รีวิวโครงการ

คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.329 – รีวิวคอนโด H2 Chrome

13 สิงหาคม 2017

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 549 … สวัสดีครับเพื่อนๆ TOL วันนี้เราจะแวะไปดูโครงการ H2 รามอินทรา 21 เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 4 อาคารโดยใช้ Concept ในการออกแบบเป็น Modern Loft ตัวโครงการจะมีชิ้นที่ดินอยู่ 2 ที่และวางตัวอาคารไว้ 2 อาคารต่อ 1 แปลงที่ดิน ทุกอาคารจะมีสระว่ายน้ำและ Fitness มาให้ด้วย ตัวโครงการจะเป็นอย่างไรเราไปดูกันเลยครับ ヾ(^-^)ノ⌣♪

Fact @ 14 March 2014

  • H2 Ramindra 21 (เอช ทู รามอินทรา 21)
  • บริษัท เอสเตท คิว จำกัด
  • ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางเขน
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร Steel 78 ยูนิต, Stone 73 ยูนิต, Wood 79 ยูนิตและ Metal 78 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด Steel, Stone, Metal 12 ยูนิต Wood 14 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 25 คันคิดเป็น 32% รวมจอดซ้อนคัน 38 คันคิดเป็น 50% (เป็นจำนวนต่ออาคารนะครับ)
  • ที่ดินประมาณ 200 ตร.วา/อาคาร
  • เริ่มก่อสร้าง : เมษายน 2557
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : สิงหาคม 2558
  • One-Bedroom ขนาดพื้นที่ประมาณ 21.87 – 23.74 ตร.ม.
  • One-Bedroom Exclusive ขนาดพื้นที่ประมาณ 27.19 – 29.43 ตร.ม.
  • One-Bedroom(Plus) ขนาดพื้นที่ประมาณ 31.06 – 39.59 ตร.ม.
  • Two-Bedroom ขนาดพื้นที่ประมาณ 41.56 – 54.88 ตร.ม.
  • Two-Bedroom Exclusive ขนาดพื้นที่ประมาณ 48.47 – 59.95 ตร.ม.
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.18 ล้านบาทหรือประมาณ 54,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรประมาณ 60,000 บาท
  • www.h2-condo.com
  • Tel : 085-106-2121

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Stone & Steel : 13.864388,100.616945

พิกัด Wood&Metal : 13.865179,100.616615

H2รามอินทรา21_officialmap

แผนที่จากทางโครงการครับ

ตัวโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่เรียกว่าเป็นย่านชานเมืองแล้วครับ อยู่ในโซนรามอินทราซึ่งเป็นพื้นที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว ต้องบอกก่อนนะครับว่าโครงการ H2 เป็นคอนโดที่แบ่งเป็น 4 อาคารและตั้งอยู่ในที่ดิน 2 แปลงซึ่งอยู่ห่างกันไม่มากแค่ ซอยถัดไปเท่านั้นเอง การสัญจรของโครงการนี้จะใช้เส้นรามอินทราเป็นหลักตัวโครงการอยู่ช่วงต้นๆของรามอินทรา เลยวงเวียนหลักสี่มาไม่ไกล ดังนั้นจะสะดวกในการเดินทางไปเส้นพหลโยธินหรือไปทางดอนเมือง เยื้องๆกับซอยราอินทรา 21 จะเป็นถนนลาดปลาเค้าที่ไปทะลุออก ประเสริฐมนูกิจ (เลียบทางด่วน-รามอินทรา)  และถ้าตรงไปอีกหน่อยจะเป็นถนนลาดพร้าววังหินทะลุออกเส้นลาดพร้าวได้ และในเส้นลาดพร้าววังหินยังเป็นรวมร้านอาหารมากมายหลายประเภทอีกด้วย

ส่วนถนนตัดใหม่ที่อยู่ด้านหลังซอยรามอินทรา21 นี้จะเป็นถนนที่ทะลุไปออกได้ทั้งเส้นพหลโยธิน, วัชรพล และ สุขาภิบาล 5 ตัวถนนมีขนาด 6-8 เลนทำให้การเดินทางในอนาคตจะสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าตอนนี้ถนนเส้นนี้จะยังไม่มีการเปิดใช้อย่างเป็นทางการและมีบางช่วงที่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่ชาวบ้านในละแวกนี้ก็ใช้งานกันเรียบร้อยไปแล้วครับ

มาดูความอุดมสมบูรณ์ในละแวกนี้กันบ้าง บนถนนรามอินทราช่วงต้นๆจะมีเซ็นทรัลรามอินทราตั้งอยู่ ถึงแม้จะเป็นห้างที่ไม่ใหญ่มากแต่ก็มีร้านค้าให้พอเดินได้และคนก็ไม่เยอะเกินไปเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบเดินห้างแบบเบียดเสียดกับคนเยอะๆครับ ถ้านับระยะห่างจากหน้าเซ็นทรัลมายังโครงการจะอยู่ที่ 1.9 กม. แต่ถ้าจากโครงการจะไปเซ็นทรัลระยะจะเพิ่มเติมอีกหน่อยเพราะต้องไปกลับรถ 2 ครั้ง ส่วนฝั่งตรงข้ามจะมี BigC ให้เดินจับจ่ายใช้สอยและที่กลับรถก็อยู่ไม่ไกลด้วยครับ ระยะทางจากหน้าโครงการไปถึง Big C จะอยู่ที่ 1.1 กม. เลย Big C ไปไม่ไกลจะเจอซอยลาดปลาเค้าและมีตลาดอยู่ช่วงต้นซอยเลยครับ

มาดูระยะใกล้ขึ้นอีกนิดนึงนะครับ ที่ดินแปลงแรกของโครงการนี้จะอยู่ในซอยรามอินทรา 21 ใช้ชื่อว่า Stone&Steel(พื้นที่สีเหลือง) และที่ดินแปลงที่ 2 จะอยู่ใกล้ซอยรามอินทรา 19 มากกว่าใช้ชื่อว่า Wood&Metal (พื้นที่สีฟ้า)  ระยะการเดินจากโครงการมายังป้ายรถเมล์จะอยู่ที่ 140 และ 350 เมตร ตรงบริเวณป้ายรถเมล์จะมสะพานลอยด้วยทำให้การเดินไปยังตลาดลาดปลาเค้าสะดวกขึ้นระยะการเดินประมาณ 450 เมตร

Pink_Line_resize

ส่วนเรื่องรถไฟฟ้าสายสีชมพูนั้น ตัวสถานีที่มาตั้งคือสถานีที่ 18 หรือ สถานีลาดปลาเค้า ตำแหน่งที่ตั้งก็เรียกว่าตั้งอยู่บริเวณหน้าปากซอยรามอินทรา 21 กับ 19 พอดีๆ แต่…..กว่าจะได้ใช้งานจริงคงอีกนานครับ ตามกำหนดการจะสร้างเสร็จปี 2562 แต่ถ้ามีความไม่แน่นอนทางการเมืองหรือเหตุปัจจัยอื่นๆมากระทบตัวโครงการก็อาจต้องเลื่อนไปอีก ยังไงก็ต้องอดทนรอกันต่อไปนะครับ

เส้นทางในวันนี้จะเริ่มต้นบนเส้นวิภาวดีรังสิตช่วงที่ตัดกับถนน แจ้งวัฒนะและวิ่งเข้าเส้นรามอินทราแบบตรงๆเลย (ถ้าใครชำนาญเส้นทางอยู่แล้วข้ามไปอ่านเจาะลึกตัวโครงการได้เลยนะครับ^__^)

ถ้าใครใช้เส้นวิภาวดีสามารถวิ่งบนถนนหลักยาวๆได้เลยครับ จนกว่าจะเจอป้ายบอกสะพานกลับรถไปรามอินทรา

ชิดซ้ายออกจากถนนหลักแล้วให้ขึ้นสะพานกลับรถเลยครับ สะพานกลับรถอันนี้จะมี 2 เลนเพื่อเร่งให้ระบายรถได้เร็วขึ้น

กลับรถมาแล้วก็วิ่งทางคู่ขนานไว้จนเจอป้ายให้เลี้ยวซ้ายไปรามอินทรา

เมื่อเลี้ยวซ้ายมาแล้วจะมี MaxValu อยู่ด้านซ้ายมือและมีร้านอาหาร Inter Brand อยู่ด้วยนิดหน่อย

ช่วงวงเวียนหลักสี่จะมีสะพานข้ามวงเวียนอยู่ให้ชิดขวาขึ้นสะพานไปได้เลย ถ้าใครเคยใช้เส้นนี้ตอนยังไม่มีสะพานคงทราบดีว่ารถติดขนาดไหนแต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นเยอะแล้วครับ

ตัวสะพานจะยาวหน่อยนะครับ ด้านซ้ายมือในรูปจะเป็นคอนโด Regent Home 15 และ Regent Home 10 ที่อยู่ใกล้ๆกันเลย

ลงสะพานมาไม่ไกลจะเจอเซ็นทรัล รามอินทราอยู่ซ้ายมือ ซึ่งเป็นห้างที่ใกล้โครงการที่สุดแล้วครับ

ด้านขวามือเป็นสนามมวยเวทีลุมพินี(แห่งใหม่) ที่อยู่ติดกับสนามกอลฟ์ทหารบกครับ

ก่อนถึงทางแยกไปถนนลาดปลาเค้าจะมีปั๊มแก๊ส NGV อยู่ถ้ารถใครใช้แก๊สก็สบายหน่อยไม่ต้องไปวิ่งหาปั๊มที่ไหนไกลๆ

ช่วงทางแยกถนนลาดปลาเค้าตอนนี้เค้าปิดแยกไฟแดงไฟเขียวไปแล้วนะครับ เพราะว่าแยกนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ดังนั้นถ้าใครจะมาโครงการให้วิ่งชิดซ้ายไว้นะครับ

เลยแยกลาดปลาเค้ามาได้ประมาณ  70 เมตรจะเจอซอยรามอินทรา 19 ที่เข้าไปโครงการ H2 Wood & Steel ได้

ช่วงปากซอย รามอินทรา 21 จะมีโชว์รูม BMW และป้ายรถเมล์อยู่

ช่วงปากซอยจะมีพี่วินคอยให้บริการอยู่ครับการเลี้ยวเข้าออกซอยนี้ทำได้ไม่ยากครับ เพราะหัวมุมถนนของซอยนี้มีการปาดโค้งมากกว่าซอยอื่นๆทำให้เวลาเลี้ยวสบายยขึ้นเยอะ ส่วน Big C ก็อยู่ไม่ครับสามารถมองเห็นป้ายได้จากหน้าปากซอยเลย แต่ตอนขากลับจาก Big C ถ้ากลับรถที่แยกลาดปลาเค้าจะเข้าซอย 21 ตรงๆไม่ได้นะครับเพราะมีแผงกั้นสีส้มๆกั้นยาวมาจนถึงปากซอยเลย ให้ไปเข้าซอย 23 แล้วหาซอยย่อยด้านในมาทะลุออกโครงการอีกที

สภาพภายในซอยช่วงต้นๆค่อนข้างร่มรื่นดีมีต้นไม้ใหญ่ช่วยบังแดดไว้เยอะ แต่ต้นไม้อยู่ในที่ดินเปล่านะครับ ซึ่งต้นไม้อาจหายได้ถ้าเจ้าของที่ดินจะสร้างอะไรขึ้นมา

ขนาดของถนนในซอยนี้ถือว่ากว้างดีครับ ถึงแม้จะเป็นถนนแค่ 2 เลนแต่ก็กว้างประมาณ 8 เมตร วิ่งสวนกันได้สบายๆเลย

รั้วสีเหลืองๆด้านซ้ายมือคือที่เห็นก็คือที่ดินของโครงการแล้วครับ เป็นที่ดินอาคาร Stone&Steel

สำนักงานขายจะอยู่เลยจากที่ดินและหอพักมาครับ

H2รามอินทรา21_MapRoute2_2

ก่อนเข้าไปดูข้อมูลของสำนักงานขาย ผมจะพาวิ่งไปทะลุด้านหลังของซอยก่อนนะครับ เพราะถ้าถนนตัดใหม่เปิดใช้อย่างเป็นทางการแล้วซอยนี้ก็คงคึกคักมากกว่านี้แน่นอน

สภาพแวดล้อมภายในซอยนี้จะเป็นบ้านพักอาศัย, ทาวน์เฮาส์ และหอพักกระจายๆตัวกันอยู่ครับ ทำให้มีร้านอาหารเล็กๆน้อยๆอยู่ระหว่างทางตลอด และจะมีร้านแบบดูดีและน่ารักๆอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากครับ

ด้านในซอยมีทั้ง 7Eleven และ Tesco Lotus Express ตั้งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 550 เมตร(วัดจาก Stone&Steel)

ช่วงกลางๆซอยจะเป็นแฟลตของข้าราชการครับ ตรงบริเวณนี้จะคึกคักหน่อยเพราะมีตลาดขายของกินตั้งอยู่ตลอดแนว ช่วงที่ไปเป็นช่วงสายๆแล้วครับ เก็บข้าวของไปหลายร้านแล้วจะเปิดเยอะอีกทีตอนเย็นๆ

วิ่งมาสุดทางจะเป็นถนน พหลโยธิน 48 ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปออกถนนสุขาภิบาล 5 และซอยรามอินทรา 23, 31, 39 ส่วนถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปถนน พหลโยธิน 48(สายหยุด), พหลโยธิน 50 และรามอินทรา 5

เมื่อเลี้ยวซ้ายมาแล้วจะเจออเวนิวเล็กๆมีร้านอาหารตั้งอยู่ไม่กี่ร้าน แต่ก็น่านั่งดีครับ

ถัดมาเป็นปั๊มน้ำมัน ESSO ถึงขั้นมีปั๊มน้ำมันในนี้คงพอเดาออกนะครับว่ามีคนใช้ถนนเส้นนี้เยอะแค่ไหน

วิ่งมาจนถึงแยกที่ตัดกับซอยรามอินทรา 5 จะมี 7Eleven และ Tesco Lotus Express (อีกแล้ววว จะเยอะไปไหนเนี่ยยย \-__-/) ตรงนี้ถ้าจะออกปถนนตัดใหม่ให้เลี้ยวขวานะครับ

เลี้ยวขวามาได้นิดเดียวก็จะเจอกับสวนกีฬารามอินทรา ถ้าใครอยากออกกำลังกายก็ปั่นจักรยานมาได้นะครับระยะทางประมาณ 2 กม. และบริเวณนี้ก็มีร้านค้าตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วย

ก่อนถึงถนนตัดใหม่จะผ่าน Supali Park Ville และสภาพถนนจะไม่ค่อยดีเท่าไร่นะครับ

ตัวถนนหลักจะสร้างเสร็จไปเยอะแล้วแต่ตรงช่วงแยกต่างๆจะยังไม่เสร็จดีครับ และจะเห็นว่าถนนเส้นนี้มีคนมาใช้กันเยอะถึงแม้จะยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการก็ตาม เดี๋ยวเรากลับไปดูโครงการกันต่อนะครับ (พามาดูซะไกลเลย ;p)

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Central รามอินทรา 1.9 กม.
  • Big C 1.1 กม.
  • ตลาดสดลาดปลาเค้า 1.6 กม.
  • สนามมวยลุมพินีใหม่, สนามกอลฟ์ทหารบก 2.3 กม.
  • สวนกีฬารามอินทรา 2 กม.

 

เจาะลึกตัวโครงการ

ตัวสำนักงานขายของที่นี่มีการออกแบบให้สะท้อนถึง Concept ของโครงการได้ค่อนข้างดีครับ การออกแบบจะเป็นแนว Modern Loft ที่มีความเรียบและภาพลักษณ์ที่ดูดิบหน่อยๆมาด้วยกัน

ช่วงทางเข้าจะมีบ่อน้ำและต้นไม้ ที่แสดงถึงชื่อต่างๆของโครงการ H2 ด้วย

ตรงมือจับประตูทางเข้าสำนักงาน ยังมีการออกแบบเฉพาะที่สื่อถือตัวโครงการได้ดี มีการนำวัสดุมาใช้ทั้ง 4 ประเภทคือ Wood, Metal, Steel และ Stone ตรงนี้ต้องขอชมครับว่าใส่ใจในรายละเอียดดีถึงแม้จะเป็นโครงการไม่ใหญ่ แต่ก็ดูมีความตั้งใจทำมาเป็นอย่างดี

การตกแต่งภายในก็ดูเป็น loft พอสมควรนะโชว์งานระบบฝ้าเพดานกันจะๆ ที่ผนัง Reception ก็มีการตกแต่งไว้ด้วย จะเห็นว่ามีคนมาเยี่ยมชมโครงการกันเยอะเหมือนกันครับ

ทางด้านซ้ายมือจะเป็นทางเดินไปดูห้องตัวอย่างครับ

ส่วนด้านขวาจะมี Model ตั้งไว้ให้ดูว่าโครงการตั้งอยู่ตรงไหนบ้าง

ตัว Model จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนครับว่าอาคารอะไรอยู่ตรงไหนมีชื่ออาคารติดไว้อย่างชัดเจน ตัวอาคารที่เป็นรูปตัว L จะเป็นอาคาร Stone & Steel ส่วนอีก 2 อาคารวางตัวติดกันเป็นสี่เหลี่ยมคือ Wood & Metal โดยการเปิดขายตอนนี้จะขายแค่ Stone กับ Metal ก่อนนะครับ ในเรื่องของการบริหารจัดการจะแยกนิติออกจากกันนะครับ แบบตึกใครตึกมันเพราะฉะนั้นจะมีทั้งหมด 4 นิติ ครับ

แต่ละโครงการจะจะมีรั้วกั้นแยกกันอย่างชัดเจน ที่จอดรถทั้งหมดจะอยู่ใต้อาคารครับ

การออกแบบ Facility ของโครงการนี้จะวางตำแหน่งให้มองเห็นวิวสระว่ายน้ำของกันและกันเป็นการเพิ่มวิวให้กับอาคารแนว Low Rise ได้เป็นอย่างดี แต่บางคนก็อาจจะรู้สึกว่าเสียความเป็นส่วนตัวไปนะครับ

อาคาร Wood & Metal จะอยู่ในซอย รามอินทรา 19 แยก 4 และไม่ได้อยู่หัวมุมถนนแบบ Stone & Steel นะครับ ตัวอาคารจะวางขนานกันด้วย

อาคารชุดนี้ก็มีกำแพงแบ่งแยกเป็นสัดส่วนกันอย่างชัดเจน

มาดูสภาพแวดล้อมในระยะใกล้กันบ้างครับ พื้นที่รอบๆข้างยังคงมีที่ดินเปล่าว่างอยู่พอสมควรซึ่งในอนาคตก็มีโอกาสที่จะมีอะไรมาขึ้นอยู่เหมือนกัน ตึกที่ดูจะต้องลุ้นเยอะหน่อยก็คืออาคาร Wood เพราะ ที่ดินข้างๆยังว่างอยู่และเป็นที่ดินที่ตรงกับแนวยูนิตเยอะซะด้วย ส่วนด้านอื่นๆจะกระทบยูนิตน้อยกว่า ตึก Metal โดยรวมแล้วก็จะมีบ้านพักสลับกับหอพักสูงไม่เกิน 5 ชั้นตั้งอยู่รอบๆที่ดินทั้ง 2 แปลง เพราะฉะนั้นตั้งแต่ชั้น 6 ขึ้นไปจะได้วิวแบบไม่ค่อยติดอะไรในระยะใกล้ แต่วิวโดยรวมก็จะไม่ต่างกันมากครับซึ่งก็เป็นธรรมดาของโครงการแนว Low Rise อยู่แล้วที่ไม่ได้เน้นเรื่องวิว

H2รามอินทรา_EN_Map

ต่อไปผมจะพาไปดูบรรยากาศรอบๆซักหน่อยนะครับจะได้เห็นว่าของจริงเป็นยังไง

เริ่มต้นที่หัวมุมของที่ดินแปลงแรก (Stone&Steel) จะอยู่ตรงหัวมุมพอดีมีด้านนึงจะติดกับอาคารพาณิชย์สูง 4.5 ชั้น

ฝั่งตรงข้ามเป็นหอพักสูง 4 ชั้นแต่ตัวอาคารอยู่ลึกเข้าไปอีกเยอะ วิวด้านนี้เลยสบายๆหน่อย

H2รามอินทรา_EN_07

เข้ามาดูในซอยหน่อยนะครับ หอพักอีกด้านจะสูง 4 ชั้น ถนนกั้นอยู่ไม่ใช่ระยะประชิดเหมือนอีกด้าน การเข้าออกอาคาร Stone & Steel จะอยู่ด้านนี้นะครับ

H2รามอินทรา_EN_08

ตัวอาคาร Steel จะสร้างอยู่แทนที่อู่ซ่อมรถนี้แหละครับ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รื้อตัวอาคารเลยไม่มีรั้วล้อมให้เห็น

เกินมาต่อกันที่ซอย 19 แยก 4 นะครับ ตัวถนนทางเข้าจากซอย 21 จะยังสร้างไม่เรียบร้อยดี แต่ด้านซอย 19 จะเรียบร้อยแล้ว

ช่วงต้นซอยจะเป็นที่ดินเปล่ากับทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น

ที่ดินเปล่าด้านซ้ายมือคือที่ดินที่ติดกับอาคาร Wood แถมมีต้นไม้ใหญ่อยู่ด้วย ถ้ายังไม่มีการสร้างอะไร วิวชั้นล่างๆจะได้ต้นไม้ต้นนี้เป็นวิวครับ (ของจริงต้นใหญ่มากนะครับ…ถ้าโดนตัดทิ้งก็น่าเสียดาย)

ตรงนี้มีการล้อมรั้วไว้อย่างชัดเจน และฝั่งตรงข้ามของ Wood จะเป็นบ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น

ส่วนฝั่งตรงข้ามของ Metal จะเป็นตึกสูง 4 ชั้น

รูปนี้ผมเดินเข้ามาในที่ดินแล้วถ่ายรูปมาให้ดูนะครับว่าจะได้วิวประมาณไหนบ้าง วิวนี้เป็นวิวหันไปทางซอยรามอินทรา 21 นะครับ

วิวนี้จะเป็นวิวที่หันไปทางถนนใหญ่รามอินทรา

ส่วนวิวนี้จะเป็นวิวหันไปทางถนนรามอินทรา 19

แล้วสุดท้ายเป็นวิวของถนนที่หันไปทางถนนหน้าโครงการ

ช่วงต้นซอยจะเป็นบ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้นครับ

เดินมาถึงปากซอยพอดีจะมีร้านอาหารเล็กๆอยู่ครับ

ในซอยรามอินทรา 19 ขนาดถนนจะเล็กกว่า 21 อยู่นิดหน่อยโดยขนาดถนนจะอยู่ที่ประมาณ 6 เมตร

อันนี้ปากซอยรามอินทรา 19 แยก 2 ที่ไปออกอาคาร Stone & Steel

เดินมาถึงด้านหน้าปากซอยจะมีวินมอเตอร์ไซด์อยู่

อัตราค่าโดยสารต่างๆ

ช่วงปากซอยรามอินทรา 19 จะมี 7Eleven ตั้งอยู่ด้วย (เป็นสาขาที่ใกล้ที่สุดจากที่ดินทั้ง 2 แปลงระยะประมาณ 250 เมตร)

ส่วนฝั่งตรงข้ามจะมีร้านขายยาอยู่ครับ

H2รามอินทรา21_PJ_32

มาดูรูปภาพบรรยากาศจำลองกันบ้างนะครับ รูปนี้เป็นของอาคาร Stone & Steel จะเห็นว่ามารเล่นกับวัสดุภายนอกด้วย คงต้องรอดูของจริงแล้วหละครับว่าจะทำออกมาได้ดีแค่ไหน

H2รามอินทรา21_PJ_31

ตัวสระว่ายน้ำจะอยู่ด้านเดียวกันและเล่นระดับให้เห็นวิวจะอีกอาคารได้

มาดูในส่วนของผังอาคารกันบ้าง ผังชั้นแรกยังไม่มีนะครับเพราะฉะนั้นลักษณะการเดินรถภายใน, ที่จอดรถจะเป็นอย่างไรคงต้องขอข้ามไปก่อน แต่เท่าที่ดูก็คงจะจอดได้ไม่เยอะแน่นอนครับตามประสาคอนโด Low Rise ในระดับราคานี้ มาว่ากันที่ผังชั้น 2 ต่อดีกว่าครับอาคารด้านซ้ายคือ Steel และด้านขวาที่เป็นแนวนอนคือ Stone ครับ สระว่ายน้ำจะอยู่ที่มุมของอาคารพอดีและจะตรงกับห้องพักตำแหน่งที่ 1 และ 2 ของ Steel ครับ ตัวลิฟท์ของอาคารมีมาให้แค่ 1 ตัวเท่านั้นไม่มีลิฟท์ Service แต่…จำนวนยูนิตของแต่ละอาคารค่อนข้างน้อยมากอยู่ที่ระดับ 73-79 ยูนิตทำให้อัตรส่วนลิฟท์อยู่ในเกณฑ์ดีเลยครับ ไม่หนาแน่นเหมือนโครงการ Low Rise ที่มีจำนวนยูนิตเยอะประเภทหลักร้อยขึ้นไปต่ออาคาร

ผังชั้น 3 ตัวอาคาร Stone จะไม่มียูนิตที่อยู่เหนือสระว่ายน้ำเลยเพราะเว้นพื้นที่ให้กับสระว่ายน้ำแบบ Double Space และมีห้อง Fitnees อยู่สุดทางเดิน (ถ้าไม่ทำแบบนี้สระว่ายน้ำจะดูแคบมากๆและไม่น่าใช้งานเลยครับ)

ผังชั้น 4 จะเห็นว่าสระว่ายน้ำของอาคาร Steel อยู่ที่ชั้นนี้และฝั่งอาคาร Stone จะเป็นห้องพักแล้วแต่มีแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น

ผังชั้น 5 ห้องพักของ Stone กลับมาเต็มพื้นที่อีกครั้งและฝั่ง Steel จะเว้นว่างไว้และมีห้อง Fitness เห็นวิวสระว่ายน้ำ

ผังชั้น 6 อาคาร Stone รูปแบบห้องยังคงเหมือนเดิม และอาคาร Steel จะมีห้องพักเพิ่มขึ้นมาติดกับด้านสระว่ายน้ำ แต่ก็ไม่ได้วิวสระนะครับเพราะด้านที่ติดกับสระว่ายน้ำจะเป็นกำแพงทึบ

ผังชั้น 7 จะเป็นห้องพักอาศัยเต็มชั้นทั้ง 2 อาคาร แต่ห้องหัวมุมของอาคาร Steel ด้านที่ดินกับซอยรามอินทรา 19 แยก 2 จะเป็นแบบ 2 Bedroom หน้ากว้างครับ

 ผังชั้น 8 จะเหมือนกับผังชั้น 7 จะแตกต่างกันแค่ตรงที่ไม่มีระเบียงยื่นออกมาที่ปลายอาคารด้านหน้า

ต่อมาเป็นมาดูอาคาร Wood & Metal กันบ้างครับ (เปิดขายแต่ Metal นะครับ ตัวอาคารทั้ง 2 จะวางตัวอยู่ขนานกัน  จากภาพบรรยากาศจำลองทำออกมาสวยดีทั้งสัดส่วนอาคารและวัสดุ แต่ของจริงต้องรอดูอีทีนะครับ อย่างฝ้าเพดานบริเวณสระว่ายน้ำที่เป็นเป็นระแนงไม้นั้น ไม่รู้ว่าของจริงจะทำออกมาได้สวยแบบนี้รึเปล่า

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณสระว่ายน้ำและห้อง Fitness ลองสังเกตตัวสระว่ายนะครับจะยกสูงขึ้นจากพื้นประมาณครึ่งชั้นเพื่อรองรับงานระบบดังนั้นความสูงของฝ้าเพดานช่วงสรว่ายน้ำจะอยู่ที่สองชั้นครึ่ง

บรรยากาศจำลองบริเวณสระว่ายน้ำ ตัวสระว่ายน้ำนั้นจะมีขนาดไม่ใหญ่มากและมีขนาดเท่ากันทุกอาคาร โดยมีขนาดอยู่ที่ 3.3 x 10 เมตรลึก 1.2 เมตรไม่มีแบ่งสระเด็กและเป็นระบบเกลือครับ (ขนาดสระว่ายน้ำของอาคาร Stone จะเล็กกว่าอาคารอื่นนิดหน่อยอยู่ที่ 3 x 10 เมตร)

มุมมองจะห้อง Fitness ไปยังสระว่ายน้ำ โดยภายในห้อง Fitness จะวางเครื่องเล่นได้ประมาณ 4-5 เครื่องครับ

ในส่วนของผังอาคาร Wood & Metal จะมีลักษณะการวางยูนิตคล้ายๆกับ Stone & Steel แต่ตัวอาคารจะวางขนานกันไป ทำให้มีด้านนึงของอาคารที่ยูนิตหันหน้าเข้าหากันตรงๆ สระว่ายน้ำของอาคาร Wood จะเริ่มต้นที่ชั้น 2 เลย จำนวนห้องที่น้อยที่สุดจะอยู่ที่ชั้น 2 ของ Wood นี่แหละครับมีแค่ 8 ห้องเท่านั้นเอง เพราะมีห้องนึงถูกเอาพื้นที่ไปทำห้อง Fitness ครับ

และการเว้นพื้นที่ช่วงสระว่ายน้ำก็ยังคงเว้นไว้เหมือนเดิม

ผังชั้น 4 สระว่ายน้ำของ Metal จะเริ่มที่ชั้นนี้และตำแหน่งก็อยู่ติดมุมด้านนึงของอาคารซึ่งเป็นด้านที่เป็นถนนหน้าโครงการ

ผังชั้น 5 ห้อง Fitness ของอาคาร Metal จะอยู่ที่ชั้นนี้ไม่เหมือนกับ Wood ที่อยู่ชั้นเดียวกันกับสระว่ายน้ำ

ผังชั้น 6 จำนวนยูนิตต่อชั้นยอะที่สุดจะอยู่ที่อาคาร Wood ชั้น 5 และ 6 นี่แหละครับจำนวนที่ 14 ห้อง แต่ถ้าเทียบกับโครงการ Low Rise อื่นๆแล้วก็ถือว่ายังไม่เยอะนะครับ

ผังชั้น 7 ทั้ง 2 อาคารจะมีการวางยูนิตแบบ 2 ห้องนอนหน้ากว้างไว้ที่ด้านหน้าของอาคารเหมือนกัน

ผังชั้น 8 ก็เหมือนกับชั้น 7 เลยครับแค่ไม่มีระเบียงตรงยูนิตแบบ 2 ห้องนอนหน้ากว้างเท่านั้นเอง

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระทุกอาคาร ขนาด 3.3 x 10 เมตร(ยกเว้น Stone ที่กว้างแค่ 3 เมตร) ลึก 1.2 เมตรไม่มีแบ่งสระเด็ก ระบบเกลือ
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 4-5 เครื่อง
  • สวนหย่อมรอบโครงการ : ไม่มี
  • ลิฟท์โดยสาร 1 ตัว/อาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 77 : 1
  • Service Lift : ไม่มี
  • ที่จอดรถ 25 คันคิดเป็น 32% รวมจอดซ้อนคัน 38 คันคิดเป็น 50% (เป็นจำนวนต่ออาคารนะครับ)
  • ระบบ CCTV / Access Card
  • สายรถเมล์ที่ผ่านหน้าโครงการ 26, 95, 95ก, 520 และ 554
  • รถตู้ไปมีนบุรี และ บางกะปิ
  • รถ 2 แถว วินแรกไป สะพานใหม่-รามอินทรา-อนันสุขสันต์ และวินที่ 2 ไปตลาดยิ่งเจริญ-รามอินทรา กม.2

 

Product Walkthrough

ผังห้องทั้งหมดมี 12 แบบแบ่งเป็น 1 ห้องนอน 8 แบบและ 2 ห้อง 4 แบบ

แบบ 1 Bedroom ธรรมดาจะมีแบบย่อย 2 แบบ โดยการจัดวางฟังก์ชั่นหลักๆจะคล้ายๆกัน จะต่างแค่พื้นที่บริเวณครัวตามผังของอาคาร ตัวห้องมีลักษณะเป็นแนวลึกแต่การวางฟังก์ชั่นก็ทำได้ลงตัวดี ส่วนครัวจะอยู่ติดระเบียงดังนั้นจะไม่ค่อยเหมาะกับการทำอาหารหนักๆนะครับ

ต่อมาเป็นแบบ 1 Bedroom Plus แบบนี้ดูคล้ายจะเป็น 2 ห้องนอนแต่เนื้อที่ของเล็กที่เพิ่มขึ้นมานั้นค่อนข้างเล็ก ทางโครงการเลยตั้งใจทำเป็น 1 ห้องนอน+ห้องอเนกประสงค์อีก1ห้อง ซึ่งถ้าทำเป็นห้องทำงาน ห้องอ่านหนังสือก็จะเหมาะกว่าทำเป็นห้องนอนที่ 2 ครับ

ผังห้อง 1 Bedroom Exclusive ผังห้องแบบนี้จะเป็นห้องที่พิเศษกว่า 1 Bedroom อื่นๆตรงที่เป็นห้องแบบหน้ากว้าง หรือห้องหัวมุมที่ได้วิวทั้ง 2 ด้าน ห้องแบบนี้ของจริงจะดูกว้างและน่าใช้งานกว่าห้องแนวลึกในขนาดที่เท่าๆกัน ห้องแบบนี้มีข้อดีอีกข้อคือจะได้รับแสงธรรมชาติมากกว่าห้องอื่นๆ

แบบ 2 Bedroom การวางผังของโครงการนี้จัดวางมาได้ค่อนข้างลงตัวอยู่แล้ว โดยจะให้น้ำหนักไปทางห้องนอนใหญ่เป็นหลัก ส่วนห้องนอนอีกห้องจะใช้วิธีทำฉากกั้นเป็นกระจกทำให้ห้องดูกว้างขึ้น แถมทำเป็นฉากกั้นแบบ 3 ตอนด้วยทำให้การใช้งานห้องเล็กทำได้หลากหลายมากขึ้น ห้องน้ำก็จะมี 2 ห้องใครที่ชอบความเป็นส่วนตัวก็น่าจะชอบห้องแบบนี้ ส่วนระเบียงที่ห้องนอนใหญ่ก็มีฟังก์ชั่นไว้แค่วางคอมเพรสเซอร์แอร์เท่านั้น

แบบ 2 Bedroom Exclusive ก็จะมีลักษณะคล้ายๆกับ 1 Bedroom Exclusive นั่นแหละครับ คือเป็นห้องแบบหน้ากว้างที่อยู่ปลายสุดของอาคาร ห้องแบบนี้แสงธรรมชาติจะเข้าถึงทุกห้องเลย ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่จะมีอ่างอาบน้ำมาด้วยและห้องนอนใหญ่จะแบ่งออกไปอยู่อีกฝั่งอย่างชัดเจนเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นไปอีก (อยากเห็นของจริงเหมือนกันครับ ว่าการจัดห้องแบบนี้จะน่าอยู่มากน้อยแค่ไหน)

ดูผังมาเยอะแล้วเรามาดูห้องตัวอย่างกันดีกว่าครับ ห้องตัวอย่างในสำนักงานขายมีทั้งหมด 3 ห้อง แต่วันนี้จะเอามาให้ดูแค่ 2 ห้องและการตกแต่งภายในยังสามารถเลือกได้ด้วยว่าจะเอาเป็นแบบ Soft Loft (โทนสีสว่าง) หรือแบบ Metro Loft (โทนสีเข้ม) ห้องแรกที่จะพาไปดูคือห้องแบบ 1 Bedroom  Soft Loft ครับ

ประตูห้องที่ให้มาหน้าตาแบบนี้เลยครับ ลวดลายของไม้ที่นำมาใช้ถือว่าดูดีทีเดียวครับ

กลอนประตูก็ได้แบบมือจับก้านโยกไม่ใช่ลูกบิดธรรมดา แถมมี Digital Door Lock มาให้ด้วยเป็นของ Samsung

หน้าตาตัวกลอนประตูด้านใน เวลาจะ Lock ก็กดปุ่มใสๆตรงกลางนั่นแหละครับ ส่วนถ้าเรากดปลด Lock แล้วไม่ได้เปิดประตูสักพักมันจะ Lock กลับให้ Auto เลยครับ

การ Lock ที่เพิ่มขึ้นมาคือตัวที่เป็นเหล็กสีเงินๆนั่นแหละครับ ส่วนตัวสีขาวที่เห็นจะเป็นแค่ Sensor

เปิดประตูมาเจอกับส่วนครัวก่อนเลย ของที่นี่จะเป็นแบบ Fully Furnished ส่วนจะแถมอะไรบ้างเค้าจะมี Sticker H2 ติดไว้ทุกชิ้นช่วยให้คนที่เข้ามาดูโครงการเข้าใจง่ายขึ้นเยอะครับไม่ต้องคอยมาถามเซล์ว่าอันไหนแถมอันไหนไม่แถม

พื้นห้องของที่นี่จะเป็นพื้นการเบื้อง Vinyl ลายไม้ (กระเบื้องยาง) ไม่ใช่พื้นไม้ลามิเนตนะครับ ข้อดีของกระเบื้อง Vinyl คือมีความทนทานต่อความชื้นและขีดข่วนมากกว่าพื้นไม้ลามิเนต และไม่มีปัญหาเรื่องปลวกเพราะไม่ใช่ผงไม้มาอัดเป็นแผ่น ทนต่อการติดไฟมากกว่าพื้นไม้ อายุการใช้งานโดยประมาณ 5-10 ปี การบำรุงรักษาก็ง่ายกว่ากระเบื้องครับ เวลาเสียก็ลอกแผ่นที่เสียออกแล้วปะแผ่นใหม่เข้าไป แต่…ด้วยความที่กระเบื้อง Vinyl มีความหนาไม่มากส่วนใหญ่ไม่เกิน 3 มม. ดังนั้นเวลาปูจะเรียบหรือไม่เรียบขึ้นอยู่กับฝีมือช่างทำพื้นด้วยว่าเนี๊ยบหรือไม่ เรื่องผิวสัมผัสนั้นจะคล้ายๆพื้นไม้ลามิเนต ไม่เย็นเจี๊ยบเหมือนกระเบื้อง ลาดลายที่ทำออกมาก็ดูสวยดีมีการ Random ลายระดับนึงไม่ดูเป็น Pattern มากนักและมีพื้นผิวที่ขรุขระเพิ่มความสมจริงเข้าไปอีก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับทัศนคติส่วนบุคคลแล้วครับว่าชอบหรือไม่ชอบกระเบื้อง Vinyl (กระเบื้องยาง) แต่ก็แนะนำว่าให้ลองมาเดินๆเหยียบดูเลยครับ ตอนผมอยู่ที่ห้องตัวอย่างก็ลองเดินเท้าเปล่าดูเลยครับ ^___^

มาต่อกันที่ชุดครัวนะครับ ชุดที่แถมให้ก็มีทั้งชุดบนและล่าง Top เป็นไม้ปาติเกิ้ลปะด้วยเมลานีนครับ ควรระมัดระวังเรื่องความชื้นด้วยนะครับเพราะวัสดุประเภทนี้ไม่เหมาะกับการโดนน้ำแช่นานๆ มีช่องใส่ไมโครเวฟมาให้พร้อม

ตัวเคาน์เตอร์มีขนาดไม่ใหญ่มาก ใส่อ่างล้างจานแบบไม่มีที่พักมาให้ ด้านหลังเคาน์เตอร์ไม่ได้ปูวัสดุปิดผิวอะไรมาให้

ตัวตู้ชุดล่างก็มีการเปิดประมาณนี้ครับ ช่วงบนจะมี Tray ไว้วางช้อนส้อมต่างๆ หน้าบานทุกอันจะมีการปาดมุมมาให้เวลาเปิดก็สะดวกสบายมือ แต่ไม่มี Soft Close มาให้นะครับ

ส่วนชุดบนจะมีช่องเก็บของมาให้ด้วย จัดมาให้เยอะดีวางของได้สบายเลยครับ ส่วนบานประตูจะไม่ปาดมุมมาให้แต่ใช้วิธีการเพิ่มขนาดด้านล่างของตัวหน้าบาน ช่วยให้เปิดได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องใส่ด้ามจับไว้ที่ตัวบาน

มุุมมองจากด้านในห้องครับ ความกว้างของทางเดินกำลังดี แต่จะมีปัญหาอยู่นิดหน่อยตรงที่ไม่มีชั้นวางรองเท้าครับ ลูกบ้านอาจจะต้องหาชั้นมาวางเพิ่มกันเอาเอง

ตู้เมนควบคุมไฟก็ติดอยู่ตรงบริเวณเหนือประตูเข้าห้องใช้ของ Schneider

ส่วนห้องน้ำจะอยู่ติดกับห้องเล่นเลย กระจกเงาที่เห็นไม่ได้แถมมาให้นะครับ ถ้าใครอยากให้ห้องกว้างขึ้นก็นำเทคนิคนี้ไปใช้ได้ครับ

อีกสิ่งนึงที่โครงการแถมมาให้และไม่ค่อยจะมีใครแถมในระดับราคานี้คือ Bluetooth Sound System เหมาะกับยุคสมัยใหม่ที่ทุกคนก็ใช้มือถือฟังเพลงทำนู่นนี่นั่นกัน ใครที่ชอบฟังเพลงในมือถือคงถูกใจแน่ๆครับ เพราะสามารถฟังผ่านมือถือได้โดยตรงเลย หรือจะใส่ Micro SD มาเสียบที่ตัวเครื่องก็ได้ นอกจากนี้ยังรอบรับการใช้งานผ่าน USD AUX เป็นทั้งวิทยุ, นาฬิกาจับเวลาก็ได้

ส่วนลำโพงจะติดตั้งมาให้ 2 จุด บริเวณห้องนั่งเล่นและห้องนอน คุณภาพเสียงถือว่ากลางๆครับ(ใครอยากรู้ว่าเสียงเป็นยังไงระบบมันทำงานดีไหม๊ก็ลองมาจิ้มเล่นที่โครงการได้ครับ ผมลองมาแหละ ^__^’) โคมไฟเป็นแบบ Downlight ขั่วอยู่ด้านข้างนะครับ ใครจะเปลี่ยนหลอดไฟต้องใช้แบบสั้นครับไม่งั้นใส่ไม่เข้า

ส่วนห้องน้ำก็จัดมาให้ครบเหมือนกันครับ มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้กระเบื้องใช้โทนสีเทาเข้มกับขาว เช่นเดียวกับโทนสีทีใช้ตกแต่งภายนอกอาคาร

ลักษณะการเปิด-ปิดของฉากกั้นห้องอาบน้ำเป็นแบบเลื่อน 2 ด้าน เพราะพื้นที่มีจำกัดการทำแบบช่วยให้เข้าออกง่ายขึ้นแต่ก็ต้องเสียงแรงเปิด 2 ทีครับ

ตัวรางที่พื้นจะสูงขึ้นมาหน่อยไม่ถึงกับเดินแล้วลำบากครับ ตัวกระจกก็เป็น Tempered Glass ครับ ขนาดห้องอาบน้ำไม่ใหญ่มากยืดแขนขาได้ไม่เต็มที่ ประมาณว่าอาบคนเดียวได้แต่ 2 คนนี่แคบไปเยอะ ;p

อุปกรณ์ก๊อกน้ำต่างๆใช้ของ American Standard ครับ ตัวฝักบัวก็ดูเรียบง่ายสมัยใหม่แต่ไม่ใหญ่ คนไหนชอบเล่นน้ำอาจไม่สะใจเท่าไหร่ครับ -^o^- ด้านล่างมีก๊อกน้ำมาให้ด้วย ที่วางของในห้องนี้จะน้อยไปหน่อยการใช้งานจริงคงต้องมีการติดตั้งเพิ่มแน่นอน

ส่วนอ่างล้างหน้าก็ติดกระจกมาบานใหญ่ดี และตัวอ่างมีเคาน์เตอร์มาให้พร้อม

ตัวอ่างเป็นแบบสำเร็จรูปของ Mogen วัสดุตัวอ่างเป็นไฟเบอร์ มีที่วางของด้านข้างในตัว ส่วนด้านล่างก็มีชั้นวางของมาให้เพิ่มอีก

ตัวห้องน้ำจะลดระดับไปแค่ประมาณ 4 ซม.เท่านั้นนะครับมีธรณีสำเร็จรูปมาให้

มุมมองจากหน้าห้องน้ำไปยังส่วนห้องนั่งเล่นกับห้องนอน จะเห็นว่าผนังกั้นระหว่าง 2 ส่วนนี้เป็นประตูกระจกบานเลื่อนแบบเต็มความสูงห้องเลย ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตรนะครับ

พื้นที่ห้องนั่งเล่นไม่ใหญ่นักเป็นไปตามขนาดของห้อง วางโซฟาได้แค่ 2 ที่นั่งเท่านั้น โซฟากับโต๊ะกลางที่เห็นก็แถมมาให้นะครับ เท่าที่ลองนั่งดูก็นิ่มกำลังดีครับ และความลึกของเบาะรองนั่งก็ลึกกว่าปรกติหน่อย คนตัวใหญ่น่าจะชอบครับนั่งสบาย

โต๊ะกลางก็ให้มาขนาดกำลังดีวาง Note Book ขนาดเล็กได้ 1 เครื่องและสีของเฟอร์นิเจอร์ก็คุมโทนดีครับ

 ส่วนชั้นวางทีวีก็แถมมาให้เช่นกันมีทั้งหมด 2 ชิ้นครับ

ชิ้นล่างเป็นลิ้นชักแต่มีความลึกไม่มาก แนะนำให้ติดทีวีแบบแขวนผนัง จะได้ไม่แกะกะชั้นวางของด้านล่าง และตำแหน่งการดูก็จะดีกว่าด้วยครับ

ตัวหน้าบานลิ้นชักไม่ปาดมุมมาให้นะครับ เค้าให้จับจากด้านล่างเอาเพราะระยะหน้าบานจะทำเลยตัวตู้ด้านล่างไป

ชิ้นบนก็วางของได้นิดหน่อยไม่มาก และไม่ควรวางของหนักๆด้วยครับ

รูปนี้ถ่ายให้เห็นว่ามีระยะทีวีแบบเหลือๆเลย แต่ตอนถ่ายดัน Focus ที่ถ้วยกาแฟซะงั้น -___-‘

หน้าตาสวิทช์และปลั๊กไฟก็ประมาณนี้ครับใช้ของ SIEMENS

มาต่อกันที่ห้องนอนนะครับ บานเลื่อนที่กั้นจะเป็นบานเลื่อนแบบสลับ เพื่อใครดูหนังดึกๆแล้วง่วงก็เปิดจากด้านที่นั่งแล้วมุดไปนอนได้เลย 555

เตียงที่เป็นเป็นเตียงขนาด 5 ฟุตแต่ก็สามารถขยับให้เป็น 6 ฟุตได้เพราะยังมีที่เหลืออีกนิดหน่อย ตัวหน้าต่างเป็นบาน Fix 3 บานและบานเปิดจะเป็นบานเลื่อนสลับ ขนาดหน้าต่างก็จัดมาใหญ่ดีครับ เพราะการรับแสงธรรมชาติเยอะๆช่วยให้ ห้องนั่งเล่นไม่มืดไปด้วยครับ

ฝั่งช่วงปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้าและประตูออกไปยังระเบียงได้ ไม่สามารถดูทีวีในห้องนอนได้นะครับ จะติดเพิ่มก็ไม่ได้ด้วยเพราะเป็นประตูไปยังระเบียง ก็ได้อย่างเสียงอย่างครับ ได้พื้นที่ห้องนั่งเล่นเยอะขึ้นแลกกับการไม่สามารถติดทีวีให้ห้องเพิ่มได้ แต่สำหรับห้องเล็กๆดูที่ห้องนั่งเล่นน่าจะเหมาะกว่านะครับ

ขนาดตู้ที่แถมมาให้ก็ไม่ใหญ่นัก และมีช่วงเปิดต่างๆตามที่เห็นครับ

ตัวมือจับประตูตู้ก็เป็นอลูมิเนียมแบบในรูปเลยครับ

ลิ้นชักให้มา 2 ช่องและช่องเก็บของอีก 2 ช่อง

หน้าบานในตู้เสื้อผ้าปาดมุมมาให้แต่ดันทำหน้าบานตู้ใหญ่ไปหน่อยเลยเปิดยาก

พื้นที่เหลือข้างเตียงก็ประมาณนี้ เดินได้ไม่ลำบากครับ

พื้นที่ระเบียงก็พอดีกับการวางคอมเพรสเซอร์แอร์แบบเป่าลมร้อนออกด้านนอก พื้นภายนอกปูกระเบื้องเซรามิคและลดระดับลงไปประมาณ 5 ซม.ครับ

ตัวมือจับและระบบล๊อค 2 ชั้น

พื้นที่ตรงนี้ของจริงจะมีงานระบบเตรียมไว้ให้เครื่องซักผ้าด้วยนะครับ

ราวระเบียงเป็นแบบเรียบๆครับ วัสดุเป็นเหล็กทำสีดำ

โคมไฟด้านนอกก็เป็น Downlight เช่นกัน

มาต่อกันที่แบบ 2  Bedroom เลยนะครับ วัสดุและอุปกรณ์ต่างๆจะใช้แบบเดียวกับ 1 Bedroom เลย การวางผังห้องจะให้น้ำหนักไปทางห้องนอนใหญ่เป็นหลัก ส่วนห้องน้ำและครัวให้ขนาดเท่าเดิมครับ

ส่วนแรกที่เจอยังคงเป็นส่วนครัวเช่นกัน ฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆจะเหมือนกันหมด แต่สิ่งที่แตกต่างคือห้องนี้จะตกแต่งด้วยโทนสีเข้ม หรือ Metro Loft นั่นเองครับ

ช่องเปิดต่างๆก็เหมือนกับแบบ 1 Bedroom เป๊ะๆ

ชุดบนก็เหมือนกันครับ แต่หน้าบานดันไม่เป็นสีเข้มซะนี่

ตัวอ่างล้างจานยังคงเป็นแบบหลุมเดียวไม่มีที่พักจานมาให้ แต่ถ้าเป็นห้องงแบบ 1 Plus จะได้แบบมีที่พักจานมาให้ครับ

ตัวห้องน้ำจะอยู่ติดกับ Pantryครัวแต่ทางเข้าจะเปลี่ยนมาทางห้องนั่งเล่น ส่วนภายในห้องน้ำเหมิอนกับ 1 Bedroom ทุกประการดังนั้นผมขอข้ามห้องน้ำนี้ไปเลยนะครับ

มุมมองจากหน้าห้องน้ำครับ จะเห็นว่าห้องนั่งเล่นมีระยะดูทีวีน้อยกว่าแบบ 1 ห้องนอนนอีก แต่สิ่งที่ได้เพิ่มคือติดระเบียง

และมีโต๊ะทานอาหารแบบ 2 ที่นั่งมาให้ ถ้าใครอยากนั่งทานอาหารแบบสบายๆกว่านี้ก็ทำได้ครับ เพราะพื้นที่จริงมีเหลือพอสมควรสามารถหาโต๊ะแบบพับได้มาใช้งานจะช่วยเพิ่มพื้นที่วางของบนโต๊ะได้อีกเยอะเลย

ส่วนของโซฟาที่แถมมาให้จะนั่งแบบ 3 คนได้แต่ต้องเป็นคนตัวไม่ใหญ่นะครับ และโต๊ะที่วางของในรูปจะไม่มีมาให้

ชั้นวางทีวีก็แถมมาให้เช่นกันแต่ขนาดจะเล็กกว่าแบบ 1 Bedroom อยู่หน่อยและตำแหน่งการติดตั้งจะแปลกนิดๆเพราะไปติดเสาของอาคาร ตรงนี้ถ้าใครพอมีงบเหลือทำ Built-in เต็มพื้นที่ไปเลยก็ได้ครับยอมเสียทางเข้าออกระเบียงด้านนั้นไป

ลิ้นชักที่ให้มาเป็นแบบชิ้นเดียว

พื้นที่ระเบียงส่วนนี้ออกแบบมายาวดีครับ ไม่อึดอัดสามารถตากผ้าได้สบายๆ

ตำแหน่งการวางคอมเพรสเซอร์แอร์จะเป่าเข้าตัวระเบียงควรติดตะแกรงเปลี่ยนทิศทางลมด้วยนะครับ พื้นที่บริเวณนี้จะได้ไม่ร้อน ส่วนเครื่องซักผ้าก็ติดตั้งด้านล่างคอมเพรสเซอร์แอร์ได้เลย

ทีนี้มาดูห้องนอนเล็กกันบ้างห้องนี้โครงการจะทำผนังห้องทั้ง 2 ด้านเป็นประตูกระจกบานเลื่อนแบบเต็มความสูงฝ้าเพดานเลย ทำให้ห้องดูโปร่งและกว้างมากขึ้นแต่ก็ต้องและกับความ Private ส่วนนึง ลักษณะการเปิดปิดก็ใช้วิธีเปิดจากมุมด้านหน้าเหมือนอย่างในรูปเลยครับ

ตัวบานประตูเป็นแบบ 3 ตอนน้ำหนักในการเปิดก็ต้องออกแรงนิดหน่อยแต่ไม่ถึงกับหนักมากนัก

รางที่พื้นก็ไม่สูงเกินไปแต่มีความกว้างพอสมควรเพราะต้องรอบรับการเลื่อนถึง 3 บาท

ภายในห้องจัดวางเตียงแบบ 3.5 ฟุตพร้อมโต๊ะทำงานและตู้เสื้อผ้ามาให้

หน้าต่างห้องนี้จะเป็นบานกระจกเลื่อนสลับ แต่จะไม่ใหญ่เท่าแบบ 1 Bedroom

ฐานเตียงที่แถมจะเป็นแบบนี้ครับ ตู้วางของข้างๆไม่ได้แถมนะครับ

มุมมองหันไปด้านห้องนั่งเล่น ของจริงดูกว้างและโปร่งสบายดีครับ กำแพงที่ติด Wallpaper สีดำที่เห็นของจริงไม่มีมาให้นะครับ

สิ่งที่ไม่ได้แถมมาให้จากรูปนี้คือโต๊ะทำงานครับ แต่เตียงกับตู้เสื้อผ้าแถมมาให้

ภายในตู้เสื้อผ้าก็เป็นแบบนี้ครับ

ต่อมาเป็นห้องนอนใหญ่บ้าง ตัวผนังที่เป็นกระจกดำของจริงไม่มีมาให้นะครับ เตียงที่เห็นเป็นขนาด 6 ฟุต

พื้นที่ข้างเตียงก็เหลือๆ แต่ปลายเตียงเดินได้แบบพอดีๆ

มุมที่ติดหัวเตียงจะทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้ (โต๊ะที่เห็นไม่ได้แถมนะครับ) ส่วนพื้นทีติดหน้าต่างแนะนำให้ Built-in เป็น Daybed ไปเลยจะน่าใช้งานมากเพราะเข้ามุมพอดีๆ

ตัวหน้าต่างเป็นแบบบานเลื่อนสลับแต่ด้านที่ติดระเบียงจะเป็นบานกระทุ้งแทน เวลาช่างแอร์มาเซอร์วิสก็เข้าออกทางนี้แหละครับ

หน้าตัว Lock กับมือจับบานกระทุ้ง

พื้นที่วางแอร์แบบพอดี๊พอดี

มุมหันกลับมาดูในห้องบ้าง

ตู้เสื้อผ้าที่แถมมาให้จะเเป็นแบบเข้ามุมเลย และขนาดความกว้างของตัวตู้จะใหญ่กว่าห้องอื่นๆด้วย

เวลาเปิดบานที่ติดกันก็ระวังหน่อยนะครับ ชนกันบ่อยๆสีถลอกได้นะครับ

หน้าตาการแบ่งช่องด้านในตามในรูปเลยครับด้านซ้ายมือจะไม่มีลิ้นชักและช่องเก็บของมาให้

ส่วนห้องน้ำก็มีขนาดเท่าๆกันกับแบบ 1 Bedroom ต่างกันแค่ทิศทางในการเข้าเท่านั้นเอง

โถสุขภัณฑ์ใช้ของ Mogen ครับตำแหน่งที่แขวนทิชชู่ก็ติดอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานง่ายและสะดวกดี

ซูมให้เห็นรายละเอียดของชุดฝักบัวอีกทีครับ ตัวที่ยึดฝักบัวปรับระดับการเอียงได้นะครับ และที่วางของก็ยังคงน้อยเหมือนเดิม

ตำแหน่งไฟในห้องน้ำให้มา 2 จุดและมีพัดลมดูดอากาศมาให้ด้วย

สรุปแล้วสำหรับคนที่อยู่แค่คนเดียวหรือ 2 คน ก็เลือกแบบ 1 Bedroom ได้ครับ ส่วนใครอยากได้พื้นที่เยอะหน่อยอยากมีห้องทำงานก็เลือกแบบ Plus เอาจะได้พื้นที่ส่วนต่างๆเพิ่มขึ้นได้อ่างล้างจานแบบมีที่พักจาน หรือถ้าใครอยากได้ 2 ห้องนอนก็มีให็เลือกแบบธรรมดากับ Exclusive ที่เป็นห้องหน้ากว้างที่จะให้ความรู้สึกให้แตกต่างออกไปเลยครับ แต่ทุกห้องจะไม่เน้นการทำครัวนะครับเพราะได้แค่ Pantry เล็กๆไม่มีฉากกั้นครัว ถ้าทำครัวหนักๆจะส่งกลิ่นไปทั้งห้องเลยครับและทำความสะอาดยากด้วย

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 14 March 2014

  • 1 Bedroom อาคาร Metal ชั้น 2 ห้อง M208 เนื้อที่ 21.87 ตร.ม. ราคา 1.18 ล้านบาท หรือ 54,000 บาท/ตร.ม. จอง 10,000 บาท ทำสัญญา 20,000 บาท
  • 2 Bedroom อาคาร Metal ชั้น 4 ห้อง M401 เนื้อที่ 41.56 ตร.ม. ราคา 2.37 ล้านบาท หรือ 57,000 บาท/ตร.ม. จอง 30,000 บาท ทำสัญญา 40,000 บาท
  • 1 Bedroom อาคาร Metal ชั้น 7 ห้อง M712 เนื้อที่ 21.87 ตร.ม. ราคา 1.33 ล้านบาท หรือ 60,800 บาท/ตร.ม. จอง 10,000 บาท ทำสัญญา 20,000 บาท
  • 1 Bedroom อาคาร Stone ชั้น 2 ห้อง SN209 เนื้อที่ 23.74 ตร.ม. ราคา 1.49 ล้านบาท หรือ 62,800 บาท/ตร.ม. จอง 10,000 บาท ทำสัญญา 20,000 บาท
  • 1 Bedroom Plus อาคาร Stone ชั้น 4 ห้อง SN401 เนื้อที่ 38.86 ตร.ม. ราคา 2.51 ล้านบาท หรือ 64,600 บาท/ตร.ม. จอง 20,000 บาท ทำสัญญา 20,000 บาท
  • 2 Bedroom อาคาร Stone ชั้น 6 ห้อง SN601 เนื้อที่ 50.13 ตร.ม. ราคา 3.22 ล้านบาท หรือ 64,200 บาท/ตร.ม. จอง 30,000 บาท ทำสัญญา 40,000 บาท

  • Fully Furnished
  • เพดานสูง 2.45 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Digital Door Lock
  • Bluetooth Sound System
  • ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 45 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

เจาะลึกรวบยอด

โครงการนี้อยู่ในย่านรามอินทราและเป็นทำเลที่เป็นแหล่งอยู่อาศัย ตัวโครงการแบ่งเป็น 4 อาคาร 4 นิติ ตั้งอยู่ในที่ดิน 2 แปลงโดยแปลงแรกจะอยู่ในซอย รามอินทรา 21 ห่างจากปากซอยประมาณ 88 เมตรเท่านั้นเอง ที่ดินจะอยู่ตรงหัวมุมที่ตัดกับซอยรามอินทรา 19 แยก 2 พอดี ส่วนแปลงที่ 2 จะอยู่ในซอยรามอินทรา 19 แยก 4 ห่างจากปากซอยรามอินทรา 19 ประมาณ 230 เมตร ทั้ง 2 แปลงถือว่าอยู่ในจุดที่เดินทางสะดวกทั้งใช้รถยนต์และไม่ใช้รถยนต์ เพราะตัวป้ายรถเมล์อยู่ห่างจากโครงการ(ในซอยรามอินมรา 21) ประมาณ 150 เมตร ส่วนถ้าวิ่งทะลุเข้าไปในซอยจะไปทะลุถนนตัดใหม่ ที่เชื่อมระหว่าง ถนนพหลโยธิน กับ วัชรพล และ ถนนสุขาภิบาล 5 ซึ่งในตอนนี้ยังไม่มีการเปิดใช้อย่างเป็นทางการแต่ชาวบ้านก็ใช้กันไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังมีทางลัดไปพหลโยธิน 48 กับ 50 ได้อีกด้วย

ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินได้จะมีร้านอาหารอยู่ช่วงต้นซอยแต่ก็มีไม่กี่ร้าน ส่วนร้านสะดวกซื้อก็จะมี 7Eleven อยู่ที่ปากซอยรามอินทรา 19 และมีร้านขายยาด้วย ถ้าสะดวกใช้จักรยาน, มอเตอร์ไซด์ หรือ รถยนต์ ให้วิ่งเข้าไปด้านในซอยรามอินทรา 21 จะมีร้านกระจายตัวอยู่ในซอย และจะไปหนาแน่นตรงช่วงกลางๆซอยที่เป็น แฟลตตำรวจ ช่วงนั้นจะเป็นแหล่งชุมชนมีของกินให้เลือกเยอะ ร้านสะดวกซื้อก็มีทั้ง 7Eleven และ Tesco Lotus Express หรือถ้าอยากไปตลาดใหญ่หน่อยก็ออกไปด้านท้ายซอยจะไป ตลาดยิ่งเจริญ และ ตลาดถนอมมิตรได้ หรือถ้าจะไปแค่ตลาดสดก็เดินไปฝั่งตรงข้ามที่เป็นตลาดลาดปลาเค้าระยะประมาณ 450 เมตรเอง ส่วนห้างที่มีให้เดินใกล้สุดจะเป็น Central รามอินทราcและ Big C รามอินทรา

การเดินทางโดยไม่ใช้รถก็ถือว่าสะดวกอยู่เหมือนกันครับ เพราะระยะห่างจากโครงการไปป้ายรถเมล์อยู่ไม่ไกล Steel&Stone ประมาณ 150 เมตรส่วน Wood&Metal จะไกลกว่านิดหน่อยอยู่ที่ประมาณ 350 เมตร ที่ปากซอยทั้ง 2 ซอยมีพี่วินคอยให้บริการอยู่ทั้งคู่ และในซอยรามอินทรา 19 กับ 21 จะรถสองแถววิ่งอยู่หลายสายสามารถนั่งไปออกถนนพหลโยธินได้ ส่วนรถไฟฟ้าสายสีชมพูถ้ามาขึ้นเมื่อไหร่นี่ถือว่าคุ้มสุดๆเลยครับเพราะตัวสถานีจะมาถึงบริเวณปากซอยพอดี แต่…กว่าจะได้นั่งจริงๆก็คงต้องรออีกนานเลยครับ (ตามแผนงานคือปี 2562)

วัสดุของโครงการนี้ถือว่าให้มาเยอะในราคาระดับนี้เพราะขายแบบ Fully Furnish ส่วนที่เป็นแบบ Built-in จะมีเคาน์เตอร์ครัว, ตู้เสื้อผ้า, ชั้นวางของในห้องนั่งเล่น ส่วนเฟอร์ลอยตัวก็มี โซฟา, โต๊ะกลาง, ชุดโต๊ะทานอาหาร  (รายของแถมในห้องแบบ 1 Bedroom, 1 Beedroom Plus และ 2 Bedroom จะแตกต่างกันนิดหน่อย)  พื้นห้องได้เป็นกระเบื้องยาง Vinyl ที่ทนความชื้นและรับแรงกระแทกได้ดีกว่าพื้นไม้ลามิเนต ส่วนลวดลายก็เป็นแบบสมัยใหม่หน่อยเป็นลายไม้และมีพื้นผิวขรุขระให้ความรู้สึกเหมือนไม้จริงมากขึ้น (แต่ถ้าใครไม่ชอบพื้นแบบนี้ก็+-คำแนนเพิ่มได้เลยครับ) ชุดสุขภัณฑ์ใช้ของ Mogen และอุปกรณ์ใช้ของ American Standard อ่างล้างหน้าเป็นแบบไฟเบอร์สำเร็จรูปมีชั้นวางของด้านล่าง มีฉากกั้นอาบน้ำ และสุดท้าย มี Digital Door Lock กับ Bluetooth Sound System มาด้วย

การออกแบบของโครงการนี้ถือว่าทำได้ดีทั้งในแง่รูปลักษณ์ของอาคารภายนอกและการจัดผังภายในห้อง และมี Concept ที่ชัดเจนและให้รายละเอียดได้ดี ดูได้จากตัวสำนักงานขายที่มีการตกแต่งให้สะท้อนถึง Concept ของโครงการได้อย่างชัดเจน โครงการนี้ใช้ Concept Modern Loft และใช้ชื่อของ Material มาเป็นลูกเล่นให้กับทั้ง 4 อาคาร Stone&Steel กับ Wood&Metal ถึงแม้นิติบุคคลที่บริหารจัดการจะแยกของใครของมัน (ทั้งหมด 4 นิติ) แต่การออกแบบตัวอาคารก็ใช้ส่วนที่เป็น Facility มาช่วยให้ดูเป็นโครงการเดียวกัน และช่วยให้ห้องที่เป็นวิวของอาคารได้วิวสระว่ายน้ำด้วย

การออกแบบ 1 ห้องนอนของที่นี่แบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆด้วยกันคือ 1 ห้องนอนธรรมดาที่มีฟังก์ชั่นครบถ้วยและขนาดพื้นที่มีจำกัดแบบพอดีๆกับแต่ละฟังก์ชั่น, 2 ห้องนอนแบบ Plus คือจะมีอีกห้องเพิ่มขึ้นมาอกี 1 ห้องแต่ขนาดพื้นที่จะเหมาะแก่การทำเป็นห้องทำงานหรือห้องนอนเด็กเล็กมากกว่า และสุดท้ายส่วนที่ 3 ห้องนอนแบบ Exclusive คือห้องที่เป็นแบบห้องหน้ากว้างหรือห้องที่อยู่หัวมุม ส่วนแบบย่อยต่างๆจะต่างกันแค่เล็กน้อยขึ้นอยู่กับเหลี่ยมมุมของตัวอาคาร ผังภายในห้องก็จัดมาค่อนข้างดีและลงตัวใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่ายกเว้นบางแบบที่มีมุมแปลกๆอยู่บ้าง

สาธารณูปโภคของโครงการนี้มีข้อดีในแง่ความหนาแน่นค่อนข้างต่ำถ้าเทียบกับระดับราคานี้โดยจำนวนยูนิตต่ออาคารเฉลี่ยนอยู่ที่ 77 ยูนิตได้ลิฟท์โดยสาร 1 ตัวไม่มีลิฟท์ Service จำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดอยู่ที่ 12 และ 14 จุดเด่นอีกข้อคือทุกอาคารจะมีสระว่ายน้ำและ Fitness ให้ถึงแม้จะไม่ใหญ่มากแต่ก็สอดคล้องกับจำนวนยูนิตในแต่ละอาคาร แต่สวนหย่อมไม่มีมาให้นะครับ ส่วนที่จอดรถก็มีมาให้ประมาณครึ่งนึงถือว่าไม่มากแต่ก็ไม่น้อยเกินไป แต่…ในส่วนนี้ผมยังไม่เห็นแปลนชั้นล่างสุดดังนั้นจึงยังสรุปไม่ได้ว่าจริงๆแล้วจะจอดได้ตามที่บอกหรือไม่และการเดินรถภายในโครงการเป็นอย่างไร ถ้าได้เห็นแปลนแล้วจะมาเพิ่มเติมในส่วนนี้ให้นะครับ

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 60,600 บาทต่อตารางเมตร, 14 March 2014

  • ทำเล 7.5/10 – ทำเลอยู่ในย่านชานเมือง ถ้ามีรถไฟฟ้าจะ+ให้อีก 0.5
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – เดินทางสะดวกมีทางลัดทะลุไปสะพานใหม่, วัชรพล, สุขภิบาล 5 ได้
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – อยู่ห่างป้ายรถเมล์ 140 กับ 350 เมตรถ้ามีรถไฟฟ้าจะ+ให้อีก0.5เช่นกัน (Wood&Metal ได้แค่ 7.25 เพราะอยู่ไกลกว่ากันนิดหน่อย)
  • วัสดุ 8.25/10 – ให้มาเยอะและครบดีมี Digital Door Lock และBluetooth Sound System มาให้ด้วย
  • แบบ 8.0/10 – จัดวางผังได้ลงตัวดีทำให้ใช้งานพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า มีห้องแบบหน้ากว้างให้เลือก
  • สาธารณูปโภค 8.0/10 – มีสระว่ายน้ำละ Fitness มาให้ทุกอาคาร และความหนาแน่นต่ออาคารต่ำ (คะแนนส่วนนี้รอ +- อีกทีหลังจากได้เห็น Planชั้นล่างสุด)

  • EOCONOMY CLASS
  • 7.71 / 10.00

BOTTOM LINE

โ ครงการนี้เหมาะสำหรับคนที่ทำงานหรือตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่ในย่านรามอินทรา อยากได้ห้องแบบเฟอร์นิเจอร์ครบไม่ต้องแต่งเพิ่ม ไม่เน้นทำครัวแบบจัดหนัก และชอบสไตล์ Modern เน้นการใช้ Facility ของโครงการไม่ชอบโครงการยูนิตเยอะ ไม่ค่อยใช้รถยนต์ส่วนตัว มีงบประมาณ 1.2 – 3.3 มีกำลังผ่อนต่อเดือน 8,000 – 20,000 บาท

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ

(ノ´ヮ´)ノ*:・゚✧