รีวิวฉบับที่ 1845 … สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปชม Bplus Condo คอนโด Low Rise ในซอยพหลโยธิน 50 โครงการนี้มีแต่ห้อง 1 Bedroom เท่านั้น และขายมาในราคาเริ่มต้นที่ 1.62 ล้านบาท พร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ Built-in มาให้หลายชิ้น ทำเลแม้จะอยู่ในซอยแต่ก็ใกล้รถไฟฟ้าสถานีสายหยุด สามารถเข้า-ออกได้ทั้งถนนพหลโยธิน และ ถนนเทพรักษ์เลยค่ะ ตอนนี้โครงการก็สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่กันแล้ว เราไปชมรายละเอียดภายในโครงการกันเลยดีกว่า

Fact @ 3 April 2019

  • Bplus Condo (บีพลัสคอนโด)
  • ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment ได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในย่าน : สะพานใหม่
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 62 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 9 ยูนิตที่ชั้น 2-8
  • ที่จอดรถประมาณ 30 คัน รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 48.4%
  • ที่ดินประมาณ 0-2-5 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : ม.ค. 61
  • แล้วเสร็จ : มี.ค. 62
  • 1 Bedroom 32 ตร.ม. แบ่งออกเป็น Type A และ Type B
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.62 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 51,250 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด 50,625 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ไม่ต้องยื่นเพราะต่ำกว่า 80 ยูนิต
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร : 02-973-7288 หรือ 097-926-1993

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.890145, 100.611171

แผนที่จากทางโครงการค่ะ โครงการตั้งอยู่ในย่านสะพานใหม่ เขตสายไหม ซอยพหลโยธิน 50 แยก 11 (ห่างจากถนนพหลโยธิน 750 เมตร) อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสถานีสายหยุด (1 กิโลเมตร) ซึ่งเป็นสถานีส่วนต่อขยายจาก BTS หมอชิต (สายสีเขียวเหนือ) และอยู่ใกล้กับถนนเทพรักษ์ ถนนสายใหม่ที่เชื่อมซอยพหลโยธิน 50 สู่ถนนนิมิตใหม่และวัชรพล

Bplus Condo ถือเป็นอีกหนึ่งคอนโดที่ตั้งอยู่บนย่านสะพานใหม่ แต่เดิมทำเลนี้เป็นแหล่งชุมชนที่อยู่อาศัยกันมานาน จำนวนผู้อยู่อาศัยจึงเยอะตามด้วย ทำให้ความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างหนาแน่น คึกคัก รวมไปถึงการคมนาคมที่มีถนนหนทางตัดผ่านเชื่อมต่อได้หลายเส้นทาง อย่างเช่นถนนพหลโยธินนี้ก็เป็นถนนหลักที่เชื่อมต่อปริมณฑลทางตอนเหนือของกรุงเทพ ให้เดินทางไปยังตัวเมืองได้สะดวก เราสามารถใช้ถนนเส้นนี้ไปยังห้าแยกลาดพร้าว หรือ อนุสาวรีย์ชัยฯได้ หรือจะเดินทางออกนอกเมืองไปยังรังสิต อยุธยาก็ได้เช่นกัน ส่วนถนนเทพรักษ์ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่เปิดใช้งานได้ไม่นาน ในปัจจุบันจะตัดจากถนนพหลโยธินไปถึงถนนสุขาภิบาล 5 แต่ในอนาคต มีโครงการก่อสร้างเชื่อมถนนเทพรักษ์ไปบรรจบกับทางคู่ขนานวิภาวดีรังสิตโดยจะตัดตรงบริเวณเลียบคลองถนนและคลองวัดหลักสี่ค่ะ ซึ่งยังไม่มีกำหนดการที่แน่ชัด หากมีการก่อสร้างแล้วเสร็จ บริเวณนี้ก็จะกลายเป็นสี่แยกใหญ่ สามารถใช้เดินทางไปวิภาวดีรังสิตได้สะดวก อีกทั้งยังมีแผนก่อสร้างอีกจุดเชื่อมจากสุขาภิบาล 5 เพิ่มยาวไปถึงนิมิตใหม่เลยค่ะ จากตัวโครงการในแง่การเดินทางสามารถอิงการใช้งานได้ทั้งถนนเทพรักษ์ เดินทางผ่านซอยพหลโยธิน 50 และถนนพหลโยธิน โดยเดินทางไปได้ทั้งซอยพหลโยธิน 50 และ 52 ค่ะ

ในส่วนของการเดินทางด้วยรถสาธารณะ โครงการตั้งอยู่ภายในซอยที่ถึงแม้จะเรียกใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์ได้ง่าย แต่ก็ยังต้องอาศัยการเดินทางอย่างน้อย 2 ต่อ เพื่อที่จะมีขึ้นรถเมล์หรือรถไฟฟ้า(ในอนาคต)ที่อยู่บนถนนพหลโยธินค่ะ

มาดูที่รถไฟฟ้ากันบ้าง รถไฟฟ้าที่ใกล้กับโครงการเราจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ส่วนต่อขยาย โครงการเราจะตั้งอยู่ระหว่างสถานีสายหยุดกับสถานีสะพานใหม่ ถ้าวัดด้วยระยะทาง สถานีสายหยุดจะใกล้กว่า อยู่ห่างจากโครงการออกไปประมาณ 1 กม.ค่ะ โครงการนี้คาดว่าจะสามารถใช้งานได้ในปี 63 ที่จะถึงนี้ค่ะ

มาดูในเรื่องความอุดมสมบูรณ์กันบ้าง บริเวณนี้นับว่าเป็นชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก มีตลาดยิ่งเจริญ ตลาดใหญ่เป็นตัวชูโรงของย่านนี้เลย ทำให้บริเวณรอบๆตลาด เลียบถนนพหลโยธินไปช่วงนี้ จะมีความคึกคัก มีร้านอาหารอาคารพาณิชย์ที่ยังมีผู้คนเดินใช้งานกันคับคั่ง รถราผ่านตลอดเวลา ทั้งหมดทั้งมวลเป็นความอุดมสมบูรณ์ที่ราคาน่าคบหา เหมาะกับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันค่ะ นอกจากตลาดที่อยู่ตรงกันข้ามกับปากซอยพหลโยธิน 52 แล้ว ยังมี Big C สะพานใหม่ที่เป็น hyper market ตั้งอยู่ที่บริเวณปากซอยพหลโยธิน 50 ด้วยค่ะ ทำให้คนย่านนี้สามารถหาซื้อของกินของใช้ราคาสมเหตุสมผลได้อีกด้วย แต่สำหรับใครที่อยากเดินห้างที่มีระดับขึ้นมาหน่อยอาจจะต้องเดินทางไปยังถนนรามอินทราแทน บริเวณถนนเส้นนั้นจะมีเซ็นทรัลรามอินทราตั้งอยู่ค่ะ

เส้นทางการเดินทาง

ในส่วนของเส้นทางการเดินทางในรีวิวนี้ เรามีมาแนะนำกันอยู่ 2 เส้นทาง คือเส้นเข้าจากซอยพหลโยธิน 50 เลย กับทางเข้าจากถนนเทพรักษ์ เราไปชมเส้นทางกันเลยดีกว่าค่ะ

เส้นทางแรกเราจะลองเข้ามาจากถนนพหลโยธินมุ่งหน้าเข้าเมือง เลี้ยวซ้ายเข้ามาในซอย 50  ซึ่งเป็นซอยเดียวกันกับ Big C สะพานใหม่ เข้ามาภายในซอยเจอกับแยก 11 ให้เลี้ยวซ้าย วิ่งมาตามทางก็จะเจอกับโครงการเเล้วค่ะ ไปดูบรรยากาศเส้นทางกันเลยดีกว่า

เริ่มต้นที่ถนนพหลโยธินฝั่งมุ่งหน้าเข้าเมือง บริเวณนี้จะเป็นตลาดยิ่งเจริญ(ทางขวามือ) อยู่ตรงกับรถไฟฟ้าสถานีสะพานใหม่เลยค่ะ

ขับตรงมาเรื่อยๆ ถนนเส้นนี้ยังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่ คาดว่าจะเปิดใช้งานปีหน้านี้ค่ะ

ก่อนที่จะถึงสามแยกที่ตัดกับถนนเทพรักษ์ จะเจอกับ Big C สะพานใหม่อยู่ทางซ้ายมือ ถ้าเราเจอ Big C ก็ให้ชิดซ้ายไว้เลยค่ะ

เลี้ยวซ้ายเลย

ตรงนี้จะมี 2 ทางแยก คนที่ไม่ชินจะงงหน่อย เพราะทางหลักดูเหมือนจะไปยังถนนเทพรักษ์ แต่เราสามารถเลี้ยวซ้ายได้ค่ะ

เป็นทางเข้า Big C ซึ่งใช้เป็นทางเดียวกันกับซอยพหลโยธิน 50

ก่อนที่จะวนขึ้นตึกไปจอดรถ Shopping ให้เบี่ยงขวาออกไป

เราจะเจอกับ 7-eleven แบบนี้ เรามาถูกทางแล้วค่ะ ตามทางไปเลย

เข้ามาในซอยบรรยากาศจะเป็นที่พักอาศัยตลอด 2 ข้างทางเลย มีร้านขายของชำ ร้านอาหารประปราย

เจอกับแยก 11 ให้เลี้ยวซ้ายค่ะ

จุดสังเกตคือ 7-eleven ที่อยู่มุมอาคาร ตรงนี้เป็นร้านสะดวกซื้อที่ใกล้กับโครงการเราที่สุดเลย

ตรงมาตามทางจะบังคับเลี้ยวขวา

เลี้ยวมาโครงการ Bplus condo จะตั้งอยู่ทางขวามือค่ะ

มาดูเส้นทางที่ 2 กันบ้างค่ะ คราวนี้เราลองมาจากถนนพหลโยธินฝั่งขาออกเมืองกันบ้าง ขับมาเลี้ยวขวาเข้าถนนเทพรักษ์ จะมีทางที่เชื่อมต่อไปยังซอยพหลโยธิน 50 ได้ เข้ามาในซอยเจอกับแยก 11 ให้เลี้ยวขวา ก็จะเป็นทางเดิมกับเมื่อสักครู่ที่เราพาไปชมค่ะ ที่เราต้องแนะนำเส้นทางนี้เพิ่มเติมเนื่องมาจากถนนพหลโยธินฝั่งขาออกเราไม่สามารถเลี้ยวขวาเข้าไปยังซอยพหลโยธิน 50 ได้โดยตรง เส้นทางนี้จะบังคับเลี้ยวมายังถนนเทพรักษ์เท่านั้นค่ะ เราลองไปชมเส้นทางกันเลยนะคะ

เริ่มจากถนนพหลโยธินฝั่งขาออกนะคะ ถนนเส้นนี้จะผ่านมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน (ทางขวามือ)

ลงสะพานข้ามเเยกหลักสี่ไปก่อน

ขึ้นสะพานมาจะเจอกับ Tesco Lotus หลักสี่ทางขวามือ

เลยสถานีสายหยุดมาจะเจอกับทางเลี้ยวขวาไปยังถนนเทพรักษ์ มี Big C สะพานใหม่อยู่หัวมุมถนนค่ะ

เลี้ยวมาเราจะอยู่บนถนนเทพรักษ์ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่กว้างฝั่งละ 3 เลนเลย เนื่องจากเป็นถนนตัดใหม่ ใกล้รถไฟฟ้า ช่วงต้นถนนจะเห็นโครงการพักอาศัยขึ้นกันมาหลายโครงการเลยค่ะ

ถนนเส้นนี้ช่วงกลางคืนก็จะคึกคักนะคะ เพราะมีร้านอาหารอยู่มากสองข้างถนน ถนนเส้นนี้ยังเป็นถนนที่สามารถจอดขอบทางได้ ทำให้มีรถจอดเเวะซื้อ แวะกินกันเยอะเลย

ทางที่สามารถเชื่อมต่อไปยังซอยพหลโยธิน 50 ได้มีหลายทางเลยค่ะ ทางที่ใกล้ที่สุดจะอยู่หลังสะพานลอยแรกของถนนเทพรักษ์ “ซอยหลังสะพานลอยแรกนะคะ”

เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเลย ตอนนี้ปากซอยมีป้ายโครงการอยู่ แต่ถ้าเราอยู่เลนกลางเเล้วขับเร็วอาจจะไม่ทันสังเกตเหมือนกัน

พอเลี้ยวมาเส้นทางจะแคบลงหน่อย มีรถจอดค่อนข้างเยอะ

ตามทางมาจะบังคับเลี้ยวซ้าย

เราจะมาอยู่ที่ซอยพหลโยธิน 50 แล้วค่ะ คราวนี้ให้เรามองหาแยก 11 นะคะ ถ้าตรงต่อไปเรื่อยๆจะไปเจอ Big C สะพานใหม่ค่ะ

แล้วก็เหมือนเดิมค่ะ แยก 11 จะมี 7-elevenอยู่ เลี้ยวขวาเข้าไปเลย

ถนนช่วงนี้จะมีอพาร์ทเม้นท์อยู่เยอะ ของกินก็หาง่ายหน่อย

เข้ามาสุดทางก็จะเจอกับสำนักงานขายขวามือ โครงการจะเลี้ยวขวาไป อยู่หลังสำนักงานขายค่ะ

ในกรณีที่มาจากซอย 52 ก็มีเส้นทางที่สามารถมายังโครงการได้เช่นกันนะคะ แต่ถนนภายในซอยเหล่านี้จะค่อนข้างเล็กหน่อย ขับสวนกันลำบากเล็กน้อย ต้องระมัดระวังนิดนึงค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

Bplus Condo ตั้งอยู่ภายในซอยพหลโยธิน 50 แยก 11 ห่างจากปากซอย 750 เมตร ภายในแยก 11 นี้เมื่อเข้ามาจะเป็นที่ตั้งของอพาร์ทเม้นท์อยู่หลายโครงการ  ซึ่งก็จะมีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อเปิดให้บริการอยู่ ก่อนที่จะเลี้ยวขวามาเป็นตำแหน่งที่ตั้งโครงการ ที่จะมีความสงบกว่าเล็กน้อย ซอยนี้สามารถเชื่อมต่อไปยังซอยพหลโยธิน 52 ได้ ทำให้ถนนหน้าโครงการ มักจะมีรถมอเตอร์ไซค์ขับผ่านเข้า-ออกตลอดเวลา และซอยพหลโยธิน 52 นี้เองก็จะเป็นอีกซอยที่มีความอุดมสมบูรณ์หนาแน่นมากเช่นกันค่ะ

  • ทิศเหนือ ติดกับถนนหน้าโครงการ ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ดินเปล่า มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น
  • ทิศใต้ ติดกับที่ดินเปล่า ปัจจุบันถูกใช้เป็นที่พักคนงาน ส่วนแผนในอนาคตยังไม่ทราบ
  • ทิศตะวันออก ติดกับคอนโดมิเนียม Stand up สูง 8 ชั้น
  • ทิศตะวันตก ติดกับที่ดินเปล่า ปัจจุบันเป็น Sale office โครงการ Bplus Condo

ทิศเหนือ หน้าโครงการจะเป็นถนนหน้าโครงการ ถนนเส้นนี้ไปทางขวามือจะเป็นเส้นทางลัดไปยังซอยพหลโยธิน 52 ได้ ส่วนทางซ้ายมือจะไปยังซอยพหลโยธิน ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักอาศัย 1 ชั้น ปัจจุบันเป็นร้านทำผม และที่ดินเปล่า

ทิศตะวันออก เป็น Stand Up คอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น

ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านสุขสมบูรณ์ ริมถนนจะเป็นตึกแถวที่ชั้นล่างเป็นร้านค้าเช่นร้านของชำ ร้านอาหารประปราย

ทิศตะวันตก ปัจจุบันเป็น Sale Office ของโครงการ

เราลองเดินเลยมาซอยข้างๆ Sale Office นะคะ ช่วงนี้ของซอยจะมีอพาร์ทเม้นท์ อยู่ 3-4 โครงการ ทำให้มีความสะดวกสบายอย่างเช่นร้านอาหารอยู่มาก มีวินมอเตอร์ไซค์ขับผ่านแทบจะตลอดเวลา

ร้านแถวนี้ก็จะมีทั้งอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยวเรือ รวมได้ถึงร้านกาแฟด้วยค่ะ

เดินต่อไปจะเป็นซอยพหลโยธิน 50 หลัก บริเวณนี้จะมี 7-eleven ถือว่าเป็นร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้โครงการเรามากที่สุดค่ะ ห่างจากโครงการไปประมาณ 150 เมตร

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ 

  • Big C สะพานใหม่ – 800 เมตร
  • โรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัล – 1 กิโลเมตร
  • รถไฟฟ้า BTS สถานีสายหยุด – 1.2 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ – 1.4 กิโลเมตร
  • ตลาดยิ่งเจริญ – 3 กิโลเมตร
  • เซ็นทรัลรามอินทรา – 3.3 กิโลเมตร
  • Central Plaza รามอินทรา – 3.3 กิโลเมตร
  • วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร – 4.2 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร – 4.5 กิโลเมตร
  • Tesco Lotus หลักสี่ – 4.6 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยเกริก – 4.6 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยศรีปทุม – 7.2 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ – 8.2 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

Bplus Condo เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น มีห้องพักอาศัยจำนวน 62 ยูนิต เป็นแบบ 1 Bedroom ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณครึ่งไร่ ภายในซอยพหลโยธิน 50 ตัวอาคารจะถูกแบ่งให้ชั้น 1 เป็นที่จอดรถ Lobby และห้องทำงานของนิติบุคคล ส่วนชั้น 2 ถึงชั้น 8 จะเป็นห้องพักอาศัย โดยจะมีส่วนกลางคือฟิตเนสที่อยู่บนชั้น 2 มีชั้นดาดฟ้าชมวิว และมีสวนเล็กๆข้างอาคาร อาคารออกแบบค่อนข้างเต็มพื้นที่ หันหน้าไปทางทิศเหนือ – ใต้ โดยด้านหน้าอาคารจะเป็นทิศเหนือ

รูปแบบอาคารจะเป็นสไตล์ Modern เน้นโทนสีเทา สลับกับโทนสีส้มอิฐ และสีขาวที่ชั้นบนๆ สลับกับการเจาะช่องเเสงที่ได้ค่อนข้างมาก ทำให้อาคารดูไม่น่าเบื่อเพราะซ้ำเหมือนกันไปในทุกชั้นและไม่ดูทึบตันค่ะ

มาดูที่ชั้น 1 กันก่อนค่ะ ฟังก์ชันการใช้งานจะเป็นที่จอดรถ Lobby ห้องทำงานนิติบุคคล และสวนด้านข้างอาคาร นับจากที่จอดรถแล้วจะอยู่ที่ 27 คัน ซึ่งจะไม่ถึง 50% นะคะ แต่มีที่จอดรถสำหรับจักรยานยนต์อยู่ด้านหลังให้มา กะคร่าวๆได้ประมาณ 20 คันค่ะ พื้นที่ชั้นนี้จะค่อนข้างเป็นพื้นที่ที่เปิดโล่งเลย ทั้งที่จอดรถและ Lobby จะไม่มีการกั้นทางเข้า แต่จะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ตามจุดทางๆทั่วอาคารจำนวน 20 จุด สามารถ Monitor ได้จากห้องทำงานนิติบุคคลค่ะ ในเวลากลางวันจะมีแม่บ้านคอยดูแลรอบๆอาคาร ส่วนช่วงกลางคืนจึงจะมีรปภ.มาตรวจตราและเฝ้ายามให้ค่ะ ส่วนการที่จะขึ้นไปยังชั้นพักอาศัยได้นั้นจะต้องใช้ระบบสแกนนิ้วมือ หรือใช้ Key card เพื่อ Access เข้าไปยังโถงลิฟต์นะคะ โครงการนี้จะให้ลิฟต์มาตัวเดียว ค่อนไปทางขวาของอาคาร(เมื่อมองจากทางเข้า) ดังนั้นจะมีห้องที่อยู่ใกล้ลิฟต์หน่อย กับห้องที่ต้องเดินไกลจากลิฟต์บ้าง ห้องที่เดินไกลก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องที่ใกล้ (มีคนอีก 6-8 ห้องที่จะเดินผ่านไปมาหน้าห้องเรา) แต่ห้องที่ใกล้ก็จะสะดวกเวลาใช้งานลิฟต์ (ลองคิดว่าไปซื้อของมาหนักๆ คงไม่อยากเดินไกลใช่ไหมคะ)

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเป็นชั้นห้องพักอาศัยแล้วค่ะ ที่ชั้นนี้จะมีพื้นที่ส่วนกลางที่เพิ่มมาคือห้องฟิตเนส ขนาดห้องประมาณ 31 ตร.ม.ค่ะ เนื่องจากลิฟต์ที่นี่ไม่ได้เป็นระบบล็อคชั้น และแต่ละชั้นก็ไม่ได้มีประตูกั้นอีกที ทำให้ลูกบ้านทุกคนสามารถมาใช้งานที่ฟิตเนสได้สะดวกค่ะ แต่สำหรับผู้อยู่อาศัยที่ชั้นนี้อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวเล็กน้อย เพราะไม่ว่าใครก็จะสามารถเดินมายังหน้าห้องพักเราได้ แต่เราก็จะได้ความสะดวกที่อยู่ใกล้กับฟิตเนสแทน ถือเป็นการ Trade-off กันอย่างหนึ่งค่ะ

ชั้นนี้จะมีห้องพักอาศัยอยู่ 8 ยูนิต เป็นห้อง 1 Bedroom Type A ตรงกลางอาคาร ส่วน Type B จะอยู่มุมอาคารค่ะ แนวโถงทางเดินจะเป็นแบบ Double Corridor มีห้องพักอยู่ทั้ง 2 ฝั่งของทางเดินเลย ประตูห้องอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกันพอดี จากฝั่งตรงกันข้ามสามารถมองผ่านเข้าไปยังห้องนอนเราได้ง่ายนะคะ ที่ปลายสุดของทางเดินจะมีหน้าต่างอยู่ทั้ง 2 ฝั่งเลย ช่วยเป็นช่องแสงให้ทางเดินไม่มืดมาก อาจจะไม่ต้องเปิดไฟทางเดินในเวลากลางวันได้ ลดการใช้ไฟได้ และหน้าต่างยังจะช่วยระบายอากาศบริเวณทางเดินได้ด้วยค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 3-8 จะเป็น Typical Floor หรือชั้นห้องพักอาศัยเหมือนกันทุกชั้นค่ะ โดยจะมีห้องเพิ่มมา 1 ห้องเป็น 9 ยูนิตต่อชั้นค่ะ รูปแบบการวางห้องยังคงเหมือนเดิมคือห้อง Type A อยู่ตรงกลาง ส่วนห้อง Type B จะเป็นห้องมุม

มาดูที่อาคารจริงกันเลยดีกว่าค่ะ หันหน้าเข้าอาคารทางขวามือจะเจอกับป้อมยาม ตั้งอยู่หน้าทางเดินเข้าอาคารค่ะ ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นที่จอดรถ

เราจะเห็นได้ว่ารถที่จะมาจอดสามารถขับถอยซองเข้าไปได้เลยจากถนนหน้าโครงการนะคะ เนื่องจากโครงการนี้ไม่มีการล้อมรั้วกั้นที่จอดเอาไว้ เพื่อให้ได้ที่จอดรถมากที่สุด ทีนี้หลายคนคงสงสัยว่า ถ้ามีใครขับรถมั่วมาจอดจะทำอย่างไร? รถที่จะมาจอดได้จะต้องติดสติ๊กเกอร์ที่รถเอาไว้ค่ะ กลางวันก็จะมีแม่บ้านคอยดู ส่วนกลางคืนจะมีพี่รปภ.ช่วยตรวจเช็คให้ค่ะ และจำนวนห้องไม่เยอะมาก 62 ยูนิต เผลอๆพี่แม่บ้านกับพี่รปภ.อาจจะจำหน้าลูกบ้านได้ทุกคนด้วยซ้ำนะคะ

ทางซ้ายมือจะเป็นทางเลี้ยวรถเข้าไปจอดใต้อาคาร มีการตีกรอบไว้ว่าสามารถจอดรถได้ตำแหน่งไหนบ้าง เส้นทางการเดินรถเป็นอย่างไร จะได้ไม่เกิดปัญหาคนมาจอดขวางทางเดินรถค่ะ ส่วนรั้วรอบๆจะมีการติดตั้งไฟไว้ด้วย เพื่อไม่ให้กลางคืนมืดเกินไป

เลี้ยวเข้ามาใต้อาคารจะสามารถจอดรถได้ 2 ฝั่ง 16 คัน ตรงนี้ก็จะได้จอดในร่มหน่อยค่ะ รอบๆที่จอดรถจะมีติดตั้ง CCTV ไว้ ช่วยเรื่องความปลอดภัยได้บ้าง

ด้านหลังของอาคารจะมีที่จอดรถสำหรับรถจักรยานยนต์ บริเวณนี้สามารถจอดได้ประมาณ 20 คัน เป็นที่จอดในร่มด้วย ขึ้นนั่งใช้งานตอนกลางวันเบาะไม่ร้อนลวกต้นขานะคะ (ปัญหาที่คุณผู้หญิงนุ่งสั้นมักจะเจอประจำเวลาขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างเวลากลางวัน 😛 )

ปลายสุดของที่จอดรถจะมีห้องน้ำ Service อยู่ 1 ห้อง ถือเป็นห้องน้ำส่วนกลางห้องเดียวของอาคารนี้นะคะ

ด้านในก็จะมีอ่างล้างมือกับโถสุขภัณฑ์แบบนี้ พอใช้งานได้สะดวกค่ะ

รอบๆอาคารจะมีสวนเล็กๆหน้าตาแบบนี้นะคะ จาก Lobby มองออกมาก็จะได้เห็นพื้นที่สีเขียวดูสบายตา

กลับมายังหน้าอาคารอีกทีค่ะ ทางเข้าอาคารด้านหน้าจะมีการปูพื้นที่ต่างจากที่จอดรถ นำสายตาไปยังทางเข้าอาคารค่ะ บริเวณนี้จะมีการติดชื่อคอนโดเอาไว้ เวลาที่บอกเพื่อนหรือเซอร์วิสต่างๆก็จะได้หาง่าย เข้าได้ง่ายด้วยเลย ตรงทางเข้าจะมีการทำกรอบขึ้นมารอบพื้นที่ 2 ชั้น ช่วยเน้นทางเข้าอาคารให้ดูเด่นชัดมากขึ้นค่ะ

เดินเข้ามายัง Lobby พื้นที่ตรงนี้จะเป็นพื้นที่ใต้อาคารไม่มีประตูกั้นเปิด-ปิดนะคะ มีพัดลมติดตั้งไว้ให้ ถัดเข้าไปจะเห็นห้องกระจกอยู่ ตรงนั้นจะเป็นห้องทำงานของนิติบุคคลค่ะ

Lobby จะมีมุมโซฟานั่งพักผ่อนและเคาน์เตอร์ยาว สามารถมานั่งเล่น หรือนั่งทำงานได้ แต่ก็จะไม่เป็นส่วนตัวเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าใครก็สามารถเดินเข้ามานั่งได้เช่นกันค่ะ

เดี๋ยวเราจะลองเดินเข้าไปด้านในกันดูนะคะ อันที่จริงพื้นที่ส่วนนี้ก็จะดูค่อนข้างโปร่งอยู่เพราะรอบๆจะไม่ใช่ผนังทึบทั้งหมด แต่จะมีกระจกเเทรกเป็นระยะ ทำให้ภายในห้องนิติบุคคลสามารถมองไปยังทางเดิน และที่จอดรถได้ ช่วยสอดส่องคนที่ผ่านเข้า-ออกได้ด้วยค่ะ

เลยห้องนิติบุคคลมาจะเจอกับประตูกระจกแบบนี้ ตรงนี้จะมีการรักษาความปลอดภัยให้นะคะ เป็นระบบสแกนนิ้วหรือใช้ Key Card ในการเข้าไปยังส่วนพักอาศัยด้านใน ระบบสแกนลายนิ้วมือคล้ายๆกับระบบที่เห็นตามออฟฟิศค่ะ

เข้ามาจะเป็นตำแหน่งของลิฟต์โดยสาร ซึ่งมีอยู่ 1 ตัวนะคะ อยู่ติดกับบันไดเลย ใครอยู่ชั้นไม่สูงมาก อยากออกกำลังกายก็เดินขึ้นไปได้นะคะ

ข้างๆลิฟต์จะเป็นตำแหน่ง Mail Box หรือตู้จดหมายของแต่ละห้องค่ะ รับรองว่าทุกคนที่พักต้องผ่านพื้นที่ส่วนนี้แน่นอน เราก็จะไม่ลืมที่จะหยิบจดหมาย บิล หรือเอกสารสำคัญต่างๆที่ส่งมาแน่นอนค่ะ

โครงการนี้มีลิฟต์โดยสารให้มาตัวเดียวอย่างที่บอกไป อัตราส่วนการใช้งานอยู่ที่ 1:62 ถือว่าไม่เยอะนะคะ ใช้งานได้สบาย ส่วนลิฟต์จะไม่ได้เป็นลิฟต์แบบล็อคชั้น คือเราสามารถขี้นไปที่ชั้นไหนก็ได้ และในแต่ละชั้นไม่ได้มีประตูกั้นแยกค่ะ คิดซะว่าโครงการนี้เป็นโครงการยูนิตไม่มาก ไม่น่าจะวุ่นวายเท่าไหร่ค่ะ

ออกจากลิฟต์มายังชั้น 2 ทางซ้ายมือจะเป็นห้องฟิตเนสค่ะ ห้องนี้จะเปิดให้ใช้บริการช่วงเวลา 17.00 – 21.00 น. เท่านั้น เหตุผลมาจากการควบคุมการใช้งานเครื่องปรับอากาศภายในห้อง ค่าไฟฟ้าจะได้ไม่แพงมาก เหมาะกับค่าส่วนกลางที่เก็บเพียง 35 บาทต่อตร.ม.ค่ะ

เข้ามาเราจะเจอกับผนังด้านหนึ่งเป็นกระจก จัดวางเครื่องเล่นไว้ 3 เครื่อง เป็นลู่วิ่ง เครื่องเล่นฝึกกล้ามเนื้อ และลู่จักรยาน สามารถออกกำลังกายไปมองวิวด้านหน้าอาคารไปได้ค่ะ ภายในห้องพื้นจะเป็นกระเบื้อง ตรงนี้เวลาใช้งานเครื่องเล่นไปซักพักตัวกระเบื้องพื้นอาจจะเเตกร้าวได้ น่าจะมีแผ่นยางรอบรับการกระเเทกชั้นนึงนะคะ ก่อนที่จะวางเครื่องเล่น

อีกมุมหนึ่งก็จะมีเครื่องเล่นจัดไว้ให้อีกชิ้น ผนังกรุด้วยกระจก และทาสีบริเวณผนังดีไซน์เป็นปูนเปลือย ได้บรรยากาศดิบๆดีค่ะ ส่วนตัวมองว่าเครื่องเล่นในฟิตเนสให้มาไม่เยอะมาก จำนวน 4 ชิ้น และเปิดใช้งานเเค่ช่วงตอนเย็นด้วย แต่เราคิดว่าสามารถตกลงกับทางนิติบุคคลในภายหลังได้นะคะ เผื่อใครอยากมาออกกำลังกายช่วงเช้าก่อนไปทำงาน หรือว่าขอใช้งานแบบไม่เปิดแอร์ก็อาจจะเป็นไปได้ค่ะ เพราะโครงการนี้มียูนิตไม่มาก การมาใช้งานอาจไม่แออัดมากเท่าไหร่

ชั้นดาดฟ้า จะเป็นพื้นที่โล่งๆเลยค่ะ ไม่มีการจัดวางเฟอร์นิเจอร์หรือฟังก์ชันใช้สอยอะไรไว้ให้ แต่เราสามารถเดินขึ้นมาสูดอากาศ หรือชมวิวรอบๆอาคารได้นะคะ วันนั้นที่ขึ้นไปลมเย็นสบายเลยทีเดียว

ทางเดินหน้าห้องพักจะเป็นทางเดินแบบ Double Corridor คือมีห้องพักอยู่ทั้ง 2 ฝั่งของทางเดินเลย ประตูทางเข้าห้องจะอยู่ตรงกัน อาจจะมีโอกาสที่เมื่อเราเปิดประตูห้องออกมาจะเจอกับเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามที่เปิดออกมาพอดีเช่นกัน อย่าลืมทักทายกันนะคะ แต่อย่าแอบมองภายในห้องเค้าน่ะ เผื่อห้องเค้าไม่ได้จัดเรียบร้อย เดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติดเอา

การออกแบบทางเดินของที่นี่จะมีการออกแบบให้ปลายสุดทางเดินทั้ง 2 ฝั่งเป็นกระจกบานกระทุ้ง สำหรับระบายอากาศและทำให้เกิดแสงสว่างบริเวณโถงทางเดินภายในชั้นห้องพักอาศัยด้วย ที่ปลายทางเดินฝั่งทิศตะวันออกซึ่งเป็นทิศที่ร้อนน้อยกว่าฝั่งทิศใต้และทิศตะวันตก ก็ได้ออกแบบให้มีช่องแสงทั้งสองด้านด้วย เราเดินมามองวิวด้านหน้าอาคารก็ได้ด้วยนะคะ

วิวรอบๆโครงการ

หลังจากที่เราลองขึ้นมาชั้นดาดฟ้าดูเเล้ว เราว่าโครงการนี้ก็ได้วิวที่เปิดโล่งไม่เลวเลยนะคะ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว คนที่มองหาคอนโดมิเนียมที่เป็น Low Rise มักจะไม่ค่อยคาดหวังเรื่องวิวมากนัก เพราะเป็นอาคารไม่สูงมาก และก็มักจะถูกอาคารรอบข้างขึ้นบังหมด แต่สำหรับ Bplus Condo เราสามารถเดินขึ้นมาชั้นดาดฟ้า ตากลม สูดอากาศได้ค่ะ

วิวทิศตะวันตก ทางฝั่งนี้จะมองไปทางถนนพหลโยธินค่ะ วิวค่อนข้างเปิดโล่งอยู่นะคะ จะมีทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่มี Apartment เก่าตั้งอยู่

วิวทิศเหนือ จะเป็นวิวด้านหน้าโครงการค่ะ ห้องฝั่งนี้ก็จะได้วิวที่เป็นพื้นที่สีเขียวแบบนี้เลย เพราะฝั่งตรงข้ามจะเป็นที่ดินเปล่าอยู่ค่ะ

วิวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ฝั่งนี้จะเป็นหมู่บ้านสุขสมบูรณ์ เป็นทาวน์โฮมเเนวราบเป็นส่วนใหญ่ มองจากดาดฟ้าโครงการเราก็ยังได้วิวโล่งทางทิศนี้เช่นกันค่ะ

วิวทิศตะวันออก ฝั่งนี้จะเป็นโครงการคอนโด Low rise พี่น้องอย่าง Stand up Condo ซึ่งอาคารนี้จะมีการวางผังและการจัดรูปทรงอาคารคล้ายกันกับโครงการเรา และมีความสูงที่ใกล้เคียงกัน ทำให้มองไปเราก็จะไม่เห็นวิวอะไรจากทางฝั่งนี้ค่ะ

วิวทิศใต้ เป็นทิศที่มีที่ดินเปล่าอยู่ ปัจจุบันเป็นที่พักคนงานอยู่ค่ะ ต้องรอดูว่าในอนาคตจะมีโครงการอะไรขึ้นมาหรือไม่

วิวทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะเจอกับ Apartment เก่าสูงประมาณ 10 ชั้นค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • Fitness 1 ห้องขนาด 31 ตร.ม.
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • ลิฟต์โดยสาร 1 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 62 : 1
  • Service Lift : ไม่มี
  • ที่จอดรถประมาณ 30 คัน รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 48.4%
  • ระบบ CCTV / Access Card
  • แม่บ้าน , รปภ.


Product Walkthrough

ห้องพักอาศัยของโครงการ Bplus Condo นี้จะมีเฉพาะ 1 Bedroom เท่านั้น มีให้เลือก 2 แบบคือ Type-A และ Type-B ขนาดมาตรฐาน 32 ตร.ม. โดย Type-A จะเป็นห้องยูนิตที่อยู่ตำแหน่งกลางอาคาร ส่วน Type-B จะเป็นห้องหัวมุมของอาคารค่ะ ทั้ง 2 แบบ จะมี Furniture ให้มาหลายชิ้น รายละเอียดตามนี้ค่ะ

* Built-in และเฟอร์นิเจอร์ที่แถมมาพร้อมห้อง

  1. เตียง 5 ฟุต (Queen Size) + โต๊ะหัวเตียง
  2. ตู้เสื้อผ้า Built-in
  3. ชั้นวางทีวี ในห้องนอน
  4. เครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 BTU ในห้องนอน
  5. ชั้นวางทีวี ในห้องนั่งเล่น
  6. เคาน์เตอร์ครัวพร้อม Sink ล้างจาน
  7. ตู้ลอยบนเคาน์เตอร์ครัว
  8. โต๊ะทานอาหาร

วันนี้เรามีตัวอย่างของทั้ง 2 ห้องมาให้ดูเลย ไปดูผังพร้อมรายละเอียดภายในห้องกันเลยดีกว่าค่ะ

เริ่มต้นกันที่ห้อง Type-A ขนาด 32 ตร.ม. เป็นยูนิตที่อยู่กลางอาคาร ห้อง Type นี้จะมีจำนวนเยอะที่สุดของโครงการนี้เลยค่ะ มีชั้นละ 6 ห้อง ตั้งแต่ชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 8 โดยตัวห้องจะเป็นห้องหน้ากว้าง ที่สามารถเเบ่งพื้นที่ใช้งานออกเป็นสัดส่วนได้ และมีแสงสว่างส่องทั่วถึงแทบจะทุกส่วนของห้องเลย โดยเมื่อเราเข้าห้องมาจะเจอกับพื้นที่ส่วนนั่งเล่นก่อนเลย ซึ่งมีขนาดค่อนข้างกว้าง บริเวณนี้จะมีชั้นวางทีวีให้มา เราสามารถเลือกโซฟามาวางเองได้ ใครที่ต้องการโต๊ะทำงานหรือมุมสำหรับชั้นวางของ ก็อาจจะเลือกโซฟาแบบ 2 ที่นั่ง แต่ถ้าใครชอบที่จะใช้ชีวิตอยู่บนโซฟารับแขก นอนดูทีวีหรือเล่นเกมส์ ก็อาจจะเลือกโซฟารูปตัว L หรือแบบที่มีขนาดใหญ่ขึ้นแทนได้ค่ะ ถัดเข้าไปจะเป็นพื้นที่ห้องนอน โดยทางเข้าของห้องนอนตรงนี้จะเป็นประตูบานสไลด์กระจก ทำให้แสงสว่างจากภายนอกอาคารส่องเข้ามายังพื้นที่ห้องนั่งเล่นได้ด้วย หรือเราสามารถเปิดประตูให้พื้นที่เชื่อมต่อกันได้ ห้องก็จะดูกว้างมากขึ้นค่ะ ภายในห้องนอนจะมีเตียง Queen Size ให้มา มีโต๊ะหัวเตียง และมี Built-in ตู้เสื้อผ้าด้วยค่ะ ห้องนอนถือว่าไม่แคบนะคะ มีทางเดินรอบเตียงเดินได้ค่อนข้างสะดวก เดี๋ยวเราจะไปเห็นกันตอนชมห้องอีกทีนะคะ ส่วนห้องครัวและห้องน้ำจะอยู่ไปอีกฝั่ง ห้องครัวจะอยู่ชิดระเบียงด้านนอก ทำให้สามารถระบายอากาศได้ดี ส่วนห้องน้ำจะอยู่ด้านในค่ะ ภายในครัวจะให้เคาน์เตอร์และอ่างล้านจาน ไม่มีเตามาให้ และมีตู้เก็บของทั้งชิ้นบนและชิ้นล่าง ครัวของห้องแบบนี้จะเป็นครัวเปิดนะคะ ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์จะมีโต๊ะทานข้าวแบบสูงเอาไว้ให้ สามารถหาเก้าอี้ทรงสูงมาวางได้ ส่วนภายในห้องน้ำก็จะให้ฟังก์ชันมาครบ แยกส่วนเปียกและส่วนแห้ง มีฉากกั้นอาบน้ำและพัดลมดูดอากาศให้มาด้วยค่ะ

มาดูห้องตัวอย่างกันค่ะ เริ่มกันตั้งแต่ประตูทางเข้ากันเลย ประตูจะเป็นบานไม้สำเร็จรูป ปิดผิวด้วยลายไม้ มีการทำ Pattern เซาะร่องตามภาพเลย ทำให้ประตูดูมีลวดลายดูไม่เรียบจนเกินไป ติดตั้งมาพร้อมกับตาแมวค่ะ ส่วนลูกบิดประตูเป็นแบบก้านจับคันโยก เข้า-ออกด้วยการไขกุญแจค่ะ พื้นภายนอกจะต่ำกว่าพื้นในห้องนอน 2-3 ซม. ทำให้ฝุ่นผงที่อยู่บริเวณทางเดินไม่ปลิวเข้ามาในห้องนอนได้ง่าย ไม่สกปรกค่ะ

เมื่อเข้ามาในห้องเราจะเจอกับพื้นที่ส่วนนั่งเล่นรับแขกก่อนเลย เข้าไปจะเป็นห้องนอนที่กั้นไว้ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน เยื้องไปทางขวามือจะเป็นส่วนห้องครัวที่เป็นครัวเปิดค่ะ ทำให้พื้นที่ห้องนั่งเล่นนี้ ถึงแม้จะอยู่ห่างจากกระจกภายนอก แต่ก็ยังได้แสงสว่างจากทั้งห้องนอนและครัวเลยค่ะ

มาดูที่วัสดุมาตรฐานของโครงการนี้กันก่อน ตัวห้องจะมีความสูงอยู่ที่ 2.45 เมตร พื้นจะได้เป็นกระเบื้องยางลายไม้ (ถือว่าดีเลยนะคะ ปกติราคาต่อตร.ม.ประมาณนี้เรามักจะเห็นเป็นกระเบื้องหรือลามิเนตมากกว่า) ผนังและฝ้าเพดานจะฉาบเรียบทาสีขาวเอาไว้ให้ ไฟเป็นดาวน์ไลท์ฝังฝ้าเพดาน ส่วนประตูหน้าต่างที่เป็นกระจกจะได้กรอบบานอลูมิเนียมและกระจกใสค่ะ

เริ่มที่ส่วนนั่งเล่นกันก่อนเลย พื้นที่ส่วนนี้จะมีขนาดอยู่ที่ 3.5×3.15 เมตร ถือว่ากว้างมากเลยค่ะ ผนังด้านข้างประตูที่อยู่ฝั่งเดียวกับโซฟาจะกว้าง 2 เมตร สำหรับใครที่มีข้าวของเยอะ จะหาชั้นวางของหรือ Built-in ตู้มาวางไว้ตรงนี้ก็ได้นะคะ

เเละด้วยความที่กว้างมาก เราสามารถวางโซฟา และหาโต๊ะหน้าโซฟามาจัดวางได้ ในขณะที่ทางเดินหน้าทีวีก็ยังกว้างอยู่ อย่างเช่นในห้องตัวอย่างจะเหลือทางเดิน 1 เมตร สบายๆเลย ระยะทีวีอยู่ที่ 3 เมตร เลือกทีวี 50-60 นิ้วได้เลย ส่วนผนังฝั่งที่วางทีวีจะกว้าง 2.3 เมตร กว้างพอที่จะวางทีวีขนาดใหญ่ได้เช่นกันค่ะ

พื้นที่วางโซฟาจะมีขนาดจากขอบผนังไปถึงแนวเสา 2.2 เมตร สามารถวางโซฟาแบบ 2-3 ที่นั่งได้เลย

ส่วนมุมที่อยู่ระหว่างโซฟากับผนังฝั่งห้องนอน ตรงนี้จะมีผนังทึบอยู่ ซึ่งดีตรงที่เราสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้งาน ทำเป็นมุมตู้เก็บของ เก็บหนังสือ หรือวางโต๊ะทำงานก็ได้ค่ะ

มาดูชั้นวางทีวีกันค่ะ เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้จะให้มาพร้อมกับห้องเลย เป็นตู้เตี้ยขนาดลึก 40 ซม. ยาว 2.3 เมตร เต็มความกว้างของผนังเลย ปิดผิวด้วยเมลามีนลายไม้ ทำให้ภายในห้องดูมีเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นลายไม้เยอะ สร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่นมากขึ้นค่ะ

ช่องใส่ของทั้งฝั่งซ้าย-ขวาจะเป็นบานเปิดสวิง เราสามารถแบ่งฝั่งนึงให้เป็นที่เก็บรองเท้าส้นเตี้ยได้นะคะ ส่วนรองเท้าส้นสูงของคุณผู้หญิง ความสูงของชั้นอาจจะไม่พอเท่าไหร่ หาตู้เก็บเพิ่มเติมน่าจะเหมาะกว่า

เดี๋ยวเราจะเข้าไปดูห้องนอนกันต่อเลยดีกว่าค่ะ จากห้องนั่งเล่นไปยังห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน สามารถเลื่อนเปิดได้ทั้ง 2 ฝั่ง มีการทำลูกฟักเพิ่มเข้าไป ดูแปลกตาขึ้น (ทั่วไปเรามักจะเห็นเป็นบานใสทั้งบานเลย ซึ่งทำลูกฟักเพิ่มเติม จะมีข้อดีที่เราไม่เดินชนง่ายๆนะคะ เผื่อกลางคืนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ตื่นมาสลึมสลือก็จะรู้ได้ว่าประตูห้องเปิดหรือปิดอยู่)

ส่วนตัวรางจะมีทั้งรางบนและรางล่าง ทำให้เลื่อนเปิดได้สะดวก รางล่างจะสูงขึ้นมาจากพื้นเล็กน้อย ต้องระวังสะดุดกันนิดนึง

ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ในห้องนอนจะมีเตียงขนาด Queen size, โต๊ะหัวเตียง, ชั้นวางทีวี และตู้เสื้อผ้าค่ะ ส่วนความสูงและวัสดุจะเหมือนกันกับห้องนั่งเล่น ห้องนอนนี้จะมีขนาดอยู่ที่ 2.8×3 เมตร

ที่สะดุดตาคือภายในห้องนี้จะได้ช่องเเสงขนาดใหญ่อยู่นะคะ เป็นหน้าต่างบานเลื่อนเปิดออกได้ทั้ง 2 ฝั่ง ตั้งอยู่บนผนัง Low wall คืออาจจะไม่สูงจรดพื้น แต่ก็ได้ช่องเเสงที่มากอยู่ค่ะ

ตัวหน้าต่างจะไม่ได้มีมุ้งลวดให้มา แต่ดีไซน์กรอบบานสามารถติดตั้งมุ้งลวดเองในภายหลังได้

บริเวณฝ้าเพดานตรงนี้จะมีการเซาะร่องสำหรับติดตั้งผ้าม่านไว้ให้ด้วย (เซาะร่องเอาไว้ให้ แต่ไม่มีม่านให้มานะคะ)

เตียงจะเป็นเตียง Queen size ขนาด 5 ฟุต สำหรับใครที่อยากได้เตียงใหญ่ขึ้นก็สามารถซื้อมาใหม่ได้นะคะ พื้นที่สามารถวางเตียง 6 ฟุตได้เลย แต่ขนาดทางเดินรอบๆอาจจะเล็กลงตาม

มาดูตัวอย่างทางเดินรอบๆอ้างอิงจากเตียงที่แถมมากันก่อนดีกว่า ปลายเตียงจะมีทางเดินประมาณ 65 ซม. ส่วนด้านข้างฝั่งที่ติดกับประตูไปห้องนั่งเล่นจะมีทางเดินเหลือ 80 ซม. และฝั่งข้างหน้าต่างจะเหลือทางเดินอยู่ที่ 60 ซม.ค่ะ ถือว่ายังเป็นระยะที่เดินสบาย ไม่เบียดมาก

โต๊ะข้างหัวเตียงจะให้มา 1 ชิ้น หน้าตาแบบในภาพ มีลิ้นชักเปิดเก็บของได้ สามารถตั้งโคมไฟได้ เผื่อใครที่ชอบอ่านหนังสือก่อนนอน (ยังมีใครที่อ่านหนังสือก่อนนอนกันบ้างไหมค่ะ?)

ส่วนปลายเตียงจะเป็นพื้นที่ของชั้นวางทีวีและตู้เสื้อผ้า

ตู้เสื้อผ้าจะเป็นตู้ Built-in กว้าง 1.2 เมตร ตัวตู้เข้าไปอยู่ระนาบเดียวกันกับผนัง เป็นบานเลื่อน เปิดได้ 2 ฝั่งด้านในมีทั้งราวแขวน ลิ้นชัก และชั้นวางด้านบน สามารถเก็บกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆได้

ส่วนชั้นวางทีวีจะเป็นชั้นที่ Built-in ติดกับผนังมาแบบนี้ กว้าง 1 เมตร มีตำแหน่งปลั๊กไฟสำหรับต่อทีวีมาให้พร้อมค่ะ ด้านบนจะแถมแอร์มาให้ เป็นแอร์ขนาด 9,000 BTU ของยี่ห้อ UNI Air

มองย้อนกลับไปผนังฝั่งหัวเตียงจะเป็นผนังทึบ เราสามารถจัดเป็นมุมเก็บของเล็กๆได้นะคะ เช่นหาหมุดมาแปะไว้บริเวณผนังเพื่อเอาไว้เเขวนผนัง หรือขยับเตียงมาใกล้หน้าต่างอีกนิด แล้วจัดเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้

ไปต่อกันที่ห้องครัวกันค่ะทางเดินไปยังส่วนครัวจะกว้าง 90 ซม. เดินเข้าออกได้สบาย

แนวผนังของห้องน้ำกับห้องนอนจะอยู่เยื้องๆกัน ถ้าใครอยากทำเป็นครัวปิดก็อาจจะลำบากหน่อย เพราะต้องทำเป็นประตูและผนังรูปตัว L และเฟอร์นิเจอร์ที่ Built-in มาให้ก็ค่อนข้างกว้างเต็มความกว้างของผนังเลย ทำให้ตำแหน่งต่อเติมอาจจะยากขึ้นอีกค่ะ ห้องนี้จึงเหมาะกับคนที่ไม่ซีเรียสที่ต้องการห้องครัวปิด เน้นการเชื่อมต่อของพื้นที่มากกว่า

เข้าไปยังครัวฝั่งนึงจะเป็นตำแหน่งของเคาน์เตอร์ครัว ส่วนฝั่งตรงกันข้ามจะมีโต๊ะทานอาหารให้มา

ระหว่างโต๊ะทานอาหารกับเคาน์เตอร์ครัวจะมีทางเดินอยู่ที่ประมาณ 1 เมตรเลย เดินเข้าออกพร้อมใช้งานได้สบาย

ชุดโต๊ะทานอาหารจะถูก Built-in เข้ามุมพอดีค่ะ ไม่มีเก้าอี้ให้มานะคะ เราจะต้องไปเลือกเก้าอี้ทรงสูงมาวางแทน

ด้วยดีไซน์ขาโต๊ะที่โปร่ง ทำให้พื้นที่ดูไม่อึดอัด สามารถเลื่อนเก้าอี้เข้าไปเก็บใต้โต๊ะได้พอดี ไม่ขวางทางเดินค่ะ มุมนี้สามารถนั่งทานอาหารได้ประมาณ 2 คนนะคะ โต๊ะจะมีขนาด 1.5×0.6 ซม. ถือว่าเป็นโต๊ะที่ลึกและกว้างอยู่ สามารถวางกับข้าวทานแบ่งกันได้สบาย แต่จะนั่งทานแบบข้างๆกันแทน

พื้นที่ข้างๆเคาน์เตอร์ครัวก็จะมีระยะประมาณ 1.1 เมตร สามารถวางตู้เย็น ชั้นวางผ้า หรือจัดเป็นมุมวางถังขยะได้

มาดูที่ชุดครัวกันบ้างจะให้มาทั้งชั้นด้านบนและเคาน์เตอร์ด้านล่าง ดีไซน์และวัสดุจะได้ตามนี้เลย มีอ่างล้างจานให้ แต่จะไม่มีเตาเเละเครื่องดูดควันให้มา วัสดุปิดผิว หน้าบานจะเป็นเมลามีนลายไม้ Top เคาน์เตอร์จะได้เป็นลามิเนตค่ะ เคาน์เตอร์จะมีขนาด 1.4×0.55 เมตร

ตู้บนจะเป็นมีช่องวางของ บานเปิดสวิง ที่หมุดเเขวนตามภาพเลย สามารถเเขวนผ้าเช็ดมือ หรือพวกตะหลิว อุปกรณ์ครัวได้ เเละเก็บอุปกรณ์ครัวได้ค่อนข้างเยอะ

ชิ้นล่างจะมีลิ้นชักวางพวกช้อนส้อม เก็บถังขยะได้ และมีที่วางไมโครเวฟไว้ให้ ส่วนบนเคาน์เตอร์จะไม่มีเตาให้มา เราสามารถหาเตาไฟฟ้าแบบเสียบปลั๊กมาใช้ได้นะคะ พอไม่ใช้งานก็ทำความสะอาด เก็บเข้าตู้ไว้ ก็จะได้เคาน์เตอร์เตรียมอาหารที่กว้างขึ้นแทน

ส่วนอ่างล้างจานจะให้เป็นแบบสเตนเลส 1 หลุมตามภาพค่ะ

เนื่องจากไม่ได้มีเตาเเละเครื่องดูดควันให้มา เเต่ครัวก็จะอยู่ใกล้กันกับหน้าต่างระเบียง นอกจากนี้ยังมีพัดลมดูดอากาศของ Hatari ให้มาดังภาพค่ะ สามารถเปิดช่วยระบายอากาศมากขึ้นได้

จากห้องครัวไปยังระเบียงจะมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นอยู่

มีธรณีประตูที่ยกสูงขึ้นมาจากพื้น ทำให้ฝุ่นหรือน้ำฝนจากระเบียงไม่ไหลปลิวเข้ามาภายในห้องได้ค่ะ

ระเบียงจะมีขนาดอยู่ที่ 1×1.6 เมตร พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิค

มีราวกันตกและระแนงทำเป็นแผงบังด้านข้างของ CDU แอร์ค่ะ พื้นที่ระเบียงจะมีความสูงมากขึ้นอยู่ที่ 2.65 เมตร สามารถวาง CDU ได้ 2 ตัว และวางเครื่องซักผ้าได้ ตัว CDU จะเป่ามาด้านข้าง อาจจะต้องติดกริลเบี่ยงลมเพิ่ม เพื่อให้ความร้อนเป่าออกนอกอาคารไป เวลาที่ใช้งานระเบียงจะได้สบายค่ะ

ในกรณีที่วาง CDU แอร์ 2 ตัว แนะนำให้เลือกเครื่องซักผ้าแบบฝาเปิดหน้านะคะ  การใช้งานจะได้สะดวกมากขึ้น

ย้อนกลับเข้าไปดูส่วนสุดท้ายของห้องนี้ ซึ่งก็คือห้องน้ำกันค่ะ

ประตูห้องน้ำจะมีช่องระบายอากาศด้านล่างแบบนี้ มือจับเป็นลูกบิดกลม ส่วนสวิตช์ไฟจะได้ของ Panasonic แบบในภาพเลย

เข้ามาในห้องจะเจอกับพื้นที่แยกส่วนแห้งกับส่วนเปียกชัดเจน พื้นและผนังกรุด้วยกระเบื้องเซรามิค มีพัดลมระบายอากาศติดตั้งมาให้ด้วยที่ฝ้าเพดานค่ะ ภายในห้องน้ำจะมีความสูงอยู่ที่ 2.3 เมตร

ภายในห้องน้ำจะลดระดับลงเล็กน้อย ทำให้เวลาทำความสะอาดห้องน้ำก็จะสะดวก น้ำไม่ไหลย้อนออกไปนอกห้อง และพวกความสกปรกก็จะไม่ปลิวออกไปด้วยเช่นกันค่ะ

จะให้อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนังมาพร้อมกับกระจกเงาดังภาพ

อ่างเป็นทรงครึ่งวงกลม มีพื้นที่ขอบอ่างสามารถวางอุปกรณ์ล้างมือ เเปรงฟันได้เล็กน้อย ตัวอ่างจะได้ของยี่ห้อ American Standard ค่ะ

โถสุขภัณฑ์จะได้ของ American Standard เช่นกัน มีสายฉีดชำระและที่วางกระดาษทิชชู่มาให้ดังภาพ ตำแหน่งที่ใส่กระดาษทิชชู่ดูแปลกไปหน่อย เวลาใช้งานอ่างล้างหน้าน้ำอาจจะกระเด็นมายังทิชชู่ได้

พื้นที่ส่วนแห้งจะมีขนาด 1.4×1.5 เมตร เหลือทางเดินหน้าโถสุขภัณฑ์ 75 ซม. เดินเข้า-ออกไปยังพื้นที่ส่วนอาบน้ำสบายค่ะ

ห้องอาบน้ำจะติดตั้งฉากกั้นกระจกเอาไว้ให้ เป็นกระจกฝ้า มีธรณีประตูยกสูงขึ้นมาแยกส่วนแห้งกับส่วนเปียกออกจากกัน

พื้นที่ภายในมีขนาด 0.75×1.25 เมตร เข้าไปยืนอาบพอดีตัวค่ะ

ได้ฝักบัวสายอ่อน เป็นชุดที่มี Rain Shower ให้มาพร้อมกับ Hand Shower ด้วย มีที่วางสบู่เเละ Junction Box สำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเรียบร้อย เราอาจจะติดชั้นวางเพิ่มเติม สำหรับคนที่ไม่ใช้ใช่สบู่ก้อน วางขวดแชมพู สบู่เหลวได้

ตัวฝักบัวก็จับได้ถนัดมือค่ะ

มาดูที่ห้อง Type B กันบ้างค่ะ ห้องนี้จะเป็นห้อง 1 Bedroom เช่นกัน มีขนาด 32 ตร.ม. ถ้าเรามองจากแปลน จะค่อนข้างคล้ายกันกับห้อง Type A เลยนะคะ แต่จะมีการสลับตำแหน่งของห้องนอนและห้องครัวกัน ทำให้ห้องนอนเป็นห้องนอนปิดที่แยกสัดส่วนออกไปเลย การใช้งานก็จะเหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เวลามีเพื่อนหรือแขกมาที่บ้านก็จะซ่อนภายในห้องนอนของเราเอาไว้ได้ ส่วนห้องนั่งเล่นก็จะได้ช่องเเสงมาจากทางครัวแทน พื้นที่ครัวนี้ก็พอที่จะกั้นเป็นครัวปิดได้ด้วย นั่งทานข้าวก็ยังพอมองดูทีวีได้อีกค่ะ แต่ห้องนี้เมื่อเรานั่งอยู่ตรงโซฟาก็จะมองเข้าไปในห้องน้ำได้นะคะ เพราะห้องนี้จะเปลี่ยนแนวการเข้าใช้ห้องน้ำไว้ต้องเข้าจากข้างทีวีแทน ทำให้เฟอร์นิเจอร์ชุดวางทีวีตรงนี้จะมีขนาดที่เล็กลงนิดหน่อยค่ะ นอกนั้นฟังก์ชันการใช้งานก็ยังคงครบเหมือนเดิม ห้อง Type B นี้จะเป็นห้องตำแหน่งมุมของอาคารนะคะ แต่การเจาะช่องเปิดของหน้าต่างยังคงเปิดด้านเดียวเหมือนกันกับห้อง Type A

เมื่อเปิดประตูเข้ามาห้องนี้จะดูโปร่งมากขึ้นเพราะจะเชื่อมต่อกับห้องครัวไปเลย ในขณะที่ถ้าเราปิดประตูห้องนอน ก็จะได้พื้นที่พักผ่อน กับพื้นที่ทำกิจกรรมที่แยกจากกันชัดเจนเป็นสัดส่วนค่ะ วัสุดุต่างๆภายในห้องยังเหมือนเดิมคือ พื้นเป็นกระเบื้องยางลายไม้ ผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบ ไฟดาวน์ไลท์ค่ะ ห้องนี้จะมีความสูงอยู่ที่ 2.45 เมตร

เมื่อเข้ามาในห้องนอนจะเจอกับพื้นที่ส่วนนั่งเล่นก่อน พื้นที่ตรงนี้จะมีขนาด 3×3.5 เมตรโดยประมาณ ถือเป็นห้องนั่งเล่นที่มีขนาดกว้างเลย ระยะดูทีวีก็อยู่ที่ 3 เมตร

โซฟาไม่ได้มีให้พื้นที่ระหว่างผนังถึงเสาจะมีขนาด 2.2 เมตร สามารถหาโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่งมาวางได้ค่ะ ส่วนพื้นที่ข้างๆเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นตำแหน่งสำหรับวางตู้เย็น มีปลั๊กไฟเดินระบบไว้ให้เรียบร้อย นั่งเล่นดูทีวีไป เดินไปหยิบขนมหรือเครื่องดื่มที่ตู้เย็นได้สะดวก

ฝั่งตรงข้ามโซฟาจะเป็นชั้นวางทีวีและตำแหน่งของทางเข้าห้องน้ำค่ะ ชั้นวางทีวีตรงนี้จะมีความกว้างอยู่ที่ 1.4 เมตร มีการเดินท่อแอร์ไว้ตรงผนังหลังทีวีนี้ด้วยค่ะ ส่วนผนังทึบระหว่างประตูเข้าห้องนอนกับประตูเข้าห้องน้ำ มีพื้นที่ที่สามารถหาชั้นวางของหรือชั้นวางหนังสือมาวางได้ เอาไว้เก็บรองเท้า เก็บเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆได้

ชั้นวางทีวีที่ให้มาจะมีช่องวางของให้มาเป็นแบบบานเปิดทั้ง 2 ฝั่ง เก็บของได้เยอะอยู่นะคะ

ถัดเข้าไปทางซ้ายมือจะเป็นครัวเปิด ส่วนทางขวามือจะเป็นทางเข้าห้องนอน ครัวที่ให้มาจะเป็นครัวเปิด เเต่เราสามารถติดตั้งประตูเพิ่มได้ ความกว้างอยู่ที่ประมาณ 2.3-2.4 เมตร การติดประตูเพิ่มทำเป็นครัวปิดก็จะได้ข้อดีตรงที่การใช้งานพื้นที่ครัวก็จะเป็นสัดส่วน ใครที่ชอบอาหารก็ไม่ต้องกลัวเรื่องกลิ่นควันลอยไปทั่วห้องด้วย

พื้นที่ครัวจะให้เคาน์เตอร์มาและมี Built-in โต๊ะทานอาหารชิดผนังมาให้ฝั่งตรงกันข้ามกับเคาน์เตอร์

มาดูที่โต๊ะทานอาหารกันก่อน ดีไซน์จะเหมือนกันกับห้องที่แล้ว จัดเข้ามุมอพอดี มีขนาดอยู่ที่ 1.3×0.60 เมตร นั่งทานอาหารได้ 2 คน

ตัวเคาน์เตอร์จะให้มาเป็นแบบมาตรฐานแบบนี้ มีตู้บนและล่าง มีอ่างล้างจานให้มา ตัวเคาน์เตอร์จะมีขนาด 1.5×0.60 เมตร มีพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารพอสมควรค่ะ

ตู้บนเป็นบานเปิดสวิง มีช่องเก็บของให้ค่อนข้างเยอะ และยังคงมีพัดลมระบายอากาศติดมาให้ด้วย

ข้างๆเคาน์เตอร์มีปลั๊กไฟเดินระบบไว้ให้สำหรับใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆภายในครัว เช่น เครื่องปั่น หม้อหุงข้าว เป็นต้น ส่วนตู้ล่างจะมีช่องใส่ไมโครเวฟ มีลิ้นชัก และบานเปิดสวิงวางของได้แบบนี้ค่ะ

ติดกับห้องครัวจะมีประตูบานเลื่อนกระจกออกไปยังระเบียง พื้นที่ระเบียงจะมีขนาด 1×1.7 เมตรค่ะ

สามารถวางเครื่องซักผ้า และ CDU ได้ 2 เครื่องเหมือนเดิม งานระบบต่างๆสำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้าก็ให้มาพร้อม

ต่อไปเราเข้าไปดูในห้องน้ำกันดีกว่านะคะ

รูปแบบการจัดวางห้องน้ำยังเหมือนกันกับห้องที่แล้วเลย คือแยกส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกจากกัน มีความแตกต่างกันที่ตำแหน่งประตูทางเข้าที่อยู่คนละด้านผนังกันค่ะ

ห้องนี้ก็ได้อ่างล้างหน้าของ American Standard พร้อมกับกระจกเงา

ตำแหน่งโถสุขภัณฑ์ สายฉีดชำระ และที่ใส่กระดาษทิชชู่ก็จัดวางเหมือนเดิม พื้นที่ส่วนแห้งนี้จะมีขนาดอยู่ที่ 1.45×1.4 เมตร

มีฉากกั้นอาบน้ำให้มา ภายในห้องน้ำ มีราวเเขวนผ้าเช็ดตัวด้วย (แต่อาจจะถูกน้ำจากการใช้งานอาบน้ำกระเด็นมาโดนผ้าเช็ดตัวได้นะคะ) ห้องอาบน้ำจะมีขนาดอยู่ที่ 1.2x.075 เมตรอ่ะ อาบพอดีตัว

ห้องนี้ก็เดิน Junction Box ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นได้ อุปกรณ์อาบน้ำก็ได้ทั้งฝักบัวสายอ่อนหรือ Hand shower ให้มาพร้อมกับ Rain Shower ค่ะ

มาดูที่ส่วนสุดท้าย ซึ่งก็คือห้องนอนกันบ้าง ส่วนนี้จะถูกแยกออกเป็นสัดส่วน ขนาดห้องโดยรวมอยู่ที่ 3.3×3.25 เมตร กว้างขวางอยู่สบายเลยนะคะ ชุดหน้าต่างได้ช่องแสงกว้างเหมือนเดิม เป็นชุดหน้าต่างบานเลื่อน 2 ฝั่ง

เตียงได้เป็น Queen size ค่ะ ให้มาแต่ฐานเตียงนะคะ ต้องไปหาซื้อฟูกมาเอง

ได้โต๊ะหัวเตียงมาเหมือนเดิม ทางเดินฝั่งหน้าต่างจะมีความกว้างทางเดินเหลือประมาณ 65 ซม. ส่วนฝั่งที่เป็นตู้เสื้อผ้าจะอยู่ที่ 1 เมตร

ปลายเตียงจะมีความกว้างมากขึ้นจากห้องที่แล้ว คือจะมีพื้นที่เว้าไป ทำให้มีทางเดินกว้างมากขึ้น

พื้นที่ที่เว้าเข้าไปจะสามารถจัดเป็นโต๊ะเครื่องแป้งและชั้นวางทีวีได้แบบนี้ มีการเดินตำแหน่งปลั๊กให้มาเหมาะสมกับการวางทีวีด้วยค่ะ บริเวณนี้จะให้มาเฉพาะชั้นวางทีวีนะคะ โต๊ะเครื่องแป้งไม่ได้ให้มา

ส่วนพื้นที่ที่สามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งได้จะกว้าง 80 ซม. ค่ะ

ย้อนกลับมาดูที่ตู้เสื้อผ้ากันค่ะ ห้องนี้จะให้ตู้เสื้อผ้ามา ฝั่งเดียวกันกับประตูทางเข้าห้อง ตัวตู้จะ Built-in มาระนาบเดียวกันกับแนวประตูเลย ความกว้างตู้จะอยู่ที่ 1.45 เมตร

ตัวตู้จะเป็นบานสไลด์เปิดได้ 2 ฝั่ง มีราวแขวนผ้าและลิ้นชักให้มาเหมือนเดิมค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 3 April 2019

  • 1 Bedroom Type A ชั้น 2 ขนาด 32 ตร.ม. ราคา 1.64 ล้านบาท หรือ 51,250 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Type B (ห้องมุม) ชั้น 2 ขนาด 33 ตร.ม. ราคา 1.69 ล้านบาท หรือ 51,212 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Type A ชั้น 3 ขนาด 32 ตร.ม. ราคา 1.68 ล้านบาท หรือ 52,500 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Type B (ห้องมุม) ชั้น 3 ขนาด 33 ตร.ม. ราคา 1.74 ล้านบาท หรือ 52,727 บาท/ตร.ม.
  • ราคาปรับขึ้นชั้นละ 10,000 บาท (ตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไป)

  • Partly Furnished
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา 35,000 บาท
  • ค่ากองทุน 400 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 35 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล – Bplus Condo ตั้งอยู่ภายในซอยพหลโยธิน 50 แยก 11 ห่างจากปากซอยพหลโยธิน 50 ประมาณ 750 เมตร และห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสายหยุด 1 กม. (โดยประมาณ) ภาพรวมทำเลนี้เป็นชุมชนที่มีความคึกคักและมีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก โดยเฉพาะบริเวณปากซอยพหลโยธิน 52 ที่มีตลาดยิ่งเจริญตั้งอยู่ และมี hyper market อย่าง Big C อยู่ที่ปากซอยพหลโยธิน 50 ภายในซอยอย่างรอบโครงการและซอยพหลโยธิน 50 จะมีร้านค้าระดับชุมชนอยู่มาก หาอาหารการกินได้สะดวก

การเดินทางโดยใช้รถ – ถึงแม้ตัวโครงการจะอยู่ลึกเข้ามาภายในซอย ไม่เหมือนกันคอนโดมิเนียมเกิดใหม่ย่านนี้ที่อิงติดถนนหลัก แต่ก็จะได้ความสะดวกในการเดินทางเชื่อมต่อได้หลากหลาย สามารถเข้า-ออกโครงการผ่านถนนเทพรักษ์ ซอยพหลโยธิน 50 และซอย พหลโยธิน 52 ได้ ทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางเพิ่มมากขึ้น ตัวโครงการให้ที่จอดรถมา 48% ถือว่ากลางๆ แต่มีที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ให้เพิ่มเติมอีก 20 กว่าคัน

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – หน้าโครงการมีมอเตอร์ไซค์ผ่านตลอดเวลา เนื่องจากเป็นซอยที่ใช้เชื่อมต่อไปยังซอยพหลโยธิน 52 ได้ด้วย แต่การจะเรียกแท๊กซี่อาจจะหายากขึ้นเล็กน้อย ในกรณีที่ต้องการใช้รถเมล์หรือรถไฟฟ้าในอนาคต ต้องเดินทางมายังถนนพหลโยธินก่อน ซึ่งอาจจะต้องนั่งวินมอเตอร์ไซค์ออกมา ทำให้ต้องอาศัยการเดินทางหลายต่ออยู่เหมือนกันค่ะ

วัสดุ – เทียบกับราคาที่อยู่ประมาณ 50,000-55,000 บาทต่อตร.ม. เราถือว่าให้มาคุ้มค่าอยู่นะคะ ได้พื้นเป็นกระเบื้องยางลายไม้ที่จะมีคุณสมบัติที่ดีกว่าลามิเนตอยู่ ระเบียงและห้องน้ำจะได้เป็นประเบื้องเซรามิค ผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบ ไฟดาวน์ไลท์ ครัวได้เคาน์เตอร์กับอ่างล้างจานมา ไม่มีเตามาให้ มี Built-in และเฟอร์นิเจอร์ให้มาหลายชิ้น เช่นพวกชั้นวางทีวี โต๊ะทานอาหาร ฐานเตียง ตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำจะได้สุขภัณฑ์ส่วนใหญ่เป็นของ American Standard

การออกแบบ – ตัวอาคารออกแบบมาได้ดู Modern สวยงาม มีการเล่นสีและรูปด้านที่ทำให้อาคารดูน่าสนใจ ในแง่การวางผังเน้นไปที่การออกแบบตัวห้องพักอาศัยที่ชั้น 2-8 เป็นหลัก ไม่เน้นพื้นที่ส่วนกลางมาก ทางเดินเป็นแบบ Double Corridor มีหน้าต่างที่ปลายสุดทางเดิน 2 ฝั่ง ตัวห้องมีให้เลือก 2 แบบ จัดพื้นที่ภายในค่อนข้างเป็นสัดส่วน มีทั้งเเบบที่ห้องนอนได้ประตูทึบกั้นสัดส่วนชัดเจน กับแบบที่ห้องนอนสามารถเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นได้ ทั้ง 2 แบบจะได้เป็นครัวเปิด พื้นที่ใช้งานในแต่ละส่วนมีขนาดค่อนข้างกว้าง ใช้งานได้สบาย

สาธารณูปโภค – ให้มาไม่มาก มี Lobby แบบพัดลม สวนข้างๆอาคารเป็นพื้นที่สีเขียวเล็กน้อย มีฟิตเนสที่เปิด 5 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม และชั้นบนสุดมีดาดฟ้าโล่งๆขึ้นมาตากลมและชมวิวได้ค่ะ ระบบรักษาความปลอดภัย รอบโครงการจะไม่มีการล้อมรั้ว หรือไม้กั้นกระดก รถที่เข้ามาจอดจะต้องมี Sticker แปะหน้ารถ มีติดกล้องวงจรปิดรอบๆโครงการ 20 ตัว มีระบบสแกนลายนิ้วมือและ Key Card ก่อนเข้าลิฟต์ กลางวันมีแม่บ้านคอยดูแล ส่วนกลางคืนจะมีรปภ.คอยเฝ้าค่ะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคา AVG 50,000-55,000 บาท/ตร.ม., 3 April 2019

  • ทำเล 7.5/10 – โครงการไม่ได้ติดถนนใหญ่ ต้องเข้าซอยมา 750 เมตร
  • เดินทางด้วยรถ 7.25/10 – เข้า-ออกได้หลายทาง ที่จอดรถ 48%
  • ไม่ใช้รถ 7.25/10 – โครงการอยู่ในซอย อาจเกิดการเดินทางหลายต่อ
  • วัสดุ 8.5/10 – ได้พื้นกระเบื้องยางลายไม้ และมีเฟอร์นิเจอร์ให้มาหลายชิ้น
  • แบบ 8/10 – ห้องกว้าง แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน อยู่อาศัยสบาย
  • สาธารณูปโภค 5.75/10 – ให้มาน้อย ระยะเวลาการใช้งานจำกัด

  • ECONOMY CLASS
  • 7.45 / 10.00

BOTTOM LINE

Bplus Condo เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดย่านพหลโยธิน-สะพานใหม่ สร้างเสร็จพร้อมอยู่ เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเติมนิดหน่อยก็เข้าอยู่ได้เลย ต้องการความเป็นส่วนตัว เน้นใช้งานภายในห้องเป็นหลัก มีฟังก์ชันใช้สอยครบ และมีขนาดห้องอยู่สบายสำหรับ 1-2 คน มีงบประมาณ ล้านกว่าๆไปจนถึง 2 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 11,500 – 15,000 บาทต่อเดือน