..วันนี้เราพามารีวิวโครงการใหม่ Flexi Mega Space Bangna คอนโดแห่งที่ 2 บนผืนที่ดินติดถนนใหญ่บางนา-ตราดของทางเสนา ซึ่งหลังจากที่โครงการรุ่นพี่อย่าง Niche MONO เพิ่งจะสร้างเสร็จไปเมื่อไม่นาน การกลับมาอีกครั้งของเค้าไม่เพียงนำแบรนด์ใหม่ล่าสุดมาลงเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับการปรับดีไซน์และคอนเซ็ปต์ใหม่เกือบทั้งหมดอีกด้วยครับ โดยความน่าสนใจของโครงการผมก็ได้รวบรวมมาให้ตามนี้เลย

  • ทำเลติดถนนใหญ่บางนา-ตราด โดยอยู่ระหว่างห้างเซ็นทรัลและ Mega Bangna ซึ่งเป็นฝั่งขาเข้าเมืองและมีซอยทางลัดเชื่อมต่อถนนศรีนครินทร์ได้ง่าย
  • ห้องพักฝ้าเพดานสูง 2.9 m. บรรยากาศโปร่งโล่ง พร้อมให้เฟอร์นิเจอร์ Fully Furnished ดีไซน์ geo fit + ที่สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่แนวตั้งของห้องได้อย่างเต็มที่
  • เพิ่มนวัตกรรม Smart Technology และแนวคิด Condo Low Carbon มาใช้ที่คอนโดนี้เป็นแห่งแรกของเสนา ทำให้ช่วยลดค่าไฟของส่วนกลางลงได้ และค่าส่วนกลางก็ถูกมาก หากเทียบกับฟังก์ชันพื้นฐานที่ยังมีให้ใช้งานครบ

ข้อมูลโครงการ

Flexi Mega Space Bangna (เฟล็กซี่ เมกะ สเปซ บางนา) ณ วันที่ 13 กรกฎาคม 2566

 ชื่อโครงการ  Flexi Mega Space Bangna (เฟล็กซี่ เมกะ สเปซ บางนา)
 ชื่อผู้ประกอบการ  บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS  MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ถ.บางนา-ตราด อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
 ที่ดิน  3-1-72.8 ไร่
 ประเภทคอนโด  High Rise 32 ชั้น 1 อาคาร
 จำนวนยูนิต  807 ยูนิต + ร้านค้า 1 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด  31 ยูนิต
 ที่จอดรถ  42% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน (หรือคิดเป็น 45% แบบรวมจอดซ้อนคัน)
 เริ่มก่อสร้าง  ปี 2566
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  ปี 2568
 ประเภทห้องพัก
  • Studio ขนาด 22.5 – 24.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom ขนาด 26 – 30.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 34.5 – 35.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Exclusive ขนาด 42.5 ตร.ม.
  • 2 Bed 1 Bath ขนาด 50 ตร.ม.
  • 2 Bed 2 Bath ขนาด 50 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง  2.9 เมตร
 ราคาเริ่มต้น  1.89 ล้านบาท (Promotion)
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  86,000 บาท/ตร.ม.
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม)  ผ่านแล้ว
 เว็บไซต์โครงการ https://www.sena.co.th/project/flexi-mega-space-bangna
 Call Center 1775 # 65

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ทำเลใจกลางย่านบางนา ใกล้ถนนใหญ่ และแวดล้อมด้วยความอุดมสมบูรณ์ของห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลมากนัก โดยมีทั้งเซ็นทรัลและ Mega Bangna
  • เป็นฝั่งขาเข้าเมือง และมีซอยทางลัดด้านข้างโครงการ (ซ.วัดคลองปลัดเปรียง) ทำให้เชื่อมต่อไปยังถนนศรีนครินทร์ได้สะดวก
  • มีรถไฟฟ้า 2 สายอยู่ไม่ไกล เป็นตัวเลือกในการเดินทางเข้าเมืองเลี่ยงรถติดได้ดี อีกทั้งทางโครงการก็ยังมีบริการ Shuttle Service รับ-ส่งไปยังสถานีให้ด้วย

พิกัด Google Maps : 13.658105, 100.660086
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

.. Flexi Mega Space Bangna (เฟล็กซี่ เมกะ สเปซ บางนา) เป็นโครงการคอนโดมิเนียมแห่งที่ 2 บนที่ดินผืนใหญ่ติดถนนบางนา-ตราดของทางเสนา และเรียกได้ว่าเป็นทำเลที่อยู่กึ่งกลางของความอุดมสมบูรณ์ทั้ง 2 จุดของย่านนี้เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นห้างเซ็นทรัลบางนาและ Mega Bangna นอกจากนี้ก็ยังมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่หลายแห่งบนถนนเส้นนี้อีกด้วย อย่างบริเวณใกล้ๆกับโครงการ Flexi ก็จะเป็นที่ตั้งของบางนาทาวน์เวอร์ที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันดีนั่นเอง

ในด้านศักยภาพและการเติบโตของย่านบางนา-ตราด ถือได้ว่าเป็นทำเลเชื่อมต่อกรุงเทพไปสู่ภาคตะวันออกที่สำคัญมากครับ โดยเฉพาะภาคนิคมอุตสาหกรรมนิคมต่างๆ และยังมี Mega Project ขนาดใหญ่เกิดขึ้นในย่านนี้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Mega City ของ Mega Bangna / Bangkok Mall / The Forestias / Bitec Bangna เฟส 2 และ Central Village เป็นต้น

ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะส่งผลให้ย่านบางนา-ตราดคึกคักมากขึ้น มีทั้งคนที่เข้ามาทำงานในพื้นที่ก็ดี หรือคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยแถวๆนี้ก็ด้วย สังเกตจากการมาของตลาดคอนโดมิเนียมในปัจจุบัน ที่เริ่มดุเดือดมากขึ้นไม่แพ้โครงการแนวราบเลยครับ โดยคนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อเป็นคอนโดไม่ใช่แนวราบแถวนี้ ก็เพราะต้องการทำเลติดถนน ไม่ต้องเข้าซอยลึก ใกล้ที่ทำงาน และใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมากกว่านั่นเอง

จุดกลับรถและทางลัดของโครงการ :

.. คือต้องบอกก่อนว่าบริเวณปากซอยของโครงการนี้ จะอยู่ตรงกับสะพานกลับรถของย่านบางนา-ตราดพอดีเลยครับ ก็เลยทำให้เราอาจต้องขยับไปใช้จุดกลับรถที่อยู่ถัดออกไปสักหน่อย (เพื่อความปลอดภัย) แต่หากใครที่เน้นขับรถเข้าเมืองไปขึ้นทางด่วนที่สี่แยกบางนา หรือใช้ชีวิตไปแถวๆศรีนครินทร์อยู่แล้ว ทำเลของโครงการ Flexi Mega Space Bangna ก็จะตอบโจทย์ได้ดีกว่านั่นเอง โดยจุดกลับรถหรือเส้นทางต่างๆที่ควรจะรู้ก็มีดังนี้

  1. เป็นจุดกลับรถสำหรับคนที่ต้องการเดินทางออกเมืองไปทางบางพลี-สุวรรณภูมิ-ชลบุรี หรือคนที่อยากไปเดินช้อปปิ้งที่ห้าง Mega Bangna จะต้องมากลับรถที่วัดศรีเอี่ยม โดยมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 4 km.
  2. เป็นจุดกลับรถบริเวณด้านหน้า Mega Bangna ซึ่งสามารถขับเข้าสู่ตัวห้าง หรือใช้กลับรถมายังโครงการได้ โดยมีระยะห่างประมาณ 2.7 km.
  3. ซอยวัดคลองปลัดเปรียงเป็นทางลัดสำคัญ ที่เชื่อมต่อถนนบางนา-ตราดและถนนศรีนครินทร์ ซึ่งหากใครที่ทำงานหรือเน้นใช้ชีวิตบนถนนศรีนครินทร์ก็จะสะดวกมาก เพราะเราสามารถใช้เส้นทางนี้ได้ทั้งตอนขาไป-ขากลับ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาไปกลับรถไกลๆบนถนนใหญ่เลย (บริเวณปากซอยจะมีทางเชื่อมเล็กๆมายังโครงการได้ ใช้งานเฉพาะลูกบ้านของเสนาเท่านั้น ถือเป็น Value ที่สำคัญของโครงการมากๆ)

การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า :

.. ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางเข้าเมืองได้สะดวกมากขึ้นครับ เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่าถนนบางนา-ตราดและศรีนครินทร์ ก็มีการจราจรที่หนาแน่นไม่เป็นสองรองใคร โดยปัจจุบันจะมีรถไฟฟ้าทั้งหมด 2 สายด้วยกันคือ

  • รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) : เป็นสายที่เพิ่งจะเปิดให้ใช้งานเมื่อไม่นานมานี้ โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ “ศรีเอี่ยม” ห่างจากโครงการประมาณ 2.1 km. เป็นระยะที่วัดจากตัวโครงการไปยังสะพานทางเชื่อมเข้าสู่อาคารจอดแล้วจรของสถานี ซึ่งเราสามารถใช้เป็นทางลัดในการวนมารับ-ส่งคนได้ใกล้ที่สุด โดยไม่ต้องเสียเวลาไปกลับรถไกลๆ รวมถึงอนาคตผมยังได้ข่าวมาอีกว่า ทางสถานีอาจมีการทำสะพานลอยและ Sky Walk เชื่อมต่อข้ามถนนมายังฝั่งขาเข้าเมืองอีกด้วย (ฝั่งเดียวกับโครงการ Flexi) จึงทำให้สามารถจอดส่งคนขึ้นรถไฟฟ้า และขับตรงเข้าเมืองไปทำงานต่อได้แบบไม่ต้องเสียเวลากลับรถเลยครับ
  • รถไฟฟ้าสายสีเขียว (เคหะ-คูคต) : เป็นเส้นหลักที่สามารถนั่งตรงเข้าเมืองไปย่าน CBD ต่างๆของกรุงเทพได้ โดยห่างจากโครงการประมาณ 7 km. ทั้ง 2 สถานีคือ บางนา และอุดมสุข

นอกจากนี้ทางโครงการ Flexi Mega Space Bangna ยังมีบริการรถ Shuttle Service รับ-ส่งลูกบ้านไปยังปากซอยและรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายอีกด้วยครับ (สถานี ศรีเอี่ยม + สถานี อุดมสุข) ซึ่งจะช่วยทำให้การเดินทางด้วยรถสาธารณะมีความสะดวกมากขึ้นเยอะเลย

ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :

สำหรับใครที่เน้นขับรถเข้าเมืองเป็นหลัก เราสามารถไปขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานครได้ที่บริเวณสี่แยกบางนา โดยมีระยะทางประมาณ 7.1 km.

หรือหากใครที่จะไปทางพระราม 2 และบางปะอิน ก็สามารถกลับรถเพื่อไปใช้วงแหวนกาญจนาภิเษกได้นะครับ โดยจะมีระยะทางประมาณ 12.8 km.

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

เนื่องจากเป็นทำเลที่ขยับเข้ามาจากถนนใหญ่หน่อย อีกทั้งยังเป็นซอยส่วนตัวเฉพาะโครงการของเสนาอีกด้วย ดังนั้นจึงค่อนข้าง “มีความเงียบสงบและไม่วุ่นวาย” ซึ่งด้านหน้าจะมีที่ดินของเสนาเหลืออยู่อีกแปลงใหญ่เลย แต่อาจต้องรอติดตามดูกันอีกทีว่าเค้าจะพัฒนาเป็นอะไรต่อไปนะครับ ส่วนด้านที่การันตีได้วิวเปิดโล่งสวยๆเลยก็คือ “ทิศตะวันตก” ส่วนทางทิศตะวันออกก็ออกแบบให้มองเห็นวิวสวนและสระว่ายน้ำที่ชั้น 6 ได้นั่นเอง สำหรับด้านอื่นๆก็จะสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : ติดกับ ที่ว่างรอการพัฒนาของเสนา ปัจจุบันได้วิวเปิดโล่งมองออกไปทางถนนใหญ่บางนา-ตราด
  • ทิศใต้ : ติดกับ โครงการ Niche MONO สูง 40 ชั้น ซึ่งห้องพักส่วนใหญ่ของเราจะไม่ได้หันมาทางทิศนี้อยู่แล้วครับ
  • ทิศตะวันออก : เป็นทางเข้าหลักของโครงการ ติดกับ ถนนภาระจำยอมของเสนา และฝั่งตรงข้ามจะเป็นตึกบางนาทาวน์เวอร์ แต่ก็มีระยะห่างอยู่พอสมควร (ประมาณ 150 m.)
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ ซอยวัดคลองปลัดเปรียง ฝั่งตรงข้ามเป็นวิวเปิดโล่งของหมู่บ้าน Lakeside Villa จึงค่อนข้างการันตีวิวได้พอสมควร ระยะไกลมองออกไปทางถนนศรีนครินทร์และโซนสุขุมวิท

เรามาเดินดูบรรยากาศทำเลรอบๆโครงการกันสักนิดครับ เริ่มที่บริเวณปากซอยนอกกจากจะมีสะพานลอยให้ใช้เดินข้ามถนนได้สะดวกแล้ว ยังมีวินมอเตอร์ไซค์คอยให้บริการอีกด้วย

และเมื่อลองเดินขึ้นมาบนสะพาน ก็จะทำให้มองเห็น Att U Park ที่เป็นเหมือนคอมมูนิตี้มอลล์เล็กๆตั้งอยู่ก่อนจะถึงซอยโครงการอีกด้วย ซึ่งภายในก็จะมีร้านค้าและร้านอาหารพอให้ฝากท้องใกล้ๆกันได้สะดวกครับ

ส่วนอีกด้านหนึ่งเราก็จะเห็นซอยของโครงการ และยังมีสำนักงานขายตั้งอยู่ทางด้านหน้าด้วย แต่สิ่งที่อยากให้สังเกตจริงๆก็คือ จุดขึ้นสะพานกลับรถบริเวณนี้ค่อนข้างกระชั้นชิดกับปากซอยโครงการมากๆ ดังนั้นผมจึงแนะนำให้ไปกลับรถที่วัดศรีเอี่ยมหรือห้างเซ็นทรัล จะมีความปลอดภัยมากกว่านั่นเองครับ

ตัวสำนักงานขายจะเป็นที่เดียวกับตอนขาย นิชโมโน ตัวก่อนหน้านี้เลยครับ และด้านในจะมีทั้งโมเดล + ห้องตัวอย่างให้ดู รวมถึงยังมีพนักงานที่จะคอยให้ข้อมูลต่างๆด้วย ใครสนใจก็สามารถแวะเข้ามาชมกันได้นะ

และถัดจากสำนักงานขายมาก็จะเป็นซอยวัดคลองปลัดเปรียง ที่คนส่วนใหญ่ก็มักจะใช้เป็นทางลัดเชื่อมไปยังถนนศรีนครินทร์ได้สะดวกมาก โดยด้านหลังของสำนักงานขายจะมีทางเชื่อมเล็กๆไปยังถนนภาระจำยอมของโครงการได้

ซึ่งจะมีแต่ลูกบ้านของเสนาเท่านั้นที่จะใช้ผ่านเข้า-ออกได้ครับ เพราะจำเป็นต้องใช้ Key Card Access นั่นเอง และนี่ก็ถือเป็น Value ที่ค่อนข้างสำคัญของคนที่เน้นใช้ชีวิตไปทางศรีนครินทร์ เพราะเราจะไม่ต้องเสียเวลาไปกลับรถบนถนนใหญ่ไกลๆครับ

สำหรับทางเข้าโครงการจะเป็นถนนภาระจำยอม ที่ใช้งานร่วมกันระหว่างโครงการ Flexi Mega Space Bangna และ Niche MONO Mega Space Bangna ที่เปิดขายอยู่ในปัจจุบัน

โดยทางเสนาก็ได้ปลูกต้นไม้และปรับภูมิทัศน์รอบข้างให้ดูร่มรื่นสวยงามมากขึ้น รวมถึงบริเวณริมถนนทางขวามือก็ยังมีทางเท้าให้เดินใต้ร่มไม้สบายๆด้วย ซึ่งก็มีระยะทางประมาณ 350 m. จากปากซอยถึงตัวโครงการครับ

ปัจจุบันหน้างานมีการล้อมรั้วและกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง โดยคาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปี 2568

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Mega Bangna ~ 3.4 กิโลเมตร
  • Chic Republic Bangna Store ~ 6.8 กิโลเมตร
  • Index Living Mall Bangna ~ 7.1 กิโลเมตร
  • Central Bangna ~ 8.4 กิโลเมตร
  • Paradise Park ~ 9.7 กิโลเมตร
  • Seacon Square ศรีนครินทร์ ~ 10.4 กิโลเมตร

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ~ 1.2 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ~ 7.9 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลศิครินทร์ ~ 10.3 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาล WIH ~ 10.4 กิโลเมตร

โรงเรียน

  • Concordian International School ~ 5.7 กิโลเมตร
  • ICS International School ~ 5.6 กิโลเมตร
  • Bangkok Patana School ~ 6.4 กิโลเมตร
  • RAS American School ~ 6.5 กิโลเมตร
  • Berkeley International School ~ 7.1 กิโลเมตร
  • St.Andrews International School ~ 8.2 กิโลเมตร

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • ผังคอนโดรูปตัว L ไม่บังวิวกันเลย อีกทั้งยังออกแบบให้หลีกเลี่ยงมุมมองจากโครงการตึกสูงรุ่นพี่ข้างๆกันด้วย
  • มีการปรับดีไซน์จากโครงการแบรนด์ Flexi ก่อนหน้านี้เยอะพอสมควร จากคอนโดที่มีสีสันสดใสเอาใจคนรุ่นใหม่ กลายมาเป็นสไตล์ที่เข้าได้กับทุกเพศทุกวัยมากขึ้น
  • มีการนำ Smart Technology และแนวคิด Condo Low Carbon มาใช้ที่คอนโดนี้เป็นแห่งแรกของเสนา ทำให้ช่วยลดค่าไฟของส่วนกลางลงได้ด้วย
  • ค่าส่วนกลางจ่ายเพียง 32 บาท/ตร.ม./เดือน ถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับฟังก์ชันที่มีให้ใช้งาน

.. โครงการ Flexi Mega Space Bangna (เฟล็กซี่ เมกะ สเปซ บางนา) เป็นคอนโด High Rise สูง 32 ชั้น 1 อาคาร และมีจำนวนห้องพักอาศัย 807 ยูนิต ซึ่งถือได้ว่าเป็นคอนโดแบรนด์ Flexi ที่แตกต่างจากรุ่นพี่โครงการอื่นๆ 2 – 3 แห่งก่อนหน้านี้เยอะเลยทีเดียว เพราะแต่เดิมเราจะคุ้นตากับดีไซน์ที่ค่อนข้างโฉบเฉี่ยวและเน้นสีสันสดใส เอาใจคนรุ่นใหม่ของแบรนด์นี้กันใช่มั้ยครับ

แต่คราวนี้เค้าได้กลับมาใหม่ในธีมแนว Earth Tone ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ และดู Homey สบายตามากขึ้น จึงทำให้กลายเป็นคอนโดที่สามารถเข้าได้กับทุกเพศทุกวัย ซึ่งจากการพูดคุยสอบถามก็ได้ความว่า ทางเสนาก็น่าจะนำไปปรับใช้ในโครงการถัดๆไปของ Flexi ต่อจากนี้ด้วยเช่นกัน แต่ที่พิเศษสำหรับทำเลบางนาแห่งนี้ก็คือ เค้าจะเพิ่มความสูงฝ้าเพดานมากขึ้นเป็นพิเศษถึง 2.9 m. จึงทำให้ห้องพักอาศัยมีความโปร่งโล่งมากๆเลยนั่นเอง

Condo Low Carbon แนวคิดใหม่เพื่อโลกของเรา :

.. นอกจากนี้ Flexi Mega Space Bangna ยังมีแนวคิดการอยู่อาศัยแบบยั่งยืน ด้วยการลดการสร้างคาร์บอนไดออกไซด์ให้น้อยที่สุด หรือเรียกสั้นๆว่า ‘Condo Low Carbon’  โดยเริ่มนำ Smart Technology ต่างๆเข้ามาใช้ในโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้น และคาดการณ์ว่าจะมีการนำไปใช้ในทุกๆโครงการของเสนาต่อจากนี้อีกด้วยครับ ประกอบด้วย

Smart Energy

  • มีการติดพลังงาน Solar Roof Top จำนวน 10 kb. เพื่อผลิตไฟโซลาร์ใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้ช่วยประหยัดค่าไฟของพื้นที่ส่วนกลางลงได้
  • EV Charger ระบบ AC System จำนวน 3 ช่องจอด
  • Smart Parking สามารถเช็คจำนวนที่จอดรถภายในโครงการผ่าน Application เพื่อความสะดวกในการใช้พื้นที่จอดรถ
  • การบริหารจัดการดูแลอาคารด้วยระบบ Building Management System (BMS) ที่ลดจำนวนคนดูแลอาคารให้น้อยลง และบริหารผ่าน System มากขึ้น

Smart Mobility

  • การลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว สามารถเช็คผ่าน Application เพื่อวางแผนเส้นทางการเดินทางด้วย Mass Transit โดยโครงการจะมีบริการ V Move รถตู้ไฟฟ้าที่มีบริการรับ-ส่งจากโครงการไป Mass Transit ซึ่งสำหรับโครงการนี้ก็จะเป็นบริเวณปากซอย / BTS อุดมสุข และรถไฟฟ้าสายสีเหลืองสถานีศรีเอี่ยมครับ

Smart Living

  • ซื้อเฟอร์นิเจอร์ผ่าน Smartifty (E-Commerce) โดยเริ่มต้นจากเซ็ตผ้าม่าน ที่นอน และเซ็ตเครื่องนอน 
  • พื้นที่ห้องพยาบาล และบริการเรียกรถฉุกเฉิน

Smart Environment

  • การบริหารจัดการขยะภายในโครงการ

ผังโครงการชั้น 1 บริเวณรอบๆจะเป็นพื้นที่สีเขียวและทางเดินรถวนรอบอาคาร ซึ่งจุดเด่นของชั้นนี้ก็คือ ‘พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่บริเวณด้านหน้า’ ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือน Buffer เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับโครงการได้นั่นเองครับ เพราะเวลามีใครผ่านไป-มาที่ถนนด้านนอก ก็จะมองเข้ามาไม่เห็นง่ายๆนั่นเอง

ส่วนฟังก์ชันใช้งานชั้นนี้จะไม่มีอะไรมากนัก ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นพื้นที่ต้อนรับและใช้รับรองแขกได้ จึงทำให้ลูกบ้านไม่จำเป็นต้องพาแขกขึ้นชั้นบนให้เสียความเป็นส่วนตัว มาพร้อมกับห้องสำหรับประชุมร่วมกันได้ และมียูนิตร้านค้าที่ต้องรอลุ้นในอนาคตอีกทีว่าจะเป็นร้านอะไรนะครับ

จากโมเดลเราจะเห็นทางวนรถจุดแรกที่เป็น Drop-Off สำหรับรับ-ส่งผู้โดยสาร และมีที่จอดรถของ Visitor อยู่ในร่มใต้อาคาร จึงทำให้เราสามารถเดินเข้าสู่ Lobby ได้แบบไม่ต้องกลัวแดดกลัวฝนเลยครับ

นอกจากนี้พื้นที่สีเขียวหน้าหน้าก็จะเป็นเหมือน Buffer คอยกันพวกมลพิษ ฝุ่นควัน และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ที่พักอาศัยในโครงการได้ด้วยนั่นเอง

และสำหรับลูกบ้านที่ต้องการขึ้นชั้นจอดรถ ก็จะมีทางลาดอยู่ที่ด้านข้างของตึกแบบนี้ครับ รวมถึงบริเวณรอบๆอาคารก็จะมีช่องให้จอดรถกระจายอยู่ทั่วอีกด้วย

ส่วนพื้นที่สีเขียวด้านหลังนี้เราก็สามารถมานั่งเล่นพักผ่อน หรือใช้สำหรับจัดกิจกรรมในวันสำคัญต่างๆของโครงการกันได้ด้วยครับ

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Lobby จะเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume อีกทั้งยังมีช่องแสงด้านข้างขนาดใหญ่ ให้เราสามารถมองออกไปชมวิวพื้นที่สีเขียวที่อยู่ด้านนอกได้ด้วยครับ โดยพื้นที่บริเวณนี้หลักๆเราก็จะใช้รับรองแขก และนั่งเล่นพักผ่อนกันได้นั่นเอง

ชั้น 2 – 5 จะเป็นชั้นจอดรถของโครงการ ซึ่งมีช่องจอดทั้งหมด 42% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน (หรือคิดเป็น 45% แบบรวมจอดซ้อนคัน) ส่วนตัวผมมองว่าเป็นจำนวนที่ไม่มากไม่น้อย สำหรับทำเลบางนา-ตราดแบบนี้ครับ

เพราะนอกจากจะมีป้ายรถเมล์รถสาธารณะอยู่ด้านหน้าแล้ว ก็ยังมีทั้งรถไฟฟ้าและ Shuttle Service คอยบริการรับ-ส่งให้ฟรีด้วยครับ แต่คาดการณ์ว่าคนส่วนใหญ่ก็คงยังใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักอยู่ ซึ่งอาจต้องรอดูตอนมีคนเข้าอยู่จริงว่าจะเพียงพอหรือไม่อีกทีนะครับ

แปลนชั้น 6 จะเป็นชั้น Main Facilities และจะมีโซนพักอาศัยอยู่แยกออกไป ซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกที่ต้องใช้ Key Card Access เพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยในการอยู่อาศัย โดยชั้นนี้ก็จะเหมาะกับคนที่ชอบใช้งาน Facilities อยู่เป็นประจำ เพราะเราสามารถเดินมาใช้จากห้องของตัวเองได้ง่ายๆ แบบไม่ต้องเสียเวลาขึ้น-ลงลิฟต์เลยนั่นเอง

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางหลักๆจะประกอบด้วย สระว่ายน้ำ / Fitness / Yoga / Co-Working Space และ Multi-Purpose Room ที่เราสามารถมานั่งพักผ่อนกันได้ครับ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ริมสระว่ายน้ำ ให้เราได้ออกไปเดินเล่นกันอีกด้วย ซึ่งสวนนี้ก็จะทำหน้าที่เป็นเหมือน Buffer เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ห้องพักแยกออกจากโซนสระว่ายน้ำได้ด้วยนั่นเองครับ

จากโมเดลเราจะเห็นพื้นที่สีเขียวรอบๆสระว่ายน้ำ ซึ่งนอกจากจะมีแนวต้นไม้ที่ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับทั้ง 2 โซนแล้ว ยังมีซุ้มนั่งเล่นกระจายอยู่ 2 – 3 จุดใหญ่ๆ

รวมถึงสระว่ายน้ำก็มีขนาด 26.8 x 7.2 m. สามารถว่ายออกกำลังกายจริงจังได้เลย โดยช่วงบ่ายเป็นต้นไปจะมีเงาของตึกช่วยบังแดดให้ตลอด (เพราะอยู่ทางทิศตะวันออก) จึงทำให้สามารถว่ายออกกำลังกายได้เต็มที่เลยครับ

ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้อง Fitness ซึ่งจะมีอุปกรณ์หลักๆให้ใช้งานครบ และมีช่องแสงขนาดใหญ่ให้เราสามารถมองออกไปเห็นสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านนอกได้ด้วย

ส่วนภาพนี้จะเป็นบรรยากาศจำลองของ Co-Working Space และ Multi-Purpost Room ซึ่งเห็นได้ชัดว่าดีไซน์และการตกแต่งต่างๆ จะมีความเป็นธรรมชาติ และมีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นนิดๆ แต่ก็ยังตัดด้วยสีของเฟอร์นิเจอร์แบบพาสเทลหน่อยๆ จึงทำให้ได้บรรยากาศที่ดูอบอุ่นเข้ากับทุกเพศทุกวัยได้ง่ายมากขึ้นนั่นเอง

แปลนชั้น 7 – 15 เป็นต้นไปจะเป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด โดยจะเป็นช่วงแรกที่มีห้องพักอาศัย 31 ยูนิต/ชั้น ซึ่งผังอาคารจะเป็นรูปตัว L จึงทำให้ไม่บังวิวกันเอง และแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งง่ายๆคือ ห้องทางฝั่งทิศตะวันออกจะสามารถมองเห็นพื้นที่ส่วนกลางชั้น 6 ได้ ส่วนห้องทางฝั่งทิศตะวันตกก็จะมองออกไปยังวิวเปิดโล่งทางฝั่ง City View นั่นเองครับ และตำแหน่งที่น่าสนใจต่างๆผมก็มองว่ามีดังนี้

  1. กรอบสีแดง : เป็นเพียงห้องเดียวที่ได้โถงทางเดินหน้าห้องแบบ Single Corridor อีกทั้งยังเป็นห้องมุมด้วย จึงได้ความเป็นส่วนตัวที่สูงมากๆเลยทีเดียว
  2. กรอบสีส้ม : เป็นเพียงห้องเดียวที่ผนังไม่อยู่ติดกับเพื่อนบ้านเลย จึงหมดปัญหาเสียงรบกวนที่ดังจากห้องข้างๆไปได้ครับ
  3. กรอบสีชมพู : เป็นห้องไซส์เล็กสุดของโครงการ (Studio Type) ซึ่งราคาจับต้องได้ค่อนข้างง่าย และมีเพียงชั้นละ 3 ยูนิตเท่านั้น
  4. กรอบสีน้ำเงิน : เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาดใหญ่สุด 42.5 ตร.ม. ซึ่งจะมีเพียงตำแหน่งเดียวในชั้นเท่านั้น เหมาะกับคนที่ชอบห้องนั่นเล่นกว้างเป็นพิเศษ
  5. กรอบสีเขียว : เป็นห้อง 2 Bed 2 Bath ที่เป็นห้องมุมและจะมีเพียง 2 ห้อง/ชั้นเท่านั้น เหมาะกับคนที่อาจอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวจริงจัง

แปลนชั้น 16 – 32 จะเป็นชั้นพักอาศัยเหมือนก่อนหน้านี้เลยครับ เพียงแต่ห้องเล็กในกรอบสีแดง 2 ห้องจะรวมกันกลายเป็นห้อง 2 Bed 1 Bath เพียงแค่ห้องเดียว จึงทำให้มีเพื่อนบ้านร่วมชั้นลดลงไป 1 ห้องนั่นเอง ซึ่งหากใครสนใจห้อง Type นี้ก็ลองดูเป็นตัวเลือกได้นะครับ

แปลนชั้น Rooftop จะเป็นพื้นที่สีเขียวทั้งหมด อีกทั้งยังแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งสำหรับติดแผงพลังงาน Solar Roof Top จำนวน 10 KB. เพื่อผลิตไฟโซลาร์ใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง และยังทำให้ช่วยประหยัดค่าไฟของพื้นที่ส่วนกลางได้นั่นเองครับ

และนี่ก็เป็นภาพจากโมเดลที่จะเห็นทั้งแผง Solar Cell และพื้นที่สวนรอบๆที่เราสามารถขึ้นมาชมวิว นั่งเล่น และวิ่งออกกำลังกายเล็กๆน้อยๆได้ด้วยนั่นเองครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

ชั้น 1

  • Lobby
  • Meeting Room
  • Delivery Area
  • Mail Room
  • Laundry

ชั้น 6

  • Swimming Lab Pool ระบบเกลือ ขนาด 26.8 x 7.2 m.
  • Co-Working Space
  • Multi-Purpose Room
  • Fitness
  • Yoga Room
  • WC & Locker

Rooftop

  • Sky Garden

 

  • ลิฟต์โดยสาร 4 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 201 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ42% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน (หรือคิดเป็น 45% แบบรวมจอดซ้อนคัน)
  • บริการ Shuttle Service รับ-ส่งบริเวณปากซอย / BTS อุดมสุข / รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานี ศรีเอี่ยม
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card Access / License Plate / ระบบสัญญาณ Bluetooth

 

แบบห้อง

Highlights :

  • ห้องฝ้าเพดานสูง 2.9 m. ถือว่าให้มาสูงสุดในย่าน สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่แนวตั้งในการเพิ่มพื้นที่เก็บของได้ และยังมีบรรยากาศที่โปร่งโล่งอีกด้วย
  • มีแบบห้องให้เลือกเยอะ ตอบโจทย์คนที่มี Lifestyle ที่แตกต่างกันออกไป
  • ทุกห้องจะได้ครัวปิด สามารถทำอาหารจริงจังได้
  • ขายแบบ Fully Furnished ดีไซน์ geo fit+ จากบริษัท Hankyu ผู้ร่วมทุนหลักของเสนา ทำให้ได้เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้สอยพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า

.. แบบห้องของโครงการ Flexi Mega Space Bangna (เฟล็กซี่ เมกะ สเปซ บางนา) จะมีอยู่ทั้งหมด 3 Type ด้วยกันครับ ซึ่งแต่ละแบบก็มีจะดีไซน์ฟังก์ชันที่เหมาะกับ Lifestyle ของคนที่ไม่เหมือนกัน และนอกจากนี้ยังมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Furnished คือได้ Built-in มาครบทั้งห้อง ไม่ว่าจะเป็นชุดครัว ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ และเตียงนอน ขาดเพียงเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวบางอย่างก็สามารถเข้าอยู่ได้เลย ประกอบด้วย

  • Studio ขนาด 22.5 – 24.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom ขนาด 26 – 30.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 34.5 – 35.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Exclusive ขนาด 42.5 ตร.ม.
  • 2 Bed 1 Bath ขนาด 50 ตร.ม.
  • 2 Bed 2 Bath ขนาด 50 ตร.ม.

.. แต่ที่สำคัญคือ เฟอร์นิเจอร์แบบ geo fit+ เป็นนวัตกรรมแนวคิดจาก Hankyu Hanshin Properties Corp บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น และยังเป็นหนึ่งในผู้ร่วมทุนหลักของเสนาในหลายๆโครงการอีกด้วย

โดยคอนเซ็ปต์ของโปรดักส์ geo fit+ ถ้าจะพูดง่ายๆก็คือ เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกออกแบบมาให้เราสามารถใช้สอยพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด อย่างโครงการนี้ที่เป็นห้องฝ้าเพดานสูงพิเศษ 2.9 m. เค้าก็จะ Built-in ตู้ต่างๆให้สูงจากพื้นไปจนถึงฝ้าด้านบนสุด จึงทำให้เราสามารถเก็บของได้เยอะมากๆเลยนั่นเองครับ

.. ความพิเศษของห้องนี้จะมีอยู่ 2 จุดใหญ่ๆครับ จุดแรกก็คือ ‘Walk-in Closet’ ที่อยู่ติดกับระเบียงและห้องนอน ซึ่งตอบโจทย์สำหรับสาวๆหรือคนที่ชอบแต่งตัวมากๆ โดยพื้นที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว เราสามารถเพิ่มตู้เสื้อผ้าอีกสักใบ หรือจะทำเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้ นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมต่อกับห้องนอนด้วยประตูกระจก จึงทำให้บรรยากาศดูกว้างขวางและโปร่งโล่งมากขึ้นอีกด้วยครับ

จุดต่อมาคือ ‘ห้องน้ำ’ ที่มีประตูสามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับเจ้าของห้อง ที่เราสามารถเดินออกมาใส่เสื้อผ้าแต่งตัวได้เลย รวมถึงแขกก็จะได้ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนก่อนให้เสียความเป็นส่วนตัวนั่นเอง นอกจากนี้บริเวณด้านหน้าเรายังได้เป็นครัวปิดที่พอจะทำอาหารจริงจังได้ ส่วนถ้าใครอยากเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องนอน ก็สามารถติดผ้าม่านไว้เลื่อนปิดเพิ่มเติมเองได้นะครับ

เมื่อเข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับส่วนครัวก่อน ซึ่งจะได้แสงสว่างส่องผ่านเข้ามาจากหน้าต่างด้านใน เลยทำให้บริเวณนี้ไม่มืดทึบจนเกินไปนั่นเอง

โดยห้องครัวจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนกรอบลูมิเนียม Powder Coat สีดำ ทำให้สามารถช่วยป้องกันกลิ่น/ควัน รวมถึงเสียงคนที่เดินผ่านไป-มาหน้าห้อง ไม่ให้เข้ามารบกวนพื้นที่ด้านในได้

พื้นที่ใช้สอยตรงกลางกว้าง 1.25 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 60 cm. เวลาทำอาหารหรือใส่รองเท้าเข้ามาในห้อง เราก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายนั่นเอง

ชุดเคาน์เตอร์ครัวจะได้ Built-in มาให้เหมือนกับห้องตัวอย่างเลยครับ ซึ่งโครงการนี้ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นนวัตกรรมแบบ geo fit+ จึงทำให้ได้ตู้ Built-in สูงขึ้นไปจนถึงฝ้าด้านบน และสามารถเก็บของได้ค่อนข้างเยอะดีเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีที่แขวนของจุกจิกให้มาหลายจุดอีกด้วยครับ

Top เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์สีขาว สามารถทนความร้อนและความชื้นได้ค่อนข้างดี รวมถึงยังมี Hob+Hood จาก Franke แบบต่อท่อดูดออกไปภายนอกติดตั้งมาให้อีกด้วย

โดยหากใครที่ชอบทำครัวเองบ่อยๆ ผมแนะนำให้ติด Backsplash ที่ผนังทั้ง 3 ด้านเพิ่มด้วยครับ เพื่อที่จะได้ช่วยป้องกันคราบสิ่งสกปรกต่างๆที่กระเด็นไปโดน จะได้เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายๆนั่นเอง

ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นพื้นที่วางตู้เย็นขนาด 70 x 70 cm. และมีมุม Laundry ที่วางเครื่องซักผ้าด้านล่างได้แบบนี้เลย ส่วนด้านบนก็เป็นตู้ที่สามารถเก็บ Supply ต่างๆได้ครับ

แนะนำเพิ่มเติมสำหรับใครที่อาจไม่ได้ซักผ้าเองอยู่แล้ว มุมนี้เราสามารถทำเป็นตู้เก็บรองเท้าเพิ่มเติมเองได้นะครับ เวลาเข้า-ออกห้องก็จะได้หยิบใช้งานได้ง่ายๆ และจัดเก็บได้เป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น

ถัดเข้ามาด้านในห้องจะรู้สึกโปร่งโล่งเป็นพิเศษ เพราะฝ้าเพดานของที่นี่จะสูงถึง 2.9 m. เรียกได้ว่าเป็นคอนโดห้อง Simple ที่ฝ้าสูงที่สุดของย่านบางนาในปัจจุบันเลยก็ว่าได้

พื้นจะปูด้วยกระเบื้อง SPC (Stone Plastic Composite) ที่สามารถทนน้ำและรอยขีดข่วนได้ดีกว่าไม้ลามิเนตแบบสมัยก่อน รวมถึงบริเวณกลางห้องก็จะเป็นมุมสำหรับวางโต๊ะทานอาหาร 1 – 2 ที่นั่ง ซึ่งเราสามารถหาซื้อในแบบที่ชอบมาใช้เองได้นะครับ

หรือเราอาจหาโต๊ะหน้าทีวีแบบ Multi-Function ที่สามารถปรับระดับความสูงมาใช้ก็ได้ เพื่อที่จะได้มีพื้นที่เหลือให้ขยายเป็นโซฟาตัวใหญ่ หรือจะเพิ่มตู้เก็บของ/ตู้เก็บรองเท้าบริเวณนี้ก็ได้นั่นเอง

โดยโซฟาตัวนี้ทางโครงการจะแถมมาให้อยู่แล้ว และยังมีฟังก์ชันที่สามารถเปิดเก็บของด้านข้างได้ด้วย แต่ที่สำคัญคือ.. เนื้อผ้าโซฟาดีมากกก เพียงแต่จะเป็นแบบ 2 ที่นั่ง อาจไม่สามารถนอนดูทีวีได้นะครับ

ระยะดูทีวีกว้าง 2.5 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้นะครับ ซึ่งฝั่งตรงข้ามจะมีการติดตั้งชั้นวางทีวีมาให้แล้วด้วย และเราสามารถ Built-in ตู้ด้านข้าง + ด้านบนเพิ่มเติม เพื่อใช้พื้นที่แนวตั้งของห้องให้เป็นประโยชน์ได้นะครับ

ห้องนอนจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ที่สูงจากพื้นจนเกือบถึงฝ้าเลยทีเดียว จึงทำให้มีบรรยากาศโปร่งโล่งเป็นพิเศษ ซึ่งหากใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ก็สามารถติดม่านไว้เลื่อนปิดตอนมีแขกมาหาได้นะครับ

ภายในห้องนอนจะมีขนาดที่สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้พอดีๆแบบนี้เลย

และพื้นที่รอบเตียงจะกว้าง 40 – 50 cm. ให้พอเดินผ่านได้พอดีๆเท่านั้น โดยที่ฐานเตียงจะมีช่องให้เก็บของได้ด้วยนะครับ เพียงแต่ถ้าเป็นห้องที่มีช่องเก็บของอยู่ด้านเดียวกับหน้าต่างแบบนี้ ก็จะทำให้การใช้งานไม่สะดวกเท่าไหร่นัก จึงอาจไว้เก็บของที่ปกติไม่ค่อยได้ใช้บ่อยๆนั่นเองครับ

ด้านข้างของเตียงมีช่องแสงและสามารถเปิดหน้าต่างระบายอากาศได้ ส่วนปลายเตียงเราก็สามารถติดทีวีแขวนผนังเพิ่มอีกเครื่อง เพื่อใช้นอนดูบนเตียงสบายๆเป็นส่วนตัวได้เลยครับ

มาถึง Highlight ของห้องนี้อย่าง Walk-in Closet กันบ้างครับ ซึ่งจะมีประตูกระจกบานเลื่อนเชื่อมต่อกับห้องนอนแบบนี้ จึงทำให้มีบรรยากาศดูกว้างขวางและโปร่งโล่งดีมากๆ

ภายในจะมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้แบบนี้เลยครับ (ไม่ได้มีหน้าบานปิดมาให้) โดยพื้นที่ใช้สอยกว้าง 1 m. สามารถยืนแต่งตัวได้สบายๆ รวมถึงยังมีพื้นที่เหลือให้ทำโต๊ะเครื่องแป้ง หรือขยายตู้เสื้อผ้าเพิ่มได้อีกด้วย

ระเบียงภายนอกกว้าง 1.65 x 1.1 m. สามารถออกมายืนสูดอากาศ หรือตากผ้าเล็กๆน้อยๆได้พอดี แต่ประโยชน์จริงๆก็คือ เป็นช่องแสงขนาดใหญ่ที่ทำให้ Walk-in Closet สว่างและได้แสงธรรมชาติไว้ส่องแต่งตัวด้วยนั่นเอง

โดยด้านบนจะแขวน Condensing Unit เอาไว้แบบนี้ ทำให้ไม่เกะกะพื้นที่ใช้สอยด้านล่าง และสามารถติดกริลแอร์ดันลมร้อนออกไปด้านนอกได้นะครับ

ส่วนฝั่งตรงข้ามก็จะเชื่อมต่อกับห้องน้ำในตัวแบบนี้ ซึ่งเวลาเราอาบน้ำเสร็จก็สามารถเดินออกมาแต่งตัวได้สะดวกมากๆเลย

ภายในห้องน้ำแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนดี แต่จุดเด่นจริงๆก็คือ มีประตูที่สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง (ห้องนอน + ห้องนั่งเล่น) จึงทำให้มีความสะดวกและเป็นส่วนตัวมากๆเลยทีเดียว

สุขภัณฑ์ในห้องน้ำเป็นของ Cotto ซึ่งเราจะได้มาครบเหมือนห้องตัวอย่างเลยครับ และพื้นที่ส่วนแห้งก็จะกว้าง 1.6 x 1.6 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ

ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.25 x 0.95 m. มาพร้อมกับ Hand Shower / Junction Box และช่องเก็บของตรงผนัง แต่จะไม่ได้มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้นะครับ ซึ่งในส่วนนี้อาจต้องติดตั้งเพิ่มเอง

.. พามาดูห้องไซส์ใหญ่สุดของโครงการกันบ้าง จุดเด่นคือ เป็นห้อง 2 Bed 2 Bath ที่จะมีความสะดวกและเป็นส่วนตัวสูง โดยห้องนอนใหญ่ก็จะมีห้องน้ำเป็นของตัวเองไปเลย ส่วนอีกห้องหนึ่งก็จะแชร์ร่วมกับพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งอาจเป็นห้องนอนของลูกหรือทำเป็นห้องอื่นๆตาม Lifestyle ของเราก็ได้ครับ

นอกจากนี้เรายังได้ครัวปิดที่มีช่องหน้าต่างระบายอากาศในตัว และโถงกลางก็มีขนาดใหญ่มากๆ จึงให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเลยครับ ทำให้ห้องนี้เหมาะกับคนที่อาจมีครอบครัวอยู่จริงจัง มีลูกเล็กๆสัก 1 คน หรือเป็นพี่น้องที่ต้องการแยกห้องนอนกันก็ได้ ซึ่งจำนวนยูนิตของห้องนี้ก็มีไม่มากนัก มีเพียง 2 – 3 ห้อง/ชั้นเท่านั้น ถือเป็นอีกหนึ่งแรร์ไอเทมของโครงการที่หลายๆคนเข้ามาชมแล้วค่อนข้างชอบเลยทีเดียว

เมื่อเข้ามาภายในเราจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถรองรับสมาชิกครอบครัว 2 – 3 คนได้สบายๆครับ

บริเวณหน้าห้องจะเป็นเหมือน Foyer ทำหน้าที่เป็นส่วนต้อนรับในการเข้า-ออกห้อง

ซึ่งติดกับประตูจะเป็นมุม Laundry และตู้ Built-in ที่สามารถเก็บของ + รองเท้าได้เยอะมากๆ โดยเรายังสามารถใช้เป็นจุดวางของที่จำเป็นต้องหยิบ ในตอนเข้า-ออกห้องได้สะดวกอีกด้วย

ใกล้ๆกันจะเป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานอาหารได้ 4 ที่นั่งพอดีๆ อีกทั้งยังมีมุมข้างประตูเล็กๆกว้างประมาณ 45 x 45 cm. ให้เราวางโต๊ะ/ตู้ หรือต้นไม้ประดับเล็กๆเพิ่มได้อีกด้วย

ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่มีระยะดูทีวีกว้าง 2.5 m. มาพร้อมกับโซฟาและชั้นวางทีวีเช่นเดิม ซึ่งคราวนี้ตำแหน่งจะอยู่ติดกับระเบียง ทำให้เวลาที่เรานั่งดูทีวีอยู่ก็สามารถชมวิวภายนอกไปด้วยได้นั่นเอง

ระเบียงภายนอกมีขนาดใหญ่ 1.1 x 2.5 m. สามารถออกมาใช้งานได้หลากหลายตามต้องการ เช่น วางโต๊ะปิกนิค ตากผ้านวม และปลูกต้นไม้กระถาง เป็นต้น

เพียงแต่ตำแหน่งของ Condensing Unit จะติดอยู่ค่อนข้างต่ำและเป่าลมร้อนมาทางนี้ ซึ่งผมแนะนำให้ติดกริลแอร์ดันลมร้อนออกไปด้านนอก เพื่อที่จะได้ออกมาใช้งานระเบียงได้อย่างเต็มที่ครับ

ต่อมาทางด้านซ้ายมือของห้องจะเป็น Master Bedroom ซึ่งจะกั้นด้วยผนังทึบแบบนี้ จึงมีความเป็นส่วนตัวมากๆเลยทีเดียว

ภายในห้อง Master Bedroom มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ซึ่งกินพื้นที่เกือบ 1 ใน 3 ของห้องทั้งหมดเลยทีเดียวครับ อีกทั้งด้วยความสูงของฝ้า 2.9 m. จึงทำให้ดูโปร่งโล่งเป็นพิเศษเลย

ปลายเตียงสามารถติดทีวีแขวนผนังได้เหมือนเดิม และพื้นที่รอบเตียงคือเดินได้สบายๆ กว้างด้านละประมาณ 50 – 60 cm.

ส่วนอีกด้านหนึ่งของห้องนอนก็จะมีห้องน้ำในตัวด้วยครับ และทางด้านซ้ายมือจะเห็นว่ามีพื้นที่ว่างอยู่ค่อนข้างเยอะ ซึ่งเราสามารถ Built-in ตู้ให้สูงจากพื้น-ฝ้าเพิ่มเติมได้ เพื่อจะได้ใช้พื้นที่ห้องได้อย่างคุ้มค่า และมีพื้นที่เก็บของเยอะขึ้นด้วยครับ

ส่วนทางด้านขวามือทางโครงการจะ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้แบบนี้ ซึ่งคราวนี้จะมาพร้อมกับหน้าบานตู้ที่ปิดได้เรียบร้อย และมีกระจกเงาให้ส่องแต่งตัวด้านในด้วย

ภายในห้องน้ำจะได้สุขภัณฑ์จาก Cotto ครบเหมือนเดิม และแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน โดยพื้นที่ส่วนแห้งกว้าง 1.7 x 1 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ

ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำจะกว้าง 1.35 x 0.9 m. แน่นอนว่าเราจะต้องติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำเองนะครับ แต่อย่างอื่นคือมีให้ครบเหมือนเดิม

ถัดมาเราจะไปดูฝั่งด้านขวาของห้องกันบ้าง ซึ่งจะมีอีก 3 ฟังก์ชันให้ใช้งานแยกออกไป

เริ่มกันที่ห้องแรกตรงกลางจะเป็นครัวปิด ซึ่งจุดเด่นคือภายในจะมี “ช่องหน้าต่าง” ให้เปิดระบายอากาศได้ด้วย ทำให้เหมาะแก่การทำอาหารจริงจังได้พอสมควร

พื้นที่ใช้สอยกว้าง 1.55 x 1.25 m. มาพร้อมกับชุดครัวรูปตัว L ที่มีพื้นที่ประกอบอาหารและช่องเก็บของเพิ่มมากขึ้น โดยวัสดุต่างๆก็จะเหมือนกับห้องที่แล้วนะครับ สามารถใช้งานได้ดีเลยทีเดียว

ติดกันทางด้านซ้ายจะเป็นห้องนอนที่ 2 ภายในมีขนาด 2.4 x 2.5 m. ซึ่งจริงๆอาจเรียกว่าเป็นห้องอเนกประสงค์ก็ได้นะครับ เพราะขนาดพื้นที่ยังไม่ถึง 8 ตร.ม. ตามที่กฎหมายกำหนด

แต่ก็กว้างมากพอที่จะวางเตียง 3.5 ฟุตและตู้เสื้อผ้า เพื่อทำเป็นห้องนอนเล็กอีกห้องได้พอดีๆ หรือเราอาจทำเป็นห้องทำงานและห้องอื่นๆตาม Lifestyle ของเราก็ได้นะ

สุดท้ายคือห้องน้ำที่ใช้งานร่วมกับพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งภายในจะมีขนาดและฟังก์ชันเหมือนห้องตัวอย่างก่อนหน้านี้เลยครับ สามารถใช้งานได้ตามปกติ

สำหรับห้องนี้จะมีจุดเด่นอยู่ที่ “ครัว” ซึ่งเราจะได้เป็นครัวปิดที่อยู่ติดกับระเบียง จึงทำให้เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารจริงจังทานเอง (ประตูครัวก็เป็นแบบบานปิดสนิทด้วย) รวมถึงห้องน้ำก็จะอยู่ตรงกับประตูระเบียงพอดี จึงเป็นห้องที่สามารถระบายอากาศจาก 2 ฟังก์ชันนี้ได้ดีมาก

ส่วนห้องนอนและห้องนั่งเล่นก็จะมีขนาดใหญ่เท่าๆกันเลย โดยเฉพาะห้องนอนจะค่อนข้างกว้างกว่าห้องตัวอย่างแรกที่เราได้ชมกันไปซะอีก จึงทำให้มีพื้นที่รอบเตียงใช้งานได้สะดวกมากขึ้นครับ ซึ่งของจริงจะเป็นอย่างไรสามารถคลิกชมภาพใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลย

Image 1/6

สำหรับห้องนี้จะเป็น Type เล็กสุดของโครงการ ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นห้อง Studio แต่ก็ยังได้เป็นครัวปิดด้านหน้า และยังมี Walk-in Closet เล็กๆให้ใช้งานด้วยครับ ถือว่าเป็นห้องที่จัดแปลนในขนาดพื้นที่จำกัดได้ดีทีเดียว แต่จุดเด่นของห้องนี้จริงๆก็คือ ‘เตียง’ ซึ่งเป็นเซ็ตเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบมาพิเศษเฉพาะห้องนี้ครับ และยังเป็นสิ่งที่ทำให้เราสามารถใช้สอยพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้นอีกด้วย

โดยที่สำนักงานขายเค้าก็จะมีตัวอย่างเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้มาให้เราได้ชมกันด้วย ซึ่งลักษณะจะเป็นเหมือนพื้นต่างระดับที่ยกสูงขึ้นมา และสามารถวางฟูกที่นอนด้านบนได้คล้ายดีไซน์แบบญี่ปุ่นนั่นเอง

นอกจากนี้ที่ด้านข้างของเตียงยังมีการทำเป็นโต๊ะอเนกประสงค์ และลิ้นชักสำหรับเก็บของใต้เตียงมาแบบนี้อีกด้วย ทำให้กลายเป็น Multi-Function ที่ใช้ประโยชน์ได้ดีทีเดียว

สำหรับ 1 Bedroom ห้องนี้จะมีจุดเด่นอยู่ที่ ‘ห้องน้ำ’ ซึ่งจะอยู่ติดกับระเบียงภายนอก ทำให้มีช่องหน้าต่างที่สามารถระบายอากาศและความชื้นได้สะดวก จึงเป็นห้องที่จะไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นอับหรือแบคทีเรียในห้องน้ำเลยนั่นเอง อารมณ์คล้ายๆกับห้องน้ำของบ้านแนวราบเลยครับ แลกกับการที่ห้องครัวจะย้ายมาอยู่บริเวณด้านหน้าแทน แต่ก็ยังแอบมีมุม Walk-in Closet เล็กๆให้ใช้งานด้วยดูน่ารักดีครับ

สำหรับห้องนี้ถือว่าเป็น 1 Bedroom ที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยใหญ่ที่สุดของโครงการ แต่ก็อาจเรียกว่าเป็นห้อง 1 Bedroom Plus ก็ได้นะ เพราะจุดเด่นก็คือเค้าจะมี ‘ห้องอเนกประสงค์’ เล็กๆเพิ่มขึ้นมาให้ใช้งานด้วย โดยขนาดอาจไม่ได้เหมาะกับการทำเป็นห้องนอนเพิ่มซะทีเดียว แต่เราก็สามารถทำเป็นห้องทำงาน หรือห้องอื่นๆเพิ่มได้ตามต้องการ

อีกทั้งห้องครัวก็ยังมีช่องหน้าต่างที่เปิดระบายอากาศได้โดยตรงอีกด้วย ภาพรวมจึงเป็นห้องที่เหมาะกับการอยู่ 1 – 2 คน ชอบความเป็นส่วนตัวของห้องนอนและอาจชอบทำอาหารด้วย รวมถึงยังต้องการฟังก์ชันพิเศษเพิ่มเติม เพื่อทำเป็นห้องสำหรับ Lifestyle ของตัวเองด้วยนั่นเองครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

Flexi Mega Space Bangna ราคา ณ วันที่ 13 กรกฎาคม 2566

  • Studio ขนาด 23 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท* (Promotion)

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.9 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ Franke
  • มีรถ Shuttle Bus ไป-กลับ บริเวณปากซอย / BTS บางนา และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานี ศรีเอี่ยม
  • จอง 999 บาท* (Promotion)
  • ทำสัญญา 19,001 บาท*
  • ผ่อนดาวน์เริ่มต้น 1,900 บาท*
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 32 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : อยู่ใจกลางย่านบางนา-ตราด โดยความอุดมสมบูรณ์ของถนนเส้นนี้เรียกได้ว่ามีครบ ไม่ว่าจะเป็นห้างเซ็นทรัลบางนา เมกาบางนา และอื่นๆอีกมากมาย รวมถึงยังมีอาคารสำนักงาน โรงพยาบาล สถานศึกษา และยังเป็นทำเลที่จะมี Mega Project เกิดขึ้นอีกหลายแห่งในอนาคตด้วยนะครับ ซึ่งจะทำให้ย่านนี้มีความคึกคักและเติบโตมากขึ้นเยอะเลยทีเดียว

ความน่าสนใจของโครงการนี้หากลองเทียบกับเพื่อนบ้าน ส่วนตัวผมมองว่าเป็นทำเลที่ไม่วุ่นวาย ถึงแม้ว่าอาจไม่ได้ใกล้ห้างมาก แต่ก็ไม่ต้องปวดหัวกับรถติดตรงปากซอยก่อนเข้าบ้านมากนัก อีกทั้งยังเหมาะกับคนเน้นเข้าไปทำงานในเมือง และคนที่ใช้ชีวิตทั้งบนถนนบางนา-ตราด + ถนนศรีนครินทร์เป็นหลัก เพราะนอกจากจะตั้งอยู่ฝั่งถนนขาเข้าแล้ว ยังมีซอยทางลัดข้างๆที่ไปเชื่อมต่อกับถนนศรีนครินทร์ได้สะดวก นอกจากนี้ยังมีรถไฟฟ้าเข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางเลี่ยงรถติดของย่านนี้อีกด้วยครับ

การเดินทางโดยใช้รถ : เป็นฝั่งถนนขาเข้าเมือง และมีซอยวัดคลองปลัดเปรียงข้างๆเป็นทางลัดเชื่อมต่อไปยังถนนศรีนครินทร์ได้ โดยเป็นสิทธิพิเศษเฉพาะลูกบ้านของเสนาเท่านั้น ที่จะผ่าน Gate ไป-มาได้ ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาไปกลับรถบนถนนใหญ่ไกลๆ ซึ่งจุดกลับรถที่อยู่ด้านหน้าโครงการอาจจะอยู่กระชั้นชิดไปสักหน่อย จึงต้องไปกลับรถในจุดที่อยู่ถัดออกไปเพื่อความปลอดภัยครับ นอกจากนี้ยังมีทางด่วนให้ใช้เข้า-ออกเมืองได้ 2 จุด (ทางด่วนเฉลิมมหานคร และวงแหวนกาญจนาภิเษก) ส่วนที่จอดรถของโครงการจะมีประมาณ 42% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน (หรือคิดเป็น 45% แบบรวมจอดซ้อนคัน)

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ทำเลนี้มีรถไฟฟ้าเป็นตัวเลือกในการเดินทางเข้าเมืองได้ครับ โดยจะมีอยู่ 2 สายด้วยกันคือ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานี ศรีเอี่ยม อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2 km. และรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานี อุดมสุข อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 7 km. ซึ่งทางโครงการจะมีบริการ Shuttle Service รับ-ส่งให้ทั้ง 2 สถานีเลยครับ นอกจากนี้บริเวณปากซอยก็ยังมีวินมอเตอร์ไซค์ และป้ายรถเมล์ตั้งอยู่อีกด้วย จึงทำให้การเดินทางด้วยรถสาธารณะมีตัวเลือกพอสมควรเลยมีเดียว

การออกแบบโครงการ : เป็นคอนโดแบรนด์ Flexi ที่มีการปรับดีไซน์ใหม่แตกต่างจากโครงการรุ่นพี่ก่อนหน้านี้อย่างมาก เพื่อทำให้กลายเป็นคอนโดที่เข้าได้กับทุกเพศทุกวัยมากขึ้น รวมถึงยังมีการเพิ่ม Smart Technology และนำแนวคิด Condo Low Carbon เข้ามาปรับใช้กับคอนโดแห่งนี้เป็นที่แรกของทางเสนา เพื่ออำนวยความสะดวกและยังช่วยประหยัดค่าไฟของพื้นที่ส่วนกลางลงได้อีกด้วยครับ ซึ่งในแง่ของผลลัพธ์เราอาจต้องรอดูในอนาคตกันอีกทีว่าจะเวิคหรือเปล่า แต่แนวคิดถือว่าดีและเอาใจคนรักษ์โลกไปได้เลยทีเดียวนะ

สำหรับการออกแบบผังโครงการจะเป็นรูปตัว L ทำให้ไม่บังวิวกันเอง แต่สิ่งที่ผมชอบจริงๆก็คือ เค้ามักจะสอดแทรกพื้นที่สีเขียวในจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าอาคารชั้น 1 และรอบๆสระว่ายน้ำชั้น 6 ซึ่งทำหน้าที่เป็น Buffer ช่วยพรางสายตาและเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ส่วนห้องก็พอจะมีตำแหน่งที่น่าสนใจอยู่บ้างนะครับ เพียงแต่จำนวนอัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 201 :  1 ผมมองว่าค่อนข้างหนาแน่นไปสักหน่อย อาจต้องมีการยืนรอลิฟต์กันอยู่บ้างในช่วงเวลาเร่งด่วนนะ

การออกแบบห้องและพื้นที่ใช้สอย : มีแบบห้องให้เลือกเยอะ ซึ่งตอบโจทย์คนที่มี Lifestyle ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นคนที่ชอบแต่งตัว คนที่ชอบทำอาหาร  และคนที่ต้องการห้องอเนกประสงค์เพิ่มเติม โดยทุกฟังก์ชันมีการกั้นได้อย่างเป็นสัดส่วน และดูลงตัวตามบริบทที่ห้องนั้นๆได้วางคอนเซ็ปต์ไว้

แต่จุดเด่นจริงๆก็คือ “ฝ้าเพดานสูง 2.9 m.” เรียกได้ว่าเป็นห้อง Simplex ที่ให้มาสูงที่สุดของย่านบางในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ ซึ่งนอกจากความโปร่งโล่งที่ทำให้ห้องไม่อึดอัดแล้ว เรายังสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่แนวตั้งให้เป็นประโยชน์ โดยการเพิ่มพื้นที่เก็บของแนวสูงได้อีกด้วยครับ

วัสดุ : ขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์หลักๆมาครบ ขาดเพียงเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวและเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชิ้นก็เข้าอยู่ได้เลย ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ที่แถมมาให้ก็เป็นดีไซน์ geo fit + นวัตกรรมจากญี่ปุ่นที่ทางบริษัท Hankyu และเสนาได้เป็นผู้นำมาใช้นั่นเอง

โดยลักษณะเด่นของดีไซน์นี้ก็คือ เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ช่วยให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ใช้สอยได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด สังเกตจากตู้ต่างๆที่มีการ Built-in สูงจากพื้น-ฝ้าเพดาน 2.9 m. และยังออกแบบมาให้พอดีกับระยะพื้นที่ห้องเปะๆได้อีกด้วย ส่วนเกรดวัสดุที่ให้มาก็ค่อนข้างเหมาะสมกับราคาและการใช้งานดีทีเดียวครับ

สาธารณูปโภค : มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ ไม่ว่าจะเป็น Lobby / Meeting Room / Co-Working Space / Multi-Purpost Room และสระว่ายน้ำ อีกทั้งยังมีพื้นที่สีเขียวกระจายอยู่หลายๆจุด และบนดาดฟ้าก็ยังมี Solar Cell ที่ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ส่วนกลางได้อีกด้วย ซึ่งส่งผลให้ลูกบ้านประหยัดค่าส่วนกลางลงไปด้วยนั่นเอง โดยที่นี่จ่ายเพียง 32 บาท/ตร.ม./เดือน หรือถ้าเป็นห้องขนาดเริ่มต้น 23 ตร.ม. ก็จ่ายเพียง 736 บาท/เดือนเท่านั้น ถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับฟังก์ชันที่มีให้ใช้ครบแบบนี้ครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 86,000 บาท/ตร.ม., 13 กรกฎาคม 2566

  • ทำเล 8/10 – ติดถนนบางนา – ตราด ใกล้ความอุดมสมบูรณ์
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – อยู่ฝั่งเข้าเมืองได้ง่าย มีซอยลัดไปออกศรีนครินทร์สะดวก
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – มีรถ Shuttle Service รับ-ส่งไปรถไฟฟ้า 2 สาย ปากซอยเรียกรถสาธารณะง่าย
  • วัสดุ 8/10 – Fully Furnished ดีไซน์ geo fit + ใช้พื้นที่เก็บของได้คุ้ม
  • แบบ 8/10 – มีหลายแบบให้เลือก ฟังก์ชันเป็นสัดส่วน ฝ้าเพดานสูง 2.9 m.
  • สาธารณูปโภค 8/10 – มีฟังก์ชันหลักให้ใช้งานครบ ใช้พลังงานจากแผง Solar ประหยัดค่าไฟส่วนกลาง และค่าส่วนกลางถูก

  • MAIN CLASS
  • 7.93 / 10.00

Flexi Mega Space Bangna เหมาะกับใคร

.. โครงการ Flexi Mega Space Bangna (เฟล็กซี่ เมกะ สเปซ บางนา) เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดติดถนนบางนา-ตราด ใกล้ห้างและความอุดมสมบูรณ์ เป็นฝั่งที่เข้าเมืองและใช้ชีวิตไปศรีนครินทร์ได้ง่าย โดยเน้นห้องพักที่ได้ฝ้าเพดานสูงโปร่ง 2.9 m. พร้อมเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินที่เพิ่มพื้นที่เก็บของแนวตั้งได้อย่างเต็มที่ รวมถึงมีค่าส่วนกลางที่ถูกมากหากเทียบกับฟังก์ชันที่มีให้ใช้งานครบ มีงบประมาณ 1.89 ล้านขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 12,000 บาท/เดือนขึ้นไป


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc