รีวิวฉบับที่ 942 วันนี้เราจะพาไปอัพเดตคอนโดสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ย่านเพชรบุรี กับโครงการ Circle Living Prototype จาก Fragrant Property คอนโด High Rise สูง 52 ชั้น 1 อาคาร จัดเป็นคอนโดระดับ LUXURY ที่สูงที่สุดในย่านเพชรบุรี การออกแบบเน้นแนวคิด Eco Innovative Living เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งอยู่ติดถนนเพชรบุรี ไม่ไกลมากจากสถานีรถไฟฟ้า MRT เพชรบุรี เดินทางไปเชื่อมต่อได้หลายเส้นทางทั้งถนนเพชรบุรี ถนนสุขุมวิท และถนนพระราม 9 ซึ่งตอนนี้โครงการสร้างเสร็จแล้ว เดี๋ยวไปดูโครงการพร้อมๆกันเลยคะ
Fact @ 1 October 2015
- Circle Living Prototype (เซอร์เคิล ลิฟวิ่ง โปรโตไทป์)
- Fragrant Property
- LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ราชเทวี
- คอนโด High Rise 52 ชั้น 1 อาคาร 466 ยูนิต
- อาคารจอดรถ 5 ชั้น 1 อาคาร
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 12 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 368 คันคิดเป็น 80% รวมจอดแบบ Mechanical Parking 104 คัน ไม่รวมซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 4-1-27 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : 2011
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : 2015
- 1 Bedroom 47.47 – 65.98 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 6.9 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 76.04 – 87.02 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 11 ล้านบาท
- Penthouse 304.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 57.88 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.85 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 6.9 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 144,831 บาทต่อตารางเมตร
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 140,000-190,000 บาทต่อตารางเมตร
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 098 656 9499
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.750336, 100.556149
Circle Living Prototype ในรีวิวนี้จะขอเรียกสั้นๆว่า Circle 2 นะค่ะ ตัวโครงการตั้งอยู่ถนนเพชรบุรี อยู่ไม่ไกลจาก MRT เพชรบุรี ที่ระยะทาง 750 เมตร มีระบบคมนาคมครบทั้ง ทางด่วน ทั้ง ARL Airport Link มักกะสัน หรือข้ามถนนเพชรบุรียังท่าเรือนานาเหนือ เป็นเรือด่วนสัญจรในคลองแสนแสบ หรือจะเข้าเมืองโดยใช้ซอยสุขุมวิท 3 (นานา) ก็ถือว่าสะดวกมาก ทำเลโครงการนี้เป็นย่านอาคารสำนักงาน เพราะอยู่ตรงกลางระหว่างอโศกสุขุมวิท กับ รัชดาตัดพระราม 9 ซึ่งพื้นที่ในย่านนี้จะหนาแน่นไปด้วยสำนักงาน , Commercial Building และคอนโดมิเนียม High Rise ที่เกิดขึ้นมากมาย จนราคาที่พักอาศัยในย่านเพชรบุรีนี้ปรับขึ้นไปตามศักยภาพของพื้นที่ที่กำลังเติบโตค่ะ
ที่ตั้งของโครงการจัดว่าอยู่ในย่านชุมชนใกล้ใจกลางเมือง มีเส้นทางการจราจรเข้าถึงได้จากหลากหลายเส้นทาง หรือจะไปยังที่ต่างๆได้หลากหลายเช่นกัน เริ่มจากถ้าเลี้ยวขวาออกจากโครงการจะผ่านแยกมิตรสัมพันธ์ ซึ่งไปได้ทั้งพญาไท หรือจะไปเลี้ยวเข้าซอยนานา ถนนวิทยุหรือชิดลม เพื่อเข้าสู่ย่านกลางเมืองสุขุมวิท หรือตัดเข้าเส้นพระรามเก้า เพื่อไปรัชดาภิเษก แต่หากเลี้ยวซ้ายออกจากโครงการก็สามารถไป อโศก-เพชรบุรี วิ่งตรงไปออกพัฒนาการ หรือจะไปบางนาก็ใช้ได้ทั้งเส้นสุขุมวิทและเพชรบุรี มีทางด่วนให้ขึ้นใกล้ๆกับแยกวิทยุ-เพชรบุรี อีกทั้งมีท่าเรือนานาเหนือ ให้เลือกใช้หากไม่ต้องการใช้รถค่ะ
ทำเลในย่านนี้เป็นย่านพาณิชยกรรมมีความอุดมสมบูรณ์ในระดับที่ใช้ได้ เพราะถนนเพชรบุรีเอง บริเวณหน้าโครงการยังมีร้านค้าหรือร้านอาหาร มีร้านสะดวกซื้อให้พอจับจ่ายซื้อของกันได้ แต่ถ้าต้องการซื้อของแบบจริงจัง ก็สามารถเดินทางไปห้างสรรพสินค้าสำคัญๆ ตามแนวถนนถนนชิดลมและแยกเพลินจิตได้สะดวก เช่น เซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ เซ็นทรัลชิดลม Terminal 21 และในพื้นที่ใกล้เคียงกับโครงการบนถนนเพชรบุรีเองก็มีทั้งสถานศึกษาและสถานที่ราชการสำคัญ เช่น โรงเรียนเซนต์ดอมินิก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อาคารสำนักงานต่างๆ มีโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากโครงการ ได้แก่ รพ.บำรุงราษร์ เรียกว่าก็มีให้เลือกตามความต้องการ
กรณีต้องการเดินทางโดยไม่ใช่รถ สามารถใช้รถไฟฟ้าได้ซึ่งรถไฟใต้ดิน MRT สถานีเพชรบุรี จะเป็นสถานีที่ใกล้ที่สุดระยะห่างจากโครงการประมาณ 850 ม. ถ้าเดินในช่วงเช้าหรือเย็นๆอากาศไม่ร้อนมากก็ยังพอเดินไหว แต่ถ้าแดดร้อนๆก็อาศัยพี่วินไปส่งที่สถานีจะสะดวกกว่าค่ะ เลยไปจาก รถไฟใต้ดินไปอีก 400 ม. จะเป็น รถไฟฟ้า Airport Link สถานีมักกะสัน ถ้าใครจะไปแถวรามคำแหง หรือสนามบินสุวรรณภูมิก็มาใช้ Airport Link ได้สะดวกดีค่ะ กรณีจะเข้าเมืองทางฝั่งสุขุมวิท รถไฟฟ้า BTS สถานีนานา จะเป็นสถานีที่ใกล้ที่สุด อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1.3 กม. ซึ่งไกลเกินจะเดิน อาจจะต้องใช้บริการรถสาธารณะ เช่น มอเตอร์ไซด์รับจ้าง รถแทกซี่ ให้ไปส่งโดยใช้เส้นทางซอยสุขุมวิท 3 (นานา) จะสะดวกที่สุดค่ะ
สำหรับการเข้าออกโครงการ เนื่องจากถนนด้านหน้าโครงการเป็นถนน 7 เลน คือ วิ่งมุ่งหน้าประตูน้ำ 3 เลน วิ่งมุ่งหน้าอโศก 4 เลน ถ้าขับรถมาจากทางอโศกจะไม่สามารถเลี้ยวตัดถนน 4 เลนเข้าโครงการได้โดยตรง วิธีการคือ ถ้าขับรถมาจากทางอโศกเมื่อถึงแยกอโศก-เพชรบุรี ให้เลี้ยวขวา เข้าถนนอโศกมนตรี แล้วมาเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกำแพงเพชร 7 วิ่งผ่าน Airport Link มักกะสัน แล้วมาเลี้ยวซ้ายเข้าถนนนิคม-มักกะสัน ถึงสี่แยกมิตรสัมพันธ์ให้เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง เพื่อเข้าสู่ถนนเพชรบุรีแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าโครงการ
หรือกรณีถ้าวิ่งออกจากโครงการจะไปทางแยกมิตรสัมพันธ์หรือซอยสุขุมวิท 3 (นานา) เมื่อเลี้ยวซ้ายออกจากโครงการต้องไปกลับที่จุดกลับรถตรงสี่แยกเพชรบรุี-อโศก ไม่แนะนำให้เลี้ยวตัดเพราะเป็นถนน 4 เลน และอาจจะผิดกฏจราจรได้ค่ะ
ลองมาดูโครงการที่อยู่อาศัยบนถนนเพชรบุรีกันค่ะ ตลอดแนวเส้นทางเริ่มตั้งแต่สี่แยกอโศก-เพชรบุรี จนไปถึงสี่แยกมิตรสัมพันธ์ ระยะทางประมาณ 1 กม. แต่ตลอดเส้นทางก็ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม High Rise อยู่หลายโครงการ ได้แก่ Q Asoke , Villa Asoke ,The Address Asoke และ Circle 1 ซึ่งมองดูแล้วทำเลในย่านนี้ก็จัดเป็นทำเลนิยม ของที่อยู่อาศัยและมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น เพราะยังคงมีพื้นที่ว่างอยู่บางส่วน หรือพวกอาคารตึกแถวพาณิชย์เก่า ปิดร้างอยู่พอสมควรซึ่งอีกไม่นานก็จะมีกลุ่มผู้ประกอบการมาซื้อไปทำโครงการที่อยู่อาศัยกัน
การเดินทางโดยไม่ใช่รถเริ่มจาก MRT เพชรบุรี ซึ่งระยะห่างจากสถานีไปถึงโครงการห่างประมาณ 850 ม. ไปจนถึงสี่แยกมิตรสัมพันธ์ รวมระยะทางประมาณ 1 กม. เดี่ยวลองไปดูบรรยากาศและสถานที่ต่างๆตลอดเส้นทางกันคะ
เริ่มจากสถานีรถไฟใต้ดิน MRT เพชรบุรี เลือกทางออกหมายเลข 3 เพื่อไปเดินขึ้นทาง ถ.อโศก-ดินแดง ฝั่งเชื่อมต่อกับทางเท้า ถ.เพชรบุรีที่จะเดินไปโครงการค่ะ
เมื่อออกมาจากสถานี จะเจอกับถนนอโศก-ดินแดง ถ้าเดินออกมาเลี้ยวซ้ายจะไป Artport Link มักกะสันซึ่งต้องเดินไปอีกประมาณ 400 ม. แต่ถ้าจะไปโครงการ Circle 2 เมื่อออกจากหน้าสถานีให้เลี้ยวขวา มุ่งหน้าไปทางสี่แยกอโศก-เพชรบุรีค่ะ
ถนนอโศก-เพชรบุรี ยามเช้า การจราจรหนาแน่นมากโดยเฉพาะเส้นทางที่มุ่งหน้าไปถนนเพชรบุรีค่ะ
เมื่อเดินออกมาจากรถไฟใต้ดินจะมีทางเท้าค่อนข้างกว้างเดินสะดวกค่ะ ให้เดินตรงไปตามทาง มุ่งหน้าไปทางสี่แยกอโศก-เพชรบุรี
ถึงบริเวณสี่แยกอโศก-เพชรบุรี ให้เลี้ยวขวาเดินไปตามทางเลยค่ะ
เส้นทางทางเดินเท้าช่วงนี้ถือว่าดีมากเลยค่ะ กว้างและเดินสะดวก อาคารตึกแถวข้างทางส่วนมากจะเป็นอาคารปิดไว้ ทำให้บรรยากาศดูเงียบเหงาพอสมควรค่ะ
ฝั่งตรงข้ามติดกับสี่แยกอโศก-เพชรบุรี จะเป็นโครงการ Q Asoke เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 41 ชั้น
เมื่อเดินตรงมาเรื่อยจะเจอกับโบสถ์คริสต์ ซึ่งที่นี้ในวันหยุดจะมีคริสต์ศาสนิกชนมาเข้าโบสถ์และมีเด็กๆมาเรียนศาสนาและภาษาอังกฤษกันค่ะ
ฝั่งตรงข้ามกับโบสถ์คริสต์ จะเป็นโครงการ Villa Asoke เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 42 ชั้น
เดินตรงมาอีกหน่อยก็จะเจอกับป้ายโครงการ The Address Asoke
โครงการ The Address Asoke เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 44 ชั้น สังเกตว่าความสูงจะเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทางเดินเท้าในช่วงนี้ปูพื้นไว้เรียบร้อยดี แต่ต้องระมัดระวังรถมอเตอร์ไซด์กันหน่อยนะค่ะ จะวิ่งสวนขึ้นบนทางเท้าเพื่อหลีกเลี่ยงรถติดบนถนนเพชรบุรีกัน
จาก MRT เพชรบุรีมาถึงตรงนี้ระยะทางประมาณ 300 ม. จะเจอกับ 7-11
ที่ติดกับร้าน 7-11 จะเป็นร้านอาหาร ที่เปิดบริการตั้งแต่เช้าไปจนถึง 5 ทุ่ม เป็นร้านอาหารไทน จีน ยุโรป และสามารถเลือกเมนูตามสั่งต่างๆได้ค่ะ
เดินตรงมาอีกหน่อยจะเจอกับพื้นที่ล้อมรั่วก่อสร้าง โครงการ New Head Office ของบริษัท ThaiCity Electic
เดินต่อมาจะเจอกับโรงเรียนอาชีวะ วิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโก เป็นวิทยาลัยประเภทช่างอุตสาหกรรม เป็นโรงเรียนเก่าแก่ในย่านนี้ เปิดมาตั้งแต่ปี 2492 แล้วค่ะ
ฝั่งตรงข้ามจะเป็น โรงเรียนเซนต์ดอมินิก เดิมโรงเรียนมีชื่อว่า “ดอนบอสโกวิทยา” โดยแยกออกจาก “โรงเรียนอาชีวะดอนบอสโก” เนื่องจาก โดนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ตัดแบ่งครึ่งพื้นที่โรงเรียนเดิม เปิดทำการสอนมาตั้งแต่ปี 2504
บริเวณทางเดินเท้าด้านหน้า วิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโก จะมีป้ายรถเมล์อยู่ค่ะ ช่วงเวลาก่อนเข้าเรียนและเวลาเลิกเรียนตรงนี้ก็จะหนาแน่ไปด้วยเด็กๆจากทั้ง 2 โรงเรียนค่ะ
เดินตรงมาเรื่อยๆ อาคารตึกแถวในบริเวณนี้ส่วนมากจะปิดร้างแบบนี้กันส่วนใหญ่
เดินมาถึง ซอยเพชรบุรี 43/1 จากจุดนี้เดินไปอีก 280 ม.ก็จะถึงโครงการ Circle 2 กันแล้วค่ะ ลองสังเกตนับๆดู ถ.เพชบุรี ในช่วงนี้จะมี 7-11 มาตั้งให้เห็นกันต่อเนื่องตลอดเส้นทาง เว้นระยะห่างกันไม่เกิน 200 ม. ได้ค่ะ
มองไปฝั่งตรงข้ามก็เป็นตึกแถว 3-4 ชั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะปิดไว้เช่นกันค่ะ
เดินมาเจอกับร้านอาหารตามสั่ง แถวนี้ไม่ค่อยมีร้านอาหาร ตั้งแต่เดินมาเพิ่งจะเจอแค่ 2 ร้านเองค่ะ
มาถึงบริเวณนี้บรรยากาศเริ่มดูเป็นย่านอาคารสำนักานแล้วค่ะ อาคารทางขวามือ ชื่ออาคารชัยสงวน เป็นอาคารสำนักงานให้เช่า ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทต่างๆ เยอะพอสมควรค่ะ ทางเท้าบริเวณด้านหน้าอาคารก็ปลูกต้นไม้ตกแต่งไว้ กินพื้นที่ทางเดินเท้าไปเกือบครึ่ง
ตรงกันข้ามจะเป็นอาคารสำนักงานใหญ่ การท่องเที่่ยวแห่งประเทศไทย เป็นอาคาร Office Building สูง 18 ชั้น
ถัดไปเป็นอาคารธนภูมิ เป็นอาคาร Office Building สูง 32 ชั้น
เดินตรงมาจนถึงซอยเพชรบุรี 41 จากจุดนี้เดินไปอีก 100 ม.ก็จะถึงโครงการ Circle 2 แล้วค่ะ ลองมองเข้าไปในซอย ส่วนมากจะเป็นอาคารตึกแถว 4 ชั้น กับพวกสถาบันเทิงตอนกลางคืน อาคารร้าง ที่เห็นอาคารสูงสุดซอยจะเป็นด้านหลังของ โรงแรมเมอร์เคียว นานาเหนือ ซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่ มีความสูงประมาณ 30 ชั้น
ฝั่งตรงข้ามถัดจากอาคารธนภูมิ จะเห็นตึกคู่เป็นโครงการ Circle 1 เป็นคอนโดมิเนียม High Rise ตึกคู่ สูง 30 ชั้นและ 42 ชั้น
มาถึงสะพานลอย จะเจอกับ 7-11 ทางเดินตรงนี้จะแคบลงและเดินลำบากเพราะมีร้านค้ามาตั้งกีดขวางเส้นทาง เดี่ยวเราลองข้ามสะพานลอยไปดูฝั่งตรงข้ามกันค่ะว่าจะมีอะไรบ้าง
มุมมองจากสะพานลอย มุ่งหน้าสี่แยกมิตรสัมพันธ์ เส้นทางการจราจร 6 เลนไปกลับ ตรงบริเวณนี้จะใกล้กับสี่แยกมิตรสัมพันธ์ปริมาณรถเลยค่อนข้างหนาแน่น ทางขวามีจะเป็นโครงการ Circle 2 ส่วนทางซ้ายมือตรงกันข้ามจะเป็นโครงการ Circle 1 สองโครงการนี้อยู่ตรงข้ามกันพอดีค่ะ ซึ่งกรณีถ้าวิ่งออกจากโครงการจะไปทางแยกมิตรสัมพันธ์เมื่อเลี้ยวซ้ายออกจากโครงการต้องไปกลับที่จุดกลับรถตรงสี่แยกเพชรบรุี-อโศกนะค่ะ ไม่แนะนำให้เลี้ยวตัดเพราะเป็นถนนสี่เลน และอาจจะผิดกฏจราจรได้ค่ะ
มุมมองจากสะพานลอย โครงการ Circle 2 จัดเป็นคอนโดมิเนียม High Rise ที่สูงที่สุดในย่านนี้ที่ความสูง 52 ชั้น
เมื่อข้ามสะพานมาฝั่งตรงข้าม จะเจอกับพื้นที่ร้านขายอาหารและของกินต่างๆ ช่วงตอนกลางวันจะมีพนักงานออฟฟิสจากตึกสำนักงานรอบรอบๆ ลงมาทานอาหารกันที่นี้ค่ะ ถือเป็นจุดของกินที่ใกล้ที่สุด จากโครงการ Circle 2 เพราะอยู่ฝั้งตรงข้ามแค่ข้ามสะพานมาก็เจอเลยค่ะ
ลองมองไปฝั่งทางโครงการ Circle 2 จะเห็น Facade สีขาวด้านหน้า เป็นอาคารจอดรถของโครงการค่ะ ที่่ติดกับโครงการทางขวามือ เป็นอาคารตึกแถว 4 ชั้น แต่ปิดร้างไว้
ข้ามฝั่งกลับมามุ่งหน้าไปโครงการกันต่อค่ะ จะเจอกับซอยเพชรบุรี 39 ซอยนี้จะอยุ่ติดกับโครงการ Circle 2 ค่ะ
ลองมองเข้าไปในซอยจะเห็นตึกของโครงการ Circle 2 ทางซ้ายมือ ภายในซอยจะประกอบด้วยอาคารตึกแถว 4 ชั้นซึ่งส่วนมากจะปิดไว้ค่ะ มีเป็นร้านตัดเสื้อผ้าเล็กๆและร้านขายยาอยู่ ร้านสองร้านเท่านั้น ส่วนอีกฝั่งจะเป็นพวก สถานบันเทิงตอนกลางคืน ไนท์คลับ ที่สุดซอยจะเป็นอพาร์ทเม้นต์ สูง 7 ชั้น
ปากซอยเพชรบุรี 39 จะมีวินมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ซึ่งวินนี้ห่างจากด้านหน้าทางเข้าโครงการ Circle 2 แค่ 30 ม.
เดินถัดมาจะเจอกับอาคารตึกแถว 4 ชั้นเป็นอาคารร้างปิดไว้ ด้านหน้าที่เห็นมีผ้าคลุมปิดไว้ จะเป็นร้านอาหาร ซึ่งจะมาตั้งขายริมทางเท้าตอนกลางคืนค่ะ จะอยู่ติดกับโครงการ Circle 2 พอดีค่ะ
มาถึงด้านหน้าโครงการ Circle 2 พื้นที่ด้านหน้าโครงการได้จัดสวนมีป้ายบอกทางเข้าไว้ชัดเจนค่ะ เดี่ยวเราจะเดินต่อไปกันจนถึแยกมิตรสัมพันธ์ เพื่อดูสิ่งแวดล้อมรอบๆกันก่อนนะค่ะ
ถัดมาจากหน้าโครงการ Circle 2 จะเจอกับซอยด้านข้างชิดกับโครงการ เป็นซอยส่วนบุคคล ติดป้ายด้านหน้า โรงแรมปริ๊น เดี่ยวเราลองเดินเข้าไปดูกันค่ะ
เข้ามาจะเป็นซอยแบบ 2 เลนแคบๆหน่อย ทางขวามือคือแนวกำแพงสีเทา ของโครงการ Circle 2 สูงประมาณ 5 ม. ตรงกันข้ามจะเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ซึ่งเดิมเคยเป็นโรงแรมปริ๊น ตอนนี้ทุบรื้อไปแล้วยังไม่แน่ว่าในอนาคตจะถูกพัฒนาเป็นโครงการประเภทไหน สุดทางถนนจะเป็นทางเข้าด้านหลังของ สถานบันเทิง Plaza Entertainment Complex สูง 20 ชั้น
เมื่อออกมาจากซอยเดินตรงไปมุ่งหน้าสี่แยกมิตรสัมพันธ์ ด้านข้างเป็นตึกแถว 3-4 ชั้น มีเป้นร้านอาหารตามสั้งริมทาง 1 ร้าน ส่วนตึกแถวอื่นๆก็ปิดไว้
ตรงมาเรื่อยๆจะเป็นอาคารร้าง บางส่วนถูกทุบทิ้ง ทางเท้าบริเวณนี้กว้างแต่ก็มีคนเอารถมาจอดกีดขวางเส้นทางไว้ เลยเหลือที่ให้เดินไม่มากค่ะ
มองไปฝั่งตรงข้ามจะเป็นตึกแถว 4 ชั้น ที่ยังมีเปิดกิจการอยู่ไม่มาก เป็นร้านขายอะไหล่รถยนต์ ร้านทำผม ร้านขายยา ที่เหลืออยู่แต่ส่วนใหญ่จะปิดไว้ค่ะ
มาถึงสี่แยกมิตรสัมพันธ์แล้วค่ะ จากสี่แยกนี้ถ้าวิ่งมาจากสี่แยกอโศก-เพชรบุรี สามารถมาเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิม 3 (นานา) เพื่อไปทะลุออกเส้นสุขุมวิทได้ หรือจะเลี้ยวขวาไปทางถนนนิคมมักกะสันก็สามารถไปทะลุออกถนนพระราม 9 ได้ค่ะ
ภาพมุมสูงโครงการ Circle 2 ด้านหน้าโครงการจะติดกับถนนเพชรบุรี ฝั่งตรงข้ามจะตรงกับโครงการ Circle 1 อาคารหน้าสูง 30 ชั้น ด้านข้างฝั่งขวาของโครงการจะติดกับตึกแถว 3-4 ชั้น ส่วนด้านข้างฝั่งซ้ายจะติดกับที่ว่างและสถานบันเทิง สูง 20 ชั้น ซึ่งถ้าเลือกห้องพักในฝั่งนี้ควรเลือกตั้งแต่ชั้น 20 เป็นต้นไปถึงจะได้วิวเปิดโล่งไม่โดนอาคารบัง
ภาพมุมสูงโครงการ Circle 2 โดยภาพรวมโครงการนี้ได้วิวแบบเปิดโล่งอยู่หลายทิศทาง ยกเว้นฝั่งด้านสถานบันเทิง 20 ชั้น ที่จะมีอาคารสูงบังวิวในระยะประชิด ที่เหลือโดยรอบถือว่าไม่มีอะไรมาบดบังทัศนียภาพ มองเห็นวิวไปไกลถึงฝั่งสุขุมวิท พระราม 9 และได้วิวพื้นที่สีเขียวทางมักกะสันด้านหลังโครงการ
จากภาพแสดงตำแหน่งของอาคารข้างเคียงที่ติดกับโครงการ ตามทิศได้ดังนี้
- ทางด้านทิศเหนือ จะเป็นวิวเปิดโล่งทางฝั่งมักกะสัน มองเห็นแนวทางยกระดับ Air port Link และพื้นที่ว่างสีเขียวทางฝั่งมักกะสัน ซึ่งห้องที่หันทางทิศเหนือเป็นทิศที่มีแสงสว่างตามธรรมชาติโดยไม่มีแสงแดดแรงจัดมากนักในช่วงเช้าของวัน
- ทางด้านทิศตะวันออก จะติดกับอาคารตึกแถส สูง 4 ชั้น ซึ่งด้วยระดับความสูงของห้องพักอาศัยที่เริ่มตั้งแต่ชั้น 6 ทำให้ไม่มีอะไรมาบดบังทัศนียภาพ จะได้เปิดไปทางเพชรบุรี-อโศก
- ทางด้านทิศใต้ จะเป็นวิวถนนเพชรบุรี มองเลยไปจะเห็นอาคาร Circle 1 ที่ตั้งอยุ่ฝั่งตรงข้ามโครงการ ห้องที่หันทางทิศใต้จะโดนแดดเยอะเหมือนกันเพราะบ้านเราพระอาทิตย์อ้อมใต้แต่มีข้อดีคือได้ลมเยอะช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
- ทางด้านทิศตะวันตก จะติดกับพื้นที่ว่างและ อาคารสถานบันเทิง สูง 20 ชั้น ซึ่งถ้าใครเลือกห้องทางฝั่งนี้จะเจอกับวิวระยะประชิดของอาคาร ต้องเลือกชั้นสูงกว่า 20 ขึ้นไปถึงจะมองพ้นอาคาร จะเห็นเป็นวิวฝั่งราชเทวีไปไกลจนถึงพระราม 9
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ททท. 200 เมตร
- โรงเรียนเซ็นดอมินิก 350 เมตร
- วิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโก 350 เมตร
- ท่าเรือนานาเหนือ 350 เมตร
- โบสถ์คริสต์ 700 เมตร
- โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ 750 เมตร
- มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ 1.1 กิโลเมตร
- เซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ 1.7 กิโลเมตร
- เซ็นทรัลชิดลม 2 กิโลเมตร
- Terminal 21 2.1 กิโลเมตร
เริ่มจากทางเข้าด้านหน้าจากทางถนนเพชรบุรี โครงการได้แบ่งพื้นที่หลักๆในโครงการออกเป็น 3 ส่วน คือส่วนพื้นที่สำหรับจอดรถ พื้นที่ส่วนกลาง และพื้นที่สำหรับที่พักอาศัย โดยพื้นที่สำหรับจอดรถจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 1-4 โดยชั้น 1 จะเป็นที่จอดรถแบบอัตโนมัต(สีเหลือง)และแบบปกติ(สีชมพู) หากต้องการจอดบนอาคารจะต้องขับไปทางด้านหลังของโครงการเพื่อไปขึ้นอาคารจอดรถในชั้น 2-4 ซึ่งเป็นที่จอดรถแบบปกติ โดยทางเดินรถภายในโครงการจะวิ่งวนตามเข็มนาฬิกา ตลอดแนวเดินรถ พื้นที่ด้านหน้าและหลังโครงการ จัดเป็นพื้นที่สวนและปลูกต้นไม้เพื่อความร่มรื่นและบังสายตาจากภายนอก
ชั้นล่างสุดเมื่อจอดรถแล้วสามารถเข้ามายังตัวอาคารด้านใน จะมี Lobby โถงทางเข้าและส่วนผู้มาติดต่อ เสร็จแล้วจะต้องขึ้นลิฟท์ไปที่โถงพักคอยหลักที่ชั้น 5 โดยมีลิฟท์โดยสารทั้งหมด 5 ตัวและลิทฟ์ service 1 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 93.2 : 1
เมื่อขึ้นมาชั้น 5 จะเป็นส่วนโถงติดต่อและพักคอยหลัก ซึ่งชั้น 5 นี้จะจัดเป็นพื้นที่ Facility ส่วนกลางของโครงการส่วนใหญ่ ซึ่งมีเยอะให้เลือกตามความชอบและไลฟ์สไตล์ ได้แก่ Lobby Reception , Library, Multipurpose room , Fitness , Kid zone , Swimming pool แบ่งเป็นสระว่ายน้ำ 3 สระ ระบบ UV สระผู้ใหญ่ขนาด 5 x 25 เมต ลึก 1.2 เมตร , สระเด็ก ขนาด 4 x 6 ลึก 0.6 เมตร และสระน้ำแบบจากุชชี่ ส่วนพื้นที่รอบๆจะเป็นสวนและ Jogging Track ระยะทางประมาณ 230 ม. มีห้องน้ำ ห้องSauna – Steam แยกชายหญิง ซึ่งจะอยู่ชั้นล่างใต้พื้นที่สระว่ายน้ำ
ชั้น 7 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด โดยจะมีทั้งหมด 12 ยูนิต แบ่งเป็นห้องแบบ 1 Bed จำนวน 11 ยูนิต , 2 Bed จำนวน 1 ยูนิต โดย การจัดเรียงห้องพักเป็นแบบ Double Corridor ตามแนวตึกรูปตัวทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยห้องพักจะวางขนานกันไปตามทางเดิน ห้องส่วนใหญ่ในชั้นนี้จะเป็นห้องแบบ 1 Bed ซึ่งมีขนาดแตกต่างกันไป จะมีห้อง 2 Bed เพียงห้องเดียวอยู่ทางทิศเหนือของอาคาร ส่วนโถงลิฟท์และบันไดหนีไฟจัดพื้นที่ไว้บริเวณใกล้เคียงกันอยู่ตรงกลางของตัวอาคาร การวางตำแหน่งลิฟท์ไว้ตรงกลางช่วยให้แต่ละเดินมาใช้งานได้ไม่ไกล บริเวณโถงลิฟท์จะทีแนวทางเดินแยกส่วนจากที่พักอาศัยทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
ชั้น 25-29 จะเป็นพื้นที่พักอาศัยทั้งหมด โดยจะมีทั้งหมด 12 ยูนิต แบ่งเป็นห้องแบบ 1 Bed จำนวน 8 ยูนิต , 2 Bed จำนวน 4 ยูนิต โดย การจัดเรียงห้องโดยส่วนมาเป็นห้อง 1 Bed จะมีห้องแบบ 2 Bed เพียง 2 ห้อง อยู่ที่ปลายสุดของอาคารทั้งสองด้าน ซึ่งจะได้รับวิวแบบเปิดโล่งในทิศเหนือและใต้แบบเต็มๆค่ะ
ชั้น 47-49 เป็นพื้นที่พักอาศัยทั้งหมด โดยจะมีทั้งหมด 5 ยูนิต แบ่งเป็นห้องแบบ 1 Bed จำนวน 2 ยูนิต , 2 Bed จำนวน 1 ยูนิต และ 3 Bed จำนวน 2 ยูนิต พื้นที่ในชั้นตั้งแต่ 47 ขึ้นไปจะมีพื้นที่ลดลงเมื่อเทียบกับชั้นล่างๆ ทำให้มีจำนวนห้องพักน้อยลง แต่โครงการก็ได้จัดให้พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นห้องขนาดใหญ่แบบ 2-3 ห้องนอน ทำให้ห้องโดยเฉพาะแบบ 3 ห้องนอน ที่อยู่ทางทิศเหนือและใต้ของอาคารได้รับวิวเปิดแบบพาโนรามา 180 องศาเลยค่ะ
ชั้น 52 ส่วน Facility ส่วนกลางของโครงการในชั้น 52 จะเป็น Sky Lounge และสนามหญ้าเปิดโล่ง จากมุมมองบนที่อยู่ที่ความสูง 194 ม.ของตึกในชั้นนี้ บน Sky Lounge สามารถมองเห็นทัศนียภาพเมืองแบบมุมสูง 260 องศา รอบทิศทางเลยค่ะ
ป้ายชื่อโครงการ Circle Living Prototype จะอยู่ทางด้านหน้าโครงการติดกับถนนเพชรบุรี
มีทางเข้าแบ่งเป็นช่องทางเดินสำหรับคนเดินทางซ้ายมือและช่องทางเดินรถเข้าออกโครงการทางขวามือ
ทางด้านหน้าบริเวณทางเข้าจะมี รปภ. คอยตรวจและแลกบัตรเข้าออก ทางเข้าค่อนข้างกว้าง ริมด้านข้างตกแต่งด้วยต้นไม้และสวนตลอดแนวค่ะ
ทางโครงการได้ติดกล้อง CCTV ไว้ด้านหน้าทางเข้าเพื่อบันทึกภาพการสัญจรเข้าออกภายในโครงการ
อาคารด้านหน้าที่มี Facade สีขาวจะเป็นอาคารสำหรับจอดรถ 4 ชั้น ส่วนใต้อาคารจะเป็นที่จอดรถแบบอัตโนมัติ ส่วนแนวการเดินรถเป็นแบบวนตามเข็มนาฬิกา เมื่อขับมาถึงทางตรงแยกนี้จะต้องเลี้ยวซ้าย เพื่อวนไปที่จอดรถด้านใน
ทางด้านหน้าของโครงการ ได้จัดเป็นพื้นที่สวนโดยปลูกต้นไม้ เพื่อความร่มรื่นและช่วยบังสายตาจากทางถ.เพชรบุรี การจัดสวนของที่โครงการนี้จะมีความพิเศษตรงที่การนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ โดยบำบัดแล้วนำมาใช้รดน้ำต้นไม้รอบๆโครงการค่ะ
เลี้ยวมาด้านหน้าอาคารจะเจอกับที่จอดรถอัตโนมัติ ซึ่งทางโครงการจะเตรียมไว้ 52 ช่องจอด โดยจะสามารถจอดรถด้วยระบบนี้ได้ ทั้งหมด 104 คัน โดยที่จอดรถแบบอัตโนมัติจะติดตั้งเอาไว้ใต้อาคารชั้นล่างและบริเวณรอบๆโครงการค่ะ
กล่องควบคุมการใช้งาน ระบบจอดรถอัตโนมัติ จะเป็นกล่องป้องกันน้ำเข้าเวลาฝนตก
เลี้ยวมาทางด้านข้างก็จะมีพื้นที่สำหรับจอดรถแบบอัตโนมัติ โดยวิธีการจอดคือ เมื่อกดปุ่มเปิดชัตเตอร์ด้านหน้า ให้ขับรถเข้าไปจอดบนถาดในช่องจอด แล้วลงจากรถ เสร็จแล้วมากดปุ่มควบคุมเพื่อให้ระบบนำรถไปเก็บไว้ด้านล่าง 1 ช่องจอดสามารถจอดรถได้ 2 คัน กรณีต้องการใช้รถ ก็จะใช้เวลารอรถเลื่อนขึ้นมาจากชั้นล่างประมาณ 1-2 นาทีค่ะ แต่ช่องจอดแบบนี้สามารถจอดรถขนาดเล็กไปถึงขนาดกลาง รถต้องสูงไม่เกิน 1.8 ม. หรือมีขนาดไม่ใหญกว่ารถ SUV ถึงจะเข้าจอดได้ค่ะ
กรณีต้องการจอดรถแบบปกติ สามารถมาใช้พื้นที่จอดรถ 5 ชั้นได้ค่ะ โดยขับวนมาทางด้านหลังแล้ววนเข้าที่จอดรถ จะเป็นทางลาดเพื่อขึ้นไปจอดชั้นบนค่ะ
ถนนทางขึ้นอาคารจอดรถออกแบบได้เหมาะสมดี ไม่แคบจนเกินไป สามารถขับรถขึ้น-ลง สวนทางกันได้
ความสูงระดับพื้นถึงฝ้าของพื้นที่จอดรถอยู่ที่ประมาณ 2.3 เมตร พื้นที่จอดรถ 4 ชั้นนี้สามารถจอดรถได้ 264 คัน ไม่ซ้อนคัน เมื่อรวมกับที่จอดรถอัตโนมัติอีก 104 คันจะอยู่ที่ 80%
มาทางด้านข้างของโครงการค่ะ เมื่อขับรถลงมาจากที่จอดรถ จะเจอกับที่สแกนบัตรข้าออกและไม้กระดก ที่ทางโครงการติดตั้งไว้ตรงนี้ เพื่อไม่ให้ด้านหน้ามีรถสะสม แล้วเกิดการจราจรติดขัดบริเวณด้านหน้าโครงการค่ะ
ถัดมาจะเป็นจุด drop off สำหรับจอดรถรับส่ง และมีจุดจอดรถของ visitor ให้ด้านข้าง มองเข้าไปจะเป็นพื้นที่บริเวณทางเข้าอาคารค่ะ
ถัดมาทางซ้ายมือจะเป็นทางเข้าจอดรถแบบอัตโนมัติ ที่อยู่ใต้อาคารค่ะ
เลี้ยวเข้ามาจะเจอกับที่จอดรถแบบอัตโนมัติ ซึ่งถ้าขับมาจอดในนี้ก็จะไม่ต้องจอดตากฝนหรือตากแดด เหมือนช่องจอดที่อยู่กลางแจ้ง ส่วนวิธีการใช้งานก็จะเหมือนกับที่อธิบายไว้ 1 ที่จอดสามารถจอดได้ 2 คันค่ะ
เมื่อทำการจอดรถเรียบร้อยแล้ว ใต้อาคารที่ชั้น 1 จะมีทางเข้าไปยังโถงต้อนรับ มีการออกแบบให้มีทั้งบันไดและทางลาดขึ้น สามารถเข็นรถเข็นขึ้นได้สะดวก
เข้ามาจะเจอกับประชาสัมพันธ์ของโครงการ เพื่อไว้ติดต่อเบื้องต้น ส่วนโถงต้อนรับหลักของโครงการนั้น เราต้องขึ้นไปที่ชั้น 5 ค่ะ
บริเวณโถงลิฟท์ด้านล่าง โครงการจะมีลิฟท์โดยสารทั้วหมด 5 ตัว และลิฟท์ Service 1 ตัว
เป็นลิฟท์ของ Hitachi แบบ Hi-Speed ใช้ระบบสั่งงานแบบ Touch Screen และจะล็อคชั้น ที่เปิดเฉพาะชั้นพื้นที่ส่วนกลาง และเปิดเฉพาะชั้นของลูกบ้านแต่ละคนเท่านั้น ไม่สามารถไปยังชั้นที่อยู่อาศัยชั้นอื่นได้ ถ้าเราไม่ได้อยู่ชั้นนั้น ทำให้สามารถควบคุมความปลอดภัย
ขึ้นลิฟท์มาถึงชั้น 5 จะพบกับส่วนต้องรับ มีพนักงานให้บริการ 24 ชม. โครงการนี้จะจัด Facility ส่วนกลางของโครงการเกือบทั้งหมดไว้ที่ชั้นนี้และมีบางส่วนจัดไว้ที่ชั้น 52 ค่ะ
โถงพักคอย จะมีที่นั้งให้ผู้มาติดต่อนั่งรอ ภายในตกแต่งด้วยพื้นและผนังด้วยแกรนิตโตลายหินอ่อน มีหน้าต่างขนาดใหญ่รับแสงธรiมชาติในตอนกลางวัน มีความสูงจากระดับพื้นถึงฝ้าที่ 6 ม. พื้นที่บริเวณนี้จะติดเครื่องปรับอากาศเปิดไว้ตลอดค่ะ
เดินถัดมาจากส่วนต้อนรับ จะเป็นพื้นที่ Mail box ของลูกบ้าน หากเดินไปจนสุดทางเดินจะไปเชื่อมต่อกับห้อง Multipurpose Room และห้องน้ำส่วนกลางของโครงการ
ห้อง Multipurpose Room ขนาดใหญ่สามารถใช้จัดประชุมหรืองานเลี้ยงได้ สามารถลดขนาดพื้นที่ใช้งานให้เล็กลงได้ โดยการเลื่อนผนังปิดเพื่อแบ่งพื้นที่ได้ ลูกบ้านสามารถมาติดต่อขอใช้งานกับทางโครงการได้ค่ะ
ห้องน้ำส่วนกลางของโครงการจัดแบ่งสำหรับชายหญิงแยกกันไว้ให้ จะอยู่ติดกับห้อง Multipurpose Room
เมื่อเดินออกจากบริเวณส่วนพักคอย จะเป็นห้องสมุดและที่นั้งพักผ่อน พื้นที่ตรงส่วนนี้จะเป็นแบบ Open air จัดแบ่งพื้นที่ให้เราสามารถเลือกที่นั้งตามความชอบค่ะ
ที่อยู่ติดกับส่วนห้องสมุดจะเป็น Kid Zone สำหรับเด็ก มีของเล่นและอุปกรณ์ต่างๆไว้ให้ค่ะ
ถัดมาจากห้องเด็กเล่น จะเป็นห้อง Fitness ซึ่งมีอุปกรณ์ต่างๆให้เลือก โดยในช่วงกลางวันโครงการจะมี Trainer มาประจำให้ค่ะ
พื้นที่รอบนอกของชั้น 5 ออกแบบเป็น Jogging Track ให้วิ่งวนเป็นวงกลมรอบโครงการด้านบนชั้น 5 เป็นทางลาดยกระดับ ลักษณะเหมือนวิ่งขึ้นลงเนิน ระยะทางประมาณ 270 ม. สำหรับคนที่ต้องการวิ่งแบบได้อากาศและแสงแดดธรรมชาติ
เมื่อเดินออกมาจากห้องสมุดจะไปเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำ โดยจะมีบันไดทางขึ้นไปสระว่ายน้ำด้านบนค่ะ ขึ้นมาจะเจอกับสระว่าน้ำสำหรับเด็ก ขนาด 3 x 6 ม. สระว่ายน้ำของโครงการ Circle 2 จะเป็นสระระบบ UV คือใช้การซ่าเชื้อด้วยระบบแสงยูวี ลดการใช้สารเคมี 90% ไม่ใช้คลอลีน จุดเด่นของสระว่ายน้ำของโครงการนี้คือ มีระบบ Aqua sonic Underwater Speaker System อยู่ในสระว่ายน้ำหรือจะสามารถเปิดเพลงขณะที่เราว่ายอยู่ใต้น้ำค่ะ
ถัดมาจะเป็นที่ชำระร่างกายก่อนลงสระว่ายน้ำ ซึ่งมีตำแหน่งเดียวนะค่ะ ถ้าคนมาใช้สระเยอะหน่อยอาจจะต้องรอติวกันนิดนึงค่ะ ถัดมาเป็นสระจากุชชี่ สามารถใช้งานได้ 5-6 คน ได้ค่ะ
เดินต่อมาด้านบนจะเป็นสระว่ายน้ำใหญ่ ขนาด 5 x 25 ม. เป็นสระว่ายน้ำแบบกลางแจ้งมองเห็นวิวเปิดโล่งทางฝั่งมักกะสันค่ะ
ในส่วนของห้องน้ำและห้องอาบน้ำส่วนกลาง จะอยู่บริเวณด้านล่างใต้สระว่ายน้ำ โดยแบ่งชายหญิง ไว้สองฝั่งของสระ ต้องเดินบันไดด้านข้างลงไปค่ะ
ภายในห้องน้ำจะจัดแบ่งส่วนให้มี ล็อกเกอร์ เก็บของใช้ส่วนตัว และห้องน้ำสำหรับคนมาใช้สระว่ายน้ำ
เข้ามาด้านในจะมีห้องอาบน้ำให้ 2 ห้อง พร้อมที่อาบน้ำแบบ RainShower
มีบ่อน้ำร้อน – น้ำเย็น สำหรับแช่ตัว และห้อง Sauna – Steam อยู่ด้านในสุดไว้ให้บริการค่ะ
ลองขึ้นมาที่ชั้น 52 จะเป็น Facility ส่วนกลางอีกส่วนหนึ่งของโครงการ จัดเป็นสนามหญ้าเปิดโล่งไว้
เดินขึ้นไปชั้นบนถัดจากสนามหญ้า จะเป็น Sky Lounge เป็นห้องโถงกระจกสูงถึงเพดาน สามารถมองวิวแบบ 260 องศา รอบทิศทางค่ะ
มีพื้นที่ครัวไว้ให้บริการ สามารถจัดงานเลี้ยง ที่ต้องประกอบอาหารเบาๆที่มีการเก็บล้างได้ค่ะ
ชั้นบนสุดจะเป็นชั้นลอย จัดพื้นที่ไว้จัดประชุมหรืองานเลี้ยงเล็กๆได้ บนนี้จะเห็นวิวตึกรอบๆแบบ Top view สวยมากค่ะ
ขึ้นมาบนอาคารส่วนห้องพักอาศัย ทางเดินไปยังห้องพักในชั้นต่างๆ แนวทางเดินจะซ่อนไฟไว้ใต้ฝ้าและออกแบบให้มีระบบระบายอากาศให้ถ่ายเท ตลอดแนวทางเดิน
ตามแนวทางเดินจะมีการทำช่องแสงที่สามารถเปิดระบายอากาศได้ บันไดหนีไฟจะอยู่ติดกับแนวทางเดิน โดยเป็นบันไดอัดอากาศ มีสัญลักษ์และอุปกรณ์แจ้งเตือนไฟไหม้ไว้ด้านข้างหน้าประตู
ไหนๆก็เดินมาถึงด้านบนแล้วเลยถ่ายภาพมุมสูงจากชั้น 52 มาฝากนิดหน่อยค่ะรูปนี้หันไปทั้งฝั่งเพชรบุรี-อโศก
รูปนี้หันมุมสูงจากชั้น 52 ไปทั้งฝั่งสุขุมวิท
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby
- สระว่ายน้ำ 2 สระ ระบบ UV สระผู้ใหญ่ขนาด 5 x 25 เมตร ลึก 1.2 เมตร
- สระเด็ก ขนาด 4 x 6 ลึก 0.6 เมตร
- สระว่ายน้ำแบบจากุชชี่
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องขนาด 5 x 15 ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 15 เครื่อง
- Sauna – Steam
- Library
- ห้องเด็กเล่น
- ห้อง Multipurpose Room
- Sky Lounge
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- Jogging Track ระยะทางประมาณ 230 ม.
- ลิฟท์โดยสาร 5 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 93.2 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถ 3ุ68 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 80 % รวมจอดรถแบบอัตโนมัติ 104 คัน
- ระบบ CCTV / Access Card
- Shuttle Bus Service
ระบบอื่นๆในโครงการ
ความแตกต่างของโครงการ Circle Living Prototype กับโครงการคอนโดมิเนียมอื่นๆทั่วไป คือการนำแนวคิดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Eco Innovative Living มาใช้ในการออกแบบส่วนต่างๆของอาคารพักอาศัย เริ่มตั้งแต่ส่วนที่เป็นโครงสร้าง เช่น ผนัง อิฐที่ใช้ในการก่อสร้าง ไปจนถึงวัสดุต่างๆ เดี๋ยวเราลองมาดูกันค่ะว่าจะมีอะไรบ้าง
- ติดตั้ง Solar Panels ที่ดาดฟ้าชั้นบนสุด เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้านำมาใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง ลดการใช้ไฟฟ้าและค่าใช้จ่าย
- ใช้อิฐมวลเบา Infil Wall มีขนาดเบา ป้องกันความร้อนและทนไฟสูง ช่วยลดต้นทุนในการก่อสร้าง
- ใช้หลอดไฟ Led Lighting ซึ่งประหยัดการใช้ไฟฟ้ากว่าหลอดธรรมดาถึง 82% คิดเป็นเงิน 1,000 บาท/ปี
- ใช้ระบบ Recycled Water for Irrigation หรือการนำน้ำทิ้งมาบำบัดแล้วใช้รดน้ำต้นไม้ภายในโครงการทั้งหมด
- ใช้ระบบ สระว่ายน้ำแบบ UV ลดการใช้สารคอลรีนในน้้ำ 90% แล้วใช้การค่าเชื้อโรคด้วยระบบ UV แทน จึงไม่ทำลายเส้นผม ผิวหนังของผู้ใช้สระว่ายน้ำ และไม่มีกลิ่นเหม็นของคลอรีน
- ระบบกรองน้ำดื่ม ที่ต่อท่อตรงให้ในทุกยูนิต โดยสามารถเปิดน้ำจากก็อกในบริเวณครัวดื่มได้เลย ลดการใช้ขวดพลาสติก
- ใช้ระบบ Heat Recovery System นำความร้อนจากการใช้แอร์ มาอุ่นน้ำทำเป็นน้ำอุ่นของแต่ละยูนิต ลดการใช้ไฟจากเครื่องทำน้ำร้อน
- เลือกวัสดุกระจกพิเศษมาประกอบเป็นประตู-หน้าต่าง กระจก Double Glazed ที่สามารถป้องกันความร้อนและเสียงได้ดีกว่ากระจกปกติ เพื่อลดการใช้เครื่องปรับอากาศภายในห้องพัก
เริ่มจากห้องตัวอย่างแบบ 1 Bed ขนาด 47.17 ตารางเมตร ขายเป็นแบบ Fully Fitted ขนาดพื้นที่ที่ออกแบบมากว้างและสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกไม่แออัด ออกแบบให้ห้องมีหน้ากว้างรับแสงธรรมชาติได้ดี แบ่งโซนพื้นที่เป็น 6 โซน คือ ห้องน้ำ ครัว ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องเก็บของและระเบียง เมื่อเข้ามาจะเจอกับส่วนครัวเป็นครัวแบบเปิด จัดแบ่งพื้นที่ให้มี Pantry แบบ Built-in ขนาดพื้นที่ครัวค่อนข้างกว้างสามารถใช้งานได้สะดวก พื้นที่ส่วนครัวจะรวมกับพื้นที่รับประทานอาหาร และเชื่อมต่อไปส่วนห้องนั้งเล่น ในส่วนห้องนอน สามารถตั้งเตียงนอนขนาด 5 ฟุต หรือ Queen Size มีตู้เสื้อผ้า Built-in ถัดไปจะเป็นห้องน้ำซึ่งแยกโซนเปียกโซนแห้งชัดเจน มีห้องเก็บของสามารถตั้งเครื่องซักผ้าได้ ส่วนระเบียงกว้างสามารถจัดเป็นที่นั้งเล่นแบบ open air เล็กๆได้
ประตูทางเข้าเป็น บานเปิด WPC ปิดผิวลามิเนต ลายไม้ มีตาแมว มือจับประตูแบบก้านโยก พร้อม Digital door lock ประตูหน้าของ Im Tech มีป้ายบอกเลขที่ห้องพัก เป็นตัวเลขสีดำแบบลอยตัวดูมีมิติ ด้านข้างของประตูจะติดแถบช่องแสงไฟไว้
พื้นทางเข้าสู่ห้องไม่มีธรณีประตูกั้น แต่จะมีต้วจบสแตนเลสเพื่อเก็บรอยต่อของพื้นทั้งสองให้สวยงามเรียบร้อย ส่วนพื้นห้องในส่วนนี้เป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 xุ 60 ซม.
เมื่อเปิดเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ส่วนครัวซึ่งจะเข้ามุมอยู่ทางขวามือ และมองตรงไปจะเป็นส่วนห้องนั้งเล่น ส่วนครัวใช้วัสดุพื้นเป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 xุ 60 ซม. ในส่วนของผนัง จะเป็นยิปซัมบอร์ดฉาบสีเรียบ ระยะความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.85 ม. โคมระย้าเป็นโคมตกแต่งในห้องตัวอย่าง ส่วนห้องจริงจะเป็นดวงไฟเป็นแบบดาวน์ไลท์
ในส่วนของประตูด้านใน จะมี Door Stopper ติดอยู่ที่พื้นหลังประตู เพื่อป้องกันบานประตูเปิดมากระทบกำแพง พื้นที่บริเวณทางเข้ากว้างประมาณ 1.1 ม.ทางขวามือจะเป็นตู้ Built in สำหรับเก็บของและรองเท้า
ตู้ Built in มีความสูงไปถึงฝ้าเพดาน ที่ความสูง 2.85 ม. สามารถใช้งานพื้นที่ตรงส่วนนี้ได้เต็มประสิทธิภาพ ใช้เก็บรองเท้าและเก็บอุปกรณ์สิ่งของต่างๆได้ ซึ่งตู้อันนี้ทางโครงการมีให้ค่ะ
ครัวเป็นครัวแบบเปิดไม่มีส่วนกั้นแบ่งระหว่างห้องครัวกับส่วนนั้งเล่น จัดแบ่งพื้นที่ไว้สองส่วน คือส่วนสำหรับประกอบอาหารและพื้นที่สำหรับตั้งตู้เย็น ครัวเปิดแบบนี้จะต้องระมัดระวังในเรื่องของการประกอบอาหารไม่เหมาะกับการทำอาหารที่มีควันหรือกลิ่นค่ะ พื้นครัวเป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 ซม.ซึ่งเหมาะสมกับการใช้งานสามารถเช็ดถูทำความสะอาดได้ง่าย
โครงการจะมีชุดครัวแบบ Built in ที่เห็นจะเป็นสีตามนี้เลยค่ะ ชิ้นบนและชิ้นล่างเป็นสีลายไม้ โดยผนังครัวจะเป็นผนังฉาบเรียบ เราสามารถกรุกระเบื้องเพิ่มได้ค่ะ เพื่อง่ายต่อการทำความสะอาดเวลาประกอบอาหาร
ส่วนลิ้นชักบนเมื่อดึงออกมาจะมีการแบ่งช่อง Soft Close ของ Blum สำหรับเก็บอุปกรณ์แยกตามขนาดซึ่งโครงการมีให้แบบในรูปเลยนะค่ะ ด้านล่างจะมีช่องสำหรับวางไวโครเวฟ ซึ่งการวางไมโครเวฟในตำแหน่งนี้ทำให้ใช้งานง่ายสำหรับผู้ที่ทำครัวที่ตัวไม่สูงมากสามารถก้มหยิบจับได้ง่าย ทางขวามือแบ่งช่องมีปะตูบานปิด สามารถเก็บของไว้ด้านล่างได้ค่ะ
พื้นที่ส่วนครัวด้านในจะจัดแบ่งพื้นที่ไว้สำหรับวางตู้เย็น มีขนาดประมาณ 60 x 70 ซม. ตำแหน่งตรงนี้ค่อนข้างจะอึดอัดพอสมควรจะย้ายไปไว้ที่อื่นก็ลำบากหน่อยเพราะผังห้องไม่เอื้ออำนวย ด้านบนจะมีชั้นวางของแบบ Built in ปิดผิวด้วยลามิเนต สีเดียวกับชุดครัว สามารถวางของชิ้นเล็กๆ ไม่ใหญ่มากได้
ชุดครัวด้านบนเป็นชุดเตาแบบแม่เหล็กและ Hood ดูดควันของ Siemen พื้นที่อ่างล้างจานและพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารและวางอุปกรณ์ต่างๆ Top ครัวเป็นหินสังเคราะห์ ที่เหมาะสำหรับประกอบอาหาร สามารถเช็ดและทำความสะอาดได้ง่าย
ชุดอ่างล้างจานสี่เหลี่ยมขนาดกลาง 1 ช่อง ของ Kolher ซึ่งจะมีหัวก็อกมาให้ 2 อัน คือ ก๊อกน้ำสำหรับใช้ล้างจานและก๊อกน้ำที่ผ่านระบบการกรองน้ำ สามารรับประทานได้
พื้นที่สำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหาร สามารถวางโต๊ะพร้อมเก้าอี้ชุดเล็กๆ สำหรับทาน 2 คนได้ แต่การจัดโต๊ะรับประทานอาหารแบบนี้เหมาะกับการใช้งานแบบวางอาหารจานเดียวมากกว่า และนั่งหันหน้าชนกันไม่ได้
พื้นที่ส่วนนั้งเล่นอยู่ชิดริมฝั่งระเบียงรับแสงธรรมชาติได้ดี วัสดุปูพื้นเป็นพื้นไม้ Engineer ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีกว่าลามิเนต วัสดุมีความแข็งแรงมากขึ้นและมีความเหมือนไม้จริง ระดับฝ้าที่สูง 2.85 m. ทำให้ห้องดูโปร่งไม่อึดอัด พื้นที่ในส่วนห้องนั้งเล่นสามารถวางโซฟาแบบ 2 ที่นั่งได้ แต่ชุดโซฟาโครงการไม่มีให้นะคะ ผนังกรุผิวกระจกและติดฉากโปร่งด้านหน้าเพื่อความสวยงาม ทำให้พื้นที่ดูกว้างขึ้น อันนี้เราดูไว้เป็นไอเดียในการตกแต่งห้องได้ค่ะ เพราะห้องจริงจะเป็นผนังฉาบปูนเรียบทาสี
ส่วนระยะห่างจากโซฟาถึงตำแหน่งติดตั้งทีวี อยู่ที่ประมาณ 2.35 m. ในระยะประมาณนี้สามารถเลือกทีวีขนาด 46″-52″ ได้ค่ะ ผนังด้านกลังชุดโซฟา เป็นผนัง Movable Partition Wall สามารถเลื่อนออกให้พื้นที่ห้องนั้งเล่นเชื่อมต่อกับส่วนห้องนอนได้ค่ะ
ประตูออกไปสู่ระเบียง เป็นบานกระจก IGU กรอบอลูมิเนียมสีดำ ลักษณะการเลื่อนเป็นแบบ 2 บาน โดยเลื่อนไปชิดรวมกันทางซ้ายมือ ซึ่งเมื่อลองเลื่อนเปิดก็ไม่มีปัญหาในการใช้งาน กระจกที่ติดมาเป็นกระจก Double Glazed เป็นกระจก Heat Straged + กระจกลามิเนต 2 ชั้น คั่นด้วย Air Gap สามารถป้องกันความร้อนและเสียงจากภายนอกได้ค่ะ
มีรางอลูมิเนียมและตัวล็อคประตูบานเลื่อน ระหว่างพื้นห้องกับรางอลูมิเนียมมีตัวจบ เก็บงานเรียบร้อยดีค่ะ
ระเบียงปูผิวด้วย Wood Plastic Composite หรือพื้นไม้สังเคราะห์ ซึ่งจะมีหน้าตาเหมือนไม้จริง แต่ทนทานกว่าในเรื่องการใช้งาน ทนแดดและไม่ซึมน้ำ โดยปูพื้นสูงยกระดับจากระดับพื้นปูนระเบียงด้านล่าง 1.5 ซม. ช่วยเรื่องการระบายน้ำและทำให้ไม่เกิดน้ำขังในพื้นที่ระเบียงค่ะ พื้นที่ระเบียงมีขนาด 3 x 1.5 ม. ซึ่งกว้างพอสมควรค่ะ สามารถตั้งโต๊ะหรือเก้าอี้ชุดเล็กๆไว้ภายนอกได้
ส่วนพื้นที่ระเบียงมีราวระเบียงกระจกสูง 1.25 ม. จะมีก็อกน้ำและปลั๊กไฟแบบป้องกันน้ำไว้ให้อย่างละ 1 จุด ในส่วนของ Compressor ได้ออกแบบให้ไปวางไว้ด้านบนของระเบียง มีจุดเด่นโดยการนำความร้อนจากการเปิดแอร์ไปทำเป็นน้ำอุ่นให้อาบน้ำได้ค่ะ โดยจะมีถังเก็บน้ำอุ่นไว้ของแต่ละห้อง ทำให้ประหยัดไฟไม่ต้องใช้เครื่องทำน้ำอุ่นเลยค่ะ
เดี่ยวไปดูห้องอื่นๆกันต่อค่ะ ทางเดินที่จะไปห้องต่างๆจะเป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 xุ 60 ซม. เหมือนกับส่วนครัว ด้านข้างผนังจะติด Home Automation & Video Door Phone ของ Loxley Bticino เวลามีคนนมาติดต่อเราสามารถดูได้ว่าเป็นใคร และกดอนุญาติให้ขึ้นมาบนห้องเราได้หรือไม่
มาถึงส่วนห้องนอน สามารถตั้งเตียง ขนาด 5 ฟุต หรือ Queen Size ได้เมื่อวางเตียงเข้าไปทำให้เหลือพื้นที่ทางเดินปลายเตียง ประมาณ 80 cm.
ส่วนพื้นที่ด้านข้างเตียง ฝั่งติดกับกระจก จะเหลือพื้นที่ประมาณ 1 m. กว้างและเดินได้สะดวกค่ะ
หน้าต่างกระจกในห้องนอนบานใหญ่จะเป็นบาน fix มีบานเปิดด้านข้างให้ 1 บาน ตัวหน้าต่างเป็น IGU กรอบอลูมิเนียมสีดำเป็นกระจก Heat Straged + กระจกลามิเนต 2 ชั้น คั่นด้วย Air Gap สามารถป้องกันความร้อนและเสียงจากภายนอกได้ ส่วนบานเปิดจะมีที่จับล็อกแบบก้านโยก หน้าต่างบานเปิดค่อนข้างหนา และหนักพอสมควร เวลาเปิดต้องระวังนิดนึงค่ะ
ตู้เสื้อผ้า Built-in เป็นบานเปิด ตัวตู้สูง 2.7 ม. สามารถเก็บชุดยาวๆแล้วมีที่เหลือให้ใส่ของด้านบนล่างได้อีก ตัวตู้จะมีการแบ่งพื้นที่เก็บของแตกต่างกัน มีทั้งแบบเน้นการแขวนเสื้อผ้า และแบบลิ้นชักเพื่อเก็บเสื้อผ้าที่ต้องการพับแยกไว้ให้ ซึ่งตู้นี้ทางโครงการไม่มีให้นะค่ะ พื้นที่ตรงนี้จะเว้าลึกเป็นช่องเข้าไป เหมาะจะวางตู้เสื้อผ้าหรือชั้นวางของขอบตู้จะเสมอพอดีกับขอบผนัง
ส่วนพื้นที่ด้านข้างเตียง ฝั่งติดกับตู้เสื้อผ้า จะเหลือพื้นที่ประมาณ 1 m. เช่นกัน กว้างเพียงพอในเวลาที่เราเปิดตู้เสื้อผ้า และมีพื้นที่เหลือให้ยืนแต่งตัวด้านหน้าตู้เสื้อผ้าได้ค่ะ
ด้านในสุดของห้องจะมีประตูกระจกเชื่อมต่อเปิดไปที่ระเบียงได้ค่ะ ส่วนผนัง Movable Partition Wall สามารถเลื่อนเปิดไปเชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นได้
ห้องน้ำมีการแบ่งส่วนเปียกและส่วนแห้ง วัสดุปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค ผนังกรุกระเบื้องกระเบื้องแกรนิตโต้ เช่นกัน ส่วนฝ้าเพดานเป็นยิปซั่มบอร์ดกันชื้นฉาบเรียบทาสี ให้ชุดอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงาของ Kohler มีตู้สำหรับวางของให้เหนืออ่างและใต้อ่างล้างหน้า
พื้นห้องน้ำลดระดับ 2 cm. ธรณีเป็นแกรนิตทำให้ไม่ต้องกลัวเรื่องความชื้น
เมื่อเปิดประตูห้องน้ำจะมี door stopper ติดอยู่ที่ผนังหลังประตู เพื่อป้องกันบานประตูเปิดมากระทบกำแพง
เหนืออ่างจะเป็นชุดตู้สำเร็จกรุกระจกด้านหน้า สามาถเปิดมาเก็บของชิ้นเล็กๆไม่ใหญ่มากได้ ส่วนชั้นวางของด้านล่างเป็นประตูบานเปิดคู่ 1 ช่อง สามารถเก็บของใช้ภายในห้องน้ำได้ค่ะ
ชุดอ่างล่างหน้าเป็นขนาดกลาง Top หินเทียม จาก Kohler ขนาดประมาณ 90 x 60 cm. อ่างมีพื้นที่รอบๆสำหรับวางของได้ ผนังด้านข้างจะติดปลั้กไฟแบบป้องกันน้ำ สำหรับเสียบไดท์เป่าผม และ Heater controller สำหรับปรับอุณหภูมิน้ำร้อนเย็นในห้องน้ำได้ค่ะ
ชุดโถสุขภัณฑ์ เป็นของ Kohler ซึ่งชุดสุขภัขภัณฑ์ที่ให้มาก็มีขนาดไม่เล็กเกินไป เหมาะสมกับการใช้งาน แต่ตำแหน่งของที่ใส่กระดาษทิทชูจะใช้งานยาก เพราะอยู่ด้านหลัง เวลาจะใช้จะต้องเอี่ยวตัวไปดึงทิชชู ดูลำบากไปหน่อยค่ะ
อุปกรณ์อื่นๆ ได้แก่ สายชำระ และที่ใส่กระดาษทิชชู เป็นของ Kohler
ส่วนอาบน้ำมีบานประตูกระจกมาให้ ฉากกั้นอาบน้ำเป็นบานเปลือยกระจกนิรภัยใสพร้อมอุปกรณ์สแตนเลส ของ Framless พื้นห้องน้ำลดระดับ 1 cm เพื่อป้องกันน้ำไหลซึมมายังส่วนแห้งในห้องน้ำ
พื้นที่ในส่วนเปียกสำหรับยืนอาบน้ำ มีขนาดประมาณ 1.55 x 0.9 ม. ค่อนข้างกว้างพอสมควร มีที่ระบายน้ำเป็นรางยาว สามารถระบายน้ำได้ดี
มาที่ห้องเก็บของ จะอยู่ติดกับห้องน้ำ ตรงข้ามกับห้องนอน พื้นที่ภายในห้องเก็บของมีพื้นที่ประมาณ 1.65 x 2 ม. ปูพื้นด้วยกระเบื้องเกรนิต จะเป็นห้องโล่งมีชั้นสำหรับวางของให้
ห้องเก็บของนี้ออกแบบมาสำหรับวางเครื่องซักผ้าได้ โดยจะมีท่อน้ำและที่ระบายน้ำไว้ให้แล้ว ด้านบนจะเป็นตู้ Breaker ควบคุมระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่งสัญญาณ Internet Wifi ภายในห้อง
ห้องตัวอย่างแบบ 2 Bed ขนาด 81.24 ตารางเมตร ขายเป็นแบบ Fully Fitted ด้วยพื้นที่ของห้องที่มีขนาดใหญ่สามารถจัดแบ่งพื้นที่ให้มีการใช้งานสะดวกสบายไม่อึดอัด ออกแบบให้สามารถดูวิวภายนอกแบบมุมกว้างและรับแสงธรรชาติได้ดี ตัวห้องแบ่งโซนพื้นที่เป็น 6 โซน คือ ห้องน้ำ ครัว ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องเก็บของและระเบียง เมื่อเข้ามาจะเจอกับส่วนครัวเป็นครัวแบบเปิด มี Pantry แบบ Built-in ขนาดพื้นที่ครัวกว้างสามารถใช้งานได้สะดวก และแบ่งพื้นที่เป็นที่เก็บรองเท้าไว้บริเวณทางเข้า มีพื้นที่สำหรับตั้งโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 3-4 คนได้ และเชื่อมต่อไปส่วนห้องนั้งเล่นที่มีกระจกบานใหญ่สามารถมองวิวแบบมุมกว้าง
ในส่วนห้องนอนแบ่งเป็นห้องนอนหลักและห้องนอนรอง สามารถตั้งเตียงนอนขนาด 5 ฟุต หรือ Queen Size มีตู้เสื้อผ้า Built-in ห้องนอนรองสามารถเปิดผนังเลื่อนออกเพื่อเชื่อมต่อไปห้องนั้งเล่น ทำให้ห้องดูกว้างและใช้งานได้มากขึ้น แต่ห้องนอนรองจะมีเสาตั้งขวางอยู่ริมหน้าต่างทำให้จัดพื้นที่การใช้งานในห้องยากหน่อย ถัดไปจะเป็นห้องน้ำซึ่งแยกโซนเปียกโซนแห้งชัดเจน มีห้องเก็บของสามารถตั้งเครื่องซักผ้าได้และเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ส่วนระเบียงกว้างสามารถจัดเป็นที่นั้งเล่นแบบ open air ได้
ประตูทางเข้าเหมือนกับแบบห้องที่แล้วทุกอย่างเลยค่ะ
พื้นทางเข้าสู่ห้องไม่มีธรณีประตูกั้น แต่จะมีต้วจบสแตนเลสเพื่อเก็บรอยต่อของพื้นทั้งสองให้สวยงามเรียบร้อย ส่วนพื้นห้องในส่วนนี้เป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 xุ 60 cm.
เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับส่วนรับแขก ส่วนตั้งโต๊ะรับประทานอาหารและทางขวามือจะเป็นส่วนครัว ห้องดูโปร่งไม่อึดอัดด้วยระยะความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.85 ม.ดวงไฟเป็นแบบดาว์นไลท์ รับแสงธรรมชาติและมองเห็นวิวมุมกว้าง เพราะออกแบบหน้าต่างบานใหญ่สูงตั้งแต่พื้นถึงฝ้า
ในส่วนของประตูมีมือจับแบบก้านโยก ด้านหลังประตูจะมี Door Stopper ติดอยู่ที่พื้น เพื่อป้องกันบานประตูเปิดมากระทบกำแพง พื้นที่บริเวณทางเข้ากว้างประมาณ 1.1 ม.ทางขวามือจะเป็นตู้ Built in สำหรับเก็บของและรองเท้า
บริเวณด้านข้างประตูจะเป็นช่องเว้นเข้าไป แบ่งการใช้งานเป็นที่เก็บรองเท้า เก็บของ และที่สำหรับวางตู้เย็น ตู้ Built-in มีขนาดแต่ละช่องประมาณ 70 x 50 ซม.ซึ่งขนาดตู้เย็นที่สามารถวางในพื้นที่ประมาณนี้ได้ควรมีขนาดไม่เกิน 8.5 คิว
ครัวเป็นครัวแบบเปิดไม่มีส่วนกั้นแบ่งระหว่างห้องครัวกับส่วนนั้งเล่น จัดแบ่งพื้นที่ไว้สองส่วน คือ เคาเตอร์ครัวเป็นรูปตัว L สำหรับสำหรับประกอบอาหารและพื้นที่ตั้งตู้อบและไมโครเวฟ พื้นครัวเป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 xุ 60 cm. ซึ่งเหมาะสมกับการใช้งานสามารถเช็ดถูทำความสะอาดได้ง่าย ครัวเปิดต้องระวังในเรื่องของการประกอบอาหาร ไม่เหมาะกับการทำอาหารที่มีควันหรือกลิ่น พื้นที่ตรงนี้มีจุดน่าเสียดายหน่อยตรงที่อยู่ติดเสาพอดี ถ้าเปลี่ยนจากเสาเป็นช่องวางตู้เย็นได้จะเยี่ยมเลยค่ะ
โครงการจะมีชุดครัวแบบ Built-in ที่เห็นจะเป็นสีตามนี้เลยค่ะ ชิ้นบนและชิ้นล่างเป็นสีลายไม้ เมื่อเปิดตู้ออกมาจะมีช่องสำหรับเก็บของทั้งชั้นบนและล่างให้เลือกตามความเหมาะสมตามการใช้งาน ผนังครัวจะเป็นผนังฉาบเรียบ เราสามารถกรุกระเบื้องเพิ่มได้ค่ะ เพื่อง่ายต่อการทำความสะอาดเวลาประกอบอาหาร
ส่วนลิ้นชักบนเมื่อดึงออกมาจะมีการแบ่งช่อง Soft Close ของ Blum สำหรับเก็บอุปกรณ์แยกตามขนาดซึ่งโครงการมีให้แบบในรูปเลยนะค่ะ ชั้นด้านล่างอีกฝั่งจะมีช่องเป็นชั้นสำหรับวางของต่างๆ มีประตูบานปิดให้เรียบร้อยค่ะ
ชั้นด้านบนเหลือตู้ไมโครเวฟ ก็เป็นตู้ Built in เป็นชั้นเก็บของ แต่ชั้นวางของนี้มีความลึดแค่ประมาณ 15 ซม. จึงวางของชิ้นใหญ่มากไม่ได้นะค่ะ
ชุดไมโครเวฟและเตาอบ เฉพาะในห้องแบบ 2 Bed ทางโครงการมีให้ตามในรูป เป็นของ Siemens ด้านข้างเป็นพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารและวางอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นซอกเข้าไปทำให้ใช้งานลำบากหน่อย Top ครัวเป็นหินสังเคราะห์ ที่เหมาะสำหรับประกอบอาหาร สามารถเช็ดและทำความสะอาดได้ง่าย
ชุดด้านบนเป็นชุดเตาแบบแม่เหล็กและ Hood ดูดควันของ Siemen ซึ่งจะได้เหมือนกันทุกห้องทุกยูนิตค่ะ
ชุดอ่างล้างจานสี่เหลี่ยมขนาดกลาง 2 ช่อง ของ Kolher ซึ่งจะมีหัวก็อกมาให้ 2 อัน เป็นก๊อกน้ำสำหรับใช้ล้างจานและก๊อกน้ำที่สามารรับประทานได้ เพราะจะผ่านระบบการกรองน้ำมาให้แล้วค่ะ
พื้นที่รอยต่อระหว่างห้องนั่งเล่นและพื้นที่ส่วนครัวแต่จะมีต้วจบสแตนเลสเพื่อเก็บรอยต่อของพื้นทั้งสองให้สวยงามเรียบร้อย พื้นในบริเวณห้องนั่งเล่นจะวัสดุปูพื้นเป็นพื้นไม้ Engineer ระหว่างพื้นที่ครัวกับพื้นที่สำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารจะมีช่องทางเดินกว้างประมาณ 90 ซม.
ห้องนั่งเล่นออกแบบให้มีขนาดกว้างจัดชุดโซฟาเป็นตัว L เน้นมองวิวจากหน้าต่างและสามารถนั้งดูทีวีได้ ซึ่งทางโครงการจัดไว้เป็นไอเดียนะคะ ในความเป็นจริงพื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างกว้างเราสามารถเลือกจัดแบบอื่นได้ ซึ่งเพียงพอที่จะวางทั้งชุดโซฟาและโต๊ะกินข้าวแบบ 4 ที่นั้งได้สบายๆเลยค่ะ
หน้าต่างบานใหญ่สูงตั้งแต่พื้นถึงฝ้า และเป็นกระจก Double Glazed เป็นกระจก Heat Straged + กระจกลามิเนต 2 ชั้น คั่นด้วย Air Gap สามารถป้องกันความร้อนและเสียงจากภายนอกได้ค่ะ ด้วยขนาดและความสูงของกระจกจึงรับแสงได้ดี ตอนกลางวันแทบไม่ต้องเปิดไฟแค่เปิดม่านก็สว่างทั่วห้องแล้วค่ะ ด้านข้างมีประตูกรอบอลูมิเนียมกระจก สามารถเปิดไประเบียงของห้องนอนใหญ่ได้
จุดเด่นของห้องนี้อีกอย่างหนึ่งคือ ส่วนผนัง Movable Partition Wall สามารถเลื่อนเปิด เชื่อมต่อพื้นที่ห้องนั้งเล่นและห้องนอนรองได้ เมื่อเปิดออกทำให้พื้นที่ภายในห้องดูกว้างและโปร่งมากขึ้น และเห็นวิวแบบ 180 องศาแบบมุมกว้างเชื่อมต่อกันทั้ง 2 ห้อง แต่หากต้องการปรับเปลี่ยนการใช้งานเพื่อความเป็นส่วนตัวก็สามารถเลื่อนมาปิดได้ แต่ไม่สามารถเจาะแขวนอุปกรณ์หรือทีวีได้นะค่ะ
ผนัง Movable Partition Wall จะมีรางเลื่อนจะติดไว้ด้านบน เมื่อเก็บบานเลื่อนจะไม่มีรางให้เดินสะดุดที่พื้น ออกแบบให้เวลาเลื่อนเก็ยสามารถพับทำมุม 90 องศาขนานไปกับผนังห้อง จึงไม่เสียพื้นที่ด้านข้างเวลาเปิดออกจนสุด
มีกลไกภายในเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน คือเมื่อเลื่อนผนังต่อกันแล้วจะมีช่องสลักให้ใส่อุปกรณ์ช่วยหมุนล็อคผนังให้ชิดติดกันแข็งแรง และเป็นการเลื่อนขอบด้านล่างสุดให้ชิดกับพื้นเพื่อป้องกันเสียงและอากาศลอดออกมาได้
ไปดูห้องอื่นกันต่อค่ะ เนื่องจากแปลนแบบ 2 Bed ที่ทางโครงการให้จะมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งประตูทางเข้าห้องนอนรอง ซึ่งในห้องจริงจะย้ายมาอยู่ตรงข้ามกับห้องเก็บของนะค่ะ เริ่มจากทางด้านซ้ายมือของตัวห้องจะประกอบด้วย ห้องนอนรอง ห้องน้้ำและห้องเก็บของ ทางเดินที่จะไปห้องต่างๆจะเป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 ซม. เหมือนกับส่วนครัว ด้านข้างผนังจะติด Home Automation & Video Door Phone ซึ่งทางโครงการจะมีให้ห้องละ 1 ตำแหน่ง
มาถึงห้องนอนรอง จัดเตียงนอนไว้ชิดริมหน้าต่างและจัดพื้นที่ด้านข้างเป็นโต๊ะทำงานชิดกระจก ซึ่งในห้องจริงจะไม่ได้จัดให้แบบนี้นะคะ ซึ่งด้วยขนาดห้องแล้วสามารถตั้งเตียง ขนาด 5 ฟุต หรือ Queen Size ได้ค่ะ จะเห็นว่าห้องนี้มีเสาอยู่ตรงกลางเป็นข้อเสียในการวางผังพอสมควรการวางเตียงเลยต้องวางแบบไม่มีที่เดินรอบๆเลยตรงนี้อาจต้องจ้างให้ Interior ช่วยดูเรื่องการวางผังจะดีกว่าคะ
ห้องนอนนี้สามารถเปิดขยายพื้นที่การใช้งาน โดยเลื่อนผนัง Movable Partition Wall ที่อยู่กั้นอยู่ เปิดไปเชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนั้งเล่นได้ ด้านข้างของเตียงนอนจัดวางเป็นโซฟาขนาดเล็กไว้ซึ่งทางโครงการไม่มีให้นะค่ะจะเป็นห้องโล่งๆ สามาถเปลี่ยนเอาตู้หรือโต๊ะเครื่องแป้งขนาดไม่ใหญ่มากมาตั้งแทนได้ค่ะ
ตู้เสื้อผ้า Built-in เป็นบานเปิด ตัวตู้จะสูงถึงฝ้าเพดาน ชั้นบนสุดของตู้ก็ใช้เก็บของต่างๆได้ จะมีการแบ่งพื้นที่เก็บของแตกต่างกัน มีทั้งแบบเน้นการแขวนเสื้อผ้า และแบบลิ้นชักเพื่อเก็บเสื้อผ้าที่ต้องการพับแยกไว้ให้ค่ะ ซึ่งตู้นี้ทางโครงการไม่มีให้นะค่ะ
ห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำกลางของห้อง สำหรับใช้รับแขกและเป็นห้องน้ำของห้องนอนรอง ภายในจัดแบ่งการใช้งานส่วนเปียกและส่วนแห้ง วัสดุปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค ผนังกรุกระเบื้องกระเบื้องแกรนิตโต้ เช่นกันให้ชุดอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงามีตู้สำหรับวางของให้เหนืออ่างและใต้อ่างล้างหน้า
พื้นห้องน้ำลดระดับ 2 cm. ยกพื้นจบระหว่างพื้นห้องน้ำและห้องนอนปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้
อ่างล้างหน้าและตู้กระจกใส่ของจะเหมือนกันกับห้องน้ำในห้องนอนหลักค่ะ แต่จะไม่มี Heater controller สำหรับปรับอุณหภูมิน้ำร้อนเย็นภายในห้องน้ำให้ค่ะ
ชุดโถสุขภัณฑ์ อุปกรณ์อื่นๆ ได้แก่ สายชำระ และที่ใส่กระดาษทิชชู โดยตำแหน่งและอุปกรณ์จะเหมือนกับห้องน้ำในห้องนอนหลัก
ส่วนอาบน้ำมีบานประตูกระจกมาให้ ฉากกั้นอาบน้ำเป็นบานเปลือยกระจกนิรภัยใสพร้อมอุปกรณ์สแตนเลส พื้นที่ในส่วนเปียกสำหรับยืนอาบน้ำ มีขนาดประมาณ 1.55 x 0.9 ม. มีที่ระบายน้ำเป็นรางยาว สามารถระบายน้ำได้ดี พื้นห้องน้ำส่วนเปียกจะลดระดับ 1 cm เพื่อป้องกันน้ำไหลซึมมายังส่วนแห้งในห้องน้ำ
อุปกรณ์ชุดอาบน้ำแบบ Rain Shower Ceiling Hang ผนังด้านข้างเจาะเป็นช่องไว้สำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำ
มาดูห้องเก็บของกันค่ะ จะอยู่ติดกับห้องน้ำ ตรงข้ามกับห้องนอน พื้นที่ภายในห้องเก็บของมีพื้นที่ประมาณ 1.6 x 1.1 ม. ปูพื้นด้วยกระเบื้องเกรนิต พร้อมพัดลมระบายอากาศและให้ไฟแบบ Downlight
สามารถตั้งเครื่องซักผ้าและเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ปูพื้นกระเบื้องและมีท่อสำหรับระบายน้ำทิ้งไว้ให้ค่ะ ด้านบนจะเป็นชั้นวางของและติดตู้ Breaker ควบคุมระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่งสัญญาณ Internet Wifi ไว้ที่ผนังภายในห้องเก็บของ
มากันที่ห้องนอนใหญ่จะอยู่ทางฝั่งขวามือของห้อง จัดพื้นที่ไว้กว้างพอสมควรค่ะ สามารถวางเตียง ขนาด 5 ฟุต หรือ Queen Size ได้ยังมีพื้นที่เหลือให้วางตู้หรือชั้นวางของเล็กๆข้างเตียง แต่ถ้าจะเปลี่ยนเป็นเตียง 6 ฟุตก็ยังพอได้อยู่แต่โต๊ะวางหัวเตียงจะวางได้แค่ฝั่งเดียว บริเวณผนังติด wallpaper และวัสดุตกแต่งไว้ซึ่งห้องจริงจะไม่มีให้ค่ะ
เมื่อตั้งเตียงไว้ตรงกลางห้องนอนแล้วจะมีระยะด้านข้างทางเดินฝั่งประตูประมาณ 1.5 ม. ส่วนฝั่งด้านติดหน้าต่างประมาณ 70 ซม. กว้างและเดินได้สะดวกค่ะ
ในห้องตัวอย่างโครงการตกแต่งเพิ่มเติมโดยปลายเตียงเป็นเป็นผนังไม้เอียงเป็นมุมโค้ง มีช่องสำหรับใส่ทีวีไว้ให้ค่ะ หน้าต่างภายในห้องนอนเป็นหน้าต่างบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียมสีดำ สามารถป้องกันความร้อนและเสียงจากภายนอกได้เหมือนกับห้องนั่งเล่นค่ะ
ส่วนของพื้นที่ทางเดินหน้าเตียงจะเอียงเป็นวงโค้ง กว้างประมาณ 0.80 – 1 m. โดยทางโครงการได้จัดเป็นโต๊ะทำงานเล็กไว้ ซึ่งห้องจริงจะไม่มีให้นะค่ะ เราสามารถจัดพื้นที่ตรงนี้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ เพราะจะมีตำแหน่งปลั๊กไฟไว้ให้แล้วค่ะ
ตู้เสื้อผ้า Built-in เป็นบานเปิด ตัวตู้จะสูงถึงฝ้าเพดาน ออกแบบให้ใช้งานเต็มพื้นที่ ชั้นบนสุดของตู้ก็ใช้เก็บของต่างๆได้ จะมีการแบ่งพื้นที่เก็บของแตกต่างกัน มีทั้งแบบเน้นการแขวนเสื้อผ้า และแบบลิ้นชักเพื่อเก็บเสื้อผ้าที่ต้องการพับแยกไว้ให้ค่ะ ซึ่งตู้นี้ทางโครงการไม่มีให้
ระเบียงปูผิวด้วยไม้สังเคราะห์สูงยกระดับจากพื้นปูนระเบียงด้านล่าง 1.5 ซม. ช่วยเรื่องการระบายน้ำและทำให้ไม่เกิดน้ำขังในพื้นที่ระเบียงค่ะ พื้นที่ระเบียงมีขนาด 3 x 1.5 m. ซึ่งกว้างพอสมควรค่ะ
ส่วนพื้นที่ระเบียงมีราวระเบียงกระจกสูง 1.25 ม. มีก็อกน้ำและปลั๊กไฟแบบป้องกันน้ำไว้ให้อย่างระ 1 จุด ในส่วนของ Compressor ได้ออกแบบให้ไปวางไว้ด้านบนของระเบียงช่วยให้ไม่บังวิวเวลามองจากห้องนอนไปด้านนอก พื้นที่ระเบียงสามารถตั้งโต๊ะเก้าอี้แบบภายนอกเล็กๆได้ค่ะ
ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ มีการแบ่งส่วนเปียกและส่วนแห้ง วัสดุปูพื้นและผนังจะเหมือนกันทุกห้องค่ะ ส่วนฝ้าเพดานเป็นยิปซั่มบอร์ดกันชื้นฉาบเรียบทาสี ให้ชุดอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงาของ Kohler มีตู้สำหรับวางของให้เหนืออ่างซึ่งเป็นกระจกเงาในตัวและชั้นวางของใต้อ่างล้างหน้า
พื้นห้องน้ำลดระดับ 2 cm. ยกพื้นจบระหว่างพื้นห้องน้ำและห้องนอนปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้
เหนืออ่างจะเป็นชุดตู้สำเร็จกรุกระจกด้านหน้า ภายในตู้เก็บของชิ้นเล็กๆไม่ใหญ่มากได้ ส่วนชั้นวางของด้านล่างเป็นช่องแบบเปิดโล่ง ไว้เก็บของใช้ภายในห้องน้ำ
ชุดอ่างล่างหน้าเป็นขนาดกลาง Top หินเทียม และชุดอุปกรณ์ก๊อกน้ำ จาก Kohler พร้อมปลั้กไฟแบบป้องกันน้ำ สำหรับเสียบไดท์เป่าผม และ Heater controller สำหรับปรับอุณหภูมิน้ำร้อนเย็นในห้องน้ำได้
ชุดโถสุขภัณฑ์ อุปกรณ์อื่นๆ ได้แก่ สายชำระ และที่ใส่กระดาษทิชชู เป็นของ Kohler โดยตำแหน่งและอุปกรณ์จะเหมือนกับห้องน้ำในห้อง 1 Bed
ส่วนอาบน้ำมีบานประตูกระจกมาให้ ฉากกั้นอาบน้ำเป็นบานเปลือยกระจกนิรภัยใสพร้อมอุปกรณ์สแตนเลส พื้นที่อาบน้ำขนาด 0.9 x 1.75 m. พื้นห้องน้ำลดระดับ 1 cm เพื่อป้องกันน้ำไหลซึมมายังส่วนแห้งในห้องน้ำ
ชุดอ่างอาบน้ำทรงสี่เหลี่ยม ขนาด 80 x 110 cm. สำหรับใช้คนเดียว
อุปกรณ์ชุดอาบน้ำแบบ Rain Shower Ceiling Hang ของ Kohler ผนังด้านข้างเจาะเป็นช่องไว้สำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำ
ชุดอุปกรณ์ก๊อกน้ำแบบ ก๊อกผสมอ่างอาบน้ำพร้อมฝักบัว สำหรับใช้ในอ่างอาบน้ำ ของ Kohler
อุปกรณ์อื่นในห้องน้ำที่มีให้ เช่น ราวแขวนผ้าเช็ดตัว , พัดลมระบายอากาศ , ตำแหน่งระบายน้ำ , หัวดับเพลิง Sprinkler และให้ไฟแบบ Downlight
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 1 October 2015
- 1 Bed Model B ชั้น 44 ห้อง 44-105 เนื้อที่ 46.48 ตร.ม. ราคา 6.63 ล้านบาท หรือ 142,980 บาท/ตร.ม.
- 1 Bed Model 1C ชั้น 25 ห้อง 25-106 เนื้อที่ 57.08 ตร.ม. ราคา 8.33 ล้านบาท หรือ 146,065 บาท/ตร.ม.
- 2 Bed Model 2D ชั้น 28 ห้อง 28-204 เนื้อที่ 79.09 ตร.ม. ราคา 11.95 ล้านบาท หรือ 151,204 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted
- เพดานสูง 2.85 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- Shuttle Bus
- จอง 50,000 บาท
- ทำสัญญา 10-20%
- ค่ากองทุน 600 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 40 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ Circle Living Prototype อยู่ในทำเลที่ค่อนข้างดีสำหรับถนนเพชรบุรี เพราะสามารถเข้าเมืองไปสุขุมวิทได้ไม่ยากเพราะโครงการอยู่ใกล้กับซอยนานาความอุดมสมบูรณ์รอบโครงการถ้าในระยะประชิดก็ยังมีร้านสะดวกซื้อร้านอาหารประปรายเพราะเป็นย่านสำนักงาน ในช่วงกลางวันจะคึกคักไปด้วยพนักงานออฟฟิส แต่หากมองภายกว้างในระยะ 500 ม. – 1 กม. ถือว่าสะดวกสามารถเดินทางไปห้างสรรพสินค้าสำคัญๆ ตามแนวถนนถนนชิดลมและแยกเพลินจิตได้ ด้วยทำเลของพื้นที่เพชรบุรีมีแนวโน้มจะเติบโตด้านที่อยู่อาศัยและพาณิชย์ได้อีกเพราะยังพื้นที่ว่างเหลือ ทำให้ย่านนี้เป็นย่านที่มีศักยภาพมีโอกาสเติบโตคู่ขนานไปกับถนนเส้นสุขุมวิท ส่วนเรื่องการเดินทางจัดว่าสะดวกเพราะสามารถเดินทางก็มีทาลัดไปเชื่อมต่อสุขุมวิทได้หลายทาง จะไปสยาม ราชประสงค์ ชิดลม อโศก พร้อมพงษ์ หรือไปย่านรัชดา พระราม9 ได้สะดวกเช่นกัน
การเดินทางโดยใช้รถถือว่าสะดวก สามารถเข้าถึงได้จากหลากหลายเส้นทาง หรือจะไปยังที่ต่างๆได้หลากหลายเช่นกัน เมื่อผ่านแยกมิตรสัมพันธ์ ซึ่งไปได้ทั้งพญาไท หรือจะไปเลี้ยวเข้าซอยนานา ถนนวิทยุหรือชิดลม เพื่อเข้าสู่ย่านกลางเมืองสุขุมวิท หรือตัดเข้าเส้นพระรามเก้า เพื่อไปรัชดาภิเษก สามารถไป อโศก-เพชรบุรี วิ่งตรงไปออกพัฒนาการ หรือจะไปบางนาก็ใช้ได้ทั้งเส้นสุขุมวิทและเพชรบุรี มีทางด่วนให้ขึ้นใกล้ๆกับแยกวิทยุ-เพชรบุรี สามารถเลือกได้ตามความต้องการตามเป้าหมายในการเดินทางได้หลากหลาย
ส่วนการเข้าออกโครงการจะมีอยู่ 2 จุดที่ลำบากหน่อย เพราะถนนเพชรบุรีมีความกว้างมากและไม่มีเกาะกลางการจะเลี้ยวตัดถนน 4 เลนค่อนข้างอันตรายเกินไปแต่ยังดีที่มีถนนกำแพงเพชร 7 มาช่วยให้ไม่ต้องไปกลับรถไกล จุดแรกถ้ามาจากนอกเมืองมุ่งหน้าประตูน้ำจะเลี้ยวขวาไม่ได้ตรงนี้ต้องไปเข้าถนนกำแพงเพชร 7 ก่อนแล้ววนมาเข้าเพชรบุรีขาออกอีกที จุดที่ 2 คือถ้าจะออกจากโครงการไปประตูน้ำต้องไปกลับรถใต้สะพานที่แยกอโศกเพชรก่อน
การเดินทางโดยไม่ใช้รถจะมีรถไฟใต้ดิน MRT สถานีเพชรบุรี เป็นสถานีใกล้ที่สุดระยะห่างจากโครงการประมาณ 850 ม. หรือเดินต่อไปอีก 400 ม. ก็ไปใช้รถไฟฟ้า Airport Link สถานีมักกะสันได้ กรณีจะเข้าเมืองทางฝั่งสุขุมวิท รถไฟฟ้า BTS สถานีนานา จะเป็นสถานีที่ใกล้ที่สุด อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1.3 กม. ซึ่งไกลเกินจะเดิน อาจจะต้องใช้บริการรถสาธารณะ จะเห็นว่าข้อเสียของโครงการนี้คือไม่ได้อยู่ติดรถไฟฟ้าในระยะเดินสบายๆ ดังนั้นจะเหมาะกับการใช้รถเป็นหลักมากกว่ายกเว้นว่าเป็นคนขยันเดินก็ไม่มีปัญหา หรือถ้าจะเอาสะดวกหน่อยก็ต้องใช้บริการรถสาธารณะอื่นๆอีกต่อก็ช่วยได้พอสมควร
การออกแบบของโครงการจากที่ดินประมาณ 4-1-27 ไร่ จัดวางผังอาคารไว้เต็มพื้นที่ของที่ดิน จัดห้องได้ 466 ยูนิต เทียบดูในแต่ละชั้น จะมีจำนวนห้องสูงสุดอยู่ที่ 15 ห้องต่อชั้น ซึ่งก็ดูแล้วไม่หนาแน่นไป แบ่งพื้นที่หลักๆในโครงการออกเป็น 3 ส่วน คือส่วนพื้นที่สำหรับจอดรถ พื้นที่ส่วนกลาง และพื้นที่สำหรับที่พักอาศัย วางผังโครงการให้พื้นที่ส่วนกลางส่วนใหญ่อยู่ที่ชั้น 5 ทำให้สะดวกในการมาใช้งานและการดูแลความเรียบร้อย การออกแบบรูปลักษณ์อาคารดูทันสมัย ด้วยความสูง 52 ชั้น จัดเป็นโครงการที่สูงที่สุดในย่านนี้ ทำให้ได้วิวและมุมมองเปิดกว้าง การนำเทคโนโลยีต่างๆ เช่นการนำที่จอดรถอัตโนมัตมาใช้เพื่อเพิ่มพื้นที่จอดรถ หรือการออกแบบให้เป็นอาคารพักอาศัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การนำน้้ำเสียกลับมาบำบัดใช้ใหม่รดน้ำต้นไม้ในโครงการ การผลิตน้ำอุ่นสำหรับอาบน้ำจากความร้อน Compressor แอร์ หรือระบบกรองน้ำดื่มที่สามารถเปิดใช้จากก็อกน้ำภายในห้องได้ จัดเป็นอาคารพักอาศัยที่มีจุดเด่นและแนวคิดที่ดีมากๆค่ะ
ในส่วนของการออกแบบและจัดพื้นที่ห้องพักอาศัย โครงการจะเน้นไปที่ห้องที่มีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 47 ตร.ม.ขึ้นไป จึงทำให้สามารถจัดพื้นที่ใช้งานภายในห้องได้ดีและด้วยความสูงพื้นถึงฝ้าที่ 2.85 ม. ทำให้ห้องดูโปร่งไม่อึดอัด การออกแบบห้องแบบหน้ากว้างและการใช้หน้าต่างกระจกบานใญ่แต่ป้องกันความร้อนได้ทำให้รับแสงและวิวได้ดี พื้นที่บริเวณครัวมีการแบ่งพื้นที่โดยปูกระเบื้องให้ซึ่งเหมาะสมกับการใช้งาน ห้องนอนและห้องนั่งเล่นไม่แคบจนเกินไปมีพื้นที่ทางเดินเหลือ ให้ตั้งตู้หรือชั้นวางของอื่นๆได้ ห้องน้ำมีการแบ่งส่วนเปียกแห้ง ระเบียงกว้างใช้งานได้จริงและมีห้องเก็บของที่วางเครื่องซักผ้าได้ โดยรวมจัดพื้นที่ได้ลงตัวเหมาะกับการใช้งาน
แต่ก็ยังมีบางพื้นที่ที่ต้องระมัดระวังในการใช้งาน เช่น พื้นที่ห้องครัวที่เป็นครัวเปิดเหมาะกับการทำอาหารเบาๆมากกว่าไม่เหมาะกับการทำอาหารที่มีกลิ่นและควันเยอะๆ พื้นที่ในส่วนรับประทานอาหารก็ไม่สามารถวางโต๊ะนั่งหันหน้าชนกันได้ อาจต้องลดขนาดโซฟาหรือจัดวางใหม่เพราะความจริงพื้นที่ห้องที่ให้มาก็ไม่ได้แคบมาก และตำแหน่งกระดาษชำระในห้องน้ำที่ไปอยู่ทางด้านหลังต้องเอี่ยวตัวเวลาหยิบใช้ลำบากไปหน่อย ส่วนจุดที่ถือว่าออกแบบมาไม่ดีมีจุดบอดอย่างเห็นได้ชัดคือตรงตู้เย็นห้อง 1 Bed ที่ดูอึดอัดและเสียพื้นที่ใช้งานไปพอสมควร หรือห้องนอนเล็กของแบบ 2 Bed ที่มีเสาตั้งอยู่เกือบกลางห้องเลยจัดผังลำบากพอสมควร
วัสดุอุปกรณ์ของที่ให้มา ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แต่เนื่องจากทำเลโครงการไกลรถไฟฟ้าโครงการเลยเน้นวัสดูและการออกแบบมา Trade-off กันไป ทางโครงการเลือกปูพื้นด้วย Engineer ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดี วัสดุมีความแข็งแรงและมีความเหมือนไม้จริง แต่โครงการขายห้องแบบ Fully Fitted ถือว่าให้น้อยแต่เหมาะกับลูกค้าที่ชอบแต่งห้องเอง ที่โครงการมีให้คือชุดครัวและชุดอุปกรณ์ต่างๆภายในห้องน้ำ ในส่วนของชุดอุปกรณ์ต่างๆที่ได้ Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์ เหมาะกับการประกอบอาหาร สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ส่วน Hob กับ Hood ของ Siemen ชุดสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำของ Kohler พร้อมอุปกรณ์ชุดอาบน้ำของ Kohler มีอุปกรณ์เสริมการใช้งานอื่นๆให้ เช่น Home Automation & Video Door Phone, Heater controller หน้าต่างกระจกสองชั้นลดความร้อนป้องกันเสียง ซึ่งเหมาะกับห้องที่ต้องการเน้นเห็นวิวจากหน้าต่างกระจก ห้องจะได้ไม่ร้อนและเงียบจากสิ่งรบกวนภายนอก และฉากบานเลื่อนสำหรับปรับเปลี่ยนการใช้งานในห้อง ในส่วนของควรเรียบร้อยอื่นๆภายในห้องถือว่าเก็บงานได้เรียบร้อยดี
สาธารณูปโภคของโครงการนี้ส่วนใหญ่จัดไว้ที่ชั้น 5 และบางส่วนที่ชั้น 52 มี Facility ให้เลือกหลากหลายตามวัยและความต้องการของผู้อยู่อาศัย สระว่ายน้ำระบบ UV ที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน มีห้องน้ำ ห้องSauna – Steam แยกชายหญิง ส่วนพื้นที่รอบๆจะเป็นสวนและ Jogging Track เหมาะกับคนที่ต้องการวิ่งแล้วได้อากาศปลอดโปร่งแสงแดดจริง ชั้น 52 มี Sky Lounge เป็นจุดที่เห็นวิวเมืองแบบมุมกว้างเกือบรอบทิศทาง ลิฟท์โดยสาร 5 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 93.2 : 1 ถือว่าค่อนข้างหนาแน่นไปนิดเมื่อเทียบกับระดับราคา
สำหรับราคาห้องจะเห็นว่าราคาต่อตารางเมตรมีช่วงที่ห่างกันค่อนข้างเยอะมาก ซึ่งในปัจจุบันราคาขายจะอยู่ที่ 140,000 บาท/ตร.ม. ขึ้นไปหมดแล้วดังนั้นการให้คะแนนจะถือเอาราคาเฉลี่ยน ณ ปัจจุบันเป็นเกณฑ์นะคะ ถ้าใครซื้อไว้ตั้งแต่ราคาประมาณ 100,000 ก็บวกคะแนนกันได้เองเลยนะคะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 145,000 บาท/ตร.ม., 1 October 2015
- ทำเล 7.5/10 – ทำเลติดถนนใหญ่ เดินทางสะดวกเข้าเมืองง่าย ปัจจุบันยังไม่เด่นแต่มีศั
กยภาพในอนาคต - เดินทางด้วยรถ 8.0/10 -เดินทางสะดวก เชื่อมต่อไปได้หลายเส้นทาง ทางเลี่ยงทางลัดเยอะ ใกล้ทางด่วน
- ไม่ใช้รถ 7.0/10 – มีให้เลือกใช้หลากหลาย แต่ระยะเดินไกลรถไฟฟ้าไปสักนิ
ดสำหรับราคานี้ - วัสดุ 9.0/10 – ใช้วัสดุพื้นฐานดี มีการเลือกใช้วัสดุประหยัดพลั
งงาน และมี innovation หลายอย่าง - แบบ 7.75/10 – โครงการออกแบบทันสมัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่แบบห้องยังมีจุดที่ใช้งานยาก
- สาธารณูปโภค 9.0/10 – มีความหลากหลายและน่าใช้งาน มี sky lounge ที่ทำมาให้ดีมาก
- LUXURY CLASS
- 7.89 / 10.00
BOTTOM LINE
Circle Living Prototype เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใกล้ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ใกล้แหล่งธุรกิจและย่านช็อปปิ้ง มีรถส่วนตัว ต้องชอบเดินถ้าจะใช้รถไฟใต้ดินหรือสะดวกที่จะใช้บริการรถสาธารณะอีกต่อ ต้องการที่อยู่อาศัยที่ประหยัดพลังงานเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและทันสมัย ได้วิวเปิดโล่ง มี Facility ที่หลากหลายให้เลือกใช้ ระดับราคาถือว่าสูงสำหรับในย่านนี้ ใครที่สนใจคงต้อง มีงบประมาณ 6.6 – 11 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 46,000-84,000 บาท ลองพิจารณากันดูนะค่ะ
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )