รีวิวโครงการ
อัพเดตโครงการ Ideo Mobi อโศก คอนโด High Rise ใกล้ MRT เพชรบุรี และ Singha Complex จาก Ananda [รีวิวฉบับที่ 1738]
24 พฤศจิกายน 2018
รีวิวฉบับที่ 1163… สวัสดีค่ะ วันนี้เรามีรีวิวของโครงการ Ideo Mobi Asoke มาฝากแต่เป็นฉบับย่อเพราะสำนักงานขายยังไม่เสร็จแต่เราได้ข้อมูลบางส่วนมาก่อนค่ะ ตัวโครงการอยู่บนถนนเพชรบุรี ใกล้แยกอโศก-เพชรบุรี และ มศว ประสานมิตร ห่างจาก MRT เพชรบุรีประมาณ 300 เมตร ซึ่งอนันดาทำตัวนี้ออกมาได้น่าสนใจ ด้วยการนำแบรนด์ไอดิโอมาปรับโฉมใหม่ภายใต้ชื่อ THE NEW ERA OF VERTICAL LIVING มีการนำนวัตกรรมใหม่ๆมาใช้ในโครงการและรูปแบบการขายผ่านระบบ Online Booking สามารถจองคอนโดได้ผ่านทาง Smart Phone หรือคอมพิวเตอร์ที่บ้านได้เลย
Fact @ 31 July, 2016
- Ideo Mobi Asoke (ไอดิโอ โมบิ อโศก)
- Ananda Development
- LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : เพชรบุรี
- คอนโด High Rise 36 ชั้น+Mezzanine จำนวน 508 ยูนิต (Residential 507 ยูนิต+Shop 1 ยูนิต)
- ที่จอดรถประมาณ 245 คัน หรือประมาณ 48 %
- ที่ดินประมาณ 2-2-63.3 ไร่
- 1 Bedroom ขนาด 24 – 34.5 ตารางเมตร
- 1 Bedroom(Duplex) ขนาด 45 ตารางเมตร
- 2Bedroom 54-61 ตารางเมตร
- ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 4.19 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรเริ่มต้นประมาณ 170,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 02 – 316-2222
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.748502, 100.565959
แผนที่จากทางโครงการ จะเห็นว่าทำเลของโครงการอยู่บนถนนเพชรบุรี ใกล้ MRT เพชรบุรี ที่เป็นสถานี Interchange กับ Airport Link มักกะสัน
สิ่งที่เป็นจุดเด่นคือโครงการนี้อยู่บนถนนเพชรบุรี ใกล้แยกอโศก-เพชรบุรี ที่เป็นจุดกึ่งกลางระหว่างย่าน CBD ที่สำคัญอย่างรัชดา-พระราม 9 และ อโศก ตั้งแต่ถนนรัชดาภิเษกจนถึงอโศกมนตรี จะมีอาคารสำนักงานใหญ่ๆหลายแห่ง เช่นอาคารสำนักงานของเอกชนอย่าง True Tower, AIA Capital มีอาคารของกลุ่ม G Land อย่างUnilever, G Land Tower และ Super Tower ที่เมื่อสร้างเสร็จจะกลายเป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศแทนมหานคร ส่วนย่านอโศกก็มีอาคารสำนักงานหลากหลายไม่ว่าจะเป็นอาคาร GMM Grammy, ชิโนไทย ทาวน์เวอร์, 253 Asoke และอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒที่เป็นมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ ดังนั้นเรื่องความอุดมสมบูรณ์คงไม่ต้องพูดถึง เพราะเป็นทั้งแหล่งการศึกษาและมีอาคารสำนักงานเยอะแบบนี้มีแหล่งกิน เที่ยว ช็อปปิ้งครบ นอกจากนี้ยังมีโรงแรม 4-5 ดาวใหญ่ๆมากมายที่รองรับชาวต่างชาติทั้งที่มาทำงานและท่องเที่ยว
ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้ย่านอโศก-รัชดา-พระราม 9 กำลังเป็นที่จับตามองให้เป็น New CBD แห่งใหม่ก็เพราะว่า การปรับตัวของราคาที่ดินในย่านสุขุมวิท และจำนวนที่ดินในย่านสุขุมวิท สีลม เพลินจิต เอกมัย และย่านสาทร ที่มีเหลืออยู่ในปัจจุบันมีน้อยมาก จนทำให้ราคาขายที่ดินในย่านดังกล่าวพุ่งสูงอย่างมาก ผู้พัฒนาเห็นว่าไม่คุ้มกับการลงทุนเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ พูดง่ายๆว่าราคาที่ดินโซน CBD อันดับหนึ่งอย่างสีลมขายกันตารางวานึงแตะหลักล้าน รองลงมาคือราชดำริ มีราคาประเมิน 900,000 บาท ในขณะที่ราคาที่ดินแถวอโศก-รัชดา-พระราม 9 มีราคาประเมินถูกกว่ากันครึ่งหนึ่ง บนทำเลที่มีศักยภาพไม่ด้อยกว่ากันเท่าใดนัก โดยที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 75% ถ้าแปลงอยู่ติดสถานีเพิ่มขึ้นประมาณ 100-150% ซึ่งราคาประเมินนี้จะใช้ไปอีก 4 ปี ข้างหน้าคือในปี 2559-2562 ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ซับพลายในย่านนี้เติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ
ขอขอบคุณข้อมูลราคาที่ดินจาก กรมธนารักษ์
Big Project สำคัญในอนาคตที่จะเกิดขึ้น คือ Singha Complex เป็นโครงการที่มีมูลค่าระดับแสนล้านซึ่งห่างจากโครงการเพียงไม่กี่ก้าว โครงการนี้อยู่บนพื้นที่ดินประมาณ 11 ไร่ ป็น Mixed Use 36 ชั้น ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน, คอนเวนชั่นฮอลล์, โรงแรม, พื้นที่ค้าปลีกช้อปปิ้ง และคอนโดมิเนียม โดยโครงการเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่สิ้นปี 2558 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2561 ในอนาคตโครงการนี้จะเป็นแม่เหล็กช่วยดึงดูดคนมาสู่พื้นที่แถบนี้ได้มากทีเดียว
Makkasan Complex (return) นอกจากนี้ยังมีโครงการที่ดินย่านมักกะสันมีทั้งหมด 745 ไร่ เหลือพื้นที่นำมาพัฒนาได้ 497 ไร่เศษ ด้วยศักยภาพของที่ดินมักกะสันที่เป็นทำเลใจกลางเมือง ล้อมรอบไปด้วยทางด่วน รางรถไฟ และรถไฟใต้ดินสายสีน้ำเงิน ทำให้ทั้งภาครัฐบาลและเอกชนมีแผนพัฒนาที่ดินมักกะสันในอนาคตทั้งการพัฒนาเป็นสวนสาธารณะ มักกะสันคอมเพล็กซ์ และทั้งสองอย่างผสมกัน ซึ่งการพัฒนาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีผลทำให้พื้นที่นี้มีความเจริญและอุดมสมบูรณ์
ซึ่งตอนนี้ข่าวคราวก็เงียบๆหน่อยแต่ในเพจ ” เราอยากให้มักกะสันเป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์” ก็ยังมีความเคลื่อนไหวอัพเดตข้อมูลกันอยู่เรื่อยๆ สามารถเข้าไปติดตามกันได้นะคะ
ความอุดมสมบูรณ์ของโครงการ หลักๆจะอิงถนนหลัก 3 โซน คือบริเวณถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ย่านอโศก และรัชดา-พระราม 9 โดยตัวถนนเพชรบุรีตัดใหม่นั้นจะมีทั้งคอนโด โรงเรียน และอาคารสำนักงานอยู่บ้างแต่ไม่คึกคักเท่าถนนอโศกมนตรี ที่มีทั้งห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ใกล้สถานศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มีแหล่งกิน เที่ยว ช็อปปิ้งครบมีตลาดให้เลือกไปเดินได้หลากหลายทั้งตลาดนัด มศว.ที่มีขายทั้งอาหาร ของกิน และเสื้อผ้าตั้งแต่เวลาสายๆถึงประมาณบ่ายสาม มีตลาดแกรมมี่ ตลาดรวมทรัพย์ ตลาดสุขตา ประสานมิตรพลาซ่า มีซอยคาวบอยที่เป็นแหล่งบันเทิงในยามค่ำคืน พอมาถึงช่วงแยกอโศกที่ตัดกับถนนสุขุมวิทก็จะมีเทอมินัล 21 จากตรงนี้สามารถเลือกไปยังห้างสรรพสินค้าบนถนนสุขุมวิทได้ตามใจชอบ
อีกโซนที่สามารถนั่งรถไฟฟ้าไปได้ถึงในสถานีเดียวคือย่านรัชดา-พระราม 9 ที่มีศูนย์การค้าและแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ค่อนข้างคึกคัก ตั้งแต่แยกเทียมร่วมมิตร ไปจนถึงแยกพระราม 9 อย่าง Central พระราม 9, ห้างฟอร์จูนทาวน์ ในเครือซีพี ที่ขึ้นชื่อเรื่องการจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับ IT, Esplanade รัชดา ที่มีตลาดรถไฟอยู่ด้านหลัง เรียกความคึกคักในวันพฤหัสบดี-อาทิตย์ได้มากทีเดียว, BigC รัชดาภิเษก และห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆอย่าง The Street ให้บริการ 24 ชั่วโมง ส่วนสาธารณูปโภคอื่นๆก็มีโรงพยาบาลใกล้เคียงหลายแห่ง เช่น โรงพยาบาลพระราม 9, โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลรถไฟ และโรงพยาบาลผิวหนังอโศก
จุดเด่นของโครงการนี้คือเป็นทำเลที่ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT เพชรบุรี ห่างจากโครงการประมาณ 300 เมตร เป็นระยะที่สามารถเดินได้สบายๆเพราะระหว่างทางมีร้านอาหาร ของกิน และมีร่มเงาจากตึกสามารถบังแดดไปได้ไม่ลำบากนัก โดย MRT เพชรบุรีนี้ เป็นสถานี Interchange กับ Airport Link มักกะสัน สามารถเดินข้ามสะพานลอยไปถึงสถานี Airport Link ในระยะประมาณ 210 เมตร และถ้าจะไป BTS ก็นั่งไปอีกสถานีเดียวถึง MRT สุขุมวิท ที่เป็นสถานี Interchange กับ BTS อโศก ซึ่งถือว่าเป็น Hub ที่เชื่อมต่อการเดินทางได้หลากหลายทั้งใต้ดิน บนดิน และลอยฟ้า (ไปต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิ 🙂 ) หรือใครอยากไปทางน้ำก็ใช้เส้นทางเดินเรือคลองแสนแสบ โดยมีท่าเรือ มศว ประสานมิตรที่อยู่ทางด้านหลังโครงการ
การเดินทางไปท่าเรือ มศว ประสานมิตร จะมีระยะทางประมาณ 190 เมตร จากโครงการเดินเลี้ยวขวาเข้าซอยเพชรบุรี 38 มาเรื่อยๆ ระหว่างทางจะมี Food Center ร้านอาหารทั้งรถเข็นและตั้งโต๊ะ โดยเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่นักศึกษา มศว จะใช้เดินเข้าออกมหาลัยตลอดทั้งวัน เดินมาเรื่อยๆข้ามสะพานข้ามคลองแสนแสบก็จะเจอกับท่าเรือ มศว ประสานมิตรแล้วค่ะ
ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ก็ค่อนข้างสะดวก เนื่องจากโครงการอยู่ใกล้แยกอโศก-เพชรบุรี ซึ่งถือว่าเป็นแยกใจกลางเมืองสามารถเข้าออกได้หลายเส้นทาง สำหรับการเดินทางมาโครงการ หากใครมาจากแยกอโศก-เพชรบุรี จะต้องไปยูเทิร์นหน้าอิตัลไทยหรือแยกพร้อมพงษ์ ซึ่งซอยนี้สามารถใช้ไปทะลุซอยสุขุมวิท 39 หรือซอยพร้อมพงษ์ได้ ส่วนใครมาจากทางเอกมัยให้ตรงมาเรื่อยๆพอเลยตึก Thai Summit มานิดเดียวจะเห็นโครงการอยู่ทางซ้ายมือ
ส่วนการเดินทางจากโครงการไปยังที่ต่างๆ จากถนนหน้าโครงการจะบังคับเลี้ยวซ้ายหากตรงมาเรื่อยๆถึงแยกอโศก-เพชรบุรี จะสามารถตรงไปแพลทินัมหรือประตูน้ำได้ หากเลี้ยวขวาจะไปรัชดา-พระรามเก้า และหากเลี้ยวซ้ายจะไปเส้นอโศกมนตรี ที่สามารถเข้าถนนสุขุมวิทหรือตรงไปพระราม 3 ได้ สำหรับใครที่อยากไปพัฒนาการ บางกะปิ รามคำแหงจะมีทางกลับรถใต้สะพานข้ามแยกอโศก-เพชรบุรี เพื่อยูเทิร์นไปยังเส้นทางดังกล่าวได้ค่ะ สำหรับการจราจรในย่านนี้ต้องทำใจเรื่องรถติดหน่อย ถึงแม้จะมีรถไฟฟ้าก็ตามเพราะย่านนี้อาคารสำนักงานเยอะ โดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็นนี้รถจะติดมากกกกเลย ไปไหนมาไหนก็เผื่อเวลาเดินทางไว้หน่อยนะคะ
สำหรับการขึ้น-ลงทางด่วนค่อนข้างง่าย จากโครงการอยู่ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนศรีรัชค่ะ
การเดินทางวันนี้เราจะเริ่มจาก MRT เพชรบุรี ที่เป็นสถานี Interchange กับ Airport Link มักกะสัน เดินไปยังโครงการโดยมีระยะทางประมาณ 300 เมตร เพื่อให้เห็นสภาพแวดล้อมระหว่างการเดินจากรถไฟฟ้าไปโครงการค่ะ
เราเริ่มจาก MRT เพชรบุรีเป็นสถานีที่ Interchange กับ Airport Link มักกะสัน
ภายในสถานีจะมีร้านกาแฟ และ Super Rich สำหรับใครที่ต้องการแลกเงินไปต่างประเทศก็มาใช้บริการได้ แยกไปทางซ้ายมือจะเป็นบันไดทางลงไปยัง MRT เพชรบุรีประตูที่ 1 ส่วนทางขวามือจะเป็นทางเดินไปยัง Airport Link มักกะสัน ประมาณ 210 เมตร ก็ถึงตัวสถานีแล้วค่ะ
จากตัวสถานี เรามองออกไปจะเห็นทางลัดเข้ามายัง MRT ข้างๆกันเป็นป้อมตำรวจจราจร และทางซ้ายมือจะมีทางเดินไปยังแยกอโศก-เพชรบุรีได้
เราเดินออกมาตรงทางลัดเข้า MRT ตรงนี้มีร้านน้ำปั่นขายด้วยเผื่อใครกระหายน้ำ มองตรงไปจะมีพี่วินแก๊งค์เล็กๆอยู่ สำหรับใครที่มาจาก MRT แล้วขี้เกียจเดินไปโครงการ ก็ใช้บริการพี่วินตรงนี้ได้
มองออกไปบนถนนเพชรบุรีจะมีจุดกลับรถใต้สะพานข้ามแยกอโศก-เพชรบุรี หากออกจากโครงการแล้วต้องการไปพัฒนาการ บางกะปิ รามคำแหง ก็สามารถมากลับรถตรงนี้ได้ค่ะ
ร้านเนื้อย่างเกาหลี โคริยะ ร้านบุฟเฟ่ต์เนื้อย่างราคาเบาๆที่เปิดให้บริการเวลา 17.00 น. – 24.00 น.
เมื่อมองไปในร้านจะเห็นว่าในช่วงกลางวันประมาณบ่าย 2 แบบนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ร้านเปิด แต่ภายในร้านกลับมีรถยนต์จอดอยู่เยอะ ซึ่งไม่ใช่ว่าร้านนี้มีพนักงานร้านเยอะมากจนจอดรถกันเต็มนะ แต่รถที่เราเห็นนี้เป็นของพนักงานออฟฟิศข้างเคียงที่มาเช่าพื้นที่ร้านเนื้อย่างจอดเท่านั้นเองค่ะ ซึ่งก็จะมีกำหนดเวลาถึงช่วงค่ำๆทางร้านก็จะเริ่มเคลียร์รถเพื่อสงวนไว้เฉพาะลูกค้าของร้านเท่านั้น คนนอกไม่สามารถไปเนียนจอดได้
ฝั่งเยื้องๆกันเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการ Singha Complex อาคาร Mixed Use 36 ชั้น จาก Singha Estate โดยจะมีแผนจะเชื่อมทางเข้า MRT ไปยังในอาคารด้วยแต่ต้องรอดูในอนาคตต่อไปนะคะ ซึ่งถ้ามีก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางไปยังรถไฟฟ้า จากโครงการสามารถเดินไปได้โดยไม่ต้องข้ามสะพานลอย นอกจากนี้ภายในยังมี Community Mall ร้านค้า ร้านอาหารหลากหลาย คาดว่าอีก 2 ปีน่าจะได้ไปช้อปปิ้งที่นี่กัน
ข้างๆสะพานลอยมีร้านก๋วยเตี๋ยวด้วยเผื่อใครอยากมาฝากท้อง
มองจากสะพานลอยฝั่งตรงข้ามจะเห็นว่าตัวโครงการอยู่ติดเพชรบุรีเลย ทางขวาจะติดกับ Supalai Premier Asoke สูง 38 ชั้น ส่วนทางซ้ายมือจะติดกับตึกแถว 3-4 ชั้น โดยด้านหน้าโครงการจะมีบันไดสะพานลอยบังอยู่เกือบครึ่งหนึ่ง ก็ต้องดูกันต่อไปว่าในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่นะคะ
อย่างที่บอกไปตอนต้นนะคะว่าระยะที่จะขึ้นสะพานข้ามแยกอโศก-เพชรบุรีมุ่งหน้าไปยังประตูน้ำค่อนข้างกระชั้นโดยมีระยะประมาณ 100 เมตรจากโครงการ หากออกจากโครงการแล้วต้องการไปยังสะพานข้ามแยกนี่ต้องใช้ความสามารถในการชิดขวาพอสมควรเลยเพราะระยะค่อนข้างกระชั้น หากใครไม่อยากเสี่ยงก็วิ่งตรงไปเรื่อยๆผ่านแยกอโศก-เพชรบุรีแล้วรอไฟแดงหน่อยก็ไปได้เหมือนกันค่ะ จากตรงนี้เดี๋ยวเราจะพาขึ้นสะพานลอยเพื่อไปยังโครงการกัน
จากสะพายลอยมองไปยังถนนเพชรบุรีฝั่งมุ่งหน้าไปพัฒนาการ จะเห็นว่าในช่วงเที่ยงๆแบบนี้การจราจรฝั่งไปพัฒนาการไม่หนาแน่นมากนัก แต่ฝั่งมุ่งหน้าไปประตูน้ำหรือฝั่งเข้าเมืองค่อนข้างหนาแน่น ทางซ้ายมือจะเห็นตึกของธนาคารออมสิน ส่วนทางขวามือเห็นตึกคอนโด My Resort Bangkok และอาคารสำนักงาน Thai Summit
หันมาอีกฝั่ง บนถนนเพชรบุรีฝั่งมุ่งหน้าไปประตูน้ำ โดยข้างหน้าจะเป็นแยกอโศก-เพชรบุรีที่มีสะพานข้ามแยกช่วยระบายการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่น ทางซ้ายมือจะเป็นตึก Supalai Premier Asoke ที่ติดกับโครงการ ถัดไปเป็นพื้นที่ก่อสร้าง Singha Complex มองตรงไปจะเห็นคอนโดบนถนนเพชรบุรีอย่าง Q Asoke, Villa Asoke และ The Address
เมื่อลงจากสะพานลอยก็จะเห็นโครงการอยู่ติดกับบันไดสะพานลอยเลย โดยในวันที่เราไปเก็บข้อมูล โครงการกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างสำนักงานขายค่ะ
มาดูสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการกันบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารสำนักงาน คอนโด ตึกแถวที่มีของกินของใช้ขายให้ไปใช้บริการกันได้ โดยแต่ละทิศของโครงการจะมีอาณาเขตที่ติดต่อกันดังนี้
- ทิศเหนือ ติดกับถนนเพชรบุรี ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็น La Belle โดยด้านหน้าโครงการจะมีตึกแถวและมีบันไดสะพานลอยกินพื้นที่ทางเข้าโครงการเกือบครึ่งเลยทีเดียว ก็ต้องดูต่อไปว่าในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่นะคะ ห้องที่อยู่ฝั่งนี้จะเห็นวิวฝั่งรัชดา-พระราม 9
- ทิศตะวันตก ติดกับ Supalai Premier อโศก คอนโดสูง 38 ชั้น ถัดไปเป็นโครงการ Singha Complex อาคาร Mixed Use สูง 36 ชั้น ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยห้องทางฝั่งนี้จะเห็น City View ที่มีอาคารสูงในระยะใกล้ และจะเห็นคอนโดความสูงราวๆ 40 ชั้นบนเส้นเพชรบุรีอย่าง Q Asoke, The Address, Villa Asoke
- ทิศตะวันออก ติดกับซอย My Resort Asoke สูง 28 และ 35 ชั้น ถัดไปเป็นอาคารสำนักงาน Thai Summit สูง 35 ชั้น ที่มาช่วยบังแดดและบังวิวให้ด้วย
- ทิศใต้ ติดกับคลองแสนแสบที่มีท่าเรือ มศว ประสานมิตร ติดกับตัวมหาวิทยาลัย โดยห้องที่อยู่ทางฝั่งนี้จะได้วิว มศว ที่มีสนามกีฬาเป็นพื้นที่สีเขียวตรงกลาง และได้ City View ฝั่งสุขุมวิท แต่ต้องเป็นห้องทีชั้นสูงๆหน่อยนะคะ
เข้ามาดูความคืบหน้าภายในโครงการที่ปัจจุบันกำลังเคลียร์พื้นที่ก่อสร้างกันอยู่ ด้านหลังโครงการจะติดกับแนวคลองแสนแสบ และท่าเรือ มศว ประสานมิตร มองออกไปด้านหลังจะเห็นวิว มศว โดยอาคารที่อยู่ใกล้กับโครงการจะเป็นวิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม คณะแพทย์และคณะวิทยาศาสตร์ ขณะที่เรายืนอยู่ภายในโครงการจะถูกโอบล้อมด้วยตึกสูงข้างเคียงโดย..
ทางซ้ายมือหรือทางทิศตะวันออก ติดกับคอนโด My Resort Bangkok สูง 28 และ 35 ชั้น
ส่วนทางขวามือหรือทางทิศตะวันตก ติดกับคอนโด Supalai Premier สูง 38 ชั้น
ส่วนฝั่งตรงข้ามโครงการจะมองเห็น La Belle เป็น Entertainment Complex สีชมพูสดใส
เส้นทางที่ 2 เราจะเริ่มจากหน้าโครงการ เดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยเพชรบุรี 38 เพื่อเดินมายังท่าเรือ มศว ประสานมิตร แวะดูบรรยากาศรอบๆท่าเรือแล้วเดินเข้า มศว ไปดูสภาพแวดล้อมในมหาวิทยาลัย และแวะดูตลาดนัดที่จะมีในวันอังคารและพฤหัส จากนั้นเดินออกจาก มศว ไปเดินดูสภาพแวดล้อมบนถนนอโศกมนตรีจนถึงตลาดรวมทรัพย์และตลาดสุขใจ
จากโครงการเราเดินเลี้ยวขวาไปจะเป็นตึกแถว 3-4 ชั้น บรรยากาศด้านหน้าค่อนข้างคึกคัก มีร้านซ่อมรองเท้า ร้านขายเครปรถเข็น และร้านอาหารเล็กๆตั้งเรียงรายริมฟุตบาท
ตรงนี้มีร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาจนัญญา ราคาเริ่มต้นที่ 40 บาท ถัดไปเป็นร้านอาหารตามสั่งให้มาฝากท้องกันได้
เดินตรงมานิดเดียวจะเจอซอยเพชรบุรี 38 ด้านหน้ามีป้ายบอกทางเลี้ยวขวาเข้าซอยจะสามารถไปยังท่าเรือ มศว ประสานมิตรได้ เดี๋ยวเราจะเลี้ยวขวาไปตามลูกศรกัน
บรรยากาศภายในซอยเพชรบุรี 38 นี้ค่อนข้างคึกคัก มีของกินขายหลากหลาย ทั้งซุ้มน้ำปั่น มีร้านรถเข็นเล็กๆตั้งอยู่เรียงราย จากการสอบถามคนแถวนี้เค้าบอกว่า ร้านรถเข็นตรงนี้จะเริ่มตั้งกันตั้งแต่ตี 5 แล้วเริ่มทยอยเก็บกันตั้งแต่เที่ยงๆถึงบ่ายโมง
ลองเอารูปเปรียบเทียบมาให้ดู ภาพบนเป็นช่วงเวลาเที่ยง บรรยากาศภายในซอยจะคึกคักมาก ร้านขายอาหารรถเข็นตั้งอยู่เต็มตลอดทั้งซอย มีนักศึกษา บุคคลากรมหาวิทยาลัย และหนุ่มสาวออฟฟิศมาหาของกินกันเยอะ แต่พอเกือบๆบ่ายสองนี่ร้านขายของเริ่มเก็บกันแล้ว แต่ก็ยังมีนักศึกษาเดินเข้าออกภายในซอยอยู่เรื่อยๆตลอดทั้งวัน
ภายในซอยนี้จะมี Food Town ซึ่งเป็นโรงอาหารที่กินพื้นที่ตั้งแต่หน้าซอยถึงท้ายซอย ตรงทางเข้าจะมีจุดแลก-คืนคูปองก่อนเข้าไปซื้ออาหาร
บรรยากาศข้างในก็จะเหมือน Food Court ทั้วไปที่มีร้านอาหารตั้งอยู่เป็นล็อคๆ และมีที่นั่งไว้รองรับ ใครอยากนั่งตรงไหนก็ได้ตามใจชอบ
เดินตรงมาเรื่อยๆจะเป็นร้านค้าและบ้านพักอาศัยริมคลองแสนแสบ ตรงนี้มีร้านร่มไทรก๋วยจั๊บน้ำข้น เย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวแคระ
เดินเข้ามาข้างในจะมีร้านขายของชำ ที่มีขนม เครื่องดื่ม และของใช้จิปาถะ
ร้านอาหารตามสั่งก็มี ตรงนี้จะเปิดเกือบตลอดวันค่ะ เพราะนักศึกษา อาจารย์ และบุคคลากรใน มศว ก็ใช้เส้นทางนี้เดินผ่านเข้าออก มองตรงไปจะเป็นบันไดทางขึ้นสะพานข้ามคลองแสนแสบ
ขึ้นมาบนสะพานข้ามคลองแสนแสบ เราก็จะเห็นตึกคณะแพทยศาสตร์ตั้งเด่นเป็นตระหง่าน
คลองแสนแสบเป็นคลองที่เชื่อมระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำบางประกง ซึ่งมีกลิ่นบ้างเป็นระยะๆแล้วแต่ทิศทางลมจะพาไปถ้าอยู่ชั้นบนๆก็จะไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นค่ะ ทางขวามือจะเป็นรั้วโครงการ ซึ่งฝั่งตรงข้ามกันจะเป็นท่าเรือ มศว ประสานมิตร
มองกลับไปจะเห็นรั้วโครงการอยู่ติดกับสะพานเลย
เราเดินข้ามสะพานมาลงอีกฝั่ง จะเจอทางสามแยก มองตรงไปจะเป็นวิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม ทางซ้ายมือเป็นประตูทางเข้า มศว ประสานมิตร และทางขวามือจะแยกไปท่าเรือ
บริเวณท่าเรือจะมีร้านอาหารและขนมขายด้วยเผื่อใครอยากมาฝากท้อง มองตรงไปจะเป็นลำรางเดินไปยังบ้านพักอาศัยของคนที่อยู่ริมฝั่งคลอง
ตอนเดินเข้ามาที่ท่าเรือได้จังหวะเรือเส้นทางรามคำแหง – วัดศรีบุญเรืองมาพอดี 🙂 อัตราค่าโดยสารเรือเส้นทางคลองแสนแสบจะอยู่ระหว่าง 10 ถึง 20 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทางนะคะ ซึ่งเรือโดยสารนี้จะให้บริการทุกวัน 5:30 – 20:30 น. (วันหยุดสุดสัปดาห์ 19:00 น.) มองไปฝั่งตรงข้ามท่าเรือจะเห็นรั้วโครงการตรงกันพอดีเลย
จากท่าเรือจะมีประตูทางเข้า-ออก มศว เดี๋ยวเราจะพาไปเดินดูภายในมหาวิทยาลัยกันนะคะ
ภายใน มศว นี้ก็จะเหมือนมหาวิทยาลัยปกติที่มีอาคารเรียนต่างๆ รวมทั้งสาธารณูปโภคอื่นๆอย่างร้านอาหาร ร้านกาแฟ และธนาคารให้ไปทำธุรกรรมการเงินได้ แต่ที่ มศว นี้จะมีความพิเศษตรงที่มีตลาดนัดทุกวันอังคารและพฤหัสบดีช่วงเวลาสายๆจนถึงประมาณบ่าย 3 มีของขายเยอะมากทั้งของกินและของใช้
บรรยากาศภายในตลาดจะค่อนข้างคึกคัก มีการกางเต้นท์ผ้าใบสีฟ้าเป็นล็อคๆเพื่อให้ตั้งขายสินค้า โซนด้านหน้านี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกเสื้อผ้า เครื่องประดับ ของใช้ในบ้าน ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็กๆก็มี ในช่วงกลางวันแบบนี้ก็จะมีทั้งนักศึกษาและพนักงานออฟฟิศในละแวกใกล้เคียงมาเดินซ้อปปิ้งและหาของกิน
เลียบกำแพงมหาวิทยาลัยก็ยังมีร้านอาหารขายยาวไป ล้อมรอบอาคารเรียนเลยทีเดียว
จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สามารถทะลุออกมายังถนนอโศกมนตรีได้ ซึ่งเป็นข้อดีของคนที่ทำงานอยู่แถวนี้ สามารถเดินจากโครงการผ่าน มศว เพื่อทะลุมายังอโศกมนตรีได้เลย โดยถนนเส้นนี้เป็นแหล่งที่มีคอนโด มีอาคารสำนักงานใหญ่อยู่มากมายจึงมีของกินของขายรองรับผู้พักอาศัยและหนุ่มสาวออฟฟิศหลากหลายทีเดียว อย่างฝั่งตรงข้าม มศว นี้จะมีอาคารสำนักงาน Asoke Tower จากตรงนี้เดี๋ยวเราจะพาไปดูบรรยากาศและความอุดมสมบูรณ์ของถนนเส้นนี้กันอีกสักหน่อยนะคะ
ถัดจาก มศว มาเราจะเจอกับ Supalai Premier Place คอนโด High Rise จากศุภาลัย สีฟ้าเห็นเด่นชัดมาก
มองไปฝั่งตรงข้ามจะเห็นตลาดรวมทรัพย์ซึ่งเป็นตลาดค่อนข้างใหญ่ มีทางเข้า-ออกถึงสองทาง ภายในตลาดมีร้านอาหารประเภทจานเดียวให้นั่งกินและมีขายของอื่นๆให้ Shopping ด้วย
พอเข้ามาแล้วจะเป็นตลาดพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ มีแบบนี้ 2 โดมเลยทีเดียว ของกินเพียบมากกก เน้นขายอาหารกลางวันเป็นหลัก ส่วนใหญ่ก็พนักงานออฟฟิศ หรือคนทำงานในละแวกนี้ค่ะ ตลาดเริ่มตั้งแต่ 9 โมงถึงประมาณบ่าย 2
ส่วนฝั่งนี้ก็จะมีตลาดสุขตา ขนาดของตลาดจะเล็กกว่าตลาดรวมทรัพย์
เข้ามาข้างมาข้างในจะมีร้านค้าแผงลอยขายเต็มไปหมดทั้งอาหารการกินและเสื้อผ้า รวมทั้งมีพื้นที่คอร์ทสำหรับนั่งรับประทานอาหารที่ชั้น 2 ด้วย
สถานที่สำคัญใกล้เคียง
- Singha Complex ~ 100 เมตร
- มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ระยะเดินไปยังประตูหลังมหาวิทยาลัย) ~190 เมตร
- Central พระราม 9 ~1.4 กิโลเมตร
- Fortune Town ~ 1.3 กิโลเมตร
- Terminal 21~ 1.8 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ~1.8 กิโลเมตร
- Central Embassy ~2.7 กิโลเมตร
- Central ชิดลม ~ 3 กิโลเมตร
- สวนเบญจกิตติ ~ 2.1 กิโลเมตร
- Emquartier ~ 2.5 กิโลเมตร
- สวนเบญจสิริ ~ 2.4 กิโลเมตร
- Emporium ~ 2.7 กิโลเมตร
ห้องตัวอย่างและโมเดลยังไม่เสร็จเราก็ดูภาพจำลองกับฟังไปก่อนนะคะ Ideo Mobi Asoke ออกแบบโดยใช้แนวคิด THE NEW ERA OF VERTICAL LIVING ที่มีการนำนวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาในอาคารให้เป็น Smart Living โดยชูจุดเด่น 3 อย่างคือ
• Smart Location ทำเลใจกลางเมือง เป็น Mass Transit System
• Smart Safety นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ประกอบด้วย BREAK-IN ALERTS SYSTEM ระบบเตือนภัยอัจฉริยะ, SURVEILLANCE COVERAGE ระบบรักษาความปลอดภัยครอบคลุมทั้งโครงการ และ SMART HUB ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะตอบทุกความต้องการ (ตรงนี้ก็ต้องรอดูรายละเอียดจากโครงการนะคะว่าระบบต่างๆนั้นทำงานอย่างไร)
• Smart Design ตั้งแต่ตัวห้องที่มีการออกแบบห้องหน้ากว้าง 10 เมตร (เฉพาะห้อง 2 bedrooms เท่านั้น) ทำให้มองวิวได้เต็มที่ การออกแบบ Facility ที่มีการแบ่งโซน Private & Public เพื่อเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้อยู่อาศัย รวมทั้งการออกแบบฟังก์ชั่นและส่วนต่างๆที่ช่วยให้ประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่าย เช่น Solar Shading กันสาดรอบอาคาร เพื่อลดปริมาณแสงแดด และความร้อนที่เข้าสู่ตัวอาคาร
เรามาดูกันที่หน้าตาของอาคารกันก่อนนะคะ ภาพจำลองอาคาร Ideo Mobi Asoke จะมีจุดเด่นที่ห้องด้านหน้าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเป็นห้อง 2 Bedroom ห้องมุมที่มีการนำกระจกโค้งมาใช้ ทำให้แม้ Form อาคารจะค่อนข้างยึกยักมีเหลี่ยมมุมเยอะ แต่ไม่ทำให้อาคารดูแข็งทื่อจนเกินไป ตัวอาคารมีการใช้ Solar Shading กันสาดรอบอาคาร ที่ช่วยกันแดดและความร้อนเข้าอาคารได้ส่วนหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็เป็นส่วนตกแต่ง Facade อาคารไปในตัวด้วย ส่วนสาธารณูปโภคหลักก็จะอยู่ที่ชั้นบนสุดนะคะ
ภาพจำลองสวนหย่อมในชั้น 7 มีการทำทางเดิน ปลูกไม้พุ่ม ไม้ยืนต้น และทำซุ้มนั่งพักผ่อนให้เป็นจุดๆมีระยะห่างกันพอสมควรเพื่อความเป็นส่วนตัว
ภาพจำลอง Facilities ชั้น 35 ที่ประกอบด้วยสระว่ายน้ำ จากุซซี่ และชั้น Mezzanine ที่ประกอบด้วย Fitness ที่สามารถมองวิวฝั่งสุขุมวิทและมองเห็นสระว่ายน้ำได้ นอกจากนี้ยังมี Working space, Library และ Sky Lounge ที่สามารถเห็นวิวฝั่ง มศว อีกด้วย
ภาพจำลองห้องพักอาศัยห้องมุมที่เป็นกระจกโค้ง ในอนาคตจะมีตึก Super Tower ซึ่งจะเป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทยแทนที่ตึกมหานคร อยู่ตรงฝั่งรัชดา-พระราม 9 ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากห้องพักของโครงการค่ะ
มาดูที่ผังโครงการกันบ้างตัวผังยังเป็นแค่ Draft นะคะอาจมีการเปลี่ยนแปลงตลอด มาเริ่มกันที่ Master Plan นะคะทางเข้าโครงการติดกับถนนเพชรบุรี ผ่านซุ้มประตูทางเข้าจะให้วนรถทางซ้าย มี Drop off 1 จุด การขึ้นชั้นจอดรถก็สามารถขับไปอีกนิดแล้ววนขึ้นลานจอดรถบนอาคารได้ค่ะ โดยที่จอดรถจะมีตั้งแต่ชั้น 1-6
ทางเข้าหน้าโครงการจะเจอ Shop และ Lobby ส่วนหลังอาคารจะเป็น Service zone ประกอบด้วยห้องงานระบบต่างๆ และโถงลิฟต์ โดยโครงการมีลิฟต์โดยสารให้ทั้งหมด 3 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 169 : 1 ซึ่งถ้าเทียบราคาแล้วน่าจะได้ประมาณร้อยต้นๆต่อหนึ่งนะ ลิฟต์เซอร์วิสมีให้ 1 ตัวติดกับส่วนทิ้งขยะ ทำให้แม่บ้านขนย้ายขยะลงมาทางนี้ได้ง่าย ไม่กวนส่วนลิฟต์โดยสาร
ด้านหลังอาคารจะเป็นสวนหย่อมที่อยู่ติดกับคลองแสนแสบและท่าเรือ มศว ประสานมิตร ที่มีน้องๆนักศึกษามาขึ้นเรือกันเป็นประจำ 🙂 ภายในสวนจะมีสนามหญ้า ทางเดินในสวน และปลูกต้นไม้ให้ร่มเงา เผื่อมาเดินเล่นตอนเย็นๆได้
ชั้น 1-6 จะเป็นที่จอดรถของโครงการที่มีการเดินรถค่อนข้างแปลก เนื่องมาจาก form ของอาคาร การวนรถจะมีทางลาดที่มีลักษณะเลี้ยวโค้งยึกยัก รวมทั้งที่จอดรถบางจุดดูแปลกๆสักหน่อย เช่น มีจุดจอดที่อยู่ตรงทางลาด เป็นต้น ซึ่งต้องรอดูของจริงอีกทีนะคะว่าการใช้งานสะดวกรึเปล่าถ้าใช้งานได้ดีก็ไม่มีปัญหา โครงการให้ที่จอดรถมาประมาณ 245 คัน หรือประมาณ 48 % ถือว่ากลางๆนะ ส่วนด้านบนทางขวามือจะมีสวนเล่นระดับตั้งแต่ชั้น 1-7
โดยสวนนี้จะเป็นสวนที่มีลูกเล่นเป็น Contour ต่อเนื่องตั้งแต่ชั้น 1 ไปถึงสวนชั้น 7 เหมาะกับคนที่ชอบออกกำลังกายแบบใช้กำลังขาเยอะๆ ซึ่งจริงๆแล้วเจ้าสวน Contour นี้สร้างขึ้นมาเพื่อความสวยงามของอาคารซะมากกว่าการให้คนมาวิ่งออกกำลังกายจริง
จากสวน Contour ขึ้นมาที่ชั้น 7 จะเริ่มเป็นชั้นพักอาศัยที่มีห้องพักจำนวน 7 ยูนิตตามชื่อชั้นเลย โดยข้อดีของการอยู่ชั้นนี้คือทุกห้องจะมีสวนหน้าห้องทั้งหมด บรรยากาศจึงค่อนข้างร่มรื่น แต่ก็มีข้อเสียตรงที่เสียความเป็นส่วนตัว เพราะสวนตรงนี้เป็นของส่วนกลาง ที่ห้องพักทุกห้องจะสามารถมาใช้งานได้ทั้งหมด สำหรับใครที่สนใจอยู่ชั้นนี้ แนะนำห้องที่อยู่ทางทิศใต้(ฝั่งคลองแสนแสบ)หรือทิศเหนือ(ฝั่งถนนเพชรบุรี) เพราะจะไม่โดนบังวิวในระยะประชิด ซึ่งที่สุดแล้วก็ต้องลองชั่งน้ำหนักดูก่อนนะคะว่าชอบวิวสวนขนาดที่จะแลกความเป็น Privacy หรือเปล่า
ขึ้นมาที่ชั้น 8-15 จะเป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 19 ห้อง ทางเดินเป็น Double Corridor โดยโถงลิฟต์จะอยู่ทางฝั่วซ้าย ห้องพักที่อยู่ทางฝั่งขวาเลยจะเดินไกลกว่ากันนิดหน่อย ผังอาคารที่นี่ค่อนข้างแปลก หน้าตาคล้ายจะเป็นตัว L แต่มีการหักมุมไปมายิ่งกว่าซีรีย์เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดซะอีก ;p หลายคนคงสงสัยว่าทำไมต้องทำตัวอาคารให้ซับซ้อนแบบนี้… คำตอบอยู่ในรูปถัดไปค่ะ
เราลองนำผังในส่วนห้องพักมาเปรียบเทียบกับสภาพแวดล้อมให้ดูกันก็จะถึงบางอ้อค่ะ อย่างที่รู้กันว่าจุดอ่อนของที่ดินโครงการคือการมีตึกสูงขึ้นขนาบซ้าย-ขวา ในระยะประชิดซึ่งมีปัญหาเรื่องวิวแน่ๆ ผู้ออกแบบจึงแก้ปัญหาอาคารให้หลบมุมมองกับตึกข้างๆซะ โดยการออกแบบผังให้มีการหักมุมถึง 2 จังหวะเพื่อเบนมุมมองไม่ให้ไปจ๊ะเอ๋กันแบบตรงๆ
โดยห้องฝั่งลูกศรสีเหลืองจะเป็นห้องที่ได้มุมมองเปิดโล่ง อย่างห้องที่อยู่ทางทิศตะวันตกติดกับ Supalai Premier ตัวผังจะเอนจากแปลงที่ดินประมาณ 45 องศา เพื่อให้ได้วิวสวนของ Supalai, สวนของ Singha Complex ในอนาคต และห้องที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือสามารถมองไปเห็นวิวมักกะสันได้ ส่วนห้องทางทิศใต้หลบตึกสูงใน มศว จะมองออกไปเห็นวิว มศว และ City View ฝั่งสุขุมวิท
ส่วนห้องฝั่งลูกศรสีแดงเข้มสามารถมองออกไปทางทิศเหนือเห็นวิวฝั่งรัชดา-พระราม 9 ได้ วิวที่เป็นจุดอ่อนสุดคือห้องฝั่งลูกศรสีดำทางทิศตะวันออก จะโดนตึก My Resort ประชิดอยู่เต็มๆแต่โครงการก็แก้ปัญหาโดยการ Set อาคารเข้ามาเพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างตึกให้มากขึ้น ซึ่งห้องที่อยู่ทางฝั่งนี้มีจำนวนห้องไม่มากนักคาดว่าราคาน่าจะถูกกว่าฝั่งอื่นๆ ถ้าอยากได้วิวโล่งๆแนะนำว่าหากใครต้องการเลือกห้องฝั่งนี้ให้เลือกชั้น 29 ขึ้นไปในมุมมองที่พ้นตึก My Resort จะได้วิวโล่งๆค่ะ โดยรวมแล้วเห็นว่าแม้ตัวผังจะดูแปลกและยึกยัก แต่เราก็เห็นความตั้งใจที่ผู้ออกแบบพยายามแก้ปัญหาให้กับลูกบ้านซึ่งเป็นแนวคิดที่ดีและทำให้โครงการมีความแตกต่างจากที่อื่น
ขึ้นมาที่ชั้น 16 มีห้องพักจำนวน 19 ยูนิต ผังของชั้นนี้จะเหมือนกับผังชั้น 8-15 เพียงแต่เพิ่มห้อง Duplex มา 2 ห้อง คือห้องที่วงสีแดงไว้ ตำแหน่งห้องอยู่ทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นฝั่งที่ติดตึก My Resort Bangkok นะคะ
ส่วนชั้น 17-31 จะมีการวางผังเหมือนชั้น 16 โดยมีห้องพักทั้งหมด 19 ยูนิต ซึ่งผังจะปรับเล็กน้อยตรงตำแหน่งห้อง Duplex จะเป็นพื้นที่ห้องชั้น 2 ที่มี Double Volume ค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 32 ห้องพักจะลดลงเหลือ 17 ยูนิต โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่ด้านหน้าอาคาร ฝั่งถนนเพชรบุรีถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่ว่างเปล่า และบันไดหนีไฟเพิ่มขึ้นมาเพื่อขึ้นไปชั้นบนต่อไป หลังจากชั้นนี้ไปตัวอาคารจะสั้นลงตามระยะร่นนะคะ
โดยบันไดนั้นจะเป็นทางขึ้นมายังสวนชั้น 33 นั่นเอง ในขณะที่ห้องพักในชั้นนี้มี 17 ยูนิตเท่าเดิม
ขึ้นมาที่ชั้น 34 ตัวสวนถูกขยับเข้าด้านในแทนที่ห้องพัก 2 ยูนิต ทำให้ห้องพักในชั้นนี้ลดลงเหลือ 15 ยูนิต
ขึ้นมาที่ชั้น 35 ตัวสวนหายไป ในขณะที่ห้องพักยังเป็น 15 ยูนิตเท่าเดิม
โดยสวนดังกล่าวจะถูกขนาบด้วยผนังที่มี Logo Ideo Mobi และสามารถ Take View ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือหรือวิวฝั่งพระราม 9 ได้
ขึ้นมาที่ชั้นบนสุด 36 เราสามารถขึ้นลิฟต์โดยสารมาได้เลย โดยชั้นนี้จะเป็น Facilities หลักของโครงการ ประกอบด้วยสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่มีจากุซซี่แยกต่างหาก โดยสระนี้จะได้วิวฝั่งพระราม 9 ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นห้อง Co-working space, Library และ Sky Lounge ที่ได้วิวฝั่ง มศว และ City view เส้นอโศก สุขุมวิท ขึ้นมาที่ชั้น Mezzanine จะเป็นห้อง Fitness ทั้งชั้น โดยห้องนี้สามารถมองลงมาเห็นวิวสระว่ายน้ำได้ด้วย
ชั้นสุดท้ายเป็นดาดฟ้า Green Roof ซึ่งเป็นพื้นที่สวนขั้นบันไดกว้างๆค่ะ
มาดูวิวชั้น 38 จากตึกข้างๆโครงการกันบ้างนะคะ ^_^ ทางทิศเหนือ จะได้วิวฝั่งรัชดา-พระราม 9 ที่เห็นคอนโดและ Office Building หนาแน่น โดยอนาคตจะมีตึก Super Tower ขึ้นมาเป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทยแทนที่ตึกมหานคร แต่กว่าจะสร้างเสร็จก็ต้องรอกันไปยาวๆ
ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะเห็นที่ดินมักกะสัน ทางด่วน และวิวทางฝั่งวิภาวดีที่มีตึกสูงอยู่ไกลๆ
ทางทิศใต้ จะเห็นวิว มศว ที่ตรงกลางเป็นสวนหย่อมและสนามกีฬาที่เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ มองตรงไปเป็น City View ฝั่งสุขุมวิทที่มีตึกสูงหนาแน่นมาก
ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ก็จะได้ City View ล้วนๆ เป็นตึกสูงที่หนาแน่นทางฝั่งสุขุมวิท
ทางทิศตะวันออก จะเห็นว่าเหนือยอดตึก My Resort ยังมี Thai Summit ดังนั้นใครเลือกห้องฝั่งนี้ก็ต้องทำใจเรื่องวิวนิดนึงนะคะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ
- ห้องออกกำลังกาย
- Co-working space
- Library
- Sky Lounge
- สวนหย่อม/สวนดาดฟ้า/สวน Contour
- ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว และอัตราส่วนลิฟต์ 169 : 1
- ที่จอดรถประมาณ 245 คัน หรือประมาณ 48 %
- ระบบ CCTV / Access Card
เนื่องจากห้องตัวอย่างยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง เราจึงขอพาไปดูแปลนห้องทั้งหมดของโครงการกันก่อนนะคะ โดยแบ่งเป็น
- 1 Bedroom ขนาด 24 – 34.5 ตารางเมตร
- 1 Bedroom(Duplex) ขนาด 45 ตารางเมตร
- 2 Bedroom 54-61 ตารางเมตร
ห้องพักของที่นี่จะเน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom ที่มีให้เลือกหลายแบบ แม้แต่ห้อง Duplex ก็เป็นแบบ 1 Bedroom เหมือนกันเพียงแต่เพิ่มพื้นที่ชั้น 2 เข้ามา จุดเด่นของห้องพักที่นี่คงต้องยกให้ห้อง 2 Bedroom ที่มีการนำกระจกโค้งเข้ามาใช้ในอาคาร ช่วยเพิ่ม Space ที่แปลกใหม่ การจัดวางฟังก์ชั่นของห้องพักแต่ละแบบจะเป็นอย่างไร ไปดูพร้อมๆกันเลยค่ะ
มาเริ่มที่ห้อง 1 Bedroom แบบ Type ที่มีขนาดตั้งแต่ 24-28 ตารางเมตร ด้วยพื้นที่ขนาดจำกัดจึงเหมาะกับการพักอาศัย 1-2 คน โดยผังห้องทั้ง 4 แบบ มีการจัดวางฟังก์ชั่นหลักๆเหมือนกันทั้งหมด เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับห้องนอน โดยโครงการไม่ได้กั้นฉากกั้นกระจกมาให้ หากใครต้องการแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนมากขึ้นก็สามารถหาฉากกระจกบานเลื่อนมาติดตั้งเองได้นะคะ โดยที่อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นครัวปิดที่ติดตั้งฉากกั้นมาให้เรียบร้อย ช่วยให้เวลาประกอบอาหารกลิ่นจะไม่เข้าไปรบกวนส่วนพักผ่อน โดยห้องครัวนี้จะเชื่อมต่อกับห้องน้ำและระเบียง
ข้อดีของการวางผังแบบนี้การแยกส่วนพักผ่อนและส่วน Service เป็นพื้นที่เปิด-ปิด แบ่งแยกกันชัดเจน เหมาะกับคนที่มีงบจำกัด ต้องการพื้นที่เล็กถึงปานกลางที่ใช้งานได้จริง แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ห้องน้ำที่อยู่ด้านในสุดติดทางเดิน ไม่สามารถรับแสงธรรมชาติและถ่ายเทอากาศผ่านทางหน้าต่างได้ ต้องใช้พัดลมดูดอากาศช่วยอย่างเดียว โดยผังทั้ง 4 แบบนี้มีความต่างกันตรงพื้นที่เพิ่ม-ลดตามตำแหน่งของห้องนั่นเอง
- ผัง A1-1 (ซ้ายบน) ห้องขนาด 24 ตารางเมตร เป็นผังมาตรฐานที่ตำแหน่งห้องจะอยู่แปลงกลาง ทางทิศใต้ ที่จะได้วิว มศว
- ผัง A1-2 (ซ้ายล่าง) ห้องขนาด 26 ตารางเมตร ห้องนี้จะมีพื้นที่เพิ่มตรงโถงทางเดินเข้าห้อง ซึ่งตรงนี้เราสามารถ Built-in ตู้รองเท้า หรือชั้นวางของอเนกประสงค์ รวมทั้งติดตั้งกระจกเต็มตัวที่ผนัง เพื่อใช้โถงเล็กๆนี้เป็นที่เตรียมตัวก่อนเข้า-ออกจากห้องได้ โดนตำแหน่งของห้อง Type นี้จะอยู่ฝั่งตะวันออกแต่หันหน้าไปทางทิศเหนือ ได้วิวรัชดา-พระราม 9
- ผัง A1-3 (ขวาบน) ห้องขนาด 26 ตารางเมตร เนื่องจากห้องนี้อยู่บริเวณหัวมุมช่วงโค้งของตึก ทำให้ระเบียงของห้องเป็นรูปสามเหลี่ยม
- ผัง A1-4 (ขวาล่าง) ห้องขนาด 28 ตารางเมตร ตำแหน่งของห้องนี้อยู่ตรงหัวมุมช่วงโค้งของตึกเช่นกัน แต่มีข้อได้เปรียบห้องอื่นๆตรงที่ตัวระเบียงมีการยื่นออกไป ทำให้มาเพิ่มขนาดของห้องครัวให้ใหญ่กว่าห้องอื่นๆไปด้วย เหมาะกับคนที่ชอบทำครัวบ่อยๆหรือมีความต้องการใช้พื้นที่ครัวและระเบียงเป็นพิเศษ
ถัดมาเป็นห้อง 1 Bedroom Type B1 ห้องนี้มีขนาด 33 – 34.5 ตารางเมตร เป็นห้องที่อยู่สบายขึ้นมาอีกหน่อย เมื่อเดินเข้าไปในห้องจะเจอกับพื้นที่ครัวที่เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นที่เหมือนจะเป็นครัวเปิด…แต่เค้ามีประตูกั้นมาให้เป็นแบบบานเลื่อน 4 ตอนช่วยให้ทำครัวได้สะดวกขึ้นมากกลิ่นไม่ไหลไปห้องอื่นๆ ส่วนห้องนั่งเล่นมีระยะดูทีวีกำลังดี ตัวระเบียงจะอยู่กับที่วาง CDU ของแอร์ค่ะ ทางขวามือเป็นห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัว ข้อดีของการวางผังแบบนี้คือการผลักส่วน Service อย่างห้องน้ำและห้องครัวมาไว้รวมกันด้านในอาคารที่ติดกับทางเดินทั้งหมด และให้ส่วนพักผ่อนอย่างห้องนอน ห้องอเนกประสงค์ ผลักให้ไปอยู่ด้านหน้าที่มีหน้าต่างไว้รับวิวได้ และช่วยให้ห้องมีแสงธรรมชาติเข้าดี ซึ่งตำแหน่งของห้องนี้จะอยู่ที่แปลงกลาง ทางทิศใต้ ซึ่งไม่มีตึกสูงในระยะประชิด สามารถมองเห็นวิว มศว และ City View ฝั่งอโศก สุขุมวิท เป็นห้องที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบมองวิวจากในห้องแต่ห้องนั่งเล่นจะได้วิวแบบเฉียงๆนะ
ห้อง 1 Bedroom Type B2 ห้องนี้มีขนาด 34.5 ตารางเมตร เป็นห้องหน้ากว้างที่วางฟังก์ชั่นได้แปลกแต่ก็ดูเป็นสัดส่วนดี เพราะให้โซน Service อย่างห้องน้ำและครัวอยู่ตรงกลางห้อง เพื่อให้ส่วนพักผ่อนอย่างห้องนั่งเล่นและระเบียงมาใช้พื้นที่ตรงกลางร่วมกันได้โดยสัดส่วนพื้นที่ในแต่ละฟังก์ชันยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเข้าห้องมาจะเจอกับห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับระเบียง เวลาจะไปห้องนอนต้องเดินผ่านครัวก่อน ซึ่งห้องครัวนี้จะเชื่อมต่อกับห้องน้ำที่มี 2 ประตู สามารถเข้าได้ทั้งจากห้องครัวและห้องนอน โดยข้อเสียของห้องแบบนี้คือ การที่ห้องครัวมาอยู่ด้านในสุดติดกับทางเดินทำให้การระบายอากาศต้องพึ่งพัดลมดูดอากาศอย่างเดียว กลิ่นจากการประกอบอาหารจึงระบายออกช้า แต่ห้องนี้ก็มีข้อดีตรงที่สามารถเข้าห้องน้ำได้ 2 ทาง เวลาแขกไปใครมาก็ให้เข้าจากทางห้องครัวได้เลย ค่อนข้างสะดวกและมีความ Privacy นอกจากนี้ยังมีข้อดีของหน้ากว้างคือห้องหลายห้องติดได้ทั้งวิวและแสงธรรมชาติ โดยตำแหน่งของห้องนี้จะอยู่ทางทิศตะวันตก มองออกไปเห็นวิวสวนโครงการ Supalai Premier(ในชั้นไม่สูงนัก) และสวนของ Singha Complex
ห้อง Duplex แบบ 1 Bedroom Type B3 ห้องนี้มีขนาด 45 ตารางเมตร เป็นห้อง Duplex ขนาดไม่ใหญ่มาก มีการจัดพื้นที่ใช้งานภายในห้องหลักๆ เป็น 5 ส่วน ได้แก่ ห้องนั้งเล่น ห้องครัว ห้องนอน ห้องน้ำและระเบียงซักล้าง เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องจะพบกับส่วนพื้นที่ห้องครัวเป็นส่วนแรก ได้ครัวปิดมีประตูบานเลื่อนกั้นแบ่งพื้นที่ไว้ช่วยให้ป้องกันกลิ่นและควันเข้าไปในห้องอื่นๆขณะประกอบอาหาร ข้างๆห้องครัวเป็นห้องน้ำที่แยกโซนเปียกและโซนแห้งให้ แต่มีข้อเสียที่ห้องน้ำอยู่ด้านในของอาคารติดทางเดินแบบนี้ จะไม่มีช่องระบายอากาศ ทำให้ต้องพึ่งพาระบบดูดอากาศอย่างเดียว ถัดเข้ามาเป็นพื้นที่สำหรับรับประทานอาหารและห้องนั่งเล่นแบบ Double Volume ตามสไตล์ห้อง Duplex มีผ้าเพดานเป็นโถงสูง พื้นที่ห้องนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่งได้ ถัดจากห้องนั่งเล่นไปเป็นระเบียงที่มีการกั้นพื้นที่วาง CDU เป็นสัดส่วนดี
ทางซ้ายมือด้านในสุดของพื้นที่ชั้นล่างจะมีบันไดเพื่อขึ้นไปจะห้องนอนชั้นบน ซึ่งพื้นที่ที่จัดให้มาถือว่าใช้งานแบบพอดี สามารถตั้งเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ได้ มีพื้นที่ด้านข้างเหลือให้ตั้งตู้เสื้อผ้า ตำแหน่งของห้องนี้อยู่ทางทิศตะวันออก ฝั่งประชิดกับ My Resort Bangkok อาจเป็นห้องที่ไม่ได้วิวโล่งสายตานัก แต่ถ้าใครชอบห้องแบบนี้ก็สามารถเลือกตำแหน่งและชั้นที่ถูกใจได้ โดยแนะนำให้เลือกชั้น 29 ขึ้นไป ในมุมที่ไม่ชนกับตึก My Resort Bangkok จะได้ห้องที่ไม่มีตึกบังวิวค่ะ
ถัดมาเป็นห้อง 2 Bedroom Type C1 ขนาด 54-55 ตารางเมตร เหมาะกับการอยู่อาศัย 2-4 คน จุดเด่นของห้องนี้อยู่ที่ระเบียงกระจกทรงโค้ง ซึ่งเป็นครั้งแรกของแบรนด์ Ideo ที่นำกระจกโค้งมาใช้ในโครงการ ส่วนวัสดุที่โครงการให้มาจะมีรายละเอียดอย่างไรต้องรอติดตามชมกันนะคะ
สำหรับห้องนี้เมื่อเปิดประตูมาจะเจอกับครัวปิดที่มีการฉากกั้นกันกลิ่นไปรบกวนห้องอื่นๆขณะประกอบอาหาร ถัดไปเป็นห้องโถงที่สามารถจัดเป็นห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหารได้ โดยโถงนี้จะมีพื้นที่เชื่อมต่อห้องนอนเล็ก ห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำในตัว และระเบียงโค้งที่มีหน้าต่างกระจกเต็มบานโค้งไปตามรูปทรงระเบียง โดยตำแหน่งของห้องนี้จะเห็นวิวฝั่งรัชดา-พระราม 9 และวิวมักกะสัน
มาถึงห้องสุดท้ายแล้วกับห้องแบบ 2 Bedroom Type C2 ขนาด 61 ตารางเมตร ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่ที่สุดในโครงการ โดยจุดเด่นของห้องนี้ก็คือกระจกโค้งอีกเช่นกันแต่ห้องนี้ตัวกระจกโค้งจะอยู่ที่ห้องนอนใหญ่ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องให้น่าสนใจทีเดียว
สำหรับห้องนี้เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอครัวปิดที่เชื่อมต่อกับโถงที่สามารถจัดพื้นพื้นที่เป็นห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหารได้ โดยโถงนี้จะเชื่อมต่อกับระเบียงที่ขนาดใหญ่มีการแยกที่วาง CDU แบบเป่าลมร้อนออกนอกอาคารเป็นสัดส่วนดี ถัดไปเป็นห้องนอนเล็กที่มีห้องน้ำให้ในตัว โดยห้องน้ำของห้องนอนเล็กจะมี 2 ประตูสามารถเข้าได้จากห้องนอนและห้องครัว แสดงว่าแขกไปใครมาก็สามารถเข้าห้องน้ำจากครัวได้เลยไม่ต้องไปผ่านห้องนอน ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีความพิเศษคือผนังเป็นกระจกโค้งเข้ามุม และห้องน้ำในตัวมีอ่างอาบน้ำให้ สำหรับห้อง Type นี้จะมีที่ชั้น 8-31 ในตำแหน่งห้องมุมทางทิศเหนือที่ได้วิวรัชดา- พระราม 9 ค่ะ
สรุป Ideo Mobi Asoke เป็นโครงการที่มีจุดขายหลักที่ทำเลอยู่ในย่าน New CBD ที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง เป็นทำเลที่จะมี Big Project เกิดขึ้นทั้ง Singha Complex, ตึก Super Tower ในกลุ่ม G Land และโครงการพัฒนาพื้นที่มักกะสัน ที่จะเป็นตัวเพิ่มมูลค่าให้พื้นที่แถวนี้
ตัวโครงการอยู่ในทำเลที่เป็น Hub Trasit สามารถเดินทางได้สะดวกติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า MRT เพชรบุรีในระยะเดินประมาณ 300 เมตร โดย MRT เพชรบุรี เป็นสถานี Interchange กับ Airport Link หรือจะนั่งอีกสถานีไปลง MRT สุขุมวิทเพื่อต่อไป BTS อโศกก็ได้ ส่วนการเดินทางด้วยรถก็สะดวกเนื่องจากติดถนนใหญ่ ใกล้แยกอโศก-เพชรบุรี ที่สามารถไปยังรัชดา-พระราม9, ประตูน้ำ, อโศก-สุขุมวิท หรือจะกลับรถไปบางกะปิ พัฒนาการ รามคำแหงก็ได้
นอกจากนี้ยังมีทางด่วนศรีรัชและทางด่วนเฉลิมมหานครให้เลือกใช้ในระยะไม่ไกล หรือใครอยากไปนั่งเรือก็มีท่าเรือ มศว ประสานมิตรอยู่ด้านหลังโครงการ ในระยะ 190 เมตร ซึ่งจุดด้อยของโครงการก็มีเหมือนกันนะตรงที่ถนนหน้าโครงการอยู่ใกล้กับสะพานข้ามแยกอโศก- เพชรบุรีแค่ 100 เมตร ดังนั้นการจะเบี่ยงรถเพื่อไปขึ้นสะพานจะมีระยะกระชั้นมาก อีกอย่างการที่โครงการอยู่ใกล้แยกใหญ่อย่างอโศก-เพชรบุรี ทำให้ปริมาณรถที่ผ่านหน้าโครงการค่อนข้างมาก หน้าโครงการจึงมีการจราจรหนาแน่นตลอดทั้งวัน
ส่วนเรื่องของวิวนั้นทางอนันดาเองก็รู้ดีว่าถูกขนาบด้วยอาคารสูงทั้งสองด้าน และอีกหน่อยจะมีตึก Singha Complex เค้าเลยแก้ปัญหาเรื่องวิวมาให้เรียบร้อยตั้งแต่การออกแบบอาคารเลย ซึ่งการทำแบบนี้แม้จะเป็นการเพิ่ม Cost และขั้นตอนการทำงาน แต่ก็ช่วยให้ลูกบ้านได้มุมมองที่ดีขึ้นเยอะ
โดยโครงการ Ideo Mobi อโศก เปิดตัวมาในราคา 170,000 บาท ซึ่งราคาสูงกว่าเพื่อนๆที่อยู่ติดกันทั้งศุภาลัยและ My Resort ถ้าถามว่าทำเลมีความแตกต่างกันแค่ไหนต้องบอกว่าแทบไม่มีความแตกต่างค่ะ เพราะตัวทำเลติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า MRT เพชรบุรีพอๆกัน จะต่างกันก็แค่ระยะเดินไป MRT เท่านั้น ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์หรือรถโดยสารก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ Product ที่นำมาทำและการเลือกช่วงเวลาในการทำโครงการ อย่างที่รู้กันอยู่ว่าตึกที่สร้างมาหลายปีจะมีต้นทุนที่ถูกกว่าตึกใหม่พอสมควร ดูได้จากราคาที่ดินที่พุ่งขึ้นมาในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ส่วนตัว Product ก็เป็นมวยคนละรุ่นอยู่แล้วเพราะจับกลุ่มลูกค้าคนละตลาดกัน
แนวคิดในการออกแบบอาคารค่อนข้างแปลกและน่าสนใจทีเดียว เริ่มตั้งแต่ตัวโครงการที่อนันดาชูความเป็น The New Era หรือโลกใหม่ มีการนำเทคโนโลยีหลายอย่างมาใช้ กลายเป็น “ลูกเล่น” ที่ทำให้โครงการดูทันสมัย ตั้งแต่การจอง Online Booking นำระบบ Smart System ต่างๆมาใช้ภายในห้อง และจุดสำคัญคือการออกแบบที่แก้ปัญหาเรื่องการโดนบล็อควิวจากทั้งสองทางด้วยการบิดมุมมองอาคาร และการ Set ระยะให้มีความห่างจากอาคารข้างเคียงมากขึ้นเพื่อลดระยะประชิด ทำให้หน้าตาอาคารออกมามีเหลี่ยมมุมและแปลกตา ซึ่งดีไซน์แบบนี้ค่อนข้างแหวกแนว ถ้าใครชอบดีไซน์หวือหวาหน่อยก็อาจจะตรงสเปค แต่ใครชอบงานเรียบๆนิ่งๆก็อาจจะมองข้ามไปได้เหมือนกัน แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลค่ะ
การออกแบบห้องพักจะเน้นห้องแบบ 1 Bedroom ที่มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 24-34.5 ตารางเมตร โดยผังห้องจะออกแบบมาตามตำแหน่งของห้องนั้นๆเช่นห้องที่อยู่แปลงกลางในตำแหน่งที่ไม่โดนบล็อควิว จะมีการออกแบบให้ส่วนพักผ่อนอย่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนมีช่องเปิดกว้างๆที่สามารถเห็นวิวได้ ส่วนห้องที่อยู่ในมุมอับก็จะเน้นพื้นที่ใช้สอยที่เป็นสัดส่วนไม่เน้นวิว แต่ห้องทุกห้องของโครงการมีข้อดีคือได้ครัวปิดมาทุกแบบ เวลาทำอาหารไม่ต้องกลัวกลิ่นไปรบกวนส่วนอื่นๆในห้อง นอกจากนี้ยังมีห้อง Duplex แบบ 1 Bedroom ขนาด 45 ตารางเมตร เหมาะกับคนที่ชอบห้องโปร่งๆที่มีฝ้าเพดานสูง แต่อยู่อาศัยกันแค่ 1-2 คน
ห้องที่เป็น High light คือห้อง 2 Bedroom ขนาด 54-61 ตารางเมตร ที่จะเป็น Corner Unit หรือห้องแปลงมุมทั้งหมด จุดเด่นอยู่ที่ห้องหน้ากว้าง 10 เมตรและได้ห้องกระจกโค้ง โดยมีให้เลือก 2 Type คือ Type แรกจะมีกระจกโค้งอยู่ที่ระเบียงห้องนั่งเล่น ซึ่งสมาชิกทุกคนในห้องสามารถไปใช้พื้นที่ด้วยกันได้ ห้องน้ำก็พัฒนาให้ดีขึ้น สามารถเข้าได้จากพื้นที่ส่วนรวมและห้องนอน ส่วน Type ที่ใหญ่ที่สุด ขนาด 61 ตารางเมตร จะมีกระจกโค้งอยู่ในห้องนอนใหญ่ และภายในห้องมีฟังก์ชั่นครบ ห้องนอนทุกห้องมีห้องน้ำในตัวและห้องน้ำในห้องนอนใหญ่จะได้อ่างอาบน้ำเพิ่ม ห้องนี้ถือว่าออกแบบมาได้เป็นสัดส่วนและลงตัวดี
สาธารณูปโภคให้มาครบและเอาไว้ที่ชั้นบนสุด ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการได้เป็นอย่างดี เพราะเพื่อนบ้านเอาไว้ที่ชั้นเตี้ยๆกันหมด วิวที่ได้จากส่วนกลางจะสวยกว่าเพื่อนแน่นอนค่ะ แถมเป็นวิวเปิดโล่งด้วย โดยส่วนกลางจะประกอบด้วยสระว่ายน้ำขนาดใหญ่, Co-working space, ห้องสมุด, Sky Lounge มีห้องออกกำลังกายอยู่ที่ชั้นลอยสามารถมองลงมาเห็นวิวสระว่ายน้ำได้ มีสวนค่อนข้างเยอะทั้งสวนหย่อมชั้น 1 สวนชั้น 7 สวน Contour จากชั้น 1-7 และสวนดาดฟ้า โดยมีลิฟท์โดยสาร 3 ตัว อัตราส่วนลิฟต์ 169 : 1 ซึ่งราคานี้น่าจะได้อัตราส่วนร้อยต้นๆนะ
จองออนไลน์ผ่าน Ananda Booking Online คลิกที่นี่
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )