CHAPTER ONE ALL RAMINTRA (แชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา) สร้างเสร็จแล้วค่า… ใครมองหาคอนโดที่เพิ่งสร้างเสร็จแบบสดใหม่ในโซนรามอินทราตอนต้น ตามเราไปชมรีวิวกันเลย ซึ่งการเปิดตึกครั้งนี้มีห้องใหญ่เปิดเพิ่มให้หยิบจับกันด้วย ใครที่จองไม่ทันเมื่อตอนเปิดตัวโครงการ ต้องไม่พลาดรอบนี้ ในราคาเริ่ม 2.39 ล้านบาทค่ะ โครงการอยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า และยังคงจัดเต็มพื้นที่ส่วนกลางมาให้เช่นเคย ซึ่งเรารวบรวม Highlights หรือจุดเด่นที่น่าสนใจมาให้ตามนี้เลยค่ะ
- ใกล้ MRT สายสีชมพู 250 เมตร เอาใจคนที่ทำงานในโซนศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพราะนั่งมา 6-7 สถานีก็ถึงแล้ว …หลายคนคงมีคำถามว่าถ้าทำงานศูนย์ราชการก็เลือกอยู่โซนแจ้งวัฒนะดีมั้ย บอกเลยว่าดีทั้งโซนแจ้งวัฒนะและรามอินทราตอนต้น ขึ้นอยู่กับความคุ้นเคยทำเล แต่ถ้าเลือกโซนรามอินทราตอนต้นก็จะใกล้ BTS สายสีเขียวด้วย
- Interchange กับ BTS สายสีเขียวได้เพียง 2 สถานี ตอบโจทย์คนที่ต้องการใช้ BTS สายสีเขียวไปทำงานโซนลาดพร้าว-รัชโยธิน ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนขบวนจากสายสีชมพูไปสายสีเขียวได้โดยไม่ต้องแสกนบัตรใหม่ แม้จะต้องเปลี่ยนขบวนไม่สะดวกเหมือนนั่งสายสีเขียวตรงยาว แต่คอนโดนี้ก็มีราคาหยิบจับง่ายกว่าคอนโดตามแนวสายสีเขียวสถานีใกล้ๆ กันอย่างพหลโยธิน 59, สายหยุด, สะพานใหม่ ค่ะ
- Facility จัดเต็มมาก 8 ชั้น สระว่ายน้ำชั้นบนสุด ซึ่งไม่ใช่ทุกโครงการในระดับราคานี้ที่ให้แบบนี้ ในส่วนของ Facility ตอบโจทย์ Lifestyle ที่หลากหลาย ทั้งคนที่ชอบออกกำลังกาย, Work From Home, Youtuber, แม่ค้า Online ที่ต้อง Live ขายของเป็นประจำ เป็นต้น
- ห้องพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบ รวมถึงของตกแต่งและเครื่องใช้ไฟฟ้า หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย
- ที่จอดรถเยอะ เทียบดูแล้วสัดส่วนที่ได้จะเยอะกว่าคอนโดใกล้รถไฟฟ้าในโซนนี้นะคะ
แค่เกริ่นก็น่าสนใจแล้วใช่มั้ย รายละเอียดจะเป็นอย่างไรตามไปชมกันค่ะ
ข้อมูลโครงการ
CHAPTER ONE ALL RAMINTRA (แชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา) ณ วันที่ 2 กันยายน 2567
ชื่อโครงการ | CHAPTER ONE ALL RAMINTRA (แชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด |
SEGMENT CLASS | MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2023 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนรามอินทรา เขตบางเขน |
ที่ดิน | 5-0-65.2 ไร่ |
ประเภทคอนโด | Low Rise 8 ชั้น จำนวน 3 อาคาร |
จำนวนยูนิต | 624 ยูนิต แบ่งออกเป็นห้องพักอาศัย 621 ยูนิต + ร้านค้า 3 ยูนิต |
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด | 34 ยูนิต ที่อาคาร C |
ที่จอดรถ | 268 คัน คิดเป็น 43% (มี 3 EV Parking Slot + Priority Park อาคารละ 2 จุด) |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2566 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2567 |
ประเภทห้องพัก |
|
ฝ้าเพดานสูง | 2.55 เมตร |
ราคาเริ่มต้น | 2.39 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ | ประมาณ 95,500 บาท/ตร.ม. |
ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด) | 91,100 – 107,000 บาท/ตร.ม. |
เว็บไซต์โครงการ | คลิกที่นี่ |
Call Center | 1739 |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.861201222971863, 100.62069854913156
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการ CHAPTER ONE ALL RAMINTRA (แชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา) ค่ะ
CHAPTER ONE ALL RAMINTRA (แชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา) ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่รามอินทรา ซึ่ง “ย่านรามอินทรา” นี้ ถือเป็นย่านอยู่อาศัยขนาดใหญ่ เป็นทำเลที่เรามองว่าไม่ใกล้ไม่ไกลตัวเมือง เดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวกค่ะ ถ้ามองในเรื่องของการเดินทาง ตัวโครงการจะอยู่ช่วงต้นของถนนรามอินทรา ระหว่างถนนพหลโยธินและถนนประดิษฐ์มนูธรรม สามารถใช้เส้นทางได้หลากหลาย เช่น
- ถนนพหลโยธิน สามารถใช้ถนนเส้นนี้วิ่งเข้าเมืองทางฝั่งจตุจักร อารีย์ สนามเป้าหรือวิ่งออกไปทางคูคตได้
- ถนนประดิษฐ์มนูธรรม สามารถใช้เดินทางเข้าเมืองมายังโซนพระราม 9 – เอกมัยได้สะดวก
ในส่วนของความอุดมสมบูรณ์นั้น บนถนนรามอินทราก็จะมีตัวเลือกค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะบนถนนลาดปลาเค้าที่ใกล้กับโครงการ ซึ่งมีทั้งตลาด, ศูนย์การค้า, Hyper Market, Community Mall ให้ใช้งานหลากหลายเลยค่ะ เช่น Big-C Extra รามอินทรา, ตลาดลาดปลาเค้า, The JAS รามอินทรา , หรือจะขยับออกไป 1 สถานีก็จะมีเซ็นทรัล รามอินทราที่รีโนเวทเสร็จเรียบร้อย น่าช้อปปิ้งขึ้นมากๆ
นอกจากนี้ยังแวดล้อมมีโรงพยาบาล, สถานศึกษา และ ยังใกล้แหล่งงานโซนแจ้งวัฒนะ, หลักสี่, ดอนเมือง จึงเป็นทำเลที่มีความครบครันย่านหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ
อีกประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับทำเลของ CHAPTER ONE ALL RAMINTRA (แชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา) คือเรื่องรถไฟฟ้าสายสีชมพูค่ะ โดยรถไฟฟ้าเส้นนี้เปิดให้บริการเรียบร้อยแล้ว วิ่งตามแนวถนนรามอินทรา-แจ้งวัฒนะเป็นหลัก เริ่มตั้งแต่มีนบุรีไปจนถึงโซนนนทบุรีเลย โดยสถานีที่ใกล้กับโครงการนี้คือ สถานีลาดปลาเค้า ใกล้กับโครงการเพียง 250 เมตร ถือว่าเป็นระยะเดินสบายเลยนะคะ
อีกทั้งนั่งเพียง 2 สถานีก็ Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเขียวแล้ว ตอบโจทย์คนที่ใช้เดินทางเข้าเมือง ไปยังแหล่งงานบนเส้นพหลโยธิน อย่างโซนลาดพร้าว, รัชโยธิน ได้ด้วย หรือนั่งยาวไปถึงสยามได้เลยค่ะ และหากใครใช้บัตรแรบบิทก็สามารถเดินเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีชมพูไปยังสายสีเขียวได้โดยแตะบัตรเพียงครั้งเดียว ทำให้สะดวกสบายมากๆ เลยนะคะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
CHAPTER ONE ALL RAMINTRA (แชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา) ตั้งอยู่ห่างจากสถานีลาดปลาเค้าประมาณ 250 เมตร ซึ่งตัวสถานีจะอยู่ติดกับ Big-C Extra รามอินทรา เลย แปลว่าเราสามารถแวะซื้อของกินของใช้ได้ง่าย หรือถ้าชอบแนวตลาดก็จะมีตลาดลาดปลาเค้า ตั้งอยู่บนถนนลาดปลาเค้าเยื้องกับ Community Mall อย่าง The JAS รามอินทรา จากโครงการระยะถือว่าไม่ไกลมาก เรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ไปหรือเดินออกกำลังกายไปก็ยังได้
นอกจากนี้โซนรามอินทราเองก็มีร้านอาหารอยู่ค่อนข้างเยอะ ที่ติดกับโครงการเลยก็คือแหลมเจริญซีฟู้ด ร้านอาหารขนาดใหญ่รองรับกลุ่มเพื่อน กลุ่มครอบครัวได้สบาย
สภาพแวดล้อมบนทำเลติดถนนใหญ่จะเป็นร้านขายอะไหล่รถยนต์ต่างๆ สลับกับที่ดินเปล่า ซึ่งได้ข่าวมาว่าแปลงที่ดินเปล่าข้างๆ ที่เป็นสำนักงานขายเดิมนั้นน่าจะพัฒนาเป็นคอนโดอีกเช่นกัน ก็เชื่อว่าโซนนี้จะมีความคึกคักมากขึ้นเรื่อยๆ นะคะ โดยแต่ละฝั่งของโครงการจะติดกับ
- ทิศเหนือ – ถนนรามอินทราและแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู
- ทิศตะวันออก – ร้านอาหารแหลมเจริญซีฟู้ด สาขารามอินทรา
- ทิศใต้ – บ้านพักอาศัย
- ทิศตะวันตก – ที่ดินเปล่า น่าจะพัฒนาเป็นคอนโดในอนาคต
โครงการจะอยู่ติดถนนใหญ่ ซึ่งมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูผ่านหน้าโครงการ โดยทางขึ้นลงสถานีจะอยู่ติดกับ Big C เลยค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- BIG C RAMINTRA ∼ 200 m.
- FOODLAND ∼ 650 m.
- THE JAS RAMINTRA ∼ 800 m.
- CENTRAL RAMINDRA ∼ 2 km.
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลซีจีเอช ∼ 4.7 km.
- โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ∼ 5 km.
- โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา ∼ 5.8 km.
โรงเรียน
- มหาวิทยาลัยเกริก ∼ 2.6 km.
- มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ∼ 3.5 km.
- มหาวิทยาลัยศรีปทุม ∼ 5.4 km.
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ∼ 6 km.
การเดินทาง
- MRT ลาดปลาเค้า ∼ 250 m.
- ทางด่วนศรีรัช ∼ 2 km.
รายละเอียดโครงการ
ทำความรู้จักแบรนด์ CHAPTER ONE
CHAPTER ONE เป็นแบรนด์คอนโด Main Segment ของพฤกษาที่เน้นความเป็น Stylish Residences มีดีไซน์โดดเด่นชัดเจน เพื่อให้เป็นเหมือน Landmark ของย่าน แม้ว่าแบรนด์นี้อาจจะไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองจ๋า แต่เน้นทำเลที่มีความสะดวกสบายครบครัน ใกล้ห้าง รถไฟฟ้า มหาวิทยาลัย หรือสถานที่สำคัญอื่นๆ
สำหรับการตั้งชื่อของ CHAPTER ONE จะมีการเอา Concept มาต่อท้ายตามด้วยทำเลอย่าง CHAPTER ONE ALL RAMINTRA (แชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา) ซึ่งคำว่า ALL มีที่มาจากความครบครันของย่านรามอินทราที่ถึงแม้ไม่ใช่ CBD แต่ก็มีครบทั้งศูนย์การค้า Community Mall ร้านอาหาร โรงเรียน โรงพยาบาล คาเฟ่เก๋ๆ รวมถึงมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูมาจ่อรอเปิดให้บริการอีกด้วย และคำว่า ALL ยังสามารถแตกเป็น Concept หลักได้อีกดังนี้ค่ะ
- A – All time / โครงการมีความสะดวกในการเดินทาง ไปไหนมาไหนได้ง่ายและยังมี Facilities ที่เปิด 24 ชั่วโมงให้ใช้ด้วย
- L – Living / มีการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยด้วยการ Design Concept ลงไป รวมถึง ยังมีออกแบบฟังก์ชันในห้องพักอาศัยให้เหมาะกับความต้องการของลูกบ้าน
- L – Lifestyles / มี Facilities ที่หลากหลายรองรับได้ทุกไลฟ์สไตล์
สำหรับสไตล์การออกแบบโครงการ CHAPTER ONE ALL RAMINTRA (แชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา) คือ The Dutch Aesthetic โดยมีการหยิบยกเอา Element ต่างๆในเมือง Amsterdam ทั้ง Shape หลังคาจั่ว โทนสีของสถาปัตยกรรมอย่างสีครีม, ส้ม, แดง การดีไซน์หลังคาให้ปาดเฉียงลงเสมือนเราอยู่ในห้องใต้หลังคา ทำให้บรรยากาศมีความอบอุ่นและเป็นกันเองมากขึ้น ซึ่งเราจะเห็นทั้งหมดนี้ในอาคารและพื้นที่ส่วนกลางค่ะ
CHAPTER ONE ALL RAMINTRA เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น จำนวน 3 อาคาร คืออาคาร A, B, C เรียงกันจากหน้าโครงการเข้าไปเลย มีจำนวนทั้งหมด 624 ยูนิต แบ่งออกเป็นห้องพักอาศัย 621 ยูนิตและร้านค้า 3 ยูนิต บริเวณหน้าโครงการ
สำหรับอาคาร A จะมีการออกแบบโซนด้านหน้าเป็น Facility ต่อเนื่องกันถึง 8 ชั้นจนถึงชั้น Rooftop ด้วยนะคะ ลูกบ้านน่าจะใช้กันอย่างจุใจ ซึ่งเรามองว่าออกแบบ Facility ไว้ด้านหน้ายังช่วยลดฝุ่นควัน และกันเสียงจากถนนใหญ่ ทำให้ห้องพักด้านในได้ความสงบมากขึ้นด้วยค่ะ อีกทั้งลิฟต์ของ Facility ส่วนกลางจะอยู่แยกจากส่วนพักอาศัย ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องความเป็นส่วนตัวนะคะ
ตัวอาคารจะวางตามแนวยาวของที่ดินในทิศเหนือ-ใต้ ถ้าดูจากรูปนี้จะเห็นได้ชัดว่าพื้นที่ส่วนกลางถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนนะคะ หลักๆคือด้านหน้าอาคาร A , Roof Top บนอาคาร A และระหว่างอาคาร B และ C
ทางเข้าออกโครงการจะมีไม้กระดกกั้น รถยนต์สามารถเข้าออกด้วยระบบ Bluetooth เพื่อความสะดวกสบาย
ที่จอดรถใต้อาคารบนชั้น 1
สำหรับที่จอดรถจะอยู่บนชั้น 1 ทั้งหมดมีให้เลือกจอดทั้งใต้อาคารและรอบนอก โดยจะจอดได้ทั้งหมด 268 คัน คิดเป็น 43% อีกทั้งยังมีที่จอดสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ามาให้ 3 ช่องจอดและมี Priority Park สำหรับจอดรับส่งคนพิการ คุณแม่ตั้งครรภ์หรือครอบครัวที่มีเด็กน้อยอีกอาคารละ 2 จุดค่ะ
ก่อนพาไปชมโซนพักอาศัย เรามาดูพื้นที่ส่วนกลางที่บริเวณด้านหน้าอาคาร A กันก่อนนะคะ ซึ่ง Facility ถือเป็นไฮไลท์ของโครงการเลยทีเดียว เพราะมีให้ใช้หลากหลาย ต่อเนื่องกันถึง 8 ชั้นและมีการออกแบบเป็น “Double Volume” เกือบทุกพื้นที่ ในส่วนที่เป็นโถงทางเดินได้มีการออกแบบผนังบางส่วนให้เป็นกระจกใส ทำให้เกิดการ Connecting กันระหว่างผู้ที่ใช้งานและคนที่เดินผ่านไปมา อีกทั้งยังช่วยทำให้แต่ละพื้นที่มีความโปร่ง โล่งมากขึ้นด้วย เราสรุปพื้นที่ส่วนกลางแต่ละชั้นได้ตามนี้นะ
- Ground Floor – 3 Shops, Living Lounge, Connecting Lounge
- ชั้น 2 – Multiplay Space / Entertainment Space / Workshop Space (เปิด 24 ชั่วโมง)
- ชั้น 3 – Co-Working Space (เปิด 24 ชั่วโมง)
- ชั้น 4 – Lifestyle Kitchen / Live Studio (เปิด 24 ชั่วโมง) / Semi-Outdoor BBQ
- ชั้น 5 – Active Space
- ชั้น 6 – Functional Training Room / Yoga & Dance Room
- ชั้น 7 – Step Garden
- ชั้น 8 – Step Garden / WC
- Rooftop – Scenic Sky Pool / Scenic Sky Yard / Jogging Track / Urban Farming
เดี๋ยวเราจะค่อยๆ พาขึ้นไปชมทีละตึก ทีละชั้นนะคะ
Building A
1st Floor
มาเริ่มดูกันที่ชั้น 1 อาคาร A ก่อน อาคารนี้ด้านหน้าสุดฝั่งที่ติดกับถนนใหญ่จะเป็นร้านค้า ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางคือ Living Lounge, Mail Room, Self Laundry และสำนักงานนิติบุคคล ส่วนด้านหลังอาคารจะเป็นที่จอดรถ
ทางเข้าอาคาร A ออกแบบซุ้มมาเป็นทรงจั่วเข้ากับสไตล์ The Dutch Aesthetic มี Gimmick เหมือนอยู่ในเมือง Amsterdam
Living Lounge อาคาร A
Living Lounge อาคาร A เป็น Lobby ที่มีแอร์เย็นๆ ให้นั่งคอย-นัดพบกันได้สบายๆ ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นทางไปลิฟต์ เพื่อขึ้นชั้นพักอาศัย ซึ่งทางโครงการก็ออกแบบตู้จดหมายไว้ระหว่างทางเดินเลย จึงแวะหยิบจดหมายได้สะดวก นอกจากนี้ห้องนิติฯ ก็อยู่ใน Looby อาคาร A ด้วยค่ะ
แต่ละอาคารจะมีลิฟต์โดยสาร 2 ตัว ซึ่งต้องใช้ Keycard ในการกดลิฟต์ และเป็นลิฟต์แบบล็อกชั้นเพื่อความปลอดภัยในการอยู่อาศัย
ด้านข้าง Living Lounge อาคาร A จะมีทางเดินแยกไปลิฟต์สำหรับขึ้น Facility ส่วนกลาง ซึ่งระหว่างทางเดินก็จะมี Smart Locker เป็นประโยชน์มากสำหรับผู้ที่กลับบ้านกลางคืน หลังนิติฯ ปิด ก็สามารถให้นิตินำพัสดุมาใส่ไว้ในตู้ และแจ้งรหัสเปิดให้กับเราได้
นอกจากนี้ก็จะมีตู้ Vending Machine ขายน้ำ แบบหยอดเหรียญช่วยเพิ่มความสะดวกสบายด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีร้านค้าหน้าโครงการอีก 3 ร้าน ซึ่งทางโครงการฟันธงมาว่าเป็นร้านสะดวกซื้อนะคะ นอกจากนี้ด้านในสุดทางเดินก็จะมี Self Laundry บริการเครื่องผ้าแบบหยอดเหรียญหรืออาจจะสามารถจ่ายผ่านบัตร ต้องรอดูกันอีกนิดค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะประกอบด้วยพื้นที่ 2 ส่วน ส่วนแรกเป็น Facility Zone บนชั้นนี้ประกอบด้วย Multiplay Space ต่อเนื่องกับ Entertainment Space และมีส่วนของ Workshop Space ที่เปิด 24 ชั่วโมงให้ใช้งานด้วย
อีกส่วนจะเป็นโซนห้องพักอาศัย ซึ่งตั้งแต่ชั้น 2 ผังจะคล้ายกันทุกชั้นนะคะ อาคารนี้จำนวนยูนิตต่อชั้นจะไม่เยอะเท่าอาคาร B , C นะ เพราะมีแบ่งพื้นที่บางส่วนเป็นส่วนกลาง ลิฟต์โดยสารจะมีอาคารละ 2 ตัว สำหรับพื้นที่ส่วนกลางจะมีลิฟต์แยกมาเฉพาะอีก 1 ตัวค่ะ
รูปแบบห้องส่วนใหญ่เป็นห้อง 1 Bedroom 24 ตร.ม. โดยห้องแบบ 1 Bedroom Plus จะเป็นห้องมุมอยู่ทางฝั่งซ้าย สำหรับห้องที่เราว่าน่าสนใจ เราชอบห้องทางฝั่งทิศตะวันออกที่หันเข้าหาเพื่อนบ้าน มากกว่าฝั่งซ้ายที่หันเข้าหาที่ดินเปล่า เหตุผลแรกคือ ทิศนี้แดดจะร่มกว่า เหตุผลที่ 2 คือ การันตีวิวได้ชัวร์กว่าที่ดินเปล่าทางทิศตะวันตก ที่อาจจะขึ้นคอนโดในอนาคตก็เป็นได้นะคะ
Workshop Space
เปิดลิฟต์ส่วนกลางออกมาจะเจอกับ Workshop Space เป็นโซนแรก โซนนี้ทางโครงการทำขึ้นมาเพื่อเอาใจเหล่า Designer ให้เอาไว้ใช้พื้นที่ทำงาน ART, วาดรูป, จัดดอกไม้ ฯลฯ เนื่องจากงานประเภทนี้ต้องใช้สมาธิและอาจมีเวลาทำงานที่ไม่แน่นอน โครงการจึงเปิดให้ใช้ได้ 24 ชั่วโมงเลยค่ะ
Multiplay Space
ถัดเข้ามาด้านใน เป็น Multiplay Space ห้องพักผ่อนที่มีโต๊ะพูลเปิดเชื่อมต่อกับห้องดูหนังได้ เป็นพื้นที่ที่สามารถจองใช้งานเพื่อทำกิจกรรมพักผ่อนกับเพื่อนๆ แบบเป็นส่วนตัวได้ การออกแบบจะเน้นเส้นสายและหลังคาที่ปาดเอียงเสมือนอยู่ในห้องใต้หลังคา
Entertainment Space
Entertainment Space ห้องดูหนังขนาด 10 ที่นั่ง เผื่อวันไหนอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ก็แค่จองใช้งานในโครงการได้เลยนะคะ บรรยากาศเหมือนโรงหนัง แต่เก้าอี้จะยืดขาไม่ได้นะ
3 rd Floor
ถัดมาชั้น 3 ส่วนห้องพักอาศัยจะวางผังเหมือนเดิมทุกชั้นนะคะ สำหรับ Facilities จะเป็นห้อง Co-Working Space ขนาดใหญ่
Co-Working Space
พื้นที่ส่วนกลางอีกส่วนหนึ่งที่เปิด 24 ชั่วโมงก็คือ Co-Working Space ที่จัดที่นั่งมาให้หลายโซน รองรับการทำงานหลายรูปแบบ ทั้งโซฟาให้นั่งแบบ Relax และโต๊ะทำงานขนากใหญ่ที่มี Partition กั้นแยกเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว
นอกจากนี้ยังมีเครื่องถ่ายเอกสาร, ปริ้นเตอร์ แบบจ่ายเงินออนไลน์จาก Double A ให้ใช้งานด้วย เครื่องนี้เราชอบมากเพราะ เวลาเร่งด่วนก็ไม่ต้องไปเสียเวลาหาร้านปริ้นข้างนอก แถมยังสั่งปริ้นล่วงหน้าผ่านมือถือได้ด้วย
Privacy Pod
อีกโซนหนึ่งที่น่าสนใจคือ Privacy Pod สำหรับนั่งทำงานคนเดียว เพื่อให้มีสมาธิมากขึ้น
Meeting Room
หากใครอยากนัดประชุมก็มี Meeting Room มาให้ 2 ห้อง โซนนี้เราจะได้บรรยากาศที่โปร่งโล่งจากช่องแสงขนาดใหญ่และฝ้าเพดานที่สูง ทำให้ทำงานได้สบายๆ ไม่อึดอัด
4th Floor
ชั้น 4 พื้นที่ส่วนกลางจะประกอบไปด้วย Lifestyle Kitchen, Live Studio และ Semi-Outdoor BBQ ชั้นนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของ Youtuber สายอาหาร และเหล่าแม่ค้า Online ที่ต้อง Live ขายของเป็นประจำค่ะ
Semi-Outdoor BBQ
โซนแรกของชั้นนี้เป็นพื้นที่ Semi-Outdoor BBQ ที่ออกแบบมารองรับการปิ้งย่างและการจัดปาร์ตี้ได้ ซึ่งด้านในสุดของชั้นนี้จะมี Lifestyle Kitchen ให้ใช้งานร่วมกันได้
Live Studio
ถัดมาที่ห้องตรงกลางเป็น Live Studio ที่เปิดบริการให้ 24 ชั่วโมง ภายในก็จะการเซตฉากเซตไฟไว้ให้พร้อม
Lifestyle Kitchen
ด้านในสุดเป็น Lifestyle Kitchen ขนาดใหญ่ ซึ่งเราสามารถมาทำอาหาร ทานข้าวกับเพื่อนๆ ได้ โดยโครงการจะมีอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ไมโครเวฟ, เตาอบ, Hob, Hood, อ่างล้างจาน, ตู้เย็นมาให้และจะมี TV ไว้ให้ใช้ดูสูตรอาหารด้วย
อีกความเก๋คือ ห้องนี้เป็นห้องฝ้าเพดานสูงที่เปิดให้แสงธรรมชาติเข้าจากด้านบนได้ เผื่อเป็นอีกมุมสวยๆ ที่ใช้ถ่ายได้
5th Floor
ใครชอบออกกำลังกายต้องขึ้นมาที่ชั้น 5 เลย เป็น Active Space ขนาดใหญ่ ได้พื้นที่ทั้งชั้นของฝั่งที่เป็นส่วนกลางเลย
ในส่วนของห้องพักบนชั้นนี้จะมีห้องขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมาให้เลือก คือห้อง 1 Bedroom EXTRA SPACE ขนาด 32.26 ตร.ม. และห้อง 2 Bedroom Family Extended ขนาด 39.8 ตร.ม. ซึ่งยูนิตแปลนนี้มีให้เลือกไม่เยอะนะคะ Type ละ 7 ยูนิตเท่านั้น โดยจะมีที่อาคาร A ชั้น 5 และ อาคาร C ชั้น 5-7 นะคะ
Active Space
Active Space หรือที่ทุกคนเรียกว่า Fitness ของโครงการนี้ จะมีความแตกต่างจากโครงการอื่นตรงผนังที่ทำเป็นหน้าผาจำลอง สามารถปีนได้พร้อมกัน 3 คน
Active Space
Active Space เป็นห้องที่กว้างมาก มีเครื่องเล่นเยอะเลยค่ะ มาพร้อมกับอุปกรณ์ครบครัน รอบรับทั้ง Weight และ Cardio ซึ่งตำแหน่งของเครื่องเล่นก็วางชิดหน้าต่าง เพื่อให้เห็นเมืองด้านนอกด้วยค่ะ
บริเวณหน้าห้องมีตู้กดน้ำจาก Coway ให้บริการด้วยนะคะ
และสุดท้ายบริเวณหน้าลิฟต์ก็มีกระสอบทรายพร้อมนวมเตรียมไว้ให้ ใครที่ชอบต่อยมวยต้องไม่พลาดค่ะ
6th Floor
ชั้น 6 ส่วนกลางจะเป็น Functional Training Room ที่เชื่อมต่อกับ Yoga & Dance Room และมีมุม Outdoor Boxing ด้วย
Functional Training Room
นอกจากฟิตเนส ทางโครงการมี Functional Training Room แยกออกมาต่างหาก เนื่องจากการออกกำลังกายประเภทนี้ต้องใช้พื้นที่พอสมควร
Yoga และ Dance Room
ติดกันเป็น Yoga & Dance Room ที่มีประตูกระจกกั้นแยกห้องไว้อย่างเป็นสัดส่วน ภายในห้องมีกระจกบานใหญ่เพื่อให้เช็คท่าทางได้สะดวก
7th-8th Floor
ชั้น 7-8 จะเป็น Step Garden ทางเดินไปสู่สระว่ายน้ำท่ามกลางสวนหย่อม ซึ่งเราสามารถมาใช้พื้นที่นั่งพักผ่อนได้ พวกห้องน้ำก็จะอยู่ตรงส่วนนี้ด้วยค่ะ
ทางเข้า Step Garden เป็นบันไดกว้างๆ ให้เดินเข้าออกได้สะดวก แต่เนื่องจากบริเวณสวนชั้น 7-8 ยังไม่สมบูรณ์เรียบร้อยดี เราจึงไม่ได้มีภาพมาฝากในส่วนนี้นะคะ แต่เดี๋ยวเราจะพาขึ้นไปชมบน Rooftop กัน
ห้องน้ำบนชั้น 8
ห้องน้ำส่วนกลางบนชั้น 8 เป็นห้องน้ำที่มีครบทั้งห้องอาบน้ำ, สุขา และ Locker หากใครขึ้นมาว่ายน้ำก็สามารถมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้
Rooftop
ชั้นดาดฟ้าของอาคาร A จะเป็น Facility ทั้งชั้นแบ่งออกเป็นโซนสระว่ายน้ำและพื้นที่ที่เป็นสวนหย่อม
สระว่ายน้ำของโครงการมีชื่อเรียกว่า Scenic Sky Pool เพราะตัวสระออกแบบให้เปิดรับวิวด้านหน้าโครงการ หลักๆ แล้วตัวสระจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือ Lap Pool ขนาดประมาณ 5 x 20 เมตร ลึก 1.20 เมตรสามารถว่ายน้ำได้สบายๆ ส่วนที่ 2 เป็น Jacuzzi และส่วนสุดท้ายคือ สระเด็กที่แยกโซนไว้เป็นสัดส่วน
Scenic Sky Yard
Scenic Sky Yard พื้นที่นั่งรับลมชมวิวที่เหมาะจะมาใช้งานในช่วงเย็นที่แดดร่มลมตกสักหน่อย เราว่าการเปิด Rooftop เป็นพื้นที่ส่วนกลางนี่ดีนะ ทำให้ห้องที่อยู่ในชั้นล่างๆ ได้ขึ้นมาชมวิวเปลี่ยนบรรยากาศได้เหมือนกัน
Jogging Track ยาวประมาณ 55 เมตร เป็นเส้นทางวิ่งรอบๆ Urban Farming
Urban Farming
Urban Farming เป็นพื้นที่สำหรับปลูกพืชผักสวนครัว เช่นมะเขือเทศ กะเพรา โหระพา เตย หอมพืชผักกินผล เช่น มะกรูด มะนาว พริกขี้หนู ซึ่งนิติบุคคลจะแบ่งเอาไปให้ลูกบ้านนําไปประกอบอาหารทานได้
Building B & C
ถัดเข้ามาด้านในที่อาคาร B และ C ซึ่งทางโครงการออกแบบ Lobby ให้เชื่อมต่อกันจึงมีชื่อเรียกเก๋ๆ ว่า Connecting Lounge
Connecting Lounge
Connecting Lounge เป็นพื้นที่ Semi- Outdoor ให้มานั่งรับลมได้ โดยจะมีชุดโซฟาสีส้มสดใสวางไว้ให้มาใช้งาน หรือถ่ายรูปเก๋ๆ ได้
Smart Locker อาคาร B และ C
Lobby ของอาคาร B และ C ออกแบบมาคล้ายกันเลยนะคะ เปิดเข้ามาโซนแรกจะมี Smart Locker ให้ฝากของได้เหมือนที่อาคาร A และเมื่อผ่านเข้ามาด้านในจะเป็นโซนพักคอยกว้างๆ ตกแต่งมาด้วยโทนสีส้ม ดูสดใส และยังคง Gimmick แบบ The Dutch Aesthetic เช่น ฝ้าเพดานสูงทรงจั่ว และประตูแบบซุ้มโค้ง ที่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ยุโรป
นอกจากนี้ภายใน Lobby ทั้ง 2 อาคารยังมี Meeting Room ให้ใช้ทำงานได้อย่างเป็นส่วนตัวด้วยค่ะ
Building B
Building B - Ground Floor Plan
Building C
Building C - Ground Floor Plan
สำหรับอาคาร B และ C ชั้นล่างจะเป็นที่จอดรถและ Connecting Lounge ส่วนชั้น 2-8 จะเป็นห้องพักอาศัยซึ่งการวางผังจะคล้ายๆกับอาคาร A คือส่วนใหญ่จะเป็นห้อง 1 Bedroom 24 ตร.ม. และมีห้อง 1 Bedroom Plus อยู่ตรงมุมอาคารทั้ง 2 ฝั่ง โถงลิฟต์มีอาคารละ 2 ตัวค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
Ground Floor
- Living Lounge
- Connecting Lounge
2nd Floor
- Multiplay Space
- Entertainment Space
- Workshop Space (เปิด 24 ชั่วโมง)
3rd Floor
- Co-Working Space (เปิด 24 ชั่วโมง)
4th Floor
- Lifestyle Kitchen
- Live Studio (เปิด 24 ชั่วโมง)
- Semi-Outdoor BBQ
5th Floor
- Active Space
6th Floor
- Functional Training Room
- Yoga & Dance Room
7th-8th Floor
- Step Garden
- ห้องน้ำ
Rooftop
- Scenic Sky Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 20×5เมตร เมตร ลึก 1.20 เมตร / แบ่งสระเด็ก ลึก 0.60 เมตร
- Scenic Sky Yard
- Urban Farming
- Jogging Track
อื่นๆ
- ลิฟต์โดยสาร 7 ตัว (อาคารละ 2 ตัว + ลิฟต์พื้นที่ส่วนกลาง 1 ตัว)
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 104 : 1
- ที่จอดรถคิดเป็น 43% รวมซ้อนคัน (มี 3 EV Parking Slot + Priority Park อาคารละ 2 จุด)
- รถยนต์เข้าออกโครงการด้วยระบบ Bluetooth
- ใช้ Key Card ในการเข้าออกอาคาร
- ประตูโครงการเป็นไม้กั้นกระดก
แบบห้อง
ปัจจุบันห้องพักอาศัยในโครงการ CHAPTER ONE ALL RAMINTRA (แชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา) มีรูปแบบห้องที่เปิดขายอยู่ 4 แบบ ซึ่งมี 2 แบบที่เพิ่มเติมเข้ามาจากตอนเปิดตัวโครงการด้วยนะคะ เป็นการปรับห้องตาม Feedback ลูกค้าว่าที่อยากได้ห้องขนาดใหญ่ จึงมีห้อง 1 Bedroom Extra Space 32.26 ตร.ม. และ 2 Bedroom Family Extended 39.8 ตร.ม. มาให้เลือกจำนวน 14 ห้อง และหากมองหาห้องที่ราคาจับต้องง่ายก็ยังมี 1 Bedroom ทั้ง 24 ตร.ม. และ 26.9 ตร.ม. ให้เลือกอยู่นะคะ
สรุปรูปแบบห้องที่มีให้เลือกในปัจจุบัน ดังนี้
- 1 Bedroom ALL-ROUND ขนาด 24 ตร.ม. เริ่ม 2.39 ล้านบาท
- 1 Bedroom FASHIONISTA ขนาด 26.9 ตร.ม. เริ่ม 2.59 ล้านบาท
- 1 Bedroom EXTRA SPACE ขนาด 32.26 ตร.ม. เริ่ม 3.49 ล้านบาท
- 2 Bedroom FAMILY EXTENDED ขนาด 39.8 ตร.ม. เริ่ม 4.29 ล้านบาท
รูปแบบการขายของโครงการนี้คือ Fully Furnished ให้ชุดครัว, สุขภัณฑ์, เฟอร์นิเจอร์ทั้งลอยตัว และ Built-in รวมถึงแอร์ สรุปวัสดุอุปกรณ์ที่ได้ในห้องพักตามนี้ค่ะ
- Digital Door Lock
- พื้นห้องพัก : SPC
- พื้นห้องน้ำ : กระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 cm.
- พื้นห้องครัว : กระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 cm.
- พื้นระเบียง : กระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 cm.
- ผนัง : ฉาบเรียบทาสี
- Hob & Hood & Sink : HAFELE
- Top : Composite Marble Stone
- Backsplash : Back painted glass
- โถสุขภัณฑ์ + ฝักบัว : HAFELE
- อ่างล้างหน้าพร้อมก๊อกน้ำ : COTTO
- ฉากกั้นอาบน้ำ : Tempered Glass
เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว
- Sofa
- TV Cabinet and Shoes Cabinet
- Dining Table
- Chair
- Smart Cabinet
- Bed 5 ft
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ห้องตัวอย่างแบบ 1 Bedroom ขนาด 24 ตร.ม.
เรามาดูห้องตัวอย่างแรกกันกับ ALL-ROUND 1 Bedroom ห้องนี้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ฝั่ง ส่วน Service และส่วนพักผ่อน โดยการวางผังจะเน้นการจัดฟังก์ชันให้ใช้งานได้ครบครัน ทั้งห้องนั่งเล่นที่สามารถวางโซฟาแบบ 2-3 ที่นั่ง มีพื้นที่สำหรับ Built-in ตู้วางรองเท้าหรือวางทีวี จัดมุมรับประทานอาหารหรือมุมทำงานได้ ห้องนอนมีการกั้นผนังและห้องครัวอยู่หลบมุมเป็นสัดส่วน สามารถเปิดประตูระเบียงระบายอากาศตอนทำอาหารได้
และในช่วงที่เราไปรีวิวทางโครงการก็มี Promotion “ALL-LIVING PACKAGE” ซึ่งเรียกว่ามาครบทั้งของตกแต่งและเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย เหมาะกับใครที่อยากได้ห้องสวยๆ แต่ไม่ชอบตกแต่งเอง หรือซื้อปล่อยเช่าก็สะดวกมากๆ เลย โดยเราสรุปเฟอร์ฯ ที่ได้เพิ่มมา ดังนี้
- ฟูก + เซตผ้าปูที่นอน + หมอนอิง
- กรอบรูป
- โคมไฟ
- พรม
- ม่าน
- วอลเปเปอร์
- Smart TV 43″ ยี่ห้อ Samsung
- ไมโครเวฟ ยี่ห้อ Samsung
- ตู้เย็น ยี่ห้อ Samsung
* เป็นโปรโมชั่น ณ วันที่ 2 กันยายน 2567 โปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
ประตูทางเข้าหน้าห้องเป็นบานลายไม้พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ โดยจะมีธรณีประตูเพื่อช่วยกันฝุ่นกันน้ำจากทางเดินส่วนกลางไม่ให้เข้าห้อง
ถัดเข้ามาด้านในจะเจอกับ Common Area ที่เชื่อมต่อกันระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอน ฝ้าเพดานของห้องนี้จะสูง 2.55 เมตร ส่วนพื้นเป็น SPC พื้นไม้สําเร็จรูป ที่ทนทานต่อความชื้น กันน้ำ กันปลวก กันไฟลาม
ห้อง Standard ที่ส่งมอบจะขายแบบ Fully Furnished พร้อม Promotion ALL-LIVING PACKAGE ตามแบบในรูปด้านล่างนะคะ
ทุกห้องของโครงการจะออกแบบให้สามารถวางโซฟาขนาดใหญ่ประมาณ 1.80 เมตรได้เลย และมีการดีไซน์ซ่อนเสาในห้องนั่งเล่นกับห้องนอน ทำให้เวลาเราจะวางเฟอร์นิเจอร์หรือ Built-in อะไรก็ทำได้ง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องเสาค่ะ
สำหรับโซฟาที่โครงการให้มามีขนาด 2-3 ที่นั่ง คลุมด้วยผ้าสีเทา ที่ทำให้ Match กับสไตล์ตกแต่งต่างๆ ได้ง่าย
ชั้นวางทีวีที่โครงการติดตั้งมาให้มีหน้าบานปิดเรียบร้อย ภายในจะแบ่งเป็นช่องเก็บของย่อยๆ เราสามารถแบ่งช่องแรกมาให้เก็บรองเท้าได้ด้วยนะ เพราะเค้าออกแบบเป็นชั้นวางของ ต่างจากตู้อื่นๆ ที่ออกแบบมาเป็นลิ้นชักค่ะ
มือจับตู้มีการปาดมุมด้านบนให้สอดมือเข้าไปจับได้
ติดกับโซฟาเป็นตำแหน่งของชุดโต๊ะทานข้าวแบบ 2 ที่นั่ง ซึ่งเราสามารถใช้เป็นโต๊ะทานข้าวหรือจะใช้เป็นโต๊ะทำงานด้วยก็ได้นะ
โต๊ะที่ให้มาเป็นโต๊ะสูงวางเข้ามุม มาพร้อมเก้าอี้มีพนักพิงแบบรูปด้านล่าง รอบโต๊ะมีพื้นที่ให้ดึงเก้าอี้ออกมานั่งได้สะดวก
ระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน แยกพื้นที่ออกจากกันให้เป็นสัดส่วน แต่ถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวในห้องนอนเพิ่มก็สามารถติดตั้งม่านเพิ่มเติมได้นะ เพราะโครงการแถมมาให้เฉพาะม่านที่ติดกับหน้าต่างเท่านั้นค่ะ
ภายในห้องนอนสามารถวางเตียง 5 ฟุตและตู้เสื้อผ้าได้ โดยจะมีช่องแสง+บานกระทุ้งให้ความสว่างกับตัวห้องอยู่ 1 จุด และผนังฝั่งปลายเตียงสามารถแขวนชั้นวางของและติดตั้งทีวีได้
ข้างเตียงมีพื้นที่สำหรับยืนเลือกเสื้อผ้า ให้หมุนตัวส่องกระจกได้สะดวก
ตู้เสื้อผ้าด้านในจัดช่องเก็บของไว้ให้ตามนี้เลย เป็นตู้บานทึบกรุผิวเมลามีนลายไม้ค่ะ
อีกฝั่งหนึ่งของห้องจะเป็นส่วน Service ได้แก่ครัว ห้องน้ำ และระเบียง ถึงไม่ได้กั้นประตูมาให้แต่ก็ได้ความเป็นสัดส่วน
สำหรับครัวจะเชื่อมต่อกับระเบียงเลย เวลาทำอาหารก็สามารถเปิดประตูระบายอากาศได้ ทางเดินกว้างประมาณ 70 ซม. ซึ่งทางโครงการจะมีเคาน์เตอร์ครัวมาให้ทั้งเคาน์เตอร์ล่างและบน แถมโปรโมชั่นตอนนี้จะมีไม่โครเวฟและตู้เย็นมาให้ด้วยนะคะ
ชุดครัวเราได้เคาน์เตอร์ยาว 1.20 เมตร กรุผิวด้วยเมลามีนลายไม้ แบ่งช่องเก็บของได้ตามภาพ และมีช่องสำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้าเตรียมไว้ให้ด้วย
Top ครัวจะได้เป็น Composite Marble Stone และ Backsplash เป็นกระจกสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย
อ่างล้างจานแบบหลุมเดี่ยว ของ HAFELE ขนาดตามมาตรฐาน
เตาไฟฟ้ามาพร้อมเครื่องดูดควันของ HAFELE อีกเช่นกัน
ตู้ลอยด้านบนจะมีหน้าบานปิด ช่วยกันฝุ่น และมีช่องวางไมโครเวฟเตรียมไว้ให้
พื้นที่ระเบียงมีขนาด 1.22 x 1.05 เมตร ใช้ตากผ้าเล็กน้อยๆ ได้ แต่แนะนำว่าใช้เครื่องอบผ้าแทนก็น่าจะช่วยให้สะดวกขึ้นนะคะ
ตำแหน่งวาง Condensing Unit ของแอร์จะเป่าออกด้านข้าง ซึ่งเราสามารถไปหาซื้อ Grill เปลี่ยนทิศทางลมมาติดเพื่อเบี่ยงลมร้อนไม่ให้โดนตัวเวลาออกไปใช้งานได้
ติดกับครัวจะเป็นห้องน้ำ
ห้องน้ำออกแบบโดยใช้กระเบื้องสีขาวตัดกับผนังที่ทาสีส้ม กั้นพื้นที่เป็นส่วนแห้งส่วนเปียกด้วยฉากกั้นอาบน้ำ
อ่างล้างหน้าเป็นแบบที่มีเคาน์เตอร์เก็บของด้านล่างได้ มาพร้อมก๊อกน้ำของ COTTO และมีกระจกทรงโค้งมน เก๋ๆ มาให้
โถสุขภัณฑ์ของ HAFELE ติดตั้งมาพร้อมสายฉีดชำระ และที่ใส่กระดาษชำระ
พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 0.90 x 0.97 เมตร ยืนอาบได้สบาย
มีช่องเอาไว้วางของและมีติดตั้งงานระบบสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อย ฝักบัวได้เป็นของ HAFELE
1 Bedroom 26.9 ตร.ม.
ต่อมาเป็นห้อง 1 Bedroom FASHIONISTA ขนาด 26.9 ตร.ม. ขนาดจะใหญ่กว่าห้องแรกเล็กน้อย แต่การจัดแปลนนั้นต่างกันเลยค่ะ ห้องนี้ดูแล้วเหมาะกับชาว Fashionista ตัวแม่ตัวมัมที่ต้องการ Walk-in Closet แบบเป็นสัดส่วน ชอบตู้เสื้อผ้าใหญ่ๆ มีที่เก็บอุปกรณ์แต่งตัวเยอะๆ
ห้องนอนมีประตูกระจกกั้นเป็นสัดส่วน ในส่วนของครัวจะเป็นครัวเปิด อยู่ในพื้นที่เดียวกับห้องนั่งเล่น จึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้ทำอาหารที่มีกลิ่นฉุนบ่อยนัก รองรับการอยู่อาศัย 2 คนได้ แต่ส่วนตัวเราว่าอยู่คนเดียวกำลังสบายค่ะ
เข้ามาจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นและที่นั่งรับประทานอาหาร ส่วนด้านในคือห้องนอน สังเกตว่าบรรยากาศของห้องโดยรวมดูสว่างดี เพราะได้แสงธรรมชาติผ่านห้องนอนเข้ามาค่ะ
พื้นที่ส่วนแรกจะเป็น Common Area รวมห้องนั่งเล่นและโซนครัวเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งโปรโมชั่นในตอนนี้เราจะได้เฟอร์ฯ เกือบครบตามห้องตัวอย่าง พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยนะคะ
โซนแรกสุดเป็นห้องครัวที่มีเคาน์เตอร์ Built-in มาให้ครบครัน ตามแบบในห้องแรกเลยนะคะ
ข้างโซฟาเราจะได้ชุดโต๊ะทานข้าวแบบ 2 ที่นั่ง จึงสามารถนั่งทานข้าวไปดูทีวีไปได้นะคะ
พื้นที่นั่งเล่นมีระยะดูทีวีประมาณ 2.4 เมตร สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้
ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องนอนที่มีประตูกระจกกั้นเพิ่มความเป็นส่วนตัว ซึ่งประตูเป็นแบบ 3 ตอนจึงเปิดได้กว้างมาก ทำให้ห้องดูโปร่งขึ้น
ห้องนอนจะมาพร้อมฐานเตียงขนาด 5 ฟุต วางไว้ชิดหน้าต่าง จึงสามารถนอนชมวิวได้จากบนเตียงได้ และปลายเตียงก็สามารถติดทีวีแบบแขวนผนังได้ด้วยค่ะ
ด้านข้างเตียงจะมีพื้นที่เหลือพอให้วางโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งได้
อีกฝั่งหนึ่งของห้องจะมีทางเดินเข้าโซน Walk-in Closet
ภายใน Walk-in Closet จะมีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่มาให้ และมีทางเดินยาวเชื่อมไปยังห้องน้ำ และระเบียง
ตู้ขนาดใหญ่กว่าห้องแรกเป็น 2 เท่า แบ่งช่องเหมือนในห้องตัวอย่างเลย ซึ่งจะอยู่ติดกับห้องน้ำพอดี จึงใช้งานเชื่อมต่อกันได้สะดวก
ตู้เสื้อผ้า Built-in นี้ได้ความสูงถึงฝ้าเพดานเลยนะคะ จึงเก็บของได้เต็มพื้นที่
ระเบียงมีพื้นที่ขนาดประมาณ 1 x 1.3 เมตร พอให้วางราวตากผ้าได้นิดหน่อย ดีที่โครงการติดคอมเพรสเซอร์แอร์แบบแขวน จึงใช้งานระเบียงได้เต็มที่
ปิดท้ายด้วยห้องน้ำที่ภายในแบ่งพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งไว้เรียบร้อย ด้านในติดตั้งวัสดุอุปกรณ์ให้ครบถ้วนเหมือนกับห้องน้ำในห้องแบบแรกเลยนะคะ
ราคา
CHAPTER ONE ALL RAMINTRA (แชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา) ราคา ณ วันที่ 2 กันยายน 2567
- 1 Bedroom All-Round ขนาด 24 ตร.ม. เริ่ม 2.39 ล้านบาท
- 1 Bedroom Fashionista ขนาด 26.9 ตร.ม. เริ่ม 2.59 ล้านบาท
- 1 Bedroom Extra Space ขนาด 32.26 ตร.ม. เริ่ม 3.49 ล้านบาท
- 2 Bedroom Family Extended ขนาด 39.8 ตร.ม. เริ่ม 4.29 ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Fully Furnished
- Promotion ปัจจุบัน : ALL-LIVING PACKAGE
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.55 เมตร
- จอง 5,000 บาท
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเล : CHAPTER ONE ALL RAMINTRA (แชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา) ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่รามอินทรา จึงมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูผ่านหน้าโครงการเลยค่ะ ภาพรวมของโซนนี้จะเป็นโซนที่พักอาศัยที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งสถานศึกษา, โรงพยาบาล, ตลาด, ศูนย์การค้า, Hypermarket, Community mall ให้ใช้งานกันแบบครบถ้วน อย่างในระยะใกล้ๆ โครงการเลยจะมี Big-C Extra รามอินทรา, The JAS รามอินทรา, Foodland, Ease Park รวมถึงเซ็นทรัล รามอินทราด้วย จัดว่าเป็นทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์ครบครันตามชื่อ ALL ที่ต่อท้ายโครงการเลยค่ะ
การเดินทางโดยใช้รถ : เนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ ช่วงรามอินทราตอนต้น การเดินทางจึงสะดวก สามารถใช้เส้นทางไปเชื่อมต่อกับถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนประดิษฐ์มนูธรรมและไปขึ้นทางด่วนได้สะดวก
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : โครงการอยู่ติดถนนใหญ่จึงเรียกรถสาธารณะได้สะดวก อีกทั้งยังใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพูสถานีลาดปลาเค้าในระยะ 250 เมตร ซึ่งถ้านั่งไปอีก 2 สถานีก็จะถึงสถานีวัดพระศรีฯ ซึ่งเป็นสถานี Interchange กับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวที่ใช้วิ่งเชื่อมต่อเข้าเมืองไปทางลาดพร้าว และนั่งยาวไปถึงสยามได้เลย
วัสดุ : โครงการขายแบบ Fully Furnished พร้อมโปรโมชั่น “ALL-LIVING PACKAGE” เรียกว่ามาครบทั้งฟูก, ผ้าปูที่นอน, ม่าน, วอลเปเปอร์, ของตกแต่งและเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่เราดูๆ เห็นจะต้องซื้อเพิ่มแค่เครื่องซักผ้า จึงเหมาะกับใครที่อยากได้ห้องสวยๆ แต่ไม่ชอบตกแต่งเอง หรือซื้อปล่อยเช่าก็สะดวกมากๆ ค่ะ เฟอร์ฯ ที่ให้มาครบครันก็ทำให้ราคาปรับขึ้นจากตอนเปิดโครงการใหม่ๆ ที่เป็น Fully Fitted อยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเทียบกับคอนโดโดยรอบเรามองว่าของที่ให้ก็คุ้มราคาแล้วนะคะ
การออกแบบโครงการ : ทำออกมาได้สวย โดยมีการหยิบยกเอา Element ต่างๆในเมือง Amsterdam ทั้ง Shape หลังคาจั่ว โทนสีของสถาปัตยกรรมอย่างสีครีม ส้ม แดง การดีไซน์หลังคาให้ปาดเฉียงลงเสมือนเราอยู่ในห้องใต้หลังคา ทำให้บรรยากาศมีความอบอุ่นและเป็นกันเองมากขึ้น แม้ยูนิตจะดูเยอะกว่าโครงการอื่นๆ แต่การออกแบบที่แบ่งเป็น 3 อาคาร ทำให้ในแต่ตึกเพื่อนบ้านไม่เยอะนัก และโครงการยังแยก Facility Zone ไว้คนละส่วนกับห้องพักอาศัยเลย ทำให้ลูกบ้านได้ความเป็นส่วนตัวสูง ใครที่ชอบใช้พื้นที่ส่วนกลางบ่อยๆ แนะนำให้เลือกตึก A เลยค่ะ เดินใกล้ดี
การออกแบบห้องพัก : บอกเลยว่าการเปิดตึกเสร็จรอบนี้มีข่าวดีว่ามีห้องไซส์ใหญ่เพิ่มมาให้เลือกกันอีก 2 แบบ เป็นการปรับห้องตาม Feedback ลูกค้าว่าที่อยากได้ห้องขนาดใหญ่ จึงมีห้อง 1 Bedroom Extra Space 32.26 ตร.ม. และ 2 Bedroom Family Extended 39.8 ตร.ม. มาให้เลือกจำนวน 14 ห้อง และหากมองหาห้องที่ราคาจับต้องง่ายก็ยังมี 1 Bedroom ทั้ง 24 ตร.ม. และ 26.9 ตร.ม. ให้เลือกอยู่นะคะ ซึ่งการออกแบบห้องก็รองรับหลายไลฟ์สไตล์ทั้งชาว Fashionista ที่อยากได้ Walk-in Closet ใหญ่ๆ และคนที่ชอบทำครัวเป็นประจำก็มีครัวติดระเบียงให้เลือกเช่นกัน
สาธารณูปโภค : พื้นที่ส่วนกลางถือว่าเป็นไฮไลท์ของโครงการเลยเพราะจัดมาให้ใช้หลากหลายและมีพื้นที่ส่วนกลางที่อาคาร A แยกออกมาต่อเนื่องกันถึง 8 ชั้นรองรับทั้งการทำงาน, Live ขายของ, พักผ่อน, เล่นพูล, ดูหนัง, ออกกำลังกาย, ปีนผา, ทำ Workshop นี่ยังไม่หมดนะคือมันเยอะมากจริงๆ อยากให้ทุกคนได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง
ส่วนที่เราชอบคือ สระว่ายน้ำชั้นบนสุด ซึ่งไม่ใช่ทุกโครงการในระดับราคานี้ที่ให้แบบนี้นะคะ นอกจากนี้ยังมีสวนหย่อมบนชั้น Rooftop ให้มานั่งเล่น, Jogging รับลมเปลี่ยนบรรยากาศกันด้วย ถือว่าให้มาเยอะเลยเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 95,500 บาท/ตร.ม., 2 กันยายน 2567
- ทำเล 8/10 – โครงการตั้งอยู่ในโซนรามอินทราตอนต้น สิ่งอำนวยความสะดวกครบ
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – สะดวกเพราะอยู่ติดถนนใหญ่ เชื่อมต่อเส้นทางได้หลายสาย
- ไม่ใช้รถ 8.25/10 – ใกล้รถไฟฟ้าสถานีลาดปลาเค้า 250 เมตร เรียกรถสาธารณะง่าย
- วัสดุ 8/10 – ครบครัน หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย
- แบบ 8.75/10 – ออกแบบสวยน่าใช้งานตาม Concept จัดฟังก์ชันลงตัว
- สาธารณูปโภค 8.75/10 – จัดเต็ม ส่วนกลางต่อเนื่อง 8 ชั้น + RoofTop รองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย
- MAIN CLASS
- 8.15 / 10.00
CHAPTER ONE ALL RAMINTRA (แชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา) เหมาะกับใคร
โครงการ CHAPTER ONE ALL RAMINTRA (แชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา) เหมาะกับคนที่อยากได้คอนโดที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ใกล้รถไฟฟ้าโซนรามอินทราตอนต้น เพื่อใช้เดินทางไปทำงานในโซนศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ หรือ Interchange กับสายสีเขียวเพื่อไปทำงานในโซนลาดพร้าว, รัชโยธินได้ง่าย ชอบทำเลที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและความอุดมสมบูรณ์ครบครัน ไม่ติดว่าจะออกนอกเมืองมาหน่อย
อยากได้คอนโดที่มีส่วนกลางแบบจัดเต็ม และมีสระว่ายน้ำชั้นบนสุดเพื่อเปิดรับวิวเมืองมุมสูง ชอบห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์มาให้ ง่ายต่อการเข้าอยู่ มองหา 1-2 Bedroom ในราคา 2 ล้านต้นๆถึง 4 ล้านบาท หรือผ่อนเริ่มต้นประมาณ 16,730-30,030 บาท/เดือน
Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!
โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ
เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่