รีวิวฉบับที่ 1940 … หลังจากที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ทำเลจรัญสนิทวงศ์ก็มีคอนโดทยอยเปิดตัวกันเรื่อยๆ ซึ่งวันนี้เราจะพาไปรีวิวโครงการ Chewathai Hallmark จรัญฯ13 คอนโด Low Rise ตั้งอยู่ในซอยจรัญฯ13 หรือ ที่คนแถวนี้เรียกกันว่าซอยพาณิชยการธนบุรี หรือ ซอยพาณิชย์ฯธน ห่างจากสถานีจรัญฯ13ประมาณ 450 เมตร ถือว่าเป็นคอนโดขายพร้อมเฟอร์ฯที่เดินไปรถไฟฟ้าได้ ในราคา 2 ล้านต้นๆ และยังเป็นทำเลที่หาของกินได้สะดวกอีกด้วย เราไปชมกันค่ะ
Fact @ 10 September 2019
- Chewathai Hallmark Charan 13 (ชีวาทัย ฮอลล์มาร์คจรัญฯ13)
- บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน)
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : บนถนนจรัญสนิทวงศ์ เขตบางกอกใหญ่
- ที่ดินประมาณ 1-1-76 ไร่
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 184 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 28 ยูนิตที่ชั้น 2-7
- ที่จอดรถประมาณ 62 คัน คิดเป็น 34% ไม่รวมจอดซ้อนคัน (ถ้ารวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 40%)
- เริ่มก่อสร้าง : ธันวาคม 2561
คาดว่าจะแล้วเสร็จ : มีนาคม 2563สร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Update 10/04/63)- 1 Bedroom 26.00 – 33.00 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus 39.00 ตร.ม.
- 2 Bedroom 44.40 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.99ล้านบาท
(ราคา promotion)(Update 10/04/63) - ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 80,000 บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1260
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด Google Maps : 13.740839, 100.466748
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
Chewathai Hallmark จรัญฯ13 ตั้งอยู่ในซอยจรัญฯ13 (ซอยพาณิชย์ฯธน) ห่างจากสถานีจรัญฯ13ประมาณ 450 เมตร ทำเลนี้จัดได้ว่ามีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว เพราะถือว่าเป็นทำเลที่หาอะไรทานได้ง่ายมากๆ ไม่ว่าจะเป็น Street Food ในซอย หรือถ้าต้องการที่ Shopping ก็มีให้เลือกทั้งแบบที่เป็นศูนย์การค้าที่กระจุกตัวอยู่บริเวณถนนบรมราชชนนี ย่านปิ่นเกล้าอย่างเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า , เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ปิ่นเกล้า Community mall อย่าง The Sense ปิ่นเกล้า และมี Hypermarket ทั้ง Tesco Lotus , Makro , HomePro แต่ส่วนตัวคิดว่าจุดเด่นสุดน่าจะเป็นเรื่องของตลาด ที่มีตลาดชื่อดังอยู่ในรัศมี 2-3 กม. อย่าง ตลาดบางขุนศรี ตลาดบางขุนนนท์ ตลาดวังหลัง ส่วนในซอยจรัญฯ13 ก็มี ตลาดตรงข้ามวัดวิจิตร ,ตลาดพรานทอง ให้เลือกเดินหาของกินราคาเบาๆสบายกระเป๋ากันได้
เจ้าซอยซอยพาณิชย์ฯธนนี้ถ้าตรงเข้าไปเรื่อยๆจะไปโผล่ถนนราชพฤกษ์ซึ่งเป็นเส้นที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงเช่นเดียวกัน มีร้านอาหารอร่อยๆค่อนข้างเยอะรวมถึง Community mall ด้วย นอกจากนี้ยังใกล้โรงพยาบาลดังอย่างศิริราช มหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) หรือจะเข้าไปทำงานในเมืองทั้งย่านสาทร ก็สามารถไปทางเรือได้
มาดูการใช้ถนนหนทางกัน สำหรับตัวโครงการ Chewathai Hallmark จรัญฯ13 ตั้งอยู่ในซอยจรัญฯ13 บนถนนหลักจรัญสนิทวงศ์ ระหว่างแยกไฟฉายกับแยกท่าพระ การเดินทางด้วยรถส่วนตัวนับว่าอยู่ในจุดที่สามารถไปไหนมาไหนได้สะดวกมาก มีเส้นทางลัดเลาะได้หมด ถ้าจะข้ามเมืองฝั่งพระนครก็สามารถใช้สะพานที่อยู่ใกล้สุดคือสะพานพระปิ่นเกล้า, สะพานพระราม 8, สะพานพระปกเกล้า, สะพานตากสิน และทีเด็ดคือซอยจรัญฯ 13 สามารถลัดออกไปถนนราชพฤกษ์และถนนกาญจนาภิเษกได้ ถือเป็นไม่กี่ซอยบนถนนจรัญฯที่ใช้เป็นเส้นทางลัดได้ เดิมแค่ซอยจรัญฯ 13 เส้นเดียวจะมีการจราจรที่ติดขัดสาหัสมาก แต่ตอนนี้มีถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย4 ที่ตัดเข้าหาถนนราชพฤกษ์เพิ่มมาอีกเส้นทางหนึ่งเพื่อช่วยเพิ่มทางลัดอีกเส้นทางค่ะ
สำหรับใครที่ทำงานย่านสีลมสาทรแล้วอยากหาคอนโดที่ราคาไม่สูงมากแต่ยังเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสะดวกอยู่ ทำเลนี้ถือเป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกนะเพราะถ้ารถไฟฟ้าสายนี้เสร็จก็สามารถนั่งไป interchange เพื่อไปทำงานในเมืองได้สะดวก
ในส่วนการเดินทางด้วยระบบสาธารณะนั้นถือว่าสะดวกพอสมควร สำหรับรถไฟฟ้าที่ใกล้โครงการมากที่สุด คือ จรัญฯ 13 อยู่ในระยะเดินเพียง 450 ม. ซึ่ง ตอนนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วง บางซื่อ – ท่าพระ กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าน่าจะเปิดให้ใช้กันประมาณปี 2563
และอีกสถานีหนึ่งที่อยู่ถัดมาด้านล่าง ก็คือ สถานีท่าพระ ซึ่งสถานีนี้มีความพิเศษตรงที่เป็นสถานี Interchange โดยในอนาคตอีกสักระยะหนึ่งจะมีสถานีร่วมกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค ที่บางสถานีเพิ่งเปิดให้บริการกันไป นอกจากนี้จากที่ตั้งของโครงการยังสามารถเรียกรถสาธารณะได้ง่าย ทั้งรถสองแถว รถมอเตอร์ไซค์ เดินออกไปถนนใหญ่นิดเดียวก็เรียกรถเมล์และTaxi ได้ เนื่องจากซอยจรัญฯ13 เป็นซอยลัดจึงมีรถวิ่งผ่านอยู่ตลอดเวลาค่ะ
อย่างที่บอกว่าถ้าเรานั่งรถไฟฟ้าจากสถานีจรัญฯ13 จะสามารถ interchange เข้าเมืองได้ ดังนั้นจึงขอให้ความรู้เกี่ยวกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายกันสักนิดนึงนะคะ รถไฟฟ้าสายนี้แบ่งออกเป็น 2 ช่วงได้แก่ ช่วงบางซื่อ – ท่าพระ (โครงการเราอยู่ช่วงนี้นะ) และ ช่วงหัวลำโพง – บางแค ถ้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมด เส้นทางการเดินรถจะวิ่งวนครอบคลุมพื้นที่ใจกลางเมืองที่สำคัญๆ เชื่อมฝั่งธนบุรีและฝั่งพระนครเข้าด้วยกัน เน้นอำนวยความสะดวกให้กับคนในเมือง ถือว่าเป็นรถไฟฟ้าสายเดียวในประเทศไทยในตอนนี้ที่วิ่งเป็นวงกลม ซึ่งจะต่างกับรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายอื่นๆที่เป็นเส้นยาวเน้นขนส่งคนจากนอกเมืองเข้าสู่ในตัวเมืองค่ะ
นอกจากตัวช่วยในการเดินทางอย่างรถไฟฟ้าแล้ว เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของพื้นที่ในทำเลนี้คืออยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มีตัวช่วยในการเดินทางด้วย เรือด่วนเจ้าพระยา เพิ่มเข้ามาด้วย ก็ช่วยทุ่นเวลาให้เราไม่ต้องอยู่บนท้องถนนนานนัก ซึ่งท่าเรือด่วนเจ้าพระยาที่ใกล้โครงการที่สุดคือ ท่าวังหลัง สามารถข้ามเรือไปหาร้านอาหารเด็ดๆ เจ้าดังๆ ทานที่ท่าพระอาทิตย์ หรือไปเรียนที่ ม.ธรรมศาสตร์ ก็สะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้เส้นทางเดินเรือยังสามารถนั่งไปได้ไกลถึงสาทร หรือขึ้นเหนือไปถึงนนทบุรีเลย คลิกดูรายละเอียดเส้นทางการเดินเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ที่นี่
การเดินทางในวันนี้เราใช้ถนนจรัญสนิทวงศ์ เริ่มจากจุดที่ตัดกับถนนบรมราชชนนีซึ่งเป็นโซนที่เป็นแหล่งรวมของศูนย์การค้าอย่างเซ็นทรัล เมเจอร์ วิ่งตรงมาเรื่อยๆ ผ่านแยกไฟฉาย โซนนี้จะมีตลาดและ Hyper Market ค่อนข้างเยอะ จากนั้นตรงมาอีกหน่อยก็จะผ่าน HomePro และถึงซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 ให้เราเลี้ยวเข้าซอยมานิดหน่อยก็จะถึงกับโครงการแล้วค่ะ
เราใช้ถนนจรัญสนิทวงศ์วิ่งตรงมาเรื่อยๆถ้าเจออุโมงค์ก็ลอดเลย โดยจุดที่เรากำลังจะลอดผ่านไปนั้นคือจุดตัดกับถนนบรมราชชนนีที่จะมี เซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ปิ่นเกล้า The Sense ปิ่นเกล้า Tesco Lotus ตั้งอยู่
ตรงมาเรื่อยๆจะผ่านสถานีบางขุนนนท์ จะเห็นว่าการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายนี้คืบหน้าไปได้มากแล้ว โดยสถานีนี้ในอนาคตจะ Interchange กับสายสีแดงอ่อนและสายสีส้ม และเป็นโซนที่มีตลาดและ Hyper Market ค่อนข้างเยอะ จากโครงการเราสามารถนั่งรถไฟฟ้าหรือขับรถมาหาอะไรทานได้สะดวก
ขับมาเรื่อยๆเราจะผ่าน Makro อยู่ทางฝั่งขวา เป็นห้างค้าส่งขนาดใหญ่ ด้านในมีร้านอาหารพวก MK KFC ด้วยนะ ส่วนซอยที่ติดกับ Makro นั้นคือซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 ตอนดึกๆมีของกินเพียบเลย
ซึ่งใกล้ๆกับ Makro จะมีตลาดบางขุนศรีและ Foodland เป็นตัวเลือกในการหาอะไรทานของเราอีก อย่าง Foodland นี่เปิด 24 ชั่วโมง มีร้านอาหารชื่อ “ถูกและดี” สามารถขับรถมานั่งกินรองท้องได้ค่ะ
ถัดมาเป็นสถานีไฟฉาย แต่ฟังชื่อก็รู้สึกว่าสว่างแล้ว ^^ ซึ่งสถานีนี้ตั้งตามชื่อแยกไฟฉาย เมื่อก่อนเป็นแค่สามแยก แต่เมื่อเร็วๆมานี้มีการตัดถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย4 เพิ่มเข้ามาจนกลายเป็นสี่แยกค่ะ
ถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย4 เป็นถนนที่ตัดขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้ระบายการจราจรบนถนนจรัญสนิทวงศ์ เนื่องจากถนนจรัญฯ แต่เดิมเป็นถนนเส้นยาวที่ไม่มีแยกและทางลัดมากนัก จุดเริ่มต้นของถนนพระเทพฯตัดใหม่นี้ เริ่มจากบริเวณแยกไฟฉาย บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ตรงมาเรื่อยๆตัดผ่านถนนราชพฤกษ์ ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ไปบรรจบกับ ถนนกาญจนาภิเษก กินระยะทางประมาณ 7 กม. ปัจจุบันถนนเส้นนี้สร้างเสร็จและเปิดใช้อย่างเป็นทางการแล้ว สามารถช่วยการจราจรบนถนนจรัญสนิทวงศ์ได้มากทีเดียว
จากนั้นขับตรงมาเรื่อยๆจะผ่าน HomePro ที่เพิ่งสร้างเสร็จหมาดๆ ทำให้คนแถวนี้ชุ่มชื่นหัวใจ เพราะเวลาอยากไปหาร้านอาหารนั่งกินข้าวกันในครอบครัวหรืออยากจิบกาแฟ Starbucks ก็ไม่ต้องรถติดไปถึงเซ็นทรัล
ถัดมาอีกนิดเดียวก็ถึงซอยจรัญสนิทวงศ์13 แล้ว ตั้งอยู่เยื้องๆกับปั๊ม ESSO แต่จะเข้าซอยเลยก็ไม่ได้เพราะมันมีเกาะกลาง ให้ตรงไปหาที่กลับรถก่อนนะจ้ะ
ภายในปั๊ม ESSO นอกจากจะแวะเติมน้ำมัน ด้านในมีมินิมาร์ทอย่าง Lotus Express, ร้านกาแฟ Habika และ KFC
กลับรถกันค่ะ
พอกลับเรามาให้เลี้ยวเข้าซอยจรัญฯ13 ได้เลย ช่วงต้นซอยนี่มีความอุดมสมบูรณ์มากๆ และมีวินรถมอเตอร์ไซค์ รถกะป้อ เยอะแยะไปหมดให้เลือกสรร
บรรยากาศหน้าซอยจะประมาณนี้เลยนะคะ ในละแวกของสถานี จะมีความอุดมสมบูรณ์ ของอาหารการกินมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นพื้นที่มีคนสัญจรผ่านมากกว่าข้างทาง ตามซอยทั่วไป
ตรงเข้าซอยมาจะเจอกับที่ตั้งโครงการก่อน ใช่ค่ะ ที่ล้อมรั้วสีส้มๆอยู่นั่นเอง ส่วนสำนักงานขายจะอยู่ถัดเข้าไปหน่อยนะคะ
ความคืบหน้าโครงการได้ล้อมรั้วและก่อสร้างไปบ้างแล้ว
ส่วนสำนักงานขายก็Stand byรอคนที่สนใจ เดี๋ยวเราจะพาไปชมด้านในกันค่ะ
บรรยากาศด้านในสำนักงานขายซึ่งมีให้ดูทั้งโมเดลและห้องตัวอย่างค่ะ
สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการ เนื่องจากอยู่ภายในซอย เพื่อนบ้านส่วนใหญ่จึงเป็นบ้านพักอาศัยเกือบทั้งหมดเลยนะคะ โดยฝั่งที่ติดถนนใหญ่จะเป็นตึกแถวที่มีร้านค้า ร้านอาหารอยู่ด้านล่าง มีร้านอร่อยๆอยู่หลายร้านด้วยนะ เดินจากโครงการไปกินได้เลย ที่ดินของโครงการนั้นลักษณะเป็นรูปตัว L ซึ่งตัวอาคารก็วางตามแนวของที่ดินเลยค่ะ สรุปสถานที่รอบๆโครงการได้ดังนี้
- ทิศเหนือ – ติดกับถนนซอยจรัญสนิทวงศ์13 และแนวตึกแถว
- ทิศตะวันออก – ติดกับตึกแถวและบ้านพักอาศัย
- ทิศใต้ – ติดกับแถวและบ้านพักอาศัย
- ทิศตะวันตก – ติดกับแถวและบ้านพักอาศัย
ฝั่งตรงข้ามโครงการหรือทางทิศเหนือจะเป็นตึกแถวและอาคารพาณิชย์ทั้งแถบเลยค่ะ
ทางฝั่งทิศตะวันออกของโครงการที่ติดกับถนนใหญ่จะเป็นตึกแถวทั้งแถบเลย
ทางทิศตะวันตกก็เป็นตึกแถวเช่นเดียวกัน ซอยนี้จะมีความเป็นชุมชนค่อนข้างสูง ด้านล่างมักจะเปิดเป็นร้านค้า ร้านอาหารกัน เห็นไกลๆว่ามีธนาคารด้วยนะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น (รวมระยะกลับรถ)
สถานศึกษา
- วิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรี ∼ 50 เมตร
- วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ∼ 700 เมตร
- วิทยาลัยพณิชยการธนบุรี ∼ 1.1 กิโลเมตร
- โรงเรียนทวีธาภิเศก ∼ 2.8 กิโลเมตร
- โรงเรียนสตรีวัดระฆัง ∼ 4.1 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัยสยาม ∼ 6 กิโลเมตร
สถานพยาบาล
- โรงพยาบาลพญาไท3 ∼ 3.2 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลธนบุรี ∼ 3.3 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลศิริราช ∼ 4.3 กิโลเมตร
ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และ ตลาด
- HomePro จรัญสนิทวงศ์ ∼ 1.2 กิโลเมตร
- Makro จรัญสนิทวงศ์ ∼ 3.2 กิโลเมตร
- The Mall ท่าพระ ∼ 3.7 กิโลเมตร
- Central Plaza ปิ่นเกล้า ∼ 5.2 กิโลเมตร
- The Sense ปิ่นเกล้า ∼ 5.5 กิโลเมตร
- The Circle ∼ 5.6 กิโลเมตร
- ซีคอน บางแค ∼ 6.6 กิโลเมตร
- Food Villa ∼ 7.3 กิโลเมตร
- Major Cineplex ปิ่นเกล้า ∼ 8.4 กิโลเมตร
เรามาดูภาพรวมโครงการกันค่ะ Chewathai Hallmark จรัญฯ13 เป็นคอนโด Low Rise จำนวน 184 ยูนิต ตัวอาคารออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์น เป็นรูปตัว L ตามรูปร่างของที่ดินเลย ชั้นล่างเป็นที่จอดรถ Lobby และห้องนิติบุคคล สำหรับ Facilities ถูกแยกออกเป็น 2 ส่วน ชั้น 2 จะมีห้องสมุดและ Kids Room เป็นห้องที่คุณพ่อคุณแม่ลงมาอ่านหนังสือและปล่อยให้ลูกๆเล่นสนุกพร้อมกันได้ ส่วนชั้น 8 จะมีสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้อง Co-Working Space ลาน BBQ ลานโยคะ และ Roof Top Garden ถือว่าเป็นคอนโด Low Rise ที่มีพื้นที่ส่วนกลางมาให้ค่อนข้างเยอะ และมีการกระจายการใช้งาน ไม่มากระจุกกันชั้นเดียว ช่วยให้เวลาลูกบ้านมาใช้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ห้องพักอาศัยจะอยู่ในชั้น 2-8 ค่ะ
ภาพจำลองบรรยากาศตัวอาคารที่ตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น ก้อนขาวๆด้านหน้านั่นคือพื้นที่ส่วนกลางซึ่งตัวอาคารจริงๆจะร่นระยะเข้าไปอีก ทำให้โครงการห่างจากถนนซอยพอสมควร ลูกบ้านที่อยู่ด้านในจึงมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
ตัวอาคารเป็นรูปตัว L นะคะ พื้นที่ส่วนกลางจะอยู่ที่ชั้น 2 และ ชั้น 8 โครงการนี้เป็น Low Rise ที่สระว่ายน้ำอยู่บนชั้นดาดฟ้า สามารถใช้งานได้เป็นส่วนตัวมากกว่าโครงการที่วางสระไว้ชั้นล่างและได้วิวดีกว่าด้วย
สำหรับชั้นล่างจะเป็นที่จอดรถ จอดได้ประมาณ 62 คัน คิดเป็น 34% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน ถ้ารวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 40% ถือว่าพอเพียงสำหรับคอนโดที่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าเท่าไหร่ จะใช้รถก็ได้หรือจะใช้รถสาธารณะก็ดี โดยจะมี Lobby โถงลิฟต์ และ ห้องนิติบุคคลอยู่ในชั้นนี้ด้วย
ดูจากในโมเดลจะเห็นว่าจะมีป้อมรปภ.ดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ด้านหน้า พอเข้าโครงการมาจะเจอกับที่จอดรถแบบ Outdoor ในอนาคตอาจจะเป็นที่จอดรถของผู้มาติดต่อเราต้องรอนิติบุคคลเค้าบริหารกันอีกที ถัดเข้าไปจึงเป็นที่จอดรถแบบในร่มค่ะ
สำหรับชั้น 2 จะมีพื้นที่ส่วนกลางคือ Kids Room และห้องสมุดรวมอยู่ด้วย ซึ่งใครที่จะเข้ามาใช้งานจะต้องมีคีย์การ์ดถึงจะผ่านเข้ามาได้ค่ะ การวางพื้นที่ส่วนกลางจะแยกออกมาอยู่ด้านหน้าเลยซึ่งจะไม่ไปรบกวนส่วนพักอาศัย ผนังรอบๆพื้นที่ส่วนกลางนั้นออกแบบมาเป็นกระจก ทำให้บรรยากาศภายในห้องโปร่งโล่ง ถ้าอยู่ในห้องเบื่อๆก็ลงมาใช้งานได้สบายๆเลยค่ะ ลิฟต์โดยสารมีอยู่ 2 ตัวอัตราส่วนลิฟต์เท่ากับ 92 : 1 ถือว่าไม่หนาแน่น โดยตำแหน่งของโถงลิฟต์จะวางอยู่ตรงกลางทำให้แบ่งห้องพักอาศัยออกเป็น 2 โซน คือห้องที่วางตัวในแนวทิศตะวันตก-ตะวันออก ซึ่งจะเดินไกลลิฟต์หน่อย และห้องที่วางตัวในแนวทิศเหนือ-ใต้ ที่มีจำนวนยูนิตน้อยกว่า มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าและเป็นทิศที่ไม่โดนแดดร้อนตอนบ่าย และห้องที่อยู่โซนนี้จะเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยค่ะ เดี๋ยวเราจะซูมแปลนให้ดูกันชัดๆนะคะ
สำหรับชั้น 2 ห้องพักอาศัยที่วางตัวในแนวทิศตะวันออก-ตะวันตกจะอยู่ไกลลิฟต์หน่อย ส่วนใหญ่จะเป็น 1 Bedroom 26.04 ตร.ม. (Type 1B) ซึ่งเป็นห้องที่มีจำนวนเยอะที่สุดในโครงการ ส่วนตามมุมต่างๆ (เรียงจากด้านล่างขึ้นด้านบน) จะเป็นห้อง 1 Bedroom 32.39 ตร.ม. (Type 6A) ห้องนี้ไม่ติดกับห้องไหนเลยนะคะ แต่จะค่อนข้างใกล้กับพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งในระหว่างวันอาจจะมีคนเดินผ่านหน้าห้องบ่อยแต่ข้อดีคือสามารถเดินไปใช้ส่วนกลางได้สะดวกนั่นเองค่ะ ต่อมาคือห้อง 1 Bedroom 28.42 ตร.ม. (Type 1C) ห้องนี้มีความเป็นส่วนตัวพอสมควรและมีผนังติดกับห้องอื่นๆเพียงด้านเดียวเท่านั้น เช่นเดียวกับห้อง 1 Bedroom 30 ตร.ม. (Type 5A) ที่อยู่ตรงมุมของตัว L ที่มีผนังด้านหนึ่งติดกับลิฟต์ ห้องนี้เวลาให้งานที่ระเบียงอาจจะมองเห็นห้องฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกันได้ค่ะ ส่วนห้องด้านบนสุดของโซนนี้ทางทิศใต้คือ 1 Bedroom 32.07 ตร.ม. (Type 2A) เป็นห้องมุมที่ได้ช่องแสง 2 ฝั่งและเป็นครัวปิดค่ะ
สำหรับห้องที่วางตัวในทิศเหนือใต้ส่วนใหญ่เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 27.36 – 30 ตร.ม. นอกนั้นเป็นห้องมุม โดยจะมีห้องที่ผนังไม่ติดกับใครและเป็นห้องมุม ค่อนข้างเป็นส่วนตัวคือห้อง 1 Bedroom 33.31 ตร.ม.(Type 4A) และชั้นนี้จะมีห้อง 1 Bedroom Plus อยู่ 1 ห้องขนาด 39.69 ตร.ม. ตำแหน่งคือจะอยู่ใกล้ลิฟต์ค่ะ สำหรับโถงทางเดินถึงแม้ว่าจะยาวหน่อยแต่ก็มีช่องแสงแทรกอยู่ทั้งบริเวณปลายสุดของทางเดินและโถงลิฟต์ค่ะ
เรามาดูภาพจำลองบรรยากาศส่วนกลางของชั้นนี้กัน โดยทางโครงการจัดเป็นห้องสมุดที่เชื่อมต่อกับ Kids Room เลย ถือเป็นฟังก์ชันที่ลงมาใช้พร้อมกันได้ทั้งครอบครัว คุณพ่อคุณแม่สามารถนั่งอ่านหนังสือหรือทำงานรอลูกเล่นสนุกกันได้
ดูจากในรูปห้องเด็กเล่นมีของเล่นมาให้ค่อนข้างจัดเต็มนะ น่าจะเสริมสร้างพัฒนาการได้ดี ต้องรอดูตอนสร้างเสร็จว่าจะออกมาเป็นแบบไหนค่ะ
สำหรับในชั้น 2-7 จะเป็นห้องพักอาศัยล้วนๆเลยนะคะ การวางผังเหมือนเติมเพิ่มเติมคือห้องที่อยู่ด้านล่างสุดจะปรับจาก ห้อง 1 Bedroom 32.39 ตร.ม. เป็นห้อง 2 Bedroom 44.40 ตร.ม.ค่ะ รวมๆแล้วจะมีจำนวนห้องพักอาศัยทั้งหมด 28 ห้องต่อชั้น
ชั้น 8 จะมีห้องพักอาศัยลดลงเหลือแค่ 16 ยูนิตต่อชั้น เพราะครึ่งหนึ่งของชั้นจะปรับเป็นพื้นที่ส่วนกลางแทนซึ่งจะประกอบด้วย ห้องออกกำลังกายและห้อง Co-Working Space ที่อยู่ในอาคาร และสระว่ายน้ำ Roof Top Garden ที่มีลาน BBQและลานโยคะรวมอยู่ด้วย พื้นที่ส่วนกลางนี้จะมีการกั้นประตูแยกจากห้องพักอาศัยเป็นสัดส่วนค่ะ
ภาพจากโมเดลและภาพจำลองบรรยากาศของพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ดาดฟ้า ซึ่งถึงแม้ว่าคอนโด Low Rise จะไม่เน้นวิวเท่าไหร่ แต่การนำเอา Facilities มาไว้ชั้นบนก็ทำให้คนที่มาใช้งานมีความเป็นส่วนตัวและมองวิวได้ดีกว่าอยู่ชั้นล่างๆค่ะ
สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือ แบบน้ำล้นกรุด้วยกระเบื้องสีขาวดูจากในรูปสวยดีนะคะ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นสระผู้ใหญ่ขนาด 5 x 11 เมตร ลึก 1.2 เมตร และสระเด็กขนาด 3 x 3 เมตร พร้อมมีพื้นที่นั่งเล่นอยู่รอบๆสระค่ะ จะเห็นว่ารั้วโดยรอบของชั้นนี้ออกแบบเป็นกระจกเพื่อเปิดมุมมองให้เห็นวิวได้กว้างมากขึ้นค่ะ
มุมนี้เป็นลานโยคะอยู่ด้านหลังของสระ ซึ่งทางโครงการจัดเป็นสวนหย่อมและมีที่นั่งพักผ่อน สำหรับใครอยากมาเล่นโยคะหรือนั่งพักผ่อนในบรรยากาศสงบๆค่ะ
สำหรับสายปาร์ตี้ก็มีลาน BBQ เอาไว้ให้ใช้สังสรรค์กับเพื่อนๆหรือครอบครัวนะคะ
เข้ามาดูภายในอาคารจะมีห้องฟิตเนสที่มีอุปกรณ์มาให้ครบครันทั้ง Weight Training และ Cardio
ติดๆกันกับห้องฟิตเนสเลยคือห้อง Co-Working Space ที่มาในบรรยากาศสบายๆค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby
- Library Room
- Kids Room
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ แบ่งออกเป็นสระผู้ใหญ่ขนาด 5 x 11 เมตร ลึก 1.2 เมตร และสระเด็กขนาด 3 x 3 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย
- Co-Working Space
- Roof Top Garden
- ลาน BBQ
- ลานโยคะ
- ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 92 : 1
- ที่จอดรถประมาณ 62 คัน คิดเป็น 34% ไม่รวมจอดซ้อนคัน (ถ้ารวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 40%)
- ระบบ CCTV / Access Card
สำหรับห้องพักของโครงการ Chewathai Hallmark จรัญฯ13 นี้ขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์ครบเลย ยกเว้นฟูก เครื่องใช้ไฟฟ้า และของตกแต่ง โดยห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมในวันนี้ มีอยู่ห้องเดียวคือ 1 Bedroom 26.51 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องที่มีจำนวนเยอะที่สุดในโครงการ เราไปชมกันค่ะ
ห้อง 1 Bedroom 26.51 ตร.ม. เข้ามาจะเจอกับห้องนั่งเล่นก่อน โดยบริเวณหน้าห้องจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นวางโซฟาได้แบบ 2 ที่นั่ง ถัดไปเป็นโต๊ะทานข้าววางแบบเข้ามุมนั่งได้ประมาณ 2 ที่เช่นกัน ซึ่งเป็นฟังก์ชันของห้องที่เหมาะกับการอยู่อาศัยไม่เกิน 2 คน แต่จุดที่เราอาจจะต้องเพิ่มเติมก็คือตู้วางรองเท้าโดยอาจจะหามาวางบริเวณใกล้ๆกับชั้นวางทีวีค่ะ ถัดเข้าด้านในเป็นห้องนอนที่กั้นผนังเป็นสัดส่วนเลย ภายในห้องมีพื้นที่วางเตียงได้แบบ King Size และตู้เสื้อผ้า มีหน้าต่างเอาไว้ให้ชมวิวและเปิดระบายอากาศ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นห้องครัวปิดที่เชื่อมต่อกับระเบียงและห้องน้ำที่กั้นแยกส่วนแห้ง ส่วนเปียกเป็นสัดส่วนค่ะ
ประตูหน้าห้องเป็นบานไม้สังเคราะห์ พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock ที่ใช้ได้ 3 ระบบทั้งคีย์การ์ด กุญแจ และรหัส
เข้ามาจะเจอกับพื้นที่ Common Area คือพื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหาร ถัดเข้าไปจึงเป็นห้องนอนที่กั้นผนังเป็นสัดส่วน เวลาเราอยู่ในห้องนอนจะค่อนข้างเป็นส่วนตัว แต่เวลาปิดประตูห้องนอน เราอาจจะต้องเปิดไฟห้องนั่งเล่นในกรณีที่ต้องการใช้แสงสว่างมากๆเช่นอ่านหนังสือค่ะ ส่วนห้องครัวและห้องน้ำจะอยู่ทางฝั่งขวา ห้องนี้ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร พื้นเป็นไม้ลามิเนตหนา 8 mm.ค่ะ
โครงการนี้ขายแบบ Fully Furnished ดังนั้นเฟอร์นิเจอร์ที่เราเห็นจะได้ทุกชิ้นเลยนะคะ ยกเว้นของตกแต่ง สามารถหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย พื้นที่หน้าห้องจะจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่น มีระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตร เหมาะกับการวางทีวี 46″
บริเวณหน้าห้องจะมีสวิตซ์ไฟ Master ที่สามารถกดทีเดียวเปิด-ปิดทั้งห้องได้ ส่วนในห้องจะเปิดสวิตซ์ที่ปิดตามจุด
ตู้วางทีวีเราได้แบบนี้เลยนะคะ ขนาดกำลังพอดีไม่ต้องซื้อเพิ่ม
ตู้ชั้นบนจะมีทั้งชั้นวางของและตู้ที่มีหน้าบานเก็บของได้ ซึ่งจะเป็นตำแน่งของตู้ควบคุมไฟฟ้าด้วย ส่วนตู้ด้านล่างเปิดออกมาจะมีช่องเก็บของแบบนี้เลยค่ะ
โซฟาที่โครงการให้มานั่งได้ประมาณ 2 ที่นั่ง รูปแบบแบบนี้เลย
โต๊ะทานข้าวให้มา 2 ที่นั่ง จัดวางแบบเข้ามุม ทางโครงการเลือกโต๊ะแบบขาโปร่งเพื่อให้สามารถสอดเก้าอี้เข้าไปได้ และทำให้ห้องดูไม่ทึบตันอีกด้วย
ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นทางไปห้องนอนและห้องครัว ซึ่งมีประตูกั้นเป็นสัดส่วน
ห้องนอนวางเตียงได้แบบ King Size พร้อมมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะข้างเตียง บริเวณข้างเตียงมีหน้าต่างที่ให้ความสว่าง สามารถเปิดระบายอากาศและชมวิวได้ด้วย
เตียงที่ทางโครงการให้มา แต่ไม่รวมฟูกนะคะ
ข้างเตียงทางฝั่งซ้ายจะมีระยะห่างจากตู้เสื้อผ้าประมาณ 0.80 เมตร ส่วนทางฝั่งขวาเตียงจะติดกับผนังเลยค่ะ มีระยะเพียงพอให้ผ้าม่านผ่านค่ะ
ปลายเตียงมีระยะแค่พอเดินผ่าน ถ้าอยากติดทีวีแนะนำให้แขวนผนังเอาค่ะ
ตู้เสื้อผ้าจะอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง เราจะได้หน้าตาแบบนี้เลย
ตู้เสื้อผ้าเป็นบานเปิดกระจก ด้านมีฟังก์ชันครบทั้งลิ้นชักเก็บของ ราวแขวนผ้าทั้งชุดสั้นและชุดยาว
ห้องครัวเป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกรอบบานอลูมิเนียมสีขาว ถ้าใครชอบทำอาหารก็ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นจะฟุ้งออกไปห้องอื่นๆ
ห้องครัวจะเชื่อมต่อกับระเบียง สามารถเปิดประตูระบายอากาศเวลาทำอาหารได้ พื้นที่บริเวณนี้ถือเป็นส่วน Service ของห้อง เราสามารถซักล้างทำความสะอาด ทำกับข้าวได้ในโซนนี้จบครบเลย
ตู้ด้านบนแบ่งออกเป็นชั้นวางของและชั้นสำหรับวางไมโครเวฟโดยเฉพาะ
เครื่องดูดควันเป็นแบบต่อท่อออกไปด้านนอกอาคารของ Franke
เคาน์เตอร์ด้านล่างแบ่งออกเป็นทั้งลิ้นชักและตู้สำหรับเก็บของชิ้นใหญ่ พื้นที่วางเครื่องซักผ้าพร้อมเดินงานระบบ โดย Top ของเคาน์เตอร์เป็นลามิเนตพิมพ์ลายหิน
เตาไฟฟ้าเป็นแบบ 2 หัวของ Franke เหมาะกับการใช้งานในห้อง 1 Bedroom
อ่างล้างหน้าเป็นแบบหลุมเดียวของ Franke หรือเทียบเท่า
ทางออกไปที่ระเบียงกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกรอบบานอลูมิเนียมค่ะ
เราสามารถใช้งานระเบียงได้เต็มพื้นที่เลยเพราะตำแหน่งของเครื่องซักผ้าอยู่ในห้องครัวแล้ว ส่วน Condensing Unit ของแอร์ถูกแขวนหันเข้าด้านข้างดังนั้นเวลาออกมายืนที่ระเบียงอาจจะได้รับลมร้อนได้ ซึ่งทางโครงการก็มีซื้อ Grill เพื่อเปลี่ยนทิศทางลมมาให้ซึ่งสามารถช่วยกระจายลมร้อนได้
พื้นที่ระเบียงมีขนาด 1.46 x 1.25 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 cm.
อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นทางไปห้องน้ำ ห้องจริงจะมีประตูกั้นด้วยนะคะ
ห้องน้ำแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนแห้ง ส่วนเปียกเป็นสัดส่วน พร้อมติดตั้งกระเบื้องมาให้แบบห้องตัวอย่างเลย
อ่างล้างหน้าเป็นแบบที่มีตู้ข้างล่างสามารถเปิดออกมาเก็บของใช้เล็กๆน้อยๆได้ อ่างเป็นทรงสี่เหลี่ยมของ American Standard ค่ะ
โถสุขภัณฑ์เป็นของ Cristina พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆมาให้ครบ
พื้นที่อาบน้ำมีกั้นฉากกั้นอาบน้ำมาให้ สามารถใช้งานได้เป็นสัดส่วนไม่ต้องกังวลว่าน้ำจะไหลไปโดนส่วนอื่นๆ
พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1.68 x 0.68 เมตร พร้อมทั้งมีธรณียกสูงขึ้นมากันน้ำด้วย
ฝักบัวมีทั้งแบบมือจับและ Rain Shower ค่ะ
ระหว่างฝักบัวจะมีช่องสำหรับเอาไว้วางของเล็กๆน้อยๆด้วย
ฝักบัวเป็นของ Cristina ขนาดพอเหมาะต่อการใช้งาน
1 Bedroom Plus 39.69 ตร.ม. เป็นห้องที่เหมาะกับคนที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยเยอะขึ้นมาหน่อย โดยอาจจะอยากได้ห้องอีกห้องเพิ่มมาเพื่อใช้ทำห้องอเนกประสงค์ เช่นห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น หรือใช้เป็นห้องนอนอีกห้อง ตำแหน่งของห้องอเนกประสงค์นั้นแยกออกมาอยู่คนละมุมกับห้องนอนใหญ่และมีระเบียงมาให้ด้วย ทำให้มีความเป็นส่วนตัวถ้ากั้นประตูปิด ในกรณีที่ทำเป็นห้องทำงานหรือห้องนั่งเล่น เราสามารถเปิดประตูให้ห้องนี้เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นที่อยู่ด้านหน้าได้ โดยห้องนั่งเล่นจะเป็นโซนเดียวกับพื้นที่รับประทานอาหาร ที่จัดได้ 2 ที่นั่ง แต่ห้องนี้ต้องหาพื้นที่สำหรับวางตู้เก็บรองเท้าเพิ่มเติมโดยอาจจะวางอยู้ข้างตู้วางทีวีก้ได้ค่ะ ห้องนอนอยู่ด้านในสุดกั้นผนังเป็นสัดส่วน เช่นเดียวกับห้องครัวที่เป็นครัวปิดเชื่อมต่อกับระเบียง ห้องน้ำก็จะอยู่บริเวณเดียวกับห้องครัว ถือเป็นการจัดผังที่แยกส่วนพักผ่อนและส่วน Service ออกจากกันได้ดี
ห้อง 2 Bedroom 44.40 ตร.ม. เป็นห้องสำหรับครอบครัวเข้ามาจะเจอกับห้องนั่งเล่นก่อนเช่นเดียวกัน แต่โต๊ะทานข้าวปรับให้ใหญ่ขึ้นวางชิดผนังแต่ก็ยังนั่งได้ 2 ที่นั่งอยู่ ห้องครัวเป็นครัวปิดหลบมุมอยู่หน้าห้องเป็นสัดส่วน ระเบียงของห้องนี้จะเน้นฟังก์ชันเป็นพื้นที่ซักล้างมากกว่า ส่วนห้องนอนมี 2 ห้องวางอยู่ข้างๆกัน ห้องนอนใหญ่มีขนาดกว้างกว่า มีช่องแสง 2 ฝั่ง ผนังฝั่งที่วางตู้เสื้อผ้ามีพื้นที่เหลือดังนั้นจึงสามารถหาตู้มาวางเพิ่มได้อีกนิดนึง โดยทั้ง 2 ห้องนี้จะต้องใช้ห้องน้ำแชร์กันค่ะ
สำหรับแปลนทั้งหมดของโครงการสามารถ “คลิก” เพื่อเลื่อนดูได้ที่นี่นะคะ
Hallmark จรัญฯ13
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 10 September 2019
- 1 Bedroom 26-28 ตร.ม. ราคา 2.39 ล้านบาท
- 1 Bedroom 32-33 ตร.ม. ราคา 3.03 ล้านบาท
- 1 Bedroom 40 ตร.ม. ราคา 3.57 ล้านบาท
- 2 Bedroom 44 ตร.ม. ราคา 4.15 ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Fully Furnished
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.45 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง 5,000-10,000 บาท
- ทำสัญญา 15,000-20,000 บาท
- ดาวน์ 10% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 40 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเล : โครงการ Chewathai Hallmark จรัญฯ13 ตั้งอยู่ในซอยจรัญฯ13 หรือที่คนในละแวกนี้เรียกกันว่าซอยพาณิชย์ฯธน ทำเลนี้ถือเป็นจรัญสนิทวงศ์ช่วงต้นที่เดินทางเชื่อมต่อไปยังย่านวงเวียนใหญ่ หรือ สีสม สาทรได้สะดวก เหมาะกับคนที่อยากได้คอนโดใกล้รถไฟฟ้า เดินทางไปทำงานในเมืองสะดวก แต่ราคาคอนโดยังพอหยิบจับได้ หรือคนในท้องที่ที่ต้องขยับขยายมีบ้านเป็นของตัวเอง โดยทำเลนี้ข้อดีอีกอย่างคือมีความอุดมสมบูรณ์สูงและหาของกินง่ายมากๆ ไม่ว่าจะเป็น Street Food ในซอย หรือถ้าต้องการที่ช้อปปิ้งก็มีให้เลือกทั้งแบบที่เป็นศูนย์การค้า เช่น เซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ปิ่นเกล้า Community mall อย่าง The Sense ปิ่นเกล้า และมี Hypermarket ทั้ง Tesco Lotus Makro HomePro มีตลาดชื่อดังอยู่ค่อนข้างเยอะอย่าง ตลาดบางขุนศรี ตลาดบางขุนนนท์ ตลาดวังหลัง (ใกล้ศิริราช) ส่วนในซอยจรัญฯ13 เองก็มี ตลาดตรงข้ามวัดวิจิตร ,ตลาดพรานทอง หรือจะไปหาของกินยังถนนราชพฤกษ์ก็ได้เช่นกัน
การเดินทางโดยใช้รถ : สามารถใช้เส้นทางได้หลากหลาย ถนนหลักคือถนนจรัญสนิทวงศ์ใช้วิ่งลงทางทิศใต้ไปออกถนนพระราม3 ถนนราชพฤกษ์ หรือสีสม สาทรได้ ส่วนถ้าวิ่งไปทางทิศเหนือจะไปยังปิ่นเกล้า ถนนราชวิถี ถนนวงศ์สว่าง ไปออกย่านรัชดาภิเษกได้ ตัวทำเลอยู่ใกล้กับสะพานข้ามแยกหลายสะพาน โดยสะพานที่อยู่ใกล้สุดคือสะพานพระปิ่นเกล้า, สะพานพระราม 8, สะพานพระปกเกล้า, สะพานตากสิน ส่วนตัวซอยจรัญฯ13เองก็สามารถลัดออกไปถนนราชพฤกษ์และถนนกาญจนาภิเษกได้ เดิมแค่ซอยจรัญฯ 13 เส้นเดียวจะมีการจราจรที่ติดขัดสาหัสมาก แต่ตอนนี้มีถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย4 ที่ตัดเข้าหาถนนราชพฤกษ์เพิ่มมาอีกหนึ่งเส้นทางค่ะ สำหรับใครที่ใช้รถเป็นหลักที่จอดรถของโครงการนี้ให้มาแบบรวมจอดซ้อนคัน 40% น่าจะพอเพียงต่อการใช้งาน
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ในส่วนการเดินทางด้วยระบบสาธารณะนั้นถือว่าสะดวกเลย สำหรับรถไฟฟ้าที่ใกล้โครงการมากที่สุด คือ จรัญฯ 13 อยู่ในระยะเดินเพียง 450 ม. ถ้ารถไฟฟ้าสร้างเสร็จคาดว่าประมาณปี 2563 ก็จะช่วยให้การเดินทางสะดวกมากขึ้น สามารถนั่งเชื่อมต่อไป Interchange กับช่วงหัวลำโพง-บางแคได้ นอกจากนี้จากที่ตั้งของโครงการยังสามารถเรียกรถสาธารณะได้ง่าย ทั้งรถสองแถว รถมอเตอร์ไซค์ เดินออกไปถนนใหญ่นิดเดียวก็เรียกรถเมล์และTaxi ได้ เนื่องจากซอยจรัญฯ13 เป็นซอยลัดจึงมีรถวิ่งผ่านอยู่ตลอดเวลาค่ะ
วัสดุ : ให้มาดีตามมาตรฐานของโครงการใน Segment นี้ โดยขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์ครบทุกชิ้น ยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้าและของตกแต่ง ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร พื้นเป็นไม้ลามิเนตหนา 8 mm. เคาน์เตอร์ครัวได้ TOP ลามิเนต พร้อมเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควันของ Franke ห้องน้ำอ่างล้างหน้าเป็นของ American Standard โถสุขภัณฑ์และฝักบัวของ Cristina ค่ะ
การออกแบบ : ทำออกมาได้ดี ตัวอาคารดีไซน์ในสไตล์โมเดิร์น ชอบตรงที่ตัวอาคารมีการร่นระยะจากถนนซอยพอสมควร ด้านหน้าเป็นที่จอดรถแบบกลางแจ้งและพื้นที่ส่วนกลาง ช่วยให้คนที่อยู่ด้านในมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น การวางผังอาคารทำออกมาได้ดี จะมีห้องที่อยู่ใกล้กับประตูทางเข้าพื้นที่ส่วนกลางที่อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างเพราะอาจจะมีคนเดินเข้า-ออกอยู่ตลอด แต่ก็แลกกับการที่สามารถเข้าไปใช้ส่วนกลางได้สะดวกค่ะ ส่วนห้องพักถือว่าแปลนส่วนใหญ่ลงตัว แต่ละห้องมีการกั้นเป็นสัดส่วน มีครัวปิด ถ้ามีพื้นที่สำหรับวางตู้วางรองเท้าชัดเจนกว่านี้จะดีมากเลย
สาธารณูปโภค : เป็นโครงการ Low Rise ที่ให้ Facilities มาค่อนข้างหลากหลาย มีการแยกการใช้งานออกเป็น 2 ส่วนเพื่อกระจายความหนาแน่นในการใช้งานแต่ละโซน ไม่ต้องมากระจุกกันที่เดียว โดยชั้นล่างมี Lobby ชั้น 2 จะมีห้องสมุดและ Kids Room ส่วนชั้น 8 จะมีสระว่ายน้ำระบบเกลือ ฟิตเนส ห้อง Co-Working Space ลาน BBQ ลานโยคะ และ Roof Top Garden การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางชั้นดาดฟ้าทำออกมาได้ดี น่าใช้งาน มีการออกแบบรั้วให้เป็นกระจกทำให้สามารถมองเห็นวิวได้กว้างขึ้น ส่วนลานโยคะและBBQ จัดพื้นที่หลบมุมเป็นสัดส่วน น่าจะใช้งานได้อย่างเป็นส่วนตัว
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 80,000 บาท/ตร.ม., 10 September 2019
- ทำเล 7.5/10 – อยู่ในซอยจรัญฯ13 มีความอุดมสมบูรณ์สูง เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยชุมชนเก่าแก่ คึกคัก ไม่เปลี่ยว
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – เดินทางได้หลากหลายเส้นทาง ซอยจรัญฯ13 เป็นซอยลัด ที่จอดรถ 40%
- ไม่ใช้รถ 7.75/10 – ห่างจากสถานีจรัญฯ13 ประมาณ 450 เมตร ในซอยเรียกรถสาธารณะได้ง่าย
- วัสดุ 7.75/10 – ให้มาดีตามมาตรฐานโครงการ
- แบบ 8/10 – ออกแบบได้ดีน่าใช้ ฟังก์ชันลงตัว
- สาธารณูปโภค 8.25/10 – เป็นคอนโด Low Rise ที่ให้ Facilities มาหลากหลาย
- MAIN CLASS
- 7.73/ 10.00
BOTTOM LINE
Chewathai Hallmark จรัญฯ13 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดในย่านจรัญสนิทวงศ์ ชอบทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์ ค่าครองชีพไม่สูงมาก อยากได้คอนโดที่ราคาพอหยิบจับได้แต่เดินทางไปใช้รถไฟฟ้าสะดวก ชอบใช้ Facilities อยากได้ห้องที่เป็นสัดส่วนมีกั้นผนังห้องนอน มีครัวปิด มีงบประมาณ 1.99-4.15 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 14,000 – 29,000 บาท/เดือน
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving