สวัสดีครับ รีวิวฉบับที่ 317 … A Space ME บางนา คอนโด High Rise 26 ชั้น ระดับ Economy Class จากอารียา โครงการนี้ตั้งอยู่บนถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก บริเวณใกล้แยกวงแหวนตัดกับบางนาตราด ฝั่งตรงข้ามกับ MEGA บางนา ที่ดินแปลงนี้แต่เดิมก็เป็นของอารียาอยู่แล้ว แปลงด้านในทำเป็นหมู่บ้านจัดสรร The Color Premium บางนา ส่วนแปลงด้านหน้าก็นำมาทำเป็นคอนโด High Rise แต่ยังคงคอนเซปท์เน้นราคาประหยัดตามสูตรอารียา จะออกมาเป็นยังไงลองไปดูกัน
Fact @ 10 March 2013
- A Space ME บางนา
- บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
- ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- คอนโด High Rise 26 ชั้น 1 อาคาร 945 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 378 คัน รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 40%
- ที่ดินประมาณ 3-1-17.1ไร่
- 1 Bedroom
- พื้นที่ใช้สอย 25 และ 32 ตร.ม.
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.09 ล้านบาท
- ราคาต่อตารางเมตรประมาณ 45,000 บาท
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
โครงการ A Space ME บางนา ตั้งอยู่บน ถนนเลียบวงแหวนบางพลี-สุขสวัสดิ์ (ฝั่งมุ่งหน้าพระราม 2) บริเวณจุดตัดของถนนวงแหวน กับ ถนนบางนา-ตราด ซึ่งแผนที่โครงการนี้ ต้องบอกจริงๆว่า ถ้าไม่คุ้นทำเลแถวๆนั้น ดูยังไงก็ไปไม่ถูก เพราะทางเข้ามันค่อนข้างจะซับซ้อนพอสมควร เดี๋ยวไปดู Google Maps ดีกว่าจะได้เข้าใจง่าย
ถ้าดูตาม Google Maps จะเห็นตรงที่ผมขีดสีเขียวๆไว้นะครับ นั่นคือโครงการ A Space ME บางนา ที่ตั้งจะอยู่ฝั่งตรงข้ามของ MEGA บางนา ทางด้านถนนกาญจนาภิเษก และที่เห็นอยู่ติดกันสีฟ้าๆ นั่นคือหมู่บ้าน The Color ของอารียาเช่นเดียวกัน เป็นแปลงที่อยู่ทางด้านหลัง ใช้ทางเข้า-ออกเดียวกันทั้งสองโครงการครับ (ขีดเส้นให้ดูคร่าวๆเฉยๆนะครับ ไม่ใช่อาณาเขตของจริง)
มาถึงตรงนี้ก็ขอพูดเรื่องการเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์กันก่อน การเรียกรถไปไหนมาไหน บนถนนกาญจนาภิเษกนี้แท็กซี่ก็คงไม่ได้ผ่านมาหน้าโครงการเยอะแยะ (เพราะทางเข้ามันไม่ใช่ทางที่รถยนต์ทั่วไปจะสัญจรผ่านมา) และไม่มีป้ายรถเมล์ด้วยเช่นกัน จุดที่จะเรียกรถได้ที่สะดวกที่สุดนั้นอยู่บริเวณถนนบางนา-ตราด หน้า Mega บางนา ซึ่งเป็นจุดที่จะมีทั้งแท็กซี่และรถเมล์ครับ แต่ถึงจะบอกว่าโครงการตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเมก้าบางนา ก็ต้องดูด้วยว่าเราจะข้ามฝั่งไปที่จุดเรียกรถเมก้าบางนาได้ยังไง เพราะนี่คือถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก ดังนั้น “ฝั่งตรงข้าม” คือมันมีถนน 10 เลนคั่นอยู่ ไม่มีสะพานลอย ไม่มีทางม้าลาย เวลาจะข้ามถนนเนี่ย เราจะต้องใช้ทางลอดใต้ถนนวงแหวน ซึ่งผมคิดว่าคนทั่วๆไปก็อาจจะไม่เดินกัน เพราะเป็นทางที่ไม่มีฟุตบาทด้วย กลางค่ำกลางคืนไม่มีแสงสว่างส่องถนน และนี่ยังไม่รวมระยะทางที่ต้องเดินภายในเมก้าบางนาอีก แต่ถ้าขี่จักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ก็จะช่วยได้บ้างครับ และยังดีที่โครงการเค้ามี Shuttle Service ไปส่งถึงจุดเรียกรถได้ แต่ด้วยจำนวนยูนิตที่มากถึง 900 กว่ายูนิต ก็คงต้องดูด้วยว่ามี Shutter Service อยู่กี่คัน เพราะถ้ามีแค่ 1-2 คัน ก็ไม่น่าจะพอนะครับ เพราะกว่าจะวนไปวนกลับ ช่วงเร่งด่วนนี่น่าจะเสียเวลาอยู่พอสมควร
ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ทำให้การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ดูจะไม่ค่อยสะดวกนัก ดั้งนั้นแนะนำอย่างมากว่าคนที่อยู่ที่นี่ควรจะเป็นคนที่ใช้รถส่วนตัวครับ
ต่อไปก็พูดถึงการเดินทางด้วยรถยนต์กันบ้าง เมื่อดูภาพกว้างๆ ก็จะเห็นว่าตรงนี้เป็นจุดตัดของถนนสายสำคัญ 2 เส้น คือ บางนา-ตราด และ กาญจนาภิเษก ซึ่งเส้นบางนา ฝั่งขาออกมีทางด่วนบางนา-ชลบุรี วิ่งไปชลบุรีได้ ไปสุวรรณภูมิได้ ฝั่งขาเข้าก็ไปเชื่อมกับทางด่วนในเมือง ใช้เดินทางไปยังจุดต่างๆของกรุงเทพมหานครได้ไม่ยากนัก ในขณะที่ถนนกาญจนาภิเษกช่วงนี้ ก็ค่อนข้างสะดวกในการใช้เดินทางไปช่วง บางพลี เทพารักษ์ ออกสมุทรปราการ ข้ามไปพระราม 2 ได้ ฝั่งกลับกันก็ใช้ไปลาดกระบัง, มอเตอร์เวย์, รามคำแหง, ไปรามอินทราได้ ซึ่งก็ต้องถือว่าถ้าคนที่ใช้เส้นทางพวกนี้ประจำ ก็ถือว่าโอเค
แต่ทำเลตรงนี้ก็มีข้อเสียเช่นกัน เมื่อซูมลงไปดูใกล้ๆแล้ว จะเห็นว่า มีข้อจำกัดหลายอย่างในการเข้า-ออกโครงการ ซึ่งจะอธิบายในภาพต่อๆไป
ซูมลงมาดูวิธีเข้าโครงการกันแบบชัดๆ ทำได้ 3 วิธีหลักๆ คือ
(1) มาจากทาง MEGA บางนา โดยเข้า MEGA บางนาให้ได้ก่อน แล้วทะลุผ่าน MEGA มาเลี้ยวขวาออกที่ทางเข้า-ออกฝั่ง IKEA (ถนนวงแหวน) จากนั้นก็ทำการกลับรถลอดใต้ถนนวงแหวน มันจะมาโผล่หน้าโครงการทันที ซึ่งวิธีนี้ผมไปลองขับวนมาแล้ว เข้าใจง่ายกว่าวิธีที่สองแน่ๆครับ สำหรับคนที่ไม่เคยไปมาก่อน และ เหมาะสำหรับคนที่ใช้เส้นวงแหวนฝั่งมุ่งหน้าบางปะอิน (ใครงงถาม รปภ. ของ IKEA ก่อนจะออกก็ได้นะ :D)
(2) มาจากวงแหวนอ่อนนุช หรือมาจากบางนาฝั่งขาออก โดยเราจะต้อง ทำเหมือนว่าเรากำลังจะขับรถไปพระราม 2 โดยใช้เส้นวงแหวนบางนา (ถ้ามาจากวงแหวนอ่อนนุชต้องข้ามทางลงบางนาไปก่อน) แล้วก่อนที่เราจะถึงด่านเก็บเงิน ให้เราชิดซ้ายไปยังช่องชั่งน้ำหนักรถบรรทุกที่อยู่ซ้ายสุด ถ้าไปเองตอนแรกจะเสียวๆหน่อย เพราะเหมือนกำลังจะโดนเก็บเงินแล้ว แต่ทันใดนั้นเองทางซ้ายจะมีทางออกเล็กๆ ให้ออกไปยังถนนเลียบวงแหวน ซึ่งมีป้ายบอกทางไปเมก้าบางนาอยู่ด้วย ให้ออกไปทางนั้นแหละ แล้วโครงการก็จะตั้งอยู่ทางซ้ายมือบนถนนเลียบวงแหวนตรงนั้น (เชื่อว่าหลายๆคนอ่านตรงนี้แล้วก็ ยังไม่เข้าใจ เดี๋ยวจะมีรูปให้ดูนะ)
(3) มาจากบางนาฝั่งขาเข้า (ทางนี้ไม่ได้ทำลูกศรชี้ไว้ให้ดูในแผนที่นะ) อันนี้ไม่ยาก ก็แค่วิ่งเส้นเลียบทางด่วนบางนามาเรื่อยๆ (วิ่งทางคู่ขนานด้านนอก) แล้วมาเลี้ยวซ้ายที่แยกโดยไม่ต้องเข้าทางหลัก เดี๋ยวมันก็จะมาเชื่อมกับเส้นเลียบวงแหวน มาถึงหน้าโครงการได้เอง
ส่วนใครที่มาจากวงแหวนบางนา-บางพลี ก็วิ่งเข้า MEGA ไปแหละ ง่ายสุด
ส่วนการออกจากโครงการ ทำได้เพียงออกทางด้านหน้าโครงการฝั่งถนนวงแหวนเท่านั้น แต่ก็มีให้เลือก 2 อย่าง คือ
(1) เลี้ยวขวา (สีม่วง) ก็จะวิ่งย้อนไปทางด่านเก็บเงิน และจะเป็นทางบังคับให้กลับรถเข้าถนนวงแหวนเท่านั้น สำหรับคนที่จะใช้ถนนวงแหวนบางพลี-สุขสวัสดิ์ มุ่งหน้าไปทางเทพารักษ์ – พระราม 2
(2) เลี้ยวซ้าย (สีแดง) ก็จะวิ่งไปกลับรถลอดใต้ถนนวงแหวน และเป็นทางบังคับ ให้ออกไปถนนบางนา-ตราด (ฝั่งขาเข้า) ซึ่งจะผ่านทางเข้าตรง IKEA ด้วยสามารถเลี้ยวเข้าห้างได้เลย ซึ่งใครที่จะออกไปเส้นบางนาขาออกไปชลบุรี หรือไปวงแหวนบางปะอิน ก็ต้องใช้เส้นทางนี้เช่นเดียวกัน โดยต้องไปขึ้นสะพานกลับรถบนถนนบางนา-ตราดเพื่อย้อนกลับมาอีกที
การเข้า-ออกโครงการ ต้องถือว่ามีข้อจำกัดเยอะพอสมควร เนื่องจากมันตั้งอยู่บนถนนคู่ขนานวงแหวน ทางเข้า-ออกจึงเป็นเรื่องที่ควรจะต้องนำมาคิดด้วย ควรจะดูดีๆว่าชีวิตประจำวัน ใช้เส้นทางไหนเข้า-ออกเป็นหลัก
ต่อไปเราไปดูการไปโครงการแบบให้เห็นภาพกันบ้าง เริ่มต้นที่ถนนบางนา-ตราด ฝั่งขาออกมุ่งหน้าชลบุรี ก่อนจะถึงวงแหวนเราก็จะเจอป้ายนี้
เจอ Tesco Lotus อยู่ทางซ้ายมือ แวะซื้อของก่อนกลับบ้านได้ถ้ามาจากทางนี้
จากตรงนี้ บางคนอาจจะขึ้นสะพานกลับรถเข้าเมก้าบางนาไปเลย แล้วไปออกทางออกทางด้านหลัง แต่เดี๋ยวเราจะพาไปเส้นทางปกติทางถนนกาญจนาภิเษกก่อน
ตามป้าย “ถนนกาญจนาภิเษก” ไปเลย
ขับไปจนถึงแยก มันก็จะมีให้เลือกไปได้หลายทางมากเลย ใครไม่คุ้นเส้นทางอย่าพึ่งตกใจ เกาะป้ายพระราม 2 ไป
ตามป้ายพระราม 2 เราก็จะเจอทางเบี่ยงไปทางขวาแบบนี้
แล้วเราก็จะเจอป้าย “ด่านเก็บเงินและชั่งน้ำหนัก” ! เห้ยนี่เราต้องเสียเงิน 30 บาทก่อนเข้าบ้านรึเปล่า!? อย่าพึ่งตกใจครับ เรามาถูกทางแล้ว ไม่ต้องจ่ายเงินแน่ๆ ตามป้ายไปก่อน
รูปนี้เบลอหน่อย แต่จะให้ดูว่า มันมีป้าย “เมก้า บางนา และ อิเกีย” อยู่ตรงนี้ด้วย แสดงว่าเรากำลังไปถูกทางแล้ว
ขึ้นสะพาน วนๆๆๆๆ ไปเลย
และข้างบนสะพาน เราก็จะเจอป้ายอีกอัน เขียนว่า “รถบรรทุกชิดซ้ายเข้าด่านชั่ง” ใช่ครับ เราตามรถบรรทุกไปเลย ไม่ใช่ว่าเราจะไปชั่งน้ำหนักหรอกนะ แต่เราต้องชิดซ้าย
เจอทางแยกแบบนี้ ชิดซ้ายซะ
ตามเหล่ารถบรรทุกไป จะถึงด่านเก็บเงินอยู่แล้ว ตอนไปครั้งแรกตื่นเต้นมาก นึกว่าต้องจ่ายตังค์แล้ว
เข้าคิวไปครับ ด่านเก็บเงินช่องซ้ายสุด
และทันใดนั้นเอง! ทางซ้ายมือ เราก็จะเจอทางเบี่ยงออกไปแบบนี้ ตรงข้างๆด่านเก็บเงินพอดีเป๊ะ เลี้ยวซ้ายโลด
ตรงนี้เราก็จะออกมาที่ถนนคู่ขนานวงแหวนบางนาครับ
เลี้ยวขวาเลย (เลี้ยวซ้ายไม่ได้นะ)
ขับตรงต่อไปตามทาง เจอป้ายโฆษณาของอารียาใหญ่ๆ (แต่ในอนาคตจะเป็นอะไรอันนี้ไม่รู้นะ) มาถูกทางแล้วครับ
เจอแล้วๆ
ถึงหน้าโครงการแล้วครับ
สำนักงานขายคือตึกสีเทาๆทางขวามือนั่นแหละครับ ทางเข้าโครงการก็จะอยู่ตรงป้ายสีชมพูๆที่มีพี่รปภ.ยืนเฝ้าอยู่
ทางเข้าโครงการ A Space ME บางนาอันนี้ เป็นทางเดียวกับทางเข้าหมู่บ้าน The Color Premium ของอารียาเค้าเหมือนกันครับ ใช้ทางเข้า-ออกทางเดียวกัน เดี๋ยวเราเลี้ยวขวาเข้าโครงการตรงป้ายสีชมพูนี้เลย
ทางเข้าจาก MEGA บางนา
เนื่องจากหลายๆคนอาจจะงงกับทางเข้า เลยต้องขออธิบายเรื่องทางเข้ามากหน่อยนะ ต่อไปจะพาไปดูว่ามาจาก MEGA บางนา จะเข้าโครงการได้ยังไง เลี้ยวซ้ายเข้าเมก้าไปเลยยย
วิ่งไปเรื่อยๆเลย ผ่าน Robinson ไป ยึดป้าย IKEA เป็นหลัก
วิ่งตามทางไปเรื่อยๆ
แล้วเราก็จะเจอกับ IKEA ทางซ้ายมือ ไม่ต้องสนใจ วิ่งตรงต่อไปครับ
มุ่งหน้าไปออกที่ ทางออกถนนกาญจนาภิเษก
เจอทางออกแล้ว ตรงนี้ใช้เป็นทางเข้าก็ได้นะกรณีที่มาจากโครงการ สังเกตรถกระบะสีขาวตรงกลางภาพนะครับ เราจะขับตามคันนี้ไป
รถทั่วๆไปก็จะเลี้ยวซ้ายออกไปถนนบางนา-ตราดครับ แต่เราจะเลี้ยวขวาย้อนขึ้นไป
ทางตรงนี้จะเป็นถนนเลียบวงแหวนเหมือนกัน แต่จะอยู่ฝั่งตรงข้ามของโครงการ เป็นถนนสองเลนสวนกัน
ทางจะบังคับให้เรากลับรถใต้ถนนวงแหวน
เสร็จแล้วเราก็จะมาโผล่ที่หน้าโครงการเหมือนกัน เย่! ส่วนขาออกจากโครงการ เราก็แค่วิ่งย้อนกลับทางนี้นะครับ แล้วเราก็จะผ่านหน้า Mega บางนา ไปโผล่ถนนบางนา-ตราด ครับ ขอจบส่วนทำเลไว้คร่าวๆเท่านี้นะครับ
เจาะลึกตัวโครงการ
มาดูเนื้อโครงการกันบ้าง โครงการ A Space ME บางนาเป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 27 ชั้น 1 อาคาร ครับ ภาพจำลองหน้าตาของตึกก็จะเหมือนในรูปข้างบนนี้ ดีไซน์ออกแนวโมเดิร์นแบบนี้
มาดู Master Plan กันก่อน ทางซ้ายมือจะเป็นถนนใหญ่ และด้านบนเป็นหน้าโครงการนะครับ ลักษณะแปลงที่ดินของที่นี่จะเป็นที่ดินแปลงยาวแบบเส้นก๋วยเตี๋ยว หน้าแคบ วางตัวตึกขนานกับแปลงที่ดินแบบนี้ รูปร่างของอาคารก็เลยมาแบบผอมๆยาวๆแบบนี้ด้วย ตัวอาคารหันหน้าทางด้าน เหนือ-ใต้ เฉียงไปทางตะวันออกเฉียงเหนือนิดหน่อย ซึ่งก็ดีกว่าแนวตะวันออก-ตะวันตกแน่ๆ เพราะห้องก็จะร้อนน้อยกว่า ถนนที่เห็นขนานไปกับแปลงที่ดินนั้น เป็นทางเข้าหมู่บ้าน The Color ที่อยู่ด้านหลัง
ชั้นล่างสุด นอกจากจะมี Lobby, สำนักงานนิติบุคคล และส่วนบริการอื่นๆแล้ว โครงการเตรียมพื้นที่สำหรับร้านค้าไว้ทั้งหมด 15 ยูนิตด้วย และหนึ่งในนั้นจะมีเป็น Minimart ให้ และเซอร์วิสพื้นฐานอื่นๆสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ร้านซักรีด เป็นต้น
ภาพจำลองของ Lobby โครงการ
ที่จอดรถทั้งหมด จะอยู่ที่ชั้น 2-4 ของโครงการ โดยมีปริมาณที่จอดรถทั้งหมดคิดเป็น 40% ของจำนวนยูนิต รวมจอดซ้อนคันแล้ว ซึ่งถ้าเป็นคอนโดระดับ Economy Class ทั่วไปก็คงจะถือว่าปกติ แต่ดูจากทำเลแล้ว ผมคิดว่าคนที่อยู่ที่นี่คงจะใช้รถยนต์ส่วนตัวกันเป็นหลัก แถมเป็นคอนโด High Rise จำนวน 900 กว่ายูนิต ด้วยจำนวนแค่ 40% รวมซ้อนคัน ผมคิดว่าไม่น่าจะเพียงพอนะครับ อาจจะมีปัญหาได้ในระยะยาว
ชั้นที่อยู่อาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไปครับ โดยชั้น 5 จะเป็นชั้นพิเศษที่มีพื้นที่สวนส่วนกลางตรงนี้ ซึ่งลูกบ้านก็สามารถเปิดออกไปเดินเล่นได้ แต่ก็คงจะมีเฉพาะลูกบ้านชั้นนี้เท่านั้นแหละที่จะมาเดินเล่นกัน
ตั้งแต่ชั้น 6 ไปจนถึงชั้น 25 ก็จะเป็นชั้นที่พักอาศัยหมดเลย หน้าตาเหมือนกันหมด Floor Plan ก็ง่ายๆ ทุกห้องเป็นแบบ 1 Bedroom ทั้งหมด ห้องส่วนใหญ่เป็นห้องขนาด 25 ตารางเมตร แต่จะมีห้องที่อยู่ติดลิฟท์ ซึ่งเป็นห้องขนาด 32 ตารางเมตร ที่เห็นแรเงาสีน้ำตาลในรูป ก็ถ้าอยากได้ห้องใหญ่ก็ต้องเอาห้องนี้ไป โถงทางเดินที่นี่แต่ละห้องที่อยู่ตรงข้ามกันนั้น จะมีตำแหน่งประตูที่อยู่ตรงกันด้วย บางคนก็อาจจะไม่ชอบในจุดนี้ แต่ถ้าไม่คิดมากก็ไม่เป็นไรครับ
ลิฟท์ที่นี่มีอยู่ทั้งหมด 6 ตัวนะครับ ไม่มีลิฟท์บริการ (Service Lift) แยกต่างหาก ใช้ร่วมกันหมด อัตราส่วนลิฟท์ประมาณ 158:1 ตัว ซึ่งก็ถือว่าอึดอัดพอสมควร เทียบกับโครงการระดับ Economy Class ทั่วๆไปที่จะอยู่ประมาณ 120:1 ตัวครับ
พื้นที่ส่วนกลางและ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆจะอยู่ที่ชั้น 26 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของโครงการครับ ข้างบนก็จะมี สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ส่วนลอยฟ้า ครับ
ภาพจำลองพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 26
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- ร้านค้าในโครงการ 15 ยูนิต
- สระว่ายน้ำที่ดาดฟ้า
- ห้องออกกำลังกาย
- สวนหย่อมรอบโครงการ และบนดาดฟ้า
- ลิฟท์โดยสาร 6 ตัว อัตราส่วน 158:1 ไม่มี Service Lift แยก
- ระบบ CCTV / Access Card
Product Walkthrough
ห้องที่นี่มีแค่ 2 แบบนะครับ ซึ่งยูนิตมากกว่า 90% เป็นห้องแบบแรกนี้ คือ 1 Bedroom 25 ตารางเมตร และเป็นห้องที่จะพาไปดูกัน ห้องนี้หน้ากว้าง 3.7 เมตร ยาว 6.7 เมตร Layout การจัดวางก็ไม่มีอะไรมาก เป็นห้องตรงๆ ครัวกับห้องน้ำด้านหน้า ตรงกลางเป็นห้องนั่งเล่น และห้องนอนอยู่ริมหน้าต่างด้านในสุด และมีระเบียงเล็กๆ พื้นที่ขนาด 70×110ซม. สำหรับวางคอมฯแอร์
ห้องแบบที่ 2 คือห้อง 1 Bedroom 32 ตารางเมตร ใหญ่ขึ้นมาหน่อย เป็นยูนิตที่อยู่ติดลิฟท์ของแต่ละชั้น มีแค่ชั้นละ 2 ห้อง ทั้งตึกมี 42 ยูนิต ก็ประมาณ 5% เท่านั้นเอง ห้องนี้ไม่มีห้องตัวอย่างให้ดู แต่แปลนก็คล้ายๆกัน ต่างกันตรงที่มีพื้นที่ Living ที่ใหญ่ขึ้น สามารถวางโต๊ะกินข้าวได้
ห้องตัวอย่างห้องแรกที่จะพาไปดู เป็นยูนิตแบบที่ตกแต่งแล้ว ให้ดูฟังก์ชั่นการจัดวางเป็นหลัก เพราะวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ และหน้าตาของห้องแตกต่างจากห้องมาตรฐานที่จะได้มาก
ประตูห้อง ได้มาแบบนี้เลย
มือจับประตูแบบก้านโยก
เดินเข้าห้องมาแล้ว ส่วนแรกที่เจอจะเป็นครัว และห้องน้ำ (ที่อยู่ด้านซ้ายของรูป)
ครัวของจริงที่จะได้ไม่ใช่แบบนี้เลยนะ แต่ฟังก์ชั่นครัวคือ วางตู้เย็นติดกับผนังแบบนี้ มีเครื่องซักผ้าวางด้านล่าง
พื้นส่วนครัว ปูกระเบื้อง 60×60 ซม. เช็ดล้างทำความสะอาดได้
ตรงข้ามครัวเป็นห้องน้ำ
ห้องน้ำฟังก์ชั่นมาตรฐาน 3 อย่าง คืออ่างล้างมือ โถสุขภัณฑ์และ ห้องอาบน้ำ พื้นปูกระเบื้องขนาด 30×30 ส่วนผนังใช้ 60×60ซม.
อ้างล้างมือของจริงจะไม่ใช่ Spec นี้นะครับ
พื้นที่อาบน้ำมีการปูกระเบื้องลายไม้ให้แบบนี้ ของจริงก็จะได้ตามนี้เหมือนกัน
หัวก็อก American Standard ที่วางสบู่วางได้แต่สบู่ก้อนละมั้งแบบนี้ วางเป็นขวดก็คงจะปัดตกง่ายนะ
ฝักบัวแบบ Hand Shower
โถสุขภัณฑ์ American Standard เช่นเดียวกัน
เข้าไปยังส่วนของ Living Area
พื้นตั้งแต่ส่วนนี้ไปจนถึงห้องนอนเป็น Laminate หนา 8 มม.
ผนังตรงนี้ Built-in ทำเป็นโต๊ะรับประทานอาหารขึ้นมาให้ดูเป็นตัวอย่าง
พื้นที่ใช้สอยบริเวณ Living Area วางโซฟา + โต๊ะกลางแบบนี้
ดูอีกมุมหนึ่ง เหนือโซฟาพอจะมีพื้นที่ใส่ตู้เก็บของได้นะ เพดานห้องสูง 2.60 เมตร (ห้องตัวอย่างจะเตี้ยกว่านิดนึงด้วย)
เวลานั่งบนโซฟามองทีวีก็จะได้มุมประมาณนี้ ระยะดูทีวีโอเค วางทีวีจอใหญ่พอสมควร ระหว่าง 40-50 นิ้วน่าจะได้
ต่อไปเป็นส่วนของห้องนอน มีประตูกระจกบานสไลด์ 3 บาน สีเขียวตัดแสง กั้นอยู่ระหว่างห้อง Living กับ ห้องนอน
ห้องนอนก็ฟังก์ชั่นมาตรฐาน ใส่เตียง 5 ฟุต
มีตู้เสื้อผ้าปลายเตียง ของจริงก็ไม่ใช่แบบนี้นะ ดูเป็นไอเดียเฉยๆ
ให้ดูห้องนอนอีกมุม ตำแหน่งของแอร์ห้องของจริง ไม่ได้อยู่ตรงนั้นนะครับ จะมาอยู่ด้านข้างเตียงบริเวณเหนือหน้าต่างแทน ซึ่งดีกว่า เพราะถ้าอยู่แบบนี้ ลมแอร์จะเป่าหน้า อาจจะไม่สบายได้
หน้าต่างของห้องนอน
ส่วนระเบียงที่นี่จะอยู่ติดกับห้องนอน มีประตูบานเล็กๆกั้นอยู่ ประตูสูงประมาณ 1.60 ซม. เท่านั้น ถ้าสูงๆหน่อยก็จะต้องก้มนะ แต่คิดว่าคงเป็นระเบียงที่ไม่ได้จะต้องออกไปบ่อยๆหรอก
ขนาดระเบียงคือ 70×110 ซม. ปูกระเบื้องขนาด 30×30ซม.
ข้างในติดหลอดไฟเอาไว้ 1 ดวง ส่วนผนังก็จะวาง Compressor Air (ทางด้านขวา) แล้วเป่าเอาลมร้อนออกไปทางนอกอาคาร โดยมี Grille บังไว้ 1 ช้ัน แค่วางคอมฯแอร์ลงไป ก็คิดว่าคงไม่มีที่เหลือเท่าไหร่แล้วล่ะครับ เต็มที่ก็วางราวตากผ้าอันเล็กๆ พอจะตากผ้าผืนเล็กๆได้นิดหน่อย
และอันนี้เป็นกุญแจสำหรับไขบิด เปิด-ปิด ระเบียง ซึ่งการที่กลอนประตูระเบียงเป็นแบบนี้ เค้าก็คงไม่ได้อยากให้เราเปิดเข้าเปิดออกระเบียงบ่อยๆหรอก
สุดท้ายเป็นยูนิตแบบมาตรฐาน แบบที่เราจะได้จริงๆ
เช่นเคย เข้าห้องมาก็จะเจอครัวกับห้องน้ำก่อน ห้องน้ำหน้าตาเหมือนเดิมกับห้องเมื่อกี๊เลย
ชุดครัวที่จะได้หน้าตาแบบนี้ครับ วัสดุเป็น Particle Board เคลือบเมลามีน ทั้ง Top และหน้าบาน ครัวเป็นแบบไม่มีเตา หรือ ที่ดูดควันนะครับ เพราะครัวขนาดเท่านี้ก็คงจะทำอะไรหนักไม่ได้อยู่แล้ว แถมเอาครัวมาอยู่ติดหน้าประตู ถ้าทำครัวกัน คงจะมีการปล่อยกลิ่นออกทางเดินแน่ๆ เลยตัดปัญหาเอาเตาออกซะเลย
ด้านข้างเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น มีปลั๊กเรียบร้อย
ชั้นวางของด้านบน
อ่างล้างจานของ Teka
หัวก็อก Teka เช่นกัน
ฝั่งตรงข้ามครัว ข้างๆห้องน้ำ มีชั้นวางของแบบ Built-in มาให้ตรงนี้ ส่วนห้องน้ำ วัสดุเหมือนเดิม ขอข้ามนะครับ
ถัดมาเป็นห้องนั่งเล่น
ไฟที่ให้เป็นไฟกลมสีขาวแบบนี้ แต่ที่อยู่ในห้องตัวอย่างเป็น Downlight นะครับ
ประตูสไลด์กระจกเขียวตัดแสง กั้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอน
ตู้เสื้อผ้าที่ให้มาด้วย ติดกระจกเงาให้ทางด้านขวา และนั่นก็คือช่องประตูออกไปที่ระเบียง เทียบกับความสูงของตู้เสื้อผ้าจะเห็นว่าค่อนข้างเตี้ยนะ
ตำแหน่งแอร์จริงๆของห้องปกติจะอยู่ตรงนี้ เหนือหน้าต่างขึ้นไป
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ … (อัพเดทเพิ่มเร็วๆนี้)
- Fully-Fitted (ชุดครัว, ตู้เสื้อผ้า, แอร์ 1 ตัว, ฉากกั้นห้องนอน)
- Studio ชั้น 06 ห้อง AA0642 เนื้อที่ 25.00 ตารางเมตร ราคา 1,080,000 ล้านบาท หรือ 43,200 บาทต่อตารางเมตร
- Studio ชั้น 11 ห้อง AA1129 เนื้อที่ 25.00 ตารางเมตร ราคา 1,117,000 ล้านบาท หรือ 44,680 บาทต่อตารางเมตร
- Studio ชั้น 24 ห้อง AA2439 เนื้อที่ 25.00 ตารางเมตร ราคา 1,177,000 ล้านบาท หรือ 47,080 บาทต่อตารางเมตร
- จอง 5,000 บาท
- ทำสัญญา 20,000 บาท
- ค่ากองทุน 350 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 35 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
เจาะลึกรวบยอด
โครงการ A Space ME บางนา ตั้งอยู่บนทำเลที่ค่อนข้างจะซับซ้อน การเข้า-ออกโครงการมีข้อจำกัดหลายอย่าง ส่วนหนึ่งเพราะตั้งอยู่บนถนนกาญจนาภิเษกด้วย ถึงแม้ว่าตำแหน่งโครงการจะอยู่ในจุดที่ใช้ทางหลวง 2 เส้น คือบางนา-ตราด และกาญจนาภิเษก ได้สะดวก แต่ด้วยสภาพทางกายภาพเรื่องทางเข้า-ออกทำให้จุดที่ควรจะเด่นนี้ดูด้อยลงไป คนที่จะเข้าอยู่โครงการนี้ต้องพิจารณาเรื่องนี้ด้วยครับ ต้องวางแผน และลองขับรถวนดู ว่าถ้าเราเข้าอยู่ จะเข้าทางไหน ออกทางไหน สะดวกสำหรับตนเองหรือไม่
่ทางด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการ อยู่ตรงข้ามเมก้าบางนา ซึ่งก็เป็นห้างที่มีทุกอย่าง (จริงๆ) ตั้งแต่โรงหนัง ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านเกมส์ ร้านคอม ไปจนถึงร้านขายเฟอร์นิเจอร์อย่าง IKEA ซึ่งถ้าไม่มีเมก้าบางนา ก็ต้องบอกตรงๆว่าสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการที่อยู่ติดกันนั้นไม่ค่อยจะมีอะไรเท่าไหร่ เพราะสองฝั่งข้างๆก็เป็นทุ่งหญ้าหมด ข้างหน้าโครงการก็เป็นด่านเก็บเงิน ยังดีที่โครงการเตรียมพื้นที่สำหรับร้านค้าอยู่ในโครงการเอาไว้ด้วย (รวมถึงมินิมาร์ท) ซึ่งคิดว่า ถ้ามี 7-11 หรือ MaxValu มาเปิดในโครงการ ก็คงจะเป็นที่พึ่งสำคัญของลูกบ้านเลย เดินลงมาซื้อของนิดๆหน่อยๆได้ มีของกินบ้าง ไม่อย่างนั้นก็จะต้องออกไปหาอย่างอื่นนอกโครงการหมด
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ต้องบอกว่าทำออกมาได้ไม่ค่อยสะดวกนัก เนื่องจากทำเลตั้งอยุ่ในจุดที่เรียกรถลำบาก แท็กซี่ไม่ผ่าน สิ่งที่ลูกบ้านทำได้ก็คือใช้บริการ Shuttle Service ของทางโครงการ ที่จะพาออกจากโครงการ ไปส่งบริเวณจุดต่อรถ หน้าเมก้าบางนาบนถนนบางนา-ตราดฝั่งนั้นแทน ซึ่งถ้ามีคนใช้บริการรับ-ส่งเป็นจำนวนมาก โครงการก็ต้องเตรียมหารถไว้เพิ่มด้วย มิฉะนั้นอาจจะสร้างปัญหาได้ถ้้ารถไม่พอ ทั้งนี้ก็สืบเนื่องมาจากว่า ถ้ารอบๆไม่ค่อยมีความอุดมสมบูรณ์เท่าไรนัก คนก็ต้องออกมานอกโครงการบ่อยๆ และยิ่งถ้าลูกบ้านไม่มีรถส่วนตัวก็จะถามหารถรับส่งนี่แหละ
ส่วนทางด้านการเดินทางด้วยรถส่วนตัว ก็ต้องบอกว่าสะดวกปานกลาง ข้อดีของมันคืออยู่ติดทางด่วนบางนา และวงแหวน เข้าเมืองก็ได้ หรือวิ่งนอกเมืองก็ได้ ไปสนามบินก็ได้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ที่จอดรถ เพราะมีแค่ 40% รวมจอดซ้อนคันแล้ว ถ้าเป็นโครงการระดับ Economy Class แต่อยู่ในจุดที่มีระบบขนส่งมวลชนที่สะดวกหน่อย ก็คงจะมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่พอเป็นโครงการที่เน้นใช้รถส่วนตัว แถมยังมีจำนวนยูนิตมากถึง 945 ยูนิตด้วย ถ้าลองสมมติว่ามีลูกบ้านประมาณ 50% ที่ใช้รถส่วนตัว เกินมา 10% จากปกติ ก็จะมีรถที่ไม่มีที่จอดอยู่ประมาณ 95 คันแล้ว ดังนั้นควรจะพิจารณาให้ดีในเรื่องนี้
การออกแบบโครงการ ภายนอกทำออกมาได้ดูสวยดี ออกแนวโมเดิร์น แต่ด้วยจำนวน 945 ยูนิตใน 1 อาคารก็ต้องบอกว่าทำออกมาค่อนข้างแน่นในระดับราคานี้ อัตราส่วนลิฟท์ที่ 158:1 จัดว่าอึดอัดพอควร
การออกแบบห้อง จัดพื้นที่ใช้สอยออกมาค่อนข้างโอเค ตามมาตรฐานคอนโดราคาระดับ 45,000 บาทต่อตารางเมตร เป็นสัดส่วนดี ห้องตัวอย่างทำออกมาสวย ใส่กระจกเข้าไปเยอะดูโปร่งกว่าห้องมาตรฐาน แต่ข้อเสียคือระเบียงที่ทำออกมาแคบ เพียงแค่วางคอมฯแอร์ก็หมดพื้นที่แล้วแถมทางเข้ายังเตี้ยอีกด้วย การ Maintenance อาจจะทำได้ลำบาก
วัสดุอุปกรณ์ ถือว่าอยู่ในระดับปกติในราคานี้ ไม่ได้หวือหวาอะไร ให้แบบ Fully-Fitted ชุดครัว ตู้เสื้อผ้า แอร์ ฉากกั้นห้องนอนกระจกเขียวตัดแสง ห้องน้ำให้เป็น American Standard พื้นห้องนอนเป็น Laminate พื้นครัวกระเบื้อง 60×60 ซม.
สาธารณูปโภค ถือว่าทำออกมาได้โอเค เหนือมาตรฐานของคอนโดระดับเดียวกันมานิดหน่อย ทั้งนี้เพราะเป็น High Rise ด้วย เลยได้วิวไปเต็มๆ แล้วก็ดึงข้อดีตรงนี้ นำสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไปไว้ชั้นบนสุดของอาคาร สระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส สวนหย่อม รับวิวได้ทั้งหมด
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 45,000 บาทต่อตารางเมตร (10 March 2013)
- ทำเล 7/10 – ใกล้เมก้าบางนา แต่เข้า-ออกโครงการลำบาก รอบโครงการค่อนหาของกินยาก
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – อยู่ตรงแยกถนนบางนา ตัดวงแหวน เข้าเมือง ออกเมืองสะดวก แต่ที่จอดรถน้อย
- ไม่ใช้รถ 6/10 – เรียกรถลำบาก จุดเรียกรถอยู่ไกล แท็กซี่ไม่ค่อยผ่าน ต้องใช้ Shuttle Service
- วัสดุ 7.5/10 – Fully-Fitted ชุดครัว ตู้เสื้อผ้า แอร์ ฉากกั้นห้อง
- แบบ 7/10 – ภายนอกสวย ยูนิตค่อนข้างแออัด ลิฟท์แน่น
- สาธารณูปโภค 8/10 – จัดมาปกติ อยู่ชั้นบนสุด วิวดาดฟ้า
- MAIN CLASS
- 7.10/ 10.00
BOTTOM LINE
A Space ME บางนา เป็นโครงการที่เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดราคาประหยัด ในช่วงล้านต้นๆ ในทำเลบางนา-วงแหวน และเน้นการใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก หวังพึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกจากเมก้าบางนา
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ