รีวิวฉบับที่ 610 … สวัสดีเจ้า วันนี้จะพาไปแอ่วเหนือที่เชียงใหม่นะเจ้า กับโครงการที่ชื่อว่า Diamant Condominium (ดิ อา มองต์ คอนโดมิเนียม) ที่เป็นคอนโด Low Rise ที่สูงแค่ 5 ชั้น เน้นจำนวนยูนิตน้อย เพื่อให้พักผ่อนได้แบบสบายๆ ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนน ซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่ – ลำปาง ใกล้ๆกับแม่น้ำปิง สามารถมองเห็นดอยสุเทพได้จากโครงการเลย โครงการจะเป็นอย่างไรเราไปดูกันเลยครับ ヾ(^-^)ノ~♪
Fact @ 19 June 2014
- Diamant Condominium (ดิ อา มองต์ คอนโดมิเนียม)
- บริษัท เอ็น. ซี. เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน)
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ตำบล ฟ้าฮ่าม อำเภอ เมืองเชียงใหม่
- คอนโด Low Rise 5 ชั้น 3 อาคาร 228 ยูนิต (76 ยูนิต/อาคาร) และร้านค้า 3 ยูนิต (รวมยูนิตทั้งหมด 231 ยูนิต)
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 15 ยูนิตที่อาคาร A
- ที่จอดรถประมาณ 81 คันคิดเป็น 35% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น xx%
- ที่ดินประมาณ 4-0-40.9 ไร่
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : กลางปี 2558
- 1 Bedroom 30.06 – 35.87 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms 45.09 – 56.70 ตารางเมตร
- ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.79 ล้านบาทหรือประมาณ 59,500 บาทต่อตารางเมตร
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรประมาณ 65,600 บาท
- http://www.ncgroup.co.th/condominium/DiamantCondoChiangMai/index.php
- โทร 02-689-6888
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 18.810166,99.006729
แผนที่แบบคร่าวๆจากทางโครงการ แสดงให้เห็นผังเมืองของเชียงใหม่ทั้งเมืองเลย และใส่ตำแหน่งสำคัญๆต่างๆเอาไว้เรียบร้อย แต่ระยะทางบางส่วนอาจแปลกๆไปหน่อย ดังนั้นเดี๋ยวเราค่อยไปดูจาก Google Map เอาดีกว่าครับ ตัวโครงการนั้นตั้งอยู่บน ถ.ซุปเปอร์ไฮเวย์ (เชียงใหม่-ลำปาง) ช่วงระหว่างแม่น้ำปิง และ ถ.เชียงใหม่พร้าว ซึ่งทำเลตรงนั้นเป็นทำเลนอกตัวเมืองแล้ว แต่ ณ ปัจจุบันกำลังมีการพัฒนาพื้นที่รอบไปพอสมควรแล้ว มีทั้งห้าง และ Hypermarket มาขึ้นกันแน่นไปหมด ที่เป็นแบบนี้ส่วนนึงเป็นเพราะตัวเมืองด้านในมีความหนาแน่นค่อนข้างสูงแล้ว บวกกับกฎหมายผังเมืองใหม่ที่ต้องการพัฒนาผังเมืองให้ดีขึ้น
ในเรื่องของการเดินทางขอพูดแบบภาพรวมก่อนนะครับ ตัวเมืองเชียงใหม่นั้นมีการวางผังเมืองค่อนข้างลงตัวอยู่แล้ว ผังการเดินทางรอบๆตัวเมืองจะเป็นแบบใยแมงมุมครับ โซนในสุดที่เป็นคูเมืองหลายๆคนคงรู้จักดีอยู่แล้วว่าเป็น One-way สลับกัน 2 ด้านของคูเมืองรอบนอกคูจะวิ่งตามเข็มนาฬิกา รอบในคูจะวิ่งทวนเข็มนาฬิกา ถัดออกมาจะเป็นวงแหวนรอบใน, กลาง และ นอก ตามลำดับ
- รอบในจะเป็น ถนน ซุปเปอร์ไฮเวย์ (เชียงใหม่-ลำปาง) (เส้นสีเหลือง)
- รอบกลางจะเป็น ถนน สมโภชเชียงใหม่ 700 ปี (เส้นสีฟ้า)
- รอบนอกจะเป็น ถนน รอบเมืองเชียงใหม่ (เส้นสีเขียวอ่อน)
ส่วนการเข้าตัวเมืองชั้นในจะเข้าได้หลายทางตามเส้นสีม่วงนะครับ ขึี้นอยู่กับว่าเราจะไปตรงส่วนไหนของตัวเมือง ข้อดีของโครงการนี้คือความสะดวกในการไปยังส่วนต่างๆของตัวเมือง เพราะถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เป็นถนนที่วิ่งยาวตั้งแต่เส้นนิมมานเหมินท์ ไปจนถึงสนามบินเชียงใหม่เลย แถมแต่ละแยกที่เป็นจุดตัดกับถนนต่างๆ(เส้นสีแดง) มีการทำอุโมงค์ หรือ สะพานข้ามแยกไว้พร้อมแล้ว ทำให้การจราจรในรอบนอกวิ่งได้คล่องตัวตลอดเวลา ส่วนเรื่องรถติดบริเวณหน้าโครงการจะมีรถติดบ้างช่วงเช้าและเย็นแต่ก็ไม่ได้ติดหนักมากไหลได้เรื่อยๆ
ทีนี้มาดูสถานที่สำคัญรอบๆด้านบ้างนะครับ ถ้าดูในภาพรวมของทำเลบน ถ.ซุปเปอร์ไฮเวย์ จะอุดมไปด้วยห้างสรรพสินค้าและ Hypermarket เรียงรายกันอยู่ ต้นถนนที่ติดกับ ห้วยแก้ว จะมี ห้าง Maya และเลยโครงการมาหน่อย ประมาณ 1.1 กม. จะมีห้างใหญ่อย่าง Central Festival ตั้งอยู่และมีอีกหลายห้างเรียงต่อๆกันไป ทั้ง Big C Extra, Index Living Mall, และ Makro สถานที่สำคัญอีกแห่งที่กำลังก่อสร้างและใจะเปิดให้บริการเร็วๆนี้คือ โรงพยาบาล กรุงเทพ แหล่ง Shopping ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ยังมี Promenada และ Big C อีกสาขาที่อยู่บริเวณจุดตัดกับถนนมหิดลด้วย
แหล่งจับจ่ายใช้สอยยังมีอีกจุดที่น่าสนใจก็คือบริเวณ กาดรวมโชค ครับ เพราะเป็นแหล่งรวมตลาดถึง 3 แห่ง มีทั้งของแห้ง ของสด และร้านอาหารชั้นนำต่างๆ อย่างกาดรวมโชคก็เป็นแหล่งค้าขายของครบทั้งอาหาร เสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ หรือมีโชคพลาซ่าก็เป็นแหล่งร้านอาหารชั้นนำ ส่วนริมปิงซุปเปอร์มาร์เก็ตก็จะขายของสดที่เป็นแนวคัดเกรดมาแล้ว รวมถึงของนำเข้าต่างๆด้วย ดังนั้นบริเวณนี้เลยมีชาวต่างชาติมาเดินกันเยอะเลยครับ (สถานที่สำคัญต่างๆจริงๆแล้วมีมากกว่านี้นะครับ แต่อันนี้เอาแค่พอให้เห็นภาพรวมรอบๆโครงการก่อน หากเพื่อนๆคนไหนมีแหล่งท่องเที่ยวแนะนำก็ Comment ไว้ได้เลยนะครับ)
มาดูแผนที่แบบใกล้ๆกันบ้างนะครับว่าพื้นที่รอบๆโครงการมีอะไรบ้าง ด้านหน้าของโครงการจะติดกับถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ และด้านหลังจะเป็นถนนสาธารณะที่ใช้ไปทะลุออกเส้นเชียงใหม่-พร้าวได้ พื้นที่ของโครงการจะอยู่ระหว่างที่ดินของ NC นี่แหละครับ เป็นพื้นที่ของโครงการในอนาคตซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะทำเป็นอะไรบ้าง แต่ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีการพัฒนาเป็นอาคารสูงแบบ High Rise รึเปล่า เพราะมีข้อบังคับของกฎหมายควบคุมอยู่แล้ว ทางทิศตะวันตกจะมีวัดตั้งอยู่นะครับชื่อว่า วัดลังกา จะอยู่ใกล้กับอาคาร E (ตำแหน่งอาคารเดี๋ยวเราค่อยไปดูในส่วนของตัวโครงการนะครับ) ถ้าใครกังวลเรื่องควันจากการเผาศพก็ไม่ต้องห่วงนะครับ อย่างที่หลายๆคนอาจจะทราบอยู่แล้วว่าส่วนใหญ่วัดทางตอนเหนือของไทย ที่เป็นกึ่งสถานที่ท่องเที่ยวจะมีสุสานเผาแยกต่างหาก ไม่ได้มีการเผาที่วัดแต่อย่างใด ต่อไปผมจะพาไปดูเส้นทางรอบๆโครงการก่อน
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ
เริ่มต้นที่หน้าโครงการกันเลยครับ ผมจะพาไปดูว่ามีจุดกลับรถรอบๆโครงการว่ามีอยู่ตรงไหนบ้าง
จากหน้าโครงการจะมีทางเข้าถนนหลักเพื่อกลับรถไปยัง ถ.ช้างเผือก, ถ.ห้วยแก้ว, และนิมมานเหมินท์ได้
จากแยกแม่โจ้ถ้าเลี้ยวซ้ายไปจะเป็นถนน เชียงใหม่ – พร้าว ถ้าตรงไปจะไปแยกศาลเด็กได้
พอกลับรถมาแล้วจะมีทางออกจากถนนหลักเพื่อไปเส้นทางอื่น รวมถึงการกลับรถเข้าโครงการด้วยครับ
ให้วิ่งชิดซ้ายมาเรื่อยๆ จะเจอจุดกลับรถใต้สะพาน และทางแยกไปถ.เชียงใหม่ – ลำพูน
ต่อมาจะพาไปดูถนนสาธราณะด้านหลังโครงการบ้าง
เริ่มต้นที่ซอยไผ่ทอง 3
ภายในซอยนี้จะเป็นถนนเล็กๆ ที่ไปเชื่อมต่อกับ ทางเข้าเทศบาลตำบลฟ้าฮ่ามได้
พอเลี้ยวซ้ายมาได้ไม่ไกลก็จะเจอกับรั้วของโครงการแล้วครับ มีจุดสังเกตคือฝั่งตรงข้ามจะเป็นร้านอาหาร บ้านไร่ยามเย็น
สุดเขตที่ดินอีกฝั่งจะเป็น วัดลังกา พอดี
วิ่งมาเรื่อยๆจนเจอถนนที่ไปออกเส้นซุปเปอร์ไฮเวย์อีกที
ต่อไปจะพาไปแถวๆ กาดรวมโชคนะครับ บริเวณนี้จะรวมเอามีโชคพลาซ่า, ริมปิง ซุปเปอร์มาร์เก็ต ไว้ด้วยกันและฝั่งตรงข้ามจะเป็น Tesco Lotus
มีโชคพลาซ่าจะอยู่ตรงแยก รวมโชคมีชัย พอดี
พอข้ามแยกมาแล้วเลี้ยวซ้ายเข้ามาจะเจอร้านอาหารต่างๆมากมาย
วิ่งมาจนสุดจะเจอ ริมปิง ซุปเปอร์มาร์เก็ต อยู่สุดทาง
เส้นทางสุดท้ายคือเส้นทางที่จะไป Central Festival ครับ การจะไปนั้นก็ไปแบบง่ายๆครับ ขับตามเส้นสีม่วงไปเรื่อยๆก็ถึง ขากลับก็ออกจากห้างด้านข้างเลี้ยวขวาตรงแยกศาลเด็ก แล้วไปกลับรถใต้สะพานข้ามแม่น้ำปิงอีกที
ตัวห้างนั้นจะมีทางเข้าออกทั้ง 2 ด้านทำให้ไม่ต้องไปกลับรถไกลเลยครับ ใช้วิธีวิ่งอ้อมด้านหลังห้างแทน
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Maya
- Central Festival
- Big C Extra
- Index Living Mall
- โรงพยาบาล เทพปัญญา
- โรงพยาบาล กรุงเทพ
- Makro
- กาดรวมโชค, มีโชคพลาซ่า, ริมปิงซุปเปอร์มาร์เก็ต
- Tesco Lotus
ตัวโครงการจะอยู่ด้านในของชิ้นที่ดิน แบ่งเป็น 3 อาคารเริ่มจากอาคาร C, D และ E ตามลำดับ แต่ตอนนี้เปิดขายแค่ อาคาร D ก่อนนะครับ ถนนทางเข้าโครงการกว้าง 12 เมตรและถนนภายในโครงการกว้าง 6 เมตร สำหรับอาคาร A และ B ที่ยังไม่แสดงคาดว่าจะเป็นโครงการในอนาคตที่อยู่ติดกับ Club House แนวคิดของโครงการนี้จะเน้นที่บรรยากาศและอามณ์ให้เป็นแบบพักผ่อน โดยจัดความหนาแน่นมาให้ค่อนข้างต่ำ ตัวอาคารสูงแค่ 5 ชั้น จำนวนยูนิตทั้งหมด 231 ยูนิต อัตราส่วนลิฟท์ทั้งโครงการอยู่ที่ 38:1 มาแบบหลวมหน่อย บริเวณด้านท้ายโครงการจะมีทางออกฉุกเฉินเตรียมไว้ให้ด้วยนะครับ
ภาพบรรยากาศจำลอง ตัวโครงการบริเวณ Club House จะเห็นว่า Club House ของที่นี่มีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ มีสระว่ายน้ำมาให้ 2 สระ แบ่งเป็นขนาด 10.8 x 27 และ 20 x 7 เมตร โดยสระนี้จะมีจากุชชี่มาให้ด้วย ตัวอาคารด้านล่างจะเป็นพื้นที่คล้ายๆ Lobby ส่วนกลางเอาไว้นั่งพักผ่อนมี Wi-Fi ให้ใช้และ Fitness อยู่ที่ชั้น 2 ที่เค้าจัดมาใหญ่ขนาดนี้ส่วนนึงก็เพราะตัว Club House นี้จะต้องใช้ร่วมกับโครงการในอนาคตอีกฝั่งด้วย สิ่งที่รูปนี้พยายามจะบอกคือห้องที่หันไปทางทิศตะวันตกจะได้วิวของดอยสุเทพครับ
Facility หรือ Club House ของโครงการนี้ในเบื้องต้นจะเป็นการดูและของ NC นะครับ ไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของลูกบ้าน เพราะทาง NC มองว่าจำนวนยูนิตของโครงการนี้มีไม่เยอะถ้าเทียบกับขนาดของ Club House ที่ต้องดูแลแล้ว ภาระค่าใช้จ่ายอาจจะทำให้ค่าส่วนกลางขยับตัวสูงขึ้นไปมาก การใช้งานจะมีการเก็บเงินเป็นครั้งๆไปเท่าที่สอบถามค่าบริการต่อครั้งจะอยู่ที่ประมาณ 30 บาท ดังนั้นการที่ NC เข้ามาดูแลในส่วนนี้ก็มีทั้งกลุ่มคนที่ชอบและไม่ชอบครับ เพราะถ้าใครอยากใช้ส่วนกลางแบบไม่ต้องเสียค่าใช้ก็อาจจะไม่ค่อยถูกใจ แต่ก็ถือว่าแลกไปกับค่าส่วนกลางที่ไม่ต้องปรับตัวสูง สำหรับคนที่ใช้ส่วนกลางเป็นครั้งคราวก็จะสบายใจหน่อยที่ไม่ต้องรับภาระการดูและส่วนกลางตรงนี้
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณสระว่ายน้ำ ตัว Club House จะมาแนว Modern สมัยใหม่ และจะใช้การออกแบบวัสดุบางส่วนให้มีความเกี่ยวข้องกับพื้นถิ่นด้วย
สระว่ายน้ำอีกด้านที่ติดกับห้อง Fitness จะเห็นว่าด้านล่างเป็นพื้นที่เปิดโล่งเชื่อมต่อกับสวนด้านข้าง ถ้าของจริงออกแบบดีๆ พื้นที่บริเวณจะน่าใช้งานมากเลยครับ
รูปร่างหน้าตาอาคาร C จะมาแนวเรียบๆไม่ค่อยหวือหวาเท่าไหร่ การจอดรถจะใช้วิธีจอดรอบๆอาคาร เพราะมีห้องพักอาศัยตั้งแต่ชั้น 1 เลย
อาคาร D ยังคงมีหน้าตาที่เหมือนกันเลยครับ
มาดูที่ site จริงกันบ้างดีกว่าตรงถนนทางเข้ามีป้ายโครงการขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทั้งบนพื้นและเป็นป้ายสูงเห็นได้ชัดเจนเลยครับ
ซุ้มประตูทางเข้าก่อนจะเข้าไปพื้นที่โครงการ พอผ่านประตูเข้าไปแล้วถนนทางขวาจะเป็นทางไปโครงการในอนาคต ดังนั้นพื้นที่ถนนจากซุ้มทางเข้าไปถึงถนนใหญ่จะเป็นถนนที่ต้องแชร์กัน 2 โครงการครับ
ตัวสำนักงานขายจะเป็นส่วนนึงที่บ่งบอกถึงแนวทางการออกแบบของโครงการด้วยะนะครับ
ภายในสำนักงานขายจะมีทั้งโมเดลและห้องตัวอย่างให้ดูอย่างครับถ้วน
บริเวณที่วางโมเดลจะมีการแสดงผังโครงการ, ผังาคาร และ ผังห้องให้ดูอย่างครบถ้วน
ชิ้นที่ดินของโครงการจะสังเกตง่ายๆจากแนวลำรางสาธารณะที่ขนาบอยู่ทั้ง 2 ข้างครับ
ส่วนรั้วสีขาวจะเป็นการแบ่งขอบเขตของโครงการแยกจากพื้นที่โครงการในอนาคต
โครงการนี้มีทั้งหมด 3 อาคาร แต่อาคาร E จะอยู่ไกลจาก Club House หน่อยต้องข้ามถนนไปถึงใช้งานได้ ส่วนอาคาร C ที่อยู่ข้างๆตอนนี้ยังไม่เปิดขาย
สิ่งที่ไม่ได้แสดงให้เห็นในนี้คือถนนสาธรณะด้านหลังโครงการที่จะอยู่ตามแนวรั้วในโมเดล
ตัวสระว่ายน้ำด้านนี้จะมีขนาด xx และเป็นส่วนที่มีจากุชชี่กับ Deck เอาไว้นั่งพักผ่อนมาให้ด้วย สระของที่นี่มาในแนว Free Form ดังนั้นระยะที่ลงไว้เป็นแค่ระยะรวมคร่าวๆนะครับ
จะมีห้องบางส่วนของอาคาร D ที่อยู่ใกล้กับอาคาร Club House ดังนั้นบริเวณอาจจะมีความพลุกพล่านเยอะหน่อยนะครับ
พื้นที่สีเขียวสดๆที่เห็นเป็นพื้นที่ของโครงการในอนาคตที่คาดว่าจะเป็นคอนโดเหมือนกัน
สระว่ายน้ำที่อยู่ด้านหน้าจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าและมี Deck ยื่นเข้ามาในสระเลย
ส่วนพื้นที่ขาวๆที่เห็นตอนนี้ทำเป็นสำนักงานขายอยู่และคิดว่าคงจะทำเผื่อเอาไว้อีกโครงการเลย
ก่อนไปดูผังอาคาร มีรูปวิวรอบๆด้านมาให้ดูครับ เป็นความสูงที่ใกล้เคียงกับชั้นบนสุดของอาคาร ด้านนี้เป็นทิศตะวันออกที่หันไปทาง Central Festival
วิวด้านทิศเหนือที่ติดกับถนนสาธารณะด้านหลังของโครงการ
วิวด้านทิศใต้จะเป็นถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ แต่ก็ยังมีพื้นที่สีเขียวๆให้เห็นอยู่บ้าง หลังคาเหลืองๆที่เห็นคือขนส่งสินค้า นิ่ม ซี่ เส็ง ครับ
วิวด้านทิศตะวันตก ดูจะเป็นวิวทีสวยที่สุดสำหรับคนรักธรรมชาติ เพราะได้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างโครงการและได้วิวดอยสุเทพไปด้วย
ขอเอาผังอาคาร D ขึ้นมาให้ดูก่อนนะครับ เพราะว่าเป็นอาคารที่เปิดขายอยู่ใน การจอดจะเป็นแบบจอดรอบๆอาคาร ห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นตั้งแต่ชั้นแรก มีลิฟท์มาให้ 2 ตัว มียูนิตที่เป็นร้านค้ามาให้ 1 ยูนิต (ทุกอาคารจะมี 1 ร้านค้าใต้อาคาร) ชั้นแรกจะไม่มีห้องแบบ 2 Bedroom มีแต่ 1 Bedroom ขนาด 30 – 35 ตร.ม.เท่านั้น
ผังอาคาร D ชั้น 2 – 5 จะเป็นห้องพักอาศัยหมดแล้ว โดยห้องที่เป็นแบบ 2 Bedroom คือห้องสีฟ้าอ่อนที่อยู่ตรงัหัวมุมของอาคารด้านทิศเหนือ และตรงกลางมุมในอีกห้อง โซนที่ได้วิวสระว่ายน้ำจะเป็นเลข 208 – 214 ส่วนวิวดอยสุเทพจะเป็น 201, 202, 215 และ 216
ผังอาคาร C ชั้น 1 จะเหมือนกับแบบอาคาร D เลยแค่กลับด้านกันเท่านั้น
ผังอาคาร C ชั้น 2 – 5 โซนที่ได้วิวดอยสุเทพจะเป็นห้อง 201, 202, 215 และ 216 ส่วนวิวสระว่ายน้ำจะเปนห้อง 208 – 214
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 2 สระ ระบบเกลือแบบ Free Form ขนาด 10.8 x 27 เมตร และ 20 x 7 เมตร (มีจากกุชชี่)
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องขนาด xx ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ xx เครื่อง
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 38 : 1
- Service Lift : ไม่มี
- ที่จอดรถ 27 คัน/อาคารคิดเป็น 35% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น xx %
- ระบบ CCTV / Access Card
ห้องพักของที่นี่จะเริ่มต้นที่แบบ 1 Bedroom ขนาด 30.06 – 35.87 ตร.ม. และ 2 Bedroom ขนาด 45.09 – 56.70 การขายตอนที่เข้าไปเก็บข้อมูลเป็นแบบ Fully Furnished คือได้ของเกือบทั้งหมดที่เห็นในห้องตัวอย่างเลยครับ มีแค่บางจุดเท่านั้นที่ไม่ได้
แบบแรก 1 Bedroom ผังห้องนี้จัดฟังก์ชั่นหลักๆมาให้ครบหมด โดยส่วนที่เป็นโซนงานระบบต่างๆอย่างห้องครัวและห้องน้ำจะดูวางเอาไว้ทีด้านหน้าห้อง ดังนั้นไม่เหมาะแก่การทำครัวหนักนะครับ แต่ส่วนใหญ่คนที่ซื้อเอาไว้มาพักผ่อนก็คงไม่มีปัญหาอะไรมาก เพราเมืองเชียงใหม่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีร้านอาหารให้เลือกเยอะอยู่แล้ว ถัดมาในส่วนของห้องนั่งเล่นที่ตัดกับระเบียง ส่วนนี้จะมีปัญหาอยู่นิดหน่อยเพราะ พื้นที่ระเบียงมาเบียดเอาส่วนห้องนั่งเล่นทำให่การวางโซฟาทำได้แค่ 2 ที่นั่ง และระยะดูทีวีค่อนข้างแคบไปหน่อย ส่วนห้องนอนใหญ่ดูจะเป็นห้องที่ดูดีและลงตัวสุดเพราะวางเตียงขนาด 6′ ได้และยังมีพื้นที่เหลือพอให้วางโต๊ะทำงาน, โต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้าได้อีก 2 ตู้ ขนาดห้องน้ำที่จัดมาให้ถือว่ากำลังดีไม่อึดอัดเกินไป ไปดูของจริงกันเลยดีกว่าครับ
โซนแรกที่เข้ามาจะเป็นโซน Pantry ครัวกับห้องนั่งเล่น ตรงโต๊ะทานอาหารเค้าจะ Built-in มาให้พพร้อมกับตัว Pantry เลยเป็นโต๊ะแบบพับได้
พื้นห้องเป็นพื้นไม้ลามิเนตหน้า 10 มม.ทั้งห้อง รวมถึงส่วนที่เป็นครัวด้วยเวลาใช้งานครัวก็ระวังของหกหน่อยนะครับ
หน้าห้องด้านซ้ายมือจะมีตู้เก็บรองเท้ามาให้ด้วยถือว่าออกแบบมาดีครับ เพราะอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและใช้พื้นที่ในส่วนของห้องน้ำเลยไม่ไปเบียดเอาพื้นที่ส่วนอื่นๆ แต่น่าเสียดายตรงที่ชุดแขวนกุญแจด้านบนไม่ได้ให้มาด้วย
ตัว Pantry ที่ให้มาจะได้ทั้งชุดบนและล่างเลยการใช้งานพื้นที่ตรงนี้ต้องบอกก่อนว่า อาจไม่ค่อยสะดวกในการใช้งาน Pantry มากนักถ้าจะกางโต๊ะและวางเก้าอี้ไว้แบบนี้ แต่ถ้าเป็นการใช้งานทั่วๆไปกับอาหาอุ่นไมโครเวฟถือว่าใช้งานได้โอเคอยู่
ตู้เย็นที่เห็นเป็นขนาด 6.5 คิวบิกฟุตด้านบนก็สามารถวางของได้เพราะเค้ามีชั้นวางไมโครเวฟแยกมาให้แล้ว
Built-in ชุดบนจะมีชั้นวางไมโครเวฟมาให้พร้อมช่องซ่อนตู้เมนไฟ
ตัวมือจับของโครงการนี้จะใช้แบบเดียวกันหมด เป็นมือจับอลูมิเนียมสำเร็จรูป
Top เคาน์เตอร์ที่ได้เป็นหินแกรนิตเลยครับ ถ้าเป็นระดับราคานี้ในกรุงเทพนี่ได้แค่ปาติเกิ้ลเท่านั้นเอง
ตัวคิ้วก็เป็นหินแกรนิตด้วยเช่นกัน ไม่ได้เป็นแบบ PVC สำเร็จรูป
ขนาดอ่างล้างจานที่ให้มาเป็นแบบหลุมเดียวไม่มีที่พักจาน แต่…ขนาดใหญ่และลึกดีครับ ผมลองเอาชามที่วางเป็นพร๊อบมาใส่ลงไปให้ดูจะได้กะขนาดได้ง่ายหน่อย
Detail การพับเก็บของโต๊ะทานอาหารที่ให้มา มีการเซาะร่องมือจับมาให้ด้วย การพับก็จะพับ 2 ครั้ง โดยการพับครั้งแรกจะมีสลักล็อคไว้ให้
เก้าอี้ที่ให้มาจะหุ้มด้วยหนังเทียมสีขาวทั้งตวดูสวยดีแต่ต้องระวังเรื่องรอยเปื้อนหน่อยนะ เท่าที่ลองนั่งก็นุ่มกำลังดีไม่แข็งเกินไปสำหรับเก้าอี้นั่งทานอาหาร
ระยะพื้นที่เหลือด้านหลังโต๊ะกินข้าวมีให้ขยับตัวได้สบายๆ
ส่วนห้องนั่งเล่นจะดูแปลกๆสักหน่อยเ พราะตำแหน่งที่ตั้งทีวีดันไปอยู่ตรงประตูทางเข้าที่เป็นกระจก ทำให้ไม่สามารถทำ Built-in ชั้นวางทีวีได้เต็มพื้นที่ แต่ก็วางโซฟาแบบ 2 ที่นั่งขนาดใหญ่ได้
รูปนี้ถ่ายมาให้ดูเป็น idea ว่าถ้าใครอยากให้ห้องมีสีสันหน่อยก็ทาสีกำแพงส่วนนี้ให้เป็นเชดสีทีชอบ เพียงแค่นี้บรรยากาศในห้องก็ดูเปลี่ยนไปเยอะแล้วครับ
โต๊ะกลางก็ให้มาด้วยนะครับ ขนาดกำลังพอเหมาะพร้อมชั้นวางหนังสือ
ชั้นวางทีวีจะดูเล็กไปหน่อยแต่ก็พอวางทีวีขนาด 42″ ได้เพราะมีระยะดูทีวีประมาณ 1.5 – 1.7 เมตร
ตำแหน่งการติดตั้งปลั๊กไฟจะอยู่ที่พื้นแบบนี้
มุมมองจากโซฟาตัวซ้ายจะได้ประมาณนี้ครับ
ข้อดีของการออกแบบห้องนี้ให้มีห้องนั่งเล่นติดกับระเบียงคือได้รับแสงธรรมาชาติเยอะขึ้นและได้วิวจากด้านนอกด้วยช่วยให้ห้องดูโปร่งสบายขึ้น
ฝ้าเพดานจะมีการซ่อนรางม่านให้ด้วยนะครับ
บานประตูจะเป็นแบบบานเลื่อนสลับสีอลูมิเนียมทั่วไป ส่วนตัวล็อคก็เป็นแบบตามมาตรฐาน
พื้นระเบียงจะลดระดับลงมาประมาณ 5 ซม.
ตัวพื้นจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 ซม. เนื่องจากประตูที่ให้มาไม่ได้ให้มาแบบเต็มความกว้างของกำแพง ดังนั้นส่วนที่เป็นแนวกำแพงทึบสามารถวางราวตากผ้าหรือกระถางต้นได้นะครับ
มุมมองหันกลับมาดูในห้อง
ประตูของห้องนอนจะเป็นบานเลื่อนเดี่ยวกรอบอลูมิเนียมเช่นเดียวกัน การทำกระจกกั้นแบบนี้ช่วยให้พื้นที่ของห้องนั่งเล่นดูกว้างขึ้นแต่ก็แลกกับความเป็นส่วนตัวในห้องนอนนิดหน่อย ซึ่งวิธีแก้ก็ไม่ยากครับแค่ติดม่านเพิ่มเติมเท่านั้น
รางของประตูที่พื้นที่จะนูนขึ้นมาแค่นิดหน่อยเท่านั้น เดินได้ไม่ถึงกับสะดุด
ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 6′ ได้แต่จะเหลือที่รอบๆข้างไม่มากนัก
ในห้องตัวอย่างจะเป็นเตียงขนาด 5′ ระยะรอบๆเตียงก็เป็นอย่างที่เห็นครับ
Built-in ที่หัวเตียงไม่ได้ให้มานะครับแต่ถ้าใครชอบแบบนี้ก็เอาเป็นแนวทางได้ สามารถวางของได้ด้วย ^_^
บานหน้าต่างมี 2 ชุด ชุดบนเป็นบานเลื่อนสลับและชุดล่างเป็นบาน Fix
ตำแหน่งไฟ Down light ที่ให้มาก็จัดว่าดีอยู่ครับสว่างทั่วถึงทั้งห้อง
หน้าตาสวิทช์ไฟที่ให้มา ใช้ของ Bticino
ในห้องนอนจะมี WIC. แบบเล็กๆมาให้ด้วย ส่วนโต๊ะทำงานจะอยู่ติดกับหัวเตียง
ขนาดพอวาง Notebook เล็กได้เครื่งนึง
ลิ้นชักจะไม่ลึกมากนะครับพอเก็บข้าวของได้นิดหน่อย
เก้าอี้ตัวนี้ก็ให้ด้วยนะครับ
ตู้เสื้อผ้ามีทั้ง 2 ด้าน ด้านนึงจะมีโต๊ะเครื่องแป้งมาให้ด้วย
ส่วนอีกด้านจะมีบานกระจกเงาขนาดใหญ่มาให้ สาวๆคงชอบเพราะสามารถเห็นได้เต็มตัวเลย
แต่การเปิดบานด้านซ้ายที่เป็นกระจกเงาต้องเปิดด้านขวาออกก่อนนะครับ เพราะด้านซ้ายไม่มีที่จับมาให้
ต่อไปดูห้องน้ำกันบ้าง ห้องน้ำของโครงการนี้จัดพื้นที่มาให้กำลังดีเลยครับไม่อึดอัด แถมได้เคาน์เตอร์เป็นหินแกรนิตด้วย แต่ขนาดกระจกดูจะเล็กไปหน่อย ถ้าใครอยากได้แบบที่ดูดีกว่านี้ก็เปลี่ยเป็นแบบเต็มความกว้างของกำแพงแล้วทำ Built-in ตู้เพิ่มพร้อมซ่อนไฟไว้ด้วยจะสวยมากเลยครับ
ขนาดของอ่างล้างหน้า
ด้านขวาของเคาน์เตอร์จะมีช่องเก็บของเพิ่มมาให้อีกเยอะเลย
โซนอาบน้ำขนาดประมาณ 1.1 x 0.85 ซม. พอขยับแข้งขาได้ไม่ลำบากครับ สบายๆ แต่ไม่มีฉากกั้นมาให้
ขนาดฝักบัว
ชุดโถสุขภัณฑ์ก็ถูกแบ่งออกไปอีกฝั่งอย่างชัดเจน และวางหลบมุมไม่ตรงกับประตูทางเข้าด้วย ดูลงตัวดีครับ
พื้นห้องน้ำจะลดระดับลงมาประมาณ 5 ซม. ระหว่างโซนเปียกกับแห้งจะมี Curb สูงประมาณ 7 ซม.มาให้
สำหรับแบบ 2 Bedroom นั้นจะมีขนาด 45.09 กับ 53.60 แตกต่างกันตรงที่แบบ 45.09 จะเหมือนกับ 1 Bedroom แต่ได้ห้องครัวเพิ่มขึ้นมาเป็นสัดส่วนมากขึ้น แต่แบบที่มีห้องตัวอย่างคือแบบ 53.6 ตร.ม. แบบนี้จะได้ห้องแนวกว้าง 3 ช่วง แบ่งเป็นห้องนั่งเล่นและห้องนอน 2 ห้อง โซนครัวและทานอาหารจะอยู่บริเวณหน้าห้อง ได้ห้องน้ำ 2 ห้อง ห้องนอนใหญ่จะได้ห้องน้ำในตัว ห้องแบบนี้นอกจากจะได้ฟังก์ชั่นที่ครบแล้วยังมีพื้นที่เหลือพอให้ใส่ฟังชั่นอื่นๆเพิ่มเติมได้อีกครับ เช่น ตรงบริเวณห้องครัวจะเห็นว่ามีพื้นที่เหลือห้านหน้าห้องน้ำพอสมควร ตรงนี้สามารถกั้นเป็นครัวปิดได้เลย แถมสามารถใส่ตู้เสื้อผ้าเพิ่มเข้าไปตรงทางเข้าห้องน้ำได้อีกด้วย เดี๋ยวเราไปดูห้องจริงกันดีกว่าครับ
เปิดเข้าห้องมาโซนแรกคือห้องครัวและห้องนั่งเล่น
ด้านขวาจะมีพื้นที่เหลืออยู่อย่างที่บอกครับ
โซนโต๊ะทานอาหารจะวางขนาด 4 ที่นั่งได้สบายๆแล้วยังมีระยะเหลือให้ทำ Built-in เพิ่มเติมด้านหน้าห้องได้อีก
ทางโครงการเลยทำตู้เก็บรองเท้าที่เป็นเก้าอี้เอาไว้นั่งใส่รองเท้าได้ด้วย
ห้องนั่งเล่นจะมีระยะโซฟาเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยอยู่ที่ประมาณ 1.7-1.9 เมตร ใส่ทีวีขนาด 42″ – 46″ ได้ เฟอร์นิเจอร์ที่แถมมาให้จะได้โซฟา โต๊ะกลาง และชั้นวางทีวี ส่วนวางของด้านบนจะได้แค่อันเดียว
รูปนี้ถ่ายมาให้ดูระยะกำแพงและพื้นที่เหลือหน้าห้องน้ำ
บานประตูของห้องนี้ยังคงใช้แบบเดียวกับ 1 Bedroom และมีขนาดที่เท่ากันด้วย
ตรงพื้นที่ระเบียงก็มีขนาดใกล้ๆกันเลยครับ แต่พื้นที่ระเบียงของแบบ 2 Bedroom จะใช้งานได้น้อยกว่าเพราะต้องใช้พื้นที่ในการวางคอมเพรสเซอร์ ทั้ง 3 ตัว
ส่วนพื้นที่อีกด้านเอาไว้วางเครื่องซักผ้าได้
กลับมาดูครัวกันต่อนะครับ Pantry ครัวจะได้ยาวขึ้นจาก 1.5 เป็นประมาณ 2 เมตร ทำให้มีพื้นที่ใช้งานครัวได้จริงจังมากขึ้น
ตู้ชุดบนจะได้ขนาดที่ใหญ่่ขึ้นพร้อมกับตู้เก็บของแบบมีฝาปิด
ส่วนชุดล่าง Top ยังคงเป็นหินแกรนิตเหมือนเดิม และมีการเว้นระยะให้เอามือจับได้สะดวกขึ้น
อ่างล้างจานได้แบบมีที่พักจานมาด้วยแล้ว
สำหรับคนที่ชอบใช้ตู้เย็นใหญ่ๆ คงชอบขนาดช่องวางที่เค้าเตรียมไว้ให้ ใส่ขนาดใหญ่แบบ 20 คิวได้เลย (ตู้เย็นที่เห็นขนาด 6.5 คิวบิกฟุตนะครับ)
ไปดูห้องนอนเล็กกันต่อนะครับ บริเวณหน้าห้องโครงการจะทำ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้เลย วัสดุจะเหมือนกับห้อง 1 Bedroom เป๊ะๆครับ
บานเปิดยังคงแบ่งช่องแบบเดิมแต่ระยะความกว้างจะเล็กลงหน่อย
เตียงจะสามารถวางได้แค่ 3.5′ เท่านั้นถ้าอยากได้พื้นที่เหลือรอบๆเตียง แต่ถ้าใครอยากได้แบบ 5′ ก็ดันไปชิดกำแพงแล้วที Built-in ชั้นวางของพร้อมฐานเตียงไปเลยก็ได้นะครับ
ช่วงหัวเตียงจะมีเสายื่นออกมาอยู่นอกหน่อย สามารถทำชั้นเก็บของเพิ่มแบบให้ห้องตัวอย่างไปเลยก็ได้ครับ
ระยะเหลือรอบๆเตียง 3.5′ ครับ
ถ่ายมาให้ดูระยะตู้ที่ทำเพิ่มขึ้นมา ระยะจริงจะอยู่แถวๆรีโมทนะครับ
บานหน้าต่างห้องนี้จะคล้ายกับห้องนอนใหญ่แต่…
ได้กระจกเข้ามุมมาด้วยเพราะเป็นห้องที่อยู่บริเวณหัวมุมพอดี
ไป Down light ให้มา 4 จุด สว่างกำลังดีเลย
ช่วงปลายเตียงยังพอมีพื้นที่ให้ติดทีวีแบบแขวนได้ แต่ถ้าจะติดชั้นวางของที่ลึกหน่อยจะไม่เหลือที่เดิน แต่ถ้าเป็นชั้นเล็กๆลึกแค่ 10 ซม.ยังพอไหวนะ
ห้องน้ำกลางยังคงได้ชุดสุขภัณฑ์เหมือนกัน
ตัวเคาน์เตอร์อ่างก็ให้มาเยอะเหมือนเดิม วางของได้อื้อเลย
พื้นที่อาบน้ำจะเล็กกว่าห้องนอนใหญ่อยู่หน่อยนึง
ภายในห้องน้ำนอกจากจะมีช่องแสงมาให้แล้วยังมีพัดลมดูดอากาศให้อีกตัว ช่วยลดปัญหาเรื่องความชื้นไปด้วย
มาถึงห้องสุดท้ายแล้ว ห้องนอนใหญ่ของ 2 Bedroom Layout ห้องยังเป็นแบบเดียวกับ 1 Bedroom นะครับ แต่มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย
เตียงที่วางมีขนาด 6′ (ชุด Built-in หัวเตียงไม่ได้ให้มาด้วยนะครับ)
ระยะพื้นที่ด้านข้างและปลายของเตียง
บานหน้าต่างเป็นบานเลื่อนสลับกับบาน Fix
ห้องนี้ ตู้เสื้อผ้าจะถูกย้ายไปอยู่ฝั่งเดียวกันหมดและเหลือโต๊ะเครื่องแป้งแค่ตัวเดียว
การแบ่งช่องเก็บของต่างๆ
ขนาดของโต๊ะเครื่องแป้งจะเท่ากับโต๊ะทำงานเมื่อกี้แหละครับ
Layout ห้องน้ำจะแตกต่งกันนิดหน่อยตรงพื้นที่อาบน้ำที่ได้เพิ่มขึ้นมา เพราะงานระบบจะไปอยู่ห้อง 1 Bedroom ที่ติดกัน
พื้นที่อาบน้ำขยายมาเยอะเหมือนกันครับ อยู่ที่ประมาณ 1 x 1.5 เมตร
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 19 June 2014
- 1Br อาคาร D ชั้น 1 ห้อง D102 เนื้อที่ 35.01 ตร.ม. ราคา 2.085 ล้านบาท หรือ 59,600 บาท/ตร.ม.
- 1Br อาคาร D ชั้น 3 ห้อง D307 เนื้อที่ 30.06 ตร.ม. ราคา 1.983 ล้านบาท หรือ 66,000 บาท/ตร.ม.
- 2Br อาคาร D ชั้น 4 ห้อง D402 เนื้อที่ 45.09 ตร.ม. ราคา 3.025 ล้านบาท หรือ 67,100 บาท/ตร.ม.
- 1Br อาคาร D ชั้น 4 ห้อง D409 เนื้อที่ 35.01 ตร.ม. ราคา 2.440 ล้านบาท หรือ 69,700 บาท/ตร.ม.
- Fully Furnished
- เพดานสูง 2.4 เมตร
- Kitchen & Sink
- จอง 5,000 บาท
- ทำสัญญา 15,000 บาท
- ดาวน์ 12% ผ่อนดาวน์ 18 งวด
- ค่ากองทุน 300 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 25 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
สำหรับทำเลของ Diamant Condominium ผมเองก็ไม่ทราบในเบื้องลึกมากนักเพราะยังไม่เคยได้ลองมาใช้ชีวิตหรือศึกษาทำเลอย่างจริงจัง จึงไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ ถ้าเพื่อนๆคนไหนมีข้อมูลก็มาแบ่งปันกันได้นะครับ แต่จากที่ได้วิ่งวนดูรอบโครงการ ทำเลบริเวณนี้จะไม่ได้คึกคักและหนาแน่นเหมือนกับทำเลในตัวเมือง แต่จะเป็นทำเลที่ดูสงบและไม่ค่อยพลุกพล่าน เน้นการเดินทางสะดวกๆสามารถไปตัวโครงการและรถไม่ติด ข้อดีอีกข้อคือสามารถมองเห็นดอยสุเทพตัวโครงการได้เลย เพราะผังเมืองที่นี่ค่อนข้างเข้มข้นเลยไม่มีอาคารสูงมาบัง ข้อดีอีกข้อของทำเลตรงนี้คือมีแหล่งจับจ่ายใช้สอยครบครันในละแวกใกล้เคียงเพราะมี ทั้งประเภทห้างสรรพสินค้า, ตลาดสด, และ Supermarket ต่างๆ
ส่วนความอุดมสมบูรณ์ถือว่าดีอยู่นะครับ ในละแวกใกล้ๆก็มีร้านอาหารบนเส้นเชียงใหม่พร้าวและบริเวณชุมชนด้านในซอยเทศบาลฟ้าฮ่าม ห้างสรรพสินใกล้ๆก็จะมี Central Festival และ Big C Extra อยู่บนเส้นซุเปอร์ไฮเวย์เหมือนกัน ถ้าไปเส้น เชียงใหม่-พร้าว ตรงขึ้นไปจะเจอทั้ง กาดรวมโชค, มีโชคพลาซ่า และริมปิงซุปเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งเป็นแหล่งขายอาหารสดหลายอย่างที่เป็นของนำเข้าแหละคัดเกรดมาแล้ว เลยมีชาวต่างชาติมาเดินแถวนี้ค่อนข้างเยอะครับ
การเดินทางโดยใช้รถถือทำได้ค่อนข้างสะดวกเพราะติดถนนใหญ่อย่างซุปเปอร์ไฮเวย์ที่เชื่อมต่อถนนหลายสายไล่มาตั้งแต่ ถนนนิมมานเหมินท์ ไปจนถึงสนามบินเลย และอยู่ไม่ไกลจากแหล่ง Shopping การเดินทางไปไหนมาไหนก็สะดวกถึงแม้จะได้อยู่ในตัวเมือง เพราะที่นี่มีการวางผังเมืองที่ดีทำให้ตามแยกจุดตัดต่างๆมีอุโมงค์ให้วิ่งลอดได้ช่วยลดปัญหาการจราจรไปได้ดีทีเดียว การจราจรที่นี่ก็โล่งๆสบายๆเกือบทั้งวันเลยครับ ยกเว้นช่วงเช้าจะติดฝั่งที่วิ่งไปถนนนิมมานเหมินท์ และช่วงเย็นจะติดฝั่งตรงกันข้ามที่วิ่งออกนอกเมือง แต่ก็ติดไม่หนักแบบกรุงเทพฯนะครับสามารถไหลไปได้เรื่อยๆแล้วก็ติดไม่นานด้วย การเข้าตัวเมืองก็ได้หลายเส้นทางขึ้นอยู่กับว่าเราอยากเข้าไปส่วนไหนของตัวเมือง เพราะถนนของที่นี่ออกแบบให้มีลักษณะคล้ายๆใยแมงมุม มีวงแหวนวนรอบเมืองแล้วมีถนนตัดเข้าสู่ตัวเมืองครบทุกด้าน
วัสดุของที่นี้ให้มาแบบค่อนข้างดี และก็ให้มาเยอะแบบเรียกได้ว่าลากกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย เพราะขายแบบ Fully Furnished ให้มาเกือบครบแบบให้ห้องตัวอย่างยกเว้นพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าและพร๊อพตกแต่งต่างๆ พื้นได้เป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 10 มม. ฝ้าเพดานฉาบเรียบเว้นร่องไว้ให้ใส่รางม่านด้วย โคมไฟส่องสว่างได้เป็น Down light และมีจำนวนกำลังดีไม่มืดไป สุขภัณฑ์ได้ของ American Standard หรือเทียบเท่า น่าเสียดายที่ตรงหน้าต่างของห้องนอนใหญ่ไม่ได้เป็นบานกระจกเต็มพื้นที่กำแพง ครัวถือว่าจัดมาให้ดีเพราะนอกจากจะได้ Top เป็นหินแกรนิตแล้ว ในแบบ 2 ห้องนอนยังได้พื้นที่ทำครัวเยอะอีกด้วย
การออกแบบตัวโครงการของที่นี่จะเน้นให้บรรยากาศออกแนวพักผ่อนมากกว่าเพราะ จำนวนยูนิตทั้ง 3 อาคาร มีแต่ 228 ยูนิตเท่ากับ 76 ยูนิต/อาคาร อัตราส่วนลิฟท์อยู่ที่ 38:1 ถือว่าน้อยดีครับ ไม่แออัดแน่นอน แบบห้องจัดฟังก์ชั่นมาให้ค่อนข้างครบ แต่ส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่นแบบ 1 Bedroom มีระยะดูทีวีที่สั้นไปหน่อย ทำให้วางทีวีขนาดใหญ่มากไม่ได้ และจะติดทีวีแขวนผนังก็ไม่ได้เพราะติดประตูบานเลื่อน ส่วนแบบ 2 Bedroom ลงตัวดีและเป็นห้องแบบหน้ากว้างทำให้ได้รับแสงธรรมชาติเยอะ ห้องน้ำถือว่าให้พืนที่มาเยอะถ้าเทียบกับแบบคอนโดในกทม.ยุคนี้ เวลาอาบน้ำสามารถยืดแข้งขาได้สบายหน่อย
สาธารณูปโภคของโครงการนี้ได้ สระว่ายน้ำและ Club House ขนาดใหญ่ โดยสระว่ายน้ำจะแบ่งเป็น 2 สระ สระแรกขนาด 27.5 x 10.8 เมตร สระที่ 2 มีขนาด 20 x 7 เมตร สระนี้จะมีจากุชชี่ในตัว รูปร่างของสระจะเป็นแบบ Free form มีเหลี่ยมมุมบิดไปมาไม่ได้เป็น 4 เหลี่ยมตรงๆนะครับ ตัว Club House จะมี Fitness และพื้นที่ไว้นั่งพักผ่อน พร้อมมี Wi-Fi ให้ใช้งานด้วย
แต่ส่วนกลางทั้งหมดจะเป็นกรรมสิทธิ์ของ NC นะครับไม่ได้เป็นของลูกบ้าน ตรงจุดนี้ก็มีทั้งข้อดีและเสียอยู่ในแล้วแต่ว่าใครจะชอบแบบไหน อย่างแรกเลยคือจำนวนยูนิตของโครงการนี้มีจำนวนยูนิตที่น้อย หากเทียบกับส่วนกลางที่ให้มา (ถ้ายังไม่นับโครงการในอนาคตนะ) ดังนั้นค่าบำรุงรักษาของส่วนกลางทั้งหมดจะไม่น้อยเลยครับ หากทาง NC เป็นผู้ดูแล ค่าส่วนกลางก็จะไม่ขยับขึ้นไปมากเพราะไม่ต้องแบกรับภาระการดูและทรัพย์สินส่วนกลาง ส่วนข้อเสียก็คือเวลาใช้งานจะต้องมีค่าใช้จ่าย เท่าที่สอบถามมาค่าบริการจะอยู่ที่ประมาณ 30 บาท/ครั้ง และส่วนกลางตรงนี้ต้องใช้ร่วมกับอีกโครงการข้างกันด้วย ถ้าใครไม่ค่อยใช้บริการ Club House ก็คงไม่มีปัญหาเท่าไหร่ แต่ถ้าใครที่อยากใช้บ่อยๆก็คงต้องเสียค่าบริการไปก่อนนะครับ แลกกันกับค่าส่วนกลางที่ไม่ต้องรับภาระตัว Club House นั่นเอง
Judgement
เนื่องจากเป็นโครงการในทำเลที่ Think of Living ไม่คุ้นเคย จึงไม่สามารถให้คะแนนเปรียบเทียบความคุ้มค่าได้ครับ
ราคาของโครงการ Diamnt Condominium เฉลี่ย 65,600 บาทต่อตารางเมตร, 19 June 2014
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง – ติดถนนใหญ่ซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่ – ลำปาง
- ความปลอดภัย – รั้วกั้นไม้กระดก, รปภ.หน้าโครงการ, CCTV, Key Card Access, ลิฟท์ล็อคชั้น
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย – แบบค่อนข้างลงตัว เน้นพื้นที่ห้องนอนใหญ่ ส่วนห้องนั่งเล่นมีระยะดูทีวีสั้นไปหน่อย
- วัสดุ – Fully Furnished ให้ของมาเยอะและครับดี
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ – ได้สวนหย่อรอบๆโครงการ มีสระว่ายน้ำ ขนาดใหญ่ 2 สระและ Club House ให้ใช้ (แต่ไม่ใช่ทรัพย์สินของลูกบ้าน เป็นของ NCนะครับ)
- สาธารณูปโภค – จัดไว้มี Club House, Fitness, สระว่ายน้ำ ระบบรักษาความปลอดภัย
BOTTOM LINE
โครงการ Diamant Condominium เป็นคอนโดที่เน้นการอยู่อาศัยแบบพักผ่อน มีความหนาแน่นต่ำ มีการเดินทางที่สะดวกถึงแม้จะห่างตัวเมืองออกมาสักหน่อย เหมาะสำหรับคนที่อยากอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง ด้วยงบประมาณ 1.79 – 3 ล้านบาท อยากได้ส่วนกลางขนาดใหญ่ ที่ยินดีจ่ายค่าบริการสำหรับการใช้งานเป็นครั้งๆไป
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ
(ノ´ヮ´)ノ*:・゚✧