รีวิวฉบับที่ 1461 … สวัสดีค่ะ วันนี้เรามีโอกาสมารีวิวโครงการคอนโดตากอากาศกันที่พัทยาค่ะ กับโครงการ Veranda Residence Pattaya คอนโด High Rise สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ที่นี่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับ Veranda Resort Pattaya MGallery by Sofitel โรงแรมชื่อดังที่มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ชิคๆ ที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว จุดเด่นของโครงการนี้จึงกลายเป็นคอนโดมิเนียมที่สามารถใช้ Service Hotel ของ Veranda Resort Pattaya ได้ด้วย พร้อมกับบัตร Exclusive Member ค่ะ สำหรับใครที่กำลังมองหาคอนโดตากอากาศใกล้กรุงเทพพร้อมกับได้ใช้เซอร์วิสโรงแรมด้วย ตามมาอ่านกันค่ะ

Fact @ 20 October 2017

  • Veranda Residence Pattaya (วีรันดา เรสซิเดนซ์ พัทยา)
  • บริษัท วีรันดา รีสอร์ท พัทยา จำกัด
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ซอยนาจอมเทียน 4
  • คอนโด High Rise 35 ชั้น 1 อาคาร 326 ยูนิต และ Pool Villa 4 ยูนิต (ส่วน Pool Villa Sold Out)
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 11 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 130 คันคิดเป็น 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 3-1-88 ไร่
  • ห้องพักอาศัย

  • 1 Bedroom 32.52 – 39.24 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท
  • 2 Bedroom 55.45 – 57.08 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.1 ล้านบาท
  • 3 Bedroom 82.14 – 121.38 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 11.68 ล้านบาท
  • Penthouse 137.97 – 203.99 ตร.ม. (Sold Out)
  • Pool Villa 259.81 – 273.45 ตร.ม. (Sold Out)

  • ฝ้าเพดานสูง 2.8 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 130,000 บาท/ตร.ม.
  • เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 083-008-1122
  • เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

    สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


    เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

    พิกัด : 12.859590, 100.897477

    โครงการ Veranda Residence Pattaya ตั้งอยู่บริเวณหาดจอมเทียน ช่วงซอยนาจอมเทียน 4 สภาพแวดล้อมแถวๆนี้จะมีที่ใกล้เคียงกับพัทยา แต่จะมีความสงบมากกว่าเยอะ ส่วนร้านอาหารต่างๆจะเป็นร้านเล็กซะเป็นส่วนมาก ไม่ได้มีห้างใหญ่ๆเหมือนเส้นเลียบหาดพัทยา โดยรวมจะตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการมาพักผ่อน อยากได้ทำเลที่มีความสงบส่วนตัวเป็นหลัก รวมไปถึงการเดินทางที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก ขับรถประมาณ 2 ชม. ก็ถึงตัวโครงการแล้วค่ะ

    การเดินทางมายังโครงการสะดวกด้วยถนนสุขุมวิทเป็นหลัก จาก Motorway วิ่งมาประมาณ 10-11 กิโลเมตร หากรถติดก็เลี่ยงเมืองด้วยถนนเลียบทางรถไฟมาแล้วค่อยเข้าถนนสุขุมวิทอีกทีเมื่อผ่านตัวเมืองพัทยามาแล้ว ขับรถค่อนข้างสบาย หากจะหาสีสันแหล่งท่องเที่ยวแถบพัทยา ก็ขับจากโครงการไปไม่ไกลมากประมาณ 8-9 กิโลเมตรก็ถึงโซนพัทยาใต้แล้วค่ะ บรรยากาศและสภาพแวดล้อมละแวกโครงการส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดมิเนียมสลับกับโครงการหมู่บ้าน และโรงแรมบ้าง เรียกว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย มีร้านอาหารซีฟู้ดอยู่หลายร้านใกล้ๆ แต่ค่อนข้างสงบค่ะ

    การเดินทางในวันนี้เราเริ่มต้นจาก Motorway วิ่งมาลงถนนเลียบทางรถไฟแทนที่จะเข้าสู่ถนนสุขุมวิท เผื่อเป็นตัวเลือกอีกเส้นทางนึงเลี่ยงรถติดกับถนนสุขุมวิทได้ ถนนเลียบทางรถไฟนี้เป็นถนนสายเล็กกว่าถนนสุขุมวิท เส้นทางจะคู่ขนานกับถนนสุขุทวิทมาเรื่อยๆ โดยเราวิ่งเส้นตรงนี้ไปแล้วเลี้ยวออกเข้าถนนสุขุมวิทบริเวณถนนชัยพฤกษ์ 2 จากนั้นขับตรงมา เมื่อผ่านตลาดน้ำสี่ภาคแล้วเริ่มชิดขวาเพื่อเลี้ยวขวาเข้าซอยนาจอมเทียน 4 จากนั้นตรงไปบริเวณหน้าหาดก็จะเห็นทางเข้าโครงการ Veranda Residence Pattaya แล้วค่ะ

    จาก Motorway ก่อนจะเข้าสู่ถนนสุขุมวิทที่เป็นถนนสายหลัก วันนี้เราจะพาไปถนนเลียบทางรถไฟที่เป็นถนนทางลัดขนานกับถนนสุขุมวิท เพื่อเลี่ยงรถติดในเมืองกัน

    จากนั้นขับตรงไปตามป้ายบอกทางสัตหีบ

    เมื่อตรงมาถึงจุดตัดกับถนนชัยพฤกษ์แล้วให้เลี้ยวขวา

    ตัวถนนชัยพฤกษ์ซึ่งเป็นถนนเชื่อมเข้าถนนสุขุมวิทนั้นมีความคึกคักระดับชุมชนอยู่พอสมควรเลยค่ะ จะเห็นทั้งร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ เรียงรายไปตลอดทั้ง 2 ฝั่งถนนที่เราผ่าน

    ถึงแยกชัยพฤกษ์ ซึ่งเป็นแยกตัดระหว่างถนนชัยพฤกษ์และถนนสุขุมวิท เราเบี่ยงเข้าเลนซ้ายแล้วเลี้ยวซ้ายได้เลยค่ะ เลี้ยวซ้ายเส้นนี้ผ่านตลอดนะ ไม่ต้องรอติดไฟแดง

    จากนั้นขับตรงไปตามทางสัตหีบเลยค่ะ บริเวณนี้รถจะติดน้อยลงจากบริเวณตัวเมืองพัทยาแล้ว

    ขับตรงมาเรื่อยๆ เจอตลาดน้ำ 4 ภาคแล้วให้ชิดขวาเตรียมเลี้ยวขวาเข้าซอยนาจอมเทียน 4 บริเวณจุดกลับรถได้เลย

    เราจะเลี้ยวขวาเข้าซอยนาจอมเทียน 4 กันค่ะ ทางที่เลี้ยวเข้าอยู่บริเวณจุดกลับรถพอดี

    ซอยนาจอมเทียน 4 เป็นซอยที่ใกล้กับโครงการมากที่สุด หรือจะเข้าจากซอยนาจอมเทียน 6 ก็ได้นะ มีถนนเชื่อมถึงกันอยู่ค่ะ

    สุดซอยแล้วก็จะเห็น Family Mart ก่อน เป็นร้านสะดวกซื้อที่อยู่ติดกับโครงการเลย ส่วนทางเข้าต้องเลี้ยวซ้ายก่อนนะคะ

    เลี้ยวมาแล้วก็จะเห็นหน้าทางเข้าโครงการแล้วค่ะ

    **รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

    ตัวโครงการจัดเป็นโครงการที่อยู่ติดชายหาด แต่ส่วนคอนโดมิเนียมเองจะอยู่โซนด้านหน้าที่อยู่ใกล้กับฝั่งถนน ซึ่งความรู้สึกจากคอนโดเลยจะไม่ได้ติดกับชายหาดขนาดนั้นแต่ได้วิวหาดจอมเทียนแน่นอน เพราะความสูงของส่วนโรงแรมจะเตี้ยกว่าชั้นแรกของชั้นที่พักอาศัยของส่วนคอนโดมิเนียมค่ะ ในส่วนของสภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นคอนโดมิเนียม หมู่บ้าน โรงแรม รีสอร์ทเป็นส่วนใหญ่ จะมีความสงบในระดับของทำเลที่พักอาศัยและไม่มีสถานบันเทิงมากนัก พอมีร้านอาหารซีฟู้ดอยู่พอประมาณ ขับรถไปกินใกล้ๆ ได้ง่าย และจะมี Family Mart อยู่หน้าโครงการด้วยค่ะ ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องของกินต่างๆ ก็สามารถพึ่งพาส่วน Hotel ในโครงการเองได้เช่นเดียวกัน และยังสามารถขับรถไปเที่ยวในตัวเมืองได้ไม่ไกล

     

    สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

    • ตลาดน้ำ 4 ภาค – 1.8 กม.
    • Tesco lotus – 4.4 กม.
    • Ocean Marina Yacht Club – 5.6 กม.
    • Big C พัทยาใต้ – 7.7 กม.
    • Cartoon Network Amazon Water Park – 9.9 กม.
    • Central Festival Pattaya Beach – 11.3 กม.

     


    เจาะลึกตัวโครงการ

    เรามาดู Master Plan กันก่อนนะคะ สำหรับโครงการใหญ่ทั้งหมดจะรวมส่วน Veranda Resort Pattaya หรือโซน Hotel และส่วน Veranda Residence Pattaya หรือโซน Residence จัดเป็นพื้นที่เดียวกัน แต่มีการแยกการใช้งานที่ชัดเจนนะคะ เราจะอธิบายในส่วนของ Residence กันค่ะ สำหรับ Veranda Residence Pattaya จะอยู่ฝั่งที่ติดกับถนนทางเข้าโครงการ โดยใช้ถนนร่วมกันกับส่วน Hotel ในส่วน Residence นี้ประกอบด้วยส่วน Condominium และ Pool Villa เชื่อมกันด้วยส่วนสระว่ายน้ำตรงกลาง โดยในส่วน Pool Villa นี้จะขายหมดเรียบร้อยแล้วนะคะ

    หลักการใช้งานสำหรับลูกบ้าน  Veranda Residence Pattaya จุดเด่นเลยคือ นอกจากจะสามารถใช้ Facilities ส่วน Residence เองได้แล้ว ยังสามารถใช้ Service Hotel ของฝั่งโรงแรมได้ด้วย ซึ่งสามารถใช้สระว่ายน้ำริมชายหาด (Beach Pool) ไม่มีค่าใช้จ่าย และส่วนอื่นๆ เช่นห้องอาหาร สปา ฟิตเนส บาร์ ต่างๆ นั้นจะได้เป็น Exclusive Member ซึ่งจะได้ส่วนลดในการใช้บริการทั้งหมดค่ะ

    จากบริเวณหน้าโครงการเป็นถนนที่ขนานไปกับหาด ซึ่งซอยทางเข้าที่เข้าจากถนนสุขุมวิทและใกล้กับโครงการมากที่สุดคือซอยนาจอมเทียน 4 ค่ะ

    ภายในถนนเส้นนี้ส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัยเป็นหลัก เช่นหมู่บ้านหรือคอนโด ค่อนข้างสงบ เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวระดับนึง ส่วนพวกร้านอาหารต่างๆ ขับรถถัดไปอีกหน่อยไม่ไกลมากมีกลุ่มร้านค้าหลายร้านให้เลือกเลยค่ะ

    มาที่ด้านหน้าโครงการ ในช่วงนี้จะเป็นพื้นที่เปิดโล่งให้เข้า-ออกได้ง่ายเลย ยังไม่มีป้อมรปภ.และไม้กั้นกระดกบริเวณด้านหน้าเหมือนโครงการทั่วไป เนื่องจากส่วนนึงนั้นเป็นโซนโรงแรมที่จำเป็นต้องเปิดเป็น Public หน่อย ซึ่งถนนเส้นนี้ก็เป็นถนนที่โครงการใช้ร่วมกับส่วน Hotel

    เงยหน้าขึ้นไปเห็นตัวอาคารสวยงามเลยค่ะ จะเห็นว่าตัวอาคารเน้นด้านยาวไปทางทิศเหนือ-ใต้ หันไปทางพัทยาและสัตหีบ และอีกด้านที่ได้วิวหาดนาจอมเทียน ส่วนฝั่งนี้จะเป็นวิวที่หันไปทางถนนสุขุมวิทนะคะ เลยมีช่องเปิดและจำนวนยูนิตไม่เท่ากับทิศอื่นๆ

    จากหน้าโครงการเลยเราหันไปทางขวามือจะเห็น Pool Villa จำนวน 4 ยูนิตวางเรียงกันอยู่ ในส่วนนี้จัดเป็นส่วนนึงของโครงการ Veranda Residence Pattaya ด้วยนะคะ แต่ทางโครงการได้ขายหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนี้เราเลยไม่ได้พาเข้าไปดูนะ

    ส่วนถนนเองเป็นถนนที่วิ่งสวนกัน 2 เลนเข้า-ออก ขนาดความกว้างถนนไม่ได้กว้างมากนัก แต่ก็สามารถขับสวนทางกันได้ค่ะ ส่วนวัสดุปูพื้นถนนใช้เป็นคอนกรีตสแตมป์เรียบร้อยดีค่ะ

    ส่วนด้านขวาเราจะเห็นพุ่มไม้และไม้ยืนต้นตั้งตามแนวเรียงกัน จะเป็นบริเวณของสระว่ายน้ำส่วน Residence ค่ะ ซึ่งส่วน Facilities ทั้งหมดของ Residence นั้นจะไม่อนุญาตให้ทาง Hotel เข้ามาใช้ทั้งหมด

    จากนั้นตรงไปด้านหลังอาคาร ฝั่งขวามือจะเป็นทางเข้า-ออกส่วนชั้นที่จอดรถของอาคาร

    บริเวณที่เราเห็นเป็นพุ่มไม้ฝั่งขวามือนั้นเป็นป้อมยามของโครงการค่ะ จะคอยดูแลรักษาความปลอดภัยและไม่ให้คนนอกหรือลูกค้าโรงแรมเองเข้าสู่ส่วน Residence ได้ ส่วนพวกไม้กั้นกระดกต่างๆ จะอยู่บริเวณทางเข้าที่จอดรถซึ่งจากตรงนี้ตรงไปอีกหน่อยแล้วเลี้ยวขวาเข้าอาคารก็จะเจอจุดไม้กั้นกระดกแล้วค่ะ ที่นี่จะใช้ระบบ Keycard Access ระยะใกล้

    ก่อนที่เราจะไปดูภายในอาคารส่วน Residence กันเราจะพาไปดูส่วน Facilities ของโรงแรมที่ทางลูกบ้านสามารถใช้ได้ทั้งฟรีและแบบได้ส่วนลดพิเศษ จะเป็นอย่างไรไปดูกันค่ะ

    ฝั่งซ้ายมือเป็นที่จอดรถแบบ Public Area สำหรับลูกค้าโรงแรมและ Skoop Beach Café Pattaya

    มาถึงบริเวณ Drop-Off ส่วนโรงแรมกันแล้ว ตรงนี้จัดหลังคาได้สวยอลังการมากเลย แม้ตรง Drop-Off จะไม่ได้มีขนาดใหญ่ดูโอ่โถงแต่ก็ดูสวยงามได้ด้วยหลังคานี้

    เข้ามาบริเวณ Drop-Off นี้มีให้ลูกค้าของโรงแรมยืมจักรยานปั่นรอบโครงการหรือจะปั่นไปทางริมหาดก็ได้นะ ปั่นกันแล้วนำมาคืนที่ส่วน Drop-Off กันด้วยนะคะ แบ่งปันให้ลูกค้าท่านอื่นๆ ได้ปั่นด้วย

    ด้านหลังของจักรยานจะมีทางลาดเดินลงไปยังส่วน Lobby ฝั่งขวามือและเดินทะลุไปยังห้องอาหารและสระว่ายน้ำเลยค่ะ ลักษณะการตกแต่ง Space หรือพื้นที่ของโรงแรมนี้มีเอกลักษณ์มากๆ จะเห็นได้ว่าค่อนข้างให้ความสำคัญกับบรรยากาศเป็นหลักเลย มีสระน้ำโรยหินด้านใต้ น้ำไหลเอือยๆ ดูชิลมากๆ

    เราย้อนกลับมาที่ Drop-Off เช่นเดิม เพราะด้านล่างลงไปแล้วจะเป็นส่วน Lobby ค่ะ ส่วนตรงไปในสุดจะเป็นทางขึ้นชั้น 2 ไปยังสปาและห้องฟิตเนส

    บรรยากาศบันไดทางลงมายังส่วน Lobby เล่นแสงและ Space สวยทีเดียวค่ะ

    มาถึงส่วน Lobby กันแล้วนะคะ สำหรับ Lobby ที่นี่ออกแบบให้เป็นแบบ Semi-Outdoor อยู่ในพื้นที่ร่มแต่ไม่ได้เป็นห้องปิด ทำให้บรรยากาศดูโปร่งโล่ง ที่ชอบมากที่สุดคือฝ้าเพดานด้านบน ที่จำลองให้เหมือนส่วน Lobby กำลังอยู่ใต้น้ำ ฝ้าเพดานเล่นลูกเล่นเป็นคลื่นและมีสัตว์น้ำอย่างปลากระเบนลอยเหนือหัว

    หันมาอีกฝั่งจะเห็นว่าพื้นที่ Lobby นี้เชื่อมกับสระหินเมื่อกี้ที่เราพาไปดูกันมา บรรยากาศบริเวณนี้ชิลมาก แต่วันที่ไปลูกค้าโรงแรมมีพอสมควรเลยค่ะ ก็จะคึกคักหน่อย แต่ละคนต้องไม่พลาดมุมเด็ดในรูปถัดไป

    มุมเด็ดของที่นี่ เห็นลูกค้าโรงแรมรอ Check-in, Check-Out ต้องมาถ่ายรูปหรือเซลฟี่กับพื้นที่นั่งเล่นที่เป็นเหมือนชะลอมจับปลาขนาดใหญ่แบบนี้ ดูสวยงามเก๋ๆ ดี

    ด้านหลังของ Lobby เป็นส่วน Kid’s Room ให้พื้นที่เล่นกับเด็กๆ ด้วยนะคะ

    ถัดมาหน่อยอยู่ในพื้นที่ Lobby เลยจะมี Cafe น่านั่งอย่าง Glass Room ภายในขายทั้งเครื่องดื่มต่างๆ และอาหารคาว อาหารว่างด้วยค่ะ มาฝากท้องกันได้ หรือใครเบื่อห้องสามารถมองนั่งดื่มกาแฟทำงานที่ร้านนี้ได้เลย

    จากนั้นเราเดินไปเรื่อยๆ ไปสุดที่บริเวณหาดนาจอมเทียนกันค่ะ

    ระหว่างทางเชื่อมมีทำเสาหลังคาเป็นทรงต้นไม้ดูสวยงาม ได้บรรยากาศดี อาคารถัดนั้นจะเป็นอาคารพักอาศัยของโรงแรมนะคะ

    ด้านล่างจัดให้เป็นห้องอาหารช่วงเช้าชื่อห้องว่า The Deck ค่ะ

    พอดีช่วงเวลาที่ไปเป็นช่วงกลางวันแล้วบริเวณห้องอาหารเช้าก็จะมีการเก็บของต่างๆ เรียบร้อยแล้วนะคะ จากรูปก็จะดูเงียบๆ หน่อย แต่จริงๆ ช่วงเช้าบริเวณนี้จะคึกคักทีเดียวเลยนะคะ สำหรับใครที่ซื้อโครงการนี้แล้วขี้เกียจทำอาหาร ขี้เกียจขับรถไกล เดิมมาฝากท้องที่นี่ตอนเช้าหรือตอนกลางวันได้เลยค่ะ จะได้ราคาส่วนลดจากการเป็น Exclusive Member ด้วย

    เขยิบมาหน่อยบริเวณ Semi-Outdoor ใต้ผ้าใบในร่มก็มีจัดโต๊ะอาหารไว้รับรองลูกค้า ได้นั่งรับประทานอาหาร ท่ามกลางสวนสีเขียว ได้บรรยากาศค่อนข้างดีทีเดียวค่ะ

    บรรยากาศบริเวณห้องอาหารเช้าด้านนอก แม้จะอยู่บริเวณ Semi-Outdoor ไม่ติดแอร์แต่อากาศในตอนกลางวันก็ไม่ร้อนอย่างที่คิดนะคะ เพราะได้ลมมาจากส่วนสระว่ายน้ำเข้ามาได้ดีพอสมควรเลย หากใครอยากนั่งชิมวิวแบบนี้ก็มานั่งกินข้าวตอนเช้าพร้อมเสพบรรยากาศได้เลยค่ะ

    ติดกับพื้นที่รับประทานอาหารจะมีทางเดินที่เชื่อมไปยังสระว่ายน้ำและส่วน Skoop Beach Café Pattaya

    ชอบวิวมุมนี้มาก เป็นพื้นที่รับประทานอาหารที่อยู่ติดกับสระน้ำตื้น หันไปเห็นผนังน้ำตกและเสียงน้ำตกไหลเบาๆ สดชื่นดีค่ะ เสียดายหน่อยที่ตรงนี้น่าจะทำให้เห็นวิวทะเลระยะไกลได้เลยจะยิ่งว้าวเข้าไปอีก

    ถัดมาก็มีที่นั่งแบบชิงช้าไกว ให้นั่งชิลๆ ริมสระ

    มุมนี้แม้ไม่ได้วิวทะเลแต่ก็ว้าวกับการออกแบบ Space ของสถาปนิกและ Interior เรียบแต่สวย ดูไม่เบื่อ

    ถัดมาหน่อยมีพื้นที่ Bar ไว้ให้สั่งดริ้งดื่มชิลๆ ริมสระได้เลย

    สำหรับสระว่ายน้ำส่วนนี้ของโรงแรม ลูกบ้านในส่วน Residence สามารถใช้งานฟรีค่ะ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

    ก่อนจะใช้บริการสระว่ายน้ำ จะต้องถอดรองเท้าก่อนทุกครั้งนะ เป็นกฎระเบียบของทางโรงแรม ส่วนด้านข้างมีผ้าเช็ดตัวไว้บริการแขกของทางโรงแรม

    สะดุดตากับน้องๆ ห่วงยางไซส์บิ้กบึ้มนี้ ทางโครงการตั้งใจวางไว้ให้ลูกค้าโรงแรมได้เช่าไปนอนบนห่วงยางชิลๆ ในสระ ถ่ายรูปชิคๆ จัดพร้อพต่างๆ ได้ด้วยนะคะ สนธิราคาอยู่ที่ชั่วโมงแรก 300 บาท แต่ชั่วโมงถัดไป 100 บาท

    สระว่ายน้ำที่นี่สวยมาก เป็นสระว่ายน้ำที่ได้วิวชาดหาดและทะเลนาจอมเทียนอย่างเต็มที่เลย บริเวณสระนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือส่วนของลูกค้าโรงแรมและส่วนของลูกบ้านโครงการวีรันดา เรสซิเดนซ์ พัทยา ซึ่งสระที่เห็นนี้จะเป็นสระของลูกค้าโรงแรมนะคะ

    บรรยากาศริมทางเดินของสระตกแต่งด้วยทางเท้าแบบมีลูกเล่นสวยงาม ระหว่างทางจัดต้นไม้สร้างบรรยากาศให้ดูร่มรื่นมากยิ่งขึ้น

    สระอีกฝั่งเป็นสระของลูกบ้านโครงการวีรันดา เรสซิเดนซ์ พัทยา จะอยู่ติดกับสระเด็กด้านใน ส่วนนี้มีซุ้มที่นั่ง หันหน้าไปยังทิศของชายหาด ตัวซุ้มเองก็ทำหน้าที่กันแดดได้ระดับนึง ไว้ให้นอนเล่นชิลๆ ได้ เหมาะกับช่วงเช้าๆ เย็นๆ

    เราเดินลงมาอีกหน่อยจากสระว่ายน้ำ มีทางเดินไปยังส่วน Day Bed นั่งเล่น โดยระดับความสูงจะอยู่สูงกว่าระดับพื้นชายหาดพอสมควร สามารถมองเห็นทะเลในระยะไกลได้

    หันกลับมาจะเป็นส่วนสระว่ายน้ำ อาคารด้านหน้าเป็นส่วนโรงแรมและถัดไปที่เป็นตึกสูงฝั่งซ้ายมือในรูปนั้นคือส่วน Residence ของโครงการที่เป็นคอนโดมิเนียม

    บริเวณส่วน Day Bed ที่วางเรียงรายกันไป ตรงไปสุดทางจะเชื่อมไปยัง Skoop Beach Café Pattaya ได้ค่ะ

    ส่วนทางลงชายหาด ก็สามารถเดินลงชมทะเล หรือให้เด็กๆ ลงไปเล่นน้ำได้บริเวณนี้จะมีทำทางลงไว้ให้

    หลังจากเล่นน้ำเสร็จแล้วเรามาดูที่ห้องน้ำกันบ้างนะคะ ห้องน้ำที่ไว้รองรับลูกค้าส่วนสระว่ายน้ำจะอยู่ติดกับบาร์ก่อนทางเข้าสระ

    มีห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุรองรับด้วย

    บรรยากาศภายในห้องน้ำสวยงาม ขนาดห้องน้ำไม่ใหญ่นักนะคะ ไว้สำหรับรองรับจำนวนคนใช้งานประมาณ 2-3 คน

    ภายในมีห้องอาบน้ำให้ 1 ห้อง และห้องน้ำ 2 ห้อง

    ที่นี่ให้สบู่หรือครีมต่างๆ จาก Thann หมดเลย กลิ่นหอมธรรมชาติดีค่ะ เราชอบ

    ขึ้นมาที่ชั้นบนของอาคารจะเป็นส่วน ISEA Sky ห้องอาหารและ The Jetty ที่เป็น Roof top บาร์ด้านบน

    ภายในห้องอาหารนี้จะเปิดให้บริการตั้งแต่ช่วง 14:00-เที่ยงคืน นะคะ ก็จะเป็นห้องอาหารช่วงเย็น

    บรรยากาศอีกฝั่งของห้องอาหารนี้

    ที่เด็ดสุดคือมานั่งส่วน Outdoor ที่ได้วิวทะเลแบบเต็มๆ หากลูกบ้านของโครงการมารับประทานสามารถใช้บัตร Membership Card เป็นส่วนลดได้นะคะ

    ก้มลงไปมองด้านล่างบริเวณสระว่ายน้ำ

    ขึ้นไปที่ The Jetty ด้านบนเป็นบาร์ชั้น Rooftop ที่เปิดให้บริการช่วงเย็น-ดึก

    ด้านบนชั้น Rooftop หรือส่วน Jetty นี้จะมีจัดพื้นที่ให้นั่งจิบเครื่องดื่มพร้อมดื่มด่ำบรรยากาศชายทะเลได้ ชอบที่สร้างบรรยากาศด้วยการทำที่นั่งแบบ Sunken Seat ให้ คือมีสระน้ำล้อมรอบ

    ช่วงเย็นที่เปิดให้บริการแล้วจะได้บรรยากาศประมาณนี้ค่ะ

    Point of View ของทุก Veranda ที่พลาดไม่ได้คือทางเดินกระจกแบบนี้ ให้คุณได้สามารถขมวิวทะเลแบบพาโรนามากันไปเลย

    มาที่ Facilities อื่นๆ ของโรงแรมที่สามารถใช้ได้ในราคา Exclusive ต่อไปคือ Spa บริเวณทางเข้าจะอยู่ติดกับส่วน Drop-Off เดินขึ้นมาที่ชั้น 2 ก็จะเจอเลยค่ะ

    บรรยากาศห้องสปาสวยและกลิ่นผ่อนคลายมาก ที่นี่จะใช้ผลิตภัณฑ์ของ Thann เป็นหลักทั้งหมด Interior ภายในตกแต่งโดยใช้หินเป็นหลัก ด้านบนทำฝ้าเพดานแบบมีลูกเล่นเหมือนกับดวงดาว สร้างบรรยากาศได้ดี

    บรรยากาศห้องสปาคู่

    มีส่วนแต่งตัว ห้องอาบน้ำและห้องน้ำให้เรียบร้อย

    อ่างแช่ตัวติดริมกระจก นอนแช่ชมวิวเพลินๆ

    อีกห้องนึงของสปาคู่นะคะ

    จะมีห้องอบไอน้ำบริการด้วย ขึ้นอยู่กับ Course นั้นๆ

    เนื่องจากวันที่เข้าไปเก็บข้อมูล Lobby และห้อง Fitness อยู่ในระหว่างการตกแต่ง เลยขอใช้รูปจากทางโครงการแทนนะคะ

    มาที่ส่วน Lobby ของฝั่ง Residence คอนโดมิเนียมกันนะคะหลังจากที่เราดู Facilities โรงแรมในส่วนที่เราสามารถใช้งานได้กันไปแล้ว สำหรับ Lobby นี้มีผนังและฝ้าเพดานสวยทีเดียว เล่นลายด้วยไม้สวย การจัด Lobby ที่นี่จะเป็นแบบ Semi-Outdoor วางชุดโซฟา Outdoor ไว้ให้ รูปแบบจะเหมือนกับพื้นที่นั่งเล่นในบรรยากาศชิลๆ ดี สวยดีนะคะเราชอบ แต่ติดอย่างนึงของพื้นที่ Semi-Outdoor แบบนี้หันไปทางถนนของโครงการแล้วไม่ค่อยได้วิวอะไร และดูไม่เป็นส่วนตัวเท่าไหร่นัก น่าจะมีการวางไม้พุ่มกั้นสายตาระหว่างถนนโครงการกับ Lobby หน่อยจะดีมากเลย

    ส่วนโถงลิฟต์อยู่ติดกับ Lobby เลยค่ะ ที่นี่ให้ลิฟต์โดยสารมาทั้งหมด 3 ตัว และลิฟต์ Service 1 ตัว เทียบเป็นอัตราส่วนลิฟต์ต่อจำนวนห้องโครงการอยู่ที่ 81.5 : 1 จัดว่าหนาแน่นน้อยค่ะ บริเวณโถงลิฟต์นี้จะไม่มีประตูกั้นเพื่อสแกนบัตรเข้าอีกรอบ แต่ลิฟต์เองจะมีที่สแกนบัตรที่สามารถกดชั้นพักอาศัยของตัวเองได้เท่านั้น ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้ดี

    ถัดมาเรามาดูส่วน Facilities ของส่วน Residence กันมั่ง โดยทั้งหมดจะอยู่ On Ground นะคะ ไม่มีชั้น Facilities ในชั้นบน เริ่มจากส่วนสระว่ายน้ำกันก่อนนะคะ สระที่นี่มีขนาด 8.7 x 48.25 เป็นความยาวที่รวมทั้งสระเด็กและสระผู้ใหญ่

    นอกจากนี้ยังมีสไลเดอร์ให้เด็กๆ ได้เล่นกัน อ้อ..ลืมบอกไปว่า Facilities ทั้งหมดของส่วน Residence ลูกค้าฝั่งโรงแรมไม่สามารถเข้ามาใช้งานได้นะ แม้ Facilities ฝั่งนี้จะไม่ว้าวเท่าส่วนโรงแรมแต่ก็ได้ความเป็นส่วนตัว เงียบสงบมากกว่า

    ด้านข้างสระวาง Day Bed ใต้ต้นไม้ให้นอนอาบแดด หรือนั่งเล่นริมสระชิลๆ

    สระนี้จัดมาให้ค่อนข้างเป็นส่วนตัวดีมากค่ะ จากการจัดสวนที่ทำเป็นรั้วล้อมไว้ บังสายตาจากส่วนถนน และรอบข้างได้ดี

    ถัดมาที่อยู่ติดกับสระว่ายน้ำ จะเป็นห้องฟิตเนสซึ่งอยู่ในอาคารของคอนโดมิเนียมนะคะ ส่วนทางเข้าจะเข้าบริเวณด้านนอกที่ติดกับสระว่ายน้ำได้ เผื่อสำหรับลูกบ้าน Pool Villa สามารถมาใช้ได้เช่นกัน

    หันวิวไปทางสระว่ายน้ำ เครื่องเล่นที่ให้มีประมาณ 5 เครื่องด้วยกัน

    และมุมเวทเทรนนิ่งครบครันค่ะ

    ชั้นพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 8 เป็นต้นไปนะคะ สำหรับชั้น 1-7 จะเป็นชั้นที่จอดรถทั้งหมดค่ะ การจัดวางแปลนของชั้น 8 ทำออกมาได้โปร่งโล่งดีทีเดียว มีบางส่วนจัดเป็น Single Corridor มาด้วยทำให้ได้ช่องแสงเข้ามาภายในได้ดี ประกอบกับสามารถระบายอากาศภายในโถงทางเดินเองได้ดีเช่นกันค่ะ สำหรับห้องฝั่งวิวพัทยาส่วนใหญ่เป็นห้อง 2 Bedroom และห้องฝั่งวิวบางสเหร่ สัตหีบจะเป็นห้อง 1 Bedroom มีห้องมุม และได้วิวหาดจอมเทียนนั้นจะเป็นห้อง 3 Bedroom ค่ะ โดยห้อง 3 Bedroom ทั้ง 2 ห้องถือว่ามีความเป็นส่วนตัวสูงทีเดียว มีพื้นที่ส่วน Corridor ที่แยกออกมา รวมทั้งมีเพียงผนังด้านเดียวที่อยู่ติดกับห้องอื่น และเป็นห้องที่ได้วิวทะเลชัดเจนเลย ส่วนห้องเลขที่ 10 นี้เสียดายตรงที่ทางเข้าห้องอยู่ติดกับโถงลิฟต์เกินไป ใครขึ้น-ลงลิฟต์ก็ได้ยินเสียงรบกวนมากกว่าห้องอื่นๆ

    ชั้น 9-10, 15-19, 25-26, 29-33 การจัดแปลนคล้ายคลึงกับแปลนชั้น 8 แต่จะมีจำนวนยูนิตเพียงมา 1 ยูนิต เนื่องจากหน้าตาตึกมีการเล่นลูกเล่นให้ดูสวยงาม

    ชั้น 11-14, 20-24, 27-28 และ 30-32 มีการเปลี่ยนเล็กน้อยคือห้อง 02 และ 03 จากเดิมแปลนด้านบนเป็นห้องใหญ่ห้องเดียวเลย แต่แปลนนี้ใช้พื้นที่เท่าเดิมเพียงแต่หั่นออกเป็น 2 ห้องย่อย แบ่งเป็น 2 Bedroom และ 1 Bedroom ค่ะ

    ชั้น 34 เป็นชั้นบนๆ ของโครงการแล้ว ฝั่งวิวพัทยาและวิวหาดจอมเทียนจะเป็นห้องขนาดใหญ่ทั้งหมด มีฝั่งวิวบางเสร่ สัตหีบที่ยังเป็นห้อง 1 Bedroom เช่นเดิม

    ชั้น 35 ห้องฝั่งซ้าย วิวหาดจอมเทียนจะเป็นห้องแบบ Duplex มีชั้น 2 ส่วนห้องอื่นๆ เป็น Penthouse ทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันทางโครงการได้ Sold Out ห้องชั้นนี้ทั้งหมดแล้วค่ะ

    ชั้น 35m เป็นชั้น 2 ของห้อง Duplex  ชั้น 35 นั่นเองค่ะ

    ขึ้นมาที่ชั้นพักอาศัยกัน บรรยากาศโถงลิฟต์เป็นประมาณนี้ค่ะ ตกแต่งเรียบง่ายและดูโปร่งโล่งและสว่าง เพราะได้ช่องแสงเข้ามายังส่วนโถงได้ดี

    บริเวณโถงทางเดินมีการเล่นไฟจากขอบประตู สวยงาม ส่วนตัวโถงเองช่วงกลางวันแสงสว่างหลักๆ เลยคือจากภายนอก เพราะมีช่องแสงให้เยอะ

    และที่ชอบคือ ทางโครงการยอมเสียพื้นที่ขายไปเป็นช่องลมให้ เพื่อให้บริเวณโถงทางเดินมีการระบายอากาศที่ดี

    ทิศตะวันตก จะมีเฉพาะห้องนอนใหญ่ที่ได้วิวหาดจอมเทียน ดูพระอาทิตย์ตกทะเลได้เต็มๆ จากห้องนอน Master Bedroom ของห้อง 3 Bedroom

    ทิศใต้นี้จะหันไปทางสัตหีบ บางสเหร่ ในชั้นสูงๆ หน่อยเลยชั้น 15 ขึ้นไปจะได้วิวไกลเห็นไปถึงภูเขาสัตหีบไกลๆ ได้เลย เพราะตึกสูงในละแวกไม่มีในปัจจุบันนะ ตึกสูงที่ใกล้ที่สุดจะเป็นคอนโดมิเนียมเพื่อนบ้านอย่างลารอยัลบีชที่มีความสูง 34 ชั้น

    ส่วนทิศเหนือนั้นหันไปทางฝั่งพัทยา ได้วิวโปร่งโล่งระยะไกลเช่นกัน มองเห็นคอนโด Reflection เป็นวิวระยะไกล ส่วนระยะใกล้ๆ นั้นจะเป็นอาคารแนวราบส่วนใหญ่ มีฝั่งใกล้หาดที่เป็นรีสอร์ทสูงประมาณ 14 ชั้นค่ะ เลือกชั้นสูงกว่า 15 ชั้นไปก็ได้วิวเลยความสูงตึกนี้ไปแล้วค่ะ แต่ถึงแม้จะอยู่ชั้นเตี้ยกว่าชั้น 15 นั้นก็ไม่ได้ถูกบล็อกวิว หรือเสียความเป็นส่วนตัวไปเสียทีเดียวนะคะ เพราะยังมีระยะห่างระหว่างอาคารพอสมควรค่ะ

     

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • Residences Facilities

    • Exclusive Lobby
    • 40 metres Swimming Pool
    • Fitness Centre

  • Hotel Facilities (Extra charge may Apply)
    • 56 metres of private beach frontage
    • Fitness Centre
    • Kid’s Club
    • All day Dining Restaurant
    • Rooftop Bar
    • Conference Rooms
    • Spa Suites
    • Room Service
    • Pool Bar
    • Beachfront Pool

  • ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 108.66 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 130 คันคิดเป็น 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบ CCTV / Access Card
  •  


    Product Walkthrough

    สำหรับโปรดักส์ห้องพักอาศัยของโครงการนี้ ไม่รวม Pool Villa ที่ขายหมดแล้วจะมีอยู่ทั้งหมด 5 แบบด้วยกัน ซึ่งที่เหลือขายอยู่จะเป็นห้อง 1-3 Bedroom นะคะ ห้อง Duplex และ Penthouse ได้ขายหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    สำหรับรูปแบบการขายของที่นี่จะเป็น Fully Furnished แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนรูปแบบเป็น Fully Fitted ซึ่งจะครอบคลุมในส่วนของ Furniture Built-in ทั้งหมด, สุขภัณฑ์, ชุดครัวและเครื่องปรับอากาศค่ะ ส่วนใครที่อยากได้แบบ Fully Furnished ทางโครงการก็จะมีแพคเก็จเฟอร์นิเจอร์ที่คัดสรรโดย Quattro Design ให้ลูกค้าได้ในราคาพิเศษเช่นกันค่ะ

    • 1 Bedroom 32.3 – 39.2 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท
    • 2 Bedroom 55.6 – 57.3 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.1 ล้านบาท
    • 3 Bedroom 82.3 – 121.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 11.68 ล้านบาท
    • Duplex 175 – 202 ตร.ม. (Sold Out)
    • Penthouse 138.5 – 154 ตร.ม. (Sold Out)

    รูปแบบการขายของที่นี่จะได้เป็นรูปแบบ Fully Fitted ซึ่งจะครอบคลุมในส่วนของ Furniture Built-in ทั้งหมด, สุขภัณฑ์, ชุดครัวและเครื่องปรับอากาศค่ะ

    เรามาดูห้องตัวอย่างแรกกันนะคะ สำหรับห้องแรกที่เราจะพาไปดูคือห้อง 2 Bedroom ขนาด 56.70 ตร.ม. ลักษณะเป็นห้องหน้ากว้างที่เน้นพื้นที่ Family Area เป็นหลักเลย เห็นได้จากแปลนชัดเจนว่าพื้นที่นั่งเล่นนี้มีขนาดพื้นที่ภายในห้องค่อนข้างมากและอยู่ติดกับระเบียงด้านนอก สามารถมองเห็นวิวและรับแสงสว่างจากภายนอกได้ดี ในส่วนของห้องนอนใหญ่นั้นได้เป็นพื้นที่กึ่งเชื่อมต่อกับส่วน Familty Area นะคะ เพราะถูกกั้นไว้ด้วยประตูบานเลื่อนให้พอเห็นเป็นสัดส่วนของห้องที่ชัดเจน แต่ก็มีบางส่วนที่ให้เป็นผนังกระจกกระดาษสา ลักษณะเป็นแบบโปร่งแสง ซึ่งหากเปิดประตูมาก็จะสามารถจัดเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อกับ Family Area ได้เลย ส่วนด้านในอาคารที่ติดกับ Family Area จัดให้เป็นส่วนห้องนอนเล็ก หรือจะทำเป็นห้องอเนกประสงค์ก็ได้เช่นกันค่ะ ห้องนี้จะมีทางเข้าห้องน้ำภายในห้องนอนด้วย และห้องน้ำนี้เองจะเชื่อมกับส่วนครัว ให้สามารถใช้งานได้จากทั้งส่วนภายนอกและภายในห้องนอนเล็กเอง

    สำหรับเรามองว่าห้องนี้ค่อนข้างตอบโจทย์การอยู่อาศัยแบบคู่รัก 2 คนทีเดียวมากกว่าการอยู่อาศัยเป็นครอบครัว เพราะตัวห้องนอนใหญ่เองนั้นตั้งใจออกไว้ให้สามารถมองเห็นภายในห้องนอนจากส่วน Family Area ได้ผ่านกระจกกระดาษสา ซึ่งก็ความเป็นส่วนตัวก็หายไปแล้วส่วนนึง และห้องน้ำภายในห้องนอนใหญ่เองก็เป็นห้องน้ำแบบ Sexy Bath อีกด้วยค่ะ จึงตอบโจทย์คู่รักได้ดีทีเดียว ส่วนห้องนอนเล็กเองอยู่ภายในไม่ได้วิวและแสงสว่างจากภายนอก จะไม่โปร่งโล่งเท่าที่ควรสำหรับห้องนอน ซึ่งทางผู้ออกแบบเองตั้งใจจะออกแบบให้เป็นห้องนอนเด็กเนื่องจากต้องการให้มีความปลอดภัยมากกว่าในเรื่องรับวิวและแสงภายนอก ป้องกันไม่ให้เด็กไปเล่นริมระเบียง

    เริ่มจากทางเข้าห้องกันนะคะ ที่นี่ใช้ประตูโครงไม้ปิดผิวด้วยไม้วีเนียร์ ขนาดประตูเป็น Oversize ดูสวยงาม

    เข้ามาภายในห้อง จะเจอส่วนครัวก่อน ซึ่งบริเวณครัวนี้ก็จะปูด้วยกระเบื้องลายไม้ เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด และเหมาะกับการใช้งานบริเวณครัวดีค่ะ เพราะมีความคงทนในเรื่องของน้ำ ความชื้นต่างๆ ได้ดี

    จากหน้าประตูทางเข้ามาแล้วจะเป็นส่วนครัว ด้านซ้ายจากรูปเป็นตำแหน่งเคาน์เตอร์ครัว ส่วนขวามือเป็นทางเข้าห้องน้ำค่ะ ส่วนทางเดินตรงกลางมีความกว้างพอสมควรเลยค่ะ เดินเข้า-ออกได้สะดวก และเป็นพื้นที่สำหรับทำครัวได้ระดับนึง

    หันมาดูทางเคาน์เตอร์ครัวกันต่อเลยนะคะ เคาน์เตอร์ครัวและชุดตู้ Built-in ด้านบน จะได้ตามที่เห็นในห้องตัวอย่างเลยค่ะ นอกจากส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น สำหรับชุดตู้ Built-in ด้านบน และบานเปิด-ปิดด้านล่างนี้ใช้ยี่ห้อ Modernform ค่ะ ได้ Soft Close ทั้งหมด

    ภายในมีความจุพอสมควร สามารถวางจานชาม แก้วน้ำต่างๆ ได้พอสมควรเลยค่ะ

    มาที่ส่วนท็อปเคาน์เตอร์ที่นี่ให้มาเป็นหินสังเคราะห์ สามารถทนความชื้นและมีความคงทนพอสมควรเหมาะกับการใช้งานครัว เสียดายตรงด้านล่างไม่ได้ติด Backsplash มาให้ซึ่งทำให้สามารถทำความสะอาดผนังได้ง่ายขึ้น และช่วยให้ผนังไม่สกปรก เป็นรอยคราบน้ำมันหรืออาหารติดผนัง ซึ่งหากลูกบ้านคนไหนชอบทำอาหารง่ายๆ รับประทานเองอยู่แล้วก็สามารถทำ Backsplash เองเพิ่มเติมได้นะ ไม่ว่าจะกรุกระจกหรือกรุกระเบื้องผนังก็ได้เช่นกันค่ะ

    sink ล้างจานหลุมเดี่ยวจาก Franke ภายในอ่างจุจานชามได้ประมาณนึง

    อีกฝั่งติดตั้ง Hob & Hood ให้จาก Franke เช่นเดียวกัน ในส่วนของเตาได้เป็นเตาเซรามิก 2 หัว

    ด้านล่างเคาน์เตอร์ทำลิ้นชักและบานเปิดให้เรียบร้อย ภายในสามารถจุของต่างๆ ได้ระดับนึงค่ะ

    ติดกับเคาน์เตอร์ครัวเว้นที่ว่างไว้สำหรับวางตู้เย็นขนาดกลางๆ นะคะ

    มาที่ส่วนห้องน้ำส่วนกลางที่ใช้ร่วมระหว่างห้องนอนเล็กและส่วนครัว (ภายนอก) ในส่วนของพื้นห้องน้ำไม่มีการลดระดับแต่อย่างใดนะคะ เป็นพื้นเสมอภายนอกเลย เพราะตั้งใจออกแบบให้พื้นที่แห้ง ต้องแห้งของจริง ทำความสะอาดโดยการกวาดถูพอ ไม่ต้องล้าง ค่อยไปขัดล้างเฉพาะพื้นที่เปียกหรือพื้นที่อาบน้ำก็พอนะ เพราะต้องการให้สามารถตอบโจทย์เรื่องความสวยงามได้เป็นหลัก

    เริ่มจากโซนแห้งกันก่อนนะคะ ฝั่งซ้ายมือนี้จะเป็นส่วนโถสุขภัณฑ์ถัดเข้าไปด้านในจัดเป็นพื้นที่อาบน้ำให้โดยกั้นด้วย Shower Box กระจกเป็นสัดส่วน

    ความกว้างของพื้นที่บริเวณโถสุขภัณฑ์ให้มาแบบพอดีตัวตามขนาดของห้องน้ำ ซึ่งคนตัวใหญ่ใช้งานอาจจะรู้สึกไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นะคะ

    มาที่พื้นที่อาบน้ำมีการลดระดับพื้นลงเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลย้อนได้ดี ภายในใช้เป็นกระเบื้องเซรามิคขนาดเล็กทำให้มีร่องของรอยต่อเยอะกว่ากระเบื้องขนาดใหญ่ช่วยเป็นทางระบายน้ำได้ดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องทำความสะอาดมากขึ้นเช่นกันนะ

    ส่วนของฝักบัวใช้ของ Hansgrohe แบรนด์สุขภัณฑ์ดี สวยฝักบัวเป็นแบบเรียบทำความสะอาดง่ายและมีความคงทนในการใช้งานดี ระบบน้ำของห้องน้ำจะได้ระบบน้ำร้อนด้วยเป็นมาตรฐานนะคะ ส่วนผนังด้านข้างติดดวงโคมให้สวยงาม และด้านบนติดพัดลมดูดอากาศให้เรียบร้อย เพื่อใช้ดูดระบายความชื้นและอากาศภายในห้องน้ำได้ เมื่อห้องน้ำไม่ได้อยู่ติดกับผนังภายนอกซึ่งไม่สามารถติดหน้าต่างได้

    หน้าตาของฝักบัวมีขนาดปานกลางค่ะ

    อีกฝั่งเป็นอ่างล้างมือ ผนังด้านหลังติดกระจกเงาให้เรียบร้อยดี

    อ่างล้างมือใช้วัสดุเป็นหินสังเคราะห์ตั้งแต่ท็อปด้านบนลงมาด้านข้างด้วย มีพื้นที่อ่างด้านข้างพอสมควรไว้สำหรับวางข้าวของต่างๆ ได้ พร้อมติดตั้งปลั๊กไฟแบบกันน้ำให้สำหรับเสียบปลั๊กไดร์ผมต่างๆ ในส่วนของอ่างล้างมือมีขนาดมาตรฐานทั่วไปนะคะ ใช้ยี่ห้อ American Standard ค่ะ

    ถัดมาที่บริเวณด้านที่ติดกับภายนอกอาคาร จะประกอบไปด้วย Family Area ด้านซ้ายมือและห้องนอนใหญ่ฝั่งขวามือ พื้นที่จริงๆ มีความเชื่อมต่อกัน แต่ก็สามารถกั้นพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนได้เช่นกัน ซึ่งทางโครงการจะติดตั้งประตูบานเลื่อนให้เป็นมาตรฐานค่ะ

    การกั้นพื้นที่ห้องนอนให้แยกกับส่วน Family Area ที่นี่ถูกออกแบบให้เป็นในรูปแบบกึ่งส่วนตัวนะคะ เพราะจากส่วน Family Area สามารถมองเห็นเตียงภายในห้องนอนได้ผ่านทางกระจกกระดาษสา ทำให้ห้องนอนไม่ค่อยมีความเป็นส่วนตัวสักเท่าไหร่ แต่ก็แลกกับการที่ได้ความโปร่งโล่งภายในห้องนอนมากขึ้น แนะนำให้ติดม่านทึบเพิ่มเติมจะสะดวกต่อการใช้งานมากกว่าค่ะ ส่วนประตูบานเลื่อนนั้นเป็นบาน Oversize กรุด้วยวีเนียร์ไม้ ดูสวยงาม

    ภายในห้องนอนดูกว้างขวางเพราะได้พื้นที่ช่องแสงมาก ช่วยให้ตัวห้องดูโปร่งโล่ง และมีความกว้างของห้องนอนพอสมควรจึงมีพื้นที่ข้างเตียงโดยรอบพอสมควร ให้สามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้ หรือจะจัดโต๊ะทำงานเล็กๆ ก็ได้เช่นกันค่ะ ขนาดของเตียงห้องตัวอย่างที่จัดไว้จะเป็นเตียงขนาด 6 ฟุต

    อีกจุดที่เรามองว่าน่าเสียดายคือตำแหน่งของทีวีเยื้องกับเตียงนอน หากใครที่ชอบนอนดูทีวีก็จะไม่ค่อยถนัด เป็นผลมาจากการออกแบบผนังส่วนนึงเป็นกระจกนะ

    อีกข้างนึงของห้องนอนเป็นส่วนห้องน้ำภายในห้องนอนค่ะ ที่นี่ออกแบบห้องน้ำภายในห้องนอนเป็นแบบ Sexy Bath หรือพูดง่ายๆ ว่าสามารถมองเห็นด้านในห้องน้ำได้จากส่วนเตียงนอนด้านนอก เหมาะกับเป็นห้องคู่รัก ส่วนประตูห้องน้ำเป็นประตูบานเลื่อนวัสดุเดียวกับประตูทางเข้าห้องนอนค่ะ แต่มีขนาดเล็กลงมาหน่อย

    เข้ามาภายในห้องน้ำแบ่งเป็นสัดส่วนดีทีเดียว การออกแบบห้องน้ำให้ความรู้สึกเหมือนโรงแรมเลย โดยให้ความรู้สึกของพื้นที่แห้งเหมือนเป็นส่วนนึงกับส่วนห้องนอนด้านนอก เพราะจัดส่วนแต่งตัว Walk-in Closet เล็กๆ ภายในด้วยเลย

    ฝั่งขวามือนี้จะเป็นส่วนพื้นที่แต่งตัวที่เชื่อมเป็นส่วนนึงกับอ่างล้างมือ

    ที่แขวนเสื้อผ้าจะได้มาเป็นแบบแขวนลอยไม่ได้เป็นแบบบานปิดให้อารมณ์เหมือนอยู่โรงแรมเลยค่ะ ด้วยความที่ทางโครงการออกแบบให้ตัวโครงการนี้เป็นคอนโดตากอากาศ ซึ่งทางลูกบ้านไม่ได้เน้นอยู่อาศัยแบบถาวร จึงให้เป็นราวแขวนเสื้อพร้อมลิ้นชักด้านล่างเก็บเสื้อผ้าแทน ถ้าใครที่อยู่แบบ Long Term เลยพื้นที่เสื้อผ้าที่ให้คงไม่น่าจะพอค่ะ

    ถัดมาออกแบบให้เป็นพื้นที่แต่งตัวกับส่วนอ่างล้างมือ ติดผนังกรุด้วยกระจกเงาเรียบร้อย ให้มาทั้งหมด 2 ด้านด้วย สามารถส่องกระจกได้ทั่วดี

    อ่างล้างมือจาก American Standard ขนาดมาตรฐานทรงโค้ง ส่วนพื้นที่รอบอ่างได้เป็นหินสังเคราะห์เช่นเดิม สามารถกันเปียก และความชื้นต่างๆ ได้ดี เหมาะกับวางครีม สบู่ต่างๆ ได้

    โถสุขภัณฑ์พร้อมทั้งอุปกรณ์ห้องน้ำทั้งหมดส่วนใหญ่จะใช้เป็น American Standard ทั้งหมด

    ถัดมาเป็นส่วนพื้นที่อาบน้ำ ซึ่งก็ได้ให้ฉากกั้นกระจกมาเรียบร้อย

    สำหรับพื้นที่อาบน้ำนี้จะแต่งพื้นเหมือนกับห้องน้ำแรกเลยค่ะ แต่มีเพิ่มเติมคือส่วนที่นั่งอาบน้ำให้ด้วย เพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น

    ส่วนฝักบัวในห้องน้ำนี้จะได้ส่วน Rain Shower เพิ่มเติมด้วยจาก Hansgrohe เช่นเดิมค่ะ

    มาที่ส่วน Family Area ที่เชื่อมระหว่างพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร ซึ่งส่วนนี้จะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ได้วิวภายนอกเต็มที่ เสียดายหน่อยตรงที่น่าจะได้ประตูบานเลื่อนสูงถึงฝ้าเพดานเพื่อรับวิวได้เต็มที่

    สำหรับพื้นที่รับประทานอาหารนี้สามารถรองรับโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 3-4 ท่านได้กำลังพอดี

    มาที่ส่วนพื้นที่นั่งเล่นมีความกว้างของระยะทีวีพอสมควรนะคะ สามารถวางทีวีขนาดใหญ่ได้เลย

    ชุดโซฟาจะวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งหรือแบบ Love Seat 2 ที่นั่งได้ค่ะ แต่จะวางเก้าอี้โซฟาเพิ่มไม่ได้แล้วนะ พื้นที่ด้านข้างไม่พอ

    มาที่ส่วนระเบียงภายนอกทำมาได้ใหญ่ดีทีเดียวค่ะ ใครอยากเปิดรับลมแทนก็ยังได้นะ และราวกันตกก็ได้เป็นกระจกด้วยไม่บังวิวดี

    ความกว้างของระเบียงมีขนาดกว้างดีนะคะ จะไปวางโต๊ะเก้าอี้แบบ Outdoor มานั่งชิลๆ เสพบรรยากาศได้เลย

    ด้านข้างขวานั้นมีก็อกสนาม และปลั๊กไฟกันน้ำไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้าได้ ส่วนที่ดีมากๆ ทำให้พื้นที่ระเบียงสามารถนั่งเล่นได้จริง คือการวางคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ด้านบน ทำให้เวลานั่งริมระเบียงไม่โดนลมร้อนจากคอมเพรสเซอร์แอร์

    เข้ามาด้านในกันต่อ ฝั่งที่ติดกับชุดโซฟานั้นจะได้ชุด Built-in เป็นมาตรฐาน

    ภายในสามารถวางของได้พอสมควรเลยค่ะ การทำตู้ Built-in ให้ค่อนข้างตอบโจทย์การอยู่อาศัยในรูปแบบคอนโดได้ดีนะ เพราะด้วยพื้นที่ที่จำกัดเราก็จะต้องการพื้นที่เก็บของที่มากขึ้นเช่นกัน

    ถัดมาเป็นห้องนอนเล็ก ที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อนเช่นเดียวกับห้องนอนใหญ่

    ภายในมีขนาดกะทัดรัดนะ วางเตียงแบบ Single Bed จะเหมาะสุดค่ะ ซึ่งห้องนอนนี้จะเป็นห้องที่ไม่มีหน้าต่าง แนะนำให้ปรับห้องนี้เป็นห้องอเนกประสงค์แทน แต่หากใครไม่ซีเรียสเรื่องของวิวและช่องแสงก็ทำเป็นห้องนอนชั่วคราวได้ค่ะ

    ด้านข้างประตูห้องน้ำและประตูบานเลื่อนมี Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดกะทัดรัดให้เรียบร้อย

    ภายในจะมีราวแขวนเสื้อผ้า ด้านล่างเป็นลิ้นชักและด้านบนทำเป็นชั้นเก็บของให้ค่ะ

    สำหรับห้องถัดไปที่เราจะพาไปดูกันนั้นเป็นห้อง 3 Bedroom ขนาด 121.50 ตร.ม. ลักษณะเป็นห้องหัวมุมจึงมีข้อพิเศษคือได้วิวจากทั้ง 2 ฝั่ง ในส่วนการจัดฟังก์ชันภายในห้องนี้ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียวค่ะ เพราะมีการจัดแยกส่วนห้อง Grand Master Bedroom ออกจากส่วน Private Zone อย่างห้องนอนเล็กและ Master Bedroom เนื่องจากทางโครงการเองตั้งใจออกแบบให้ห้องนี้เป็นห้องสำหรับคู่ผู้สูงอายุ เช่นคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย ได้มีความเป็นส่วนตัวสูงสุด คั่นกลางด้วย Family Area อย่างพื้นที่ครัวขนาดใหญ่ พื้นที่รับประทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่เชื่อมกัน ก่อนจะเข้าสู่ Private Zone ซึ่งแบ่งเป็นห้องนอนเล็ก และห้องนอนใหญ่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ค่ะ

    แปลนนี้ตอบโจทย์กับครอบครัวขนาดใหญ่อยู่ร่วมกัน 3 Generation ได้ดีทีเดียวค่ะ และการจัดวางฟังก์ชันก็ลงตัวดี

    เข้ามาภายในห้องกันจะเห็นเป็นช่องทางเดิน ทะลุออกจากยังส่วนพื้นที่นั่งเล่นที่ติดกับภายนอกอาคาร

    หันกลับหลังมาในส่วนหน้าประตูทางเข้านี้จะเป็นกึ่ง Foyer ที่จะแจกไปยังฟังก์ชันต่างๆ ภายในห้อง โดยฝั่งขวามือจะเป็นส่วนห้องครัวค่ะ ส่วนฝั่งซ้ายนั้นทางโครงการ Built-in ให้เป็นตู้เก็บของ

    ตู้เก็บของที่ทางโครงการ Built-in มาให้บริเวณหน้าทางเข้าสามารถเก็บของต่างๆ ได้พอสมควรเลยค่ะ อย่างฝั่งขวาก็จะเป็นตู้เก็บรองเท้าได้ อีกฝั่งสามารถเก็บของใหญ่ได้ด้วยนะ

    ถัดมาที่ส่วนครัว สำหรับห้องนี้ได้พื้นที่ครัวเป็นสัดส่วน และมีขนาดใหญ่ทีเดียวค่ะ โดยจะได้เคาน์เตอร์รูปตัว L ยาวเลย ใครที่ชอบทำอาหารรับประทานเองน่าจะชอบนะ ในส่วนสเป็ควัสดุจะเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ

    มีเพิ่มเติมที่จะได้คือส่วนโต๊ะที่อยู่ติดกับเคาน์เตอร์ครัวเลย โต๊ะนี้สามารถรองรับที่นั่งได้ 2 ที่เต็มที่ ซึ่งตั้งใจไว้สำหรับเป็นโต๊ะสำหรับทานข้าวง่ายๆ เร็วๆ ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารจริงๆ จะอยู่อีกที่ค่ะ

    เข้ามาส่วนห้อง Grand Master Bedroom กันต่อนะคะ ขนาดพื้นที่กว้างขวางมากๆ ภายในสามารถจัดฟังก์ชันเพิ่มได้นะ

    จากหน้าห้องมีพื้นที่ว่างสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารได้ หรือจะจัดเป็นพื้นที่ทำงาน อ่านหนังสือต่างๆ ได้ตามไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านเลยค่ะ

    ถัดเข้ามาจะเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่นและเตียงนอน พื้นที่ส่วนนี้จะดูโปร่งโล่งดีมากเพราะอยู่ติดกับกระจกบานใหญ่ ช่วยให้แสงสว่างเข้ามาภายในได้ดี

    ส่วนประตูบานเลื่อนกระจกออกไปยังส่วนระเบียงชุดนี้ใช้สเป็คเดียวกับห้องที่แล้ว คือกรอบอลูมิเนียม powder coat สีขาว กระจกตัดแสง

    สำหรับระเบียงห้องนี้มีขนาดกะทัดรัดลงมาหน่อย แต่ก็ยังถือว่าให้มากว้างสำหรับออกไปยืนชมวิวได้สบายค่ะ ได้ราวกันตกเป็นกระจกและวางคอมเพรสเซอร์แอร์ด้านบนเพื่อสามารถใช้งานพื้นที่ระเบียงได้เต็มที่ และไม่มีลมร้อนจากคอมเพรสเซอร์แอร์มารบกวน

    มาที่โซนเตียงนอนกันต่อ บริเวณเตียงนอนจะวางเตียงขนาดใหญ่สุดอย่าง 6 ฟุตก็ได้สบายมาก มีพื้นที่รอบเตียงกว้างขวางเดินได้ง่าย เหมาะกับเป็นพื้นที่สำหรับผู้สูงวัย

    ด้านข้างเตียงเป็นหน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่ มีพื้นที่เหลือพอสมควรจะวางโต๊ะทำงานหรือชุดโซฟาขนาดกะทัดรัดได้ไว้นั่งชิลๆ ริมหน้าต่าง

    อีกฝั่งของเตียงเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำค่ะ ลักษณะเป็นห้องน้ำแบบ Sexy Bath เช่นเดียวกับห้องตัวอย่างที่แล้วเลย ซึ่งในการใช้งานจริงนี้ค่อนข้างจำกัดกลุ่มคนที่ใช้เหมือนกันนะ ว่าต้องเป็นคู่รักกันใช้งาน ซึ่งทางโครงการก็ตั้งใจออกแบบให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ส่วนใครที่ไม่ได้ต้องการใช้ห้องน้ำแบบ Sexy Bath ก็ไม่ยากค่ะติดฟิล์มขุ่นบังตรงกระจกได้เช่นกัน

    ภายในห้องน้ำได้เหมือนห้องตัวอย่างที่แล้วเลยค่ะ ทั้งการจัดวาง และสเป็คสุขภัณฑ์ทั้งหมด

    ส่วนพื้นที่ห้องน้ำนั้นจะได้แค่ฝักบัวสายอ่อนนะ ไม่ได้ Rain Shower มาด้วย แต่จะมีทำที่นั่งอาบน้ำให้ค่ะ

    ถัดมาที่ส่วน Family Area ที่เชื่อมกับบริเวณ Foyer หน้าห้องและพื้นที่ครัว จะประกอบไปด้วยพื้นที่รับประทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่น บรรยากาศบริเวณนี้จะโปร่งโล่งมากเพราะได้ช่องเปิดขนาดใหญ่ และในส่วนของวิวก็สามารถมองได้ไกลไม่มีอะไรมาบดบังวิว

    ฝั่งขวามือในห้องตัวอย่างได้เป็นผนังทึบนะคะ ไม่ได้กรุกระจกเงาให้แบบนี้ ซึ่งหากพูดถึงรูปแบบการกรุกระจกแบบนี้ก็จะช่วยส่งเสริมให้ภายในห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นได้ดีทีเดียวค่ะ ในส่วนของฟังก์ชันบริเวณนี้จัดให้เป็นพื้นที่รับประทานอาหาร โดยสามารถจัดวางโต๊ะสี่เหลี่ยมขนาด 4-6 ที่นั่งได้ หรือเป็นโต๊ะกลมขนาดประมาณ 5-6 ที่นั่งได้เช่นกันค่ะ

     

    ส่วนระเบียงกว้างและโปร่งดีมาก ช่วงเย็นๆ เหมาะมากที่จะมาชมพระอาทิตย์ตกดินบริเวณนี้ค่ะ

    หันมาด้านข้างจัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่ วางชุดโซฟาแบบจัดเต็มได้เลยค่ะ อย่างในห้องตัวอย่างจัดมาให้ดูเป็นโซฟาเบด ขนาด 4 ที่นั่งกำลังดีค่ะ

    ฝั่งซ้ายของโซฟาเป็นห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันระหว่างส่วน Family Area และห้องนอนเล็ก ถัดเข้าไปจะเป็นส่วน Private ซึ่งทางขวามือเป็นห้องนอนเล็กและตรงไปในสุดเป็นห้องนอนใหญ่หรือ Master Bedroom

    ภายในห้องน้ำได้แบ่งส่วนเปียกและแห้งเรียบร้อยเลยค่ะ ขนาดจะค่อนข้างกะทัดรัดลงมาหน่อยจากห้องน้ำในห้อง Grand Master Bedroom นะ แต่ไม่ถึงกับเล็กจนเกินไปนะคะ และในส่วนของสเป็คสุขภัณฑ์ต่างๆ ใช้เหมือนกับห้องน้ำห้องอื่นๆเลยค่ะ คือ American Standard ส่วนก็อกน้ำทั้งหมดจาก Hansgrohe

    ภายในส่วนพื้นที่อาบน้ำตกแต่งเหมือนเดิม พร้อมติดตั้งฝักบัวสายอ่อนให้เรียบร้อย

    มาที่ห้องนอนเล็กก่อนเข้าสู่พื้นที่เตียงนั้นจะเจอส่วนตู้เสื้อผ้าก่อนนะคะ ขนาดตู้เสื้อผ้ากำลังดีในการใช้งานจริงได้ ไม่ได้เป็นแค่ขนาดเล็กๆ แขวนเสื้อได้ตัวสองตัว

    พื้นที่เตียงนอนสามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต ได้แบบฟิตๆ นะ เพราะปลายเตียงและส่วนที่ติดผนังกับหน้าต่างนั้นไม่มีทางเดินรอบเตียง จริงๆ ขนาดห้องถือว่าไม่ใหญ่มากแต่ดีที่ได้หน้าต่างขนาดบานพอสมควรเลยช่วยให้ภายในห้องดูโปร่งโล่ง

    มาที่ห้อง Master Bedroom กันต่อนะคะ เข้ามาเลยเราจะเจอกับห้องน้ำก่อนแล้วเลี้ยวขวาไปยังส่วนเตียงนอน

    ห้องน้ำภายในห้องนอนนี้พิเศษกว่าห้องอื่นๆ เพราะเป็นห้องน้ำที่ติดกระจกใสทั้งภายในและภายนอกนะ รวมทั้งได้อ่างอาบน้ำมาด้วยค่ะ ด้วยความที่เป็นห้องน้ำที่ได้กระจกขนาดใหญ่ทำให้ภายในโปร่งโล่ง และสามารถเสพวิวขณะอาบน้ำได้ด้วย ใครอยู่ตำแหน่งไม่ติดกับตึกด้านข้างนั้นก็สบาย นอนอาบน้ำชมวิวเพลินๆ ได้เลยค่ะ แต่อย่างห้องนี้มีบางส่วนที่เยื้องๆ กับตึกข้างเคียงนะ อาจจะไม่เป็นส่วนตัวเท่าไหร่ แก้ปัญหาง่ายๆ คือติดม่านเหมือนห้องตัวอย่างเลยค่ะ

    ฝั่งซ้ายมือเป็นส่วนแห้ง มีอ่างล้างมือพร้อมเครื่องทำน้ำร้อนด้านล่าง โถสขุขภัณฑ์

    ฝั่งขวาเป็น Shower Box มีทั้งฝักบัวสายอ่อนและ Rain Shower

    อ่างอาบน้ำจาก American Standard เรียบๆ สวยงาม

    วิวจากส่วนอ่างอาบน้ำ ใครอยู่ชั้นสูงๆ ได้เปรียบมาก

    ถัดมาที่โซนเตียงนอนกันต่อ ผ่านตู้ Built-in ไว้สำหรับใส่เสื้อผ้า

    ตรงมาเป็นโซนเตียงนอนแล้วค่ะ ห้องนี้ได้เป็นห้องมุมด้วยนะ ทางโครงการเลยออกแบบให้เป็นกระจกเข้ามุมขนาดใหญ่ หันปลายเตียงออกไปยังกระจก เพื่อนอนดูวิวฟินๆ ได้เลย

    เตียงที่เหมาะกับขนาดพื้นที่จะเป็นขนาด 5 ฟุตกำลังดีค่ะ มีพื้นที่ทางเดินเหลือๆ รอบเตียง

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

     

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 20 October 2017

    • 1 Bedroom เนื้อที่ 32.52 – 39.24 ตร.ม. ราคา 3.59 – 5.46 ล้านบาท หรือประมาณ 110,393 – 139,143 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedroom เนื้อที่ 55.45 – 57.08 ตร.ม. ราคา 6.18 – 7.37 ล้านบาท หรือประมาณ 111,451 – 129,117 บาท/ตร.ม.
    • 3 Bedroom เนื้อที่ 82.3 – 121.38 ตร.ม. ราคา 11.7 – 14.9 ล้านบาท หรือประมาณ 138,517 – 122,754 บาท/ตร.ม.

    • Fully Fitted
    • ฝ้าเพดานสูง 2.8 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • จอง

    • 1 Bedroom 50,000 บาท
    • 2 Bedroom 80,000 บาท
    • 3 Bedroom 100,000 บาท

  • ทำสัญญา 10% ของราคาซื้อขาย
  • ค่ากองทุน 500  บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน
  • **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


    เจาะลึกรวบยอด

    โครงการ Veranda Residence Pattaya เป็นคอนโดมิเนียมตากอากาศที่ได้ใช้ Facilities Hotel ระดับ 5 ดาวของ Veranda Resort Pattaya พร้อมกับได้ Exclusive Member มีส่วนที่สามารถใช้บริการพร้อมรับส่วนลดในการใช้ส่วน Facilities Hotel เช่น Spa และ ห้องอาหาร เป็นต้นค่ะ ตอบโจทย์กลุ่มคนที่ต้องการหรือชอบใช้ Facilities Hotel ต่างๆ ด้วยและอยากได้ห้องพักที่เป็นของตัวเองไม่ต้องจองห้องพักโรงแรม จะไปเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อสะดวก ซึ่งรูปแบบการอยู่อาศัยจะเหมือนกับการอยู่แบบกึ่งคอนโดมิเนียม ในไลฟ์สไตล์ใกล้เคียงกับอยู่โรงแรมด้วย ข้อดีก็คือมีความสะดวกสบาย สาธารณูปโภคต่างๆ ครบครัน มีการดูแลรักษาที่ดีในระดับมาตรฐานโรงแรม ซึ่งก็แลกมากับความคึกคักที่มากขึ้น เพราะอยู่ในพื้นที่เดียวกับโรงแรมที่มีลูกค้าโรงแรมเข้า-ออกเป็นประจำ

    ทำเล – ตั้งอยู่บริเวณช่วงหาดจอมเทียนเลยจากส่วนพัทยามาหน่อย ค่อนข้างเงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน สถานบันเทิงน้อยแตกต่างจากในเมืองพัทยา เหมาะกับการมาพักผ่อนหย่อนใจ ต้องการความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว ถ้าใครเน้นเที่ยวในตัวเมืองจะมีระยะที่ต้องขับรถเข้าเมืองพัทยาหน่อยนะ แต่ก็ไม่ได้ไกลมาก เพราะขับรถไปพัทยาใต้อยู่ที่ 8-9 กิโลเมตร รถไม่ติดแปปเดียวก็ถึงค่ะ

    สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียม หมู่บ้าน และรีสอร์ทต่างๆ ไม่มีสถานบันเทิง จะมีร้านอาหารซีฟู้ดอยู่บ้าง แต่ไม่ได้หนาแน่นและพลุกพล่านเหมือนโซนพัทยา แน่นอนว่าการอยู่โครงการนี้เองก็ไม่จำเป็นต้องออกไปหาข้าวกินด้านนอก เหมือนคอนโดมิเนียมทั่วไปนะ เพราะมีส่วนโรงแรมอยู่ด้วย มีห้องอาหารและ Service ของโรงแรมคอยบริการอยู่แล้ว จึงเป็นข้อดีของการอยู่โครงการนี้โดยเฉพาะ

    การเดินทาง – สำหรับใครที่มองหาคอนโดตากอากาศใกล้กรุงเทพ บรรยากาศสงบ เน้นมาพักผ่อนก็ถือว่าทำเลนี้เดินทางสะดวก ไม่ไกลจากกรุงเทพ และใช้เวลาเดินทางไม่นาน เลิกงานวันศุกร์ขับรถมาอยู่ช่วงวันหยุดและกลับกรุงเทพไปทำงานได้ง่าย การเดินทางเข้า-ออกกรุงเทพก็ใช้ Motorway เป็นหลัก และวิ่งเข้าสุขุมวิทตรงมาประมาณ 10-11 กิโลเมตรก็ถึงโครงการแล้วค่ะ ส่วนใครกลัวรถติดในเมืองพัทยา (วิ่งเส้นสุขุมวิทต้องวิ่งผ่านเมืองพัทยา) ก็สามารถเลี่ยงออกถนนเลียบทางรถไฟผ่านเมืองพัทยาไปก่อนได้รถจะไม่ติดมากนักค่ะ หรือจะใช้อุโมงค์ที่เปิดใหม่ก็ประหยัดเวลาได้เหมือนกัน

    ในส่วนของที่จอดรถเฉพาะโซนคอนโดมิเนียมให้มาประมาณ 40% ไม่รวมซ้อนคัน ในช่วง Low Season ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องจอดรถ เพราะเป็นคอนโดตากอากาศ แต่ในช่วง High Season หรือช่วงวันหยุดยาวอาจจะมีที่จอดรถไม่พอได้เหมือนกัน

    การออกแบบ – รูปแบบของโครงการโดยรวมทั้งหมดสร้างบรรยากาศได้ดีค่ะ การออกแบบใช้หลักของการออกแบบในรูปแบบโรงแรมเป็นหลัก ทำให้บรรยากาศสวยงาม และโดยเฉพาะเครือ Veranda ที่มักจะให้ความสำคัญกับเรื่องการออกแบบสร้างบรรยากาศอยู่แล้ว จึงมั่นใจในเรื่องความสวยงามได้ดี มีมุมต่างๆ ให้ถ่ายรูป ให้เสพกลิ่นอายการพักผ่อน ซูมเข้ามาที่ส่วนคอนโดมิเนียมเอง ในตัวห้องพักอาศัยจะให้ความสำคัญบริเวณ Family Area เป็นหลักโดยให้พื้นที่ส่วนนี้ใหญ่เพื่อให้เป็นพื้นที่สำหรับครอบครัวมาใช้พื้นที่ร่วมกันได้ สำหรับห้อง 2 Bedroom เป็นห้องหน้ากว้างทำให้ได้ช่องเปิดมากขึ้น ตัวห้องดูโปร่งโล่ง รับลม รับวิวภายนอกได้ดี จะมีส่วนห้องนอนเล็กที่ไม่ได้ช่องเปิดเลยที่เรามองว่าดูอึดอัดไปหน่อย และความเป็นส่วนตัวของ Master Bedroom ที่ไม่ได้เป็นส่วนตัวมากนัก เหมาะกับเป็นห้อง 1 Bedroom อยู่กัน 2 คนมีพื้นที่ใช้สอยสบายๆ มากกว่า ห้องนอนเล็กใช้เป็นห้องสำหรับฟังก์ชันอื่นจะเหมาะมากกว่าเป็นห้องนอนค่ะ ส่วนห้อง 3 Bedroom โดยรวมลงตัวดีค่ะ เน้น Family Area เช่นเดิม มีเพิ่มเติมคือเป็นห้องที่อยู่กัน 3 Generation เลยคือมีห้อง Grand Master Bedroom ด้วยสำหรับคุณปู่-คุณย่า, คุณตา-คุณยาย อยู่ด้วยกันมีพื้นที่กว้างขวางสบายๆ ส่วน Master Bedroom ห้องนี้จะพิเศษหน่อยคือได้อ่างอาบน้ำด้วย และโซนเตียงนอนที่เป็นกระจกเข้ามุมรับวิวทะเลชัดเจน

    วัสดุ – ถือว่าให้มาโอเค ให้มาแบบ Fully Fitted ได้ชุดครัวจาก Modernform ท็อปหินสังเคราะห์ พร้อมด้วย Hob & Hood, Sink จาก Franke สุขภัณฑ์ American Standard และก็อกน้ำจาก Hans grohe ได้เครื่องทำน้ำร้อนเป็นมาตรฐาน พื้นใช้กระเบื้องยาง ส่วนห้องน้ำและครัวเป็นกระเบื้องลายไม้ทำความสะอาดง่ายและคงทนเหมาะกับการใช้งาน ตัวประตูต่างๆ Fitting ดี แข็งแรงค่ะ

    สาธารณูปโภค – สำหรับทั้งโครงการรวมการใช้งาน Facilities โรงแรมด้วยถือว่าเป็นข้อดีของโครงการนี้ มีความหลากหลายให้ใช้ในมาตรฐานโรงแรม 5 ดาว ซึ่ง Facilities แยกเป็น 2 ส่วนคือส่วนที่ใช้ร่วมกับลูกค้าของโรงแรม และส่วนที่ใช้ได้เฉพาะลูกบ้าน ลูกบ้านที่นี่อยากเล่นอันไหนก็ได้ครับ แต่ฝั่ง Residence จะมีความเป็นส่วนตัวขึ้นมากกว่า เพราะใช้ได้เฉพาะลูกบ้านคอนโดมิเนียมและ Pool Villa ในเรื่องความความสวยงามทำออกมาได้น่าใช้งานและเพียงพอ แต่เสียดายที่เป็นแบบ On Ground เพราะต้องใช้ร่วมกับ Villa ด้วย ถ้าได้สระว่ายน้ำยกขึ้นชั้นสูง สามารถชมวิวทะเลในขณะใช้ Facilities ด้วยน่าจะฟินมากทีเดียว

     

    Judgement

    เนื่องจากโครงการบ้านตากอากาศ ใช้ความคุ้มค่าทางอารมณ์ เป็นตัวตัดสินมากกว่า ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายไป แนะนำให้ไปดูและใช้ใจตัวเองเป็นตัวตัดสินจะดีที่สุดค่ะ…

    BOTTOM LINE

    โครงการ Veranda Residence Pattaya เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดตากอากาศในรูปแบบการใช้งานเหมือนอยู่โรงแรม เพราะต้องการใช้งาน Facilities และ Service จากโรงแรมระดับ 5 ดาวในราคาส่วนลดพิเศษด้วย อยากอยู่ในทำเลชลบุรีใกล้พัทยา เดินทางจากกรุงเทพสะดวก ในทำเลที่ไม่พลุ่กพล่าน มีความเป็นส่วนตัว เพื่อมาพักผ่อนเป็นหลัก แต่ก็เดินทางไปตัวเมืองพัทยาไม่ไกลเช่นกัน มีงบประมาณอยู่ที่ 3.59 – 14.9 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 25,130 – 119,200 บาท