รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.17 – Chambers รามอินทรา by SC Asset
17 มีนาคม 2013
สวัสดีครับ รีวิวฉบับที่ 316 … Chambers รามอินทรา หมู่ตึก Low Rise 7 ชั้น 3 ตึก หน้ากว้างประมาณ 130 เมตร ติดถนนตัดใหม่รัชดา-รามอินทรา โดย SC Asset ซึ่งโครงการนี้มาแบบเน้นห้องขนาดใหญ่ มีทั้ง 1/2/3 Bedroom เลย ซึ่งต้องถือว่างานนี้เค้ากล้าทำมาก 3 อาคารแต่มีแค่ 152 ยูนิต ซึ่งในนี้เป็นยูนิตแบบ 2 Bed ไปแล้วเกือบๆ 70% แถมยังจัดที่จอดรถมา 152 พอดีกับจำนวนยูนิตเลย และสำหรับยูนิตแบบ 2 Bed/3Bed จะ Fix ที่จอดรถให้ยูนิตละ 1 คัน เข้าซองได้ทุกคันด้วย จะทำออกมาเป็นยังไงลองไปดูกันครับ
Fact @ 6 March 2012
- Chambers รามอินทรา
- SC Asset Plc.
- ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- คอนโด Low Rise 7 ชั้น 3 อาคาร 152 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 152 คัน คิดเป็น 100% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- Fix ที่จอด 1 คัน/ห้อง เฉพาะแบบ 2 Bedroom และ 3 Bedroom เท่านั้น
- ขนาดที่ดิน ประมาณ 4 ไร่
- 1 Bedroom/2 Bedrooms/3 Bedrooms
- พื้นที่ใช้สอย 45-96 ตารางเมตร
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 2.29 ล้านบาท
- ราคาต่อตารางเมตรประมาณ 54,000 บาท
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
โครงการ Chambers รามอินทรา ต้ังอยู่บนถนนตัดใหม่รัชดา-รามอินทราครับ ซึ่งหลายๆคนอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นกับถนนเส้นนี้เท่าไรนัก เพราะพึ่งจะสร้างเสร็จเมื่อปี 2551 ที่ผ่านมานี้เอง ถนนเส้นนี้เป็นถนนที่ตัดจากถนนเกษตรนวมินทร์ (ประเสริฐมนูกิจ) มาที่ถนนรามอินทรา บริเวณใกล้กับแยกรามอินทราตัดกาญจนาภิเษก ริมสองฝั่งข้างทางของถนนเส้นนี้ ตรงช่วงนวมินทร์ ถึง รามอินทรานี่ก็มีโครงการมาขึ้นเพียบ ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโด ทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์ และ Chambers ก็เป็นหนึ่งในนั้นนั่นเอง
มาดูแผนที่ Google บ้าง การไปโครงการ มาได้จาก 2 ทางหลักๆครับ คือ (1) จากถนนรามอินทรา และ (2) จากถนนนวมินทร์ครับ ใครที่มาจากวงแหวนกาญจนา ก็ต้องลงรามอินทราก่อนถึงจะเข้าถนนเส้นนี้ได้ หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องใช้ถนนคู่ขนานวงแหวนด้านนอกเอา
การเดินทางด้วยรถยนต์ ถ้าวิ่งเข้าเมือง เส้นที่สะดวกที่สุดก็คงจะเป็นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ โดยใช้ถนนตัดใหม่วิ่งจากหน้าโครงการไปตรงๆก็จะไปเจอกับถนนเกษตรนวมินทร์ที่ไปเชื่อมกับประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วน) ซึ่งเส้นนี้น่าจะเป็นหนึ่งในเส้นที่ใช้บ่อยที่สุดเลย ทางด่วนเส้นนี้รถเยอะเป็นปรกติ ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แต่ถ้าชีวิตประจำวันไปแถวบางนา-บางปะอิน แล้วสามารถใช้วงแหวนได้ จะค่อนข้างสะดวกกว่ามาก เพราะนอกจากจะอยู่ใกล้ทางขึ้นวงแหวนมากกว่าแล้ว ถนนกาญจนาภิเษกยังสามารถรองรับปริมาณรถได้เยอะกว่า รถคล่องตัวกว่า
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว คนที่อยู่ที่นี่ก็คงจะไปมาหาสู่กับทำเลที่อยู่ในโซนนอกเมืองฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ในบริเวณข้างเคียงได้ค่อนข้างที่จะสะดวก เพราะระยะทางไม่ได้อยู่ห่างกันมาก ไม่ว่าจะเป็น รามอินทรา, มีนบุรี, เกษตร-นวมินทร์, เลียบทางด่วน, หลักสี่ พวกนี้น่าจะได้ไปบ่อยๆ และบางคนก็อาจจะเลยไปถึง ลาดพร้าวตอนปลาย, บางกะปิ, ลำสาลี, หัวหมาก, รามคำแหง โซนนั้นเลย แถวนั้นรถก็อาจจะติดสาหัสหน่อย
ห้างสรรพสินค้าที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับคนที่อยู่แถวนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น Fashion Island นะครับ ที่ตอนนี้เปิดห้าง The Promenade เฟสที่อยู่ติดกันแล้ว แลดูหรูหราไฮโซดูดีกว่าเดิมแยะ มีทั้ง Shopping Center, Dining และ Lifestyle Mall แบบ All-in-One ตัวห้างอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2.5 กม. (แต่จาก Chambers ไปห้าง กินระยะทางประมาณ 6 กม.เพราะต้องกลับรถด้วย 2 รอบ) ส่วนถ้าเน้นเป็นไฮเปอร์มาร์เก็ต ซื้อของเป็นหลัก ก็ยังมีเทสโก้โลตัสที่อยู่บนถนนนวมินทร์ด้วย ห่างจากโครงการราวๆ 2.5 กม. ด้วยเช่นกัน ระยะทางไม่หนีกันมาก แต่ถ้าหากจะเน้น กิน ดื่ม เที่ยว ให้มีระดับขึ้นมาอีกหน่อย ก็ต้องไปเส้นเลียบทางด่วนรามอินทราเลย ซึ่งแถวนั้นก็จะมีทั้ง The Crystal, CDC และร้านอาหารร้านค้าดีๆสองฝั่งฟากถนนให้เลือกตามใจชอบ
ต่อไปจะพาไปดูโครงการกันนะครับ อันนี้ผมขับรถจากรามอินทรามุ่งหน้ามีนบุรีมาครับ บอกก่อนเลยว่าโครงการนี้ทำขึ้นมาสำหรับคนที่มีรถ เค้าเตรียมที่จอดรถให้ยูนิตละ 1 คัน แต่ Fix ที่จอด 1 คัน/ห้อง เฉพาะแบบ 2 Bedroom และ 3 Bedroom เท่านั้นนะครับ แบบ 1 Bedroom จะได้ไม่สิทธิ์ Fix ที่จอด เพราะถนนเส้นนี้ไม่ใช้รถนี่ลำบากแน่ครับ จะไปไหนมาไหนนี่ เรียกแท็กซี่หน้าโครงการอาจจะพอมีบ้าง แต่รถเมล์หรือรถตู้นี่ผมไม่แน่ใจนะครับ ใครรู้รายละเอียดยังไงช่วยบอกด้วย นอกจากนี้ความอุดมสมบูรณ์แถวๆทำเลโครงการนี่ถือว่าค่อนข้างกันดารครับ หาของกินยาก ต้องนั่งรถไป
เอาล่ะไปโครงการกันเลย เริ่มจากถนนรามอินทรา มุ่นหน้ามีนบุรี
เราจะวิ่งลอดใต้ทางหลวงกาญจนาภิเษก หรือวงแหวนรอบนอกก่อน
จากนั้นจะขับผ่าน Fashion Island และ The Promenade ที่อยู่ไกลๆบนถนนด้านนอก ทางซ้ายมือ
แล้วก็จะเจอสะพานวนไปทางขวาแบบนี้ ตรงนี้ต้องสังเกตนิดนึง ไม่มีป้ายบอก
พอจะลงสะพานก็จะเจอสะพานอีกอันให้ขึ้น ต้องขึ้นสะพาน 2 อันนะครับ ตามป้ายถนนนวมินทร์ไปเลย
ย้ำอีกครั้ง ขึ้นสะพาน 2 อัน
แล้วเราก็จะมาลงที่ถนนตัดใหม่ หรือที่เรียกกันว่า “รัชดา-รามอินทรา” ถนนเส้นนี้ อย่างที่บอกนะครับว่า มีโครงการที่อยู่อาศัยเปิดใหม่เรียงรายเต็มสองข้างทางเลย หน้าตาจะยังดูใหม่ๆอยู่ สีพึ่งทา
ซ้ายมือจะผ่านโครงการ Bangkok Boulevard รัชดา-รามอินทรา 2 แถวนี้เป็นถิ่นของ SC Asset เค้า มีโครงการเปิดเพียบ
เจอแฟลตของการเคหะฯ
ผ่านตึกแถวอาคารพาณิชย์ Work Place สีสันสดใสสวยงามแบบ Pastel เป็นจุดสังเกต
พอเลยทางเข้าของ Work Place ตรงนี้ก็สังเกตทางซ้ายมือ จะเจอทางเข้าของ Chambers แล้วนะครับ (มีซอยนวมินทร์ 74 แยก 3-7 เป็นซอยเล็กๆคั่นอยู่)
ถึงแล้ว
สำนักงานขายหน้าตาแบบนี้
ฝั่งตรงข้ามมองไป ก็จะเจอ Work Place อีกโครงการนึง ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามเลยจ้า
ลองไปวนรถเล่นดูนะว่าแถวๆนี้จะเป็นยังไง สภาพแวดล้อมก็อย่างที่เห็นครับ หน้าตาประมาณนี้ รถยนต์วิ่งกันอย่างหลวมๆ โล่งๆ ช่วงเวลาประมาณบ่าย 2 โมง
จุดกลับรถอยู่ใต้สะพานข้ามถนนนวมินทร์ ห่างจากโครงการประมาณ 800 เมตร
กลับรถไปอีกฝั่ง
สภาพถนนฝั่งตรงข้าม ถนน 4 เลนกว้าง วิ่งสบาย ไม่ต่างกัน สองข้างทางมีร้านค้าเล็กๆมาเปิดเรียงรายให้เห็นบ้าง
รั้วเขียวๆฝั่งตรงข้ามก็เป็นของ Work Place เข้าไปในซอยตรงนี้ก็จะเจอโครงกาทาวน์เฮาส์พรีเว่ของพฤกษา
ถัดไปเจอ Vista Park … เช่นเคย ของ SC Asset หมด ตรงที่ติดถนนใหญ่ พี่แกเล่น Sim City (SC) Asset อยู่สินะ…
จากตรงนี้ไปก็คือกลับไปถนนรามอินทรา แต่ถ้าขึ้นสะพานทางขวา ก็จะมีทางแยกไปเข้าถนนวงแหวนกาญจนาฯได้เลย
ก่อนจะถึงแยกตรงนี้มี Community Mall “The Junction” ด้วย ข้างในก็จะมีช้อปขายของต่างๆ
แต่ที่สำคัญมากๆและขาดไม่ได้ก็คือ เซเว่นอีเลฟเว่น และตู้ ATM… (จาก Chambers อย่าข้ามถนนมาเลยครับ ข้ามถนน 8 เลนคงจะเป็นเรื่องที่อันตรายอยู่ไม่น้อย อย่างน้อยก็ปั่นจักรยานไปกลับรถมาเถอะครับ แข็งแรงด้วยนะ)
และนี่ก็คือสะพานที่ว่า ถ้าขึ้นสะพานชิ้นซ้ายก็ไปวงแหวน หรือ ชิดขวาก็ไปมีนบุรี แต่เราจะกลับไปที่โครงการ ก็วิ่งข้างล่างนะ
ใต้สะพานเจอจุดกลับรถ แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายก็กลับไปรามอินทรา มุ่งหน้าหลักสี่
กลับรถมาแล้ว ตอนนี้เราย้อนไปที่ตัวโครงการ Chambers กันเลยครับ
เจาะลึกตัวโครงการ
มาดูรายละเอียดโครงการ กันบ้าง ป้ายโครงการและทางเข้าอยู่แบบนี้ ที่นี่ใช้โทนสีส้มดูร้อนๆ อุ่นๆดีครับ เอาคู่สีเทามาตัดหน่อยดูโมเดิร์นขึ้นมา
โครงการเป็นคอนโดมิเนียม 7 ชั้น 3 อาคาร A-B-C จากซ้ายไปขวา โดยอาคาร B จะใหญ่ที่สุดอยู่ตรงกลาง และเป็นอาคารที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก Facilities ต่างๆ
อาคาร A กับ C จะเล็กกว่า อยู่ขนาบข้างแบบนี้ จากมุมนี้เราจะเห็นว่า โครงการเอาหน้ากว้างอยู่ติดถนนใหญ่เลย ซึ่งความยาวตรงนี้ก็ร้อยกว่าเมตรได้ ทำให้ด้านหน้าโครงการเวลามองเข้ามาดูแกรนด์เลยทีเดียว
เนื่องจากโครงการนี้เน้นเรื่องคนใช้รถส่วนตัว จึงใจดีทำที่จอดรถมาให้ 152 ช่องจอด พอดีกับจำนวนยูนิต 152 ยูนิต ทั้งนี้ไม่รวมการจอดซ้อนกัน ทุกคันได้เข้าซองหมด และยูนิตแบบ 2 Bed/3 Bed ยังมีการ Fix ที่จอดรถให้ด้วยยูนิตละ 1 คัน จอดรถได้ทั้งใต้อาคารและพื้นที่จอดนอกอาคารดังที่เห็นในโมเดลนี้
สระว่ายน้ำที่ตึก B สระนี้วางอยู่ที่ชั้น G ยาว 30 เมตร ยาวมากกก สำหรับโครงการระดับ Economy Class แต่กว้าง 4 เมตร ซึ่งก็ไม่ค่อยกว้างเท่าไหร่ แต่ใช้ว่ายไป-กลับออกกำลังกายได้เลย ถ้าคนในสระไม่เยอะเกินไป
เนื่องจากเค้าอาจจะกลัวลูกบ้านตึก A กับ ตึก C จะน้อยใจ ก็เลยทำสวนหย่อมมีที่นั่งพักนั่งเล่นอยู่หน้าตึกเล็กทั้งสองด้วย
รั้วด้านหน้าโครงการตรงนี้ปลูกต้นไม้ริมรั้วเป็นแนวยาว ถ้าเป็นโครงการทั่วๆไปก็อาจจะฟังดูไม่มีอะไร แต่นี่ต้องบอกว่าเป็นคอนโดหน้ากว้างติดถนนเป็นร้อยเมตร เวลาขับรถผ่านก็จะให้ความรู้สึกคนละแบบกับโครงการหน้าแคบแน่นอน
Master Plan ทั้งหมดหน้าตาแบบนี้ครับ เป็นที่ดินหน้ากว้างติดถนนอย่างที่บอก มีที่จอดรถอยู่โดยรอบอาคาร มีทางเข้าออก 2 จุด อาคาร A และ C ชั้นล่างสุดจะเป็นที่จอดรถ และจะมีชั้นพักอาศัยตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไป ในขณะที่อาคาร B จะเริ่มตั้งแต่ชั้นล่างสุด ซึ่งยูนิตตรงนี้ก็จะเป็นยูนิตที่ติดกับสิ่งอำนวยความสะดวก พวกสระว่ายน้ำ สวนหย่อม และฟิตเนส เหล่านี้ก็จะอยู่ที่อาคาร B
ขึ้นมาดู Floor Plan ชั้น 2-7 ของตึก A และ C (แค่มองกลับด้านกัน) โถงทางเดินเป็นรูปตัว L แบบ Single Corridor นะครับ ทุกห้องก็จะไม่หันหน้ามาเจอกัน แถมยังเปิดให้เห็นวิวทางทิศใต้ เอาลมเอาแสงเข้ามาหมด แต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อเสียเช่นกัน เพราะสามารถมีฝุ่น น้ำฝน หรือนกเข้ามาได้ด้วย ห้องที่สวยที่สุดก็คงจะเป็นห้อง 3 Bed ที่อยู่ที่ปลายสุดของทางเดิน เป็นห้องหน้ากว้างติดผนังรับวิวและแสง 3 ด้าน รองลงมาก็จะเป็นห้อง 2-Bed Type C1 ที่เป็นห้องมุม ส่วนห้อง Type B2 อาจจะโชคร้ายหน่อย คืออยู่ติดลิฟท์
ตึก A และตึก C นี้จะค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูงทีเดียว เนื่องจากต่อชั้นมีเพียง 6 ยูนิตเท่านั้น ทั้งอาคารก็มี 36 ยูนิต มีลิฟท์โดยสาร 1 ตัว ซึ่งก็เพียงพอสำหรับคอนโด Low Rise ที่มีความหนาแน่นประมาณนี้
ดู Floor Plan ของตึก B บ้าง หน้าตาก็จะเหมือนเอาตึก A กับตึก C มาต่อกันตรงๆ มีห้อง 3-Bed หน้ากว้าง 2 ห้องต่อชั้น มีลิฟท์ 2 ตัว แยกสองฝั่ง ฝั่งละตัว แล้วห้อง Type B4 ก็จะเป็นห้องที่อยู่ติดลิฟท์เหมือนกัน ส่วนห้องที่อึดอัดที่สุดคือห้อง 1-Bed ของตึก B (สีส้มเข้ม) ที่จะโดนตึก A กับ ตึก C ที่อยู่ทั้งสองข้างบังวิวจนมิดเลย แถมระเบียงก็อยู่ตรงนั้นด้วย เลยต้องหันหน้าเข้าหาตึกตรงข้ามตลอด
ความหนาแน่นของตึก B ก็จะอยู่ที่ 12 ยูนิตต่อชั้น (ยกเว้นชั้น G ที่มี 8 ยูนิต) ซึ่งก็ยังถือว่าหลวมๆ เพราะมีแต่ห้องใหญ่ อัตราส่วนลิฟท์ก็ใช้งานได้ค่อนข้างเหลือเฟือ อยู่ที่ 40:1
ต่อไปเป็น Unit Plan เริ่มจาก 1 Bedroom 45 ตารางเมตร ห้อง Type A
ต่อมาเป็นแบบที่มีเยอะที่สุดในโครงการ คือ 2-Bedroom Type B พื้นที่ประมาณ 71 ตารางเมตร ห้องนี้มีห้องตัวอย่าง เดี๋ยวจะพาไปดูกันครับ
Type C เป็นห้อง 2 Bed ห้องมุม ที่มีผนังรับวิวได้สองด้าน (ในรูปผนังด้านล่างอาจจะเอียงๆหน่อย เป็นเพราะผมเอากล้องถ่ายใบ Unit Plan ให้ดูนะครับ ของจริงมันจะตรงๆ)
และสุดท้ายเป็นห้องตำแหน่งที่สวยที่สุดในแต่ละชั้น คือห้อง Type D แบบ 3 Bedroom ขนาด 94-96 ตารางเมตร ที่มีผนังรับวิว 3 ด้าน ที่เดี๋ยวเราจะพาไปดูด้วย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำยาว 30 เมตร กว้าง 4 เมตร ระบบเกลือ ที่ตึก B
- ห้องออกกำลังกาย
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 1 ตัวสำหรับอาคาร A และ C / 2 ตัวสำหรับอาคาร B อัตราส่วน 36:1 และ 40:1 ตามลำดับ
- ระบบ CCTV / Access Card
Product Walkthrough
ไปดูห้องตัวอย่างกัน เริ่มจากห้องแบบ 2 ห้องนอน Type B1 ขนาด 71 ตารางเมตร ห้องนี้ขายแบบ Fully Furnished นะครับ
ทางเข้าห้องจะเป็นอย่างที่เห็นนี่เลยครับ คือมี Foyer Outdoor หน้าบ้านแบบนี้ (เฉพาะ Type B นะ) ซึ่งมัันจะเว้าเข้าไปในแต่ละห้อง ดังนั้นถ้ายืนอยู่ด้านหน้าก็จะมองไม่เห็นประตูบ้านของบ้านข้างๆ สร้างความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
ที่ Foyer มีหน้าต่างของห้องนอนให้แสงเข้าได้ อย่าลืมว่าหน้าบ้านอยู่ทางทิศใต้ ที่เป็นผนังเปิด ด้านนี้จะมองเห็นวิว และรับลมได้ เค้าจึงดีไซน์ให้มีหน้าต่างของห้องนอนอยู่ตรงนี้ด้วย
อีกฝั่งหนึ่งของ Foyer ติดตั้งช่องเก็บของอารมณ์เหมือน Mailbox เอาไว้ให้ดูเป็นไอเดีย แต่ Mailbox จริงๆก็จะมีอยู่แล้วของทางโครงการครับ
เดินเข้าห้องก่อนเลยดีกว่า วัสดุพื้นเป็น Laminate หนา 8มม. เลือกสีได้สวยดีครับ
มือจับประตูแบบก้านโยก ใช้กุญแจล็อค
เดินเข้าห้องมา First Impression เป็นแบบนี้ สิ่งที่จะเจอก่อนก็คือครัวที่อยู่ทางด้านขวามือ และส่วนของ Living Area
ข้างๆประตูมีตู้เก็บรองเท้าแบบ Built-in ให้
มีช่องสำหรับเก็บกุญแจ และของกระจุกกระจิกก่อนออกจากบ้าน ตะขออันนั้นเค้าก็ทำมาให้ด้วยนะ
เปิดดูข้างใน
ครัวที่อยู่ติดกับทางเข้าเป็นครัวกึ่งเปิดกึ่งปิด ที่กั้นด้วยกระจกใส ซึ่งถ้าจะทำครัวหนักก็กั้นกระจก แล้วเปิดเครื่องดูดควันเอา ก็จะดูดกลิ่นอาหารออกไปปล่อยที่นอกอาคาร แต่ถ้าไม่ได้ใช้ ก็เปิดออก เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ส่วนครัวเข้ากับห้องนั่งเล่น ทำให้มี Space เพิ่มขึ้นได้ ต้องถือว่ามีไม่กี่โครงการนะครับที่ทำแบบนี้
พื้นครัวเป็นกระเบื้องแกรนิโต้ ขนาด 60x60cm รางเลื่อนและกรอบกระจกเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ
ชุดครัวหน้าบานเป็นลามิเนตด้านล่าง ไฮกลอสด้านบน ฟังก์ชั่นให้มาตามนี้
วางเครื่องซักผ้า และไมโครเวฟด้านล่าง
เตาไฟฟ้าสองหัวแบบ Ceramic ของ MEX
ที่ดูดควันของ MEX แบบดูดไปปล่อยที่นอกอาคาร
อ่างล้างจานของ MEX เหมือนกัน แบบหลุมเดี่ยว ไม่มีที่วางภาชนะด้านข้างเพราะพื้นที่ไม่อำนวย
หัวก็อกแบบนี้
กลับมาดูส่วนของ Living Area บ้าง
โต๊ะกินข้าวไม้แบบ 4 ที่นั่ง ชุดนี้เค้าให้มาแบบนี้เลย
สีและลวดลายของไม้ เป็นสีไวท์โอ้ค ตัดกับสีครามแบบนี้เลยครับ ไม่ใช่เอฟเฟคของกล้องถ่ายรูปนะ
เก้าอี้อีกด้านหนึ่งให้มาเป็นแบบม้านั่ง บุผ้า เข้าชุดกัน
โซฟาแบบสองที่นั่งที่ให้มาด้วย
ชุด Sideboard วางทีวี ความจริงจะวางจอใหญ่กว่านี้ก็ได้นะ ส่วนผนังด้านหลังก็จะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวธรรมดา
ออกไปดูที่ระเบียงบ้าง จัดสวนไว้ให้ดู
ระเบียงกว้าง 70 ซม. พอวางโต๊ะเก้าอี้ชุดเล็กๆได้อย่างที่เห็น แต่คนทั่วไปนั่งก็คงอึดอัดหน่อย
บานประตูสีขาวที่ระเบียงนี้ ซ่อนอะไรไว้?
Compressor แอร์นั่นเอง ตั้งหันหน้าออกไปด้านนอก เป่าเอาลมร้อนออกไปทาง Grille ที่ปิดเอาไว้
ด้านในมีพื้นที่เล็กน้อย เพื่อให้การ Service/Maintenance ยกเข้ายกออกทำได้ง่าย
เข้าไปดูห้องนอนและห้องน้ำกันบ้าง ทางเดินตรงนี้แจกออกเป็น 3 ห้อง ตรงกลางเป็นห้องน้ำ ขวาเป็นห้องนอนเล็ก ซ้ายเป็น Master Bedroom
เข้ามาดูห้องน้ำก่อน วัสดุอุปกรณ์ให้อย่างที่เห็น มีที่ยืนอาบน้ำ แต่ไม่มีฉากกั้น เข้ามุมแบบนี้
โถสุขภัณฑ์ ของ Cotto
สายฉีดชำระ
ชุดอ่างล้างมือ วัสดุเป็นเซรามิก มีที่แขวนผ้าเช็ดมือด้านล่าง แต่ไม่มีตู้สำหรับเก็บของ พื้นที่วางของก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่นัก คงต้องหาตู้เล็กๆมาวางใต้อ่างเพืิ่อเก็บ Supply ในห้องน้ำ
หัวก็อกของ Cotto
ฝักบัวอาบน้ำแบบ Hand Shower ที่วางสบู่ตรงนี้เล็กไปมาก ใช้งานจริงไม่ได้ คงต้องหาชั้นวางใหญ่ๆมาติดเพิ่ม
หัวฝักบัว
หัวก็อกควบคุมน้ำอุ่นน้ำเย็น
ห้องนอนเล็ก ห้องนี้แต่งดูผู้ชายๆหน่อย วางเตียง 3.5 ฟุตเอาไว้ แต่ถ้าอยากได้เตียง 5 ฟุตก็สามารถวางชิดผนังได้ เพราะชั้นวางของที่ติดอยู่ข้างๆกระจกเงาบานนั้นเค้าไม่ได้ให้มาด้วย
รูปนี้ถ่ายให้ดู Space ช่วงทางเข้า
ตู้เสื้อผ้า (ฝ้าที่เห็นด้านบนไม่ดรอปนะ)
เปิดให้ดูข้างใน
ห้องนอนเล็กห้องนี้คือห้องที่มีหน้าต่างที่เชื่อมกับ Foyer ทางเข้าด้านหน้า ถ้าตึกเสร็จ มองออกไปทางนี้ก็จะเห็นวิวด้านนอก และรับแสงธรรมชาติเข้าห้องได้
และสำหรับคนที่อยากให้อากาศถ่ายเท แต่ไม่ได้อยากจะเปิดอ้าค้างไว้ กลัวขโมยเข้า ก็เปิดบานกระทุ้งเล็กๆที่เค้าเตรียมไว้ให้ด้านล่างนี้แทน
เข้าสู่ Master Bedroom มีห้องน้ำในตัว
ตู้เสื้อผ้า ใหญ่กว่าห้องนอนเล็ก 2 เท่าเลย
ห้องน้ำให้ Spec เหมือนกัน ติดกระจกบานใหญ่ให้ ผนังปูกระเบื้องขนาด 30×60 ซม.
ที่ยืนอาบน้ำ แบบนี้ เสียดายที่ไม่มี Rain Shower
พื้นที่ปลายเตียงมีที่เดินได้สบายๆ วางตู้เล็กๆก็พอไหว แต่เอาทีวีติดผนังก็ดีแล้วจะได้ไม่อึดอัดนัก ตำแหน่งแอร์อยู่ด้านข้างหน้าต่าง
ห้องนอนใหญ่วางเตียง 6 ฟุตได้
หัวเตียงบุผ้าแบบนี้ให้ มีที่วางของข้างเตียง ชาร์จมือถือได้ แต่ชาร์จมือถือข้างหัวตอนนอนไม่ค่อยดีนะจ๊ะ 😀
ต่อไปเป็น ห้องแบบ 3 Bedroom ขนาด 96.75 ตารางเมตร ห้องนี้ให้ Spec วัสดุเหมือนห้อง 2 Bedroom นะครับ แต่ว่าห้องตัวอย่างแต่งเอาไว้แบบอัพเกรดขึ้นมา อย่าอ้างอิงตามนั้นนะครับ
ก่อนเข้าห้องก็จะมี Foyer แบบนี้เหมือนกัน แต่ความลึกของ Foyer จะลึกกว่า แต่แคบกว่าเป็นเหมือนสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบบนี้ ลองจินตนาการว่านี่เป็นห้องที่อยู่สุดทางเดินด้วยนะครับ
เข้าห้องมาแล้วจะพบกับพื้นที่ส่วนที่เป็น Living Area และโต๊ะกินข้าว เข้ามุมห้อง รับวิวจากสองด้าน มีหน้าต่างให้ 3 จุดแบบนี้เลย เฟอร์นิเจอร์จัดไว้ให้ดูแบบไม่แน่นมาก
ส่วนที่เป็นโซฟานั่งดูทีวี จัดโต๊ะกลางได้ ยังมีพื้นที่เหลือให้เดินออกไประเบียงที่อยู่ติดกันได้
จากที่โซฟามองย้อนไปที่ประตูทางเข้า
เพดานไม่ได้ตกแต่งแบบนี้นะครับ แต่ตำแหน่งของไฟดาวน์ไลท์เป็นแบบนี้เลย ให้ไฟมาหลายดวงแบบไม่งกเหมือนหลายๆโครงการ อ้อ ความสูงพื้นถึงเพดานของที่นี่อยู่ที่ 2.7 เมตรนะครับ
หน้าต่างบานกระทุ้ง อยู่ติดกับพื้นที่ของโต๊ะกินข้าว
ระเบียงที่อยู่ติดกับโซฟา มีประตูกระจกกั้นแบบนี้
ประตูตรงนี้เปิดไปที่ห้อง Compressor แอร์เหมือนกัน
ไปดูครัวบ้าง ลักษณะเหมือนกับห้องที่แล้ว คือเป็นครัวกึ่งเปิดกึ่งปิดแบบนี้
แต่เนื่องจากพื้นที่เป็นสี่เหลี่ยมเกือบๆจัตุรัส จึงต้องแบ่งฟังก์ชั่นของ Pantry ครัวออกเป็น 2 ส่วนแบบนี้ ด้านนี้วางเครื่องซักผ้า และอ่างล้างจาน
ฝั่งนี้เป็นตู้เย็น เตาไฟฟ้า ที่ดูดควัน ไมโครเวฟ
จากครัวมีทางเดิน เดินเข้าไปยังห้องนอนทั้งสามห้อง
Master Bedroom อยู่ที่ปลายสุดของทางเดิน มีห้องน้ำในตัว ด้านขวาสองห้องเป็นห้องนอนเล็ก ซ้ายมือเป็นห้องน้ำของห้องนอนทั้งสองใช้ร่วมกันกับห้องรับแขก เป็น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ
ห้องนอนเล็กจัดเป็นห้องของลูกชาย
ถ่ายให้ดู Space การจัดวางสิ่งต่างๆในห้อง
ห้องอีกห้องเป็นของลูกสาว
พื้นที่ใช้สอยภายในห้อง อันนั้นเตียงเดี่ยว 3 ฟุต
มาดูห้องน้ำบ้าง ห้องน้ำห้องนี้แบ่งส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน แถมก่อผนังกั้นส่วนโถสุขภัณฑ์กับส่วนห้องอาบน้ำแยกกัน ของจริงจะมีประตูกระจกกั้นให้ เพื่อให้เข้าใช้งานได้พร้อมกันมากกว่า 1 คน
ด้านหน้าเป็นอ่างล้างมือ และกระจก ผนังห้องน้ำด้านนอกเป็นกระเบื้อง 8×12 ซม.
ห้องสุขา และโถสุขภัณฑ์ ผนังตกแต่งโมเสกแบบนี้ให้ด้วย
ห้องอาบน้ำ ให้ฝักบัวแบบ Hand Shower เช่นกัน
พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องขนาด 30×30 ซม. รูปนี้ถ่ายให้เห็น Space ในห้องน้ำ
เข้ามาถึงส่วนในสุดเป็นห้อง Master Bedroom ห้องนี้ก็เหมือนกับห้อง Living คือได้ผนังรับแสงธรรมชาติสองด้าน
มาดูอีกด้านหนึ่ง การจัดวางเฟอร์นิเจอร์เป็นประมาณนี้
ชั้นวางทีวี ให้มาแบบนี้ด้วย
ตู้เก็บของหัวเตียง
โต๊ะเครื่องแป้ง เก้าอี้ และกระจก อยู่ในราคาขาย
ทางเข้า และ Walk-in Closet
Walk-in Closet ก่อนจะถึงห้องน้ำ
ข้างๆห้องน้ำมีตู้เก็บของแบบ Built-in อีกจุด
เข้ามาห้องน้ำใหญ่ แบ่งฟังก์ชั่นสองด้านซ้าย-ขวา
อ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์
ที่ยืนอาบน้ำ และด้านข้าวมีหน้าต่างสำหรับระบายอากาศ
หน้าต่างบานกระทุ้งแนวยาว
มองออกไปข้างนอกจะเจอ Compressor แอร์วางไว้ มี Grille ปิดให้
และนั่นก็เป็นรายละเอียดของโครงการ Chambers รามอินทราครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 06/03/2012
- 1 Bedroom ราคา 2.29 – 2.60 ล้านบาท
- 2 Bedroom ราคา 3.49 – 4.32 ล้านบาท
- 3 Bedroom ราคา 5.29 – 5.99 ล้านบาท
- Fully Furnished
- จอง 20,000/30,000/50,000 บาท สำหรับ 1Bed/2Bed/3Bed ตามลำดับ
- ทำสัญญา 50,000/70,000/100,000 บาท สำหรับ 1Bed/2Bed/3Bed ตามลำดับ
- ค่ากองทุน 550 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 50 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
เจาะลึกรวบยอด
Chambers รามอินทรา โครงการนี้ SC Asset จัดมาอย่างกล้าคิดกล้าทำทีเดียว เพราะเป็นคอนโดที่อยู่บนที่ดินแปลงใหญ่ ติดถนนใหญ่หน้ากว้างประมาณ 130-140 เมตรได้ เน้นห้องใหญ่อีก แบบ 2-Bed อย่างเดียวก็ปาเข้าไป 70% ของโครงการแล้ว มี 3-Bed อีก 15% ด้วย แล้วจับมาอยู่ที่ทำเลไกลเมืองอย่าง รัชดา-รามอินทรา ก็ต้องบอกตรงๆว่าด้วยราคาเฉลี่ยประมาณ 54,000 บาทต่อตารางเมตรนั้น ไม่ต้องออกมาไกลถึงขนาดนี้ก็ได้ เส้นเกษตรนวมินทร์ก็ยังหาได้ และด้วยราคาระดับ 3-5 ล้านก็ยังมีทาวน์เฮาส์เป็นทางเลือกในทำเลเดียวกัน หรือถ้าจะขยับออกไปหน่อยแถวถนนปัญหาอินทรา หรือเลียบวงแหวนรามอินทรา ก็อาจจะได้เป็นบ้านเดี่ยวเลยก็ยังได้ แต่อย่างไรก็ดี คอนโดย่อมได้เปรียบเรื่องความปลอดภัย และการดูแลรักษา มากกว่าบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮาส์แน่นอน และทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคลด้วยครับ ว่าเหมาะกับสินค้าประเภทไหน
ด้านการเดินทางด้วยรถยนต์ ถือว่าสะดวกมากเลยทีเดียว อยู่ใกล้ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก และสามารถไปขึ้นทางด่วนรามอินทราได้ไม่ยาก โดยผ่านถนนเกษตรนวมินทร์ ใกล้กับถนนเส้นหลักหลายสาย ขับไปรามอินทรา, เลียบทางด่วน, พหลโยธิน, ลาดพร้าว, รามคำแหง โซนนี้ได้หมด ไปสุวรรณภูมิก็ง่าย ที่จอดรถให้มา 152 ช่องพอดีกับจำนวนยูนิต แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน นับว่าเป็นโครงการที่เอาใจคนใช้รถยนต์เลยแหละ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถคงจะต้องลำบากเสียหน่อย เพราะถนนรัชดา-รามอินทรานี้เป็นถนนตัดใหม่ รถเมล์ไม่ค่อยผ่าน การจะไปไหนมาไหนคงจะต้องพึ่งพาแท็กซี่เป็นส่วนใหญ่ แถมในละแวกใกล้ๆก็ไม่ค่อยมีความอุดมสมบูรณ์เท่าไหร่ จะเดินไปก็คงจะไม่มีอะไร มอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่ต้องนั่งรถเอาอย่างเดียว ทำให้การไม่มีรถอาจจะสร้างความลำบากพอสมควร
แหล่งอุปโภคบริโภค ความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการยังไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ เนื่องจากเป็นถนนตัดใหม่อย่างที่บอก ชุมชนส่วนใหญ่อยู่บนถนน รามอินทรา และ ถนนนวมินทร์ จะหาของกิน ซื้อข้าวของเครื่องใช้ ต้องเดินทางไปบนถนนพวกนี้จึงจะมีร้านค้าเยอะขึ้น ห้างสรรพสินค้าอย่าง Fashion Island, The Promenade และ Tesco Lotus ก็ช่วยได้เยอะ เป็นแหล่งอุปโภค-บริโภคที่สำคัญในย่านนี้ ส่วนเซเว่นที่อยู่ใกล้ๆก็เห็นจะมีที่อยู่ใน Community Mall “Junction” ที่มีสิ่งจำเป็นสำหรับการอยู่อาศัยอยู่บ้าง ส่วนเรื่อง กิน ดื่ม เที่ยว แบบไฮโซหน่อยไปเส้นเลียบทางด่วนดีกว่า
การออกแบบโครงการทำมาได้ดี ด้วยความที่แปลงที่ดินมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และมีหน้ากว้างติดถนนยาวเป็นหลักร้อยเมตร มีอะไรก็จับใส่ได้ไม่ค่อยต้องกังวลเท่าไหร่ ไม่ค่อยมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ จำนวนยูนิตน้อยแค่ 152 ยูนิตในขณะที่มี 3 ตึก ไม่แออัด และได้ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับโครงการที่อยู่กับแบบหนาแน่นมากๆ ความสูงพื้นถึงเพดานอยู่ที่ 2.7 เมตรได้ปริมาตรมากขึ้น เนื่องจากทำเป็นอาคาร 7 ชั้น ได้โถงทางเดินเป็นแบบ Single Corridor ด้วย
การออกแบบห้องใช้ลูกเล่นหลายๆอย่างที่ไม่ค่อยเห็นในคอนโดที่ราคาระดับเดียวกัน มี Foyer ทางเข้าห้อง มีครัวกึ่งเปิดกึ่งปิด เนื่องจากเป็นห้องขนาดใหญ่ การเว้นระยะห่าง ตู้ โต๊ะ เตียง ทีวี ฯลฯ จึงทำได้ให้ไม่เบียดเสียดเกินไป มีการเจาะช่องหน้าต่างให้รับวิว รับลม และแสงธรรมชาติได้จากหลายด้าน ทำให้รู้สึกเหมือนบ้านมากกว่าคอนโดทั่วๆไปในระดับเดียวกัน
วัสดุอุปกรณ์ก็ให้มาอย่างสมเหตุสมผล เป็นแบบ Fully Furnished ให้มาครบ ทั้ง Built-in และลอยตัว เสียดายตรงที่ห้องน้ำอาจจะมีการลดเสปคไปบ้าง พื้นกระเบื้องเป็น 12×12″ และผนังเป็น 8×12″ ไม่มี Rain Shower ด้วย ซึ่งอย่างน้อยห้อง 3 ห้องนอนก็ควรจะได้
สาธารณูปโภค เมื่อเทียบกับโครงการระดับราคาเดียวกันแล้ว ถือว่าให้มาเยอะ แค่ที่จอดรถก็กินขาด เพราะให้มาถึง 100% แถมยังไม่รวมจอดซ้อนคันอีก อัตราส่วนลิฟท์ให้มาค่อนข้างหลวมที่ 36:1 แถมยังมีสระว่ายน้ำยาว 30 เมตร ใช้ออกกำลังกายได้จริง มีฟิตเนส มีห้องสมุด มีสวน แต่ว่าค่าส่วนกลางที่ 50 บาท/ตร.ม./เดือน และค่ากองทุนที่ 500 บาท/ตร.ม. นี้จัดว่าแพงไปนิดนึง แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าดีมากสำหรับคอนโด Low Rise ราคาระดับ Economy Class
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 54,000 บาทต่อตารางเมตร, 06/07/2012
- ทำเล 7/10 –
- เดินทางด้วยรถ 10/10 –
- ไม่ใช้รถ 7/10 –
- วัสดุ 8.5/10 –
- แบบ 10/10 –
- สาธารณูปโภค 8.5/10 –
- MAIN CLASS
- 8.13 / 10.00
BOTTOM LINE
Chambers รามอินทรา เป็นคอนโดที่เหมาะสำหรับคนที่อยากจะได้คอนโดในงบประมาณ 3-5 ล้านบาท ซึ่งยอมลดขนาดพื้นที่ใช้สอยของบ้านในราคาเท่าๆกัน เพื่อแลกกับความสะดวก ความปลอดภัย และความง่ายในการดูแลรักษา กับคอนโดที่ออกแบบมาเพื่อใช้อยู่แทนบ้าน
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ