[รีวิวฉบับที่ 2812] ❌ไม่ใช่หอพัก ❌ไม่ใช่คอนโด แต่ DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์) เป็นที่พักนักศึกษาแห่งแรกของไทยจาก Zipcode ที่เป็น Developer หน้าใหม่ที่น่าจับตามองมากๆ มาเขย่าวงการหอพักและ Campus Condo รอบ ม.กรุงเทพ เพราะไม่ได้อยู่ข้างมหาวิทยาลัย แต่ “เชื่อมติดกับ ม.กรุงเทพ” แบบเดินไปเรียนได้เลย!!

เราไม่เคยเห็นโครงการแบบนี้มาก่อนเลยนะ ออกแบบเป็นที่พักนักศึกษาคล้ายกับคอนโด แต่จะมีกฎระเบียบบางอย่าง เพราะถือว่าเป็นโครงการในมหาวิทยาลัยนั่นเอง ซึ่งสามารถเข้า-ออกได้ 24 ชั่วโมง แต่เรื่องความปลอดภัยก็หายห่วง มีระบบ Invited Guest ที่ต้องลงทะเบียน หมดปัญหาเรื่องบุคคลภายนอกค่ะ อีกทั้งยังได้เปรียบที่นอกจากจะเดินไปเรียนได้ง่ายๆแล้ว ยังมีรถรางของมหาวิทยาลัยคอยรับ-ส่งจากโครงการถึงหน้าคณะเลย รวมถึงยังมาออกกำลังกายที่ลานกีฬาและใช้ลานจอดรถที่ไหนภายในมหาวิทยาลัยก็ได้ด้วย ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของโครงการนี้เลยค่ะ

นอกจากนั้นยังเน้นพื้นที่ส่วนกลางแบบนั่งเล่น-อ่านหนังสือขนาดใหญ่ ให้น้องๆนักศึกษามีพื้นที่ทำโปรเจกต์กับเพื่อนๆ และติวหนังสือสอบได้สบายๆ รวมถึงมี Outdoor Facilities ริมทะเลสาบที่ทุกคนสามารถมาใช้งานร่วมกันได้ด้วย แต่สำหรับโครงการนี้จะเปิดให้เช่าเฉพาะน้องๆนักศึกษา ม.กรุงเทพเท่านั้นนะคะ โดยตกแต่งห้องแบบ Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่ มีแบบห้องให้เลือกตั้งแต่ Studio-2 Bedroom ค่าเช่า 12,000-24,000 บาทต่อเดือนที่ไม่ต้องจ่ายค่าส่วนกลางเพิ่มแล้ว เราขอแอบบอกด้วยว่าห้องพักที่นี่ได้ทั้งวิวทะเลสาบและสนามกอล์ฟแบบสวยเกินต้านจริงๆ

ผู้ปกครองและน้องๆนักศึกษา ม.กรุงเทพที่กำลังมองหาที่พักใกล้มหาวิทยาลัย เดินไปเรียนได้สบาย ความปลอดภัยหนาแน่น ทางโครงการจะเปิดให้เข้าอยู่ในเดือน มิ.ย. นี้แล้วนะ อยากรู้ว่าโครงการเป็นยังไง ตามอ่านกันต่อได้เลย

ข้อมูลโครงการ

DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์)  ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568

 ชื่อโครงการ   DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท ซิปโคด จำกัด
 โครงการตั้งอยู่   เชื่อมติดกับ ม.กรุงเทพ ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
 ที่ดิน   21-0-11 ไร่
 ประเภทคอนโด   Low Rise 8 ชั้น 6 อาคาร
 จำนวนยูนิต   1,308 ยูนิต และร้านค้า 16 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด   อาคาร A1-A2 : 29 ยูนิต / อาคาร B1-B2 : 36 ยูนิต / อาคาร C1-C2 : 29 ยูนิต
 ที่จอดรถ   252 คัน และมีที่จอดรถติดกับตัวโครงการอีกประมาณ 800 คัน (ไม่ซ้อนคัน)
**เนื่องจาก DoBeDo เป็น Student Residence จึงใช้พื้นที่ลานจอดรถของมหาวิทยาลัยได้
 เริ่มก่อสร้าง   ปี 2567
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปี 2568 (เริ่มให้เข้าอยู่ Phase 1 ตอนเดือนมิถุนายน 2568)
 ประเภทห้องพัก
  • Studio พื้นที่ใช้สอย 23.5 ตร.ม. จำนวน 360 ยูนิต
  • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 27 ตร.ม. จำนวน 752 ยูนิต
  • 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 47 ตร.ม. จำนวน 196 ยูนิต

 ราคาค่าเช่า โครงการเป็นแบบ “ให้เช่า” เท่านั้น (เฉพาะนักศึกษา BU ที่ยังเรียนอยู่)

  • Studio ค่าเช่า 12,000 บาทต่อเดือน
  • 1 Bedroom ค่าเช่า 14,000 บาทต่อเดือน
  • 2 Bedroom ค่าเช่า 23,000 บาทต่อเดือน
  • ห้องหัวมุม เพิ่ม 1,000 บาท (มีหน้าต่างด้านข้างห้อง+ติดเพื่อนบ้านด้านเดียว)

 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม)  ผ่านแล้ว
 เว็บไซต์โครงการ  คลิกที่นี่
 เบอร์โทร  081-134-5153
 Line   @hellodobedo

 

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 14.040932574123756, 100.60066535581976
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

Highlight

  • เชื่อมติดกับ ม.กรุงเทพ จึงสามารถเดินไปเรียนได้เลย
  • ไม่ต้องเสียเงินต่อรถมาเรียน มีรถราง (รถซาฟารี) ในมหาวิทยาลัย คอยรับ-ส่งนักศึกษาตามตึกคณะต่างๆ และมีจุดพักคอยบริเวณด้านหน้าและภายในโครงการด้วย
  • โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงตัดผ่านในอนาคต ช่วยให้เดินทางได้สะดวกขึ้น อยู่ไม่ไกลจากตัวโครงการ คาดเปิดบริการในปี 2571

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์) เป็นโครงการที่พักนักศึกษาตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน เชื่อมติดกับ ม.กรุงเทพ ซึ่งการมาของโครงการนี้ทำให้หอพักหรือ Campus Condo รอบ ม.กรุงเทพเริ่มสะเทือนกันบ้าง เพราะโครงการนี้ถือว่าชนะขาดลอยเรื่องทำเลที่ตั้งที่สามารถเดินไปเรียนได้จริง อย่างคณะที่ใกล้ๆตัวโครงการเลยจะเป็นคณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ และคณะนิเทศศาสตร์ที่อยู่ในระยะ 500 เมตรเอง

นอกจากนั้นยังมีรถรางหรือที่เรียกกันอีกอย่างว่ารถซาฟารี คอยบริการรับ-ส่งตามตึกคณะทั่วทั้งมหาวิทยาลัย ซึ่งรถรางนี้จะเข้าไปรับ-ส่งนักศึกษาตรงจุดพักคอยบริเวณด้านหน้าโครงการและภายในโครงการด้วยค่ะ ทำให้การเดินทางไปเรียนจากโครงการถือว่าสะดวกมากๆ ไม่ต้องเสียเงินค่าวินมอเตอร์ไซค์ไป-กลับมหาวิทยาลัย รวมถึงในอนาคตจะมีแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดงตัดผ่านบริเวณด้านหลังมหาวิทยาลัย ทำให้นักศึกษาใช้เดินทางได้สะดวกสบายขึ้น โดยคาดเปิดบริการในปี 2571 ค่ะ

สำหรับความอุดมสมบูรณ์ของทำเลถือว่าสูงเลย เพราะตัวโครงการเองก็มีร้านค้า ร้านอาหารมาเปิดบริการให้ลงมาซื้อของกันได้ง่ายๆ รวมถึงภายในมหาวิทยาลัยก็มีโรงอาหาร ร้านค้าต่างๆให้เลือกซื้อกันได้ แต่หากเบื่อแล้วก็ยังไปตรง Community Mall ข้างเคียงได้อย่าง Mingle Mall ที่มีทั้งร้านค้า, ร้านอาหาร, Cafe, Food Court, ร้านสะดวกซื้อ และภายในซอยรังสิตภิรมย์ก็มีร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆตลอดทางด้วย ส่วนใครที่ต้องการเดินห้างช้อปปิ้งก็มี Future Park รังสิต และ Zpell ที่อยู่ไม่ไกลค่ะ

นอกจากนั้นทาง Zipcode เองก็มี Community Mall แห่งใหม่ชื่อว่า “Heyday” รวบรวมร้านอาหารหลากหลาย พร้อมพื้นที่ Co-Working Space ให้น้องๆมานั่งทำงานอ่านหนังสือกัน โดยสามารถเดินเชื่อมจากภายในมหาวิทยาลัยและซอยรังสิตภิรมย์จึงทำให้น้องๆมาใช้บริการกันได้ง่ายขึ้น มีกำหนดการเปิดบริการช่วง มิ.ย. นี้พร้อมกับ DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์) ค่ะ

Image 1/3
ทางด่วนอุดรรัถยา

ทางด่วนอุดรรัถยา

สำหรับทางด่วนบนทำเลก็มีให้เลือกหลายเส้นทาง ทำให้ใครที่ใช้ทางด่วนบ่อยๆก็สะดวกเลยนะคะ

  • ทางด่วนอุดรรัถยา สามารถเดินทางเข้าเมืองเชื่อมต่อกับทางด่วนศรีรัช ไปทางปากเกร็ด-จตุจักร-พระราม 3 ได้ มีระยะทางจากตัวโครงการประมาณ 8.9 กิโลเมตร
  • ทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ ห่างจากโครงการประมาณ 12.3 กิโลเมตร โดยเราจะต้องไปกลับรถตรงแถวๆ ม.ธรรมศาสตร์ สามารถใช้เพื่อเดินทางเข้าเมืองไปทางห้าแยกลาดพร้าว-ดินแดง-เพลินจิตได้
  • ถนนกาญจนาภิเษกหรือวงแหวนรอบนอก โดยต้องขับรถไปถนนคลองหลวงเพื่อเข้าสู่เส้นกาญจนาภิเษกค่ะ มีระยะทางประมาณ 15.4 กิโลเมตร จึงเดินทางไปทางสายไหม-ลาดกระบัง-บางนาได้สะดวก

ม.กรุงเทพ มีขนาดที่ดิน 441-1-67 ไร่ ประกอบด้วยอาคาร 47 อาคาร รวมทั้งหมด 14 คณะและมีจำนวนนักศึกษาประมาณ 36,000 คน โดยมีทางทางเข้า-ออก 2 ทางอยู่ติดถนนพหลโยธิน ส่วนผืนที่ดินของมหาวิทยาลัยจะเป็นแนวลึกเข้าไปถึงแนวรางรถไฟที่ในอนาคตจะมีแนวรถไฟฟ้าสายสีแดงตัดผ่านและมีสถานี ม.กรุงเทพ อยู่บริเวณด้านหลังมหาวิทยาลัยนั่นเอง

ซึ่งจะมีการทำทางเชื่อมจากตัวมหาวิทยาลัยไปยังสถานี ม.กรุงเทพ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางให้แก่นักศึกษาและบุคลากรภายในม.กรุงเทพ รวมถึงบริเวณ Community Mall อย่าง Heyday ก็ได้ทำทางเดินเชื่อมจากซอยรังสิตภิรมย์เข้ามาภายในมหาวิทยาลัยด้วยเหมือนกัน ซึ่งมาจากแนวคิดของมหาวิทยาลัยที่ต้องการให้มีความเป็น Public มากขึ้น เพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนละแวกข้างเคียงมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถเดินผ่านเข้า-ออกพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยเพื่อไปใช้รถไฟฟ้าหรือไปยังซอยรังสิตภิรมย์ที่อยู่ข้างๆได้นั่นเอง แต่ปัจจุบันก็ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ค่ะ

ที่ตั้งของ DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์) จะอยู่โซนด้านหลังมหาวิทยาลัยเลย ทำให้ได้บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน อีกทั้งยังใกล้สนามกีฬาของมหาวิทยาลัยให้มาใช้งานกันได้ นอกจากนั้นหากรถไฟฟ้าสายสีแดงเปิดบริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเดินไปใช้งานได้ไม่ไกลด้วยค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

สภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการ DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์) ในฝั่งทิศเหนือ-ตะวันตกจะได้วิวสนามกอล์ฟ Pinehurst Golf Club & Hotel และฝั่งทิศใต้จะได้วิวเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ ทำให้การันตีว่าจะได้วิวเปิดโล่งทั้ง 3 ฝั่งเลย ส่วนฝั่งทิศตะวันออกจะติดกับที่ดินเปล่าที่ทางโครงการก็วางแผนจะพัฒนาเป็นโครงการเฟส 2 นะคะ ทำให้ตัวอาคารโดนบล็อกวิวกันเอง แต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ โดยรวมแล้วบรรยากาศโดยรอบโครงการค่อนข้างสงบและได้วิวเปิดโล่งค่ะ

  • ทิศเหนือ ติดกับ สนามกอล์ฟ Pinehurst Golf Club & Hotel
  • ทิศตะวันออก ติดกับ ที่ดินเปล่า
  • ทิศใต้ ติดกับ ทะเลสาบ
  • ทิศตะวันตก ติดกับ สนามกอล์ฟ Pinehurst Golf Club & Hotel

Image 1/3
วิวฝั่งทิศเหนือ - สนามกอล์ฟ Pinehurst Golf Club and Hotel

วิวฝั่งทิศเหนือ - สนามกอล์ฟ Pinehurst Golf Club and Hotel

ภาพบรรยากาศวิวโดยรอบโครงการ DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์) 

Image 1/2
Sales Gallery

Sales Gallery

ภาพบรรยากาศ Sales Gallery ของโครงการ DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์) โดยจะตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของทะเลสาบ ใกล้ๆตัวโครงการเลยค่ะ สามารถคลิกดูแผนที่ตั้ง Sales Gallery ของโครงการได้ที่นี่เลย

Image 1/2
ภาพบรรยากาศโครงการที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง

ภาพบรรยากาศโครงการที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง

ภาพบรรยากาศโครงการ DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์) ที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง โดยจะพร้อมให้เข้าอยู่ในช่วงเดือน มิ.ย. 2568 นี้ค่ะ เพื่อให้ทันเวลากับนักศึกษาใหม่ที่ต้องเข้ามาทำกิจกรรมบ่อยๆอย่างปฐมนิเทศหรือเข้าค่ายรับน้อง รวมถึงน้องๆที่มาเรียนเพื่อเก็บหน่วยกิตล่วงหน้าก็สามารถเข้าพักอาศัยได้ทันเวลากันนั่นเอง

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Heyday ~ 800 m.
  • Mingle Mall รังสิต ~ 2 km.
  • The ForRest พหลโยธิน ~ 2 km.
  • Mega Home รังสิต ~ 8.1 km.
  • ตลาดไท ~ 9 km.
  • Future Park รังสิต ~ 14.6 km.
  • Zpell ~ 14.6 km.

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ~ 5.5 km.
  • โรงพยาบาลภัทรธนบุรี ~ 7.5 km.

สถานศึกษา

  • คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ ม.กรุงเทพ ~ 300 m.
  •  คณะนิเทศศาสตร์ ม.กรุงเทพ ~ 500 m.
  • มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ~ 5.7 km.
  • AIT International School ~ 7.1 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlight

  • ที่พักนักศึกษาแห่งแรกของไทย ให้เช่าเฉพาะนักศึกษา ม.กรุงเทพเท่านั้น ออกแบบผสมผสานความเป็นหอพักและคอนโด เพื่อสร้าง Community ตรงไลฟ์สไตล์นักศึกษาจริงๆ เดินทางง่าย+อยู่อาศัยสะดวกสบาย
  • เข้า-ออกโครงการได้ 24 ชั่วโมง แต่มีการใช้ระบบ Invited Guest ที่ต้องลงทะเบียน เพิ่มความปลอดภัยในโครงการ หมดปัญหาเรื่องบุคคลภายนอก
  • ค่าเช่า 12,000-24,000 บาทต่อเดือน ซึ่งตกแต่งห้องและได้เฟอร์นิเจอร์มาครบ พร้อมเข้าอยู่ รวมค่าอินเตอร์เน็ตและไม่ต้องจ่ายค่าส่วนกลางเพิ่มเติม
  • ใช้พื้นที่จอดรถ + ลานกีฬาของม.กรุงเทพได้ บริเวณเยื้องๆตัวโครงการจะมีที่จอดรถของมหาวิทยาลัยได้ประมาณ 800 คัน รวมถึงสามารถมาใช้งานลานกีฬาของมหาวิทยาลัยได้ฟรีๆ
  • พื้นที่ส่วนกลาง เน้นพื้นที่นั่งเล่น-อ่านหนังสือ น้องๆนักศึกษามีพื้นที่ขนาดใหญ่รองรับการทำนั่งทำงาน ทำโปรเจกต์กับเพื่อนๆ และติวหนังสือสอบ
  • Outdoor Facilities ริมทะเลสาบ ลูกบ้านในโครงการและคนอื่นๆสามารถมาใช้งานร่วมกันได้
  • โถงทางเดินแบบ Single load Corridor โดยเฉพาะ Building C1-C2 ที่ไม่มีเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม ได้ความเป็นส่วนตัวสูง
  • วิวทะเลสาบ+สนามกอล์ฟ ทำให้สามารถการันตีได้ว่าห้องพักของโครงการนี้จะได้วิวสวยๆแบบเปิดโล่งนี้ไปอีกนานและถือเป็นวิวที่หาได้ยากมากๆด้วยนะ

ก่อนจะเข้าถึงตัวโครงการ อยากจะขอพามารู้จัก Zipcode กันหน่อย สำหรับ “Zipcode” เป็น Developer หน้าใหม่ที่น่าจับตามองมากๆ ด้วยการลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท กับโปรเจกต์อยู่หลากหลายโครงการเลย อย่างในปี 2025 นี้จะเปิดตัว 4 โครงการด้วยกัน

  • Heyday (เฮย์เดย์) ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้สำหรับนักศึกษา ม.กรุงเทพ
  • DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์) ที่พักนักศึกษาแนวคิดใหม่ เชื่อมติดกับรั้วมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
  • Ace of Clubs (เอซ ออฟ คลับส์) เทนนิสคลับ สนามได้มาตรฐาน ITF พร้อมพื้นที่แฮงก์เอาท์
  • Arco Rama 4 (อาร์โค พระราม 4) เปลี่ยนพื้นที่ ม.กรุงเทพ กล้วยน้ำไท (เดิม) เป็นโครงการ Mixed-used และ Creative Urban Oasis

DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์) เป็นที่พักนักศึกษา Low rise สูง 8 ชั้น จำนวน 6 อาคาร จำนวน 1,308 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 21-0-11 ไร่ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวคิด Student Residence และ Co-Living ในหลายที่ทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยยังไม่เคยมีโครงการแบบนี้มาก่อนเลยนะ ทำให้นักศึกษาไทยในปัจจุบันมีตัวเลือกที่พักอาศัยใกล้มหาวิทยาลัยเป็นหอพัก (แต่กฎระเบียบจะเยอะ โดยเฉพาะเรื่องเวลาเข้า-ออกที่ไม่เหมาะกับนักศึกษาสาย Creative ที่ต้องทำโปรเจกต์ที่คณะในตอนกลางคืนบ่อยๆ) และคอนโดมิเนียม (ไม่มีพื้นที่ให้กลุ่มเพื่อนมานั่งทำงานร่วมกันมากนัก อีกทั้งญาติพี่น้องของลูกบ้านเข้า-ออกคอนโดได้ง่าย กังวลเรื่องความปลอดภัย)

ทาง Zipcode จึงพัฒนาเป็น DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์) ที่ไม่ใช่ทั้งหอพักและคอนโด แต่เป็น “Student Residence หรือ ที่พักนักศึกษาแห่งแรกของไทย” ออกแบบผสมผสานความเป็นหอพักและคอนโดไว้รวมกัน ภายใต้แนวคิด Conve-Happiness เพื่อสร้าง Community ที่ได้ทั้งความสะดวกสบาย (Convenient) และความสุข (Happiness) ส่งเสริมชีวิตนักศึกษาให้เต็มที่ทั้งการเรียน การเล่นสนุกและการพักผ่อน ซึ่งปัจจุบันได้มีโครงการแรกที่ม.กรุงเทพ แต่ในอนาคตก็มีโอกาสจะนำแนวคิดแบบนี้ไปต่อยอดในมหาวิทยาลัยอื่นๆนะคะ

ทางโครงการแอบบอกมาว่าได้ทำการ Survey สำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยทั้งนักศึกษาและผู้ปกครองรวมประมาณ 4,000 คน เพื่อพัฒนาร่วมกับบริษัทผู้ออกแบบชั้นนำทั้ง ATOM DEISGN, PLA, BEGREY และบริษัทก่อสร้างอย่าง Bouygues-thai เพื่อให้ออกแบบโครงการนี้ได้ตรงตามไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของเด็ก ม.กรุงเทพจริงๆ นอกจากนั้นยังใส่ใจเรื่อง Sustainability ทั้งการเลือกวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Low Carbon, คำนวณ Carbon Footprint ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, ระบบบำบัดน้ำทิ้งเป็นศูนย์ Zero Wastewater และติดตั้ง Solar Cell เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าไว้ใช้งานในโครงการค่ะ

สำหรับการอยู่อาศัยใน DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์) จะเหมือนกับการอยู่คอนโดเลย ไม่มีกำหนดเวลาเข้า-ออกอาคาร ทำโปรเจกต์กลับดึกแค่ไหนก็ไม่เป็นไร แต่จะมีกฎระเบียบบางอย่าง เช่น ห้ามส่งเสียงดังช่วงหลัง 4 ทุ่ม (Quiet Hour), ห้ามพาบุคคลภายนอกมาพักค้างคืน (ใช้ระบบ Invited Guest ที่ต้องลงทะเบียน) เพื่อความปลอดภัยในการอยู่อาศัยของนักศึกษาคนอื่นๆ และอนุญาตให้นักศึกษาแห่งอื่นเข้ามาติวหนังสือกับกลุ่มเพื่อน ม.กรุงเทพในช่วงติวสอบได้ เป็นต้น เรียกว่า DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์) เป็นจุดกึ่งกลางระหว่างความเป็นหอพักและคอนโดนั่นเอง

ถึงแม้โครงการนี้จะเชื่อมติดกับ ม.กรุงเทพและให้เช่าเฉพาะนักศึกษา ม.กรุงเทพเท่านั้น โดยทำสัญญาเช่า 1 ปี และต่อสัญญารายปี ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในการครอบครองห้อง พอเรียนจบก็ถือว่าหมดสัญญาเช่า ต้องคืนห้องแก่โครงการเพื่อเป็นห้องพักให้แก่น้องๆนักศึกษารุ่นต่อไป ค่ะ แต่ต้องรอติดตามในอนาคตว่า DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์) จะอนุญาตให้บุคลากรของม.กรุงเทพเช่าอยู่ได้ไหม รวมถึงสิทธิ์การซื้อห้องพักในอนาคตด้วย โดยปัจจุบันมีกำหนดการพร้อมเข้าอยู่เดือน มิ.ย.นี้และเปิดเฉพาะ 4 อาคารด้านหน้าโครงการก่อนค่ะ ส่วนอีก 2 อาคารจะเปิดให้เข้าอยู่ตอนเดือน ก.ค. นี้ค่ะ

สำหรับการวางผังโครงการ จะวางตัวอาคารทั้ง 6 อาคารล้อมรอบพื้นที่ Court บริเวณตรงกลางที่เป็น Facilities และสวนสีเขียวของโครงการ ทำให้ห้องที่หันเข้าด้านในก็ได้วิวสวนสีเขียวของโครงการที่ดูแลให้สวยงามตลอดเวลา ส่วนห้องที่หันออกด้านนอกอาคารจะได้วิวทะเลสาบและวิวสนามกอล์ฟ ทำให้ไม่ว่าจะเลือกห้องตำแหน่งไหนก็ได้วิวสวยๆค่ะ

ทางโครงการออกแบบ Building A1-A2 เป็นรูปตัว I, Building B1-B2 เป็นรูปตัว L และ Building C1-C2 เป็นรูปตัว O โดยมีระยะห่างจากแต่ละอาคารไม่น้อยกว่า 15 เมตร เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัว ไม่เปิดหน้าต่างมาแล้วเจอห้องที่อยู่อีกอาคารนั่นเอง ส่วนพื้นที่จอดรถจะอยู่รอบตัวโครงการและเว้นพื้นที่บริเวณริมทะเลสาบไม่ให้รถขับผ่าน เพื่อคงบรรยากาศริมน้ำทำเป็น Outdoor Facility พื้นที่มานั่งพักผ่อน ทำกิจกรรมกันได้ค่ะ

สำหรับห้องพักอาศัยของทุกอาคารจะเริ่มที่ชั้น 1 เลย ทำให้อาจได้ยินเสียงรบกวนและความวุ่นวายจากร้านค้า ร้านอาหาร รวมถึง Life Atrium พื้นที่นั่งเล่นบริเวณตรงกลางอาคารอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ทางโครงการได้มีการกั้นผนังตรงด้านหน้าห้องพักชั้น 1 กับส่วนกลาง เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยนะ เราจึงมองว่าห้องพักชั้น 1 เหมาะกับคนที่เน้นความสะดวกสบายในการใช้รถยนต์และส่วนกลางค่ะ

DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์) จะอยู่ด้านในสุดทางฝั่งขวาของภาพ ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างนะคะ ส่วนใกล้ๆโครงการจะมีจุดขึ้นรถรางอยู่ไม่ไกล ให้น้องๆมาใช้บริการกันได้ง่ายๆ อีกทั้งด้วยโซนที่อยู่ด้านหลังมหาวิทยาลัย ทำให้บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างสงบ ไม่มีรถพลุกพล่านค่ะ

จุดขึ้นรถรางนี้เป็นจุดต้นสายค่ะ น้องๆจึงนั่งรถยาวๆไปถึงหน้าคณะได้เลย โดยมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 100 เมตร แต่ทางโครงการได้ออกแบบจุดพักคอยรถรางตรงบริเวณทางเข้าโครงการและด้านในโครงการด้วยนะคะ ซึ่งรถรางจะวนเข้าไปรับถึงภายในโครงการเลยนั่นเอง แต่ปัจจุบันน้องๆจะต้องเดินออกมาขึ้นรถรางตรงบริเวณนี้กันก่อนค่ะ เห็นว่าในอนาคตจะเปลี่ยนเป็นรถรางแบบ EV ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าด้วยนะคะ ถือว่าทางมหาวิทยาลัยมีโปรเจกต์ในม.กรุงเทพอยู่หลากหลาย ทำให้เราน่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอีกเยอะเลยค่ะ

เนื่องจากตัวโครงการที่เชื่อมติดกับ ม.กรุงเทพเลย จึงสามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงพื้นที่จอดรถของมหาวิทยาลัยได้เลยนั่นเอง ซึ่งที่จอดรถของโครงการจะสามารถจอดได้ 252 คัน แต่บริเวณเยื้องๆกับตัวโครงการจะเป็นลานจอดรถขนาดใหญ่ สามารถจอดได้ประมาณ 800 คัน (ไม่รวมซ้อนคัน) ทำให้ถึงแม้ที่จอดรถในโครงการจะเต็มแล้ว ก็สามารถมาจอดรถตรงบริเวณนี้หรือจอดรถตรงคณะ ตามลานจอดรถต่างๆทั่วทั้งมหาวิทยาลัยได้ ทำให้ถือเป็นข้อได้เปรียบของโครงการนี้ที่ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จอดรถเลยค่ะ

ทางเข้า-ออกโครงการเชื่อมจากถนนภายใน ม.กรุงเทพเข้ามายังซุ้มประตูโครงการที่แบ่งช่องทางเข้า-ออกเป็นฝั่งละ 1 ช่องทาง ซึ่งเราแอบรู้สึกว่าน้อยไปหน่อยเพราะรถทุกคันต้องต่อแถวเพื่อเข้า-ออกโครงการ แต่ยังดีที่ถนนด้านหน้าโครงการเป็นเส้นยาว จึงต่อแถวเข้า-ออกได้ ไม่เกิดรถติดขัดบริเวณด้านหน้าโครงการค่ะ

สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยมีประตูทางเข้า-ออกโครงการแบบรั้วไม้กระดก, ระบบในการเข้า-ออกโครงการแบบ Keycard Access / Bluetooth ระยะไกล / จดจำป้ายทะเบียน / สติกเกอร์ นอกจากนั้นก็มี CCTV ส่วนกลางประมาณ 500 จุด ทั้งภายในและภายนอกอาคาร, รั้วทึบรอบโครงการสูง 3 เมตร และรปภ.คอยดูแลอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ผู้ปกครองไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยภายในโครงการเลยค่ะ รวมถึงมี EV Station จำนวน 12 จุด แบ่งเป็นอาคารละ 2 จุด เพื่อรองรับกับเทรนด์สมัยใหม่ที่หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น

สิ่งที่เราชอบอีกอย่าง คือ ทางโครงการจะ Activate บัตรนักศึกษาของ ม.กรุงเทพเป็น Keycard ในการเข้าถึงส่วนต่างๆภายในโครงการนี้ ทั้งเข้า-ออกโครงการ, ขึ้น-ลงอาคารและการเข้าห้องพักอาศัยด้วย ทำให้ไม่ต้องพกบัตรให้วุ่นวายเลยนั่นเอง แต่ปัจจุบันยังใช้เป็น ระบบ Keycard และสแกนผ่านโทรศัพท์มือถือ (Apps) ก่อนนะคะ เพราะการ Activate บัตรนักศึกษาเป็น Keycard ยังอยู่ในระหว่างดำเนินการค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการ โดยอาคารฝั่งซ้ายเป็น Building A1 และฝั่งขวาเป็น Building B1 มี Court สวนสีเขียวคั่นอยู่ระหว่างอาคาร ทำให้นอกจากจะเป็นวิวสีเขียวให้กับห้องพักอาศัยแล้ว ยังสามารถมาใช้งานอย่างเดิน-นั่งเล่นปิกนิกได้

ภาพจำลองบรรยากาศของ Building B1 ที่เชื่อมต่อกับ Court สวนสีเขียวตรงกลางโครงการ ทำให้สามารถเดินจากตัวอาคารออกมาใช้งานตรงสวนสีเขียวนี้ได้ทั้งเล่นกีฬา, ทำโปรเจกต์หรือซ้อมเต้น-กิจกรรมต่างๆกับเพื่อนๆ โดยมีการปลูกต้นไม้ใหญ่คอยเป็นร่มเงาให้มานั่งเล่นในสวนนี้ได้ยาวนานขึ้นด้วย

สำหรับการเลือกใช้สีและการออกแบบตัวอาคารจะเน้นความเรียบง่ายที่ดูสวยไปได้นานๆแบบ Timeless ด้วยการใช้สีขาว-ครีมเป็นสีหลัก ส่วนบริเวณที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางจะออกแบบให้เป็นกระจกยาวตลอดแนวห้องหรือมีการยื่นห้องออกมาเล็กน้อย ทำให้สามารถมองเห็นส่วนกลางได้ชัดเจนจากด้านนอกอาคาร อีกทั้งยังสร้างลูกเล่นและมิติให้ตัวอาคารไม่ดูเรียบจนเกินไปด้วย

Building A1-A2

Image 1/8
Building A1-A2 : ชั้น 1

Building A1-A2 : ชั้น 1

Building A1-A2 เป็นรูปตัว I โดย Building A1 จะอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการเลย จึงเข้า-ออกได้ง่าย อีกทั้งยังได้วิวทะเลสาบด้วย ส่วน Building A2 จะอยู่ด้านในสุดที่ทางโครงการตั้งใจให้เป็นอาคารสำหรับนักศึกษา ป.โท-ป.เอก ถึงแม้จะตั้งอยู่ด้านในแต่จะได้ความสงบและเป็นส่วนตัวดี รวมถึงยังได้วิวสนามกอล์ฟด้วยค่ะ

สำหรับห้องพักในอาคารนี้จะมีให้เลือกเฉพาะ 1 Bedroom และ 2 Bedroom โถงลิฟต์อยู่ตรงกลางอาคารทำให้ลูกบ้านแต่ละฝั่งมีระยะเดินที่พอๆกัน ส่วนห้องพักอาศัยตรงชั้น 1 ของทุกอาคารจะมีการออกแบบผนังกั้นตรงพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านด้วย นอกจากนั้นห้องพักที่อยู่ฝั่งซ้ายของอาคารจะได้โถงทางเดินแบบ Single load Corrdor ที่มีระยะห่างจากห้องฝั่งตรงข้ามด้วย Void ของ Life Atrium จึงเป็นโซนห้องที่ได้ความเป็นส่วนตัวสูงค่ะ

ภายในโครงการมีการออกแบบที่เราไม่เคยเห็นที่อื่นมาก่อนและน่าสนใจมากๆ  ได้แก่ Trash Chute ตรงห้องขยะในทุกอาคารที่ออกแบบเป็นรางขยะเชื่อมจากชั้นพักอาศัยแต่ละชั้น แล้วให้ลูกบ้านห่อขยะเปียกในถุงพลาสติกแล้วเปิดฝาหย่อนถุงขยะหล่นลงไปที่ห้องขยะตรงชั้น 1 ถือเป็นการออกแบบที่ช่วยให้ภายในชั้นพักอาศัยจะไม่มีกลิ่นเหม็นจากขยะเปียกเลยนั่นเอง

Building B1-B2

Image 1/8
Building B1-B2 : ชั้น 1

Building B1-B2 : ชั้น 1

Building B1-B2 ออกแบบเป็นรูปตัว L จะมีห้องพักแบบ Studio และ 1 Bedroom เท่านั้น โดย Building B1 จะอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการที่ปัจจุบันจะมองเห็นที่ดินเปล่ารอการพัฒนา ทำให้ห้องฝั่งที่หันเข้าด้านในเปิดรับวิวสวนสีเขียวน่าสนใจมากกว่า เพราะการันตีว่าจะได้วิวของโครงการที่ดูแลรักษาให้สวยงามอยู่เสมอ ส่วน Building B2 จะอยู่ด้านในถัดจาก Building A2 ออกแบบเปิดรับวิวสนามกอล์ฟและสวนสีเขียวภายในโครงการ จะมีเพียงห้องพักตรงปลายตัว L ที่โดน Building A2 บังเล็กน้อย

สำหรับโถงลิฟต์ก็อยู่บริเวณตรงกลางอาคาร ทำให้น้องๆเดินมาใช้งานได้สะดวก รวมถึงมี Trash Chute ตรงห้องขยะเหมือนกัน แต่สำหรับ Life Atrium พื้นที่เปิดโล่งของอาคารนี้จะมีขนาดเล็กกว่าทุกอาคาร ทำให้มีจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดอยู่ที่ 36 ยูนิต ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าอาคารอื่นๆค่ะ

Building C1-C2

Image 1/9
Building C1 : ชั้น 1

Building C1 : ชั้น 1

Building C1-C2 ออกแบบตัวอาคารเป็นรูปตัว O ที่มีทุกแบบห้องให้เลือกตั้งแต่ Studio-2 Bedroom มีการออกแบบ Life Atrium ขนาดใหญ่กว่าอาคารอื่นๆ ทำให้ได้บรรยากาศภายในอาคารโปร่งโล่งมากๆ อีกทั้งตั้งอยู่บริเวณตรงกลางโครงการที่ทั้ง 3 ฝั่งอาคารรายล้อมด้วยสวนสีเขียวของโครงการ ส่วนอีกฝั่งของ Building C1 จะได้วิวทะเลสาบและ Building C2 จะได้วิวสนามกอล์ฟ ประกอบกับการออกแบบโถงทางเดินแบบ Single load Corridor ที่ไม่มีห้องฝั่งตรงข้าม ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง เราจึงมองว่า Building C1-C2 น่าจะเป็นที่ต้องการสูงค่ะ แต่บริเวณโถงลิฟต์ของอาคารจะอยู่ฝั่งซ้ายบนของอาคาร ทำให้ห้องที่อยู่อีกฝั่งจะมีระยะเดินที่ไกลหน่อยนั่นเอง

พื้นที่ส่วนกลาง

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางของโครงการจะเน้นเป็นพื้นที่นั่งทำงาน อ่านหนังสือ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของนักศึกษา แต่ก็มีพื้นที่ให้มาทำกิจกรรม เล่นสนุกกันได้ นอกจากนั้นตัวโครงการจะไม่มีสระว่ายน้ำและ Fitness ที่เรามักเจอในคอนโดส่วนใหญ่นะคะ เพราะทางโครงการออกแบบตามที่ Survey จากการสำรวจความต้องการของน้องๆ ม.กรุงเทพที่อยากได้พื้นที่นั่งทำงาน อ่านหนังสือกับกลุ่มเพื่อนมากกว่า

แต่ด้วยตัวโครงการที่เชื่อมติดกับ ม.กรุงเทพ นอกจากจะมีข้อได้เปรียบทั้งเรื่องที่จอดรถแล้ว ยังได้เปรียบเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกด้วย เพราะสามารถไปใช้สถานที่ออกกำลังกายในมหาวิทยาลัยได้เลย รวมถึงสามารถยืมอุปกรณ์กีฬาได้ด้วย อย่างเยื้องๆกับตัวโครงการจะเป็นศูนย์กีฬาสุธี บูรณธนิตที่มีทั้งสนามฟุตบอล, สนามเทนนิส และอาคารกีฬาอเนกประสงค์ รวมถึงมีอาคาร Gymnasium สำหรับเล่นกีฬาในร่มอยู่ไม่ไกล ทำให้ไม่ว่าจะเป็นบาสเกตบอล แบดมินตัน วอลเลย์บอล เปตอง ปิงปอง ฟุตซอล ฟุตบอลก็มีให้เล่นได้ครบหมดเลย

Image 1/3
Life Atrium ของ Building A

Life Atrium ของ Building A

ภาพจำลองบรรยากาศของ Life Atrium ตรงชั้น 1 ของทุกอาคาร โดยออกแบบเป็นพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่อยู่บริเวณตรงกลางอาคาร ทำให้ได้บรรยากาศภายในอาคารดูโปร่ง และเชื่อมต่อกับธรรมชาติ รับลมและแสงแดดเข้ามาภายในอาคารได้เยอะ หากนึกภาพตามง่ายๆก็เหมือนพวกห้างสรรพสินค้านั่นเอง เราได้ลองไปเดินดูของจริงแล้ว ทางโครงการออกแบบมาเป็นพื้นที่โล่งขนาดใหญ่มากๆ โดยเฉพาะ Building C1-C2 ซึ่งการออกแบบนี้จะทำให้ได้จำนวนห้องเพื่อขายน้อยลง แต่โครงการนี้ยอมได้จำนวนห้องน้อย เพื่อให้คุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยที่ดีแก่น้องๆนักศึกษาเลย

บริเวณ Life Atrium จะจัดเตรียมชุดโซฟา-โต๊ะหลากหลายรูปแบบให้น้องๆมานั่งเล่น ติวหนังสือหรือทำงานร่วมกับเพื่อนๆได้ตลอดทั้งวัน แต่พอถึงช่วงหลัง 4 ทุ่มก็ของดใช้เสียงดังนะคะ แต่จากที่เราได้เดินเยี่ยมชมตึกที่กำลังก่อสร้างอยู่ พอเราปิดประตูห้องแล้วก็ไม่ได้ยินเสียงตอนตัดเหล็ก ก่อสร้างอะไรเลยนะ ถือว่าทางโครงการก็ออกแบบมาช่วยป้องกันเรื่องเสียงในระดับนึงเลยค่ะ

Image 1/2
Co-Kitchen

Co-Kitchen

ภาพจำลองบรรยากาศของ Co-Kitchen เพื่อให้น้องๆนักศึกษามาทำอาหารหรือปาร์ตี้ฉลองร่วมกับเพื่อนๆ ซึ่งทางโครงการก็มีอุปกรณ์เครื่องครัวมาให้ครบหรือใครที่อยากฝึกฝีมือทำอาหาร คิดสูตรขนมขายของออนไลน์แต่ไม่มีพื้นที่ทำครัว ก็มาใช้งานตรงนี้ได้เลย

ภาพจำลองบรรยากาศของ Reading Pod ทางโครงการจะออกแบบเป็นพื้นที่ยื่นออกมาจากโถงทางเดินและกั้นเป็นห้องกระจก ทำให้น้องๆแค่ออกจากห้องมาก็เดินมานั่งเล่น-อ่านหนังสือกันบริเวณนี้ได้

ภาพจำลองบรรยากาศของ Study Area ออกแบบเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ พร้อมจัดโต๊ะ-เก้าอี้ไว้เยอะมากๆ เพื่อให้น้องๆนักศึกษามานั่งทำงาน ติวหนังสือได้ภายในโครงการค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศของ Meeting Room ออกแบบไว้รองรับการประชุมงาน ระดมไอเดียเพื่อนำเสนองานต่างๆ จะได้ฝึกซ้อมเพิ่มความมั่นใจก่อนนำเสนองานต่อหน้าอาจารย์ด้วย

ภาพจำลองบรรยากาศของ Recreation Area พื้นที่มานั่งพักผ่อนในบรรยากาศที่เป็นกันเองมากขึ้น โดยจะมีโต๊ะ-เก้าอี้เรียงยาวให้มานั่งทำงานที่ไม่ต้องใช้สมาธิมากๆได้ เหมาะกับมาทำงานกับกลุ่มเพื่อน พอเวลาเบื่อๆก็มีโต๊ะบอลมือหมุนให้มายืนเล่นได้ด้วย

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Building C1 ตรงริมทะเลสาบ โดยจะเป็น Outdoor Facilities ที่สามารถเดินจาก Building C1 ออกมายังพื้นที่ริมทะเลสาบนี้ตามรูปด้านบนได้เลย แต่สำหรับน้องๆที่พักอยู่ในอาคารอื่นๆ จะต้องเดินเข้า Building C1 แล้วออกมาหรือใช้ประตูที่อยู่ด้านข้าง Building C1 ก็ได้เหมือนกัน ซึ่งมีติดตั้ง Keycard Access ในการเข้า-ออกให้ใช้ได้เฉพาะบัตรนักศึกษาของลูกบ้านในโครงการเท่านั้นค่ะ

ทางโครงการตั้งใจออกแบบ Outdoor Facilities มาอยู่บริเวณริมทะเลสาบเพื่อที่จะให้ลูกบ้านมาทำกิจกรรมต่างๆพร้อมชมวิวและรับลมเย็นๆจากทะเลสาบได้นั่นเอง นอกจากนั้น Outdoor Facilities นี้ออกแบบให้ทุกคนสามารถใช้งานได้ด้วย ไม่ได้ให้เฉพาะลูกบ้านในโครงการเท่านั้นนะคะ  ถือเป็นการออกแบบเพื่อส่วนรวมเลยนั่นเอง ประกอบด้วย Lakeside Area, Jogging Track, Bike Track, Basketball Court, BBQ Court, Experience Courtyard, Skate Park และ Playground

ภาพจำลองบรรยากาศ Outdoor Facilities บริเวณริมทะเลสาบ มีพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนอยู่หลากหลายแบบให้เลือกใช้งานได้ตามต้องการ

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณริมทะเลสาบ จะเห็นว่าทางโครงการได้ตีเส้นทางวิ่งไว้ชัดเจน สามารถมาปั่นจักรยานได้ด้วย อีกทั้งมีที่นั่งเรียงยาวตลอดแนว เพื่อให้ทุกคนสามารถมานั่งเล่นรับลมเย็นๆริมทะเลสาบได้ อีกทั้งยังปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อเป็นร่มเงา บังแสงแดด ทำให้มานั่งพักและวิ่งได้นานขึ้นค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Building A1-A2
    – ชั้น 1 :  Co-Kitchen, Mail Room, Recreation Area, Service Laundry, F&B Restaurant
    – ชั้น 3 : Reading Pod
    – ชั้น 4 : Co-Working Area, Reading Pod
    – ชั้น 8 : Game Room, Study Area
  • Building B1-B2
    – ชั้น 1 : Multi-Function Area, Mail Room, Service Laundry
    – ชั้น 4 : Co-Kitchen
    – ชั้น 6-7 : Reading Pod
    – ชั้น 8 : Multi-Function Room, Study Area
  • Building C1-C2
    – ชั้น 1 : Co-Kitchen, Recreation Area, Lobby, Retail, F&B Reataurant, Mail Room, Service Laundry, 2 Retail Shops
    – ชั้น 3-6 : Reading Pod
    – ชั้น 7-8 : Recreation Area
    – Rooftop : Garden
  • Outdoor Facilities บริเวณริมทะเลสาบ
    – Lakeside Area
    – Jogging Track
    – Bike Track
    – Basketball Court
    – BBQ Court
    – Experience Courtyard
    – Skate Park
    – Playground
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • ลิฟต์โดยสารรวมทั้งโครงการ 12 ตัว
  • ที่จอดรถในตัวโครงการ 252 คัน และที่จอดรถติดกับตัวโครงการอีกประมาณ 800 คัน แบบไม่ซ้อนคัน (เนื่องจาก DoBeDo เป็น Student Residence จึงใช้พื้นที่ลานจอดรถของมหาวิทยาลัยได้)
  • EV Station จำนวน 12 จุด แบ่งเป็นอาคารละ 2 จุด
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ
    – รูปแบบประตูทางเข้า-ออกโครงการ : รั้วไม้กระดก
    – ระบบในการเข้า-ออกโครงการ : Keycard Access / Bluetooth ระยะไกล / จดจำป้ายทะเบียน / สติกเกอร์
    – ระบบในการเข้า-ออก (เดินเข้าออก ขึ้นลงอาคาร) : Keycard Access / QR Code Access
    – CCTV ส่วนกลางประมาณ 500 จุด ทั้งภายในและภายนอกอาคาร
    – รูปแบบรั้วรอบโครงการ : รั้วทึบสูง 3 เมตร

แบบห้อง

Highlight

  • เน้น 1 Bedroom จึงอยู่อาศัยคนเดียวหรือแชร์กับ Roommate ได้สบายๆ
  • ตกแต่งแบบ Fully Furnished พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า+ชุดเครื่องนอนบางส่วน ช่วยประหยัดงบซื้อของ เพราะซื้อของอีกนิดหน่อยก็เข้าอยู่ได้เลย
  • 2 Bedroom ออกแบบ 2 ห้องนอนขนาดเท่ากัน+ได้ระเบียงส่วนตัว ทำให้ถึงแม้จะอยู่ห้องเดียวกันแต่ก็ยังได้ความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย แตกต่างจากโครงการอื่นที่มักทำเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ วาง 2 เตียงติดกันหรือห้องนอนใหญ่ห้องนึง อีกห้องจะได้ห้องเล็กกว่า

DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์) มีให้เลือกตั้งแต่ Studio ไปจนถึง 2 Bedroom เลย แต่จะออกแบบเน้นเป็นห้อง 1 Bedroom เป็นหลัก สามารถอยู่อาศัย 1-2 คนได้สบายๆ รวมถึงตกแต่งห้องแบบ Fully Furnished ที่ซื้อของเพิ่มนิดหน่อยก็พักอาศัยได้เลย ส่วนการจัดฟังก์ชันในห้องก็มาจากการทำ Survey สำรวจแล้วพบว่านักศึกษา ม.กรุงเทพให้ความสำคัญเรื่องความเป็นส่วนตัวสูง อยากอยู่คนเดียวมากกว่า อีกทั้งชอบพื้นที่ใหญ่และไม่ค่อยได้ทำอาหาร จึงทำให้มีการออกแบบพื้นที่เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่, โซนพักผ่อนอยู่ด้านในสุดของห้องและมีพื้นที่ห้องครัวให้พอทำอาหารง่ายๆได้

เนื่องจากโครงการนี้จะเป็นแบบ “ให้เช่า” ทำให้มีกฎระเบียบไม่อนุญาตให้ต่อเติมหรือเจาะผนัง ติดกำแพง ทาสี หรือดัดแปลงใดๆ และต้องดูแลรักษาห้องไว้ให้คงสภาพเดิมมากที่สุดนะคะ จึงมีข้อจำกัดในการตกแต่งห้องอยู่บ้าง แต่ทางโครงการก็ตกแต่งห้องในโทนสีขาว-ไม้ ที่ถือเป็นสไตล์ที่เรียบง่าย ไม่หวือหวา เพื่อให้ดูสวยงามแบบ Timeless

ทางโครงการตกแต่งห้องแบบ Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่ โดยให้เฟอร์นิเจอร์มาค่อนข้างครบเลยทั้งเคาน์เตอร์ครัว พร้อมชั้นวางของและที่เก็บรองเท้า, อ่างล้างจาน, ตู้เย็น, ไมโครเวฟ, โต๊ะอ่านหนังสือ+เก้าอี้, โซฟา (บุด้วยหนังชนิดพิเศษที่ทำความสะอาดรอยหมึกเลอะได้), โต๊ะกลาง, ตู้เสื้อผ้า, ฐานเตียง มีช่องเก็บของด้านล่าง, ฟูกนอน, ชุดโคมไฟหัวเตียง, ผ้าม่านและราวแขวนผ้าตรงระเบียง

แต่ดีไซน์และจำนวนชิ้นเฟอร์นิเจอร์จะขึ้นอยู่กับแบบห้องด้วย อย่าง 1 Bedroom จะได้โซฟา 3 ที่นั่ง พร้อมชั้นวางของอยู่ด้านข้างและมีโต๊ะอ่านหนังสือที่มีความยาวมากขึ้น ส่วน 2 Bedroom จะได้เคาน์เตอร์ครัวใหญ่ขึ้น มีติดตั้งเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน ออกแบบแยกตู้เก็บรองเท้าออกมาจากเคาน์เตอร์ครัว มีชั้นวางทีวีและโต๊ะนั่งรับประทานอาหารเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ

โดยราคาค่าเช่าอยู่ที่ 12,000 – 24,000 บาทต่อเดือน ที่ทางโครงการตกแต่งห้องและได้เฟอร์นิเจอร์ในห้องมาตามที่เราเขียนด้านบนเลยนะคะ รวมถึงคิดค่าอินเตอร์เน็ตมารวมในราคาค่าเช่านี้แล้ว นอกจากนั้นก็ไม่ต้องจ่ายค่าส่วนกลางใดๆด้วย ทำให้การอยู่ในโครงการนี้ก็แทบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆเพิ่มเติมเลย (เสียแค่ค่าไฟ ค่าน้ำตามการใช้งานจริงค่ะ)

วัสดุภายในห้อง
– พื้นห้อง : พื้น SPC ลายไม้
– พื้นระเบียง : กระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60×60 เซนติเมตร
– ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.5 เมตร
– ผนังห้องแบบ Skim Coat ทาสีขาว
– ไฟดาวน์ไลท์
– เครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type จาก Daikin จำนวน 1-3 ตัว (จำนวนชิ้นขึ้นอยู่กับแบบห้อง)
– Digital Door Lock จาก ZKTeco

วัสดุห้องครัว
– เคาน์เตอร์ครัวด้วยวัสดุ HMR กันน้ำและความชื้น ปิดผิวด้วยลามิเนต Top Counter เป็นเมลามีน พร้อม Built-in ชั้นวางของและอ่างล้างจาน (เฉพาะ 2 Bedroom ติดตั้งเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน จาก HAFELE)

วัสดุห้องน้ำ
– พื้นและผนังห้องน้ำ : กระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 30×60 เซนติเมตร
– ก๊อกน้ำ, อ่างล้างมือ, โถสุขภัณฑ์และฝักบัว จาก ROCA
– ม่านกั้นอาบน้ำ
– เครื่องทำน้ำอุ่น จาก STIEBEL ELTRON

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

สำหรับแบบห้องของโครงการจะมีทั้ง Studio, 1 Bedroom และ 2 Bedroom ซึ่งทางโครงการมีห้องตัวอย่างเพียง 1 Bedroom เท่านั้น แต่เราได้สิทธิ์ Exclusive มากๆ จึงได้เข้าไปดูใน Site ที่กำลังก่อสร้างและเก็บภาพบรรยากาศของ Studio และ 2 Bedroom มาให้ชมกันด้วยค่ะ


1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 27 ตร.ม.

สำหรับห้องตัวอย่างของโครงการจะมีเพียงห้องเดียว ได้แก่ 1 Bedroom ที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดในโครงการรวม 752 ยูนิตกระจายอยู่ทุกอาคาร โดยส่วนใหญ่จะได้ตำแหน่งห้องที่หันเข้าด้านในได้วิว Courtyard ของโครงการ จะมีเพียง 1 Bedroom ใน Building A2 ที่ได้วิวหันหน้าออกด้านนอกอาคาร แต่ในชั้นสูงๆจะได้วิวสวยๆจากทะเลสาบและสนามกอล์ฟนะคะ เราได้สรุปจุดเด่นของ 1 Bedroom มาให้ดังนี้

  • แบ่งพื้นที่ภายในห้องเป็น 2 โซน ได้แก่ โซน Service อยู่ด้านหน้าและโซนพักผ่อนอยู่ด้านใน ทำให้ได้ความเป็นสัดส่วนและส่วนตัวดี
  • ห้องนอน ได้พื้นที่ใช้สอยใหญ่ พร้อมตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่เต็มผนัง
  • ห้องน้ำ แบ่งเป็นสัดส่วนทั้งอ่างล้างมือ สุขภัณฑ์และพื้นที่อาบน้ำ
  • ระเบียง มีพื้นที่ด้านล่างตั้งเครื่องซักผ้าได้ โดยแขวน Condensing Unit ไว้ด้านบน

Image 1/2
บริเวณด้านหน้าห้อง

บริเวณด้านหน้าห้อง

ประตูของทุกยูนิตจะได้หน้าตาเหมือนในภาพด้านบนเลยนะคะ โดยมีการติดตั้ง Digital Door Lock จาก ZKTeco สามารถใช้บัตรนักศึกษาเป็น Keycard เข้า-ออกห้องได้เลย จึงไม่ต้องพกบัตรอื่นๆให้วุ่นวาย แต่ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ จึงต้องใช้เป็นระบบ Keycard และสแกนผ่านโทรศัพท์มือถือ (Apps) ไปก่อนนะคะ

ซึ่งตัวบานประตูก็ติดตั้งโช๊คประตู ช่วยลดแรงกระแทกเวลาเปิด-ปิดประตูด้วยค่ะ แต่สิ่งที่เรารู้สึกว่าดีไซน์ได้น่ารักดี คือ ป้ายห้องที่สามารถติด Magnet แม่เหล็กเขียนบอกว่าไม่อยู่ห้องหรือชวนเพื่อนปาร์ตี้ ติวหนังสือได้

เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่ครัวและมีห้องน้ำอยู่ด้านข้าง เราชอบที่ออกแบบโซนนี้มาไว้ด้านหน้าห้องนะ เพราะถือเป็นโซน Service ที่ให้ช่างมาซ่อมแซมบำรุงรักษาได้ง่าย ไม่ต้องเดินผ่านพื้นที่อื่นๆภายในห้อง อีกทั้งโซน Service นี้ยังเป็น Buffer Zone ช่วยป้องกันเสียงดังจากโถงทางเดินไปยังโซนพักผ่อนที่อยู่ด้านในห้อง จึงได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

สำหรับพื้นที่ครัวนี้จะเป็นแบบเปิดนะคะ เพราะจากการที่โครงการได้สำรวจความต้องการของนักศึกษาจึงได้รู้ว่าน้องๆไม่ค่อยได้ทำอาหารในห้องเลย อย่างมากสุดก็แค่อุ่นอาหารเท่านั้น จึงมองว่าไม่ได้จำเป็นต้องกั้นเป็นครัวปิดเพื่อป้องกันกลิ่นอาหารค่ะ

Image 1/2
เคาน์เตอร์ครัว

เคาน์เตอร์ครัว

บริเวณพื้นที่ครัวจะได้ Built-in ชุดเคาน์เตอร์ครัวมาเหมือนภาพด้านบนเลย โดยเป็นวัสดุ HMR กันน้ำและความชื้น ปิดผิวด้วยลามิเนต Top Counter เป็นเมลามีน พร้อม Built-in ชั้นวางของทั้งด้านบนและด้านล่างให้เก็บพวกจาน ชาม แก้วน้ำ เครื่องปรุงและวัตถุดิบทำอาหารได้เยอะ รวมถึงติดตั้งอ่างล้างจานหลุมเดี่ยว พร้อมเตรียมไมโครเวฟและตู้เย็นมาให้กับตัวห้องเลย จริงๆมีเพียงเท่านี้ก็ถือว่าครบแล้วนะ แต่ถ้าเป็นเราอาจจะหาซื้อเตาไฟฟ้าเพิ่มอีกหน่อย ไว้ทำอาหารง่ายๆได้ค่ะ ส่วนพื้นที่ยืนประกอบอาหารมีความกว้างประมาณ 1.05 เมตรค่ะ

นอกจากนั้นตรงด้านล่างของเคาน์เตอร์ครัวจะมีช่องนึงเป็นพื้นที่เก็บรองเท้านะคะ สามารถเก็บรองเท้าได้ประมาณ 8 คู่เลย ทำให้น้องๆไม่ต้องเสียเงินซื้อตู้เก็บรองเท้าเพิ่ม รวมถึงช่วยเก็บรองเท้าได้เป็นระเบียบเรียบร้อยด้วย

Image 1/3
ห้องน้ำ

ห้องน้ำ

ห้องน้ำจะอยู่ติดกับพื้นที่ครัวเลย โดยมีขนาดห้องอยู่ที่ 1.75×2.50 เมตร ออกแบบแยกส่วนเปียก-แห้งไว้ชัดเจน พร้อมลดระดับพื้นให้ต่ำลงกว่าพื้นห้อง ช่วยกันไม่ให้น้ำไหลเข้ามาภายในห้องค่ะ ส่วนวัสดุปูพื้นและผนังห้องน้ำเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 30×60 เซนติเมตร สามารถทำความสะอาดได้ง่าย

โดยติดตั้งก๊อกน้ำ อ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์จาก ROCA รวมถึงเราชอบที่มีตู้เก็บของบานกระจก เหมาะสำหรับเก็บแปรงสีฟัน ยาสีฟัน โฟมล้างหน้าและน้ำหอมต่างๆได้สะดวกดี

Image 1/3
พื้นที่อาบน้ำ

พื้นที่อาบน้ำ

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.75×1.00 เมตร พร้อมติดตั้ง Hand Shower จาก ROCA และเครื่องทำน้ำอุ่นจาก STIEBEL ELTRON มาให้เรียบร้อยเลย รวมถึงมีม่านกั้นอาบน้ำ, ราวแขวนผ้าและชั้นวางของเข้ามุมมาให้ด้วย ถึงแม้จะดูเป็นของใช้เล็กๆน้อยๆ แต่ก็ช่วยให้อยู่อาศัยได้สะดวกสบายขึ้นนะคะ

หลังจากเราผ่านโซนด้านหน้าห้องมาแล้ว จะเจอกับโซนพื้นที่นั่งเล่นและอ่านหนังสือ ซึ่งวัสดุปูพื้นเป็น SPC ลายไม้ ที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนและให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมาะแก่การพักผ่อนตั้งแต่เปิดประตูเข้าห้องมาเลย ส่วนผนังห้องจะเป็นแบบ Skim Coat ทาสีขาว พร้อมติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ และความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.5 เมตรค่ะ

Image 1/4
พื้นที่นั่งเล่น

พื้นที่นั่งเล่น

พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดอยู่ที่ 1.90×3.50 เมตร ซึ่งทางโครงการได้ให้ทั้งชั้นวางของ, โต๊ะกลางและโซฟา 3 ที่นั่งมาเหมือนภาพด้านบนเลยนะคะ ทำให้เราสามารถพาเพื่อนมานั่งเล่นในห้องได้เลย

ทางโครงการพยายามออกแบบมาให้เข้ากับชีวิตนักศึกษา ม.กรุงเทพ โดยเฉพาะสาย Creative ที่ต้องทำโปรเจกต์ชิ้นใหญ่ จึงออกแบบให้มีพื้นที่ว่างตรงกลางเผื่อนั่งทำงานกางกระดาษตรงพื้นได้เลย รวมถึงตัวโซฟาก็บุด้วยหนังชนิดพิเศษที่ทำความสะอาดรอยหมึกเลอะได้ (ยกเว้นปากกา Permanent Marker) ซึ่งทางโครงการได้ใช้ปากกาลูกลื่นเขียนเบาะโซฟาให้เราดูและสามารถเช็ดออกได้จริงๆค่ะ เผื่อเวลาที่ต้องส่งโปรเจกต์ที่มีการวาดภาพ ระบายสีหรือเพ้นท์งานต่างๆและอาจจะไปเลอะโซฟาได้นั่นเอง

Image 1/2
พื้นที่นั่งอ่านหนังสือ

พื้นที่นั่งอ่านหนังสือ

พื้นที่นั่งอ่านหนังสือจะได้เป็นโต๊ะยาวประมาณ 1.90 เมตร พร้อมเก้าอี้ที่บุด้วยหนังชนิดเดียวกับโซฟา และมีชั้นวางของเล็กๆด้านบนด้วย เราชอบตรงนี้มากๆเลย เพราะโต๊ะขนาดมาตรฐานจะยาวประมาณ 1.20 เมตร แต่พอตั้งคอมพิวเตอร์ไปก็แทบไม่เหลือพื้นที่แล้ว พอทางโครงการเลือกใช้เป็นโต๊ะยาวกว่าปกติ ทำให้สามารถวางกางหนังสือหลายๆเล่มหรือจะทำโปรเจกต์ขนาด A3 ก็ยังได้เลย

ทางโครงการได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type จาก Daikin มาให้จำนวน 1-3 ตัว โดยขึ้นอยู่กับแบบห้อง ซึ่งห้อง Studio ได้ 1 ตัว, 1 Bedroom ได้ 2 ตัว และ 2 Bedroom ได้ 3 ตัวค่ะ

จากพื้นที่นั่งเล่น-อ่านหนังสือไปห้องนอนจะมีประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนขนาดใหญ่แบบ Full Height คอยกั้นแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น ซึ่งพอเลือกเป็นประตู 3 ตอนก็ทำให้สามารถเปิด-ปิดได้กว้าง เปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาได้ทั่วทั้งห้อง และเดินเข้า-ออกได้ง่ายดี

นอกจากนั้นเราชอบที่ตัวกรอบบานประตูนี้เป็นสีขาวแตกต่างกับที่อื่นๆที่มักจะเป็นสีดำ ซึ่งทำให้ได้ Mood ห้องเป็นสีไม้-ขาว กลมกลืนไปทั้งห้องดีค่ะ

Image 1/3
ห้องนอน

ห้องนอน

ห้องนอนมีพื้นที่ภายในห้องขนาดใหญ่ ซึ่งทางโครงการได้ Built-in ตู้เสื้อผ้าเต็มผนัง พร้อมเตรียมฐานเตียงและฟูกนอนขนาด 5 ฟุตมาให้เลย ทำให้เราซื้อหมอน ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มก็เข้าอยู่อาศัยได้เลยค่ะ ซึ่งฐานเตียงนี้จะมีช่องเก็บของด้านล่างไว้เก็บพวกกระเป๋าเดินทางได้ด้วยนะ ส่วนบริเวณพื้นที่ปลายเตียงมีความกว้างประมาณ 0.60 เมตร จึงมีพื้นที่ยืนแต่งตัวและเดินผ่านไปยังระเบียงหรือพื้นที่นั่งเล่นได้สบายๆ

นอกจากนั้นทางโครงการได้ Built-in ตรงหัวเตียงนอนเป็นพื้นที่วางของได้ด้วย พร้อมเตรียมปลั๊กไฟและชุดโคมไฟหัวเตียงมาให้ตามภาพเลยนะคะ ทำให้เราสามารถชาร์จมือถือและวางไว้ตรงหัวเตียงได้ รวมถึงเปิดไฟอ่านหนังสือก่อนนอนและวางหนังสือไว้ตรงหัวเตียงได้นั่นเอง

Image 1/2
ตู้เสื้อผ้า

ตู้เสื้อผ้า

ทางโครงการได้ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้เต็มผนังตรงบริเวณปลายเตียงนอนเลยนะ ถือว่าให้มาขนาดใหญ่อยู่เหมือนกัน ถูกใจสายแฟชั่นแน่นอน โดยอาจจะเก็บเสื้อผ้าที่ไม่ค่อยได้ใส่ไว้ในตู้ที่มีบานปิด ส่วนเสื้อผ้าที่ใส่บ่อยๆก็เก็บไว้ตรงช่องที่ไม่มีบานตู้ ทำให้หยิบสวมใส่ได้ง่ายดี

ทางโครงการออกแบบมีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน กั้นระหว่างห้องนอนและระเบียง ทำให้เปิดรับแสงธรรมชาติและวิวด้านนอกได้กว้างดี ซึ่งทางโครงการได้ติดตั้งม่านแบบ Blackout ทำให้ห้องนอนมืดสนิทจริงๆ โดยเฉพาะคนที่นอนหลับยาก รวมถึงเวลาทำงานข้ามคืนแล้วต้องมานอนตอนเช้าก็สามารถนอนหลับได้ค่ะ

Image 1/4
ระเบียง

ระเบียง

ระเบียงมีขนาด 1.00×3.50 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60×60 เซนติเมตร ทำความสะอาดได้ง่าย ซึ่งทางโครงการได้แขวน Condensing Unit ไว้ด้านบนแล้ว จึงมีพื้นที่ด้านล่างตั้งเครื่องซักผ้าหรือปลูกต้นไม้ได้ด้วย นอกจากนั้นด้านข้างระเบียงได้ติดตั้งราวแขวนผ้าเล็กๆมาให้ใช้งานกันได้ด้วยนะ


อย่างที่เราได้เกริ่นไปนิดนึงแล้วนะคะ ว่าห้องตัวอย่างที่ให้เยี่ยมชมได้จริงๆจะมีเพียง 1 Bedroom เท่านั้น แต่ทางโครงการพาเราไป Site โครงการที่กำลังก่อสร้างอยู่ เราจึงเก็บภาพบรรยากาศของ Studio และ 2 Bedroom จากหน้างานจริงมาให้ชมกันด้วย แต่เนื่องจากอยู่ระหว่างก่อสร้างจึงทำให้มีการ Wrapping เฟอร์นิเจอร์และกระจก เพื่อไม่ให้เลอะฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่างๆนะคะ

Studio พื้นที่ใช้สอย 23.5 ตร.ม.

แบบห้อง Studio จะมีจำนวนรองลงมาจาก 1 Bedroom โดยมีจำนวนห้องอยู่ที่ 360 ยูนิต อยู่ที่ Building B1-B2 และ C1-C2 ซึ่งตำแหน่งส่วนใหญ่จะหันออกด้านนอกอาคาร แต่ห้อง Studio ใน Building C1 มีความน่าสนใจเพราะหันหน้าได้วิวด้านในโครงการ อีกทั้งยังได้โถงทางเดินแบบ Single load Corridor ที่ไม่มีห้องฝั่งตรงข้าม ได้ความเป็นส่วนตัวสูงและเดินเชื่อมไปยังทะเลสาบได้เลย ส่วน Building B1 ก็จะอยู่ใกล้ทางเข้า-ออกโครงการดี ไม่ต้องเดินไกลค่ะ

สำหรับการออกแบบห้อง Studio และ 1 Bedroom จะมีความคล้ายคลึงกันเลย แตกต่างกันที่ห้อง Studio จะออกแบบเป็น Open Plan พื้นที่เชื่อมต่อเนื่องกันทั้งห้อง ไม่มีประตูกั้นแยกห้องนอน งั้นเราพาไปดูจุดเด่นของแบบห้องนี้กันต่อเลยนะคะ

  • Open Plan พื้นที่เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่ ทำให้ห้องดูโปร่ง จัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ยืดหยุ่น
  • พื้นที่ครัวและห้องน้ำอยู่ด้านหน้าห้อง สามารถมา Service ซ่อมบำรุงได้ง่าย ไม่รบกวนโซนพักผ่อนที่อยู่ด้านใน ได้ความเป็นส่วนตัว
  • พื้นที่นั่งเล่น-อ่านหนังสืออยู่ริมหน้าต่าง ทำให้ได้บรรยากาศการนั่งพักผ่อนแบบผ่อนคลาย เปิดรับวิวและแสงธรรมชาติ
  • ห้องน้ำ แบ่งเป็นสัดส่วนทั้งอ่างล้างมือ สุขภัณฑ์และพื้นที่อาบน้ำ
  • ระเบียง แขวน Condensing Unit ไว้ด้านบนจึงมีพื้นที่ด้านล่างให้ประโยชน์ได้

Image 1/7
เมื่อเดินเข้าห้องมาจะเจอกับพื้นที่ครัวและมีห้องน้ำอยู่ด้านข้าง

เมื่อเดินเข้าห้องมาจะเจอกับพื้นที่ครัวและมีห้องน้ำอยู่ด้านข้าง

เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องจะเจอกับห้องครัวแบบเปิดที่ Built-in ชุดเคาน์เตอร์มาเหมือน 1 Bedroom เลยและมีห้องน้ำอยู่ด้านข้างที่แบ่งโซนเปียก-แห้งเป็นสัดส่วน พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ในห้องน้ำครบครัน ส่วนด้านในห้องจะจัดเป็นโซนเตียงนอน-ตู้เสื้อผ้าและพื้นที่นั่งเล่น-อ่านหนังสืออยู่ติดหน้าต่าง มีระเบียงให้ใช้งานทั้งตั้งเครื่องซักผ้า ตากผ้าหรือปลูกต้นไม้ได้

เรามองว่าห้อง Studio เหมาะสำหรับนักศึกษาปี 1 ที่ยังไม่ได้ต้องทำโปรเจกต์ชิ้นใหญ่ จึงไม่ซีเรียสเรื่องขนาดห้อง ชอบความเป็นส่วนตัวสูงที่ไม่ได้ชวนเพื่อนมานั่งเล่นที่ห้องบ่อย อีกทั้งชอบบรรยากาศภายในห้องแบบโปร่งสบายตั้งแต่เปิดประตูห้องเข้ามาเลย และได้พื้นที่นั่งเล่น-อ่านหนังสืออยู่ริมหน้าต่าง ชมวิวด้านนอกระหว่างนั่งพักผ่อนได้เพลินๆค่ะ


2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 47 ตร.ม.

สำหรับ 2 Bedroom เป็นห้องขนาดใหญ่สุดของโครงการนี้ มีเพียง 196 ยูนิต โดยตำแหน่งห้องจะมีทั้งหันหน้าเข้าด้านในได้วิว Courtyard ของโครงการและหันหน้าออกได้วิวทะเลสาบค่ะ ซึ่งห้อง 2 Bedroom จะอยู่ที่ Building A1-A2 และ C1-C2 แต่ที่เรามองว่าน่าสนใจ คือ Building A1 ที่นอกจากจะอยู่ใกล้ทางเข้า-ออกโครงการแล้ว ยังได้วิวทะเลสาบด้านข้างโครงการเลยนั่นเอง นอกจากนั้นยังมี Building C1 ที่นอกจากเปิดรับวิวทะเลสาบและเดินเชื่อมไปยังทะเลสาบได้แล้ว ยังได้โถงทางเดินแบบ Single load Corridor ที่ไม่มีห้องฝั่งตรงข้ามด้วยนั่นเอง

เราชอบการออกแบบห้อง 2 Bedroom ของโครงการมากๆเลย เพราะได้ห้องนอน 2 ห้องที่ขนาดเท่ากันและได้ระเบียงส่วนตัวภายในห้อง อีกทั้งออกแบบมี Common Area คั่นตรงกลางห้องที่นอกจากทำให้ทั้ง 2 ห้องนอนเดินมาใช้งานได้ง่ายแล้ว ยังเป็น Buffer Zone ช่วยป้องกันเสียงไม่ให้ดังรบกวนเพื่อนที่อยู่อีกห้องนั่นเอง โดยจุดเด่นของแบบห้องนี้มีดังนี้

  • ห้องนอน 2 ขนาดเท่ากันพร้อมระเบียงส่วนตัวแบบแยกกันเลย ทำให้ถึงแม้จะอยู่ห้องเดียวกัน แต่ได้ความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยดี
  • พื้นที่ครัวและห้องน้ำอยู่ด้านหน้าห้อง สามารถมา Service ซ่อมบำรุงได้ง่าย ไม่รบกวนโซนพักผ่อนที่อยู่ด้านใน ได้ความเป็นส่วนตัว
  • Common Area อยู่ตรงกลางห้อง ทำให้ทั้งเราและเพื่อนมาใช้งานได้ง่าย อีกทั้งช่วยป้องกันเสียงดังด้วย
  • ห้องน้ำ แบ่งเป็นสัดส่วนทั้งอ่างล้างมือ สุขภัณฑ์และพื้นที่อาบน้ำ

Image 1/8
บริเวณด้านหน้าห้องมีตู้เก็บรองเท้า ส่วนด้านข้างจะเป็นห้องน้ำและพื้นที่ครัว

บริเวณด้านหน้าห้องมีตู้เก็บรองเท้า ส่วนด้านข้างจะเป็นห้องน้ำและพื้นที่ครัว

เมื่อเข้าห้องมาจะเจอกับตู้เก็บรองเท้าให้เก็บได้เป็นระเบียบ ส่วนด้านข้างจะเป็นห้องน้ำออกแบบแบ่งโซนเป็นสัดส่วน และอีกฝั่งของห้องจะเป็นห้องครัวที่ได้ชุดเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่ขึ้นและติดตั้งเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันมาให้ด้วย ต่อมาจะมีพื้นที่นั่งรับประทานอาหารได้และมีพื้นที่นั่งเล่นอยู่ติดริมหน้าต่าง เปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาภายในห้อง โดยห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะแยกอยู่คนละฝั่ง ส่วนการออกแบบห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะมีขนาดห้องที่เท่ากัน ได้เฟอร์นิเจอร์เหมือนกันและมีระเบียงส่วนตัวแยกกันเลย จึงทำให้ยังได้เป็นส่วนตัวอยู่ถึงแม้จะมี Roommate ก็ตาม

แบบห้อง 2 Bedroom เหมาะสำหรับนักศึกษาปี 3-4 ที่มีเพื่อนมาอยู่เป็น Roommate ด้วย โดยสิ่งที่เราชอบของห้องนี้ คือ การออกแบบห้องนอนทั้ง 2 ห้องที่มีขนาดเท่ากันและมีระเบียงแยกแบบเป็นส่วนตัว เพราะหอพักหรือคอนโดส่วนใหญ่จะได้พื้นที่ห้องขนาดใหญ่ วางเตียง 2 เตียงข้างๆกัน หรือออกแบบเป็นห้องนอนใหญ่ห้องนึงและอีกห้องจะมีขนาดเล็กกว่า รวมถึงระเบียงจะอยู่ที่ห้องนอนใหญ่หรือ Common Area ทำให้ใช้งานได้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ พอออกแบบแยกจากกันชัดเจนแบบนี้ก็ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวดีค่ะ อีกอย่างด้วยค่าเช่า 23,000 บาทต่อเดือน (อยู่ 2 คน จ่ายคนละ 11,500 บาทต่อเดือน) ที่จ่ายพอๆกับ Studio ค่าเช่า 12,000 บาทต่อเดือน แต่ได้พื้นที่ Common Area ที่ใหญ่กว่า ชวนเพื่อนมานั่งเล่นหรือทำงานที่ห้องได้สบายค่ะ

ราคา

DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์) ราคา ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568

โครงการเป็นแบบ “ให้เช่า” เท่านั้น (เฉพาะนักศึกษา BU ที่ยังเรียนอยู่)

  • Studio ค่าเช่า 12,000 บาทต่อเดือน
  • 1 Bedroom ค่าเช่า 14,000 บาทต่อเดือน
  • 2 Bedroom ค่าเช่า 23,000 บาทต่อเดือน
  • ห้องหัวมุมเพิ่ม 1,000 บาท (มีหน้าต่างด้านข้างห้อง+ติดเพื่อนบ้านด้านเดียว)
  • สัญญาเช่ามีระยะเวลา 1 ปี (ชำระล่วงหน้า 1 เดือน และมัดจำ 2 เดือน ถือเป็นเงินประกันความเสียหาย)
  • ค่าน้ำ-ค่าไฟ คิดตามการใช้จริง (ค่าอินเตอร์เน็ตรวมในราคาค่าเช่าแล้ว)
  • การเช่ารายเดือน : ต้องชำระค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน (ค่าไฟและค่าน้ำเดือนล่าสุด + ค่าบริการเพิ่มเติม (ถ้ามี) ตามการใช้จริง)
  • รูปแบบการขาย Fully Furnished ได้แก่ ชุดเคาน์เตอร์ครัว, เครื่องใช้ไฟฟ้า (ตู้เย็น-ไมโครเวฟ), โต๊ะอ่านหนังสือ+เก้าอี้, โซฟา+โต๊ะกลาง, ตู้เสื้อผ้า, ฐานเตียง+ฟูกนอน+ชุดโคมไฟหัวเตียงและราวแขวนผ้าตรงระเบียง (ดีไซน์และจำนวนชิ้นเฟอร์นิเจอร์จะขึ้นอยู่กับแบบห้อง)
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.5 เมตร
  • ชุดเคาน์เตอร์ครัวด้วยวัสดุ HMR กันน้ำและความชื้น ปิดผิวด้วยลามิเนต Top Counter เป็นเมลามีน พร้อม Built-in ชั้นวางของและอ่างล้างจาน (เฉพาะ 2 Bedroom ติดตั้งเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน จาก HAFELE)
  • สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ จาก ROCA
  • เครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type จาก Daikin จำนวน 1-3 ตัว (จำนวนชิ้นขึ้นอยู่กับแบบห้อง)

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเล :

โครงการเชื่อมติดกับ ม.กรุงเทพ จึงสามารถเดินไปเรียนได้เลย อีกทั้งมีจุดพักคอยรถราง (รถซาฟารี) ของมหาวิทยาลัยที่รับ-ส่งนักศึกษาตามตึกคณะต่างๆ จึงทำให้ไม่ต้องเสียเงินต่อรถมาเรียนเลยค่ะ รวมถึงในอนาคตจะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงอยู่ไม่ไกลจากตัวโครงการ ช่วยให้เดินทางได้สะดวกสบายมากขึ้น

สำหรับความอุดมสมบูรณ์ของทำเลถือว่าสูงเลย เพราะภายในโครงการก็มีร้านค้า ร้านอาหารให้ลงมาซื้อของกันได้ง่ายๆ รวมถึงภายในมหาวิทยาลัยก็มีโรงอาหาร ร้านค้าต่างๆ แต่หากเบื่อๆก็ไป Mingle Mall ที่อยู่ข้างๆมหาวิทยาลัยได้ มีทั้งร้านค้า, ร้านอาหาร, Cafe, Food Court, ร้านสะดวกซื้อ และภายในซอยรังสิตภิรมย์ก็มีร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆตลอดทางด้วย ส่วนใครที่ต้องการเดินห้างช้อปปิ้งก็มี Future Park รังสิต และ Zpell ที่อยู่ไม่ไกล  มีโรงพยาบาลและสถานศึกษาในระยะ 6 กิโลเมตร

การเดินทางโดยใช้รถ :

ตัวโครงการอยู่ด้านในสุดของ ม.กรุงเทพ ที่ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน สามารถเดินทางเชื่อมต่อได้หลายทาง เดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่าย ใกล้ทางด่วน 3 สายทั้งอุดรรัถยา, ศรีรัชและดอนเมืองโทลล์เวย์ ส่วนที่จอดรถภายในโครงการมีประมาณ 252 คัน อาจจะดูไม่ได้เยอะมาก แต่ว่าลูกบ้านของโครงการสามารถใช้ลานจอดรถภายในมหาวิทยาลัยได้ทั้งหมดเลย อย่างใกล้ๆโครงการก็มีที่จอดรถได้ประมาณ 800 คันค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

ถือว่าเป็นจุดเด่นของโครงการนี้เลย เพราะสามารถเดินไปเรียนได้จริง อย่างใกล้ๆตัวโครงการจะเป็นคณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ และคณะนิเทศศาสตร์ที่อยู่ในระยะ 500 เมตรเอง อีกทั้งมีรถราง (รถซาฟารี) ของมหาวิทยาลัยเข้ามารับน้องๆนักศึกษาภายในโครงการ เพื่อรับ-ส่งตามตึกคณะต่างๆ รวมถึงในอนาคตมีรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานี ม.กรุงเทพ อยู่ไม่ไกลจากโครงการ ช่วยให้เดินทางได้สะดวกขึ้นค่ะ

วัสดุ :

รูปแบบห้องของโครงการนี้เป็น Fully Furnished พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า+ชุดเครื่องนอนบางส่วน ที่ช่วยน้องๆประหยัดงบซื้อของไปได้เยอะ เพียงซื้อของอีกนิดหน่อยก็เข้าอยู่ได้เลยค่ะ ส่วนวัสดุปูพื้นเป็น SPC ลายไม้ มีไฟดาวน์ไลท์ ติดตั้งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำครบและมีแอร์มาให้ด้วย

การออกแบบ :

ถือเป็นโครงการใหญ่สุดบนทำเลด้วยที่ดินประมาณ 21 ไร่ และเป็นที่พักนักศึกษาแห่งแรกของไทยที่ผสมผสานความเป็นหอพักและคอนโด ให้เช่าเฉพาะนักศึกษา ม.กรุงเทพเท่านั้น โดยวางผังอาคารทั้ง 6 อาคาร ล้อมรอบพื้นที่สวนสีเขียวตรงกลาง ทำให้ห้องพักที่หันเข้ามาด้านในได้วิวสวนภายในโครงการ ส่วนห้องที่หันออกด้านนอกจะได้วิวทะเลสาบ+สนามกอล์ฟ

ทุกอาคารออกแบบมี Life Atrium พื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ตรงกลางอาคาร นอกจากเปิดรับลมและแสงได้ดีแล้ว ยังทำให้ได้โถงทางเดินแบบ Single load Corridor ที่ไม่มีเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม ได้ความเป็นส่วนตัวสูง โดยเฉพาะ Building C1-C2 สำหรับห้องพักจะเน้น 1 Bedroom จึงอยู่อาศัยคนเดียวหรือแชร์กับ Roommate ได้สบายๆค่ะ

สาธารณูปโภค :

ออกแบบเน้นส่วนกลางเป็นพื้นที่นั่งทำงาน-อ่านหนังสือ กระจายไปในแต่ละอาคารและมี Outdoor Facilities ริมทะเลสาบที่ให้ทุกคนสามารถมาให้ใช้งานร่วมกันได้ด้วย นอกจากนั้นโครงการนี้ยังมีข้อได้เปรียบจากที่เชื่อมติดกับ ม.กรุงเทพ จึงสามารถมาออกกำลังกายที่ลานกีฬาของมหาวิทยาลัยได้ฟรีๆค่ะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%, ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568

  • ทำเล 10/10 – เชื่อมติดกับ ม.กรุงเทพ แบบเดินไปเรียนได้
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – ใกล้ถนนใหญ่ มีทางด่วนหลายเส้นทาง ใช้เข้า-ออกเมืองได้สะดวก
  • ไม่ใช้รถ 9/10 – มีรถรางของมหาวิทยาลัยคอยรับ-ส่ง บริเวณถนนใหญ่ก็มีรถสาธารณะให้เรียกเยอะ
  • วัสดุ 8.25/10 – Fully Furnished ได้เกรดตามมาตรฐานระดับราคานี้ ดีที่มีไมโครเวฟ, ตู้เย็น, ฟูกนอน และผ้าม่านมาให้แล้ว
  • แบบ 8.25/10 – จัดตัวอาคารล้อมสวนตรงกลาง มี Atrium ขนาดใหญ่ ได้โถงทางเดินแบบ Single load Corridor เน้นห้องเล็กอยู่ได้ 1-2 คน ออกแบบฟังก์ชันเป็นสัดส่วน
  • สาธารณูปโภค 8/10 – เน้นส่วนกลางเป็นพื้นที่นั่งทำงาน-อ่านหนังสือ มี Outdoor Facilities ริมทะเลสาบและดีที่ใช้ลานกีฬาของมหาวิทยาลัยได้

  • 9.00 / 10.00

**การให้คะแนนนี้ยังไม่ได้รวมการพิจารณาเรื่องการถือครองกรรมสิทธิ์ เนื่องจากโครงการนี้เป็นแบบสัญญาเช่า 1 ปีและต่อสัญญาแบบรายปี จึงไม่ได้ถือครองกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของห้อง ทำให้นอกจากต้องดูเรื่องความคุ้มค่าทางการเงินแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกที่สำคัญ เช่น ความชอบส่วนบุคคล อารมณ์ และความรู้สึกส่วนตัวของผู้ซื้อ ที่ต้องนำมาใช้ประกอบการพิจารณา ซึ่งปัจจัยดังกล่าวมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลค่ะ

DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์) เหมาะกับใคร

โครงการ DoBeDo Student Residence (ดูบีดู สติวเดนท์ เรสซิเดนซ์) เป็นที่พักนักศึกษาแห่งแรกของไทยและให้เช่าเฉพาะนักศึกษา ม.กรุงเทพเท่านั้น เหมาะกับผู้ปกครองหรือน้องๆนักศึกษาที่กำลังมองหาอยู่ที่พักในมหาวิทยาลัยเลย แบบเดินไปเรียนได้ง่าย กลับดึกแค่ไหนก็ได้ อีกทั้งยังอยู่อย่างปลอดภัย มีพื้นที่ให้ทำงาน-อ่านหนังสือได้เยอะด้วย มีค่าเช่าอยู่ที่ 12,000-24,000 บาทต่อเดือน

ตัวอย่างโครงการโดยรอบบนทำเลเดียวกัน 

Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!

โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ

เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่