Gladden ลาดพร้าว 1

รีวิวฉบับที่ 1970 วันนี้มีคอนโด Low Rise ในย่านลาดพร้าวเปิดใหม่อีก 1 โครงการ กับ Gladden ลาดพร้าว 1 จุดเด่นคือทำเลที่อยู่ในซอยลาดพร้าว 1 ซึ่งเป็นซอยที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของช่วงลาดพร้าวตอนต้น ไม่ไกล MRT พหลโยธิน BTS ห้าแยกลาดพร้าวและยูเนี่ยนมอลล์ มีห้อง Studio และ 1-Bedroom ขนาด 21-32 ตร.ม. ในราคาช่วง 2 ล้านต้นๆ ถึง 3 ล้าน โครงการจะเปิด Presale ในวันที่ 23 พ.ย. 62 จะเป็นแบบไหน เราไปชมกันเลยค่ะ

Fact @ 30 October 2019

  • Gladden Ladprao 1 (แกลดเดิ่น ลาดพร้าว 1)
  • บริษัท แคปปิตอล ไพร์ม ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ซอยลาดพร้าว 1 เขตจตุจักร
  • ที่ดินประมาณ 0-1-96.5 ไร่
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 74 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 12 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 40% (รวมจอดซ้อนคัน)
  • เริ่มก่อสร้าง : ปี 2563
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ปี 2564
  • Studio 21-24 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 26-32 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4-2.5 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท / หรือตร.ม.ละ 85,238 บาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 96,000 บาท/ตร.ม.
  • ช่วงราคาต่อตารางเมตร ต่ำสุด – สูงสุดประมาณ 85,238 – n/a บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 082-694-9493
  • Line : @gladdencondo

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.816838, 100.566380
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

ที่ตั้งของโครงการ Gladden Ladprao 1 นั้น ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 1 หรือซอยข้างยูเนียนมอลล์นั่นเองค่ะ ทำเลนี้จะตั้งอยู่ใกล้กับห้าแยกลาดพร้าวที่เป็นจุดตัดของถนนลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน และถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งทำให้สามารถเดินทางไปยังบางกะปิโดยใช้ถนนลาดพร้าว ไปดินแดงหรือรังสิตโดยใช้ถนนวิภาวดีรังสิต และไปอนุเสาวรีย์หรือหลักสี่ได้จากถนนพหลโยธินค่ะ นอกจากนี้จากทำเลนี้ยังสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังถนนรัชดาภิเษกเพื่อเดินทางไปยังย่านรัชดาฯหรือพระราม 9 แหล่งรวมอาคารสำนักงานและศูนย์การค้าได้ ซึ่งไม่ไกลเลยค่ะ

มาลองดูเส้นทางภายในซอยกันบ้าง การเดินทางมายังโครงการ Gladden Ladprao 1 นั้นสามารถเข้ามาได้จากทางถนนลาดพร้าวซอย 1 ตามทางเข้ามาจนถึงลาดพร้าว 1 แยก 4 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการเป็นระยะทางประมาณ 400 เมตร หรือสามารถเข้ามาทางซอยพหลโยธิน 24 ได้เช่นกัน ระยะทางปากซอยพหลโยธิน 24 มายังโครงการระยะทางประมาณ 1.5 กม. นอกจากนี้ ซอยลาดพร้าว 1 นั้นเรียกได้ว่าเป็นซอยที่สามารถเชื่อมต่อไปยังซอยอื่นๆได้อีกมาก นอกจากซอยพหลโยธิน 24 แล้ว ยังสามารถใช้ไปออกยังซอยลาดพร้าว 15 หรือ ข้างศาลอาญาตรงถนนรัชดาภิเษกได้เช่นกัน (แต่ทางออกไปยังถนนรัชดาภิเษกข้างศาลอาญานั้นค่อนข้างเเคบ มีเพียงรถเล็กหรือมอเตอร์ไซค์ที่สามารถผ่านได้ และเปิดปิดเป็นช่วงเวลา) ดังนั้นสำหรับคนที่ชอบการเดินทางในซอยลัด เพื่อหลีกเลี่ยงช่วงเวลารถติดของบริเวณห้าเเยกลาดพร้าวนั้น ทำเลนี้นับว่าเป็นทำเลที่มีทางเลือกค่อนข้างหลากหลายกันเลยทีเดียวค่ะ

นอกจากการเดินทางบนถนนใหญ่และซอยย่อยตามที่กล่าวมาเเล้วนั้น อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของทำเลบริเวณห้าแยกลาดพร้าวนี้ก็คือ ระบบขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้าค่ะ ณ ปัจจุบัน สถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้โครงการที่สุดจะเป็น MRT สถานีพหลโยธิน (จากทางออก 5 มีระยะถึงโครงการประมาณ 850 ม.)

นอกจากนี้ยังมีรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว สถานีห้าแยกลาดพร้าวที่เปิดให้ทดลองนั่งกันแล้ว ซึ่งในช่วงเวลาที่โลตัสเปิดให้บริการ เราสามารถเดินลัดมาถึงโครงการได้ในระยะ 500 ม. เท่านั้น หรือถ้าช่วงเช้าเย็นที่โลตัสยังไม่เปิดประตูให้ใช้ทางลัด เราก็สามารถเรียกพี่วินไปส่งที่หน้าปากซอยพหลโยธิน 24 ก็จะมีสถานีรถไฟฟ้าพหลโยธิน 24 เป็นอีกทางเลือกหนึ่งด้วย

และยังมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีต้นสายคือสถานีรัชดา (ตรงบริเวณอาคารจอดรถใต้ดินลาดพร้าว) ซึ่งสามารถใช้เดินทางไปตามเส้นลาดพร้าว-ลำสาลี-ศรีนครินทร์-สำโรงได้ ซึ่งเมื่อสถานีต่างๆเปิดให้บริการเเล้ว ทำเลนี้คงสะดวกสบายมากขึ้นอีกเยอะเลยนะคะ แต่ระหว่างการก่อสร้างนี้คงต้องทนสภาพการจราจรที่ติดขัดกันอีกซักหน่อย

พักจากเรื่องการเดินทางต่างๆมายังสถานที่ที่น่าสนใจกันบ้าง ขึ้นชื่อว่าห้าแยกลาดพร้าวเเล้ว ต้องนับว่าเป็นทำเลที่อุดมสมบูรณ์ทั้งสถานที่ทำงาน (ทั้งโซนพหลโยธินและวิภาวดีรังสิต) มีทั้งสำนักงานใหญ่ของไทยพาณิชย์ ปตท. ธนาคารทหารไทย การบินไทย เเละอาคารสำนักงานอีกหลายอาคารละเเวกนี้ ส่วนด้านสถานศึกษานั้นบริเวณลาดพร้าวตอนต้นนี้มีสถานศึกษาชื่อดังอย่างโรงเรียนหอวัง โรงเรียนเซนต์จอห์นและมหาลัยเซนต์จอห์น ราชภัฏจันทรเกษม หรือจะเดินทางไปยังมหาลัยเกษตรศาสตร์หรือมหาลัยหอการค้าก็ไม่ไกลมากค่ะ นอกจากนี้ตรงลาดพร้าวตอนต้นยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยเเหล่งช็อปปิ้งที่มากมาย ทั้งห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่างเซ็นทรัลลาดพร้าว ยูเนียนมอลล์ บิ๊กซี โลตัส หรือจะเป็นตลาดอย่างส่วนจตุจักร ก็นับว่าสามารถเดินทางไปได้สะดวกมาก นอกเหนือไปจากนั้น บริเวณห้าเเยกลาดพร้าวยังเป็นที่ตั้งของสวนขนาดใหญ่ อย่างสวนจตุจักร สวนรถไฟที่สามารถมาออกกำลังกายหรือพักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติก็ค่อนข้างสะดวกค่ะ

สำหรับภาพรวมของคอนโดในย่านลาดพร้าวตอนต้น ตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าวไปจนถึงแยกลาดพร้าวตัดรัชดาภิเษก แค่ช่วงระยะสั้นๆ นี้ก็มีคอนโดให้เลือกมากมาย โดยถ้าไม่นับคอนโด High Rise ริมถนนลาดพร้าว ที่มีราคาเริ่มต้นประมาณ 120,000 บาท/ตร.ม. ก็จะมีคอนโด Low Rise ที่อยู่ในซอยย่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะอยู่ใน 3 ซอยหลักๆ คือ ซอยลาดพร้าว 1 ซอยลาดพร้าว 15 และซอยลาดพร้าว 18 ซึ่งทั้ง 3 ซอยเป็นทำเลที่มีความแตกต่างกันพอสมควร อย่างซอยลาดพร้าว 1 เป็นซอยที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุด และเหมาะกับคนที่ใช้การเดินทางอิงเส้นพหลโยธินเป็นหลัก ส่วนซอยลาดพร้าว 15 ถึงแม้ว่าจะเชื่อมกับซอยลาดพร้าว 1 ได้ แต่ความอุดมสมบูรณ์ในซอยนั้น ถือว่าน้อยมาก จะมีแค่ช่วงต้นๆ ซอย ในระยะประมาณ 300 ม. เท่านั้น ส่วนซอยลาดพร้าว 18 จะเป็นทำเลที่อิงกับเส้นรัชดาภิเษก เพราะมีทางลัดเดินทางได้สะดวก แต่ก็จะไกลจากความอุดมสมบูรณ์หลักๆ ในย่าน คือ เซ็นทรัลลาดพร้าว และยูเนี่ยนมอลล์ มากกว่าทำเลอื่นอยู่สักหน่อย พอมาพิจารณาที่โครงการ Gladden ลาดพร้าว 1 จึงมีจุดเด่นที่ทำเลของโครงการ อยู่ในซอยที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดในช่วงลาดพร้าวตอนต้น

ข้อดีของโครงการในซอยนี้อีกอย่างคือ จากโครงการสามารถเดินไปโลตัสได้ง่ายๆ เลยนะ เพราะโลตัสมีทางเข้าด้านหลังที่เข้าได้จากซอยลาดพร้าว 1 เลย มีระยะจากโครงการประมาณ 160 ม. เท่านั้น

นอกจากนี้ก็ยังไป Big C ได้สะดวกโดยที่ไม่ต้องไปออกถนนใหญ่ด้วย แต่ว่าจะไม่ได้อยู่ในระยะเดินนะ ต้องขับรถหรือเรียกพี่วินไป มีระยะจากโครงการประมาณ 1 กม.

พูดถึงทำเลกันมาเยอะเเล้ว เราลองมาดูเส้นทางการเดินทางในครั้งนี้กันนะคะ เราจะลองเดินด้วยเท้าจากรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT พหลโยธินไปยังโครงการกันดู บรรยากาศเส้นทางเป็นอย่างไร ติดตามชมกันนะคะ

Image 1/19
เริ่มจาก MRT สถานีพหลโยธิน ให้เราหาป้ายประตูทางออก 5

เริ่มจาก MRT สถานีพหลโยธิน ให้เราหาป้ายประตูทางออก 5

ภายในที่ดินโครงการตอนนี้ปรับพื้นที่พร้อมก่อสร้างแล้วนะคะ ทำให้เห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบซึ่งเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้นทั้งหมด

พื้นที่ภายในเส้นประจะอยู่ในกรอบสีเหลืองนะคะ ส่วนแปลงด้านข้างที่ติดกันเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้นค่ะ

ส่วนแปลงด้านข้างที่ติดกับที่ดินอีกฝั่ง ก็เป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้นเช่นกันค่ะ

ด้านหน้าของแปลงที่ดินติดกับถนนซอยลาดพร้าว 1 ส่วนแปลงที่ดินฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้นค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการ ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยแนวราบ มีอพาร์ทเม้นท์อยู่บ้าง บรรยากาศเงียบสงบเป็นส่วนตัว มีแต่ละด้านของที่ดินติดกับ

  • ทิศเหนือ – ติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้น
  • ทิศตะวันออก – ติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้น
  • ทิศใต้ – ติดกับซอยลาดพร้าว 1 และฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น
  • ทิศตะวันตก – ติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้น

สำหรับสำนักงานขายจะต้องผ่านที่ดินโครงการเข้ามาในซอยลาดพร้าว 1 อีกหน่อย สำนักงานขายจะอยู่ทางซ้ายค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • เทสโก้ โลตัส ~ 160 ม.
  • BTS ห้าแยกลาดพร้าว ~ 500 ม. (ใช้ทางลัดผ่านโลตัส ในช่วงเวลาที่โลตัสเปิดให้บริการ)
  • ยูเนียนมอลล์ ~ 850 ม.
  • MRT พหลโยธิน ~ 850 ม.
  • บิ๊กซี  ~ 1 กม.
  • ศาลอาญา ~ 1.1 กม.
  • เซ็นทรัลลาดพร้าว ~ 1.3 กม. / 650 ม. (ใช้ทางลัดผ่านโลตัส ในช่วงเวลาที่โลตัสเปิดให้บริการ)
  • ตึกช้าง ~ 1.4 กม.
  • โรงเรียนหอวัง ~ 1.6 กม.
  • เมเจอร์ รัชโยธิน  ~ 1.8 กม.
  • สวนรถไฟ ~ 2 กม.
  • ปตท. สำนักงานใหญ่ ~ 2 กม.
  • ตึกซันทาวน์เวอร์ ~ 2.1 กม.
  • ตึกการบินไทย  ~ 2.1 กม.
  • ธนาคารทหารไทย ~ 2.2 กม.
  • สวนจตุจักร ~ 3.4 กม.
  • SCB Park ~ 4.2 กม.


เจาะลึกตัวโครงการ

Gladden ลาดพร้าว 1 เป็นคอนโดแบรนด์น้องใหม่ จาก บริษัท แคปปิตอล ไพร์ม ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด หลายๆ คนอาจจะยังไม่คุ้นหูกับชื่อบริษัทนี้ งั้นจะขอเล่าคร่าวๆ ซะหน่อย เจ้าของแคปปิตอล ไพร์ม ดิเวลลอปเมนท์คือ คุณภูมิภัทร พรหมมา ที่นั่งเป็นประธานกรรมการของ A PLUS Real Estate ที่ทำคอนโดตะกูล Asher อยู่หลายโครงการในทำเลรัชดา-สุทธิสาร นั่นเอง ซึ่งทางบริษัทตั้งใจทำ Gladden ลาดพร้าว 1 ให้ออกมาอยู่ในระดับ UPPER Class เลือกใช้วัสดุดีระดับหนึ่ง เพื่อจับตลาดกลุ่มที่มีกำลังซื้อห้องประมาณ 2-3 ล้านเป็นหลัก

ภาพจำลองโครงการ Gladden ลาดพร้าว 1 เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น บนที่ดินของโครงการเกือบ 200 ตร.ว. เป็นไซส์มินิเลยสำหรับพื้นที่ทำคอนโดเพราะโครงการเน้นความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย ด้วยจำนวนเพื่อนบ้านเพียง 74 ยูนิต ซึ่งเป็นจำนวนยูนิตที่น้อยสุดของคอนโดในทำเลนี้ โครงการใช้คอนเซปต์ Retro Modern ในการออกแบบ ต้องการให้อาคารดูทันสมัยแต่ก็ยังมีลูกเล่นที่ช่วยลดทอนความทึบตันของอาคาร

แม้ว่าจะเป็นโครงการเล็กๆ แต่ก็มีการจัดวางภาพรวมออกมาดีนะคะ โดยชั้นล่างจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่จอดรถทั้งหมด รวมถึงมี Automatic Car Park อีกประมาณ 9 คันด้วย ส่วนห้องพักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 2 และยกพื้นที่ส่วนกลางหลักๆ ไปไว้บนชั้น 7 และ 8 เพื่อให้ได้วิวที่กว้างขึ้น เป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับลูกบ้านในชั้นล่างๆ ได้ขึ้นมาเปลี่ยนบรรยากาศกัน สำหรับห้องพักถูกออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัดหน่อย เริ่มต้นที่ห้อง Studio ขนาด 21 ตร.ม. และส่วนใหญ่จะเป็นห้อง 1-Bedroom ขนาด 26 ตร.ม. ช่วยทำให้ราคา Package รวมของห้องหยิบจับง่ายขึ้น

ภาพจำลอง Facilities ส่วนกลางของโครงการ ซึ่งโครงการจะยกส่วนกลางหลักๆ ขึ้นมาไว้ชั้น 7 และชั้น 8

มาดู Master Plan ของโครงการ Gladden ลาดพร้าว 1 กันต่อ โครงการมีทางเข้าออกทางเดียวคือทางซอยลาดพร้าว 1 เข้ามาแล้วจะเจอกับ Lobby เป็นส่วนแรกเลย ภายในจะแบ่งเป็นฟังก์ชันย่อยๆ เช่น Co-Living Lounge และ Amphi Theater ที่เป็นมุมนั่งเล่นพร้อมมีจอโปรเจคเตอร์ ถ้าไม่อยากอยู่บนห้องก็ลงมานั่งดูหนัง ดูบอล กันได้ ส่วน Working Space & Library ก็จะอยู่ Living Lounge อีกเช่นกัน ก็จะมีโต๊ะเก้าอี้ไว้ให้สำหรับนั่งทำงาน นอกจากนี้ก็จะมี Gladden Box ที่เอาใจสายช้อปออนไลน์ คือจะมีเจ้าหน้าที่คอยรับพัสดุให้ ไม่ต้องอยู่บ้านคอยรับเอง หรือส่งไปที่ทำงานอีกต่อไป

ส่วนการเข้า Lift Lobby จะต้องใช้ Key Card เข้าอีกที ทำให้แขกของลูกบ้านสามารถมานั่งคอยภายใน Lobby ก่อนได้ โครงการจะมีลิฟต์โดยสาร 1 ตัว ดังนั้นอัตราส่วนลิฟต์จะอยู่ที่ 74 : 1 ก็ถือว่าอยู่ในสัดส่วนที่แชร์กันใช้ได้สบายๆ แต่พอมีลิฟต์แค่ตัวเดียว ใช้ทั้งโดยสารและ Service เลย ก็คงต้องมีการจัดการดูแลที่ดีหน่อย อย่าให้มีอาการขัดข้องเลยนะคะ

นอกจากพื้นที่ในอาคารแล้ว ในชั้นนี้พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นทางเดินรถและพื้นที่จอดรถใต้อาคาร นอกจากนี้จะมี Automatic Car Park อีกประมาณ 9 คัน ทำให้มีสัดส่วนที่จอดรถ 40% แบบรวมจอดซ้อนคัน ก็ถือว่าไม่เยอะเท่าไหร่นะคะ

ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Lobby ของโครงการ ซึ่งมีฟังก์ชันหลักๆ เป็น Co-Living Lounge และมี Working Space & Library ที่เป็นพื้นที่สำหรับนั่งทำงานค่ะ

ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 มีทั้งหมด 10 ยูนิต โดยห้องส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 1-Bedroom มีให้เลือก 4 แบบ และเป็นห้องทางทิศเหนือ/ ทิศตะวันออก/ ทิศตะวันตก ส่วนห้อง Studio มีให้เลือก 2 แบบ เป็นห้องทางทิศเหนือ / ทิศตะวันออก ตำแหน่งของลิฟต์อยู่ตรงกลางอาคาร ทำให้ห้องพักอาศัยทุกห้องมีระยะห่างจากลิฟต์ไม่มากนัก ห้องนิติบุคคลจะอยู่ตรงข้ามกับลิฟต์เลย มีอะไรก็มาปรึกษาได้สะดวก

สำหรับคอนโด Low Rise ผู้อยู่อาศัยคงไม่ได้เน้นเรื่องวิวสักเท่าไหร่ ซึ่งห้องของโครงการหลักๆ จะมีห้องทางทิศเหนือและทิศตะวันออก ก็เป็นทิศยอดนิยมอยู่แล้ว เพราะทางทิศเหนือและตะวันออกจะได้แดดเช้า ไม่ร้อนบ่าย หรือถ้าใครชอบห้องทิศใต้ก็มีให้เลือกแต่จะอยู่ในชั้นบนๆ ขึ้นไปอีกหน่อย ก็จะได้แดดช่วงบ่ายบ้างแต่จะไม่ได้โดนเต็มๆ อย่างทิศตะวันตก แถมยังได้ลมดีอีกด้วยค่ะ สำหรับเรื่องวิวในชั้นนี้ยังโดนบล๊อกด้วยเพื่อนบ้านที่สูง 2 ชั้นเท่ากันนะ ถ้าอยากได้วิวที่โล่งหน่อย ต้องชั้นสูงขึ้นไปอีกค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 3 ชั้นนี้จะเป็นชั้นพักอาศัยเต็มชั้น มีจำนวนห้องเพิ่มขึ้นเป็น 11 ยูนิต แปลนโดยรวมก็จะเหมือนกับชั้น 2 แต่มีห้องทิศใต้ให้เลือกแล้วเป็นห้อง 1-Bedroom ค่ะ

พอขึ้นมาถึงชั้น 3 วิวทุกด้านก็จะพ้นจากอาคารโดยรอบแล้ว เพราะเพื่อนบ้านที่ล้อมรอบทางทิศเหนือ / ทิศตะวันออก / ทิศตะวันตก เป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้นทั้งหมด ส่วนห้องพักทางทิศใต้จะติดกับถนนซอยลาดพร้าว 1 จึงไม่ได้มีเพื่อนบ้านในระยะประชิดให้อึดอัด แต่ก็จะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างจากการที่มีห้องพักอยู่ใกล้ถนนนะคะ

ขึ้นมาที่ชั้น 4 ผังและวิวจะคล้ายๆ กับที่ชั้น 3 เลย มีจำนวนห้อง 11 ยูนิตเท่ากัน ต่างกันนิดเดียวที่มีห้องแบบ 1-Bedroom Type A-2 ให้เลือก

ขึ้นมาที่ชั้น 5 ในชั้นนี้จะมีจำนวนห้องเพิ่มขึ้นเป็น 12 ยูนิต จึงมีห้องทางทิศใต้ให้เลือกมากขึ้น วิวก็จะเหมือนๆ กับห้องในชั้น 3,4 แต่จะได้มุมมองที่กว้างขึ้น

ขึ้นมาที่ชั้น 6 ผังและวิวจะคล้ายๆ กับที่ชั้น 5 เลย มีจำนวนห้อง 12 ยูนิตเท่ากัน ต่างกันนิดเดียวที่มีห้องแบบ 1-Bedroom Type A-2 ให้เลือก

ขึ้นมาที่ชั้น 7 ชั้นนี้จะมี Fitness ด้วย ทำให้ห้องพักบนชั้นนี้เหลือเพียง 10 ยูนิต ข้อดีของการวางห้อง Fitness ไว้ชั้นบนๆ แบบนี้ ทำให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายไปชมวิวไปได้ ไม่อึดอัด ใครพักบนชั้นนี้ก็มาออกกำลังได้สะดวก ไม่ต้องเดินไกล แต่ก็จะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้าง เพราะลูกบ้านทุกคนจะสามารถขึ้นมาที่ชั้นนี้ได้ ทางโครงการเลยวางตำแหน่งของห้อง Fitness ให้อยู่ใกล้ๆ กับลิฟต์ จึงช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านไว้ได้บ้าง สำหรับวิวของห้องพักบนชั้นนี้ก็โล่งๆ แบบที่ชั้น 6 แต่จะได้มุมมองที่กว้างขึ้น

ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Fitness ของโครงการที่ชั้น 7 เป็นห้องแบบ Double Volume ทำให้บรรยากาศภายในสูงโปร่ง ไม่อึดอัด ก็ไม่ค่อยเห็นโครงการเล็กๆ ทำ Fitness เป็นฝ้าเพดานสูงแบบนี้นะ

สำหรับชั้นบนสุดของอาคารจะมีห้องพักอาศัยเหลือเพียง 8 ยูนิต และมีให้เลือกเฉพาะห้องทางทิศเหนือและทิศใต้ พื้นที่ส่วนกลางบนชั้นนี้ส่วนใหญ่ก็จะจัดฟังก์ชันให้เหมาะกับการชมวิวเป็นหลัก อย่างSwimming Pool, Rooftop Sky Pool, Recreation Space, Co-Kitchen + BBQ Deck จะต้องเดินขึ้นบันไดจากชั้น 8 ขึ้นไปยัง Rooftop ซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกบ้านที่มีห้องพักในชั้นล่างๆ ได้ขึ้นมารับลม ชมวิว เปลี่ยนบรรยากาศที่โปร่งโล่งขึ้นนะคะ

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Coffee Corner ของโครงการที่จะจัดไว้ให้บริเวณหน้าลิฟต์ชั้น 8 ด้วยค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณสระว่ายน้ำ, Recreation Space และ Co-Kitchen Space & BBQ Deck

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • 1st Floor

  • Lobby
  • สวนหย่อม
  • Amphi Theater
  • Glad Bike
  • Co-Living Lounge
  • Semi-Outdoor Lobby
  • Co-Working Space + Library Corner

  • 7th Floor
    • ห้องออกกำลังกาย

  • Rooftop
    • สระว่ายน้ำ ระบบ เกลือ ขนาด 3×10.65 เมตร ลึก n/a เมตร
    • Coffee Club
    • Recreation Space
    • Co-Kitchen Space & BBQ Deck

  • ลิฟต์โดยสาร 1 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 74 :  1
  • ที่จอดรถประมาณ 40% (รวมจอดซ้อนคัน)
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card

  • Product Walkthrough

    โครงการ Gladden ลาดพร้าว 1 มีห้องให้เลือกหลายขนาด โดยมีห้องให้เลือกตั้งแต่แบบ Studio ขนาด 21-24 ตร.ม. และห้องแบบ 1-Bedroom ขนาด 26-32 ตร.ม. รูปแบบการขายของโครงการเป็นแบบ Partly Furnished เอาใจคนที่ไม่อยากตกแต่งเพิ่มเยอะ คือจะได้

    • Pantry พร้อม Hob & Hood
    • ชุดสุขภัณฑ์ทั้งหมด
    • Furniture จาก SB

    ในรีวิวนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่าง 2 แบบที่มีจำนวนยูนิตเยอะสุดในโครงการ โดยเป็นแบบ 1 Bedroom ทั้ง 2 ห้อง เราไปดูกันดีกว่าว่าภายในห้องนั้นจะมีบรรยากาศอย่างไร วัสดุและเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาจะได้อะไรบ้าง

    ห้องตัวอย่าง Type แรกที่จะพาไปดู คือห้อง 1 Bedroom ขนาด 26 ตร.ม. เป็นห้องขนาดเล็กที่พักอาศัยคนเดียวได้ลงตัวดี ห้อง Type นี้เน้นพื้นที่ทำอาหารที่เป็นแบบครัวปิด ติดระเบียง เหมาะกับคนที่อยากได้ครัวไทยแบบเป็นสัดส่วนระบายอากาศได้ดี และเน้นห้องนอนที่มีขนาดใหญ่หน่อย ทำให้มีพื้นที่สำหรับกั้นโซนแต่งตัวหรือจัดเป็นมุมทำงานได้เป็นสัดส่วน ชอบห้องนอนที่มีช่องหน้าต่างในตัว ทำให้ได้ช่องรับแสงธรรมชาติแบบเต็มๆ แลกกับพื้นที่นั่งเล่นและห้องน้ำที่อยู่ด้านในอาคาร ในเวลากลางวันหากไม่เปิดไฟ ก็ต้องอาศัยแสงที่ลอดผ่านห้องนอนและห้องครัวมาแทน ส่วนตำแหน่งวางโต๊ะทานข้าวจะอยู่ข้างโซฟา จึงสามารถนั่งทานอาหารและดูทีวีไปได้สะดวก ส่วนห้องน้ำจะอยู่ด้านในอาคารจึงต้องอาศัยระบบระบายอากาศของอาคารล้วนๆ ค่ะ

    นอกจาก Pantry ครัวและชุดสุขภัณฑ์แล้ว ก็จะมีเฟอร์นิเจอร์ของ SB ที่ให้มาตามในรูปเลย

    วัสดุบานประตูเป็น HDF คือบานประตูไม้สำเร็จ ซึ่งทนความชื้นได้ดีกว่าประตูไม้อัดทั่วไป แต่ความแข็งแรงก็ยังไม่เท่าไม้จริง มาพร้อม Digital Doorlock ของ Home Huk ซึ่งก็เป็นรุ่นที่เห็นหลายๆโครงการเริ่มใช้กันแล้ว

    เข้ามาในห้องจะเจอกับห้องนั่งเล่นเป็นส่วนแรก ด้านขวาคือห้องน้ำ ส่วนห้องนอนและห้องครัวจะถูกวางตำแหน่งไว้ด้านในติดกับหน้าต่างทั้งหมด ระดับฝ้าเพดานในห้องนั่งเล่นสูง 2.4 ม. พื้นปูด้วยกระเบื้องยางลายไม้ ห้องจะขายแบบ Partly Furnished คือให้เฟอร์นิเจอร์และสุขภัณฑ์มาเกือบครบ ขาดเพียงชั้นวางทีวีค่ะ

    ภายในห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ที่รวม Living & Dining เข้าไว้ด้วยกัน แม้พื้นที่ไม่กว้างเท่าไหร่แต่ก็วางฟังก์ชันได้ลงตัวดีนะคะ

    ตำแหน่งวางชุดโซฟาจะอยู่ด้านหน้าห้อง ซึ่งมีระยะระหว่างชั้นวางทีวีถึงโซฟาไม่กว้างมาก ถ้าจะวางโต๊ะกลางก็เลือกตัวเล็กๆ หน่อยไม่ให้บังทางเข้าออกหน้าประตูห้องนะคะ

    จากโซฟาถึงทีวีมีระยะดูทีวีประมาณ 2.4 ม. จึงสามารถวางทีวีได้ใหญ่ถึง 52 นิ้วได้เลย ส่วนชั้นวางทีวีจะได้เป็นพื้นที่โล่งๆ ไม่ได้ให้ชั้นวางทีวีมานะ ซึ่งเราสามารถ Built-in ชั้นวางทีวีแบบเต็มผนังได้เลย

    ติดกับโซฟาเป็นโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง ซึ่งทางโครงการจะให้โต๊ะและเก้าอี้มาตามแบบในห้องตัวอย่างเลยนะคะ เป็นเฟอร์นิเจอร์ของ SB ค่ะ

    เราลองเลื่อนเก้าอี้ออกมาให้ดูว่ามีพื้นที่เหลือให้สามารถดึงเก้าอี้ออกมานั่งได้สะดวกอยู่นะ

    ด้านข้างของชั้นวางทีวีจะเป็นตำแหน่งของทางเข้าห้องน้ำ และติดกันคือประตูห้องนอน โดยประตูห้องน้ำจะเป็นประตู UPVC ซึ่งมีคุณสมบัติในการกันความชื้นและเชื้อราได้ดี ส่วนประตูห้องนอนเป็นประตู HDF เช่นเดียวกับประตูห้องค่ะ

    ห้องน้ำของแปลนนี้มีข้อดีที่มีทางเข้า 2 ทางคือ สามารถเข้าได้จากทางห้องนอนและห้องนั่งเล่น

    มาดูในห้องน้ำกันก่อน ภายในห้องน้ำแบ่งแยกส่วนเปียกแห้งไว้ด้วยฉากกั้นอาบน้ำและขอบธรณี ทำให้สามารถใช้งานได้เป็นสัดส่วน พื้นและผนังปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ทั้งหมด แต่ในส่วนพื้นจะแบบผิวด้านเพื่อกันลื่น

    สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้ ก็จะได้ครบตามอย่างห้องตัวอย่างเลย รวมถึงช่องวางของแบบ Built-in ด้วยนะ

    อ่างล้างมือได้ของ Mogen มีพื้นที่ขอบอ่างให้วางของได้นิดหน่อย

    ใต้อ่างล้างมือมีตู้ให้เก็บของใช้ได้เล็กๆ น้อยๆ ภายในแบ่งเป็น 2 ช่อง ซึ่งเวลาเก็บของก็อย่าลืมเผื่อพื้นที่สำหรับซ่อมบำรุงไว้ด้วยนะ

    สุขภัณฑ์ได้ของ American Standard โดยมีระยะวางตำแหน่งการใช้งานต่างๆ เป็นมาตรฐาน พร้อมสายฉีดชำระและแกนใส่กระดาษทิชชู่ตามมาตรฐานโครงการ

    ช่องวางของที่ทางโครงการ Built-in ไว้ให้เป็นช่องขนาดใหญ่ ไว้วางของใช้ หนังสือ ของตกแต่ง ซึ่งสามารถวางของตกแต่งทรงสูงได้สบายๆ เลยนะ

    สำหรับพื้นที่อาบน้ำจะมีกระจกนิรภัยเป็นบานสวิงติดตั้งมาให้เหมือนในห้องตัวอย่างเลย

    ภายในพื้นที่อาบน้ำ จะติดตั้งฝักบัวอาบน้ำมาให้เรียบร้อยของ American Standard ข้อดีของห้องน้ำนี้คือ มี Built-in ผนังเป็นช่องสำหรับวางของใช้ในห้องน้ำมาให้ด้วย ซึ่งหากไม่มีมาให้แล้วต้องเจาะเอง ก็ต้องดูเรื่องของงานระบบให้ดีๆ ว่าแนวท่ออยู่ตรงไหนนะ

    หน้าตาของฝักบัวที่ได้ของ American Standard มีขนาดจับได้ถนัดมือดี

    โครงการเก็บรายละเอียดมาให้เรียบร้อยดี โดยฉากกั้นอาบน้ำจะอยู่บนธรณีประตูอีกที ช่วยกันน้ำไม่ให้ไหลไปส่วนอื่นได้ดี มือจับขนาดไม่ใหญ่มากพอจับได้ถนัดมือ ส่วนด้านหลังประตูก็ติด Door Stopper เพื่อกันฉากกั้นกระจกกระแทกไว้เรียบร้อย

    พื้นที่อาบน้ำ มีขนาดกว้างยาวประมาณ 1 x 1 ม. ขนาดมาตรฐานที่จะยืนอาบน้ำและหมุนตัวได้เล็กน้อย

    จากข้อดีของห้องน้ำที่มีทางเข้าออก 2 ทาง จึงเชื่อมเข้าห้องนอนได้เลย ซึ่งเราสามารถทำ Walk-in Closet ตามแบบในห้องตัวอย่างได้ โดยโครงการจะให้มาเฉพาะตู้เสื้อผ้าไม่ได้ทำฉากกั้นมาให้นะคะ

    ถ้าสนใจทำ Walk-in Closet แบบในห้องตัวอย่าง ก็แนะนำให้เลือกเป็นฉากกั้นกระจกใสๆ จะทำให้ห้องไม่อึดอัดและดูเป็นสัดส่วนดี แถมได้ตำแหน่งของพื้นที่แต่งตัวที่อยู่ติดกับห้องน้ำเลยด้วย

    ตู้เสื้อผ้าที่ห้องตัวอย่างตกแต่งมาให้ดูเป็นแบบบานสวิง 2 ตอน ซึ่งตู้จริงที่ให้มาจะเป็นของ SB และเป็นตู้บานเลื่อนแบบ 2 ตอน ช่วยประหยัดพื้นที่ในการใช้งานได้ดี

    ผ่านเข้ามาภายในห้องมีพื้นที่ใช้สอยพอสมควรให้วางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ เห็นบรรยากาศดูโปร่งๆ ไม่อึดอัดแบบนี้ เป็นเพราะหน้าต่างบานใหญ่ที่ทางโครงการให้มาแบบเต็มพื้นที่ผนังจากพื้นถึงฝ้า ทำให้สามารถนอนมองวิวจากบนเตียงนอนได้เลย

    พอวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้ตรงกลางแล้ว ก็จะเหลือพื้นที่ให้เดินขึ้นเตียงได้โดยรอบแต่ไม่กว้างมากนัก หรือถ้าดันเตียงไปติดหน้าต่าง จะเหลือพื้นที่ให้วางโต๊ะข้างเตียงได้ ซึ่งโครงการจะให้เตียงมาตามแบบในห้องตัวอย่าง เป็นแบบที่มีช่องเก็บของใต้เตียงของ SB แต่จะไม่ได้ให้โต๊ะข้างเตียงมาด้วยนะคะ

    หน้าต่างของห้องเป็นบาน Fixed ผสมบานกระทุ้ง ทำให้สามารถเปิดรับลมหรือเปิดระบายอากาศได้

    หน้าต่างบานกระทุ้งเปิดได้ไม่กว้างนัก เพราะมีบานพับหน้าต่างช่วยล็อกระยะเอาไว้ เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย

    มือจับมีขนาดมาตรฐาน สามารถเปิดใช้งานได้สะดวก

    สำหรับห้องครัวเป็นครัวปิด โดยมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นจากพื้นที่ส่วนอื่นเพื่อกันกลิ่นและควันเวลาทำอาหารไม่ให้ฟุ้งไปห้องอื่นๆ ค่ะ

    รางประตูห้องครัวจะถูกฝังลงบนพื้นเลยทำให้เดินเข้าออกได้สะดวก

    ประตูจะติดเส้นกำมะหยี่เอาไว้ช่วยกันประตูกระแทก

    ภายในห้องครัวมีความกว้างไม่มาก ซึ่งโครงการจะ Built-in Pantry ครัวมาทางฝั่งซ้าย และเหลือพื้นที่สำหรับเดินทำครัวกว้างประมาณ 70 ซม. พื้นปูด้วยกระเบื้องยางลายไม้เช่นเดียวกับส่วนอื่นของห้อง เวลาทำครัวก็ระวังหน่อยเพราะกระเบื้องยางลายไม้ทนความชื้นได้ดี แต่ไม่ทนกับรอยขีดข่วนและคราบน้ำมัน จึงต้องการการดูแลรักษาหน่อยค่ะ

    ด้านข้าง Pantry ครัวมีพื้นที่เว้นไว้ให้วางตู้เย็น ถ้าเลือกตู้เย็นขนาด 8.4 คิว ตามแบบในห้องตัวอย่างก็วางได้พอดีและก็เป็นไซส์ที่เพียงพอกับการอยู่อาศัย 2 คน ถ้าใครจะเลือกเครื่องใหญ่กว่านี้ก็ต้องดูเรื่องระยะดีๆ นะคะ

    เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีตู้เก็บของเป็นตู้บานเปิดปิดและลิ้นชัก หน้าบานเป็นไม้ลามิเนต ซึ่งตู้ใต้อ่างล้างจานมีพื้นที่ให้ใช้เก็บของเล็กๆ น้อยๆ ได้แต่ใส่ของเต็มไม่ได้ เพราะต้องเว้นพื้นที่ไว้เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจานด้วยค่ะ

    มือจับตู้ลิ้นชักถูกออกแบบให้ขอบด้านบนถูกเฉือนเป็นสามเหลี่ยม เพื่อให้เกิดช่องสำหรับสอดมือไปดึงลิ้นชักออกได้ ซึ่งแบบนี้มีข้อดีที่ไม่ต้องกลัวมือจับตู้หลุดเลย

    ใต้เคาน์เตอร์ยังมีตู้ช่องโล่งเป็นตำแหน่งสำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้า เวลาไปซื้อก็เลือกเป็นเครื่องซักผ้าฝาหน้า และดูขนาดที่ใส่ให้พอดี พอโครงการจัดตำแหน่งเครื่องซักผ้าไว้ให้ตรงนี้ก็ช่วยให้ไม่เปลืองพื้นที่ระเบียงดีนะคะ

    มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง แบ่งพื้นที่ใช้งานมาได้ครบทั้งล้างจาน, เตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควัน และมีพื้นที่โล่งอีกเล็กน้อยไว้ให้เตรียมอาหาร Top เป็นหินสังเคราะห์ ห้องตัวอย่างจะติดกระจกในส่วนของ Backsplash ด้านหลังเคาน์เตอร์ครัวมาให้ดู ซึ่งห้องจริงจะได้เป็นกระเบื้องแทนนะ ส่วนนี้มีข้อดีเพราะเวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

    ถัดไปเป็นซิงค์ล้างจานของ Mex พอเราลองใส่จานชามลงไป ก็มีขนาดและความลึกพอสมควรที่ล้างจานแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมา ส่วนก๊อกน้ำได้ของ Mex เช่นกัน

    เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Mex จะใช้อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ หรือ ทำอาหารทานกันในห้องก็ได้ มาพร้อมเครื่องดูดควันแบบต่อท่อดูดควันออกไปด้านนอก ทำให้ระบายกลิ่นและควันได้ดีกว่าระบบหมุนเวียนค่ะ

    ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 2 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของย่อยๆ ตัว และมีตู้ช่องโล่งไว้สำหรับวางไมโครเวฟด้วย แต่ไมโครเวฟจะไม่ได้แถมมาให้นะ

    ด้านในสุดของห้องครัวจะมีประตูกระจกบานเลื่อนสำหรับเปิดออกไประเบียง และเป็นช่องแสงให้กับห้องครัวด้วย โครงการใช้ประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ทำให้สามารถเปิดประตูออกไปได้กว้าง เดินเข้าออกได้สะดวก

    พื้นที่ระเบียงขนาดประมาณ 1.1 x 1 ม. ซึ่งสำหรับห้องแปลนนี้จะวางเครื่องซักผ้าไว้ในครัวแล้ว ทำให้เราสามารถใช้พื้นที่ระเบียงในการวางราวตากผ้าได้สะดวก พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิกช่วยกันลื่นได้ดี

    ราวกันตกให้มาเป็นลูกกรงเหล็กสูง 1.1 ม. ตามมาตรฐาน ส่วน Condensing Unit ถูกออกแบบมาเป็นแบบแขวน จัดวางตำแหน่งมาให้อยู่ชิดผนังและหันเข้าหาระเบียง ซึ่งทางโครงการติดตั้งตัวปัดทิศทางลมร้อนออกด้านนอกมาให้แล้ว ทำให้ความร้อนไม่สะสมอยู่ที่ระเบียง และด้านบนระเบียงมีไฟดาวน์ไลท์ติดไว้ให้เรียบร้อยค่ะ

    โครงการเก็บรายละเอียดมาดี คือระหว่างพื้นที่ระเบียงและพื้นที่ด้านในห้องมีธรณีประตูกั้นสูงพอสมควร เพื่อเวลาฝนสาดเข้ามายังระเบียง น้ำก็จะไม่ไหลเข้าในห้องพัก แต่เวลาเดินก็ระวังสะดุดหน่อยนะ

    ดวงไฟในห้องก็จะได้เป็นดาวน์ไลท์เช่นกัน ตามแบบในห้องตัวอย่างเลย แต่จะไม่ได้ดรอปฝ้า ซ่อนไฟมานะ จะเป็นฝ้าเรียบๆ ทาสีขาวปกติค่ะ

    ห้องตัวอย่างอีกแบบหนึ่งเป็นแบบ 1-Bedroom เช่นกัน มีขนาด 31 ตร.ม. เป็นห้องมุมจึงได้หน้าต่าง 2 ฝั่ง ซึ่งแปลนห้องโดยรวมจะเหมือนกับแบบแรกเลย แต่จะมีพื้นที่ใช้สอยด้านหน้าห้องเพิ่มขึ้นในลักษณะของ Multi-Purpose Area ทำให้มีพื้นที่สำหรับจัดเป็นมุมทำงาน หรือทำตู้ Buil-in สำหรับเก็บของใช้ก็ทำให้ห้องพักดูเรียบร้อยขึ้น จะเป็นอย่างไรไปชมกันต่อเลยค่ะ

    พื้นที่ที่เพิ่มเข้ามาของห้อง Type นี้คือ พื้นที่ส่วนหน้าห้องที่เป็น Multi-Purpose Area ห้องตัวอย่างจัดพื้นที่มาเป็นโต๊ะทำงาน ซึ่งห้องจริงจะไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์ในส่วนนี้มาให้ เราจึงสามารถออกแบบฟังก์ชันให้เข้ากับไลฟ์สไตล์เราได้เลย

    ส่วนบริเวณประตูทางเข้าห้องเราสามารถ Built-in ตู้เก็บรองเท้า และตู้ไว้เก็บของต่างๆ ได้เยอะทีเดียว

    ข้อดีของพื้นที่บริเวณนี้จะได้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างบานใหญ่เต็มๆ ทำให้พื้นที่ดูโปร่ง ไม่อึดอัด

    เข้ามาด้านในบริเวณห้องนั่งเล่น จะมีการวางแปลนเหมือนกับห้องแบบแรกเลย วัสดุต่างๆ ในห้องก็เหมือนกันนะคะ

    ห้องตัวอย่างของ Type นี้จะจัดโซฟามาเป็นแบบ 3 ที่นั่ง และเปลี่ยนโต๊ะทานอาหารเป็นโต๊ะข้างโซฟาแทน ซึ่งเฟอร์นิเจอร์จริงที่แถมมาให้จะเป็นโซฟา 2 ที่นั่งและโต๊ะทานอาหารเช่นเดียวกับแบบแรกนะ ระยะดูทีวีของห้องนี้มีระยะ 2.4 ม. ก็มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 52 นิ้วนะคะ

    ทางซ้ายของห้องนั่งเล่นจะเป็นตำแหน่งของห้องน้ำ ส่วนห้องนอนและห้องครัวจะอยู่ด้านใน ได้ช่องแสงและหน้าต่างเต็มๆ เหมือนแบบห้องแรกเลย

    พื้นที่ภายในห้องน้ำก็จะมีขนาดพอๆ กับห้องแรก ภายในห้องน้ำจะได้สุขภัณฑ์และอุปกรณ์อาบน้ำตามแบบในห้องตัวอย่าง

    ห้องน้ำมีทางเข้าออกได้ 2 ทางเ เชื่อมกับห้องนอนและห้องนั่งเล่น

    พื้นที่ใช้สอยภายในห้องน้ำถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนด้วยขอบธรณีและฉากกั้นอาบน้ำ ทำให้สามารถใช้งานพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งได้สะดวก

    ฉากกั้นอาบน้ำเป็นประตูกระจกบานสวิงเช่นเดียวกับห้องแบบแรก

    พื้นที่อาบน้ำในห้อง Type นี้จะมีขนาดใหญ่กว่าแบบแรกเล็กน้อย อยู่ที่ขนาด 1.35 x 0.75 ม.

    ภายในห้องนอนจะมีพื้นที่ใช้สอยพอๆ กับห้องแบบแรกเลย แต่ห้องตัวอย่างนี้จะไม่ได้กั้น Walk-in Closet มาให้ดู

    ซึ่งเราจะได้ตู้เสื้อผ้าแบบบานเลื่อนของ SB และยังมีพื้นที่เหลือพอให้สามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งได้ลงตัว

    พอวางเตียงชิดหน้าต่างแบบในห้องตัวอย่าง ก็ทำให้เหลือพื้นที่วางโต๊ะเครื่องแป้งได้ แต่จะไม่มีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะหัวเตียงแล้วนะคะ

    หากใครอยากดูทีวีในห้องนอน แนะนำให้ติดทีวีแบบแขวนผนัง เพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ ด้านในมีหน้าต่างบานใหญ่เต็มผนัง สูงจากพื้นถึงฝ้า ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูโปร่ง และสามารถนอนมองวิวจากบนเตียงนอนได้เลย ซึ่งหน้าต่างเป็นบาน Fixed ผสมบานเลื่อน สามารถเปิดรับลมหรือระบายอากาศได้

    สำหรับห้องครัวเป็นครัวปิดอีกเช่นกัน ซึ่งจะกั้นจากพื้นที่ส่วนอื่นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้ช่วยกันกลิ่นและควันเวลาทำอาหารได้

    ภายในห้องครัวจะ Built-in Pantry ครัวมาให้ตามแบบในห้องตัวอย่าง โดยจะเหลือพื้นที่ให้ยืนทำครัวประมาณ 70 ซม. ด้านข้างเคาน์เตอร์ครัวมีพื้นที่เว้นไว้ให้วางตู้เย็นเช่นเดียวกับห้องแบบแรกเป๊ะเลย

    ด้านในสุดของห้องครัวจะมีประตูบานเลื่อนเปิดไปเชื่อมกับระเบียง เป็นข้อดีที่ทำให้สามารถเปิดระบายอากาศได้ โครงประตูเป็นอลูมิเนียมอบสีดำ มาพร้อมกระจกตัดแสงที่ช่วยกรองความร้อนที่จะผ่านเข้ามาในห้อง

    พื้นที่ระเบียงให้ราวกันตกเป็นลูกกรง สเปกเดียวกับห้องแบบแรก

    พื้นที่ระเบียงของห้องนี้กว้างพอสมควรสำหรับวางราวตากผ้า โดยมีขนาดอยู่ที่ 1.15 x 1 ม. พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคเพื่อช่วยกันลื่น

    หน้าตาของสวิตซ์ไฟจะได้มา 2 แบบ คือในส่วนของห้องนั่งเล่นและห้องนอน จะได้เป็นของ Home Huk ที่เชื่อมต่อกับ Apps ในมือถือได้ทั้งระบบ Androis และ ios จึงสามารถควบคุมผ่านมือถือได้เลย ส่วนปลั๊กและสวิตซ์ไฟในส่วนของห้องครัวและห้องน้ำจะได้ของ Bticino ตามมาตรฐานโครงการค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 30 October 2019

    • Studio / ชั้น 6 ห้อง 601 / เนื้อที่ 23 ตร.ม. / ราคา 2,382,500 ล้านบาท หรือ 103,587 บาท/ตร.ม.
    • 1-Bedroom / ชั้น 2 ห้อง 207 / เนื้อที่ 27 ตร.ม. / ราคา 2,610,500 ล้านบาท หรือ 96,685 บาท/ตร.ม.

    • รูปแบบการขาย Partly Furnished
    • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.4-2.5 เมตร
    • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
    • Hob & Hood / ของยี่ห้อ MEX
    • จอง 10,000 บาท
    • ทำสัญญา 30,000 บาท
    • ดาวน์ 10% ผ่อนดาวน์งวดละ 6,900 บาท มีงวดบอลลูน งวดละ 25,000 บาท
    • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 59 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ขอสรุปภาพรวมของคอนโดในย่านลาดพร้าวตอนต้นก่อนนะ ในช่วงตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าวไปจนถึงแยกลาดพร้าวตัดรัชดาภิเษก ถ้าไม่นับคอนโด High Rise ริมถนนลาดพร้าว ที่มีราคาเริ่มต้นประมาณ 120,000 บาท/ตร.ม. ก็จะมีคอนโด Low Rise ที่อยู่ใน 3 ซอยหลักๆ คือ ซอยลาดพร้าว 1 ซอยลาดพร้าว 15 และซอยลาดพร้าว 18 ซึ่งทั้ง 3 ซอยเป็นทำเลที่มีความแตกต่างกันพอสมควร อย่างซอยลาดพร้าว 1 เป็นซอยที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุด และเหมาะกับคนที่ใช้การเดินทางอิงเส้นพหลโยธินเป็นหลัก ส่วนซอยลาดพร้าว 15 ถึงแม้ว่าจะเชื่อมกับซอยลาดพร้าว 1 ได้ แต่ความอุดมสมบูรณ์ในซอยนั้น ถือว่าน้อยกว่ามาก ส่วนซอยลาดพร้าว 18 จะเป็นทำเลที่อิงกับเส้นรัชดาภิเษก เพราะมีทางลัดเดินทางได้สะดวก แต่ก็จะไกลจากความอุดมสมบูรณ์หลักๆ ในย่าน คือ เซ็นทรัลลาดพร้าว และยูเนี่ยนมอลล์ พอมาพิจารณาที่โครงการ Gladden ลาดพร้าว 1 จึงมีจุดเด่นที่ทำเลของโครงการ อยู่ในซอยที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดในช่วงลาดพร้าวตอนต้น ซึ่งคอนโด Low Rise ในซอยนี้ก็จะมีอยู่ 3 โครงการ ที่มีทั้งมือ 1 มือ 2 แต่ราคาแตะอยู่ที่ 100,000 ถึง 110,000 บาท/ต่อตร.ม. ทำให้ Gladden ยังมีราคาที่หยิบจับง่ายสุด แลกมากับระยะทางที่ลึกเข้ามาในซอยมากกว่าอีก 2 โครงการอยู่สักหน่อยค่ะ

    ทำเล : Gladden ลาดพร้าว 1 เป็นโครงการที่อยู่ในซอยลาดพร้าว 1 ซึ่งเป็นซอยที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในบรรดาซอยย่อยๆ บนเส้นลาดพร้าวตอนต้นทั้งหมด (ช่วง 5 แยกลาดพร้าวจนถึงแยกรัชดา-ลาดพร้าว) เป็นทำเลที่อิงกับห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งเป็นจุดตัดของถนนลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน และถนนวิภาวดีรังสิต ทำให้สามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆได้สะดวก นอกจากนี้ยังเป็นเเหล่งงาน แหล่งสถานศึกษา และแหล่งห้างสรรพสินค้าชื่อดังหลายแหล่งอีกด้วย นับว่าเป็นทำเลที่คึกคัก สะดวกสบายสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ค่ะ จุดเด่นอีกอย่างของซอยลาดพร้าว 1 ก็คือเป็นซอยที่มีทางลัดเยอะ จึงไปออกถนนพหลโยธิน, ถนนลาดพร้าว และถนนรัชดาภิเษก (เป็นช่วงเวลา) ได้และเรายังสามารถไป Lotus, Big C แบบที่ไม่ต้องออกไปผ่านถนนใหญ่ได้ด้วย

    การเดินทางโดยใช้รถ : สามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง เนื่องจากภายในซอยลาดพร้าว1 เองเป็นซอยลัดที่สามารถเชื่อมต่อไปยังลาดพร้าวซอย 15 ถนนพหลโยธิน24 และถนนรัชดาภิเษก ได้ และใกล้กับถนนหลักหลายๆสาย ที่ใช้เดินทางไปที่ต่างๆได้มากเส้นทาง แต่ขึ้นชื่อว่าลาดพร้าวแล้ว ข้อเสียหลักๆของย่านนี้เลยจริงๆ คือการจราจรที่ติดขัดหนักมากทั้งเช้าเเละเย็น ยังดีที่ช่วงนี้การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวใกล้จะเสร็จแล้ว ก็ช่วยให้การจราจรทุเลาลงไปบ้าง ซึ่งโครงการให้สัดส่วนของที่จอดรถ 40% ก็ถือว่าไม่มากเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับว่าเป็นคอนโดที่ไม่ได้ติดกับรถไฟฟ้า แต่ก็พอๆ กับโครงการอื่นในทำเลนี้แหละ

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ที่ทำเลโครงการนี้ต้องพึ่งพี่วินมอเตอร์ไซค์กันเป็นหลัก แต่ซอยนี้พี่วินเยอะมากนะ แถมยังมีรถสองแถวในซอยด้วย และเป็นซอยที่มีความคึกคักไปจนถึงช่วงดึกเลย จึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความเปลี่ยวภายในซอยเท่าไหร่นักค่ะ สิ่งที่สำคัญของทำเลนี้คือรถไฟฟ้า ในปัจจุบันมีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีพหลโยธินให้บริการอยู่ ส่วนรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว สถานีห้าแยกลาดพร้าวก็เปิดให้ทดลองใช้ฟรีกันอยู่ด้วยนะ นอกจากนี้ยังมีป้ายรถเมล์ใกล้ปากซอยลาดพร้าว 1 และฝั่งตรงข้าม (มีสะพานลอยตรงปากซอยเลย) คือถ้าเรียกพี่วินมาถึงปากซอยไม่ว่าฝั่งถนนลาดพร้าว 1 หรือ ถนนพหลโยธินแล้วเนี่ย จะเดินทางด้วยรถไฟฟ้า หรือรถเมลล์ก็สะดวกไปหมดเลยค่ะ

    วัสดุ : วัสดุที่ให้สมราคาของโครงการ โดยขายแบบ Partly Furnished ให้วัสดุ สุขภัณฑ์ต่างๆ มาครบ พร้อมเฟอร์นิเจอร์จาก SB ขาดแค่ชั้นวางทีวีอย่างเดียวที่ไม่ได้ให้ สำหรับเกรดของวัสดุในห้องก็อยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนที่คิดว่าให้มาดีพิเศษคือหน้าต่างในห้องนอนที่ใหญ่เต็มผนังจากพื้นถึงฝ้า ส่วนที่เสียดายนิดหน่อยคือ พื้นในห้องครัวที่ให้เป็นกระเบื้องยางลายไม้ ซึ่งช่วยเรื่องความชื้นกันน้ำได้ดีกว่าลามิเนต แต่ถ้าได้เป็นกระเบื้องก็จะดีกว่าเพราะเช็ดถูทำความสะอาดง่ายเพราะกับพื้นครัวมากกว่า

    การออกแบบ : โดยรวมทำออกมาค่อนข้างลงตัว ดีตรงที่ยกส่วนกลางหลักๆ เอาไว้ที่ 2 ชั้นบนสุดของอาคาร แม้แต่ละฟังก์ชันจะเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ส่วนการออกแบบห้องส่วนใหญ่เป็นห้องแบบ 1-Bedroom ขนาด 26 ตร.ม. เป็นหลัก เน้นพื้นที่ทำอาหารที่เป็นแบบครัวปิด ติดระเบียง เหมาะกับคนที่อยากได้ครัวไทยแบบเป็นสัดส่วนระบายอากาศได้ดี และชอบห้องนอนที่มีช่องหน้าต่างในตัว ทำให้ได้ช่องรับแสงธรรมชาติแบบเต็มๆ แลกกับพื้นที่นั่งเล่นและห้องน้ำที่อยู่ด้านในอาคาร ห้องน้ำก็ชอบเพราะเข้าออกได้ 2 ทางเลย ส่วนเรื่องความหนาแน่นของการอยู่อาศัยก็เรียกว่าอยู่กันแบบสบายๆ ที่อัตราส่วนลิฟต์ 74 : 1 แต่ข้อเสียคือมีลิฟต์ตัวเดียว ถ้าเกิดขัดข้องขึ้นมา ก็มีทางเลือกเดียวคือ ออกแรงเดินลงบันไดหนีไฟกันนะ

    สาธารณูปโภค : มีให้ค่อนข้างครบ ที่เป็นฟังก์ชันหลักๆ ของคอนโดสมัยนี้ คือ สระว่ายน้ำที่อยู่บนชั้นดาดฟ้า และยังมี Co-Kitchen Space + BBQ Deck ให้มาจัดปาร์ตี้กันได้ มีฟิตเนสที่ชั้น 7 ส่วน Co-Working Space มีให้เป็นมุมเล็กๆ อยู่ใน Lobby นั่นแหละ แต่โดยรวมก็ถือว่าให้มาเยอะสำหรับคอนโดจำนวนยูนิตเท่านี้ แลกมากับค่าส่วนกลางที่สูงหน่อยอยู่ที่ 59 บาท/ตร.ม./เดือน

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ ในกรณีที่ AVG ประมาณ 96,000 บาท/ตร.ม., 30 October 2019

    • ทำเล 7.75/10 -โครงการตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 1 ซึ่งใกล้ยูเนียนมอลล์, เซ็นทรัลลาดพร้าว และโลตัส มีอาหารของกินภายในซอยคับคั่ง
    • เดินทางด้วยรถ 8/10 -มีทางเข้า-ออกหลายเส้นทาง จำนวนที่จอดรถกลางๆ พอๆ กับคอนโดอื่นในย่านนี้
    • ไม่ใช้รถ 7.75/10 -ใกล้รถไฟฟ้า MRT พหลโยธินและ BTS ห้าแยกลาดพร้าว ในแบบที่ต้องเรียกพี่วินออกจากซอยมาหน่อย แต่มีพี่วินผ่านเยอะ หน้าซอยมีป้ายรถเมล์
    • วัสดุ 7.5/10 -ตัววัสดุและสุขภัณฑ์ให้มาค่อนข้างดี ขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์ของ SB แบบเกือบครบ ขาดแค่ชั้นวางทีวี
    • แบบ 8/10 – ออกแบบส่วนกลางได้น่าใช้งาน ตัวห้องลงตัวดี
    • สาธารณูปโภค 7.5/10 -พื้นที่ส่วนกลางจัดมาให้ครบ ขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้าง แต่พอเทียบกับจำนวนลูกบ้านถือว่าแชร์กันใช้สบายๆ

    • UPPER CLASS
    • 7.75 / 10.00

    BOTTOM LINE

    Gladden ลาดพร้าว 1 เหมาะสำหรับคนที่มองหาคอนโดบนทำเลลาดพร้าว ที่ต้องการอยู่ในแหล่งที่ใกล้กับความอุดมสมบูรณ์ อิงกับถนนพหลโยธินเป็นหลัก สามารถใช้ทั้งรถส่วนตัวได้สะดวก หรือในวันที่ไม่ใช้รถก็รับได้กับการนั่งวินมอเตอร์ไซค์ รถสองแถว หรือออกแรงเดินสักหน่อย อยู่กัน 1-2 คน ต้องการเฟอร์นิเจอร์ครบ แต่งเพิ่มอีกไม่เยอะ มีงบประมาณระดับ 2 ล้านต้นๆถึง 3 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 14,000 – 21,000 บาท/เดือน


    ติดตามพวกเราได้ที่
    Website : www.thinkofliving.com
    Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
    YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
    Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
    Facebook : ThinkofLiving