รีวิวฉบับที่ 574 Himma Prestige … วันนี้ผมบีมจะพามาดูบ้านเดี่ยวสุดหรูที่จังหวัดเชียงใหม่กันบ้างครับ โดยตัวโครงการหมู่บ้านชื่อว่า Himma Prestige เป็นโครงการบ้านหรูในราคา 14 – 50 กว่าล้านบาท จัดว่าอยู่ในเกรดตัวท๊อปที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่แล้ว บนทำเลต้นถนนโชตนา (เส้นแม่ริม) ถัดจาก Super Highway ไปนิดเดียว ตรงข้ามสวนหลวง ร. 9 และสนามกอล์ฟ ครับ
Fact @ 8 May 2014
- Himma Prestige Living Chiang Mai (ฮิมมา เพรสทิจ ลิฟวิ่ง เชียงใหม่)
- Himma Prestige Living Co., Ltd.
- SUPER LUXURY CLASS
- โครงการตั้งอยู่ในตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง เชียงใหม่
- บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 3-5 ห้องนอน 4-7 ห้องน้ำ 2-3 ที่จอดรถ
- พื้นที่ใช้สอย 305 – 737 ตารางเมตร
- ราคา 14 – 50 ล้านบาท
- เริ่มก่อสร้างปี 2556
- คาดว่าแล้วเสร็จปี 2557-8
- http://himmaliving.com/
- TEL 053-222221
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 18.824338, 98.97962
แผนที่ของหมู่บ้าน Himma Prestige นะครับ อยู่ห่างจากแยกข่วงสิงห์ไม่มาก ทำเลเดียวกับ คอนโดมิเนียม Himma Living ที่เราเคยรีวิวกันไปแล้ว
ตัวหมู่บ้านอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองนะครับ ในตำบนช้างเผือก อำเภอเมือง ใกล้กับถนน Super Highway
โดยตัวโครงการนั้นอยู่ตรงข้ามกับสวนหลวง ร. 9 และสนามกอล์ฟ
แนวคิดในการดีไซน์ของโครงการ Himma Prestige นั้นมาจากป่าหิมพานต์ โดยเน้นให้บ้านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีสวนมีธารน้ำ จึงจัดให้มีพื้นที่ส่วนกลางประมาณ 21 ไร่ คิดเป็น 50% ของที่ดินทั้งหมด … พูดไปก็ไม่เห็นภาพ ดูรูปข้างบนนี้จะตอบโจทย์ได้มากกว่าเยอะเลย …
ถนนทางเข้าของโครงการ Himma Prestige นี้ เป็นถนนที่แชร์กัน 3 ส่วน ทางขวาของภาพคือธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ แชร์ไปส่วนหนึ่ง ทางซ้ายของภาพจะมีคอนโด Himma Living และหมู่บ้าน Himma Prestige แชร์กันไปอีกสองส่วน โดยถนนเส้นนี้จะดูแลร่วมกัน มีป้อมรักษาความปลอดภัยอยู่ด้านหน้าอยู่แล้ว เพราะต้องมี Security สำหรับองค์กรแบงก์ชาติด้วย
นี่คือหน้าตาธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือนะครับ รอบถนนจอดรถได้ยาวไปจนสุดซอย ในอนาคตอันใกล้นี้ยังไงก็ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องที่จอดรถครับ
ตามขอบรั้วของแบงก์ชาติปลูกต้นคูนเอาไว้ด้วย เวลาออกดอกเหลืองๆก็จะสวยมาก
ขนาดถนนทางเข้ากว้าง 4 เลน คนใช้นิดเดียว เอาไปใช้จอดรถก็ยังวิ่งได้ไม่เกะกะใคร ถนนเส้นนี้เป็นส่วนตัวมาก เนื่องจากมี รปภ. อยู่ด้านหน้า จึงไม่มีการตั้งเพิงขายของ ฯลฯ
วิ่งเข้ามาหน่อยก็จะเจอทางเข้าโครงการ Himma Prestige Living
โดยมีซุ้มประตูโค้งๆแบบนี้ เป็น Main Gate สำหรับทางเข้าโครงการ
วัสดุไม้ซี่ๆ มองเข้าไปจะให้ความอ่อนโยน แตกต่างกับหมู่บ้านในกรุงเทพมหานคร ที่จะใช้ปูน กระเบื้อง หิน เป็นวัสดุหลัก
Main Gate ปัจจุบันที่สร้างเสร็จแล้วเป็นแบบนี้ เป็นตำแหน่งที่วางของป้อม รปภ. อีกจุดหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็น Double Security Gate
และ Main Gate จะต้องวิ่งไปเชื่อมที่วงเวียน ซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปช้างเอราวัณ อันเป็นสถาปัตยกรรมหลักของหมู่บ้านครับ แต่ปัจจุบันยังสร้างไม่เสร็จนะ
ว่าแล้วเรารีบไปดูตัวบ้านกันเลยดีกว่าครับ จุดเด่นของโครงการนี้อยู่ที่บ้านแท้ๆเลยนี่แหละ !
สิ่งอำนวยความสะดวก
- ระบบไฟฟ้าใต้ดิน
- ระบบ CCTV กล้องวงจรปิดรอบโครงการ
- Club House
- สระว่ายน้ำ
- ห้องออกกำลังกาย
- ซาวน่า
- สวนสาธารณะ
- Wi-Fi ฟรีที่คลับเฮ้าส์
- Key Card Access
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ระบบ รปภ. 2 ชั้น (ติดถนนใหญ่และทางเข้าโครงการ)
นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย
- จัด Landscape ของแต่ละหลังตามทำเลแปลงบ้าน กระจายทิศทางลมเพื่อลดความร้อนภายนอกอาคาร
- Planted Surface ประยุกต์ใช้ร่มเงาจากธรรมชาติ จากตำแหน่งของต้นไม้ที่ปลูกในบ้านแต่ละหลัง
- Day Light เน้นการใช้แสงธรรมชาติ ใช้กระจกดึงแสงเข้าบ้านให้เปิดไฟน้อยลง
- LED Lighting หลอดไฟใช้เป็น LED เพื่อประหยัดไฟฟ้า
- ระบบ Home Automation
- ระบบ VDO Doorphone
- ระบบ Light Sensor แสงสว่างอัตโนมัติ
โครงการ Himma Prestige นี้มีบ้านทั้งหมด 5 แบบ โดยแบบที่ผมได้นำมาให้ดูนี้เป็นแบบเดียวที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ เป็นบ้านตัวอย่างที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ชื่อว่า Himalaya ราคาอยู่ที่ 57 ล้านบาท ขนาดเฉียด 1 ไร่ (396 ตารางวา) ซึ่งในวันที่ไปทำรีวิวนั้นเป็นวันเปิดโครงการ หรือ Grand Opening พอดี บ้านจึงมีการตกแต่งพิเศษ สำหรับรองรับการจัดเลี้ยงบางส่วน แต่ในขณะที่เขียนรีวิวอยู่นี้เป็นเวลาเพียง 2 สัปดาห์หลังจากที่ไปเยือนโครงการ บ้านหลังนี้ก็มีเจ้าของใหม่จับจองไปเสียแล้วนะครับ
บ้าน Himalaya นี้มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 737 ตารางเมตร เป็นพื้นที่ใช้สอยชั้นล่าง 483 ตารางเมตร โดยตัวบ้านนั้นแยกออกเป็น 2 เรือน คือมีเรือนใหญ่ 2 ชั้น 3 ห้องนอน และเรือนเล็ก 1 ชั้น 2 ห้องนอน ซึ่งเรือนใหญ่จะปลูกติดกับหน้าบ้าน ส่วนเรือนเล็กจะปลูกติดกับลำธารด้านหลัง โดยมีสระว่ายน้ำและระเบียงเป็นตัวเชื่อมเรือนทั้งสองเข้าด้วยกัน
พื้นที่ใช้สอยชั้นบนจะเป็นพื้นที่ใช้สอยของเรือนใหญ่เท่านั้น ซึ่งมีขนาดประมาณกึ่งหนึ่งของพื้นที่ใช้สอยชั้นล่าง คือ 254 ตารางเมตร ประกอบด้วยห้องหลักๆ 5 ห้อง คือห้องนอน 3 ห้อง, ห้องพระ และห้องอเนกประสงค์ที่จะใช้ทำเป็นห้องทำงานหรือพักผ่อนก็ได้ สำหรับบ้านตัวอย่างหลังนี้ทางโครงการแต่งขึ้นมาเป็นห้องทำงานนะครับ
หน้าบ้านนั้นหน้าตาเป็นแบบนี้ ตามภาพ Perspective จำลอง … ซึ่งดูแล้วไม่เหมือนของจริงเท่าไร ต่างกันตรงที่ของจริงนั้นสวยกว่ามาก … แต่ผู้อ่านบางคนคงจะแอบสงสัย ว่าภาพบนสุดที่ใช้ในการเปิดรีวิว Himma Prestige ฉบับนี้ ไม่ใช่ภาพหน้าบ้านหลังนี้หรอกหรือ?
จริงๆแล้วก็ใช่นะครับ แต่เป็นภาพหน้าบ้านเมืองมองจากริมธารหรือหลังบ้านเมื่อมองจากถนน … ซึ่งเราจะเห็นเรือนใหญ่อยู่ทางซ้าย เรือนเล็กอยู่ทางขวา ซึ่งผมว่าสวยกว่าภาพถ่ายบ้านจากทางถนนเยอะเลย
เรามามองจากมุมหน้าบ้านกันนะครับ อาจจะมีอุปกรณ์จัดงานเลี้ยงเยอะแยะหน่อย เพราะว่าวันที่ไปรีวิวเป็นวันเปิดตัวหมู่บ้าน มีการจัดสถานที่ฟังบรรยายในบริเวณโรงจอดรถ ดังนั้นจึงมีการตกแต่งอย่างที่เห็น
ฝั่งตรงข้ามบ้านหลังนี้เป็นบ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่แต่ยังไม่เสร็จ ดังนั้นผมจะพาเดินชมรอบๆบ้านตัวอย่าง ก่อนที่จะเข้าไปชมด้านในนะครับ
มุมหน้าบ้านตรงๆ เราจะเห็นไม่มาก เพราะบ้านหลังนี้ถูกออกแบบมาให้มีมิติมากๆ ด้านหน้าสุดก็คือห้องนอนใหญ่นี้เองนะครับ
เวลาเราเดินเข้าบ้านก็จะเดินผ่านซุ้มประตูเล็ก ที่มีเสาปูนสองต้นนี้ที่ใช้เปลือกไม้หุ้มไว้ ช่วยลดความกระด้างของปูนซีเมนต์ลง
บริเวณประตูเล็กจะมีอุปกรณ์กระดิ่งไฟฟ้ารวมกับ VDO Doorphone ที่จะช่วยให้เจ้าของบ้านดูได้ว่าใครมาเยือน
พอเปิดประตูเข้ามาก็จะเห็นเป็นตัวเรือนกับทางเดินหิน ผ่านสวนที่จะนำไปสู่ห้องรับแขก จุดเด่นสุดๆของบ้านหลังนี้ก็คือเสาทั้งสองต้น ที่หุ้มด้วยไม้ สูงขึ้นไปจรดหลังคาที่มีฝ้าชายคาเป็นไม้ ดูแล้วให้ความอบอุ่นและอลังการไปในเวลาขณะเดียวกัน
ประตูเล็กนั้นไม่ใช่ประตูบานเดี่ยวนะครับ แต่เป็นประตูไม้แท้บานคู่ มือจับเขาควาย
เปิดออกมาเป็นทางกว้างประมาณเมตรกว่าๆ ปูกระเบื้องกับหินไล่มาเป็นทางยาว เดินคู่กันสองคนได้ไม่อึดอัด
ข้างๆทางเดินหินคือโรงรถ ที่สามารถจอดรถได้ 3 คัน อาจจะน้อยไปหน่อยแต่พื้นที่รอบบ้านก็เหลือเยอะอยู่นะครับ จะทำโรงจอดรถเพิ่มตรงไหนก็ได้
นี่คือพื้นที่ว่างรอบบ้านที่บอก เป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่ เพราะบ้านมีขนาดพื้นที่ดินประมาณ 1 ไร่
จะมาเตะบอล ตีแบต หรือปลูกเรือนเล็กอีกหลังสองหลังก็ยังทำได้
ด้านหลังบ้านนั้นติดกับธารน้ำ ซึ่งเจ้าของโครงการจะขุดเป็น Lake รอบหมู่บ้าน ซึ่งฝั่งตรงข้ามที่ผมยืนอยู่นี้ก็เป็นที่ดินของบ้านอีกแปลงหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามคลองกันนะครับ
รอบบ้านจัดสวนและทำ Landscape เอาไว้สวยมาก มี Details รายละเอียดเยอะ ให้ความอบอุ่นแบบธรรมชาติ เจือปนด้วย Modern นิดๆ
สวนหน้าบ้านเว้นที่เอาไว้หลายเมตร ให้มีพื้นที่สีเขียว ปลูกไม้ดอกและไม้สีให้ดูมีความโดดเด่น สามารถมองออกไปถึงหน้าโครงการได้เลย
ถ้าถอยมาถ่ายบ้านห่างๆจะเห็นว่าสวนหน้าบ้านนี้ใหญ่ใช้ได้เลยนะครับ
ทางเดินหน้าบ้านเป็นโครงบันไดทรายล้าง ยกเป็น Step ขึ้นไปจากสระน้ำด้านล่างที่ปลูกพืชน้ำเอาไว้
ตามบันไดก็จะมีไฟส่องสว่างตามทางเดินด้วยระบบ Light Sensor แบบนี้
เฉลียงหน้าบ้านใหญ่ ปูด้วยกระเบื้องลายไม้ พร้อมกับม้านั่ง
แหงนหน้ามองขึ้นไปก็จะเห็นเสากรุผิวไม้กับฝ้าชายคาที่เป็นไม้เทียม
ประตูหน้าบ้านเป็นบานเลื่อนไม้จริง บานใหญ่มาก
เลื่อนออกแบบนี้นะครับ
หันกลับไปมองสนามหญ้าหน้าบ้าน ก็จะได้เห็นทางเข้าบ้านเป็นสัดส่วน ลึกเข้ามาจากถนนโครงการค่อนข้างมาก เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับเจ้าของบ้าน
ประตูบานใหญ่เท่านี้เลยครับ เทียบกับเครื่องโทรศัพท์ทางซ้ายดู กระจกที่ติดตั้งหน้าบ้านก็เป็นกระจกที่มองเข้าไปข้างในเห็นไม่ชัด แต่มองออกมาข้างนอกเห็นชัด
เครื่องโทรศัพท์ที่เห็นจริงๆเป็นเครื่องติดต่อกับ VDO Door Phone ด้านนอกบริเวณประตูเล็ก ใช้ดูและใช้คุยได้
ส่วนแผงวงจรเล็กๆด้านข้างนั้นเป็นระบบควบคุมไฟ Home Automation ที่สามารถเปิดปิดแอร์ได้ด้วยระบบสัมผัส
ถัดมาเป็นหน้าต่างข้างๆทางเดินเข้าบ้าน ซึ่งใช้ผนังบ้านเป็นกระจก
หากเป็นหน้าหนาวที่อากาศไม่ร้อน ก็สามารถเปิดบานกระทุ้งออกไปแบบนี้ รับลมจากหลังบ้านให้พัดออกหน้าบ้านได้ครับ
วัสดุจะเป็นกรอบวงกบไม้จริง กับบานหน้าต่างไม้จริง มือจับเขาควายเรียบๆแนว Modern ให้ความเป็นเมืองเหนือรุ่นใหม่
ห้องแรกที่เข้าไปถึงจะเป็นห้องรับแขก ทางโครงการจัดเอาไว้เป็นจุดต้อนรับสำหรับคนที่มางานในวันเปิด Grand Opening จะเห็นได้ว่ามีแจกันดอกไม้เต็มไปหมดเลย
มองมุมกลับ จะเห็นว่ามีการเล่นไฟบนฝ้า และติดตั้งแอร์แบบ 4 ทิศทางเอาไว้ ซึ่งสำหรับบ้านหลังใหญ่ๆก็ควรจะใช้แอร์แบบนี้ละครับ
ห้องแรกที่จะพาไปชมคือห้องนั่งเล่น ที่อยู่ริมสระน้ำ สามารถใช้เป็นห้องรับรองได้เพราะอยู่ติดกับห้องรับแขกด้านหน้า
ขณะที่ไปถ่ายรูปรีวิว น้องๆ Pretty สองคนก็มานั่งใช้ห้องอยู่นะครับ จะให้เขาลุกไปก่อนก็ลำบากน้องๆเขา ผมเลยถ่ายห้องมาให้ดูทั้งอย่างนี้เลยดีกว่า
ผมเชื่อว่ามีคนอยากกด Zoom นะครับ … เลยเอาออกให้ แถมไม่ใส่ลายน้ำด้วย 😀
มุมมองจากตรงที่น้องๆเขานั่งนะครับ สามารถมองออกไปตรงสระว่ายน้ำได้
ซึ่งสามารถเปิดออกได้สองทาง ทางซ้ายจะไปยังสระน้ำ ทางตรงก็จะไปยังระเบียงริมสวน
ฝั่งระเบียงริมสวนจะมีหลังคาอยู่ด้วย … ตรงนี้ปกติเป็นที่ตั้งของชิงช้าตัวนั้นนะครับ แต่พอโครงการมีการจัดงานเลี้ยงเปิดตัวโครงการ เลยวางโต๊ะงานเลี้ยงเข้าไปแทน
ชิงช้าที่โดนอัปเปหิออกไปชั่วคราว เลยต้องตั้งอยู่ริมๆลำธาร
โต๊ะกาแฟชุดนี้เองก็เช่นกันโดนเลื่อนออกไปหน่อย สามารถมานั่งจิบกาแฟริมธารได้
ซึ่งจากระเบียงส่วนนี้สามารถเดินลงไปที่สวนด้านข้างได้
สวนข้างบ้านส่วนนี้จะติดกับ Lake ขนาดเล็กกับลำธารที่ล้อมบ้านอยู่ด้านข้าง
อันนี้เป็นท่าน้ำส่วนตัวของบ้านหลังนี้ ช่วงแดดร่มลมตก ต้นไม้แผ่กิ่งก้านสาขาออกมาปกคลุม … โอ เดินมาไกลแล้ว เดี๋ยวเรากลับเข้าบ้านกันไปก่อนดีกว่า
ถัดมาจากห้องรับแขกด้านหน้าจะเป็นห้องอาหาร วางโต๊ะทานข้าวได้ 8 ที่นั่ง
มองมุมนี้จะเห็นชัดหน่อย ขนาดห้องกว้าง ใหญ่ สามารถรับแขกได้อย่างโอ่โถง โดยทางขวานั้นเชื่อมต่อกับระเบียงสระว่ายน้ำ
ข้างๆห้องอาหารก็จะเป็นบันไดทางขึ้นชั้น 2 นะครับ
พื้นชั้นล่างปูด้วยหินนำเข้า พื้นบันไดและพื้นชั้นบนเป็นไม้จริง
ประตูห้องเก็บของก็เช่นกันเป็นวัสดุไม้จริง
ให้ดูลายหินที่พื้น กับบัวสีเข้ม ตัดกันครับ
ถัดจากส่วนรับประทานอาหารกับบันไดก็เป็นส่วนเตรียมอาหาร หรือ Pantry นั่นเอง
บ้านตัวอย่างตกแต่งเป็นแนว Pantry Bar ซึ่งก็ได้ใช้ในการเลี้ยงจิบน้ำชา Afternoon Tea สำหรับงานเปิดตัวหมู่บ้านได้ไปในตัว
ซึ่งห้องอาหารนี้ต่อกับระเบียงหลังบ้านที่เป็นสระว่ายน้ำ โดยจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อน วงกบไม้ แบบนี้
เลื่อนเปิดออกไปก็จะเป็นพื้นที่ระเบียงรอบสระว่ายน้ำ ปูด้วยวัสดุประเภทไม้เทียมที่ทนทานแดดและฝน ซึ่งทางโครงการจัดเป็นที่นั่งให้แขกเหรื่อมา Afternoon Tea กันริมสระน้ำครับ
มุมนี้ก็ค่อนข้างสวย นั่งสบาย แต่ตอนที่ผมไปถ่ายภาพเป็นช่วงแดดร้อนมากๆ ต้องรอให้แดดร่มลมตกมากกว่านี้อีกหน่อยนะครับ
ตัวสระว่ายน้ำก็มีน้ำตกเล็กๆอยู่ตรงริมสระ เพิ่มบรรยากาศจากเสียงน้ำไหล
ความยาวของสระก็ไม่ได้ยาวมาก เพราะเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัว ถ้าใหญ่ไปจะดูแลลำบาก แต่ขนาดเท่านี้ก็เพียงพอในการออกกำลังกายครับ
ด้านล่างของสระว่ยน้ำจะติดกับส่วนของสวนริมธาร ซึ่งสามารถเดินลงไปเล่นได้
มีบันไดไม้เดินลงไปรอบบ้านได้
ข้างๆสระมีเล่นผนังกระจกไว้ส่วนหนึ่งด้วย … มองสวนและลำธารจากใต้น้ำได้ด้วยครับ
ทางเดินตรงนี้จะเดินอ้อมเรือนเล็กไปสวนใหญ่
สังเกตว่าห้องชั้นสองนั้นส่วนใหญ่จะมีหน้าต่างสำหรับชมวิวสระว่ายน้ำ และเปิดให้รับลม
ข้างๆสระว่ายน้ำมีจุดอาบน้ำพร้อมกับห้องน้ำด้วยนะ … ยังกะสโมสร
ซึ่งถัดจากตรงนี้ไปก็จะพ้นขอบเขตของตัวเรือนใหญ่ เป็นขอบเขตของตัวเรือนเล็ก ที่เป็นบ้านชั้นเดียวมีสองห้องนอน
เรือนเล็กนี้ปลูกอยู่ติดกับสระว่ายน้ำและสวน ห้องนอนแรกนี้จะได้วิวสระว่ายน้ำ อยู่ใกล้เรือนใหญ่ ไม่ต้องขึ้นลงบันได เหมาะสำหรับผู้สูงอายุหรือแขกเหรื่อที่มาพักชั่วคราว
ห้องนอนชั้นล่างตกแต่งอย่างเรียบๆ ให้ความเป็นผู้ใหญ่ ดูแล้วไม่ต้องแต่งแต้มสีอะไรลงไปมาก นอกจากวัสดุไม้แท้ สีขาว ครีมและเทา
ตัวห้องนั้นจะติดกับริมลำธารและสระน้ำ ซึ่งถ้ามองออกไปก็จะเห็นสวนของบ้านฝั่งตรงข้ามคลอง (ปัจจุบันยังเป็นดินอยู่ – ยังไม่ได้ก่อสร้างนะครับ)
สระว่ายน้ำเวลามองออกไปจากเรือนเล็ก
ทั้ง 5 ห้องนอนของบ้านหลังนี้ไม่ว่าจะเป็นเรือนเล็กหรือเรือนใหญ่ก็จะมีระเบียงและห้องน้ำในตัวทั้งหมด โดยระเบียงของบ้านที่เรือนเล็กจะอยู่ติดกับลำธารนะครับ
ริมระเบียงจะมีม้านั่งพร้อมกับพนักพิงเฉียงๆสำหรับเอนหลังไว้ให้อยู่แล้ว
ต่อไปเราก็จะเดินไปส่วนริมสวน ซึ่งเป็นห้องนอนที่ 2 ของเรือนหลังเล็ก … โดยริมทางเดินนั้นจะมีหลังคา Sky Light ยื่นออกมา สามารถเดินผ่านไปได้โดยไม่เปียกฝน
ห้องเมื่อครู่ติดสระว่ายน้ำ ห้องนี้จะติดสวนใหญ่
มองออกไปเป็นทางเข้าครัวหลังบ้านและสวนที่เชื่อมไปยังหน้าบ้าน
ห้องนอนทั้งสองนั้นหน้าตาคล้ายๆกันเลย คือจะแต่งเรียบๆ
แต่วิวนั้นจะแตกต่างกัน เพราะห้องนี้จะเห็นสวนสีเขียวขนาดใหญ่แทน
ห้องน้ำส่วนตัวทั้งสองห้อง มีครบทั้งอ่างล้างหน้า, โถสุขภัณฑ์และที่อาบน้ำ … กลับไปต่อกันที่เรือนใหญ่ดีกว่า
ต่อๆ มาที่เรือนใหญ่นะครับ ยังไม่พ้นห้องรับประทานอาหารเลย ตรงนี้เป็นส่วนของ Pantry สำหรับเตรียมอาหาร ซึ่งจะเชื่อมกับครัวด้านหลังด้วยหน้าต่างและประตู
ขนาดของ Counter Pantry นี้ก็ใหญ่พอตัวนะครับ ทางโครงการกลัวหินเป็นรอยเลยต้องห่อพลาสติกเอาไว้ แถมเอาผ้าขาวปูทับอีกชั้นหนึ่งเหมือนรูปก่อนหน้า
ข้างๆห้องครัวเป็นห้องน้ำแขก โดยมีอ่างล้างหน้าอยู่ด้านนอก … ห้องน้ำนี้อาบไม่ได้นะครับ
จากหน้าต่างสามารถเชื่อมกับครัวได้แบบนี้ มี Counter ส่งอาหาร สามารถเดินมาหยิบได้โดยไม่ต้องเดินไปห้องครัว
ฝั่งห้องครัวเป็นแบบนี้ Counter วางของรูปตัว L
เข้าไปในครัวกันต่อ ครัวนี้จะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆ ส่วนแรกเป็นส่วนของครัวฝรั่ง ที่ใช้เตรียมอาหารได้ด้วย มี Island Counter พร้อมเตาและเครื่องดูดควันอยู่ตรงกลาง และ Counter ตรงริมอีกจุดหนึ่ง
Counter ตรงริมจะมีเตาอบ เตาไมโครเวฟ ซิงก์ ให้เรียบร้อย โดยด้านบนนั้นเป็น Sky Light ดูดแสงธรรมชาติมาใช้ เวลาทำครัวก็จะเห็นของที่จะทำได้ชัดๆไม่ต้องพึ่งไฟฟ้า แต่ข้อเสียก็มี … จะร้อนนิดนึงนะครับ
ภาพนี้ถ่ายก่อนที่เค้าจะจัดอาหารกัน ได้เห็น แนวแสงที่ส่องลงมาตรงๆเลย
มองจากด้านบนได้ด้วยนะ ภาพนี้ถ่ายจากระเบียงของห้องนอนที่ 2 … ซึ่งผมจะพาไปดูต่อไปนะครับ
ข้างๆห้องครัวเป็นห้องเก็บของ เหมาะแล้วที่ไว้ตรงนี้
โซนด้านหลังของห้องครัวเป็นโซนครัวไทย ต้มผัดแกงทอดแบบควันเยอะๆ ก็ตรงนี้ได้เลย เพราะมีหน้าต่างระบายอากาศกับเครื่องดูดควันให้อีกชุดอยู่แล้ว
ประตูด้านหลังจะเปิดออกไปเป็นทางเข้าบ้านได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งจะอยู่ใกล้กับเรือนเล็กที่พาไปชมมาเมื่อครู่นะครับ
ด้านนอกของห้องครัว บริเวณ Sky Light เป็นแบบนี้ ใช้กระจกเขียวตัดแสง ลดความร้อนลงไป
เห็นซอกข้างๆห้องครัวไหมครับ ตรงนั้นเป็นทางเข้าของห้องแม่บ้าน
ทางเดินแคบมากกก แอบสงสารแม่บ้านเหมือนกัน
วัสดุพวกกรอบประตู กรอบกระจกที่ให้แม่บ้านนั้นก็เป็นวัสดุที่ดี แต่ห้องเล็กไปหน่อย … โดยจะมีห้องแม่บ้าน 2 ห้อง และห้องน้ำให้ใช้ร่วมกันครับ
ต่อไปเราจะขึ้นชั้นบนกันบ้างละ
บ้านหลังนี้แปลกนะครับ มี 2 ชั้น แต่เล่น 3 ระดับ
ระดับที่ผมจะพาไปดูนี้อยู่หน้าบ้าน เรียกอย่างภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายๆคือระดับชั้นหนึ่งครึ่ง เดินเข้าจากชานพักบันได เป็นที่ตั้งของห้องนอนที่ 3
ซึ่งถ้าเราเดินต่อขึ้นมาก็จะขึ้นมายังชั้น 2 … แต่เราไปดูห้องนอนที่ 3 กันก่อนนะครับ … อ่อ พื้นทั้งหมดจากชั้นนี้ขึ้นไปเป็นไม้แท้ๆนะครับ 🙂 เดินแล้วนุ่มเท้า ได้วัสดุธรรมชาติ และมีความอบอุ่นไม่เย็นฝ่าเท้าเหมือนกับกระเบื้อง
ห้องนอนที่ 3 เป็นออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือส่วนของ Walk-in Closet และห้องน้ำ , ส่วนของห้องนอน และส่วนของระเบียง
Walk-in Closet ตั้งอยู่ด้านหลังห้องนอน
ส่วนโต๊ะเครื่องแป้งอยู่ริมสุด โดยยังออกแบบให้มีกระจกเพื่อใช้แสงธรรมชาติได้เหมือนเดิม … แต่ตรงนี้ต้องใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนนะ
ฝั่งตรงข้ามกับ Walk-in Closet เป็นห้องน้ำ
โดยจะมีชุดตู้เสื้อผ้า วางได้อีกชุดหนึ่ง พร้อมกับชั้นวางกระเป๋า … ใส่พอแน่ๆ
เปิดประตูห้องน้ำเข้าไปก็จะเจอกับ Shower Box ก่อน
มี Rain Shower และ Hand Shower เรียบร้อย
ฝั่งตรงข้ามเป็น Counter ล้างมือ
ด้านในเป็นโถสุขภัณฑ์และอ่างอาบน้ำ
โถของ American Standard ขนาดใหญ่ นั่งสบายครับ
ส่วนของ Bath Tub ก็มี Sky Light … ใช้แสงจากธรรมชาติอีกเช่นเคย อันเป็นจุดเด่นการออกแบบสถาปัตย์ของบ้านหลังนี้
เรามาดูส่วนของห้องนอนกันบ้าง ที่จะติดกับส่วนของระเบียงและโต๊ะนั่งทำงาน
ขนาดห้องนอนค่อนข้างใหญ่ แต่ผมว่า Interior ของห้องนี้แต่งได้ไม่สวยเอาเสียเลย ต่างกับห้องอื่นที่ทำได้ดีกว่านี้เยอะครับ เสียของๆ
ส่วนของระเบียงนี้ใหญ่เกือบจะเป็นครึ่งหนึ่งของห้องนอน มีส่วนที่เป็นม้านั่งอันเป็นเอกลักษณ์ และส่วนของระเบียงใหญ่ ให้ใช้ตั้งโต๊ะวางเตียงกันได้เลย
มองออกจากระเบียงไปก็จะเห็นสวนด้านข้างกับเรือนเล็ก
เดินบันไดขึ้นไปชั้น 2 ต่อกันนะครับ
ห้องแรกบนชั้นสองที่เห็นชัดๆเลยก็คือห้องทำงาน
ตั้งอยู่ริมสระว่ายน้ำ ใช้บานเปิดกรอบไม้แง้มๆรับลมได้แบบนี้
หรือใครจะใช้เป็นห้อง Home Theatre, ห้องพักผ่อนชั้นบน, ห้องวิปัสสนา ฯลฯ ก็ได้ทั้งนั้นครับ
ติดกับห้องทำงานเป็นห้องนอนที่ 2 … ภาพนี้จะเห็นลายไม้ชัดหน่อย ซึ่งสีของไม้ทั้งพื้น ประตู กรอบวงกบหน้าต่าง จะใกล้เคียงกันมาก ตัดด้วยสีไม้ของบัวและกรอบวงกบประตูที่เข้มขึ้นหน่อย สวยดีครับ
ห้องนอนที่สองนี้ติดมุมสองด้าน เห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบ
ตกแต่งเป็นห้องนอนเด็กผู้ชาย ซึ่งแต่งได้สวยกว่าห้องนอนที่ 3 ค่อนข้างเยอะนะครับ
เรามาดูที่ระเบียงกันหน่อย วัสดุมือจับ ฟิตติ้ง ทั้งหลายค่อนข้างพรีเมี่ยม
ระเบียงนี้ไม่ธรรมดานะครับ เป็นระเบียงรูปตัว L ซึ่งฝั่งหนึ่งจะเห็นทั้งสระว่ายน้ำและลำธาร
กับอีกฝั่งหนึ่งจะเลื้อยไปรอบห้อง มองเห็นสวนด้านข้างได้เลย
จากตรงนี้มองลงไปก็จะเห็นระเบียงของห้องนอนที่ 3 ซึ่งมีระดับต่ำกว่าครึ่งชั้น
ห้องน้ำก็เหมือนๆเดิมผมไม่พูดอะไรมาก ขอข้ามนะครับ
ส่วนฟังก์ชั่นต่างๆ จะบอกว่าเก็บของได้น้อยกว่าห้องนอนที่ 2 และไม่มี Walk-in Closet
ซึ่งจุดเด่นของห้องนอนที่ 2 อยู่ที่โต๊ะทำงานตัวนี้ครับ
เราสามารถรูดผ้าม่านเปิดขึ้นไปจนถึงเพดานได้
ออกมาเป็นโต๊ะทำงาน Sky Light สำหรับดูดาวไปทำงานไปก็ได้แบบนี้ … ของเล่นเขาเยอะดีครับ
เราใกล้จะจบกันแล้วล่ะ นี่เป็นโซนสุดท้ายของบ้านหลังนี้
ห้องนอน Master Bedroom ซึ่งทางเดินเป็น Single Corridor … มีระเบียงอยู่ด้านข้างทางเดินด้วยนะ
หากเดินเลยห้องนอนมาหน่อย ก็จะเป็นมุมห้องพระ สามารถวางโต๊ะหมู่บูชาขนาดกลางได้
มองจากห้องพระลงไปเห็นเสาด้านหน้า
มองจากมุมนี้จะรู้สึกว่าเสาต้นสูงและใหญ่มากๆครับ
เนื่องจากห้องนอนใหญ่ Master Bedroom ก็มีขนาดใหญ่สมชื่อ … เปิดประตูเข้ามาก็จะเห็นระเบียงอยู่ลิบๆโน่นเลย
ส่วนที่ติดกับประตูเป็นส่วนของห้องน้ำ ซึ่งประกอบด้วย 5 ฟังก์ชั่นหลักๆ อ่างล้างหน้า, โถสุขภัณฑ์, โถปัสสาวะ, ที่ยืนอาบน้ำและอ่างอาบน้ำ แต่ทุกจุดจะมีขนาดใหญ่กว่าปกติ
โดยเฉพาะอ่างอาบน้ำที่ใช้เป็นแบบวางลอย ชานเดอเลียร์กับกระเบื้องผนังที่ตกแต่งออกมาแล้วเหมือนอยู่ในสปาแนวล้านนา
อ่างอาบน้ำทรงโค้งๆหน่อย พร้อมระบบจากุซซี่
โถสุขภัณฑ์ที่มีระบบ Washlet และจัดอยู่ในพื้นที่ส่วนตัว คล้ายๆ “ห้อง” ในห้องน้ำอีกห้องหนึ่ง
ระบบควบคุมเป็นของ American Standard มีเมนูภาษาอังกฤษเรียบร้อย … ดีกว่าของญี่ปุ่นนะที่ต้องมานั่งเดา สำหรับคนที่อ่านไม่ออกนะครับ 555
โถปัสสาวะชาย ซึ่งไม่ค่อยเห็นกันในบ้านสำเร็จรูปจากหมู่บ้านทั่วๆไปนะครับ
มาดูส่วนอาบน้ำกันบ้าง ขนาดใหญ่ อาบสองคนสบายๆ
ใช้ของ American Standard รุ่นเดียวกับห้องนอนอื่นๆ
ขนาดห้องนอนใหญ่นี่ถ้าเป็นภาษาฝรั่งต้องเรียกว่า Uncompromised หรือไม่มีการรอมชอมในเรื่องพื้นที่ใดๆทั้งสิ้น จัดเต็มที่ทุกส่วน
ขนาะประตูทางออกระเบียงยังใหญ่ได้ขนาดนี้ … แต่ให้ระวังหน่อยนะครับ กระจกบานใหญ่ๆชอบหลอกตา เดินทะลุเข้าไปแตกทั้งบานเอาง่ายๆ โดยเฉพาะคนที่ใส่แว่นสายตา มันจะแทบมองไม่เห็นเลย ส่วนตัวผมเคยเดินทะลุกระจกเหมือน Hulk ในหนังมาทีนึงแล้ว ผลก็คือ … เลือดอาบ 555 ขอให้ระวังนะทุกท่าน
เก้าอี้ตัวนี้ใครชอบพวก Recliner หรือ เก้าอี้นวด ก็สามารถหามาวางได้นะครับ พื้นที่เหลือเฟือ
สองภาพนี้จงใจให้ดูฟิตติ้งของรางเลื่อน พื้นภายในที่เป็นไม้จริง เทียบกับพื้นระเบียงที่เป็นกระเบื้องลายไม้
แน่นอนว่าระเบียงห้องใหญ่ต้องได้รับวิวที่ดีที่สุด
กับพื้นที่ขนาดใหญ่ เล่นโยคะตรงนี้ได้เลย
สุดท้ายเรามาดูห้องลับกันดีกว่า .. เป็นห้องที่ต้องเปิดประตูตู้ซึ่งดูเหมือนผนังเข้าไป
โดยห้องนี้เป็นห้องแต่งตัว … Dressing Room ของแท้ ไม่ใช่ Walk-in Closet แล้วละครับ
ฝั่งขวาเป็นส่วนของผู้หญิง
ฝั่งซ้ายเป็นของผู้ชาย ซึ่งอยู่ๆไปก็จะกลายเป็นของผู้หญิงมากขึ้นเรื่อยๆครับ
นานเหลือเกินกว่าจะเขียนเสร็จ … แต่ก็รีวิวจบแล้วกับบ้านเดี่ยวขนาดเฉียด 1 ไร่ ราคา 57 ล้านหลังนี้ Himmalaya จาก Himma Prestige Living ครับ
บ้านหลังนี้มีเจ้าของแล้วนะครับ เจ้าของโครงการได้แจ้งผมมาในช่วงกำลังเขียนรีวิวอยู่นี่แหละ ว่ามีผู้ที่มาเซ็นสัญญาไปเรียบร้อยแล้ว ผมจึงไม่ลงราคาและเงื่อนไขในการขาย ซึ่งบ้านหลังอื่นๆนั้นยังสร้างไม่เสร็จ อยู่ระหว่างการก่อสร้างเกือบทั้งหมดครับ
ทำเลของหมู่บ้าน Himma Prestige Living จัดเป็นทำเลที่ใกล้เมืองมาก ปัจจุบันส่วนที่ติดถนนใหญ่เป็นทำเลของสินค้าประเภทคอนโดมิเนียมไปแล้ว ฝั่งตรงข้ามของโครงการเป็นสวนหลวง ร.9 และ สนามกอล์ฟ ด้านข้างโครงการเป็นธนาคารแห่งประเทศไทยที่ใช้ถนนร่วมกัน จึงมีการจัดวาง รปภ. อยู่ตั้งแต่หน้าปากซอยที่ติดกับถนนใหญ่โชตนา .. โดยโครงการก็มีป้อม รปภ. ให้อีกชุดหนึ่งด้านในโครงการเป็น Double Security
จะบอกว่าจุดเด่นของหมู่บ้านอยู่ที่แบบสถาปัตย์เลยก็ว่าได้ เพราะมีการออกแบบโดยใช้ความเป็นไทย ล้านนา และโมเดิร์นรวมๆเข้าด้วยกัน ทำออกมากลมกลืนเหมาะกับคอนเซปท์การอยู่อาศัยร่วมกับธรรมชาติ ซึ่งจะใช้ได้ดีสำหรับหน้าหนาวของประเทศไทย โดยเฉพาะหน้าหนาวปี 2556 ที่ผ่านมาซึ่งค่อนข้างหนาวจริงจัง เพียงเปิดประตูให้ลมเข้า เปิดหน้าต่างให้แสงเข้า ก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้ได้อย่างสบายแล้ว แต่ในทางกลับกันช่วงหน้าร้อน วัสดุประเภทกระจกจะดูดความร้อนเข้าบ้านมาก ทำให้ต้องเปิดแอร์อยู่ตลอด ไม่เช่นนั้นจะร้อนมากในบางมุมของตัวบ้านนะครับ
รายละเอียดเรื่องส่วนกลางนั้นผมยังไม่เห็นมากเท่าไร เพราะยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างสโมสรและสระว่ายน้ำส่วนกลางเลย จึงขอข้ามไปก่อนนะครับ แต่ถ้าเป็นคนที่มีสตางค์ขนาดนี้สามารถซื้อบ้านหลังโตๆที่มีสระว่ายน้ำและสวนสาธารณะส่วนตัวได้ ผมว่าจะทำห้อง Fitness สักห้องกับ Home Theatre ในบ้านตัวเองแล้วไม่ต้องออกไปใช้ส่วนกลางเลยก็ไม่แปลกละครับ
จุดอ่อนของบ้านหลังนี้บอกได้เลยว่าอยู่ที่การตกแต่งภายใน ซึ่งยังทำออกมาได้ไม่เป็นเอกลักษณ์เทียบเท่ากับแบบสถาปัตยกรรมที่ทำออกมาไว้ดีมาก ซึ่งหากต้องการความสวยงามเฟอร์นิเจอร์หลายๆชุดโดยเฉพาะห้องนอนที่ 3 นั้น ผมว่าควรจะเปลี่ยนแทบจะยกชุด หรือถ้าไม่คิดอะไร ฟังก์ชั่นต่างๆที่ออกแบบมาก็เหมาะสมดีแล้วครับ
รีวิวนี้ผมอยากให้ผู้อ่านได้เห็นว่าการทำหมู่บ้านแพงๆระดับ 50 ล้านให้ออกมาดูดีมีเอกลักษณ์นี้ ไม่ต้องเป็นโครงการใหญ่ที่ผู้ประกอบการเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงมากๆก็ได้นะครับ ผู้ประกอบการรายกลางๆก็ทำได้เช่นกัน … หวังว่าในอนาคตผมบีมและทีมงาน Think of Living คงจะได้มีโอกาสนำเสนอรีวิวหมู่บ้านระดับ Super Luxury โครงการอื่นๆให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกันต่อไปนะครับ 🙂
Judgement
สินค้าระดับ Super Luxury ที่มีราคาสูงมากๆ จะไม่มีการให้คะแนนความคุ้มค่า เนื่องจากไม่สามารถกำหนดความคุ้มค่าทางอารมณ์ได้ ตามธรรมเนียมปฏิบัติของเวปไซต์เรานะครับ
BOTTOM LINE
ใครมีสตางค์เหลือใช้ อยากมีบ้านที่เชียงใหม่ก็ลองแวะมาดูนะครับ เตรียมมาเยอะๆ น่าจะสัก 25 ล้านขึ้นไปจะได้ขนาดกำลังดี ถ้าใครต้องกัดฟันซื้อเงินผ่อนก็ข้ามไปได้เลยครับ หมู่บ้านนี้ยังไม่เหมาะกับคุณนะ
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ