รีวิวโครงการ

คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.62 – Centric อารีย์ Station by SC Asset

26 มกราคม 2014

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 372 … เซ็นทริค อารีย์ สเตชั่น (Centric Ari Station) เป็น 1 ใน 3 โครงการของ Centric ที่เปิดตัวพร้อมๆกัน โดยมี Centric อารีย์, Centric รัชดา-ห้วยขวาง และ Centric Sea พัทยา ในวันที่ 20 มิถุนายน 2556 ซึ่งทาง Think of Living ก็ได้โอกาสไปเก็บรีวิวมาให้ผู้อ่านได้รับชมละครับ

Fact @ 20 June 2013

  • Centric Ari Station (เซ็นทริค อารีย์ สเตชั่น)
  • SC ASSET ., Plc.
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • คอนโด High Rise 30 ชั้น และ Low Rise 8 ชั้น 516 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 23 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ  235 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 45%
  • ที่ดินประมาณ 2-2-93 ไร่
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2558
  • Studio ไม่มี
  • 1 Bedroom 25.5 – 40 ตารางเมตร
  • 2 Bedrooms 47.5 – 60 ตารางเมตร
  • 3 Bedrooms+ ไม่มี
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 3.59 ล้านบาท
  • ราคาต่อตารางเมตรประมาณ 140,000 บาท
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS อารีย์ ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS อารีย์
  • http://www.scasset.com
  • โทร 1749

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

WEB_FACT_Ari

เราเคยเจาะลึกทำเลที่ตั้งไปแล้วครั้งหนึ่ง ในพาไปดูทำเล Centric Ari Station นะครับ โดยทำเลอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS อารีย์ประมาณ 350 – 400 เมตร

โดยโครงการตั้งอยู่ติดถนนซอยราชครู (พหลโยธิน 5) และซอยอารีย์ 1

Update เรื่องทางเข้า 

ทางโครงการขออนุญาติสิ่งแวดล้อมไว้เพียงประตูหน้า หรือทางอารีย์ซอย 1 เท่านั้น ไม่ได้เปิดทางเข้าเพื่อให้รถวิ่งที่ด้านข้างเอาไว้ แต่บริเวณที่เชื่อมกับซอยราชครูนี้ได้ทำทางเข้าขนาด 3 เมตรเอาไว้ให้ กว้างพอที่จะให้รถคันหนึ่งวิ่งเข้าออกได้ หากอนาคตตึกสร้างเสร็จแล้ว ทางลูกบ้านและนิติอยากจะเปิดทางเข้าออก ก็ต้องไปขออนุญาตเขตต่อเองนะครับ

ที่ตั้งสำนักงานขายต่อไปก็จะกลายเป็นคอนโดมิเนียม

ตามนี้ครับ ถ้าใครอยากจะอ่านเรื่องทำเลเพิ่มเติม สามารถอ่านได้จาก มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS อารีย์

เจาะลึกตัวโครงการ

Centric Ari Station (เซ็นทริค อารีย์ สเตชั่น) เป็นคอนโดมิเนียมตึกคู่ โดยตึกซ้ายเป็นตึกสูง 30 ชั้น และตึกขวาเป็นตึกเตี้ย 8 ชั้น

Screen Shot 2556-06-21 at 3.40.39 PM

เทียบกับภาพ Perspective แล้วเป็นแบบนี้

map

เรามาดูทิศและวิวกันก่อนดีกวา่า ตัวคอนโดจะต้องตั้งเฉียงๆ ทางเข้าหลักตามภาพด้านล่างหันหน้าเข้าหาโครงการ Noble Revolve ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ตรงนี้จะมีระยะห่างหน่อยๆนะเดาว่าแถวๆ 30 เมตร เพราะว่าส่วนหน้าสุดของ Noble เป็นอาคารเตี้ย ก่อนจะคั่นด้วยถนนซอย และตึกสูงของ Centric ก็มีระยะร่นด้านหน้าทำเป็นจุด Drop Off เช่นกัน

มุมมองก็ประมาณนี้ คือจะถูก Noble Revolve บังเต็มๆ

นี่เป็นทิศของทางเข้าหลักนะครับ

Reform

 

สำหรับทิศที่หันหน้าไปทางซอยอารีย์ ก็คือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มุมมองที่ได้ก็จะถูกบีบด้วยตึก Exim, Noble Lite และ Noble Re:D พอมองออกมาสุดก็จะเจอตึก Noble Reform ที่ถนนซอยอารีย์พอดี

มุมนี้หรือทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะเป็นทิศที่มุมเปิดกว้างมากที่สุด หันเข้าหาซอยราชครู เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีตึกใดๆอยู่ในระนาบเดียวกับตึกนี้ หากมองไปไกลๆก็จะเห็นตึก Siamese ราชครู และพวกตึกอาคารสำนักงาน SM Tower อยู่ฝั่งที่เยื้องไปทางถนนใหญ่พหลโยธิน

หากมองหน้าตรงก็จะเป็นแบบนี้ ทิศนี้ปัจจุบันยังเซฟ

ฝั่งทิศที่หันไปทางถนนใหญ่พหลโยธินก็คือทิศตะวันออกเฉียงใต้  ด้านหลังตึกนี่ละครับ จะถูกอาคารสำนักงานใหญ่ของพฤกษาที่คาดว่ากำลังจะสร้างขึ้นมาในอนาคตบังไปแถบหนึ่ง ประมาณ 3-4 ห้องจากทางขวามือสุดนะครับ เนื่องจากที่ดินเยื้องๆกัน ไม่ได้ชนกันตรงๆ

สำหรับตึกเตี้ยนะครับ มีด้วยกันทั้งสิ้น 8 ชั้น จะเริ่มอยู่อาศัยตั้งแต่ชั้น G หรือชั้นล่างสุด โดยตัดเป็นรูปตัว C เว้น Court ตรงกลางเอาไว้

Screen Shot 2556-06-21 at 3.40.44 PM

ทางการตลาดก็เข้าใจคิดเหมือนกัน ว่าจะเอาอะไรมาใส่ตรงกลางดี … สุดท้ายก็คือต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ ที่จะเป็น Landmark ให้ร่มเงา เป็นจุดเด่นของตึกเตี้ยในโครงการ มีต้นไม้และ Landscape ครับ

Screen Shot 2556-06-21 at 3.40.32 PM

ถ้าได้ต้นเท่านี้ตามที่อยู่ในหน้าปก Brochure ลูกบ้านทุกท่านจะดีใจเป็นอย่างยิ่ง

 

ต้นไม้ใหญ่อยู่ในที่ดินอยู่แล้ว โครงการไม่เอาออก เก็บไว้ให้ลูกบ้านครับ

มองภาพในมุมสูง เราจะเห็น Facility ส่วนกลาง กระจายตัวกันอยู่ตามชั้นต่างๆ เช่นดาดฟ้าของอาคารเล็ก ชั้น 16 ของอาคารสูง และตาม Stack หลังคาต่างๆของตึกจนไปถึงชั้นดาดฟ้า

ที่เป็นเช่นนี้ก็เดาได้เลยว่าต้องการเอาพื้นที่สีเขียวขึ้นไปอยู่บนอาคาร แต่ด้วยความที่ต้องการใช้พื้นที่ทุกเม็ดให้เกิดประโยชน์ จึงเอาไปใส่ไว้ในทุกๆที่ที่เป็นไปได้ ให้ผลรวมของพื้นที่สีเขียวได้ครบถ้วนตามกฎหมายนะครับ

หลังคามีสวนให้นะครับ เป็น Sky Garden จัดให้เป็นสวนสวยงามอยู่ด้านบน

ชั้น 16 ที่เป็นดาดฟ้าของห้องพักด้านหน้า เป็นสถานที่ตั้งของสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ

วันที่เปิดจอง 20 มิถุนายนก็พอมีลูกค้าตามที่เห็นนะครับ

ห้องตัวอย่างอยู่ชั้น 2 ของสำนักงานขาย

Screen Shot 2556-06-21 at 3.41.00 PM

Ground Floor ของโครงการนี้แบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนสำคัญๆ 2 ส่วนด้วยกัน คือส่วน Ground Floor รอบตึกเตี้ย และส่วนพื้นที่ภายใน Lobby ของตึกสูง

บริเวณรอบๆตึกเตี้ยจะประกอบไปด้วยพื้นที่สีเขียว มีต้นไม้ใหญ่อยู่ตรงกลาง Court ของตึก ซึ่งจะมี Lobby อีกแห่งหนึ่งแยกต่างหากและจะเป็น Lobby ขนาดเล็กหน่อย โดยด้านล่างของตึกเตี้ยจะมี Shop ด้วยกัน 5 ห้องแบบ Duplex หันหน้าเข้าหาอารีย์ ซอย 1 ซึ่งอนาคตผมเชื่อว่าคงจะกลายเป็นร้านค้าและ/หรือ ร้านอาหารที่ให้บริการทั้งคนภายในและคนภายนอกไปในที่สุด

ส่วน Ground Floor ของตึกสูงถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ

  1. Lobby ซึ่งจะใหญ่กว่า Lobby ของตึกเตี้ยเกือบ 3 เท่า มีที่นั่งของ Reception ไว้เรียบร้อย
  2. Business Lounge หรือห้อง คล้ายๆ Meeting Room
  3. Library เป็นห้องสมุด เอาไว้อ่านหนังสือ ทำการบ้านได้
  4. Office ของนิติบุคคล

อันเป็นพื้นที่ส่วนกลางเปิดโล่ง มีที่นั่งให้ลูกบ้านมาใช้บริการได้

Screen Shot 2556-06-24 at 1.54.24 PM

ซูมให้ดูทางเข้าออกเจ้าปัญหาด้านข้าง ที่ติดกับซอยราชครูให้นะครับ เห็นว่ามีทาง ซึ่งปาดมุมฟุตบาทเอาไว้ด้วย แต่ไม่ได้ขออนุญาตเป็นทางเข้าออกเอาไว้ให้แต่แรก

Screen Shot 2556-06-21 at 3.41.13 PM

ชั้นล่าง Basement จะมีเฉพาะฐานของตึกสูง ซึ่งจะถูกขุดเป็นชั้นใต้ดินเอาไว้จอดรถ ซึ่งตรงนี้จะมี Service Life จอดรถแยกต่างหาก 1 ตัว อยู่ใกล้กับฝั่งของตึกเตี้ย ส่วนถ้าใครเป็นลูกบ้านตึกสูง ก็สามารถขึ้นลิฟท์จากบริเวณชั้นจอดรถ ไปยังห้องตัวเองได้เลย

ในส่วนนี้อาจจะลำบากหน่อยสำหรับคนที่ใช้ตึกเตี้ย เพราะจะต้องขึ้น-ลงลิฟท์สองครั้ง เพื่อไปยังชั้นจอดรถของตัวเอง

Screen Shot 2556-06-21 at 3.41.07 PM

ชั้น 2 ไม่มีอะไรมาก นอกจากฝั่งของตึกเตี้ยที่ทำเป็น Shop บางส่วน ทำให้พื้นที่ของด้านหน้าตึกหายไป

Screen Shot 2556-06-21 at 3.41.18 PM

ชั้น 2 – 6 ของตึกสูงเป็นชั้นจอดรถ มีที่จอดรถรวมกันทั้งสิ้น 235 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 45% แต่ถ้าจอดซ้อนคัน ก็อาจจะเพิ่มได้อีกประมาณ 5% นะครับ

Screen Shot 2556-06-21 at 3.41.24 PM

ชั้น 7 เป็นชั้นของสวนบนตึกสูง มีขนาดไม่กว้างนัก เป็นพื้นที่สีเขียวเฉยๆ

เราลองมาดู Floor Plan ของตึกเตี้ยกันบ้าง ตึกนี้ถูกออกแบบให้เป็นมี Single Loaded Corridor ส่วนหนึ่ง (ช่วงกลางและช่วงด้านหลัง) ทำให้มีความโปร่งโล่ง ยกเว้นแต่ช่วงหน้าตึกเท่านั้นที่เป็น Doubel Loaded Corridor (แปลว่าโถงทางเดินหนึ่งมีห้องอยู่สองฟาก)

Unit Type มีหลากหลายมากๆ แต่ Unit ส่วนใหญ่ของตึกเตี้ยจะเป็นห้องเล็ก 27 – 34 ตารางเมตร มีเพียงห้องขวาล่างสุดเท่านั้นที่เป็นห้องใหญ่ ขนาด 47.75 ตารางเมตร โดยตึกเตี้ยจะมีจำนวนยูนิตสูงสุด 17 Unit ต่อชั้น โดยสารลิฟท์ 2 ตัว รวม 119 ห้อง อัตราส่วนลิฟท์จึงออกมาดีมากที่ 1:60 (ซึ่งของจริงอาจจะดีกว่านี้ เพราะห้องชั้น G ไม่ต้องใช้ลิฟท์)

Screen Shot 2556-06-21 at 3.41.37 PM

ชั้น 9 เป็นชั้นดาดฟ้าของตึกเตี้ยแล้ว ถูกหั่นพื้นที่ส่วนบนสุดบางส่วนมาใช้เป็นพื้นที่สีเขียวบนดาดฟ้า

Screen Shot 2556-06-21 at 3.41.44 PM

ชั้น 10 – 15 เป็น Floor Plan หลักของตึก High Rise โดยจะมีห้องสูงสุดอยู่ที่ 23 ห้องต่อชั้น ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว ลิฟท์บริการแยกต่างหาก 1 ตัว มีห้อง 2 Bedroom แยกกันอยู่ตามมุมตึก นอกนั้นเป็นห้อง 1 Bedroom เสียเป็นส่วนใหญ่

 

Screen Shot 2556-06-21 at 3.41.50 PM

ชั้น 16F จัดเป็น Main Facility ของทั้งโครงการ ที่จะใช้ร่วมกันทั้งตึกสูงและตึกเตี้ย ซึ่งจะตัดพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งมาทำสระว่ายน้ำและฟิตเนส คนที่ใช้บริการสะดวกก็คงจะเป็นลูกบ้านที่อาศัยอยู่บนตึกสูง แต่ถ้าเป็นลูกบ้านตึกเตี้ย ก็ต้องขึ้นลิฟท์สองครั้งนะครับ

 

Screen Shot 2556-06-21 at 3.41.55 PM

 

สำหรับชั้น 17 ขึ้นไปพื้นที่จะหดลงเรื่อยๆนะครับ จำนวนยูนิตต่อชั้นจะลดลงตามขนาดของตึกที่ลดลง บนชั้นนี้ก็จะเหลือเพียง 15 ยูนิตต่อชั้น และเป็นห้องใหญ่ในอัตราส่วนที่มากขึ้นด้วย

Screen Shot 2556-06-21 at 3.42.11 PM

ชั้น 28 – 29 ก็จะยิ่งหดเล็กลงไปอีก เหลือเพียง 10 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้น

Screen Shot 2556-06-21 at 3.42.15 PM

สุดท้ายคือชั้น 30 ซึ่งจะตัดพื้นที่บางส่วนมาเป็น Roof Garden สามารถมองวิวทิศเหนือและทิศตะวันตกได้ได้

 

 

Screen Shot 2556-06-21 at 3.42.20 PM

โดยจะมีการยกพื้นที่ขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง ไปเป็นชั้น Roof Top  ใส่ Roof Garden เข้าไปอีก ทำให้เปิดมุมมองครบทั้ง 4 ทิศนะครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำชั้น 16F ของตึกสูง
  • สวนใหญ่ชั้น G บริเวณตึกเตี้ย
  • ห้องออกกำลังกายชั้น 16F ของตึกสูง
  • ลิฟท์โดยสาร 5 ตัว ลิฟท์จอดรถ 1 ตัว ลิฟท์บริการ 1 ตัว อัตราส่วนลิฟท์โดยรวมประมาณ 1:103
  • ที่จอดรถ 235 คัน คิดเป็น 45% ในช่องจอด
  • Library
  • Business Lounge
  • Lobby ที่ชั้น G ของทั้งสองตึก
  • ระบบ CCTV / Access Card

Product Walkthrough

ห้องตัวอย่างที่ Centric อารีย์ จะใหญ่กว่า Centric ห้วยขวางทั้งสองขนาด ถ้าใครดูห้องขนาดเล็กอยู่ 27 หรือ 45 ตารางเมตร ให้อ่านรีวิว Centric รัชดา-ห้วยขวาง ที่คุณโอ๋ได้ทำเอาไว้นะครับ ส่วนที่นี่จะเป็นขนาด 33 และ 55 ตารางเมตร

Screen Shot 2556-06-23 at 9.24.01 PM

ขยาย Plan ให้ดูนะครับ เป็นห้อง 1 Bedroom ที่ไม่มีระเบียง ขนาด 32.95 ตารางเมตร ห้องตัวอย่างเป็นตำแหน่ง B7m อันนี้เป็นแปลนของ B10 ก็จะกลับบนลงล่างกันนิดนึงนะ

 

Screen Shot 2556-06-21 at 3.50.58 PMแต่จะบอกว่าที่ Centric Ari Station ไม่ได้มีแต่ห้องไม่มีระเบียงนะครับ ห้อง 33 ตารางเมตร (32.95) นี้เป็นห้อง 1 Bedroom ที่มีระเบียงเช่นกันและยังมีห้องในตำแหน่งอื่นๆอีกที่มีระเบียง … เอาจริงๆผมก็แนะนำห้องที่มีระเบียงนะครับ เหตุผลหลักๆก็คือ มันตากผ้าได้สะดวกกว่ามาก … สะดวกกว่ายังไง เดี๋ยวมาดูกัน

ประตูเข้าห้องนะครับ สูงกว่าปกติ เป็นขนาด Oversize สูง 2.2 เมตร หน้าบานทำลวดลายประมาณนี้

มือจับประตูเป็นเขาควายสแตนเลส ไม่ใช่ Digital Doorlock

ห้องที่ได้เป็นห้องแบบ Fully Furnished นะครับ ของที่ได้จะไม่ได้แปะว่า Decoration ซึ่งสังเกตไม่ยาก ส่วนใหญ่เป็นพวกเฟอร์นิเจอร์ และ/หรือ Built-in โทนสีเทา-ขาว อย่างเช่นชั้นวางรองเท้า ชั้นวางของ ชั้นวางทีวี ต่างๆ

โซฟาในห้องรับแขกวางอยู่ต่อเนื่องกับครัว มีกระจกบานเลื่อนรับแสงที่ต่อเนื่องเข้ามาจากกระจกในครัว

พื้นเป็นลามิเนต 8 มม. เพดานสูง 2.6 เมตร

ระยะดูทีวีที่ได้ประมาณนี้ สามารถวางทีวีได้ราว 40 กว่า 50 นิ้ว นะครับ

ห้องนอนของที่นี่เป็นห้องนอนแยก มีประตูปิดกั้นเป็นสัดส่วนเรียบร้อย

หน้าต่างที่ได้เป็นหน้าต่างบานขนาดประมาณนี้ ราวๆครึ่งค่อนของผนังห้องนอน

ระยะปลายเตียงเหลืออยู่นิดหน่อย ไม่สามารถวางชั้นวางทีวีได้ ต้องใช้ทีวีแขวนเอานะ

ระยะข้างเตียงกับผนังห้องห่างกันประมาณนี้ วางโคมไฟตั้งพื้นได้ แต่ไม่สามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้

บานกระจกที่ได้เป็นบานกระทุ้งด้านบน มีบาน Fix ด้านล่าง

เปิดบานกระทุ้งไป เห็นเป็นพื้นที่วาง Air Compressor เดี๋ยวจะเป็นอย่างไร ผมจะพาไปดูใกล้ๆอีกที

หัวเตียงสองฟาก วางโต๊ะข้างเตียงไม่ได้เลยนะครับ

เรามาดูห้องครัวกันบ้าง บานเป็นเป็นวงกบอลูมิเนียมอบขาว เลื่อนได้

พื้นเปลี่ยนเป็นแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม.

ชุดรับประทานอาหาร โต๊ะแยก มีเก้าอี้สองตัว นั่งได้อยู่นะ

ชุดครัวมีทั้งชั้นด้านบนและตู้ด้านล่างให้

Hood ของ Teka ดูดควัน

เตาไฟฟ้า Ceramic ของ Teka ท๊อปครัวเป็นอครีลิค

ซิงก็ใช้แบบฝังนะครับ หัวก๊อกเพลนๆหน่อย

ตู้ด้านล่าง มีช่องให้ใส่เครื่องซักผ้าเรียบร้อย

พอไม่มีระเบียงก็ต้องมาใช้บานเจ้าปัญหานี้แหละ ด้านบนและด้านล่างวางคอยล์ร้อนอย่างละตัว

ตรงกลางเอาไว้ตากผ้า

เปิดพับเก็บได้แบบนี้

แต่ถามจริงๆเถอะมันจะตากผ้าได้ไหม ? เสื้อยาวหรือเดรส นี่หมดสิทธิ์นะครับ เพราะระยะมันสั้นมาก ตามรูปด้านบน

เอื้อมมือออกไปได้ยากมาก ด้านล่างก็มีคอมพ์แอร์ ซักมาสะอาดๆก็อาจร่วงไปพาดคอมพ์แอร์ที่มีแต่ฝุ่น

แถมฝุ่นของคอมพ์แอร์ตัวข้างบนก็อาจจะร่วงลงมาใส่ผ้าหอมๆของเราก็ได้

สรุปว่า นวัตกรรมนี้ไม่ผ่านครับ … เอาระเบียงกลับมาเถอะ

แต่ … แบบ 2 Bedrooms มีปรับแก้ไขนะ ดีกว่านี้ เดี๋ยวผมจะพาไปดู

ตรงนี้ทำได้ดีครับ รางของวงกบประตูบริเวณห้องรับแขกที่เชื่อมเข้ากับห้องครัว

ทำได้เนียน เตี้ย และดูดี เวลาเดินผ่านจะไม่รู้สึกและไม่สะดุด

ฝ้าไม่ได้ดรอปและไม่ได้ซ่อนไฟให้นะครับ

มีไฟตามที่เห็น

ห้องน้ำหน้าตาแบบนี้ มีตู้อาบน้ำให้เป็นบานเลื่อนเปิดมุม

ธรณีที่กั้นระหว่างห้องน้ำและห้องนอนเป็นหินสังเคราะห์สีดำ

กระเบื้องห้องน้ำเป็นสีเทาแบบนี้

สุขภัณฑ์ใช้โถแบบนี้ เป็น SCG Eco

ผนังกระเบื้องเป็นสีขาวมีลวดลายนิดหน่อย ตัดกับสีเทาอ่อน

ตู้อาบน้ำ

เปิดเข้าไปได้แบบนี้

ก่อเป็นธรณีเข้ามุม

แต่เอาจริงๆผมว่าถ้าราคาระดับ 150,000 บาทต่อตารางเมตร น่าจะได้กระจกนิรภัยบานเปลือยมากกว่านะ

ซิงก์เป็นของ Cotto วางอยู่บนท๊อปหินสังเคราะห์สีขาว หัวก๊อกก็เป็นของ Cotto เช่นกัน

หัวฝักบัวตรงนี้ก็เป็น Cotto

ติดตั้งพัดลมดูดอากาศ

แอร์ได้เป็นแบบ Wall Type ส่วนระยะดูทีวี ความกว้างของห้องรับแขกค่อนข้างโอเคนะครับ แถวๆ 3 เมตร

เราไปดูห้อง 2 Bedrooms กันบ้าง

Screen Shot 2556-06-21 at 3.43.42 PM

ตรงนี้เป็นห้องแบบ 55.5 ตารางเมตร แบบ 2 ห้องนอนนะครับ เป็นห้องตัวอย่างอีกห้องที่ทางโครงการเตรียมไว้ในสำนักงานขาย

ประตูใช้วัสดุเดียวกันนะครับ

สำหรับ 2 Bedrooms ห้องนี้ ห้องรับแขกพร้อมกับโต๊ะทานข้าวถูกวางเรียงกันเป็นแนวลึก ความกว้างของห้องนั่งเล่นนี้สู้ห้อง 1 Bedroom ไม่ได้นะครับ

ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีค่อนข้างสั้น

นั่งจากโซฟามองทีวีได้ระยะประมาณนี้

ห้องนี้มีระเบียงครับ ดีใจด้วยที่มีพื้นที่ตากผ้าแบบสบายๆแล้ว

ระเบียงตรงนี้ดีมาก เนื่องจากแยกคอมเพรสเซอร์แอร์ออกไปเป็นสัดส่วน ไม่มีการเป่าลมร้อนออกมากวน ทำให้วางต้นไม้ ปลูกต้นไม้ได้อย่างสบายใจ

ระยะความกว้างของระเบียง ทำออกมาแถวๆ 90 เซนติเมตร นะครับ

ให้ดูความกว้างห้องนั่งเล่นอีกรอบนะครับ

โต๊ะทานข้าว ได้โต๊ะใหญ่ วางได้ 4 ที่นั่งแบบสบายๆ นั่งไม่ต้องเบียดกัน ถ้ามีเพื่อนหรือมีสมาชิก 5 ท่าน ก็เสริมหัวโต๊ะได้อีกคน

จริงๆถ้าเอาจักรยานออกไป ระยะข้างโต๊ะทานข้าวจะเหลือเฟือ ผังด้านซ้ายที่เป็นลายอิฐอยู่นั้น สามารถทำเป็นตู้หรือชั้นวางของได้ทั้งแผง ต่อเนื่องออกมาจากชั้นวางรองเท้า เก็บของได้เยอะเลยครับ

แต่ที่นี่เขาจงใจเอาจักรยานมาวางพับๆไว้ตรงนี้ … เอาจริงๆผมว่ามันเกะกะนะ ล้อยื่นออกมา เดินเตะแน่ๆ

หน้าห้องน้ำ เป็นฟังก์ชั่นที่ผมชอบมาก คือห้องเก็บของที่สามารถวางเครื่องซักผ้าได้ ทั้งแบบฝาเปิดและฝาหน้า

โดยปกติตรงนี้จะเป็นฟังก์ชั่นของห้อง 2 Bedrooms ที่ใหญ่กว่านี้ แต่ห้องขนาด 55 ตารางเมตร สามารถใส่ฟังก์ชั่นนี้มาด้วย จัดเป็นข้อดีครับ

 

ด้านบนสามารถใส่ชั้นและราวแขวนเสื้อผ้าได้

ด้านล่างวางได้พอดี  จะเป็นเครื่องใหญ่ก็ได้นะ เพราะว่าตรงนี้ยังเหลือพื้นที่อีกมาก

ห้องน้ำก็มี 2 ห้องนะครับ เนื่องจากพื้นที่จำกัด อาจจะดูจุ๋มจิ๋มไปบ้าง

ห้องอาบน้ำครับ

ใช้บานเลื่อนสามตอน

ห้องนอนเล็ก

วางเตียงขนาด 3.5 ฟุต

มีพื้นที่เหลือด้านข้างหน่อย ผมว่าทำเป็นโต๊ะทำงานหรือโต๊ะทำการบ้านดีกว่าเอามาวางโคมไฟอะไรแบบนี้

ตู้เสื้อผ้า 1 บานใหญ่

ครัวตั้งอยู่ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนใหญ่ เป็นครัวปิดและสามารถเปิดเชื่อมต่อกับห้องใหญ่ได้ จัดเป็นการออกแบบที่ดี

ปลายห้องครัวติดผนังภายนอก มีบานกระจก ดูดแสงเข้ามาได้

สามารถเปิดระบายอากาศได้ด้วย ดังนั้นเวลาทำอาหารก็สามารถเปิดระบายอากาศได้ มีแสงธรรมชาติมาฆ่าเชื้อโรคได้

ห้องครัวสามารถปิดได้แบบนี้

ท๊อป เตาและซิงก์เหมือนเดิม ขอข้ามนะครับ

คอมพ์แอร์เก็บที่เดิม แต่คราวนี้ใส่ไป 3 ตัว ไม่มีพื้นที่ให้แขวนเสื้อผ้าแบบของเดิม ซึ่งผมว่าก็ดีแล้วล่ะ

ทางโครงการเลยมาทำบานเปิดอีกบาน ให้ตากผ้าได้สบายๆ ดูแล้วดีขึ้นเยอะ ใช้งานได้จริงมากขึ้น

ห้องนอนใหญ่นะครับ ได้กระจกบานใหญ่หน่อย วางเตียง 5 ฟุตได้

มีห้องน้ำในตัวครับ

ติดตั้งแอร์อีก 1 ชุดตรงนี้

ตู้เสื้อผ้าได้บานใหญ่สองบาน ดูแล้วโอเค ขนาดพอใช้ได้ครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 23 June 2013

  • 1 Bedroom อาคาร Hgih Rise ชั้น 9 ห้อง B08 เนื้อที่ 28 ตารางเมตร ราคา 3.713 ล้านบาท หรือ 132,607 บาทต่อตารางเมตร
  • 1 Bedroom อาคาร High Rise ชั้น 14 ห้อง B05 เนื้อที่ 33 ตารางเมตร ราคา 4.779 ล้านบาท หรือ 144,818 บาทต่อตารางเมตร
  • 2 Bedrooms อาคาร High Rise ชั้น 22 ห้อง B02 เนื้อที่ 48.2 ตารางเมตร ราคา 7.07 ล้านบาท หรือ 146,722 บาทต่อตารางเมตร
  • 2 Bedrooms อาคาร High Rise ชั้น 22 ห้อง B04 เนื้อที่ 55.5 ตารางเมตร ราคา 8.37 ล้านบาท หรือ 150,955 บาทต่อตารางเมตร

  • Fully Furnished
  • เพดานสูง 2.6 เมตร
  • จอง 30,000 – 50,000 บาท
  • ทำสัญญา 70,000 – 100,000 บาท
  • ดาวน์ 10%
  • ค่ากองทุน 550 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 60 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

เจาะลึกรวบยอด

ทำเลของ Centric อารีย์ นี้จัดว่าเป็นทำเลที่ดีใช้ได้เลยนะครับ เพราะตั้งอยู่บริเวณหัวมุมซอยราชครูและซอยอารีย์ 1 ซึ่งมีข้อดีตรงที่ไม่ต้องไปวนรถ One Way จากซอยอารีย์เพื่อเข้ามายังตึก เช่นเดียวกับพวก Noble Lite, Revolve, Re:d หรือ Vertical แต่สามารถเข้าตรงได้จากซอยราชครูแล้วเลี้ยวเข้าโครงการได้เลย ซึ่งโครงการทำทางเข้าออก 2 ทาง ทั้งซองอารีย์ 1 และซอยราชครู

Update เรื่องทางเข้า ทางโครงการขออนุญาติสิ่งแวดล้อมไว้เพียงประตูหน้า หรือทางอารีย์ซอย 1 เท่านั้น ไม่ได้เปิดทางเข้าเพื่อให้รถวิ่งที่ด้านข้างเอาไว้ แต่บริเวณที่เชื่อมกับซอยราชครูนี้ได้ทำทางเข้าขนาด 3 เมตรเอาไว้ให้ กว้างพอที่จะให้รถคันหนึ่งวิ่งเข้าออกได้ หากอนาคตตึกสร้างเสร็จแล้ว ทางลูกบ้านและนิติอยากจะเปิดทางเข้าออก ก็ต้องไปขออนุญาตเขตต่อเองนะครับ

เรื่องของกินของใช้นั้นไม่ต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว แถว BTS อารีย์จัดว่าเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์เรื่องอาหารการกินอันดับต้นๆของกรุงเทพฯ ร้านอาหารอร่อยๆ ไม่ว่าจะอยู่ข้างถนน เป็นห้องแถว หรือแม้กระทั่งเข้าห้างอย่าง La Villa ก็สามารถหาได้ทุกประเภท และตัวทำเลเองนั้นก็เป็นทำเลที่เหมาะกับการเป็นที่อยู่อาศัย ตามซอกซอยเต็มไปด้วยบ้านเรือนหลังใหญ่ ซอยราชครูดูสะอาดตา เป็นย่านธุรกิจจากตึก Office Building บ้างพอประมาณ ไม่มากเท่ากับย่านธุรกิจสำคัญๆอย่างสาทรหรืออโศก ช่วงวันธรรมดาก็จะมีพนักงานออฟฟิศเดินกันไปมา ส่วนวันเสาร์อาทิตย์นั้นก็จะสงบเงียบลงไปเยอะ บรรยากาศความคึกคักแตกต่างกันครับ

การใช้รถยนต์นั้นจัดว่าสะดวก นอกจากทางเข้าที่เป็น 2 Ways แล้ว ยังสามารถขึ้นทางด่วนได้ในระยะใกล้ ทั้งทางด่วนอนุสาวรีย์หรือทางด่วนดินแดง สามารถเลือกได้ตามใจชอบ แต่อาจจะมีข้อเสียตรงที่จอดรถ ซึ่งไม่รวมซ้อนคันจะอยู่ที่ 45% ถ้ารวมซ้อนคันแล้วคงจะอยู่ประมาณ 50% ต้นๆ อาจทำให้ไม่พอในอนาคต เนื่องจากคอนโด Centric อารีย์นี้ขายในระดับราคาส่วนใหญ่ที่ 4 ล้านขึ้นไป เราก็จะตั้งสมมุติฐานได้เลยว่าผู้ซื้อคงจะมีรถยนต์ส่วนตัวกันอยู่แล้วแน่ๆ แต่ก็จะมีบางกลุ่มที่ใช้ BTS เป็นการเดินทางหลักเช่นกัน

สำหรับการเดินทางไป BTS ก็สามารถลัดเลาะผ่านเส้นทางลัดแถวซอยอารีย์ 1 ได้ หรือจะเดินผ่านซอยราชครูไปยัง BTS ก็ได้ ระยะทางอยู่ราวๆ 350 – 400 เมตรแล้วแต่เส้นทางที่จะเลือกเดิน ใช้ระยะเวลาประมาณ​ 5 นาทีก็ถึงแล้ว เดินพอออกกำลังได้แต่ไม่เหนื่อย จัดว่าเป็นระยะที่เหมาะสม

วัสดุอุปกรณ์ที่นี่ให้มาแบบ Fully Fursnied คือแต่งครบ แต่ต้องขอบอกไว้เลยว่าของที่ให้มานั้นยังไม่ค่อยสมกับราคาเท่าไร ที่ราคา 130,000 – 160,000 ตามที่ขายนั้น ควรจะได้เกรดของวัสดุต่างๆดีกว่านี้ ในแทบทุกส่วนของตัวห้องนะครับ

แบบห้องนั้นผมไม่แนะนำและไม่นิยมเป็นอย่างยิ่งกับแบบห้องไร้ระเบียง ที่จะต้องมาตากผ้าร่วมกับคอมเพรสเซอร์แอร์ในตู้เล็กๆ ถ้าใครอยากจะเลือกห้องที่นี่ ก็ควรที่จะเลือกห้องที่มีระเบียงปกติ ซึ่งมียูนิตประเภทนั้นอยู่ทั้งแบบ 1 ห้องนอนและ 2 ห้องนอน เพื่อที่จะใช้งานได้สะดวก และอยู่อาศัยได้จริง

เรื่องของตึกและวิวอาจจะต้องเลือกกันดีๆ เพราะตึก Centric Ari Station นี้ตั้งอยู่กลางตึกสูงรอบข้าง ถูกบังวิวในหลายๆมุมยกเว้นมุมที่หันไปทางทิศใต้ ซึ่งจะเปิดวิวไปทาง BTS สนามเป้า มีโดนบังเยื้องๆด้วยตึก Siamese ราชครูเล็กน้อย แต่ก็ไม่มากเท่าไร ต่างกับบางจุดที่หันหน้าเข้าหาตึกเพื่อนบ้านเต็มๆ อย่าง Noble Revolve, สำนักงานใหญ่พฤกษา หรืออาคารปียวรรณ

ข้อดีของที่นี่คือมีทั้งตึกเตี้ยและตึกสูง ให้เลือก Lifestyle ที่ต่างกัน บางคนชอบความสูง บางคนกลัวความสูง ก็สามารถเลือกได้อย่างเหมาะสม แต่ข้อเสียของตึกเตี้ยก็คือจะต้องไปใช้สาธารณูปโภคท้ังหมดบนตึกสูง ตั้งแต่ลานจอดรถ สระว่ายน้ำ จนถึงฟิตเนส คือไม่มีสาธารณูปโภคเป็นของตัวเอง เวลาใช้ก็ต้องกดลิฟท์สองครั้ง ซึ่งอาจจะไม่สะดวกเท่าที่ควร

ต้นไม้ใหญ่บริเวณตึกเตี้ยนั้น หากใช้ต้นที่สูงใหญ่และแผ่กิ่งก้านสาขา มีร่มเงาได้มากตามที่โฆษณาไว้ จะช่วยให้ตึกเตี้ยน่าอยู่ขึ้นมากๆ แต่เราก็ต้องมาดูกันของจริงว่า เวลาสร้างเสร็จจะได้อย่างที่คุยเอาไว้หรือไม่ ส่วนตัวผมเชื่อว่าก็ต้องเผื่อเวลาอีกสัก 1-2 ปีหลังสร้างเสร็จ เพื่อให้ต้นไม้แตกใบชุดใหม่ แผ่กิ่งก้านและร่มเงางามๆได้ครับ

 

ต้นไม้ใหญ่อยู่ในที่ดินอยู่แล้วครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 145,000 บาทต่อตารางเมตร, 23 June 2013

  • ทำเล 8.25/10 – ทำเลอยู่หัวมุม ติดถนนซอยราชครูและอารีย์ ไม่ติดเรื่อง One Way
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – อารีย์ซอย 1 ซอยราชครูเป็นซอย 2 Ways เดินทางสะดวก
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ใกล้รถไฟฟ้า BTS อารีย์​ 300 เมตร
  • วัสดุ 6.25/10 – ได้แบบ Fully Furnished แต่วัสดุกับราคานี้อาจจะต้องปรับให้ดีกว่านี้
  • แบบ 7/10 – ชอบหลายฟังก์ชั่น แต่ไม่ชอบห้องที่ไม่มีระเบียง โดยรวมตึกหนาแน่นไปหน่อย
  • สาธารณูปโภค 7/10 – ตึกเตี้ยใช้งานสาธารณูปโภคลำบาก สาธารณูปโภคกระจายตัวอยู่หลายชั้นมากเกินไป

  • HIGH CLASS (2013)
  • 7.48 / 10.00

BOTTOM LINE

Centric Ari Station เหมาะกับคนที่ชอบคอนโดในย่านซอยอารีย์หรือซอยราชครู ชอบแบรนด์ใหญ่ ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลหรือไม่ใช้ก็ได้ เพราะอยู่ในรัศมีการเดินขึ้น BTS อารีย์ได้อย่างไม่ยาก

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ