู้เสื้อผ้าเพิ่มเติมได้อีกด้วย ข้อดีของห้องนี้อยู่ติดกับพื้นที่ระเบียง สามารถออกไปสูดอากาศบริเวณนี้ได้
หลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้วเหลือพื้นที่ใช้งานกว้างพอสมควร ของจริงไม่ให้เฟอร์นิเจอร์มา ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามใจชอบ เช่น ห้องทำงานหรือห้องนอนเล็กก็ได้
ประตูทางออกระเบียง เป็นประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน กรอบบานอลูมิเนียม Powder Coat พ่นสีดำ พร้อมกระจกตัดแสงสีเทา เนื่องจากห้องพักอาศัยไม่จำเป็นต้องวางคอมเพรสเซอร์แอร์ ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ รวมถึงไม่มีอะไรมารบกวนสายตาอีกด้วยค่ะ
พื้นที่ระเบียงภายนอกมีขนาด 2.00 x 0.70 เมตร พื้นเป็นกระเบื้องเซรามิกขนาด 60 x 60 ซม. สามารถออกไปยืนใช้งานพร้อมกันได้หลายคน ราวระเบียงเป็นกระจกใส ไร้ขอบด้านบน ทำให้เห็นวิวในมุมมองที่กว้างมากยิ่งขึ้นนะคะ
กลับเข้ามาบริเวณห้องนั่งเล่นข้างชุดวางทีวีมีประตูทางเข้าห้องนอนอยู่ค่ะ
ภายในห้องตัวอย่างจะใส่เตียงนอน King Size ได้สบาย พร้อมทั้งสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งบริเวณข้างเตียงได้ ห้องนอนอยู่ติดริมหน้าต่าง ทำให้เห็นวิวและรับแสงได้ดี
ถ้าใครชอบดูทีวีในห้องแนะนำให้ติดเป็นทีวีแบบเขวน เพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งานบริเวณปลายเตียงได้กว้างมากยิ่งขึ้น มีระยะดูทีวีจากโซฟาอยู่ที่ประมาณ 2.20 เมตร ซึ่งขนาดทีวีที่เหมาะกับระยะสายตาอยู่ที่ประมาณ 50″ ทางโครงการได้เตรียมช่องเสียบสัญญาณทีวีไว้ให้เรียบร้อยค่ะ
ขนาดหน้าต่างแบบเดียวกับห้องที่แล้ว ด้านล่างเกือบติดพื้น ส่วนด้านบนที่สูงเกือบจะถึงฝ้า กว้างเต็มพื้นที่ พร้อมบานกระทุ้งสามารถระบายอากาศภายในห้องได้ดี
เมื่อวางเตียง King Size ไปแล้ว เหลือพื้นที่ทางเดินรอบข้างและปลายเตียงให้พอเดินได้บ้าง อย่างฝั่งปลายเตียงมีระยะประมาณ 45 ซม. ซึ่งสามารถเดินได้พอดี ส่วนฝั่งที่ติดหน้าต่างจะเหลือพื้นที่ประมาณ 30 ซม. สำหรับคนที่ต้องการพื้นที่รอบเตียงเยอะๆ ก็สามารถเลื่อนเตียงไปไว้ตรงกลางได้ ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามใจชอบเลยค่ะ
หันกลับเข้าไปภายในห้อง ด้านหน้าประตูทางเข้าห้องน้ำมีพื้นที่เหลือทำ Walk-in Closet ได้ ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถกั้นฉากเพิ่มเติมได้ ภายในวางชุด Built in เป็น 2 ฝั่ง เหมาะกับการใช้งาน 2 คน
พื้นที่ใช้งานหน้าตู้กว้างประมาณ 1.35 เมตร สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าได้สะดวกทีเดียว
บริเวณเพดานจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight มาให้ 4 ดวง ของจริงจะไม่มีไฟซ่อนฝ้ามาให้นะคะ
สำหรับสวิตช์ในห้องเป็นปุ่มเปิด-ปิดยี่ห้อ ART DNA นอกจากนี้ยังมีระบบสั่งเปิด-ปิดไฟผ่าน App ได้อีกด้วย
โดยความพิเศษของตัวโครงการจะให้ตัว Home Automation มาเป็นตัวรับคำสั่งผ่าน Smart Home App ของโครงการ ทางโครงการให้มาห้องละ 1 ตัว เราจะขอแวะไป App ใช้งานกันเล็กน้อย
ภายใน App จะมีระบบ Control Lights สำหรับเปิดปิดไฟภายในห้องทั้งหมด Control Air Conditioning สำหรับเปิด-ปิดแอร์ในห้องโดยไม่ต้องใช้รีโมทอีกด้วย สำหรับลูกเล่นๆอื่นต้องไปทดลองกันที่หน้างานอีกทีนะคะ
ปลั๊กไฟภายในห้องจะมีทั้งแบบฝังพื้นและผนัง ความพิเศษคือมีปลั๊กที่สามารถเสียบ USB เพิ่มเติมได้ ตอบโจทย์การใช้งานของคนรุ่นใหม่ได้ดีทีเดียวค่ะ
ส่วนห้องตัวอย่างห้องที่ 2 ที่เราจะมาดูกันนี้นะคะ เป็นห้อง 2 Bedroom Duplex ขนาด 84.50 ตร.ม. ห้องนี้จัดมาให้แบบ Fully Fitted เช่นเดียวกัน ถือเป็นจุดขายของโครงการเลย โดยตัวห้องจะมี 2 ชั้น ภายในมีบันไดส่วนตัวเดินขึ้นไปชั้น 2 ได้ นอกจากนี้ส่วนที่เชื่อมตั้งแต่พื้นชั้นที่ 1 ถึงฝ้าเพดานชั้นที่ 2 มีความสูงประมาณ 6 เมตรเลยทีเดียว มาพร้อมกับหน้าต่างขนาดใหญ่สูงทำให้ได้รับแสงเต็มที่ นอกจากนี้บริเวณระบายยังมีอ่างอาบน้ำแบบ Outdoor มาให้อีกด้วยค่ะ
เมื่อเปิดประตูเข้ามาฝั่งขวามีมีห้องน้ำแบบ Powder Room ไว้สำหรับแขกแยกกับผู้พักอาศัย ถัดเข้าไปจะเป็นห้องครัว แต่ห้องนี้จะได้เป็นห้องครัวแบบเปิด ทำให้มีกลิ่นเข้าภายในห้องได้ แต่ข้อดีคือตัวห้องครัวจะอยู่ติดพื้นที่ระเบียง ทำให้สามารถระบายอากาศในบริเวณนี้ได้ นอกจากนี้ส่วนกินข้าวยังสามารถวางโต๊ะแบบ 4 ที่นั่งได้สบายๆ ขอแวะไปบริเวณระเบียงสักเล็กน้อย เพราะเป็นจุด Highlight ของห้องนี้เลย ตัวระเบียงมีหน้ากว้างเท่าตัวห้อง โดยจะมีทั้งพื้นที่นั่งเล่น ที่สามารวางโต๊ะขนาดเล็กได้ รวมถึงยังมีอ่างอาบน้ำแบบ Outdoor ที่สามารถมาแช่ตัว พร้อมชมบรรยากาศไปด้วยได้ ถัดเข้ามาบริเวณห้องนั่งเล่น จะมีขนาดโล่ง เนื่องจากได้หน้าต่างรอบทิศ เป็นแบบเข้ามุม รวมถึงมีกระจกสูงทำให้รับแสงได้เต็มที่
ถัดขึ้นไปที่บริเวณชั้นที่ 2 จะเป็นส่วนพักอาศัย ด้านบนมี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และ 1 ห้องแช่อ่างน้ำที่แยกออกจากห้องน้ำ มาที่ห้องนอนใหญ่จะได้หน้าต่างแบบ Bay Window รวมถึงสามารถมองลงไปบริเวณพื้นชั้นที่ 1 ได้ ส่วนห้องน้ำจะสามารถเข้า-ออก 2 ทางได้จากบริเวณห้องนอน หรือโถงทางเดินก็ได้ ทำให้ใช้งานได้สะดวกทั้ง 2 ห้องนอน ถัดไปที่ห้องแช่อ่างน้ำแบบ Indoor บริเวณนี้จะเป็นอ่างอาบน้ำแบบไม่ใหญ่มาก ถ้าใครเขินเพื่อนบ้านก็สามารถขึ้นมาแช่ตัวในบริเวณนี้ได้เช่นกัน ถัดไปที่ห้องสุดท้ายเป็นส่วนห้องนอนเล็ก ที่ได้หน้าต่างบานใหญ่ ทำให้สามารถเห็นวิวและรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ค่ะ
เปิดประตูเข้ามามองตรงไปเป็นพื้นที่ครัวที่ติดกับระเบียง ส่วนฝั่งขวามือเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room พื้นภายในห้องเเป็น Engineering Wood หนา 12 มม. เช่นเดียวกับห้องที่แล้วค่ะ
พื้นที่ใช้งานหน้าห้องกว้างเดินใช้งานได้สบายๆ ฝั่งซ้ายเป็นทางเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวเราจะขอแวะไปดูกันเล็กน้อยค่ะ
ห้องชั้นล่างเป็นห้องน้ำแบบ Powder room คือไม่มีส่วนอาบน้ำจะมีให้เฉพาะโถสุขภัณฑ์กับอ่างล้างหน้าค่ะ พื้นและผนังจะเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้กันลื่นขนาด 60 x 60 ซม. ทางเข้าห้องน้ำลดระดับลงมาประมาณ 2 ซม. กันไม่ให้น้ำไหลออกไปด้านนอกค่ะ
ภายในห้องน้ำจัดพื้นที่ใช้งานไว้ค่อนข้างลงตัว มีระยะหน้าโถสุขภัณฑ์กว้าง ระยะเดินใช้งานได้สะดวกทีเดียว
โถสุขภัณฑ์ยี่ห้อ TOTO เหมือนกับห้องที่แล้วเลยค่ะ
ส่วนอ่างล้างมือจะรูปแบบเดียวกับห้องที่แล้วเช่นเดียวกันค่ะ
ฝั่งตรงข้ามทางโครงการทำเป็นตู้รองเท้าเชื่อมต่อกับชุดครัว แต่ของจริงทางโครงการจะไม่ให้ตู้วางรองเท้ามา ต้องติดตั้งเพิ่มเติมกันเอง ส่วนชุดครัวที่ได้จะสิ้นสุดที่บริเวณตู้เย็นค่ะ
เดินเข้ามาด้านในเห็นพื้นที่กว้างขนาดใหญ่ ที่เชื่อมระหว่างส่วนทานข้าว และส่วนนั่งเล่นเข้าด้วยกัน พร้อมทั้งมีกระจกรอบห้อง ทำให้รับแสงภายนอกได้เต็มที่ รวมถึงภายในห้องดูโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น
หันกลับมาสามารถวางโต๊ะกินข้าวแบบ 4 ที่นั่งได้สบาย พร้อมทั้งยังติดกับส่วนครัว ทำให้ใช้งานได้สะดวก ไม่ต้องไปผ่านพื้นที่อื่นก่อนค่ะ
พื้นที่การใช้งานค่อนข้างกว้างทีเดียว สำหรับห้องจริงจะได้เป็นห้องเปล่าๆไม่มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งให้ ซึ่งเราสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ ที่เหมาะสมกับการใช้งานของเราเองได้ค่ะ
ลักษณะชุดครัวเป็นแนวยาวโดยแบ่งออกเป็น 3 ตอน มีช่องใส่ของค่อนข้างเยอะ หลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้งาน หน้าบานแบบ Hi Gloss เช็ดทำความสะอาดง่าย มาพร้อมกับ Soft Close เพื่อป้องกันไม่ให้ตู้เกิดเสียง และลดแรงกระแทกก่อนที่หน้าบานจะปิดสนิท
ทางโครงการให้ซิงค์ล้างจานสแตนเลสหลุมคู่ยี่ห้อ Teka พร้อมก๊อกน้ำล้างจานโครเมียมทรงสูง ปรับโยกซ้าย-ขวาได้ ข้อดีคือใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ส่วนพื้นที่ประกอบอาหาร ให้เตาไฟฟ้าแบบ 4 หัวพร้อมเครื่องดูดควัน ของ Gorenje ค่ะ
อันนี้เป็นตัวอย่างกรณีถอดหน้าบานออกสามารถวางเครื่องซักผ้าภายในตู้ได้ ข้อดีคือไม่รบกวนพื้นที่ระเบียง ของจริงทางโครงการให้หน้าบานมา สามารถปรับเปลี่ยนเองได้ตามใจชอบเลยค่ะ
บริเวณเพดานจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight มาให้ พร้อมแอร์ระบบ VRF เหมือนกับห้องที่แล้ว ข้อดีคือไม่มีคอมเพรสเซอร์แอร์วางที่ระเบียง ทำให้สามารถใช้งานระเบียงได้เต็มที่
ประตูทางออกระเบียงเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ได้เป็นกรอบบานอลูมิเนียม Powder Coat พ่นสีดำ พร้อมกระจกลามิเนตสีเทา ที่สามารถป้องกัน UV ได้ดีค่ะ
อีกทั้งทางโครงการยังได้ฝังขอบอลูมิเนียมไว้กับพื้น ทำให้เดินได้สะดวกไม่ต้องกลัวสะดุด แต่อาจมีน้ำฝนไหลเข้ามาภายในห้องได้ง่าย
ออกมาด้านนอกมีพื้นที่โล่ง สามารถหาที่นั่งมาวางได้ ราวระเบียงเป็นกระจกไร้ขอบด้านบน เป็นการเพิ่มมุมมองทัศนียภาพได้ดียิ่งขึ้น
ถัดไปมีบันไดเดินขึ้นไปบริเวณอ่างอาบน้ำแบบ Outdoor ค่ะ
อ่างแช่ตัว Onzen แบบฝั่งลงพื้น พร้อมราวกระจกทำให้สามารถเห็นทัศนียภาพได้อย่างเต็มที่ค่ะ
ภายในอ่างแช่ตัวมีระบบการใช้งานค่อนข้างหลากหลาย ถ้าใครสนใจสามารถไปลองดูกันที่โครงการได้ สำหรับผู้เขียนค่อนข้างชอบทีเดียว ไม่ค่อยได้เห็นสักเท่าไหร่
กลับเข้ามาพื้นที่ห้องนั่งเล่น เป็นหน้าต่างแบบเข้ามุมสูงรับแสงเต็มที่
หลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้ว มีระยะดูทีวีจากโซฟาอยู่ที่ประมาณ 2.45 เมตร ซึ่งขนาดทีวีที่เหมาะกับระยะสายตาอยู่ที่ประมาณ 50″-60″ จัดว่าวางทีวีขนาดใหญ่ได้สบายเลยทีเดียว
ด้านหลังชุดวางทีวี มีบันไดขึ้นไปที่ชั้น 2 ของห้องค่ะ
บริเวณเพดานจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight มาให้
เราลองมาเปิดกระจกของห้องนี้กันดูหน่อย หลังจากเปิดใช้งานสุดแล้ว สามารถระบายอากาศภายในได้เต็มที่ อีกทั้งยังทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น
สำหรับกระจกบานเลื่อนเข้ามุมทำออกมาได้ดีทีเดียว เป็นการทำเซาะร่องได้สนิท ทำให้ไม่มีฝุ่นเข้ามาภายในห้อง นอกจากนี้ยังมีระเบียงกระจกกั้นตกมาให้อีกด้วย เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานค่ะ
ถ้าเราเดินมาบริเวณริมหน้าต่าง เราได้กระจกสูงตั้งแต่พื้นถึงฝ้าแบบเต็มพื้นที่ หรือที่เราเรียกกันว่าแบบ Full Height Window ทำให้เห็นภาพทัศนียภาพได้เต็มที่ รวมถึงห้องมีความโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น ความสูงตรงนี้ประมาณ 6 เมตรเลยทีเดียว
มองกลับมาภายในห้องเป็นการเชื่อมพื้นที่ใช้งานเข้าด้วยกัน
เดินต่อมาบริเวณทางขึ้นชั้นที่ 2 ตรงนี้มีพื้นที่สามารถ Built in เป็นชั้นวางของเพิ่มเติมได้ สำหรับใครที่ต้องการทำแบบนี้ ขอแนะนำให้มีบันไดแบบฝังกับตู้ เพื่อปืนขึ้นไปใช้งานได้สะดวก แต่ต้องระวังตกด้วยนะคะ
บริเวณบันไดทางขึ้นชั้น 2 เป็นโครงสร้างสร้างเหล็กปิดด้วยผิวไม้จริง ลูกตั้ง 19 ซม. ลูกนอน 25 ซม. บันไดกว้างประมาณ 1.10 เมตร เป็นระยะที่เดินได้สบาย มีหักมุมเป็นฉากสามเหลี่ยมเล็กน้อยที่ด้านบน ของจริงฝั่งซ้ายมือได้เป็นผนังเรียบไม่มีการเซาะร่องมาให้ ส่วนฝั่งขวามีระเบียงกระจกขอบอะลูมิเนียมสามารถจับใช้งานได้ง่าย หน้าตาจะเป็นแบบไหนไปดูรูปถัดไปกันเลยค่ะ
บริเวณโถงบันไดด้านบนจะมีระเบียงกั้นตกมาให้แบบนี้ ของจริงด้านล่างก็จะเป็นแบบนี้เช่นเดียวกันค่ะ
พื้นที่การใช้งานค่อนข้างกว้างทีเดียว พื้นเป็น Engineering Wood หนา 12 มม. เหมือนกับชั้นล่างเลยนะคะ
บริเวณเพดานจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight มาให้
เราขอแวะไปดูห้องนอนใหญ่กันก่อน ซึ่งติดกับประตูทางเข้าห้องน้ำอีกด้วย
ภายในห้องสามารถวางเตียงนอนขนาด King Size ได้สบายๆ พร้อมวางโต๊ะหัวเตียงได้อีกด้วย บริเวณปลายเตียงมีพื้นที่เหลือเยอะ วางโต๊ะทำงานได้อีกด้วย
หันกลับมามีพื้นที่ข้างเตียง สามารถ Built in เป็นตู้เสื้อผ้าเพิ่มเติมเองได้ โดยได้ทั้งแบบบานเปิด และบานเลื่อน เนื่องจากมีพื้นที่หน้าตู้กว้างมากทีเดียว ส่วนผนังของจริงได้เป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวค่ะ
หลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้ว มีพื้นที่หน้าตู้ประมาณ 1.57 เมตร พื้นที่กว้างเปลี่ยนเสื้อผ้าได้สบายทีเดียวค่ะ
ได้หน้าต่างบานใหญ่ พร้อมกระจกแบบ Bay Window ทำให้ไม่มีอะไรมาบดบังทัศนียภาพการมอง รวมถึงยังได้หน้าต่างบานกระทุ้ง 1 จุดเพื่อระบายอากาศภายในห้อง ของจริงทางโครงการไม่ได้ติดตั้งผ้าม่านมาให้นะคะ
อีกทั้งยังสามารถมองลงไปบริเวณห้องนั่งเล่นได้อีกด้วยค่ะ
พื้นที่บริเวณปลายเตียงกว้าง วางโต๊ะทำงานหรือทีวีได้สบาย หลังจากวางเฟอร์นิเจอร์มีพื้นที่เหลือประมาณ 1.13 เมตร เดินใช้งานได้สะดวก
ส่วนฝั่งที่ติดหน้าต่างจะเหลือประมาณ 32 ซม. สามารถวางโต๊ะหัวเตียงขนาดเล็กได้
บริเวณเพดานจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight มาให้ 4 ดวง
ถัดมาที่ห้องน้ำสามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง ทั้งจากโถงทางเดินและห้องนอน ทำให้ใช้งานได้สะดวกทีเดียวค่ะ
ภายในห้องน้ำมีขนาดกว้าง มีการจัดสรรส่วนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วนชันเจน พื้นและผนังเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ชนิดกันลื่นขนาด 60 x 60 ซม. ทำความสะอาดง่าย สุขภัณฑ์เป็นของ TOTO ทั้งหมดค่ะ
ประตูทางเข้าห้องน้ำมีขอบลดระดับลง 2 ซม. เพื่อไม่ให้เปียกออกไปด้านนอก
พื้นที่ภายในมีขนาดกว้าง ใช้ง่ายพร้อมกันได้ พื้นที่อาบน้ำให้ฉากกั้นมาด้วย โดยได้ตามห้องตัวอย่างนี้ทั้งหมดเลยค่ะ
ส่วนของอ่างล้างมือ แบบ His & Her ทำแยกออกมาเป็น 2 ฝั่งสามารถใช้งานพร้อมกัน 2 คนได้ โดยแยกทั้งอ่างล้างมือ ด้านบนเป็นกระจกพร้อมชั้นวางของ ด้านล่างมีพื้นที่เก็บของให้สองฝั่ง ตรงกลางเว้นช่องไว้ให้แสงผ่านได้
บริเวณเหนืออ่างล้างมือ มีตู้กระจกเงาพร้อมชั้นวางของภายในตู้สามารถเก็บอุปกรณ์ภายในห้องน้ำได้ ส่วนด้านบนมีไฟที่ใช้สำหรับแต่งหน้ามาให้อีกด้วย อ่างล้างหน้าเซรามิกแบบฝังในเคาน์เตอร์ยี่ห้อ Toto ระหว่างอ่างมีพื้นที่เหลือวางของได้ ใต้อ่างมีตู้สามารถเก็บของได้ หน้าบานตู้แบบ Hi gloss ทำความสะอาดง่าย
สำหรับห้องนี้ได้โถสุขภัณฑ์แบบ Toto Washlet เป็นระบบใช้งานแบบอัตโนมัติ มาพร้อมปุ่มกดใช้งานด้านข้าง ตำแหน่งเหมาะสมแก่การใช้งานค่ะ
ส่วนอาบน้ำมีฉากกั้นแบบ Tempered Glass มาให้ ที่ป้องกันไม่ให้น้ำออกมาเลอะส่วนอื่น พร้อมราวจับสแตนเลสที่แขวนผ้าเช็ดตัวด้านหน้าได้
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.25 x 88 เมตร ประตูทางเข้าแบบเปิดเข้าด้านใน พื้นที่อาบน้ำลดระดับลง มีจุดระบายน้ำอยู่ที่มุม
ส่วนอาบน้ำมีให้ทั้งแบบ Hand Shower และ Rain Shower เช่นเดียวกับห้องที่แล้วค่ะ
ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 2 ดวง และพัดลมดูดอากาศ 1 จุดยี่ห้อ Panasonic ค่ะ
ออกไปที่บริเวณโถงทางเดินด้านหน้า ก่อนเข้าห้องน้ำมีห้องน้ำที่มีเฉพาะอ่างแช่ตัวแบบ Bath Tub ที่สามารถลงไปนั่งแช่ตัวได้ ก่อนเข้าห้องนอนมีพื้นที่ทำตู้ Built in เพิ่มเติมได้
บริเวณเพดานจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight มาให้
สำหรับบริเวณห้องน้ำนี้จริงๆ แล้วหากเราดูจากในส่วน Floor Plan จะต้องมีประตูเพื่อออกไปยังโถงทางเดินด้วยนะคะ เนื่องจากเป็นกฎของรูปแบบห้อง Duplex แต่ทางโครงการผังห้องนี้จากที่ต้องเป็นประตูห้องออกไป และทำเป็นห้องน้ำแทน รูปแบบจะกลายเป็นเหมือนห้อง Loft แต่ได้ฝ้าเพดานสูงเหมือนห้อง 2 ชั้น พร้อมโฉนดที่ดินปกติค่ะ ซึ่งหากใครสงสัยสามารถอ่ารายละเอียดเพิ่มเติมในบทความนี้ได้โดย (คลิกที่นี่) พื้นที่ใช้งานกว้างประมาณ 90 ซม. เหมาะใช้งานคนเดียว พร้อมทั้งมีขอบยื่นออกมา 30 ซม. สามารถวางของหรือนั่งบริเวณนี้ได้ ส่วนฝั่งขวามีกระจกที่มองเห็นด้านนอกได้อีกด้วย
บริเวณอ่าง Bath Tub เป็นอ่างแช่ตัวแบบนั่งอาบ บริเวณผนังมีการเจาะกำแพงเข้าไปประมาณ 10 ซม. สามารถวางอุปกรณ์อาบน้ำได้ค่ะ
ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 2 ดวง และพัดลมดูดอากาศ 1 จุดยี่ห้อ Panasonic ค่ะ
ฝั่งตรงข้ามห้องน้ำมีประตูทางเข้าห้องนอนเล็กอยู่
ภายในห้องนอนเล็ก ถ้าวางเตียงนอนขนาด 3.5 ฟุต จะมีพื้นที่เหลือวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้ หรือถ้าใครต้องการเตียงขนาด King Size สามารถวางเอาตู้เสื้อผ้าออกไปไว้ที่หน้าห้องแทนได้
หันกลับมาฝั่งตรงข้าม ทางโครงการได้ลองวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งมาให้ดูระยะการใช้งานกัน ส่วนผนังของจริงได้เป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวค่ะ
ในกรณีที่เราเอาเตียงไว้ริมหน้าต่าง ทำให้ด้านข้างเตียงจะมีพื้นที่การใช้งานประมาณ 1.55 เมตร ที่สามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กได้ค่ะ
เมื่อวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตไปแล้ว จะเหลือพื้นที่ทางเดินรอบข้างและปลายเตียงให้พอเดินได้บ้าง อย่างฝั่งปลายเตียงมีระยะประมาณ 60 ซม. ซึ่งสามารถเดินได้สะดวก ส่วนฝั่งที่ติดหน้าต่างจะเหลือพื้นที่ประมาณ 45 ซม. สำหรับคนที่คุ้นเคยกับการมีโต๊ะหัวเตียง ก็สามารถเลื่อนออกมาสักหน่อยได้ค่ะ
บริเวณเพดานจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight มาให้ 2 ดวง
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคา
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 26 FEBRUARY 2019
- เนื่องจากทางโครงการยังไม่ได้เปิดขายอย่างเป็นทางการ จึงยังไม่มีรายละเอียดราคามาให้ แต่มีราคาของห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 – 30.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นที่ 4.80 ล้านบาท
- Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง 2.9 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- Shuttle Bus ไปกลับ BTS เอกมัย (รายละเอียดสอบถามทางโครงการอีกทีค่ะ)
- จอง n/a บาท
- ทำสัญญา n/a บาท
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ค่ากองทุน 800 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 75 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเล :
ที่ตั้งโครงการอยู่ในซอยเอกมัย อยู่ในช่วงประมาณกลางซอยใกล้การซอยทองหล่อ 10 ที่สามารถเชื่อมไปออกทองหล่อได้ อีกทั้งเอกมัยยังเป็นซอยที่สามารถเดินทางได้สะดวก ไปเชื่อมต่อกับถนนและซอยหลักโดยรอบได้ง่าย และเป็นย่านที่เป็นทั้งแหล่งที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ สำนักงาน ตลอดจนร้านค้าต่างๆ ทำให้ซอยนี้มีความคึกคักและอุดมสมบูรณ์สูง หาของกินของใช้ในซอยได้ง่าย รวมถึงยังมีร้าน Hang out แบบ Hi End หลากหลาย ทำเลนี้เหมาะกับคนที่ทำงานในย่านเอกมัย ทองหล่อ สุขุมวิท หรือใกล้เคียง มีไลฟ์สไตล์แบบคนรุ่นใหม่
การเดินทางโดยใช้รถ :
ซอยเอกมัยเป็นทั้งเส้นทางหลักและเส้นทางลัดเข้า-ออกสู่เมืองทางฝั่งสุขุมวิทที่สำคัญของคนในย่านนี้ เพราะเป็นถนนที่เชื่อมตรงถนนสุขุมวิทเเละถนนเพชรบุรีตัดใหม่เข้าด้วยกัน การที่โครงการตั้งอยู่ใกล้ทองหล่อซอย 10 ที่เชื่อมต่อไปออกถนนทองหล่อได้ หรือถ้าใช้ซอยเอกมัย 12 ก็สามารถไปออกถนนปรีดีพนมยงค์ (สุขุมวิท 71) ได้ง่าย หากใครต้องการเข้าเมืองทางถนนพระราม 4 ก็จะมีซอยฝั่งตรงข้ามอย่างซอยสุขุมวิท 36 และ 40 สามารถใช้เป็นถนนเชื่อมไปออกพระราม 4 ได้ และซอยสุขุมวิท 42 ก็สามารถใช้เชื่อมจากถนนพระราม 4 เข้ามายังถนนสุขุมวิทได้ นอกจากนี้ยังเดินทางไปทางด่วนได้สะดวกทั้ง ทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานครและทางด่วนพิเศษศรีรัช นอกจากนี้ทางโครงการยังให้ที่จอดรถแบบ Automatic Parking มาถึง 85% ถือว่าให้มาเยอะมากทีเดียว ถ้าเทียบกับโครงการในละแวกนี้
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :
โครงการอยู่ในระยะที่ไม่ได้ใกล้ BTS อยู่ห่างประมาณ 1 กิโลเมตรจาก BTSเอกมัย แต่โครงการจะมี Shuttle Service รับ-ส่ง จึงสามารถไปใช้รถไฟฟ้าเป็นตัวเลือกในการเดินทางได้ แต่ขากลับคงต้องกลับเองหรือไม่ก็ต้องนัดเวลากับ Shuttle Service ให้เรียบร้อย ส่วนรายละเอียดการใช้งานต้องสอบถามทางโครงการเพิ่มเติม หรือถ้าใครรีบมากๆแนะนำให้นั่งพี่วิน ที่จะมีตลอดทั้งซอยเลย สำหรับตัวโครงการฝั่งตรงข้ามก็จะมีพี่วินแล้ว ทำให้สามารถเดินทางไปไหนได้สะดวกค่ะ
การออกแบบโครงการ :
เป็นคอนโดมิเนียม High Rise 2 อาคารสูง 25 และ 43 ชั้น และอาคารจอดรถสูง 9 ชั้น มีทั้งหมด 380 ยูนิต ขนาดที่ดินประมาณ 2-3-3.9 ไร่ ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 63 (ซอยเอกมัย) มีแนวคิดที่แสดงความเป็นตัวตนและโดดเด่นของ All Inspire ที่มีสไตล์แบบ Modern Luxury ตัวอาคารออกแบบมาค่อนข้างหรูหรา ล้ำสมัย รูปแบบโครงการมีการกระจายตัวออกเป็น 2 อาคาร ทำให้มียูนิตแต่ละชั้นไม่มาก เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้าน สำหรับ อาคาร A เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวสูง มียูนิตสูงสุด 4 ยูนิต/ชั้น พร้อมทางเดินแบบ Single Corridor อีกทั้งยังอยู่ใกล้ประตูทางเข้า-ออก ถัดมาที่ อาคาร B เหมาะกับคนที่ใช้ Main Facilities บ่อยๆ และต้องการอยู่ใกล้อาคารจอดรถ รวมถึงมีรูปแบบห้องที่ให้เลือกได้หลากหลายมากกว่า
การออกแบบห้องพักอาศัย :
ภายในห้องถือว่าออกแบบพื้นที่ใช้สอยได้ค่อนข้างลงตัว ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom Plus ขนาด 46.50 ตร.ม. แบ่งสัดส่วนได้ดี ภายในได้เป็นห้องครัวปิด ทำให้สามารถทำอาหารจริงจังได้ มาพร้อมห้องอเนกประสงค์ ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามใจชอบ ส่วนห้องน้ำเข้า-ออกได้ 2 ทาง ทำให้สะดวกทั้งผู้พักอาศัยและแขกที่มาบ้าน ถัดมาที่ห้อง 2 Bedroom Duplex ขนาด 84.50 ตร.ม. เป็นห้อง 2 ชั้น เพดานสูงเหมือนบ้าน ได้พื้นที่แนวตั้งในการใช้งาน ภายในมีการแบ่งโซน Public และ Private ออกจากกันชัดเจน มีหน้าต่างบานใหญ่เข้ามุม เปิดออกได้กว้าง 2 ด้าน มาพร้อมจุดที่เป็น Double Volume สูง 6 เมตร ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น จุดเด่นคือมีระเบียงใหญ่ สามารถใช้งานได้เต็มที รวมถึงมีอ่างแช่ตัวแบบ Outdoor ที่ไม่ค่อยมีให้เห็นกันบ่อยๆ
วัสดุ :
โครงการให้แบบ Fully Fitted วัสดุพื้นเป็น Engineering Wood หนา 12 มม. ส่วนห้องน้ำและห้องครัว เป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ ทำความสะอาดได้ง่าย นอกจากนั้นยังได้ระบบ Home Automation เพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น พร้อม Digital Door Lock ที่รอบรับการใช้งานได้ถึง 4 รูปแบบ ทั้ง สแกนนิ้ว, ระบบ PIN, กุญแจ และ Keycard ชุดครัวใช้วัสดุ Top และ Backsplash เป็นหินควอตซ์สีดำ ทำความสะอาดง่าย พร้อมหน้าบานแบบ Hi gloss, Hob & Hood ยี่ห้อ Gorenje ที่เป็นแบรนด์ครัวระดับท็อป ห้องน้ำได้สุขภัณฑ์ยี่ห้อ Toto สำหรับห้อง 2 Bedroom ขึ้นไปจะได้โถสุขภัณฑ์แบบ Toto Washlet เป็นระบบอัตโนมัติใช้งานง่าย ส่วนฝักบัวห้องอาบน้ำได้ทั้งแบบ Hand Shower และ Rain Shower เลย นอกจากนี้ยังได้แอร์ระบบ VRF ข้อดีคือไม่มีคอมเพรสเซอร์ภายในห้อง คอมเพรสเซอร์ไปรวมกันบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้ซ่อมแซมจากภายนอกได้เลย
สาธารณูปโภค :
โครงการที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลางโดยกระจายไว้ตามชั้นต่างๆ เน้นออกแบบส่วนกลางที่ใกล้ชิดธรรมชาติมีฟังก์ชันให้เลือกใช้งานเยอะทั้งแบบ Indoor และ Outdoor แบ่งพื้นที่โครงการในส่วนต่างๆ เป็นสัดส่วนชัดเจน พื้นที่ Facilities ไม่ไปรบกวนกับส่วนพักอาศัย เริ่มตั้งแต่ชั้นล่างเป็น Lobby ของแต่ละอาคาร ถัดขึ้นไปชั้นที่ 25 ของอาคาร A เป็น Kids Room ส่วน Roof Top ของอาคาร A เป็นพื้นที่สวน พร้อม Sky Bridge เพื่อเดินไปใช้งาน Main Facilities ที่อาคาร B โดยจะมีทั้งชั้น 26 และ 26m สำหรับ Facilities ในโครงการมี Swimming Pool, Fitness, Yoga Room, Impression Hall, Beverage Lounge, Sauna&Steam, Simulator Room ที่กระจายตัวอยู่ ทำให้ไม่ต้องแย่งกันใช้งาน ส่วนชั้นสุดท้ายจะเป็นห้อง Private Party Room สามารถจัดปาร์ตี้เล็กๆได้ พร้อมทั้งเห็นวิวในมุมสูงของโครงการอีกด้วย มีการกระจายพื้นที่สีเขียวไว้ตามส่วนอื่นๆของโครงการอีกด้วย
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคา AVG 200,000 บาท/ตร.ม., 26 FEBRUARY 2019
- ทำเล 7.5/10 – อยู่กลางซอยเอกมัย ใกล้ทองหล่อ 10 ที่เชื่อมไปออกได้ทั้งทองหล่อและปรีดีพนมยงค์ (สุขุมวิท 71)
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – ค่อนข้างสะดวก มีซอยลัดเลาะได้หลายเส้นทาง ไม่ไกลจากทางด่วน รวมถึงมีที่จอดรถถึง 85% มากกว่าโครงการในละแวก
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ห่างจากรถไฟฟ้า 1 กม. มี Shuttle Service รับ-ส่ง
- วัสดุ 8.5/10 – ได้ของเหมาะสมกับราคา Fully Fitted ได้ระบบ Home Automation, พื้น Engineering Wood, Hob & Hood ของ Gorenje ให้วัสดุโดยรวมดี
- แบบ 8.5/10 – มีแบบให้เลือกหลายหลาย ฟังก์ชันครบ ห้องเพดานสูง 2.9 เมตร
- สาธารณูปโภค 8.75/10 – ให้มาหลากหลาย น่าใช้งาน จัดแบ่งโซนดี
- LUXURY CLASS
- 7.95 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ Impression เอกมัย เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดในย่านเอกมัยหรือใกล้เคียง เดินทางสะดวกทั้งรถยนต์และรถสาธารณะ มีความอุดมสมบูรณ์สูง ได้ที่จอดรถเยอะเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในห้อง มีห้องแบบ Duplex เพดานสูงให้เลือก ได้พื้นที่ส่วนกลางที่หลากหลายน่าใช้งาน มีงบประมาณประมาณเริ่มต้น 4.80 ล้านบาท หรือเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 200,000 บาท/ตร.ม.