0 b loft opening

รีวิวฉบับที่ 762 สวัสดีค่า วันนี้เราจะพาไปอัพเดตคอนโดสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แถบชานเมืองฝั่งตะวันออกกับโครงการ B-LOFT จาก Origin เจ้าถิ่นแห่งย่านแบริ่งกันนะคะ คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร มาพร้อมกับการตกแต่งสไตล์ Modern Loft อยู่ในซอยสุขุมวิท 109 แยกซอยสันติคาม 12 เข้าออกได้หลายเส้นทางทั้งถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์  ซอยสุขุมวิท 109 สามารถทะลุได้ทั้งซอยแบริ่ง (ซอยสุขุมวิท 107) และซอยสุขุมวิท 113

Fact @ 23 January 2015

  • B-LOFT Condominium
  • Origin Property Co.,Ltd.
  • SUPER ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : อำเภอเมือง สมุทรปราการ
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 171 ยูนิต
  • ที่จอดรถในซอง 38 คัน คิดเป็นประมาณ 22​ % ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันประมาณ 30%
  • ที่ดินประมาณ 0-3-60 ไร่
  • Type L : 1 Bedroom 26.55 – 30.72 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นประมาณ 1,290,000 บาท
  • Type L ห้องมุมหรือ L Corner : 1 Bedroom 28 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นประมาณ 1,290,000 บาท
  • Type Plus : 1 Bedroom 36 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นประมาณ 1,960,000 บาท
  • Type L Combine : 2 Bedroom 59.25ตารางเมตร  ราคาเริ่มต้นประมาณ 2,780,000 บาท
  • Type 2B : 2 Bedroom 61.46 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นประมาณ 3,390,000 บาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.40 เมตร
  • ราคาเริ่มต้น 45,263 บาทต่อตารางเมตร
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS แบริ่ง ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS แบริ่ง
  • http://www.bloftcondo.com
  • โทร 081-931-0002 หรือ 087-123-1001

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.650875, 100.605675

ที่ตั้งของโครงการ B-LOFT สุขุมวิท109 ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทขาออกมุ่งหน้าสมุทรปราการ ในซอยสุขุมวิท109 อยู่ระหว่างถนนบางนา-ตราดและทางด่วนพิเศษกาญจนาภิเษก เข้าซอยสุขุมวิท109 ไปประมาณ 850 เมตร จะเจอซอยสันติคาม 12 อยู่ด้านขวามือ และต้องเข้าซอยสันติคาม 12 ไปอีก 350 เมตร โครงการอยู่ด้านซ้ายมือ มีสถานีรถไฟฟ้าBTSแบริ่ง สายสีเขียว อยู่ห่างจากปากซอย 500 เมตร หรือ 1.7 กิโลเมตรจากโครงการ และอีกไม่ไกลเป็นสถานีรถไฟฟ้าสำโรง ในอนาคตจะเป็นสถานี interchange ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียว และสีเหลือง มีศูนย์การค้าทั้งเล็กและใหญ่อยู่ในรัศมีไม่เกิน 12 กิโลเมตร

1 b loft map 3km1

ถึงแม้ว่าโครงการจะตั้งอยู่ในแถบชานเมืองจังหวังสมุทรปราการ แต่ในบริเวณรอบๆที่ตั้งของโครงการ B-LOFT สุขุมวิท109 มีความเจริญสูง โดยเฉพาะบนถนนสุขุมวิทที่ความเจริญค่อยๆตามมาทางเส้นรถไฟฟ้า ตอนนี้สถานีรถไฟฟ้าBTSที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีแบริ่ง ห่างจากโครงการประมาณ 1.8 เมตร อีกเส้นหนึ่งที่มีความเจริญไม่แพ้กันคือเส้นศรีนครินทร์ ที่เป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าเล็กใหญ่ โรงพยาบาล มีโรงเรียนอยู่รอบๆบริเวณ ลึกเข้าไปจากถนนใหญ่ที่ขนานกันทั้งสองเส้น ตั้งแต่ถนนบางนาตราดถึงคลองสำโรง ถือได้ว่ามีพื้นที่โครงการบ้านจัดสรรแนวราบ และแนวสูงอย่างคอนโดมากกว่า 10 โครงการ และที่กำลังเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก คือโครงการคอนโดที่เกาะสายรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายใหม่ ตั้งแต่สถานีสำโรงเป็นต้นไป ทำให้ตัวทำเลมีจุดเด่นเรื่องการใช้ระบบขนส่งมวลชนเพิ่มขึ้นมา

ซึ่งถ้าเรามองในแง่คนทำงานประจำอยู่แถบบางนา-สมุทรปราการหรือใช้พื้นที่นี้เป็นทางผ่าน ในปัจจุบันที่รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายกำลังก่อสร้างอยู่แทบจะทุกคนจะมีรถยนต์ส่วนตัว และจะอาศัยถนนหลักในการเดินรถ แต่การที่ใช้แค่ถนนใหญ่อย่างเดียวจะทำให้หลีกเลี่ยงรถติดได้ยาก โดยเฉพาะถนนสุขุมวิทที่เป็นถนนตรงยาวมาตั้งแต่ในเมืองไปจนถึงปากน้ำ รวมถึงคนที่มีที่พักอาศัยอยู่บนถนนแถบนี้ ดังนั้นช่วงเช้า-เย็นจะทำให้ปริมาณรถบนถนนหนาแน่นมาก เพราะต่างจะมุ่งหน้ากลับบ้านกัน โดยเฉพาะทุกแยกไฟเขียวไฟแดงและทางกลับรถที่มีอยู่เป็นระยะๆ แต่แยกบางนา-ตราดและเส้นวงแหวนรอบนอก สามารถแยกไปบนถนนหลักๆได้อีก เช่น บางปู ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาทางสุขสวัสดิ์ เข้าเมืองไปทางอ่อนนุช หรือจะไปชลบุรีด้วยทางด่วนบางนา-ชลบุรี

1 b loft map in soi1

การเข้าถึงของโครงการคือ เข้าซอยสุขุมวิท 109 ไปประมาณ 850 เมตร จะเจอซอยสันติคาม 12 อยู่ด้านขวามือ และต้องเข้าซอยสันติคาม 12 ไปอีก 350 เมตร โครงการอยู่ด้านซ้ายมือ มีสถานีรถไฟฟ้าBTSแบริ่ง สายสีเขียว อยู่บนถนนสุขุมวิท ตัวสถานีห่างจากปากซอย 500 เมตร หรือ 1.7 กิโลเมตรจากโครงการ บริเวณรอบๆโครงการส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยสูง 1-2 ชั้น และมีโครงการแนวราบและคอนโดใหม่เปิดให้บริการเยอะมาก ส่วนมากจะตั้งอยู่สองฝั่งในซอยสุขุทวิท 103 (ซอยลาซาล), ซอยสุขุมวิท 105 (ซอยแบริ่ง) และซอยสุขุมวิท109

2 b loft map route1

ทางแรกที่เราจะไปกันคือทางที่เข้าถึงโครงการที่สะดวกที่สุดคือใช้ถนนสุขุมวิทขาออก เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 109 และเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสันติคาม 12 อีกทีหนึ่ง หรือถ้ามาจากถนนสุขุมวิทขาเข้า ต้องไปกลับรถแถวจุดกลับรถตรงสถานีแบริ่ง

เริ่มกันจากสี่แยกไฟเขียว-ไฟแดงก่อนถึงสถานีแบริ่ง เลี้ยวซ้ายตรงนี้จะเข้าซอยสุขุมวิท 103 หรือซอยลาซาลตามทางถนนสุขุมวิทขาออกไปเรื่อยๆจะเจอเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนที่เปิดใช้งานแล้วมาสุดทางแถวซอยสุขุมวิท70ที่เป็นซอยแหล่งรวมโครงการบ้านและคอนโดเช่นกัน คนส่วนใหญ่เลือกใช้ซอยสุขุมวิท 103 ในการตัดเข้าถนนศรีนครินทร์ เพื่อเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดของถนนสุขุมวิทที่ยังก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายกันอยู่ สี่แยกตรงนี้เราจะตรงไปก่อน

สถานี้รถไฟฟ้าแบริ่ง เป็นเส้นทางสุดสายฝั่งตะวันออกของกรุงเทพที่ให้บริการอยู่ในตอนนี้

ผ่านตัวสถานีแบริ่งมาจะเจออีกสี่แยกไฟแดงหนึ่งเพื่อเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 107 จากซอยสุขุมวิท 107 สามารถถึงโครงการได้เช่นกัน โดยตรงไปตัดเข้าที่ซอยแบริ่ง 16 อีกทีหนึ่ง แต่เดี๋ยวเราจะไปดูสภาพแวดล้อมของปากซอยสุขุทวิท 109 กัน

ตรงไปเรื่อยๆช่องทางการจราจรจาก 3 เลน เร่ิมเหลือ 2 เลน ด้วยพื้นที่กั้นบริเวณการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย แต่ไม่สอดรับกับปริมาณรถที่มีจำนวนมาก สี่แยกไฟแดงและจุดกลับรถเยอะมาก ทำให้รถเคลื่อนตัวได้ช้า จากรูปทางด้านซ้ายมือมีรถกระป้อรับจ้างให้บริการอยู่เรื่อยๆ รวมไปถึงรถสองแถวด้านหน้าเช่นกัน

จากตรงจุดนี้ซอยหน้าซ้ายมือเราจะเลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 109 กัน ด้านหน้าซอยมีป้ายรถเมล์ แต่สองข้างทางในระยะ 300 เมตร ไม่มีสะพานลอยปรากฎให้เห็น ใกล้ที่สุดเห็นจะต้องใช้ทางข้ามของสถานีแบริ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง

เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 109 รถส่วนไปมาเข้าออกค่อนข้างเยอะนะคะในซอยนี้

จากปากซอย ด้านซ้ายมือเป็นที่ว่างเปล่า ยังไม่แน่ใจว่าจะมีการปรับปรุงในอนาคตหรือไม่ ด้านขวาเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3-4 ชั้น ตามแนวทางยาวของถนนสุขุมวิทไปเรื่อยๆสองข้างทาง สภาพความกว้างของถนนในซอยรถสวนกันสองทางไม่มีปัญหา แต่ไม่มีฟุตบาททางเดินให้คนเดินเข้าออกได้อย่างปลอดภัย ฉะนั้นเวลาเดินเข้าออกระวังรถเบียดกันนิดนึงนะคะ

พอเริ่มเข้าซอยมาระยะประมาณ 200 เมตร สองข้างทางช่วงต้นเริ่มมีอาคารพาณิชย์ 2-3 ชั้นปลูกอยู่ให้เห็น ด้านขวาตามเสาไฟจะมีป้ายบอกทางของโครงการ รวมไปถึงโปรโมชั่นล่าสุด

เลยเข้ามาอีกหน่อยจะเริ่มเป็นบ้านพักอาศัยขนาดใหญ่ที่มีบริเวณปลูกต้นไม้ใหญ่เป็นของตัวเอง กั้นรั้วสวยงามเรียบร้อย สภาพถนนยังดีอยู่ ความกว้างไม่ได้ลดลง แต่ยังเดินเท้าไปมายากเพราะบางช่วงของซอยจะมีฟุตบาทบ้าง ไม่มีบ้าง

โครงการคอนโด Low Rise มีให้เห็นเรื่อยๆตามซอย ด้านซ้ายมือเป็นโครงการ Lumpini Ville

เลยเข้าไปอีกหน่อยเป็นโครงการ d condo

เข้าซอยสุขุมวิท 109 มาประมาณ 850 เมตรจะเจอซอยสันติคามอยู่ขวามือ เราจะเลี้ยวขวาเข้าซอยตรงนี้เพื่อเข้าสู่ตัวโครงการคอนโด B-LOFT สุขุมวิท 109

สภาพทางเดินรถของซอยสันติคาม 12 ถือว่ารถใหญ่สวนกันไปมาได้ แต่จะเบียด ตั้งแต่พ้นซอยสุขุทวิท 109 มาปริมาณรถวิ่งในซอยจะน้อยลง ดังนั้นพื้นที่โครงการจะค่อนข้างสงบ ไม่พลุกพล่าน

11-b-loft-route15-2

เข้าซอยสันติคาม 12 มาประมาณ 350 เมตร ถึงตัวโครงการคอนโด B-LOFT สุขุมวิท 109 อยู่ด้านซ้ายมือ

2 b loft map route2

อีกเส้นทางแนะนำคือเส้นทางที่เข้าจากซอยสุขุมวิท 107 มาจากทางถนนศรีนครินทร์เลี้ยวซ้ายเข้าซอยแบริ่ง 16 จนสุดซอยจะเจอซอยเยื้องกันทางด้านขวามือ คือซอยสันติคาม 12 สามารถใช้ทางนี้เป็นเส้นทางหลีกเลี่ยงรถติดจากถนนสุขุมวิท หรือจะเป็นทางเข้าอีกทางที่มาจากถนนศรีนคริทร์ เนื่องจากซอยสุขุมวิท 109 ไม่ต่อกับถนนศรีนครินทร์โดยตรง แต่เราจะใช้ซอยสุขุมวิท 107 เป็นทางผ่าน

เริ่มการเดินทางเส้นทางที่ 2 กันที่ซอยสุขุมวิท 107 ที่เป็นถนนแบบ 4 ช่องการเดินรถ สภาพถนนจะกว้างและคึกคักกว่าซอยสุขุมวิท 109 มาก ทั้งสองข้างทางมีอาคารพาณิชย์ทั้งที่เปิดเป็นร้านขายของทั่วไป ร้านอาหาร ร้านขายยา อู่ซ่อมรถ และร้านสะดวกซื้อ มีฟุตบาททางเดินเท้าปลอดภัยทั้งสองด้าน เลนริมฟุตบาททั้งสองฝั่งมีรถจอดชั่วคราวอยู่บ้างดังนั้นเส้นทางการเดินรถอาจจะจำกัดอยู่ที่ 1 เลนช่วงกลาง แต่ไม่มีไฟเขียวไฟแดง ทำให้การเดินรถไม่ติดขัด

ด้านซ้ายมือเป็น Mini BigC และ Lotus Express อยู่ถัดไป ด้านขวาเป็นหอพักของข้าราชการ

ด้านซ้ายมือเป็นซอยแบริ่ง 16 หัวมุมเคยเป็น Sales Office ของโครงการ B-LOFT เช่นกัน แต่ได้เปลี่ยนเป็นสำนักงานของบริษัท Origin Property ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราจะมาเลี้ยวซ้ายกันที่ซอยนี้

สภาพทางเข้าซอยแบริ่ง 16 เต็มไปด้วยรถที่จอดอยู่ของพนักงานบริษัทและผู้ที่มาติดต่อ มีป้ายโฆษณาโครงการอยู่ตลอดทางจนถึงตัวโครงการ

เลยบริเวณต้นซอยเข้ามา สิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยขนาดใหญ่ที่มีบริเวณปลูกต้นไม้เป็นของตัวเอง สภาพถนนสามารถเดินรถสวนกันได้สบายๆ แต่ไม่มีทางเดินเท้าสองข้างทาง

11-b-loft-route9

สุดทางของซอยแบริ่ง 16 จะเชื่อมกับซอยสุขุมวิท 109 เราจะเลี้ยวขวากันตรงนี้เพื่อเข้าซอยสุขุมวิท109 และเลี้ยวซ้ายอีกทีเพื่อเข้าซอยสันติคาม 12 ที่อยู่เยื้องกันทางขวา

11-b-loft-route10

หลังจากเลี้ยวขวา เรามาอยู่บนซอยสุขุมวิท 109 และต้องเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสันติคาม 12 อีกทีเพื่อเข้าสู่โครงการ

MAP surrounding

มาดูรอบๆโครงการกันหน่อยนะคะ อย่างที่กล่าวไปว่าในซอยนี้ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเดี่ยวพักอาศัย 1-2 ชั้น ด้านหน้าโครงการเป็นซอยสันติคามรถวิ่งสวนกันได้ 2 เลนแบบเบียดๆ ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ดินว่างเปล่า เลือกห้องชั้น 4 ขึ้นไปกำลังดีค่ะ รอบด้านมีแต่บ้านพักอาศัยขนาดใหญ่ที่มีบริเวณและมีต้นไม้ใหญ่เพิ่มความเป็นส่วนตัว วิวระยะประชิดยังไม่มีอะไรบัง แต่ในอนาคตก็ยังไม่แน่นอน เพราะพื้นที่นี้อยู่ในระยะความเจริญอยู่พอสมควร

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

ยืนอยู่บนซอยสันติคาม 12 โครงการอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนขวามือเป็นพื้นที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่

พื้นที่ว่างเปล่าตรงข้ามโครงการ

มองย้อนไปทางต้นซอยสันติคาม 12 ที่เราเข้ามาจะเห็นว่าค่อนข้างเงียบ ไม่พลุ่กพล่าน สิ่งปลูกสร้างรอบบริเวณในระยะใกล้ล้วนแล้วแต่เป็นบ้านพักอาศัย

วิวจากบนดาดฟ้าด้านขวาของโครงการทิศเหนือ ซอยที่เห็นคือซอยสันติคาม 12 พื้นที่สีเขียวทางฝั่งนี้จะเยอะมาก มีแต่ต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกตามบ้านพักอาศัย

วิวด้านหน้าโครงการทิศตะวันตกเป็นพื้นที่ว่างเปล่า และปล่อยทิ้งไว้ผืนใหญ่หลายผืนเลยทีเดียว

ฝั่งซ้ายของโครงการทิศใต้ก็ยังเป็นบ้านพักอาศัยขนาดใหญ่ ไกลออกไปหน่อยถึงจะเป็นอาคารหลังใหญ่เปิดเป็นอาคารสำนักงานบ้าง

ด้านหลังโครงการเป็นบ้านที่มีบริเวณขนาดใหญ่ ไกลออกไปเป็นโรงงาน Texture หรือโรงงานทอผ้า

ทางสุดท้ายที่เราจะไปกัน ไม่ได้พาไปดูทางเข้าโครงการเหมือนที่ผ่านมา แต่จะพาไปดูสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ ที่ว่าคึกคักที่สุดแล้วของกรุงเทพฝั่งตะวันออกในย่านสำโรง-สมุทรปราการเป็นอย่างไร มีความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องการกินอยู่อาศัยในชีวิตประจำวันเป็นอย่างไร เราจะออกจากซอยสุขุมวิท 109 กัน เข้าถนนสุขุมวิทขาออกมุ่งหน้าสำโรง แล้วจะไปกลับรถใต้สะพานข้ามคลองสำโรงกลับไปยังสถานีแบริ่งไปดูที่กลับรถของถนนสุขุมวิทขาเข้าที่สามารถจะเข้าโครงการได้อย่างพอดี

เริ่มกันที่ถนนสุขุมวิทขาออก สองฝั่งมีปั้มน้ำมันให้บริการรถที่กำลังมุ่งหน้าออกต่างจังหวัด เลนรถยนต์จาก 3 ช่องทางการจราจรเหลือ 2 ช่อง เนื่องจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจากสถานีแบริ่ง ไปทางตะวันออกทำให้มีปริมาณรถสะสมเยอะเนื่องจากถนนสุขุมวิทเป็นถนนตรงแนวยาว

การมีจุดกลับรถอยู่เป็นระยะทุก 1.5 กิโลเมตร ทำให้รถต่อท้ายแถวยิ่งเยอะ

เมื่อใกล้คลองสำโรงเรื่อยๆ จะเร่ิมมีการค้าขายอาทิเช่นสำโรงเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ทางขวามือ และอาคารพาณิชย์ด้านซ้ายที่เปิดชั้นล่างเป็นขายสินค้าต่างๆเช่นกัน

เลยมาอีกนิดหน่อยจะเจอการสร้างหน้าร้านอย่างเป็นกิจลักษณะของชั้นล่างอาคารพาณิชย์ ที่กินมาถึงบริเวณทางเท้า ด้านขวาเป็น Imperial World สำโรง และ BigC สำโรงที่มีทั้งร้านอาหาร แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า และโรงภาพยนตร์

11-b-loft-route5

ทางตรงขึ้นสะพานข้ามคลองสำโรงไปจะมุ่งหน้าไปบางปู หรือทางด่วนพิเศษกาญจนาภิเศก สุขสวัสดิ์-บางพลี แต่เราจะไปกลับรถกันที่ใต้สะพานข้ามคลอง ดังนั้นเราจะเข้าเส้นทางเลียบสะพานกันค่ะ

สภาพแวดล้อมของบริเวณใต้สะพานจะมีตลาดสดเอี่ยมเจริญอยู่ทางซ้ายมือ คนเดินจับจ่ายใช้สอยเยอะมาก สภาพทางเดินรถเป็นทางเดียวมีช่องทางเดียว มีมอเตอร์ไซค์ขับสวนไปมา รวมทั้งคนเดินข้ามถนนไปมาด้วย

สภาพภายในตลาดสดเอี่ยมเจริญ

ท้ายตลาดสดมีสะพานข้ามคลองไปยังอีกฝั่งหนึ่ง

คลองสำโรง สองข้างของฝั่งคลองยังเป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีทางเดินริมน้ำ และมีการสัญจรทางน้ำด้วยเรือพายและเรือยนต์เล็กอยู่บ้าง

สภาพใต้สะพานข้ามคลอง ถ้าเวลาดึกๆจะค่อยข้างอันตรายนะคะ เพราะไม่มีไฟภายนอกติดอยู่ตามถนนเลย

เมื่อกลับรถมาทางสุขุมวิทขาออก ข้างสะพานเป็นร้านอาหารตามสั่งอยู่ด้านซ้าย และสาขาธนาคารต่างๆ

มีทางเลี้ยวไปด้านซ้ายเข้าไปถึงโรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ ตลาดสำโรง ศาลเจ้าพ่อทัพ และทางเข้าที่จอดรถของศูนย์การค้า ก่อนที่จะเป็น Imperial World สำโรงและ BigC สำโรง มีป้ายรถประจำทางอยู่เรื่อยๆตลอดถนนสุขุมวิท

11-b-loft-route14

ตามทางถนนสุขุมวิทขาออกไปเรื่อยๆจะเจอเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนที่เปิดใช้งานแล้วมาสุดทางแถวซอยสุขุมวิท70 ตรงนี้เป็นไฟเขียวไฟแดงเลี้ยวขวาเข้าซอยสุขุมวิท107 หรือซอยแบริ่ง

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ตลาดสดเอี่ยมเจริญ 1.8 กิโลเมตร
  • BITEC บางนา 1.8 กิโลเมตร
  • Imperial World สำโรง 2.1 กิโลเมตร
  • BigC สำโรง 2.1 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ 2.4 กิโลเมตร
  • ศาลเจ้าพ่อทัพ 2.6 กิโลเมตร
  • ตลาดสำโรง 2.7 กิโลเมตร
  • โรงเรียน St.Joseph บางนา 3 กิโลเมตร
  • วัดด่านสำโรง 3.2 กิโลเมตร
  • โรงเรียน Bangkok Pattana International school 3.3 กิโลเมตร
  • Makro 4.8 กิโลเมตร
  • Foodland บางนา 5.2 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลศิครินทร์ 5.3 กิโลเมตร
  • Central บางนา 6.3 กิโลเมตร
  • Mega บางนา 11.4 กิโลเมตร
  • IKEA 12 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

รูปร่างอาคารจากภายนอกโครงการ B-LOFT สุขุมวิท109 เป็นคอนโดแบบ Low Rise สูง 8 ชั้นและสวนบนดาดฟ้า ทั้งหมด 171 ยูนิต ตัวอาคารเป็นรูปตัว U ใช้โทนสีน้ำตาล-ม่วงในการตกแต่งอาคารภายนอกตามสมัยนิยมเหมือนคอนโด Low Rise ที่เปิดตัวในช่วงเวลานี้

10 b loft surrounding 1ground

โครงการ B-LOFT สุขุมวิท 109 สามารถเข้าจากหลายทาง ไม่ว่าจะเป็นถนนสุขุมวิทหรือถนนศรีนครินทร์ แต่ทางที่อธิบายแล้วง่ายที่สุดคือจากถนนสุขุมวิทเข้าซอยสุขุมวิท 109 มา 850 เมตร และต้องเข้าซอยสันติคาม 12 ที่อยู่ทางขวามืออีก 350 เมตร ถึงจะเห็นโครงการอยู่ทางด้านซ้ายมือ ที่จอดรถทั้งหมดอยู่ที่ชั้น ground ที่จอดรถในซอง 38 คัน คิดเป็นประมาณ 22​ % ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันประมาณ 30% ถึงแม้ว่าอาคารจะเป็นรูปตัว U แต่ทางเข้าที่จอดรถและทางเข้าตัวอาคารผ่าน Lobby นั้นสามารถเข้า-ออกได้ทางเดียวคือปลายตัวอยู่ฝั่งซ้าย ส่วนปลายตัว U ฝั่งขวาอีกด้านหนึ่งจะเป็นทางตัน มองในแง่ดีคือด้านการรักษาความปลอดภัยทำได้ง่ายกว่า แต่เนื่องจากขนาดพื้นที่ไม่มาก และเมื่อมีรถจอดซ้อนคันเต็มพื้นที่อาจจะทำให้จะมีปัญหาภายหน้าในเรื่องการกลับรถยาก ตรงกลางชั้น Ground เป็น Loft Lobby และนิติบุคคล ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 85 : 1 และบันไดหนีไฟ 2 จุด รอบตัวตึกทำเป็นพื้นที่สีเขียว ปลูกต้นไม้ใหญ่และต้นไม้พุ่มแซมรอบเขตพื้นที่

10 b loft surrounding 2

การจัดเรียงห้องพักเป็นแบบ Double Corridor ตามแนวตึกรูปตัว U ห้องพักแต่ละชั้นมี 3 แบบ แบบ L และ L Corner จะเป็น 1 ห้องนอน และ L Combine จะเป็น 2 ห้องนอนที่เกิดจากการรวมห้อง 2 ห้องของ Type L เข้าด้วยกัน ชั้น 2 มีจำนวนยูนิต 23 ยูนิต โดยมี Facility หลักอยู่ที่ตรงกลางชั้น 2  ไม่ว่าจะเป็นห้องอ่านหนังสือ, ห้องออกกำลังกาย, สระว่ายน้ำ ระบบน้ำเกลือ ขนาด 5 x 13 เมตร, ห้องน้ำและห้องอาบน้ำส่วนกลางแยกชาย-หญิง

ห้องพักในชั้น 3–7 มี 3 แบบปกติ ทั้ง 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน ทั้ง 5 ชั้นเป็นชั้นที่จำนวนห้องเยอะที่สุด คือ 25 ห้อง โดยมีลิฟท์โดยสารอยู่ทางฝั่งซ้ายฝั่งเดียว ห้องทางปีกซ้ายมือจะได้รับความสะดวกเนื่องจากใกล้โถงลิฟท์ ขึ้น-ลงสะดวก แต่ในทางกลับกัน ความเป็นส่วนตัวที่ได้จะน้อยกว่าห้องทางขวามือที่เป็นทางตัน ไม่มีการเดินไปเดินมาของเพื่อนร่วมชั้นมากนัก แต่จะอยู่ไกลจากลิฟท์ไปหน่อย

ห้องพักของชั้น 8 จะต่างจากชั้นอื่นๆนิดหน่อย ตรงที่ตำแหน่งปลายตัว U 2 ด้าน หน้าโครงการมีห้อง Type 2B หรือ 2 Bedroom ที่มีข้อดีที่ระเบียงกว้างมากในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้จำนวนยูนิตของชั้น 8 น้อยลงไปเหลือ 23 ห้อง ข้อดีของผู้พักอาศัยชั้น8 คือสามารถเดินขึ้นจากบันไดทั้ง 2 จุดไปถึงดาดฟ้าได้ ง่ายกว่าห้องชั้นอื่นๆที่ต้องขึ้นลิฟท์แล้วต่อบันไดเพื่อขึ้นไปยังดาดฟ้า เพราะลิฟท์โดยสารจะหยุดที่แค่ห้องพักชั้น 8 นะคะ

10 b loft surrounding roof top

ด้านบนของดาดฟ้าจะตกแต่งพื้นที่เป็น Rooftop Garden มีตั้งแต่พื้นหญ้า, สวนหย่อม, ต้นไม้ยืนต้นและพื้นที่ให้นั่งเล่น

หน้าโครงการ ตึกเป็นรูปตัว U แบบสมมาตร ตรงกลางชั้น1 ที่เห็นเป็นกระจกทึบๆคือ Loft Lobby ด้านบนชั้น2 เป็นสระว่ายน้ำ และเป็นเสมือนพื้นที่เปิดโล่งไปในตัวสูงจนถึงดาดฟ้า ด้วยการที่จัดเรียงห้องเป็นแบบ Double Corridor ทำให้วิวห้องต่างๆแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ อย่างแรกคือหันหน้าออกจากตัวตึก วิวที่ได้คือพื้นที่บ้านพักอาศัย 1-2 ชั้นของแถบแบริ่ง ส่วนประเภทที่สองคือวิวสระว่ายน้ำ ที่จะเป็นมุมแคบๆ ความกว้างไม่เกิน 7 เมตร มองลงจะเป็นมุมสระน้ำ มุมมองตรงๆยังได้มุมเพื่อนบ้านห้องฝั่งตรงข้ามด้วย

ทางเข้าพื้นที่จอดรถ มีประตูรั้วเตี้ยแบบเลื่อนกั้น

มีป้อมของพี่ยามและพื้นที่จอดจักรยานยนต์-จักรยานอยู่ทางขวามือ

มองตรงๆเข้าไปเป็นพื้นที่จอดรถ ด้านขวาคือตุ๊กตุ๊ก Shuttle Service

มองตุ๊กตุ๊ก Shuttle Service กันให้ชัดๆ รอบโดยสารรอบหนึ่งจะได้ประมาณ 6 คน เบียดๆหน่อยไม่เกิน 8 คน เป็นบริการรับ-ส่งลูกบ้านระหว่างโครงการและสถานีรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง ระยะทาง 1.7 กิโลเมตร โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมอยู่ในส่วนกลางของโครงการ เหมาะสำหรับลูกบ้านที่ไม่รีบร้อนไปทำงานในช่วงเช้ามากนัก

ด้านซ้ายมือเป็นทางเข้า Loft Lobby และห้องนิติบุคคล แต่เดี๋ยวเราจะแวะไปดูพื้นที่จอดรถให้ครบกันก่อน

พื้นที่จอดรถรูปตัว U ทางหักเลี้ยวไม่กระชั้นหรือแคบมาก

สุดทางตัว U อีกด้านหนึ่งเป็นทางตัน ไม่สามารถเข้า-ออกได้ ไม่ว่าจะเป็นรถ หรือทางเข้า Loft Lobby ต้องกลับรถสถานเดียว ฝั่งขวาในรูปเป็นทางเข้า-ออกบันไดหนีไฟของตัวอาคาร

เปิดประตูเข้าสู่ Lobby ส่วนที่เห็นส่วนแรกคือโต๊ะและเก้าอี้ทรงสูงตั้งหันหน้าออกหน้าโครงการ

เมื่อเข้าสู่ภายในอีกนิด เจอโต๊ะทำงานแบบ 4 ที่นั่ง 2 โต๊ะ และของตกแต่ง

ลึกสุดด้านในเป็นพื้นที่ของนิติบุคคล การตกแต่งในส่วน Lobby นำเอาวัสดุพื้นผิวลายไม้ และสีขาวดำอาทิผนังก่ออิฐทาเป็นสีขาวและชั้นวางของตกแต่งด้วยสีดำ ด้านซ้ายเป็นทางเข้าไปโถงลิฟท์

6 b loft x facility13-1

โถงลิฟท์จะอยู่ด้านขวามือ การเข้าไปในส่วนพักอาศัยของโครงการจะมีการรักษาความปลอยภัยแบบ Access Card หน้าประตูโถงลิฟท์

ภายในโถงลิฟท์ด้านขวามีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์โดยสารคือ 85:1 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลย ให้บริการตั้งแต่ชั้น Ground ไปจนถึงชั้นพักอาศัยชั้น 8 ไม่รวมพื้นที่สวนบนดาดฟ้า

ลิฟท์โดยสารแบบดิจิตอลจาก Schinder โดยมีระบบรักษาความปลอดภัยอีกชั้นนึงคือต้องใช้ Access Card เหมือนกับที่ใช้กับทางเข้าโถงลิฟท์

ฝั่งตรงข้ามลิฟท์เป็นตู้จดหมายของลูกบ้าน

ลึกเข้าไปด้านในจะเป็นบันไดหนีไฟ

ขึ้นมาชั้น 2 ทางด้านซ้ายมือจะเป็น ช่องแสงผ่านหน้าต่างบานเลื่อน มองออกไปภายนอกจะเห็นสระว่ายน้ำ ด้านขวาเป็นทางเดินเข้าห้องพัก ตกแต่งทางเดินด้วยสีอ่อนๆ

โถงทางเดินทางเข้าห้องพัก จะมีช่องแสงตรงกลางอีกครั้งที่โค้งรูปตัว U เพื่อความสว่างของทางเดินช่วงกลาง

ทางเดินเข้า Facilities ส่วนกลาง ด้านหน้าเป็นห้องอ่านหนังสือ ส่วนประตูซ้ายมือคือประตูเข้าห้องฟิตเนส 

Library ห้องอ่านหนังสือ มีทางเข้าออกทางเดียว มีโต๊ะและเก้าอี้ทรงสูงพอสำหรับ 4 ที่นั่ง ชั้นวางหนังสืออยู่ด้านซ้าย ช่องแสงจากส่วนกลางของสระว่ายน้ำ

Fitness ห้องออกกำลังกาย ใส่เครื่องออกกำลังกายได้ประมาณ 5 ชิ้น ประตูอีกฝั่งคือประตูที่เชื่อมไปทางเข้าสระว่ายน้ำ ห้องอาบน้ำและห้องนำ้ส่วนกลาง

ช่องทางขวามือคือส่วนของทางเข้าสระว่ายน้ำที่เป็นแบบเปิด ไม่มีประตูกั้น ทางซ้าย 2 ห้องเป็นห้องอาบน้ำและห้องน้ำส่วนกลาง แยกชาย-หญิง ส่วนประตูบานเลื่อนตรงกลาง คือทางเข้าจากส่วนพักอาศัยอีกทางนึง ตรงโค้งรูปตัว U

ภายในห้องน้ำชาย มีห้องอาบน้ำ 1 ห้อง, ห้องน้ำ 1 ห้อง, โถสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือ

ภายในห้องน้ำหญิง มีห้องอาบน้ำ 1 ห้อง, ห้องน้ำ 1 ห้อง และอ่างล้างมือ

ทางเข้าพื้นที่สระว่ายน้ำเป็นแบบเปิดโล่ง มีตะแกรงระบายน้ำตั้งแต่ทางเข้า

พื้นที่ภายในเป็นกระเบื้องยางลายไม้ มีส่วนพื้นที่นั่งเล่นก่อนถึงบันไดขึ้นสระว่ายน้ำ เป็นระบบน้ำเกลือ ขนาด 13 x 5 เมตร

สระว่ายน้ำแบ่งออกเป็นสระเด็กแบบบ่อกั้น และพื้นที่นั่งแช่เล็กๆภายในสระว่ายน้ำ ขอบบ่อสระว่ายน้ำที่ยกสูงขึ้นมาจากพื้น ทำให้มีพื้นที่ข้างสระลึกเกิน 1  เมตร ก่อนที่จะถึงตัวห้องของชั้น 2 อันตรายสำหรับเด็กเล็ก เนื่องจากเวลาใช้งานจริงทั้งพื้นและขอบสระที่ทำจากกระเบื้องลายหินจะเต็มไปด้วยน้ำจากสระว่ายน้ำทำให้ลื่นได้ง่ายมาก

มองขึ้นไปด้านบนจะเจอส่วนของห้องพักที่ได้วิวเป็นส่วนสระว่ายน้ำภายใน

ห้องชั้น 2 ที่ได้วิวสระว่ายน้ำจะเป็นห้องที่มีระเบียงครึ่งล่างโดนกั้นวิวทั้งหมด และครึ่งบนเปิดโล่ง เพราะตัวสระว่ายน้ำไม่ได้ฝั่งอยู่ใต้พื้นระหว่างชั้น 1 กับชั้น 2 ที่เป็นส่วนของระบบอาคาร แต่ก่อปูนขึ้นมาเหนือพื้นของชั้น 2 ทำให้กินพื้นที่ความสูงครึ่งหนึ่งของชั้น 2 ไป ห้องชั้นนี้ที่ได้วิว Facility ภายในจะเป็นส่วนที่เสียความเป็นส่วนตัวมากที่สุดของโครงการ

มาต่อกันที่ทางขึ้นสวนหย่อมบนดาดฟ้า ต้องขึ้นจากทางบันไดหนีไฟตั้งสองฝั่งของอาคารเท่านั้น ลิฟท์โดยสารจะจอดแค่ชั้น 8 นะคะ

ระหว่างชานพักบันไดมีช่องหน้าต่าง ชะโงกดูวิวภายในส่วนสระน้ำของห้องบนชั้นสูงๆกันหน่อย

ขึ้นมาถึงชั้นสุดท้ายกันแล้วกับชั้นดาดฟ้า

เดินออกมาด้านนอกพื้นที่โล่ง อากาศกำลังดีเลยค่ะ จะมีแดดแรงในช่วงกลางวันตามสภาพอากาศประเทศไทย พื้นที่ส่วนใหญ่ปูด้วยหญ้า บางส่วนปูด้วนทรายล้าง และปูนขัดมัน ต้นไม้ยื่นต้นที่กำลังเติบโต และมีพื้นที่นั่งเล่นแบ่งไว้เป็นสัดส่วน บรรยากาศกำลังดีเลยนะคะ

การเข้าถึงพื้นที่ดาดฟ้าทำได้ด้วยบันไดหนีไฟของทั้งสองจุดนะคะ มุมนี้เป็นมุมส่วนโค้งของรูปตัว U

ลองชะโงกดูฝั่งนี้กันบ้าง ห้องฝั่งที่ได้วิว Facility ภายใน ข้อดีมากๆคือแสงแดดจะไม่ค่อยส่องถึงตัวห้องโดยตรงนอกจากเวลาช่วงเที่ยงจริงๆ เนื่องจากความสูงตึกและความกว้างของพื้นที่ Facility ตรงกลางไม่ถึง 7 เมตร ทำให้องศาการทอดตัวของแดดเข้าไม่ถึงภายในห้อง สิ่งที่จะได้นอกจากจะเป็น Indirect Sunlight แล้ว อุณหภูมิภายในห้องจะไม่สูงเท่าห้องอื่นๆอีกด้วย ยิ่งห้องชั่นล่างๆ แสงแดดตรงๆจะเข้าถึงแทบไม่ได้เลยค่ะ

อีกมุมนึงของดาดฟ้า เป็นพื้นที่ว่างขนาดใหญ่เทด้วยปูนขัดมันเรียบ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1 Loft Lobby
  • ชั้น 2 สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 5 x 13 เมตร
  • ชั้น 2 Fitness ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 5 เครื่อง
  • ชั้น 2 Library ห้องอ่านหนังสือ
  • ดาดฟ้า Rooftop Garden สวนหย่อม
  • ทางเข้าที่จอดรถเป็นแบบรั้วเตี้ยกั้น รปภ. และไม้กระดก
  • ที่จอดรถในซอง 38 คัน คิดเป็นประมาณ 22​ % ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันประมาณ 30%
  • ระบบ CCTV / Access Card เข้าโถงลิฟท์
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 85 : 1
  • Shuttle Service บริการรถรับ – ส่ง โครงการถึงสถานีรถไฟฟ้าBTSแบริ่ง ไม่เก็บค่าใช้จ่าย

 


Product Walkthrough

เริ่มจากห้องตัวอย่างของโครงการห้องแรกกัน คือ 1 ห้องนอน Type L ห้องมุม หรือ L Corner พื้นที่ห้องขนาด 28.39 ตารางเมตร รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบ เมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอห้องนั่งเล่นก่อน ที่ด้านนึงจะเป็นโซฟาและโต๊ะเข้าชุดกัน ด้านในเป็นโต๊ะทานข้าวและเก้าอี้ 2 ที่นั่ง ฝั่งตรงข้ามของห้องจะเป็นชั้นวางทีวี ตรงกลางจะเป็นทางเดินเข้าไปในส่วนของห้องนอน ด้านขวาจะเป็นประตูเลื่อนกระจกกั้นส่วนครัวแยกออกไปเป็นสัดส่วน แยกออกมาอีกทีเป็นห้องน้ำ และมีระเบียงติดกับส่วนครัวเพื่อความสะดวกในการใช้พื้นที่ทำอาหารและลดปัญหาเรื่องกลิ่น การจัดผังแบบนี้มีข้อเสียคือไม่สามารถเข้าห้องน้ำได้จากห้องนอนโดยตรง โต๊ะกินข้าวอาจใช้งานจริงลำบากเพราะด้วยพื้นที่จำกัด ส่วนข้อดีคือได้ระยะดูทีวีที่กำลังพอดี

ประตูทางเข้าห้องตัวอย่าง เป็นประตู MDF แบบ Laminated ฝ้าสูง 2.4 เมตร ประตูสูง 2.0 เมตร มีตาแมว และด้ามประตูลูกบิดแบบเขาควาย

พื้นห้องส่วนนั่งเล่นเป็นแบบพื้นไม้ลามิเนต หนา 8 มิลลิเมตร

ส่วนแรกที่เข้ามาเจอคือส่วน Living ที่มีโซฟาและโต๊ะกลางวางอยู่ด้านขวา ด้านซ้ายหลังประตูเป็นชั้นวางทีวี ลึกเข้าไปเป็นโต๊ะทานข้าว และเก้าอี้ 2 ตัว ด้านในสุดเป็นประตูไปถึงห้องนอน จะสังเกตได้ว่า เพราะห้อง L นี้เป็นห้องมุม จึงมีหน้าต่างบานเลื่อนอยู่หลังชุดโซฟาทำให้พื้นที่ห้องนั่งเล่นมีแสงธรรมชาติเข้าถึงได้ดี แต่ถ้าเป็นห้อง L แบบธรรมดาไม่ใช่ห้องมุม จะไม่มีหน้าต่างตรงจุดนี้

ด้านซ้ายมือเป็นบานประตูเลื่อนกระจกทั้งบาน 2 เมตรไปถึงส่วนครัว ห้องน้ำ และระเบียง

เงื่อนไขการขายของห้องบางส่วนในโครงการนี้เป็นแบบ Fully Furnished ที่เห็นในรูปจะได้แบบนั้นยกเซต บางห้องมีแอร์แต่ไม่มีตู้เย็น บางห้องมีตู้เย็นแต่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับงบประมาณการตกแต่งและการดีไซน์ของสถาปนิกภายในของโครงการว่าจะตกแต่งแต่ละห้องให้ออกมามีบรรยากาศเป็นแบบไหน ใครที่ชอบห้องที่ตกแต่งเสร็จพร้อมเข้าอยู่ ลองไปชมห้องหลายๆแบบที่โครงการนะคะ

ชุดโซฟาแบบนั่งได้พอดี 3 คน พื้นที่นั่งยาว 1.70 เมตร พร้อมโต๊ะกลางสำหรับวางของ ฝั่งขวามือมีพื้นที่เหลืออยู่นิดหน่อย

ถัดมาเป็นโต๊ะทานข้าวแบบ 2 ที่นั่งพร้อมเก้าอี้ เก้าอี้ดูไม่ค่อยหนักแน่นมั่งคงเท่าไร ทั้งยังความสูงไม่สัมพันธ์กับความสูงของโต๊ะทานข้าวที่สูงจากพื้น 85 เซนติเมตร เห็นโต๊ะทานข้าวเป็นแบบเจาะผนังแบบนี้ เลื่อนลงมานิดนึงก็จะพอดีกับความสูงเก้าอี้ละค่ะ

โต๊ะทานข้าวตรงนี้สามารถเปลี่ยนเป็นแบบโต๊ะวางกับพื้นปกติได้ใหญ่ขึ้น ถ้าเลื่อนโซฟาไปติดกับอีกด้านหนึ่งของผนัง แต่ปัญหาที่ตามมาคือจุดกลางของโซฟาจะไม่ตรงกับจุดกลางของทีวีเท่าไร

ข้อดีของโต๊ะนี้คือมันสามารถพักเก็บได้ ด้านล่างโต๊ะจะมีบานพับเป็นแบบพับเก็บขึ้นแนบผนังได้ สำหรับผู้ที่ใช้งานโต๊ะทานข้าวแค่เป็นครั้งคราว

ฝั่งตรงข้ามกันเป็นโต๊ะเตี้ยวางทีวี มีชั้นวางของเล็กน้อย และทีวีขนาด 32 นิ้ว เนื่องด้วยห้องนี้ไม่ค่อยมีที่เก็บของเท่าไร แต่ในการใช้ชีวิตประจำวันจริงๆอุปกรณ์ เครื่องใช้ ของกระจุกกระจิกเยอะมาก อยากจะแนะนำให้แทนโต๊ะเตี้ยวางทีวีนี้ด้วยชั้นวางของที่สูงกว่านี้ขึ้นมาหน่อยตามแนวจุดเสียบสายทีวีและปลั๊กสามตา และจัดเก็บได้มิดชิดเป็นสัดเป็นส่วนมากกว่านี้

พื้นที่เหลือข้างหลังประตูทางเข้าหลัง ห้องนี้ยังไม่มีตู้เก็บรองเท้า ลองเอาตู้เก็บรองเท้าเล็กๆซัก 10 คู่มาวางไว้ก็ยังดีนะคะ

มาต่อกันที่ประตูบานเลื่อนเพื่อเข้าสู่ส่วนครัว ประตูบานเลื่อนเป็นแบบกระจกใสกรอบอะลูมิเนียมสีดำ สูง 2 เมตรทั้งบาน ด้วยความที่เป็นกระจกทั้งบาน ทำให้ดูสะอาดตามากยิ่งขึ้น

ประตูบานเลื่อนเป็นแบบรางบนค่ะ ไม่มีรางล่าง อาจจะสงสัยในความแข็งแรงเวลาเลื่อน แต่เมื่อลองเลื่อนดูแล้วจะโอนเอนนิดหน่อย อย่าเลื่อนรุนแรงมาก แต่มองในแง่การใช้งานส่วนพื้นเดินเข้า-ออก ประตูบานเลื่อนที่ไม่มีรางล่างถือว่าทำให้การเดินภายในห้องสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องค่อยก้าวข้ามทุกๆครั้ง

เปิดเข้าไปถึงพื้นที่ส่วนครัวกว้าง 1.25 เมตร จะเจอตู้เก็บของแบบลิ้นชักเลื่อนที่ไม่ค่อยเข้ากับพื้นที่ส่วนห้องครัว น่าจะอยู่ในห้องนอนมากกว่า และเคาท์เตอร์ครัวแบบติดผนังทั้งบนและล่าง พื้นห้องครัวเป็นแบบกระเบื้อง 60 x 60 เซนติเมตร สีอ่อน สิ่งที่น่าจะมาอยู่แทนตู้ลิ้นชักเลื่อนตรงนี้น่าจะเป็นตู้เย็น และเครื่องซักผ้ามากกว่าที่จะเป็นตู้ลิ้นชัก

ตู้ลิ้นชัก 4 ชั้นเมื่อเปิด

พื้นที่เก็บของเหนือเคาท์เตอร์ น่าจะทำให้ใหญ่เป็นสัดส่วนและปิดมิดชิด

พื้นที่เคาท์เตอร์ครัวส่วนล่าง ประกอบไปด้วยอ่างล้างมือและพื้นที่เตรียมครัวนิดหน่อย ไม่กว้างมาก มียางกันน้ำปิดของระหว่างเคาท์เตอร์และผนัง อาจจะต้องมีเตาแบบพกพาเก็บไว้ ถ้าจะทำอาหารอย่างจริงจังซักหน่อย

เคาท์เตอร์ครัวด้านล่างเมื่อเปิด ด้วยบานประตูตู้ค่อนข้างใหญ่ ทำให้ไม่ค่อยมีพื้นที่เหลือมากนัก หากมีโอกาสเลือกบานประตูแบบดึงออกสองด้านซ้ายขวาจะดีกว่า ทำให้มีพื้นที่เดินไปเดินมาด้วย

ประตูบานเลื่อนกระจก 2 ตอน สูง 2 เมตร กรอบอลูมิเนียม วางอยู่บนธรณีก่อปูนสูง 10 เซนติเมตร เพื่อออกไปสู่ระเบียง

ประตูมีล็อกจากด้านใน

ระเบียงขนาด 1.25 x 1.30 เมตร พื้นปูด้วนกระเบื้องแบบด้านขนาด 40 x 40 เซนติเมตร มีท่อน้ำดีและท่อน้ำทิ้งเตรียมไว้สำหรับเครื่องซักผ้า และท่อระบายน้ำด้านข้าง

ที่วาง Compressor แอร์ 2 ตัว หันหน้าเข้าห้าระเบียง ทำให้ลมร้อนตีเข้าหน้า ไม่มีตะแกรงเปลี่ยนทิศทางลม

ด้านล่างมีปลั๊กสามตาแต่ไม่มีฝาครอบมาให้, ท่อน้ำสำหรับเครื่องซักผ้า, ก๊อกน้ำ และท่อน้ำทิ้ง

เมื่อหันเข้าไปดูภายในส่วนห้องครัว สุดทางเป็นห้องน้ำ

ประตูห้องน้ำเป็นแบบ HDF ขนาด 0.70 x 2.00 เมตร มีช่องระบายการอากาศอยู่ด้านล่าง

ภายในห้องน้ำ การวางสุขภัณฑ์เป็นแบบจากส่วนแห้งไปส่วนเปียกเหมือนปกติ คืออ่างล้างหน้า, ชักโครก และพื้นที่อาบน้ำ

พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 40 x 40 เซนติเมตร

สุขภัณฑ์อ่างล้างมือและกระจกจาก Cotto มีการก่อปูนยื่นออกมา 10 เซนติเมตร สำหรับวางของใช้เล็กๆน้อยๆ

ชักโครก ของ? ยังไม่มีสายฉีดชำระ มีท่อน้ำทิ้งอยู่ด้านข้าง

พื้นห้องน้ำห้องนี้จากส่วนแห้งไปส่วนเปียกไม่ลดระดับพื้นนะคะ เท่ากันทั้งพื้นที่ห้องน้ำ โดยมีท่อน้ำทิ้งอยู่อีกมุมหนึ่งของพื้นที่อาบน้ำ ข้อเสียของการไม่ได้แยกพื้นที่ส่วนเปียกคือเวลาใช้งานน้ำจะเลอะเทอะทั้งห้อง แก้ไขโดยการติดฉากกั้นเพิ่มค่ะ

ฝักบัวและที่วางสบู่เล็กๆ

ฝักบัว

พื้นห้องน้ำลดระดับ 3 เซนติเมตร และไม่ได้ก่อธรณีเพิ่ม เวลาทำความสะอาดอาจจะเลอะเทอะด้านนอกได้

ห้องต่อไปคือห้องนอนที่อยู่ลึกเข้าไปจากห้องนั่งเล่น

ประตูห้องนอนเป็นแบบ MDF สูง 2 เมตร มีลูกบิดประตูแบบจับหมุนปกติ

พื้นห้องนอนยังคงเป็นแบบพื้นไม้ลามิเนต หนา 8 มิลลิเมตร มีการต่อรอยนิดหน่อยระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอน

ส่วนห้องนอนจะประกอบด้วยตู้เสื้อผ้าอยู่มุมด้านขวาทางเข้า เตียงนอนขนาด 5 ฟุตอยู่ตรงกลางของพื้นที่ฝั่งขวา และฝั่งซ้ายเป็นโต๊ะกึ่งทำงานกึ่งวางของ หน้าต่างเป็นแบบBay Window

เตียงนอนขนาด 5 ฟุต

พื้นที่ฝั่งตรงข้ามเป็นโต๊ะกึ่งวางของและกึ่งทำงาน เนื่องจากถ้าจะทำงานจะมีขนาดเล็กเกินไป ทั้งยังมีระยะนั่งแคบไปนิดสำหรับการทำงาน  พื้นที่ฝั่งนี้สามารถดีไซน์เพิ่มได้ตามใจชอบ เช่นบางคนชอบนอนดูทีวี สามารถทำเป็นตู้เก็บของที่มีทีวีอยู่ตรงกลาง หรือบางคนชอบทีวีแบบแขวนผนัง หรือบางคนชอบทำงาน จะสร้างเป็นพื้นที่ทำงานเล็กๆเข้ามุมด้านในไปเลยก็จะทำให้มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าอยู่ตรงกลาง ด้านบนยังเหลือเป็นพื้นที่เก็บของได้อีกเยอะ

ข้างเตียงฝั่งหน้าต่าง ไม่ได้ชิดผนังนะคะ แต่เว้นไว้ ประมาณ 15 เซนติเมตร สำหรับการดึงม่านเปิด-ปิด หรือการดึงผ้าห่ม ผ้าคลุมเตียงขึ้นลง

พื้นที่อีกด้านหนึ่งเหลือเยอะพอสมควร

ด้านซ้ายมือเป็นตู้เสื้อผ้าแบบเปิด ทำให้ห้องดูไม่แน่นหรืออึดอัด อาจจะมีพื้นที่ใช้สอยส่วนตู้เสื้อผ้าน้อยไปนิดนึงสำหรับสาวๆบางคน

หลังประตูมีพื้นที่เหลือ สามารทำเป็นที่แขวนกระเป๋า แขวนหมวกได้ หรือจะทำเป็นตู้เล็กๆเก็บของกระจุกกระจิกได้ดี

หน้าต่างเป็นแบบมุมชนรูปตัว L เป็นหน้าต่างบานเลื่อน มีม่านกั้น 2 ชั้นคือโปร่งแสงและทึบแสงแบบแขวน

ปลั๊กสามตา, รูเสียบทีวี, และช่องเสียบสายอุปกรณ์

ต่อมาเป็นห้องตัวอย่างห้องที่สอง คือ 1 ห้องนอน Type Plus พื้นที่ห้องขนาด 36.01 ตารางเมตร รูปร่างเป็นตัว L เมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอส่วนที่แคบก่อน ไว้สำหรับวางตู้โต๊ะ ตู้เก็บของแบบส่วนงาม รวมไปถึงชั้นวางรองเท้า เดินเข้าไปอีกหน่อยจะเป็นโต๊ะทานข้าวและเก้าอี้ 2 ที่นั่ง ด้านซ้ายเป็นส่วนนั่งเล่น ที่ด้านนึงจะเป็นโซฟาและโต๊ะเข้าชุดกัน ฝั่งตรงข้ามของห้องจะเป็นชั้นวางทีวีขนาดเล็ก ลึกเข้าไปจะเป็นประตูเลื่อนกั้นเข้าไปสู่ห้องทำงานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า จากส่วนนั่งเล่นจะเป็นทางเดินเข้าไปในส่วนของห้องนอนที่มีระเบียง และประตูเลื่อนกระจกกั้นส่วนครัวแยกออกไปเป็นสัดส่วน ลึกเข้าไปจากส่วนครัวอีกคือห้องน้ำ ห้องน้ำห้องนี้สามารถเข้าได้ทั้งจากทางห้องนอนและห้องครัว การจัดผังแบบนี้มีข้อเสียคือกลิ่นจากการทำอาหารไม่สามารถออกไปทางระเบียงได้ พื้นที่สำหรับวางทีวีแคบมาก วงสวิงการเปิดประตูห้องน้ำจากห้องนอนและห้องครัวจะชนกัน แต่ทำให้เข้าห้องน้ำได้จากห้องนอนได้โดยตรง

เปิดประตูเข้ามาจะเป็นส่วนที่แคบก่อน ด้านขวาเป็นชั้นวางของประเภทสวยงามเพราะอยู่ด้านหน้าทางเข้า หรือจะจัดเป็นตู้โชว์ก็ได้ แล้วแต่ความชอบ ด้านในเข้าไปถึงเป็นพื้นที่ส่วน Living ด้านในสุดที่เห็นจะเป็น Working space หรือพื้นที่ทำงานที่กั้นเป็นสัดส่วนด้วยประตูบานเลื่อนกระจกบานใหญ่ แบบ 2 ตอน พื้นห้องเป็นพื้นไม้ลามิเนต หนา 8 มิลลิเมตร

พื้นที่ข้างชั้นวางก็มีพื้นที่เหลือนิดหน่อยตรงส่วนมุมห้อง

พื้นที่ Living ด้านหน้าสุดจะเป็นโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 2 ตัว ด้านขวาเป็นโซฟาจัดวางชิดผนัง ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวีแบบลอยติดผนัง ข้างๆเป็นห้องทำงานที่ได้รับแสงเต็มๆจากม่านบังแดดบางๆ ส่วนอีกด้านของทีวีเป็นประตูบานเลื่อนเพื่อเข้าไปสู่ห้องครัวและห้องน้ำ ประตูด้านขวาเป็นประตูไปสู่ห้องนอน

โต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 2 ตัว อาจจะดูเล็กไปหน่อยสำหรับการใช้งานจริง โต๊ะทานข้าวตัวนี้ต่างจากห้องแรก เพราะจะพับเก็บเข้าผนังไม่ได้นะ

โซฟาขนาด 2 คนนั่ง ยาว 1.40 เมตร สามารถหาโซฟาที่ยาวกว่านี้มาแทนได้ แต่ไม่สามารถนำโซฟารูปตัว L มาแทนได้ เนื่องจากจะบังประตูทางเข้าห้องนอน

ชั้นวางทีวีแบบลอยติดผนัง พร้อมทีวีขนาด 32 นิ้ว อาจจะนำตู้ที่สามารถเก็บของได้มาวางทีวีก็ได้นะคะ เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย ตรงส่วนนี้จะวางทีวีใหญ่กว่านี้ไม่ได้แล้วเนื่องจากความกว้างของผนังมีจำกัด

ต่อมาเป็นห้องทำงาน Working Space ขนาด 1.40 x 2.85 เมตร มีฉากกั้นด้วยบานประตูเลื่อนกระจกกรอบอลูมิเนียมสูง 2 เมตร เต็มบาน ที่สามารถเปิดเลื่อนได้ทั้งสองด้าน กรอบประตูวางอยู่บนพื้นไม้ลามิเนต ทำให้ต้องเดินข้ามนิดหน่อยนะคะระวังสะดุดกันด้วย

พื้นที่ด้านในจัดเป็นห้องทำงานที่มีทั้งส่วนโต๊ะทำงาน และส่วนชั้นวางของ หนังสือ หรือเอกสารต่างๆ พื้นที่ตรงนี้สามารถใช้ทำงานได้จริงจัง มีม่านบังแดดให้พอสบายตานิดหน่อย ไม่ต้องเปิดไฟช่วงเวลาตอนกลางวัน ทั้งยังเป็นแสงธรรมชาติให้เข้าถึงตัวพื้นที่ Living ภายในได้เป็นอย่างดี ทำให้ห้องดูโล่งสบายตาขึ้นเยอะ

อีกมุมนึงของ Working Space ผนังด้านซ้ายสามารถนำตู้หนังสือสูงๆมาวางได้เลยในขนาดความกว้าง 1.40 เมตร สำหรับผู้ที่รักการอ่านโดยเฉพาะ

ม่านบังแดดเป็นแบบพับขึ้น โดยจะมีแม่เหล็กติดอยู่ที่รอยเย็บๆของม่านทำให้ไม่ต้องมานั่งม้วนพับขึ้นแต่อย่างใด หน้าต่างด้านนอกก็เป็นแบบบานเลื่อน 2 บานซ้ายขวา

พื้นที่ส่วนถัดมาเป็นทางเข้าไปสู่ห้องครัว มีบานเลื่อนกระจกเต็มบานกรอบอลูมิเนียมแบบรางบนเหมือนเคย เปิดได้สุดถึงขอบผนังเลย

พื้นห้องครัวปูด้วยกระเบื้องสีอ่อนขนาด 60 x 60 เซนติเมตร

ห้องครัวขนาดประมาณ 2.55 x 130 เรียงลำดับจากตู้เย็น เคาท์เตอร์ครัวที่มีประกอบไปด้วยอ่างล้างจานและพื้นที่ประกอบอาหารเล็กๆ ด้านบนมีตู้ใส่ไมโครเวฟ และที่เก็บเครื่องครัวอีกนิดหน่อยเหมือนห้องแรก ด้านในสุดเป็นเครื่องซักผ้าฝาบน

พื้นที่วางตู้เย็นที่ถูกต้องคือต้องวางห่างจากผนังนิดหน่อยแบบนี้ถูกต้องค่ะ พื้นที่ตู้เย็นเหลือไม่มาก กำลังพอดี

ด้านข้างเป็นเคาท์เตอร์เตรียมอาหารขนาดไม่ใหญ่มาก ตู้เก็บอุปกรณ์เครื่องครัว และอ่างล้างจาน ด้านบนก็เป็นชั้นแบบติดผนังเช่นกัน มีช่องวางไมโครเวฟ และชั้นวางอาหารแห้งนิดหน่อย ทางที่ดีควรหาชั้นวางของด้านบนที่สามารถเก็บของได้เยอะและมิดชิดกว่านี้ เพราะด้านข้างๆไม่สามารถขยายได้แล้ว ด้านหนึ่งเป็นตู้เย็นและอีกด้านเป็นเครื่องซักผ้า ห้องนี้ระเบียงไม่ได้ต่อกับส่วนครัว แต่ต่อกับส่วนห้องนอน ดังนั้นการวางเครื่องซักผ้าตรงระเบียงห้องนอนอาจจะดูแปลกๆ

อ่างล้างจาน จาก HAFELE

เครื่องซักผ้าฝาบน มีพื้นที่รอบข้างนิดหน่อย อาจจะไว้เป็นที่วางของราวตาผ้าแบบพับเก็บ หรือตะกร้าผ้าได้

สุดห้องครัวจะเป็นทางเข้าห้องน้ำที่ต่อกับห้องนอนอีกทีหนึ่ง เดี๋ยวเราจะเก็บไว้อธิบายจากทางห้องนอนนะคะ

ทางเข้าห้องนอนจะเข้าได้จากห้องนั่งเล่น มีประตู MDF สูง 2 เมตร

พื้นห้องนอนยังคงเป็นแบบพื้นไม้ลามิเนต หนา 8 มิลลิเมตร มีการต่อรอยนิดหน่อยระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอน

พื้นที่ห้องนอนด้านในจะค่อนข้างจะตกแต่งน้อยกว่าห้องที่แล้ว และมีพื้นที่น้อยกว่าด้วย

เตียงนอนขนาด 6 ฟุตเต็มพื้นที่ ตั้งอยู่ชิดฝั่งขวาตรงกลาง ไม่จำเป็นที่จะต้องมีโต๊ะทำงานตรงข้ามเตียงเหมือนห้องที่แล้ว เพราะมีห้องทำงานจัดเป็นสัดส่วนที่ส่วน Living ไม่มีหัวเตียง ไม่มีโต๊ะข้างเตียงทั้งสองด้าน

พื้นที่ข้างเตียง เหลื่อเยอะพอสมควร เดินไปมาได้สะดวกดี

ปลายเตียงมีพื้นที่แค่พอเดินไปเดินมาเช่นกัน

อีกด้านของเตียงเป็นพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าแบบปิด ทำให้ห้องดูตันๆขึ้นมานิดนึง และมีช่องว่างด้านหลังประตูอีกเช่นเคย สามารถตั้งที่เก็บของเล็กๆน้อยๆได้

ตู้เสื้อผ้าแบบปิด เปิดออกมามีพื้นที่ไม่มาก อาจจะไม่พอเก็บสำหรับ 2 คน

ประตูบานเลื่อนกระจกแบบเปิดซ้ายขวา สูง 2 เมตร กรอบอลูมิเนียม วางอยู่บนธรณีก่อปูนสูง 10 เซนติเมตร เพื่อออกไปสู่ระเบียง

พื้นที่ระเบียงขนาด 0.85 x 2.40 เมตร ปูด้วยกระเบื้องแบบด้าน ขนาด 40 x 40 เซนติเมตร

ด้านหนึ่งมีก๊อกน้ำ และท่อน้ำทิ้ง

อีกด้านเป็นที่วาง Compressor แอร์ 3 ตัว จากห้องนอน, ห้องนั่งเล่นและห้องทำงาน แต่ในห้องทำงานจริงๆมีพื้นที่ไม่มาก ในบางวันอาจจะเปิดตัวเดียวใช้ร่วมกันกับห้องนั่งเล่นก็ได้นะคะ

ต่อมาปลายเตียงเป็นประตูไปสู่ห้องน้ำ แบบ HDF ขนาด 0.70 x 2.00 เมตร มีช่องระบายการอากาศอยู่ด้านล่าง

มีการลดระดับพื้นห้องน้ำ 3 เซนติเมตร ถือว่าน้อยไปนิด พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 40 x 40 เซนติเมตร

มองจากกระจกสะท้อนด้านห้องนอนจะเห็นว่าเวลาเปิดประตูห้องน้ำจะเปิดได้ไม่สุด เนื่องจากมีตัวกันชนด้านบนของประตูห้องน้ำทั้งจากห้องนอนและห้องครัวยันกันอยู่ เวลาใช้งานอาจจะถนัดกว่าถ้าปิดประตูทั้งสองด้านก่อน

มองจากภายในห้องน้ำ วงสวิงเวลาเปิดประตูแล้วชนกัน

การวางสุขภัณฑ์เป็นแบบจากส่วนแห้งไปส่วนเปียกเหมือนปกติ คืออ่างล้างหน้า, ชักโครก และพื้นที่อาบน้ำเหมือนปกติ

พื้นห้องน้ำห้องนี้จากส่วนแห้งไปส่วนเปียกไม่ลดระดับพื้นนะคะ เท่ากันทั้งพื้นที่ห้องน้ำ โดยมีท่อน้ำทิ้งอยู่อีกมุมหนึ่งของพื้นที่อาบน้ำ

ห้อง Type 2B หรือแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 61.46 ตารางเมตร ทั้งโครงการมีจำนวนทั้งหมดเพียง 2 ห้อง คือบนชั้น 8 ส่วนหน้าโครงการ รูปร่างเป็นห้องหน้ากว้างมาก เมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอส่วน Living ที่มีโซฟาและชั้นวางทีวีอยู่คนละฝั่งของทางเข้า ลึกเข้าไปจะเป็นโต๊ะทานข้าวและเก้าอี้ 2 ตัว ข้างๆจะเป็นเคาท์เตอร์ครัว หลังโซฟาจะเป็นห้องน้ำส่วนกลาง ที่อยู่ใกล้กับห้องนอนเล็ก ส่วนทางฝั่งขวาของทางเข้าจะเป็นห้องนอนใหญ่ที่มี Walk-in Closet และห้องน้ำในตัว จุดเด่นของห้อง Type นี้คือทุกห้องจะมีระเบียงเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนทั้งสองห้อง หรือห้องนั่งเล่นฝั่งใกล้ส่วนครัว ทำให้ห้องจะดูโปร่งขึ้นโดยธรรมชาติ แต่ข้อเสียของห้องที่มีระเบียงกว้างคือแสงแดดเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะอยู่ชั้นบนสุด ไม่มีที่บังแดดและอุณหภูมิภายในห้องจะสูง ดีหน่อยที่ทั้งสองห้องหันไปทาง N/W ข้อเสียคือพื้นที่ครัวยังคงปูด้วยพื้นไม้ลามิเนตเหมือนส่วนนั่งเล่น ทำให้ทำความสะอาดและดูแลยากหน่อย

ห้อง Type L Combine ขนาด 59.25 ตารางเมตร ตำแหน่งห้องของแต่ละชั้นไม่ตรงกัน มีประมาณชั้นละ 1 ห้อง เกิดจากการรวมห้องแบบ L จำนวน 2 ห้องเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดพื้นที่ส่วน Living ใหญ่ขึ้น จัดวางชุดโซฟารูปตัว L ได้ และเพิ่มพื้นที่ทานข้าวได้มากขึ้น ส่วนห้องครัวมีอยู่ทางด้านขวา ด้านซ้ายที่เคยเป็นห้องครัว อาจจะเปลี่ยนเป็นห้องทำงานหรือห้องอ่านหนังสือ แต่จากแปลน ห้องน้ำยังคงไม่สามารถเข้าได้จากห้องนอนทั้ง 2 ห้อง อาจจะเป็นเพราะว่าระบบท่อของอาคารไม่สามารถขยับหรือปรับเปลี่ยนได้

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 23 January 2015

  • 1 Bedroom Type L ชั้น 3 ห้อง 319 Zone N 28.35 ตารางเมตร ราคา 1,290,000 บาท หรือ 45,502 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Type L ชั้น 6 ห้อง 620 Zone Pool 27.91 ตารางเมตร ราคา 1,490,000 บาท หรือ 53,385 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Type L ชั้น 8 ห้อง 804 Zone N 28.53  ตารางเมตร ราคา 1,630,000 บาท หรือ 57,132 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Type Plus ชั้น 8 ห้อง 812 Zone S/E 36.01 ตารางเมตร ราคา 2,290,000 บาท หรือ 63,593 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Type L Corner ชั้น 3 ห้อง 307 Zone S/W 28.52 ตารางเมตร ราคา 1,290,000 บาท หรือ 45,231 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Type L Corner ชั้น 6 ห้อง 619 Zone S/W 28.35 ตารางเมตร ราคา 1,540,000 บาท หรือ 54,320 บาท/ตร.ม.
  • 2 Bedroom Type 2B ชั้น 8 ห้อง 818 Zone S/W 61.46 ตารางเมตร ราคา 3,390,000 บาท หรือ 55,157 บาท/ตร.ม.

  • Fully Furnished
  • เพดานสูง 2.4 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • Shuttle Service บริการรถรับ – ส่ง โครงการถึงสถานีรถไฟฟ้าBTSแบริ่ง ไม่เก็บค่าใช้จ่าย
  • จองฟรี
  • ทำสัญญา 10,000 บาท
  • ค่ากองทุน 380 บาทต่อตารางเมตร ชำระครั้งเดียวในวันโอนกรรมสิทธิ์
  • ค่าส่วนกลาง 38 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี ในวันโอนกรรมสิทธิ์

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

B-LOFT สุขุมวิท109 เป็นโครงการที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีแบริ่ง ซึ่งสถานีถัดไปเป็นสถานีสำโรงที่ในอนาคตจะเป็นสถานีที่เป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินเท้าแทบจะไม่มีเลย แต่พอออกมาปากซอยตรงถนนสุขุมวิทจะมี Mini BigC และ Lotus Express หรือจะทะลุซอยแบริ่ง16 ออกซอยสุขุมวิท107 จะมีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร และร้านขายของอยู่ตามชั้นล่างของอาคารพาณิชย์ รอบบริเวณมีสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านเดี่ยวพักอาศัยเกือบทั้งหมด มีที่ว่างเปล่าบ้าง ส่วนห้างสรรพสินค้าในระยะประมาณ 10 กิโลเมตร ก็มีทั้ง Central บางนา, IKEA, ไบเทคบางนา และ Bangkok Mall ที่กำลังจะสร้าง ในอนาคตน่าจะมีเพิ่มอีกหลายแห่ง ทำให้มีความคึกคักและปริมาณรถตรงสี่แยกบางนาต่างๆเยอะขึ้นไปอีก

การเดินทางโดยใช้รถ โครงการตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เข้า-ออกได้ทั้งจากถนนสุขุมวิทขาออก และถนนศรีนครินทร์ รถบนถนนสุขุมวิทจะมีปริมาณมากกว่า การเดินทางเข้าโครงการไม่จำเป็นจะต้องเข้าที่ซอยสุขุมวิท109 โดยตรง แต่สามารถลัดเลาะผ่านซอยสุขุมวิท103 หรือ 107 ที่เชื่อมกันมาถึงโครงการได้จากทั้งสองถนนใหญ่ อีกไม่นานหลังจากการเปิดใช้บริการของสถานีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย อาจจะทำให้ชุมชนคึกคักมากยิ่งขึ้น และกลายเป็นทางผ่านสำคัญๆ ทางขึ้นทางด่วนบางนา-ชลบุรีห่างจากโครงการไปทางเหนือประมาณ 2 กิโลเมตร และทางขึ้นทางด่วนพิเศษกาญจนาภิเศกห่างจากโครงการไปทางใต้ 3.2 กิโลเมตร ส่วนหากจะเข้าเมืองก็ทำโดยการกลับรถใต้สะพานข้ามคลองสำโรงไปยังถนนสุขุมวิทขาเข้า หรือจะข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาโดยใช้ถนนปู่เจ้าสมิงพรายข้ามไปถึงแถวสาธุประดิษฐ์

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ จากโครงการถึงสถานีแบริ่งไม่อยู่ในระยะเดินได้ จากโครงการถึงสถานีเป็นระยะ 1.7 กิโลเมตร แต่ในซอยสองข้างทางไม่มีทางเท้าสำหรับคนเดิน ทำให้ไม่ค่อยปลอดภัย ภายในซอยสุขุมวิท 109 มีปริมาณรถเข้า-ออกมาก แต่ในซอนสันติคาม 12 จะสงบขึ้น พี่วินหน้าปากซอยไม่มี หากจะต้องออกไปด้านนอกน่าจะต้องใช้รถส่วนตัว หรือรถรับจ้าง ยังดีที่มีบริการ Shuttle Service รับส่งถึงสถานีแบริ่ง แต่ยังไม่ได้กำหนดเส้นทาง ว่าจะเข้าออกเส้นไหน ส่วนป้ายรถเมล์จะอยู่หน้าซอยสุขุมวิท109 และมีตลอดถนนสุขุมวิททั้งขาเข้าและขาออก ไม่มีสะพานลอยเนื่องการการก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย หรือไม่ก็ขึ้นทางเชื่อมสถานีแบริ่งไปลงอีกด้านหนึ่ง ตรงนั้นจะมีแท๊กซี่, รถเมล์และรถตู้วิ่งผ่านหลายสายทั้งไปเข้าเมืองไปอโศก บางนา บางปู หรือเขตพื้นที่โรงงานในจังหวัดสมุทรปราการ

วัสดุของโครงการตามราคาและรายการโปรโมชั่นวันที่เข้าไปรีวิว ถือว่าให้มาค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับในระดับราคาเดียวกัน มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งครบชุดพร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อมเข้าอยู่ แต่ถ้าไม่มีโปรโมชั่นแนบท้ายก็อยู่ในระดับทั่วไป พื้นห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็นลามิเนตลายไม้สีน้ำตาลอ่อนหนา 8 มิลลิเมตร พื้นส่วนครัวเป็นกระเบื้อง 60 x 60 เซนติเมตร ฝ้าสูง 2.4 เมตร ผนังเป็นฉาบปูนเรียบ พร้อม wallpaper ห้องครัวเคาท์เตอร์ขนาดค่อนข้างเล็ก ไม่เหมาะกับการประกอบอาหารอย่างจริงจัง อุปกรณ์สุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ Cotto

การออกแบบตัวอาคารรูปตัว U สร้างอาคารเต็มพื้นที่ มี Facility สระว่ายน้ำอยู่บนที่ว่างรูปตัว U การจัดห้องเป็นแบบ Double Corridor วิวห้องจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือหันออกนอกโครงการวิวทั่วไปจะเป็นบ้านเดี่ยวอยู่อาศัย 1-2 ชั้น ส่วนวิวห้องด้านในจะเป็นวิวสระว่ายน้ำชั้น 2 หน้าตาอาคารเป็นแบบปกติ ไม่ได้หวือหวา ใช้โทนสีน้ำตาลม่วงตกแต่งอาคารภายนอก แปลนห้อง Type L ขนาด 28 ตารางเมตรเป็นแบบมาตรฐาน กั้นพื้นที่เป็นสัดส่วน ห้องตัวอย่างออกแบบมาให้มีพื้นที่พอกับการอยู่อาศัยจริง แต่ห้องนั่งเล่นจะค่อนข้างแน่นเมื่อวางเฟอร์นิเจอร์จริง เช่นพื้นที่วางโต๊ะกินข้าวจะค่อนข้างเล็ก ห้องน้ำไม่มีการลดระดับพื้นในส่วนเปียก แต่ห้องนอนกั้นด้วยประตูแบบผลักเปิด ไม่ได้กั้นด้วยประตูเลื่อนกระจกเหมือนบางโครงการ ทำให้อาจจะดูทึบไปนิด

สาธารณูปโภคส่วนกลางมีตามมาตรฐานของคอนโด Low Rise ปกติ ส่วนกลางหลักๆจะอยู่ที่ชั้น 2 มี Loft Lobby และตู้จดหมายที่ชั้น1 ฟิตเนต, ห้องอ่านหนังสือ และสระว่ายน้ำระบบเกลือชั้น2 ขนาดไม่ใหญ่มาก สวนหย่อมและพื้นที่นั่งเล่นจะอยู่บนดาดฟ้า มีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ถือว่าให้มาครบ แต่ขนาดพื้นที่ของส่วนกลางค่อนข้างเล็ก

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 45,263 บาทต่อตารางเมตร, 23 January 2015

  • ทำเล 7.25/10 – เปรียบเทียบกับราคาของโครงการในละแวกเดียวกัน ถือว่าไกลจากตัวสถานีรถไฟฟ้ามากกว่า ไม่อยู่ในระยะเดิน แต่มีข้อดีตรงที่สามารถเข้า-ออกได้จากถนนหรือซอยเส้นอื่นๆ ความอุดมสมบูรณ์อยู่ภายในระยะขับรถ 3 กิโลเมตร
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – สะดวกแต่ไกลจากถนนใหญ่สุขุมวิทไปหน่อย มีทางขึ้นทางด่วนทั้งเข้าเมืองและไปต่างจังหวัด มีที่จอดรถน้อย น่าจะไม่เพียงพอในอนาคต
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ระยะทางจากสถานีแบริ่ง 1.7 กิโลเมตรถึงโครงการ ไม่อยู่ในระยะเดิน ต้องอาศัยรถสาธารณะ แต่โครงการมีรถตุ๊กตุ๊ก Shuttle Service ให้เลยบวกคะแนนให้อีกหน่อย
  • วัสดุ 8.25/10 – ช่วงสุดท้ายของการขาย ทางโครงการตั้งงบประมาณในการตกแต่งแบบ Fully Furnished ทั้งเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่วัสดุตกแต่งบางชิ้นไม่ค่อยลงตัว
  • แบบ 8/10 – ห้องขนาดเล็กสุดคือประมาณ 28 ตารางเมตร มีห้องทั้งแบบรวม 1 ห้องนอน 2 ห้องรวมกันและแบบขายระเบียงกว้าง
  • สาธารณูปโภค 7.25/10 – ตามมาตรฐานคอนโด Low Rise แต่พื้นที่ Facilities ชั้น 2 ตรงสระว่ายน้ำไม่ความเป็นส่วนตัวเท่าไร อัตราส่วนลิฟท์อยู่ในเกณฑ์ดี

  • SUPER ECONOMY CLASS
  • 7.59 / 10.00

BOTTOM LINE

B-Loft Condominium เป็นโครงการที่เหมาะสำหรับคนที่อาศัยหรือทำงานในพื้นที่แบริ่ง-สำโรงอยู่แล้ว มีรถใช้ส่วนตัวบ้าง หรือเดินทางด้วยรถไฟฟ้าโดยพึ่งพา Shuttle Service ของโครงการ  ยอมอยู่สถานีที่ไกลจากสถานีหน่อยแต่ได้ราคาสบายกระเป๋ามากกว่า มีงบประมาณประมาณ 1,300,000 – 4,000,000 บาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 10,000-15,000 บาท

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไป

สมัครสมาชิก www.thinkofliving.com พร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม คลิกที่นี่ https://thinkofliving.com/register/