รีวิวฉบับที่ 394 … Chapter One the Campus เป็นหมู่ตึกคอนโดมิเนียม Low Rise ภายใต้คอนเซปท์ Vertical Village (หมู่บ้านแนวดิ่ง) ใกล้กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ติดกับตลาดอมรพันธ์ ซึ่งวันนี้ผมจะพาไปดูทำเลและบริเวณรอบๆก่อนที่จะได้ทำรีวิวฉบับสมบูรณ์พร้อมห้องตัวอย่าง ในวันเปิดตัวโครงการช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งผมจะมาอัพเดทให้อ่านอีกครั้งวันหลังนะครับ

Fact @ 30 July 2013

  • Chapter One the Campus
  • บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
  • MAIN CLASS (2013) (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น จำนวน 7 อาคาร 768 ยูนิต
  • Shop ยูนิตร้านค้า 15 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 15 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 7-3-60 ไร่
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2558
  • Studio 22.69 ตารางเมตร 339 ยูนิต
  • 1 Bedroom 28.86 ตารางเมตร 330 ยูนิต
  • 2 Bedrooms 46.24 ตารางเมตร 99 ยูนิต
  • 3 Bedrooms ไม่มี
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.79 – 4.49 ล้านบาท
  • ราคาต่อตารางเมตรประมาณ 79,000 – 97,000 บาท
  • http://www.stylishresidences.com/th/ChapterOneTheCampus.html
  • โทร 1739

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

ทำเลของโครงการตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโรงพยาบาลเมโย ติดกับตลาดอมรพันธ์ บนสี่แยกเกษตร ห่างจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 150 เมตร

แผนที่ของ Google Map เราเอามาใส่ข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ โดยตัวโครงการจะตั้งอยู่ติดๆกับตลาดอมรพันธ์และกรมพัฒนาที่ดิน เป็นที่ดินด้านหลังตึกแถวที่มีทางเข้าออกติดกับถนนใหญ่พหลโยธิน โดยตัวทำเลนั้นอยู่ใกล้ๆกับสี่แยกเกษตรเลย

จากภาพจะเห็นพวก Condo U พหลโยธิน และ The Key พหลโยธิน 34 อยู่ถัดออกไปด้วย ซึ่งในซอยเหล่านี้ก็ยังมีพวกคอนโด Chateau in Town อยู่ด้วยนะครับ

เรามาดูตำแหน่งที่ดินกันชัดๆหน่อย แต่เรื่องขอบเขตของที่ดินแบบเป๊ะๆอันนี้ผมยังไม่แน่ใจนะครับว่าจะเป็นตามนี้ 100% หรือไม่

แก้ไข ที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้านะครับ ช่วงที่เป็นมุมแหลมนั้นไม่มี

รอบด้านที่ดินติดกับแปลงห้องแถวทั้งหมด ดังนั้นที่ดินแปลงนี้จะไม่ถูกบังจากอาคารสูงในทิศใดๆ ยกเว้น Premio Vetro ที่อยู่ปากซอยท่านผู้หญิงพหลฯ ในระยะไกลๆออกไปหน่อยนะครับ

จาก Google Street View ถ้าเราขับรถอยู่บนสะพาน จะสามารถมองลอดเข้าไปในตัวที่ดิน จากบริเวณทางเข้าด้านข้างตึกแถวได้เช่นนี้ คนธรรมดาทั่วไปที่วิ่งสัญจรกันปกติทุกวันจะไม่มีทางรู้เลยว่า ด้านในมีที่ดินเปล่าๆแปลงใหญ่ขนาดนี้ด้วย!?

มาดูแผนที่รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายกันนะครับ โครงการจะอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามของสถานี N12 ซึ่งเป็นสถานีรถไฟฟ้าในอนาคต

ผมจะพาขับรถวนหลายๆด้าน เพื่อให้เห็นทำเลทุกด้านชัดเจน ดังนั้นอาจจะงงนิดหน่อย ก็ต้องค่อยๆ Follow กันไปนะครับ

จากถนนใหญ่วิภาวดีรังสิต

เลี้ยวซ้ายเข้าถนนงามวงศ์วานบริเวณโรงพยาบาลวิภาวดี

ตรงนี้เป็นถนนงามวงศ์วานหน้า ม. เกษตร เห็นถนนกว้างๆ 8 เลนแบบนี้ เวลาติดขึ้นมาก็ไม่ต้องขยับกันเลยนะครับ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะติดฝั่งร้านอาหารบัวมากกว่าฝั่ง ม. เกษตรนะ

ประตูทางเข้าจะนับจากประตูด้านพหลโยธินเป็นประตูแรก ดังนั้นประตูที่ใกล้วิภาวดีที่สุดจึงเป็นประตู 3

ด้านขวามี Tops Market ด้วย

ด้านซ้ายจะเห็นว่า ม. เกษตร กำลังทำรั้วและทางเดินใหม่ เพื่อให้ดูสวยงามและเดินเท้าได้สะดวกมากขึ้น

นี่เป็นประตูสองนะครับ

ถัดจากประตู 2 จะเจอป้ายรถเมล์หลักของเด็กนักเรียน มีทั้งรถตู้ รถ Taxi จอดประจำอยู่

ประตู 1 ดูแล้วอลังการที่สุด

จากประตู 1 มุ่งหน้าสี่แยกเกษตร จะสามารถไปได้ 3 ทาง คือเลี้ยว ซ้าย/ขวา ไปบางเขนหรือลาดพร้าว และลอดใต้แยกไปเกษตร-นวมินทร์

เราจะพาเลี้ยว “ซ้าย” ก่อนนะครับ ซึ่งเป็นทางฝั่งตรงข้ามของที่ดินคอนโด

สี่แยกเกษตรมีสะพานข้ามแยกด้านบน และทางลอดด้านล่าง แค่นี้ก็รู้แล้วว่ารถติดขนาดไหน

เลี้ยวซ้ายมาตามถนนพหลโยธิน ต้นไม้เยอะๆหน่อยแถวนี้ ถนน 6 เลน พร้อมเกาะกลาง ติดขัดเป็นประจำ

ด้านซ้ายมีกรมป่าไม้ ด้านขวาเป็นที่ตั้งของการทางพิเศษ

แถวนี้มีสถานที่ราชการเยอะมากครับ

เรากลับรถหน้ากรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ซึ่งเป็นจุดกลับรถที่ใกล้ที่สุด

มาตั้งต้นกันใหม่ สมมุติว่าถ้าเรามาจากทางถนนพหลโยธินฝั่งบางเขน วิ่งตรงมาที่สี่แยกเกษตรแล้วจะไปคอนโดอย่างไร

เราไม่สามารถขึ้นสะพานข้ามแยกได้นะครับ ไม่อย่างนั้นจะเลย และต้องไปกลับไรไกลมากๆ อาจจะถึงรัชโยธินทีเดียว ดังนั้นห้ามขึ้นเด็ดขาด

ที่บริเวณสี่แยกเลี้ยวซ้ายไปเกษตร-นวมินทร์ เลี้ยวขวาไป ม. เกษตรและวิภาวดี

แหม่ คอนโดเพื่อนบ้านอะไรนะ

พอข้ามแยกมาแล้วก็จะถึงย่านการค้าซึ่งจะคึกคักอย่างแรง ผิดกับฝั่งที่เป็นสถานที่ราชการลิบลับ

เราวิ่งไปเรื่อยๆ ผ่านมาที่ถนนพหลโยธิน 34 ซึ่งเป็นถนนเสนานิคม 2 ที่ตั้งของคอนโด The Key

โรงพยาบาลเมโย เยื้องๆกับโครงการ Chapter One the Campus

สามแยกเสนานิคม เลี้ยวซ้ายไปดูกันหน่อย

ผมจะพาลัดผ่านตลาดด้านหลัง ในเสนานิคมซอย 1

ตลาดนี้ชื่อว่าตลาดบางเขนนะครับ มีร้านรวงมากมาย เป็นทั้งตลาดสดและตลาดแห้ง รถคลาสสิกจอดอยู่เป็นจำนวนมาก

ของกินจะอยู่ต้นๆตลาดหน่อย และออกไปยังหน้าถนนใหญ่พหลโยธินก็ได้

โอเค … เรากลับรถกันมาที่ถนนเสนานิคมกันใหม่ ตลาดบางเขนที่พาแวะเข้าไปเมื่อครู่จะอยู่ด้านขวามือนะครับ

วิ่งมาสุดถนนเสนานิคม เพื่อที่จะเลี้ยวขวาไปทางโครงการ the Campus

ด้านซ้ายเจอปั๊มน้ำมันบางจาก

ตรงนี้เป็นจุดกลับรถใต้สะพานจุดเดียวนะครับ ด้านหน้ากรมพัฒนาที่ดิน ถ้าเลยจุดนี้จะต้องเข้าไปวนในถนนเสนานิคมแบบผมนะ

ด้านซ้ายสังเกตหน่อยจะเห็นทางเข้าขนาดเท่านี้ ปัจจุบันยังปิดก่อสร้างสำนักงานขายอยู่ (ด้านหลัง มองลอดเข้าไปได้)

อีกสักสัปดาห์นึงก็น่าจะเสร็จแล้ว

ยังไม่พอครับ เดี๋ยวผมจะพาไปทัวร์รอบๆอีก

คราวนี้เราเลี้ยวซ้ายมาที่หน้าตลาดอมรพันธ์ จะบอกว่าแถวนี้คึกคักสุดๆ

เลี้ยวเข้าไปในซอยตลาดครับ แหล่งชุมชนและสังคมหลักของคนแถวนี้เลย

ด้านหน้ามีร้านเยอะแยะ ขายในราคาที่นักศึกษาสามารถซื้อได้

So Why … ดื่มได้ใกล้มหาวิทยาลัย -_-;;

พอผ่านส่วนที่เป็นตลาด ก็จะเป็นตรอกซอยซอย ซึ่งเป็นตึกแถวทั้งหมด ตรงนี้ติดกับที่ดินของคอนโดมิเนียมเลย

มีศาลเจ้าอยู่ด้านในด้วยนะ

วนดูสองสามรอบ จากนั้นก็กลับกันดีกว่า ไว้มาใหม่ตอนสำนักงานขายเปิดนะครับ

หน้าถนนใหญ่งามวงศ์วาน ถ้าช้ากว่านี้อีกสัก 1 ชั่วโมง รถจะเต็มถนนแล้ว

2 สิงหาคม 2556 วันนี้ Sales Office ก็เปิดแล้วนะครับ Chapter One the Campus ผมก็จะพามาอัพเดทเรื่องทำเลในและรอบๆแปลงที่ดิน ซึ่งจะส่งผลกับวิว ทิศและลมครับ

ทางเข้าอยู่ตรงที่อาเจ้กางเกงสีชมพูเดินข้ามถนนครับ เรียกว่าไม่โอ่อ่าก็ว่าได้ ที่ดิน 7 ไร่มีทางเข้าแคบนิดเดียว ตรงนี้เป็นข้อเสียของที่ดินแปลงนี้ แต่ไม่ใช่ข้อเสียใหญ่อะไรนะครับ แค่ตอนที่จะเลี้ยวเข้าบ้าน ต้องเล็งสะพานลอยก่อนถึงแยกเกษตรไว้ อย่าให้เลยสะพานลอยก็พอ

ข้อดีตรงที่มีสะพานลอยอยู่หน้าโครงการก็คือ สามารถเดินข้ามถนนได้ทันที ไม่ต้องอ้อมไกล และไม่ต้องเสี่ยงอันตรายด้วยครับ เหมาะกับพวกนักเรียนนักศึกษาเวลาจะข้ามไปซื้อของก็ปลอดภัยดีครับ

เดินย้อนไปทางขวาหน่อยเดียวก็จะเจอป้ายรถเมล์แล้ว ถ้าตรงไปเรื่อยๆก็จะเจอสถานีรถไฟฟ้าในอนาคต BTS เสนา ซึ่งก็อยู่ในระยะที่สามารถเดินได้ครับ

ด้านหลังป้ายรถเมล์มี 7-11 พร้อม ไม่อดตายแน่นอน

ทีนี้เรามาดูวิวรอบๆกันบ้างนะครับ อย่างที่บอกไปที่ดินแปลงนี้ถูกล้อมรอบด้วยตึกแถวแทบทุกด้าน ฝั่งที่ติดกับถนนพหลโยธินคือฝั่งทิศตะวันออก ซึ่งจะเห็นเป็นแบบนี้

แปลงที่ดินมันไม่ได้ตั้งฉากกับทิศเสียทีเดียวนะ แผนที่อาจจะเบี้ยวๆไปหน่อยนึง อย่าซีเรียสนะครับ ผมเอากล้องถ่าย

แนวตึกแถวฝั่งตะวันออก ถ้ามองออกไปแล้วเห็นแผงนี้ก็คงจะทำใจยากอยู่ ชั้น 3-4-5 มีสิทธิ์โดนทุกชั้นนะครับ

ตึกสูงตึกเดียวที่ประชิดกับโครงการ ได้เป็นห้องโปรโมชั่นไป 1.79 ล้านบาท ตึก G

แนวทิศตะวันตก … ดูแล้วโล่งและสวยงามที่สุด แต่ก็ต้องแลกกับความร้อนของไอแดด

ทิศเหนือติดแผงนี้และตลาดอมรพันธ์ ช่วงต้นๆสามตึกแรกอาจจะได้ยินเสียงจากตลาดด้วย แต่ถ้าอยู่ชั้น 7-8 มองข้ามไปเห็นพื้นที่สีเขียวใน ม. เกษตร ก็น่าสนอยู่นะ

ฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นตึกแถวเรียงรายแบบนี้เช่นกัน ข้ามไปก็เป็นตลาดอมรพันธ์

แปลงที่เป็นสามเหลี่ยมติ่งๆ ไม่เกี่ยวกับแปลงนี้นะครับ คอนโดมีกำแพงกั้นชัดเจน

ทิศตะวันออกบริเวณหน้าโครงการ มองย้อนออกไปเห็นสะพาน

เดินไปสี่แยกเกษตรนิดเดียวเองครับ

Floor Plan ใหญ่ มีจำนวน 7 ตึกด้วยกัน ไล่จากขวาไปซ้าย เป็นตึก A ถึงตึก G โดยตึก A รูปตัว I ด้านขวาสุดจะเป็นตึกที่ใกล้กับทางเข้าออกมากที่สุด

ประตูทางเข้าโครงการ และบริเวณน้ำพุหน้าตึก A

เลี้ยวเข้าไปก็จะเป็นน้ำพุ ที่ด้านหน้าสามารถวนรถเข้ามาจอดที่ Lobby ของตึก A ซึ่งเป็น Lobby ที่แกรนด์ที่สุด เป็นจุด Drop Off หลักของโครงการ

จุดนี้คนภายนอกสามารถผ่านเข้ามาใช้งานได้ เนื่องจากจะมี Shop Unit อยู่รายล้อมบริเวณสวน ที่เป็น Courtyard ทางขวาสุดอีก 15 ร้านค้า

จาก Floor Plan ชั้น G จะพบว่ามี Shop ร้านค้าอยู่ด้านขวา 15 ร้าน ที่จอดรถให้จอดรอบๆอาคาร ไม่นับจอดซ้อนคันจะได้ 40% ถ้าจอดซ้อนในผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าก็จะทำได้เป็นจำนวนมาก ผมว่าก็น่าจะเพิ่มได้อีก 15% ครับ แต่จะทำให้ช่องทางวนรถนั้นแคบลง กลายเป็นการวนรถทางเดียวรอบทุกตึกไป

คอร์ทภายใน บริเวณที่แคบที่สุดของสองตึกคือบริเวณตารางหมากรุกและต้นไม้ต้นใหญ่สองต้นนี้ ช่วงนี้เป็นสวนส่วนกลางที่สามารถลงมาเดินเล่นใช้ประโยชน์ได้ ด้านล่างจะล้อมด้วย Facility ของแต่ละตึก

ในส่วนในโครงการก็จะมีที่จอดรถจักรยานให้ด้วย มีประตูกั้นโซนแยกระหว่างโซนที่ลูกบ้านเข้าได้เท่านั้น กับโซนที่คนภายนอกสามารถเข้ามาใช้บริการร้านค้าได้

สระว่ายน้ำอยุ่ในโซน 4 ตึกด้านหลัง ถ้าเป็นตึก A-B-C ที่อยู่ด้านหน้า ก็ต้องเดินไกลนิดนึงนะครับ

แต่ประเด็นก็คือสระว่ายน้ำที่นี่มีให้สระเดียว กับประชากร 700 กว่าห้อง ด้วยฟังก์ชั่นแล้วได้ แต่ด้วยขนาดมันอาจจะไม่เพียงพอต่อการใช้งาน

พื้นที่สีเขียวบนดินต่างๆทำออกมาได้ดีครับ

ส่วนของห้องออกกำลังกาย

ส่วนของห้องสมุด

พื้นที่ส่วนกลางมีให้ที่ชั้นล่างของทุกตึก และเชื่อมกันหมดด้วย Court

มี Court ซึ่งเป็นสวนส่วนกลางเชื่อมกันแบบนี้ อันนี้เป็น Court ใหญ่ด้านหลังครับ

พื้นที่สีฟ้าถูกออกแบบมาเชื่อมกันทั้งหมด ทุกตึกมี Facility เป็นของตัวเอง โดยมี Lobby (LB) แยกกัน 7 ตึก ไม่ต้องมาแชร์กัน

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • Court สวน 3 Court
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ต่อหนึ่งอาคาร
  • Service Lift – ตัว
  • ที่จอดรถ 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบ CCTV / Access Card

Product Walkthrough

เรามาดูสำนักงานขายและห้องตัวอย่างกันบ้างครับ

สไตล์การตกแต่งน่าจะเป็นแบบนี้แหละ ออกเหมือนแนวโรงเรียนนานาชาติ

สำนักงานขาย จากนาฬิกาด้านซ้าย ผมไปถึงตอนยังไม่ 9 โมงเช้าพอดี มีลูกค้านิดหน่อย

พอ 10 โมง ตรงนี้ไม่มีที่ยืน

แนวการตกแต่งให้ดูคร่าวๆ เพื่อเป็นแนวของ Facility ครับ

ห้องตัวอย่างมีด้วยกัน 2 ขนาด คือ Studio และ 1 Bedroom

ขายแบบ Fully Furnished ภาพนี้ถ่ายมาจาก Sales Kit มีเฟอร์ครบชุด 11 ชิ้น ประกอบด้วย

  1. เตียงและฟูก
  2. โซฟา
  3. โต๊ะกินข้าว
  4. เก้าอี้ทานข้าว
  5. ชั้นวางทีวี
  6. ตู้เสื้อผ้า
  7. ตู้เก็บของ
  8. ตู้รองเท้า
  9. ตู้ใต้ซิงก์
  10. ครัวและซิงก์
  11. ตู้อเนกประสงค์

หน้าตาห้องนะครับ เข้ามาแล้วจะได้อารมณ์นี้ เป็นห้อง Studio ขนาดเล็ก

ครัวท๊อปหิน เครื่องครัวจาก Starmark สไตล์วัยรุ่นหน่อย ที่เว้นไว้ทางซ้ายคือจุดวางตู้เย็น

เนื่องจากเป็นห้อง Studio ครัวค่อนข้างเล็ก มีที่วางไมโครเวฟด้านบน ไม่มีเตาและเครื่องดูดควัน

ซิงก์เป็นแบบนี้ เดี๋ยวนี้เค้านิยมเอาก๊อกวางมุมกันแล้ว ให้ใช้พื้นที่น้อยลงได้อีก

มุมตู้สูงทางขวา, ชั้นวางทีวี และชุดนั่งเล่นตรงนั้น รวมอยู่ในราคาขายแล้ว

พื้นเป็นลามิเนต เพดานสูง 2.5 เมตร

เตียงมีทั้งเตียงและฟูกมาให้ พร้อมกับตู้เสื้อผ้าด้านซ้ายด้วย

มาดูชุดนี้กันหน่อย โซฟาอาจจะนั่งไม่ค่อยสบายนะ ไม่มีเบาะพิงหลังเพราะเป็นไม้ โต๊ะสูงเอาไว้ทานข้าวและทำงาน ทำการบ้าน เก้าอี้โอเค แต่โดยรวมจัดว่าแคบไปหน่อย สังเกตว่าจะไม่มีที่ให้วางเท้ากันเลยถ้านั่งสองด้าน

ผมแนะนำว่าในเมื่อเป็นห้อง Studio … ก็ให้เอาเก้าอี้ออกมาเสีย ไปวางที่อื่นเถอะ แบบนี้นั่งแล้วอึดอัดไป

เตียงไม่มีโต๊ะข้างเตียง วางเตียง 5 ฟุตแบบพอดีเป๊ะๆ ซ้ายเหลือที่เดินเปิดตู้เสื้อผ้า

ขวาเป็นระเบียง เดินออกไปได้

ระเบียงค่อนข้างกว้าง วางเครื่องซักผ้า ตากผ้า ฯลฯ ตรงนี้ได้

แต่กระจกเปิดได้ด้านเดียว อีกบานเป็นบาน Fix มันเข้าออกยากนะ

เช่นเดียวกัน บานนี้ก็เปิดได้ด้านเดียว และเข้าออกไม่ได้

ระยะดูทีวีเหลือเฟือ นอนดูบนเตียง

ฟังก์ชั่นนี้จัดว่าดีนะครับ เป็นสัดเป็นส่วน

ห้องน้ำดูแล้วอาจจะไม่ค่อยสมกับราคานะ อย่างน้อยควรจะได้เป็น Shower Box แบบมีขอบ

ชิ้นนี้ดูโอเค มีตู้ใต้ซิงก์เรียบร้อย

ชิ้นนี้ก็มาตรฐานนะครับ ของ Cotto

หัวฝักบัวก็ดูโอเค

ไฟได้เป็นโคมซาละเปา ม่านก็ … เปลี่ยนเป็นตู้อาบน้ำกันเองนะครับ

ส่วนพัดลมดูดอากาศก็ติดตั้งให้ตามภาพ

เรามาดูแบบ 1 Bedroom กันบ้างนะครับ ขนาด 28.86 ตารางเมตร

เฟอร์นิเจอร์ที่ให้มี 11 ชิ้น เท่ากับห้อง Studio

พอขยับมาเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ก็จะมีห้องนอนและห้องนั่งเล่นแยกเป็นสัดส่วนถูกต้อง

ครัวได้ขนาดเท่ากันกับห้อง Studio นะครับ แต่จะมีช่องว่างที่สามารถวางตู้เย็นได้ใหญ่กว่า

ตรงนี้เป็นจุดที่มีเพิ่มขึ้นมา ชั้นวางของฝั่งตรงข้าม ด้านในมีตู้รองเท้าเรียบร้อย

ฟังก์ชั่นนี้ดูโอเคนะครับ ใช้งานได้ดีกว่าแบบห้อง Studio ที่มีเก้าอี้มาเกะกะ

แบบห้อง 1 Bedroom ใช้งานได้ดีขึ้น แต่ก็ยังนั่งพิงไม่สะดวกอยู่ดี เพราะพนักหลังโซฟาทำจากไม้

ผนังห้องตัวอย่างตกแต่งได้น่ารักสมวัย สมกับคำว่า The Campus ดีนะครับ อันนี้ให้ดูเป็นไอเดีย เพราะไม่มีชิ้นไหนที่ได้ตามนี้

แอร์จัดให้ ม่านยาวๆพวกนี้ของจริงก็ไม่มีนะครับ และใช้ไม่ได้ด้วย เพราะจะกองไปอมฝุ่นอยู่ที่พื้น

ประตูระเบียงบานนี้ เป็นกรอบอลูมิเนียมสรธรรมชาติเช่นเดิม และก็เปิดได้ 1 บาน เป็นบาน Fix 1 บาน

พื้นที่บริเวณระเบียงกว้างกว่าห้อง Studio มาก ใช้งานได้จริง

ด้านหลังเก้าอี้นี้เป็นที่วางเครื่องซักผ้าครับ

กล่องไฟแบบ Down Light ที่ระเบียง

เวลามองออกนอกกรอบหน้าต่างที่นี่จะไม่ “โล่ง” เท่าที่ควร เพราะเป็นกรอบที่ถูกปิดมุมด้วยผนัง Pre-cast ด้านนอก

อลูมิเนียมครับ

ระยะดูทีวีเท่านี้ ใช้เครื่อง 32 นิ้ว ก็น่าจะเต็มๆแล้วล่ะ

เดินไปทางห้องนอนครับ มีตู้เสื้อผ้าและตู้บานสูงวางอยู่ให้เก้บของได้

ห้องนอนขนาดความกว้างประมาณเท่านี้

หน้าต่างได้บานสูง แต่เปิดได้ครึ่งเดียว เป็นบาน Fix 1 บาน

โต๊ะเครื่องแป้งมีให้ แต่ไม่สามารถนั่งได้นะครับ พื้นที่ไม่มพอ ติดปลายเตียง

โต๊ะหัวเตียงมีฟังก์ชั่นโอเค สอดกล่องได้พอดีเลย

ระยะดูทีวีจากเตียงนะครับ วางทีวีได้ Center แต่จะวางเครื่องใหญ่ไม่ได้เพราะจะไม่ Center

ตู้เก็บของในห้องนอน

ห้องน้ำคล้ายๆเดิม แต่มีพื้นที่กว้างขึ้นมาก

พื้นใช้กระเบื้องแผ่นเล็กหน่อย

ตู้ซิงก์ใหญ่ขึ้น มีพื้นที่วางของได้เยอะขึ้น เหมาะกับการใช้งานมากขึ้น

ฝั่งเปียกก็ยังไม่มีตู้อาบน้ำเหมือนเดิมนะครับ

สุดท้ายมาดูที่ห้องแบบ 2 Bedrooms จะมีเฟอร์นิเจอร์เพิ่มจาก 11 ชิ้นเป็น 17 ชิ้น โดยจะมีเฟอร์นิเจอร์ในห้องนอน 2 เพิมขึ้นมา มี Floor Plan ดังภาพ

ห้องแบบ 2 Bedrooms นี้เป็นห้องมุมทั้งหมด ดังนั้นจะได้หน้าต่างสองทาง แต่ว่าเป็นห้อง 2 Bedrooms ขนาดเล็ก พื้นที่แค่ 46.24 ตารางเมตร มี 1 ห้องน้ำเท่านั้น

นี่คือเงื่อนไขการจองครับ ลงทะเบียนที่ สนง ขาย 2 – 17 สิงหาคม ไปจองที่ โรงแรม Kempinski 18 ส.ค.

ราคาและเงื่อนไขการขาย @

  • Studio 22.69 – 26.85 ตารางเมตร ราคา 1.79 – 2.29 ล้านบาท หรือประมาณ​ 79,000 – 85,000 บาทต่อตารางเมตร
  • 1 Bedroom 28.86 ตารางเมตร ราคา 2.29 – 2.79 ล้านบาท หรือประมาณ 79,000 – 96,000 บาทต่อตารางเมตร
  • 2 Bedrooms 46.24 ตารางเมตร ราคา 3.99 – 4.49 ล้านบาท หรือประมาณ 86,000 – 97,000 บาทต่อตารางเมตร

  • Fully Furnished
  • เพดานสูง 2.5 เมตร
  • จองและทำสัญญา 40,000 บาท
  • ผ่อนดาวน์ 10% ธรรมดา 15 งวด บอลลูน 5 งวด
  • ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

เจาะลึกรวบยอด

ทำเลของโครงการ Chapter One the Campus จัดว่าเป็นทำเลที่ดีมาก ติดถนนใหญ่พหลโยธิน อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ประมาณ​ 150 – 300 เมตร (ขึ้นกับว่าจะเดินข้ามถนนหรือข้ามสะพานลอย) ด้านข้างมีตลาดอมรพันธ์ ฝั่งตรงข้ามมีตลาดบางเขน โรงพยาบาลเมโย ของกินเยอะแยะ ร้านรวงคึกคัก มีความอุดมสมบูรณ์สูง เป็นพื้นที่ที่สามารถอยู่อาศัยได้อย่างสบาย จัดเป็นจุดเด่นของโครงการนี้ แต่ในขณะเดียวกันทำเลนี้ก็มีตำหนิอยู่บ้าง ตรงที่ทางเข้าเป็นช่องเล็กๆ แคบ ดูไม่แกรนด์ หลบเข้าไปในหลืบด้านข้างตึกแถวที่เรียงรายอยู่บริเวณริมถนใหญ่ ทำให้ขนาดเสน่ห์ของแปลงที่ดินไปบ้าง

การเดินทางด้วยรถนั้นทำได้ดี ขาออกจากโครงการสามารถเลือกที่จะเลี้ยวซ้ายไปถนนวิภาวดี ตรงไปทางหลักสี่ หรือเลี้ยวขวาไปถนนเกษตร-นวมินทร์ได้ แต่การจราจรบนถนนงามวงศ์วานในช่วงเวลาเร่งด่วนนั้นก็คงจะหนีพ้นรถติดไปไม่ได้ ซึ่งหากพ้นจุดนี้ไปเข้าถนนวิภาวดีแล้วปัญหารถติดก็จะผ่อนคลายลงมาก โดยลูกบ้านสามารถเลือกที่จะใช้ทางลัดผ่านซอยท่านผู้หญิงพหลฯ ก็ได้ ส่วนการจราจรขาเข้าโครงการนั้นก็ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะไม่ว่ามาจากทางใดก็สามารถเข้าโครงการได้ไม่ต้องอ้อม แต่ห้ามพลาดจุดกลับรถหน้ากรมพัฒนาที่ดินนะครับ ไม่อย่างนั้นจะต้องไปกลับรถไกลมาก เพราะแยกต่อไปกลับรถไม่ได้ คงจะต้องไปวนในถนนเสนานิคมเอา ส่วนเรื่องปัญหาการจราจรก็ต้องยอมรับว่ามีติดขัด ตรงนี้ช่วยอะไรไม่ได้ทำใจนะครับ

อนาคตของที่ดินแปลงนี้ขึ้นอยู่กับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ส่วนต่อขยาย หมอชิต-สะพานใหม่ ซึ่งกินเวลายาวนานมาก ปัจจุบัน (2556) ก็ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง ดังนั้นก็ยังไม่ทราบว่าเมื่อไรจะได้ใช้กัน แต่ก็ยังมั่นใจได้อยู่เพราะ BTS สายนี้เป็นสายหลักคงจะได้ใช้บริการแน่นอน ซึ่งในระหว่างการก่อสร้างรถไฟฟ้านั้น ก็คงจะส่งผลกระทบกับการจราจรบนถนนพหลโยธินเป็นอย่างมากแน่นอน ดังนั้นลูกบ้านทั้งหลายที่เน้นการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล ก็ต้องทำใจไว้ล่วงหน้าเลยนะครับ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถก็ต้องพึ่งพารถเมล์ รถตู้และรถ Taxi เป็นหลัก ป้ายรถเมล์อยู่หน้าโครงการ Chapter One the Campus เลย ดังนั้นก็คงจะไม่มีปัญหาในการรอรถเมล์แน่นอน เด็กเกษตร และ / หรือ บุคลากร ข้าราชการ ม. เกษตร ทั้งหลายก็สามารถเดินไปมหาวิทยาลัยได้อย่างสะดวกมาก แต่บริเวณสี่แยกเกษตรนั้นไม่มีสะพานลอยคนเดินข้าม ผมแนะนำว่าให้อ้อมหน่อย เลี้ยวซ้ายไปใช้สะพานลอยที่ถนนงามวงศ์วานจะปลอดภัยกว่ามากครับ

วัสดุของโครงการ Chapter One the Campus ให้มาเป็นจำนวนชิ้นที่เยอะ ครบถ้วน แต่ชนิดและคุณภาพของวัสดุนั้นไม่ได้สมราคาเท่าไร โดยเฉพาะห้องน้ำที่อาจจะดูถูกไปหน่อยเมื่อเทียบกับราคา 85,000 บาทต่อตารางเมตร ที่ให้มาก็จะมีเฟอร์นิเจอร์ชุด 11 ชิ้น ส่วนที่ขาดก็คือ เตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, ฉากกั้นอาบน้ำ

การออกแบบห้องชุด Studio ทำออกมาได้ดี ช่องที่เก็บของเยอะ ใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วได้เป็นประโยชน์ ผมชอบ Function ที่เป็นมุมโซฟาแยก เพราะจะรู้สึกเหมือนเป็นมุมส่วนตัวให้นั่งทำการบ้าน กินข้าว ฯลฯ ได้ แต่ด้วยขนาดของมันที่แคบไปหน่อย ก็จะลงตัวยากนิดนึงนะครับ จุดที่ทำออกมาได้โอเคอีกจุดหนึ่งก็คือระเบียง ซึ่งแม้ว่าจะเป็นห้อง Studio ขนาด 22 กว่าๆตารางเมตร ก็ยังทำระเบียงออกมาใหญ่ วางเครื่องซักผ้าได้จริง ตากผ้าได้จริง ใช้งานได้จริง

การออกแบบตึกนั้นทำออกมาภายใต้คอนเซปท์ Vertical Village มีตึกเตี้ยอยู่ทั้งหมด 7 อาคาร แต่ละอาคารมีห้องพักประมาณ 110 ห้อง มีลิฟท์ 2 ตัวต่อหนึ่งอาคาร ทำให้อัตราส่วนลิฟท์นั้นดูดีไม่มีปัญหา อยู่ที่ประมาณ​ 1:50 – 1:60 และจำนวนห้องพักสูงสุดต่อชั้นนั้นก็อยู่ที่ 15 ห้อง ไม่มากจนเกินไป ทำให้ความแออัดนั้นน้อยกว่าตึก High Rise ใหญ่ๆ ด้วยความที่ที่ดินแปลงนี้มีขนาดเกือบ 8 ไร่ พอทำออกมาเป็น Campus ในลักษณะนี้ก็ไม่ทึบจนเกินไปครับ

จุดที่ต้องคอมเม้นท์อีกจุดก็คือ Chapter One the Campus นั้น เน้นแต่ห้องเล็กๆเพียงอย่างเดียว Studio และ One Bedroom นั้นก็ล่อไป 600 ปลายๆ ห้องแล้ว ในขณะที่ Two Bedrooms มีเพียง 99 ห้อง แถมยังเป็น 2 Bedrooms แบบ 2 Bed 1 Bath อีกต่างหาก ทำให้ตัดกลุ่มลูกบ้านที่ต้องการห้องใหญ่ออกไปเลย ก็เข้าใจว่าคอนเซปท์ Campus จะทำห้องเล็กนะ แต่ตรงนี้อาจจะไม่โดนใจของคนหลายๆคน เช่นบุคลากรใน ม. เกษตร ที่มีความสามารถในการซื้อระดับหนึ่ง เขาก็คงอยากจะได้ห้องใหญ่ขนาด 60 – 70 ตารางเมตร แต่กลับไม่มีออพชั่นนี้ให้พวกเขาเลือกนะครับ

Court กลางชั้น G เป็นจุดที่เชื่อมต่อกันทั้งหมดของ Facility ที่จัดมาให้หลายฟังก์ชั่น ตั้งแต่ห้องสมุด, สระว่ายน้ำ, ห้องโยคะ, ห้องออกกำลังกาย, Lounge นั่งเล่น ตลอดจน Shops ต่างๆ 15 ร้านค้า, Lobby 7 ชุดแยกกันในแต่ละตึก และ Courtyard อีก 3 จุดที่เป็นตำแหน่งของพื้นที่สีเขียว จัดทำ Landscape เชื่อมกันเป็นพื้นที่ใหญ่ที่ต่อเนื่องเป็นผืนเดียวกัน ทำให้ภาพรวมของ Facility นั้นดูดีมาก แต่ความครบเครื่องก็ต้องแลกมาด้วยขนาดของ Facility ต่างๆที่ลดลง เมื่อเทียบกับจำนวนห้อง 768 ห้อง ก็อาจจะไม่ได้มากนะครับ เรียกว่าแบ่งๆกันใช้งานในแต่ละฟังก์ชั่นก็แล้วกัน

สุดท้ายเมื่อเทียบทำเลสี่แยกเกษตรที่ติดถนนใหญ่อย่างโครงการ Premio Vetro หรือ Chapter One the Campus กับทำเลในซอยเสนานิคม อย่าง Condo U, The Key หรือ CMC แม้ว่าทำเลจะใกล้กันในรัศมี 1 กิโลเมตร แต่ความโดดเด่นและความอุดมสมบูรณ์ของทำเลนั้นแตกต่างกันค่อนข้างเยอะมากนะครับ หากราคาแตกต่างกันประมาณ 20-25% ก็ยังสามารถยอมรับได้ แต่ถ้าราคาโดนกันเกินไปถึง 30-40% ผมก็เริ่มคิดว่าจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไร ที่ผมบอกเป็น % ไม่ได้บอกเป็นราคาต่อตารางเมตรออกมาเลยนั้น ก็เพราะต้องการเผื่อให้ผู้ที่อ่านรีวิวนี้ในอนาคต ที่มาเปรียบเทียบคอนโดในย่านเสนากับแยกเกษตร ก็สามารถใช้ % เป็นตัวเลขที่ช่วยในการพิจารณาเรื่องราคาโดยคร่าวๆได้ครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 85,000 บาทต่อตารางเมตร,

  • ทำเล 8.5/10 – ติดถนนใหญ่พหลโยธิน ใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – เข้าออกได้หลายเส้นทาง มีปัญหารถติดอยู่บ้าง
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ไม่อยู่ในรัศมีรถไฟฟ้า แต่สามารถเดินเท้าไป ม. เกษตร และตลาดต่างๆได้ (หากรถไฟฟ้าสร้างเสร็จแล้วก็สามารถปรับขึ้นได้นะครับ)
  • วัสดุ 7.5/10 – ให้เยอะ แต่ก็ขาดไปหลายชิ้นอยู่นะ
  • แบบ 8.0/10 – อัตราส่วนต่างๆค่อนข้างดี พื้นที่ใช้สอยโอเค มีแต่ห้องเล็ก ไม่ทำห้องใหญ่
  • สาธารณูปโภค 8.5/10 – ฟังก์ชั่นครบ พื้นที่ต่อเนื่อง ที่จอดรถน้อยไปนิดนึง

  • MAIN CLASS (2013)
  • 8.00 / 10.00

BOTTOM LINE

Chapter One the Campus เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่คนเดียวหรือครอบครัวขนาดเล็ก เด็กนักศึกษาบุคลากรในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หรือผู้ที่มีที่ทำงานอยู่ตามร้านค้าและตลาดโดยรอบ ที่ต้องการบ้านขนาดกะทัดรัดในราคา 2 ล้านกว่าบาท 

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ