รีวิวเจาะลึกชุดที่ 56 … เป็นภาคต่อของรายละเอียดคอนโด The Energy หัวหิน ที่เราลงกันไปแล้วตอนต้นสัปดาห์ โครงการนี้มีทั้งหมดเกือบ 6 พันยูนิต ก็แน่นอนต้องพึ่งงบการตลาดหลักสิบล้านกับการยิง Spot โฆษณากันชุดใหญ่ไปทั่วประเทศ ก่อนที่จะมีการเปิดจองที่ Siam Paragon 17-18 ธันวาคม 2554 (เสาร์-อาทิตย์ ที่จะถึงนี้) รีวิวของทาง Think of Living ก็จะสกรีนให้ท่านผู้อ่าน 1 รอบก่อนครับ

Fact @ 11 December 2011

  • The Energy หัวหิน (ชะอำ)
  • บ้านราชประสงค์
  • คอนโด 8 ชั้น Low Rise 34 ตึก  5,997 ยูนิต
  • ที่ดินประมาณ 114 ไร่ ! (อีก 16 ไร่ที่เหลือตั้ง Facility ของบ้านราชประสงค์ต่างหาก ไม่ใช่ที่ส่วนกลาง เช่น Sport Complex, Hotel)
  • 1 Bedroom / 2 Bedrooms / Duplex
  • พื้นที่ใช้สอย 31 – 108 ตารางเมตร
  • ราคาเริ่มต้น 1,800,000 บาท (31 ตารางเมตร)
  • ราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้นประมาณ 60,000 บาท
  • กำหนดสร้างเสร็จ ธันวาคม 2557

เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

ก่อนอื่นเลยก็คือ The Energy ไม่ได้อยู่หัวหิน แต่อยู่ชะอำจังหวัดเพชรบุรี คล้ายๆกับโครงการอีกหลายโครงการที่ตั้งอยู่ปลายๆชะอำแต่บอกว่าอยู่หัวหิน รวมไปถึงบ้านแสนครามของแสนสิริที่เรารีวิวกันไปแล้วด้วย ส่วนเซโลน่าของแสนสิริที่เขาเต่านั้นหัวหินของแท้ครับ

ส่วนเรื่องทำเลตัวนี้ไม่มีอะไรมาก เป็นที่ดินยาวตั้งแต่ถนนเพชรเกษมไปติดทะเล พื้นที่รวมใหญ่มากประมาณ 130 ไร่ แบ่งออกเป็นส่วนที่นำมาจัดสรรอาคารชุด 114 ไร่ ที่เหลืออีก 16 ไร่ด้านหน้าเป็นพื้นที่ของ Sport Complex และ Hotel ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการใช้ค่าส่วนกลางของ The Energy ไปบำรุงนะครับ

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

เจาะลึกตัวสินค้า

ต้องบอกตามตรงว่าโครงการนี้เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่ใหญ่ที่สุดที่ผมเคยรีวิวมา ที่ดินผืนใหญ่ขนาดนี้สามารถสร้างบ้านเดี่ยวได้ 700 หลัง แต่พอเอามาทำคอนโดมิเนียม เลยสร้างได้ 34 ตึก รวมแล้วเกือบๆ 6,000 ยูนิต ไล่ตั้งแต่หน้าโครงการ (ถนนเพชรเกษม) ไปจรดทะเล ผังที่ยังไม่เปิดขายคือสีส้ม (จะมีเปิดขายในงานที่ Siam Paragon วันเสาร์-อาทิตย์นี้)

ดูจาก Google Map จะเห็นแปลงผืนเขียวๆหน้าตาคล้ายๆผังโครงการข้างบน ซึ่งก็คือ Shape ที่ดินตามรูป วัดความยาวตามเส้นแดงจากถนนถึงชายหาดได้ 860 กว่าเมตร  ที่ดินของ The Energy หัวหินไม่รู้ว่าข้ามถนนเลียบชายหาดนั่นไปหรือไม่ เพราะไม่ปรากฏอยู่ในผังโครงการ เห็นเส้นถนนจางๆด้านล่าง ก็แสดงว่าอาจจะไม่ไปจรดชายหาด อันนี้ต้องเช็คข้อเท็จจริงกันอีกที

 

ในแต่ละเวิ้งจะมีตึกทั้งหมด 6 ตึกยกเว้น Zone K ซึ่งเป็นเวิ้งสุดท้ายมี 4 ตึก ซึ่งโปรเจคนี้มีทั้งหมด 7 เวิ้ง 34 ตึก แต่ละเวิ้งหน้าตาก็จะคล้ายๆกัน โดยตั้งตัวตึกเป็น 2 แถว มีสระว่ายน้ำยาว 240 เมตรผ่ากลาง ไล่จากตึกแรกไปจรดปลายตึกสุดท้าย ใช้เป็นพื้นที่ส่วนกลางของเวิ้งนั้นๆ

อันนี้เป็นตัวอย่างของ Floor Plan ชั้น G ของตึก E6 แต่ละตึกมีทั้งขนาดและรูปร่างของห้องแตกต่างกันมาก โดยเราสามารถแบ่งง่ายๆคือห้องที่หันหน้าออกจากสระน้ำ กับห้องที่หันหน้าเข้าหาสระน้ำ แบ่งเป็นสองทิศคือเหนือและใต้

ภาพจำลองข้างบนเป็นภาพจำลองถนนหน้าโครงการ ว่าถ้าขับผ่านแล้วจะเห็น Sport Complex กับโรงแรมตั้งคล้ายๆปราสาทอยู่ทางซ้ายมือของคนที่ขับรถมาจากกรุงเทพมหานคร ดังนั้นเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกคงจะไม่ต้องห่วง จัดเต็มแน่นอน

The Energy หัวหิน (3)

แค่หน้าตาของโรงแรมก็กินขาดแล้ว มีม้ากระโดดเล่นน้ำกันอยู่ด้วย คล้ายๆกับสัญลักษณ์ของหมู่บ้าน LADAWAN แต่บังเอิญมันไม่เกี่ยวอะไรกับโครงการคอนโด ยกเว้นเรื่องพักฟรีโน่นนี่นั่นอะไรนิดหน่อย ก็ขอข้ามไปนะครับ

The Energy หัวหิน (4)

นี่เป็น Sport Complex ซึ่งจะให้ลูกบ้านมาเล่นได้ แต่ก็ไม่ใช่พื้นที่ส่วนกลางของโครงการเช่นกัน พื้นที่เกือบ 10,000 ตารางเมตร เรียกว่า The Energy Complex ลูกบ้านเล่นได้ฟรีตลอดชีพไม่มีค่าใช้จ่าย

สุดท้ายเป็นรายละเอียด Fact Sheet กดขยายดูได้ถ้าตัวหนังสือเล็กเกินไป

The Energy หัวหิน (14)

เราก็เอาโมเดลตึกมาซูมกันให้ดู อันนี้เป็นตึกคู่แรก (E1, E4) ว่าหน้าตาย้อนยุคแบบ Vintage มันเป็นอย่างไร

The Energy หัวหิน (8)

สุดท้ายพอเรามาดูภาพหน้าตรงจะเข้าใจ ว่ามันวางเรียงรายกันแบบนี้ 6 ตึก หากยืนอยู่ตรงเก๋งสีขาวๆที่เป็นเหมือนทางเข้าแล้วมองออกไป สุดลูกหูลูกตาเป็นทะเล คงจะปลื้มไม่น้อย

Product Walkthrough

The Energy หัวหิน (29)

ที่นี่เป็นห้องตัวอย่างขนาด 31 ตารางเมตร ที่ตั้งอยู่ที่โรงแรมอนันตรา BTS ราชดำริ ซอยมหาดเล็กหลวง 3

ประตูในรูปข้างบนเป็น “บานเปิด” ไม่ใช่ “บานเลื่อน” อย่างที่เห็น

The Energy หัวหิน (28)

นี่เป็นบรรยากาศห้องรับแขกและโซฟา ที่มีโต๊ะทานข้าวเล็กๆตัวหนึ่งตั้งอยู่ การตกแต่งทั้งหมดทำออกมาเป็นแบบ Colonial ขาวๆ ย้อนยุคไปช่วงสมัยรัชกาลที่ 5-6 แต่เท่าที่ดูก็ปรับให้เข้ากับสมัยใหม่เยอะมาก แนวการตกแต่งห้องจึงออกมาคล้ายๆ Modern Colonial มากกว่าครับ

The Energy หัวหิน (27)

ห้องครัวขาวๆ วัสดุธรรมดา ให้ความรู้สึกย้อนยุคหน่อยๆ เรียบๆไม่หรู ตู้เย็นบริเวณขอบๆภาพที่เห็นก็มีให้ด้วยนะครับ

The Energy หัวหิน (26)

ครัวมี Sink แบบ 1 ช่องให้ มีเตาไมโครเวฟให้ แต่ไม่มีเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน

The Energy หัวหิน (25)

ช่องหน้าต่างมองออกไปเป็นระเบียง ได้วิวอะไรก็จะเห็นจากตรงนี้ ไม่ว่าจะเป็นทะเลหรือสระว่ายน้ำ ตัวตึกทำมุมเฉียงๆนิดหน่อยกับทะเล ดังนั้นโอกาสที่เห็นทะเลก็จะมีสูง แล้วแต่ว่าห้องไหนเห็นเยอะเห็นน้อย

The Energy หัวหิน (24)

กระเบื้องปูพื้นใช้แบบ 12 x 12 กรอบหน้าต่างอลูมิเนียม

The Energy หัวหิน (23)

อ่างล้างหน้าในห้องน้ำเป็นพื้นที่ที่บุ๋มเข้าไปหน่อยนึง มีแต่อ่างไม่มี Built ตู้ปิดทับ

The Energy หัวหิน (22)

พื้นใช้กระเบื้องแผ่นเล็กผนังปูกระเบื้องแผ่นใหญ่ โถสุขภัณฑ์ใช้รุ่นเรียบๆมาตรฐาน

The Energy หัวหิน (21)

กระจก Tempered Glass แบบบานเปลือยช่วยให้ห้อง Shower Room ดูดีขึ้น

The Energy หัวหิน (20)

ฝักบัวต่อออกมาจากเครื่องทำน้ำอุ่น ไม่ค่อยเห็นคอนโดที่ไหนทำแบบนี้

The Energy หัวหิน (19)

ให้ดูกรอบกระจกหน่อยว่างานออกมาเป็นอย่างไร นี่ถ่ายจากห้องนอน

The Energy หัวหิน (18)

การขายเป็นแบบห้องพร้อมตกแต่ง Fully Furnished รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยมีอุปกรณ์มากมายดังที่เห็นในห้องตัวอย่าง

The Energy หัวหิน (13)

ภาพนี้ผมเดินออกไปที่ระเบียง ถ่ายภาพย้อนกลับมา

The Energy หัวหิน (12)

 

ซูมให้ดูลายกระเบื้องที่ระเบียงกับกรอบอลูมิเนียมอบขาวกันจะๆ

The Energy หัวหิน (11)

เก็บรายละเอียดห้องนอนหน่อย เข้าไปก็จะรู้สึกเคลิ้มๆหวานๆด้วย Lighting และ Prop สีขาวแทบทั้งนั้น แต่ไม่อยากจะคิดสภาพเวลาไม่ได้อยู่ 10 เดือนแล้วกะว่าจะไปพักผ่อนช่วงสงกรานต์ มันอาจกลายเป็นวาระทำความสะอาดบ้านครั้งยิ่งใหญ่ได้

The Energy หัวหิน (10)

ลองดูตู้และโต๊ะเครื่องแป้งที่มีให้ กระจกทรงวงรีนั้นให้ความรู้สึกย้อนกลับไปยุคปริศนาได้เป็นอย่างดี … ชื่อละครชื่อนี้อาจทำให้เด็กรุ่นใหม่บางคนไม่รู้จัก แต่ก็ไม่เป็นไร ผมยังเชื่อว่าทุก 10 ปี ปริศนามี Remake

The Energy หัวหิน (9)

แอร์นะครับอยู่ในห้องนอนจุดหนึ่งและห้องรับแขกอีกจุดหนึ่ง

Price vs Performance

ด้วยห้องที่จำนวนแบบเยอะมาก ผมคงจะไม่สามารถไปหาราคามาคอมเม้นท์ให้ได้ทุกแบบ จึงจะบอกเป็นกลางๆว่าตารางเมตรเริ่มต้นอยู่แถวๆ 60,000 บาท โดยราคาขายเฉลี่ยของยูนิตเล็กน่าจะอยู่ราวๆ 2 ล้านบวกลบนิดหน่อย และมีเงื่อนไขการขายดังนี้

  • จ่าย Down 15%
  • จอง 10,000 บาท
  • ทำสัญญา 50,000 บาท
  • ค่ากองทุน 1,000 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 50 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน จ่ายรวดเดียว 12 เดือน “เก็บแค่ปีแรกเพียงปีเดียว”

จุดที่น่าสนใจที่สุดของโครงการนี้คือคำถามที่ว่า “ไม่ต้องจ่ายค่าส่วนกลางในปีต่อๆไป” แล้วจะบริหารกันอย่างไร และทำได้จริงหรือ? นี่เป็นคำตอบจาก FAQs ของเวปไซต์ The Energy ครับ

  • บริษัท บ้านราชประสงค์ จำกัด จะออกเงินสมทบให้แก่นิติบุคคลอาคารชุดอีกส่วน จัดตั้งเป็นเงินกองทุนของนิติบุคคลอาคารชุด ซึ่งเมื่อรวมกับเงินกองทุน และค่าส่วนกลางที่เจ้าของห้องชุดชำระในวันโอนกรรมสิทธิ์แล้วจะมีเงินกองทุนรวมประมาณ 630 ล้านบาท เพื่อให้บริษัทบริหารจัดการกองทุนมืออาชีพที่ได้รับใบอนุญาต (คาดว่าเป็น BBL ธนาคารกรุงเทพ) ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ เข้ามาบริหารจัดการการลงทุน เพื่อให้เกิดผลตอบแทนครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนกลางในแต่ละปี และอาจเก็บสะสมไว้เป็นเงินทุนเพิ่มเติม เพื่อนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนกลางของนิติบุคคลอาคารชุดตามวัตถุประสงค์ และไม่สามารถนำไปใช้จ่ายอย่างอื่นได้
  • ในกรณีที่การลงทุนหาผลตอบแทนไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนกลางในแต่ละปี บริษัท บ้านราชประสงค์ จำกัด จะสมทบเงินเพิ่มให้เพียงพอ หมดภาระและความกังวลเรื่องค่าส่วนกลาง เพียงจ่ายล่วงหน้าปีแรก ปีเดียว
  • ถ้าขายต่อ คนรับช่วงไม่ต้องจ่ายค่าส่วนกลาง

คำถามต่อมาก็คือ “บริษัท บ้านราชประสงค์ เป็นใคร?” ทำไมไม่ค่อยได้ยินเท่าไร คำตอบยาวๆสามารถหาอ่านได้จากในเวปไซต์นี้ครับ คำตอบสั้นๆก็คือเป็น Developer ที่ทำมาประมาณ 4 โครงการแล้ว หนึ่งในนั้นเป็นโรงแรมอนันตราและ Condo สุดหรูบริเวณราชดำริ

สุดท้ายเรามาดูกันที่ “The Energy Point” กันบ้าง ว่ามันคืออะไร

  • The Energy Hua Hin บ้านที่มาพร้อมสิทธิพิเศษที่มอบให้เฉพาะเจ้าของห้องชุด และทุกๆ ปีสมาชิก The Energy จะได้รับคะแนน(The Energy Point )จำนวนแตกต่างไปตามขนาดห้องชุดของสมาชิก เริ่มต้นที่ 1,000 คะแนน เพื่อนำคะแนนดังกล่าวมาแลกรับบริการหลากหลายตอบรับไลฟ์สไตล์คนเมือง ตามอัตราที่กำหนด โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพื่อให้การใช้ชีวิตที่นี่ ไม่ต้องใช้เงิน
  • เจ้าของห้องชุดจะได้รับคะแนนทุกปี ปีละ 1 ครั้ง ทุกวันที่ 5 มกราคม ของแต่ละปี โดยคะแนนที่ได้รับฟรีในแต่ละปีจะมีอายุใช้งานได้จนถึงวันที่ 4 มกราคม ของปีถัดไปเจ้าของห้องชุดสามารถนำคะแนนมาแลกรับบริการต่างๆ ตามอัตรากำหนด
  • การใช้บริการห้องพักในโรงแรม The Energy ด้วยคะแนนเริ่มต้น 150 คะแนน / 1 ห้องพัก / คืน
  • การใช้บริการรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม (บุฟเฟ่ต์) ในห้องอาหารของโรงแรม ด้วยคะแนนเริ่มต้น 30 คะแนน / คน
  • การใช้บริการรถลิมูซีน ด้วยคะแนนเริ่มต้น 2 คะแนน ต่อระยะทางรับ-ส่ง 1 กิโลเมตร
  • การใช้บริการทำความสะอาดห้องพัก ด้วยคะแนนเริ่มต้น 30 คะแนน ฯลฯ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
  • เจ้าของห้องชุดสามารถใช้คะแนนของเจ้าของห้องชุด แลกการใช้ห้องพักในโรงแรมของ The Energy ให้กับแขกของสมาชิกได้
  • เพื่อนหรือญาติใช้คะแนนแลกแทนเจ้าของ “ไม่ได้”
  • หมดปี คะแนนหมดอายุ ไม่มี Redeem

ข้างบนเป็นคำตอบจาก Official Website แต่ถ้าตอบง่ายๆก็คือมี 1,000 แต้มให้ใช้ แลกโน่นนี่กับโรงแรมของเครือ The Energy อาหาร เครื่องดื่ม ที่พัก ฯลฯ

เจาะลึกรวบยอด

The Energy หัวหิน (7)

เจอคอนโดคอนเซปต์ใหม่เข้าไปเล่นเอาทีมงาน Think of Living แทบจะรีวิวไม่ถูก แต่ก็ดีครับอะไรใหม่ๆอย่างนี้เราชอบกันนักล่ะ

วัดกันที่ทำเลก่อนเลย ติดถนนใหญ่เพชรเกษม จรดชายหาดชะอำ ก่อนถึงหัวหิน 10 กิโลเมตร จัดว่าเป็นทำเลชั้นดี แม้ไม่เท่าทำเลที่ติดหาดใน “หัวหิน” จริงๆ แต่ “ชะอำ” ก็พิสูจน์กันมาแล้วว่าดีทีเดียว โดยเฉพาะสมัยนี้ที่มีถนนดีๆวิ่งตรงเข้าเมืองหัวหินใช้เวลาอย่างมากก็ 10 นาที ดังนั้นก็จัดว่าทำเลดีครับ

คุณภาพวัสดุผมว่าแค่พอใช้ได้นะ Theme ดี แต่เป็นคอนโดมิเนียมที่ทำสำหรับ Mass ถึง เกือบๆ 6,000 ห้อง ดังนั้นการจะอัพ Spec ให้คนจ่ายแพงขึ้นผมว่าทำได้ยาก ต้องเดินทางสายกลางโดยใช้วัสดุเกรดมาตรฐานที่เป็นที่นิยมของตลาด คือถ้าเทียบกับคู่แข่งก็ไม่ห่วยกว่าแน่นอน แต่ในทางกลับกันก็ไม่ได้ดีกว่าเหมือนกันนะ “ในราคาที่เท่ากัน สามารถเปรียบเทียบได้ คือ 60,000 – 70,000 บาทต่อตารางเมตร”

การออกแบบต้องว่ากันยาวตั้งแต่ Theme โครงการว่าเป็น Colonial ที่เข้ากับบรรยากาศหัวหินค่อนข้างดีธีมโครงการเลยผ่านในสายตาของผม ส่วนการวางพื้นที่ตึก 34 ตึกใน 140 ไร่ ผมว่าก็ทำออกมาได้ดี แต่สุดท้ายก็ยังไม่ชอบความแออัดของคนจำนวนมาก ห้อง 6,000 ห้อง ไม่รวมโรงแรมและคนนอกที่สามารถเข้ามาพักได้ ทำให้เกิดความไม่เป็นส่วนตัวขึ้น แม้ว่าโครงการจะมีมาตรการป้องกันอย่างดี (ลองอ่านได้ในคำถามที่พบบ่อยของเวปไซต์ The Energy) งานเทศกาลครั้งหนึ่งคงจะไม่ต้องไปกันเลยทีเดียว

มาดูเรื่องราคาและความใหม่ของ Business Model ผมว่าเป็น Model การบริหารค่าส่วนกลาง ที่ดีมากนะ กองทุน 600 กว่าล้าน ถ้าจะบริหารให้ได้ผลตอบแทนสัก 5% โดยเป็น Risk Averse ก็น่าจะอยู่ในวิสัยที่เป็นไปได้ แต่ถ้าเศรษฐกิจโลกมีปัญหาเมื่อไร เงินต้นหดลงไปงานนี้อาจจะเจ็บหนักได้อยู่ เพราะ “การลงทุนมีความเสี่ยง” ถ้าจะบริหารด้วยวิธี Risk Free Rate ในสถานการณ์ดอกเบี้ยปัจจุบัน (ปลายปี 2011) ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ผมว่าก็ไม่ไกลเกินความสามารถของ Fund Manager ระดับเทพๆ แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อ บริษัท บ้านราชประสงค์ พร้อมที่จะจ่ายเงินสนับสนุนในส่วนต่างที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก็ทำให้ลูกบ้านสบายใจได้ แต่ต้องระวังกรณีแบบนี้เกิดขึ้น

สมมุติว่าปีหนึ่งไม่สามารถทำรายได้มา Cover ค่าใช้จ่ายส่วนกลางได้ จะทำอย่างไร? ทาง Developer จ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ก็จริง แต่คงจะหนีไม่พ้นกับมาตรการรัดเข็มขัดจริงไหม? เพื่อให้ค่าใช้จ่ายลดลง ปีหน้าจะได้ไม่ต้องเจ็บหนัก ดังนั้นมาตรฐานของคุณภาพส่วนกลางจะลดลงไป เหมือนกับหมู่บ้านหลายๆแห่งในปัจจุบันที่นิติไม่เข้มแข็ง ลูกบ้านกว่าครึ่งไม่ยอมจ่ายเงินค่าส่วนกลาง ทำให้ไม่มีงบประมาณมาดูแลทรัพย์สินส่วนกลาง รวมไปถึง รปภ. แสงไฟ ถนนหนทาง ฯลฯ ดังนั้นการบริหารแบบ Traditional ไม่ใช้ Model Fund Management ก็มีความเสี่ยงเหมือนกัน ซึ่งในความคิดของผมความเสี่ยงที่นิติจะเก็บเงินไม่ได้กับความเสี่ยงของ The Energy Model ก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไร ผมยังเชื่อลึกๆว่าโอกาสที่ Fund Manager บริหารงานผิดพลาดมีน้อยกว่านิติไม่เข้มแข็งด้วยซ้ำไป ดังนั้นประเด็นนี้คงจะผ่านไปนะครับ แต่คงจะไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ เพราะโปรเจคยักษ์ขนาด 6,000 ยูนิต นานๆจะเกิดสักที ยิ่ง Business Model แปลกๆแบบนี้ด้วย

อีกประเด็นที่น่าคิดก็คือ กองทุน 630 ล้าน ได้ผลตอบแทนที่ 5 % หาร 6000 ห้อง หาร 12 เดือน จะได้ค่าส่วนกลางเดือนละ 2.625 ล้านบาท หรือห้องละ 437.5 บาทต่อเดือน เอาไว้ทำนุบำรุงพื้นที่ 90 กว่าไร่ มันจะพอหรือไม่? เพราะคอนโดทั่วๆไปจำนวน 1,000 ยูนิต จ่ายกันห้องละ 800 – 5,000 บาท ดูแลพื้นที่แค่ไม่กี่ไร่เองนะครับ [เครดิตคุณ Worawit Wong]

สาธารณูปโภคก็ต้องบอกว่าจัดเต็ม พื้นที่ 140 ไร่อยากได้อะไรบ้างผมว่าก็เสกได้หมด ใช้ The Energy Point อะไรเยอะแยะเต็มไปหมดแลกได้ฟรี แต่จำกัดไว้ปีละ 1,000 แต้ม ซึ่งถ้าแต้มพวกนี้ใช้งานได้จริง ทำให้การมาพักไม่ต้องใช้เงินนอกจากค่าเดินทางไปกลับกรุงเทพฯจริง ก็น่าจะคุ้มอยู่

Judgement

  • โครงการนี้จากการคิดหลายตลบแล้ว พบว่าการให้คะแนนแบบปกติคงไม่สามารถใช้ Apply ได้ เพราะว่ามีความ “กังวล” ในหลายๆเรื่อง ตั้งแต่จำนวนยูนิตที่เยอะ การบริหารกองทุนแบบใหม่ ที่จอดรถในช่วงเวลาเทศกาล การบริหารงานของ The Energy ตลอดจนเงินทุนที่ต้องเอามาถมลงในการก่อสร้างช่วงแรก ว่าทุกอย่างมันจะ “ราบรื่น” อย่างที่บริษัท บ้านราชประสงค์ตั้งใจเอาไว้จริงๆหรือ?
  • แต่ในขณะเดียวกัน ข้อดีของโครงการนี้ก็มี “มาก” หากทุกอย่าง “ราบรื่น” และ “ลงตัว” อย่างที่ Developer โฆษณาไว้ ทั้งราคาต่อยูนิตที่ไม่แพง ราคาต่อตารางเมตรที่จับต้องได้ ห้องชุดที่ออกแบบได้โอเคดูดี วัสดุที่มาตรฐานตามระดับราคา แบบ Theme โครงการที่สวยสมกับทำโรงแรม 5 ดาวมาก่อน สาธารณูปโภคที่ยิ่งใหญ่อลังการ พื้นที่ส่วนกลางที่มากถึง 90 กว่าไร่ และชายหาดทะเลชะอำที่กว้างใหญ่
  • (April 2012) ผ่านไป 4 เดือน ดูจาก Performance ของ The Energy แล้วคิดว่าน่าจะมีความเสี่ยงพอสมควร และจากการที่ Supply ในหัวหิน/ชะอำเพิ่มสูงขึ้นมาก จึงขอปรับคะแนนโดยรวมลดลงจาก 8.25 – 8.5 เป็น 7.5 – 7.75 ครับ
  • (Aug 2012) ผ่านไป 8 เดือน คาดว่ายอดขายของ The Energy ไม่เข้าเป้า จึงมีการโฆษณาเพิ่มขึ้นมาก เร่งให้ผู้ซื้อจ่ายเงินเต็มจำนวนแลกกับส่วนลด สร้างความกังวลให้กับผู้บริโภคจำนวนมาก ทำให้ความน่าเชื่อถือของโครงการนี้ลดลง และเนื่องด้วย Concept ของโครงการมีความเกี่ยวข้องกับความน่าเชื่อถือเรื่องการเงิน สถานะของโครงการจึงถูกปรับเป็น AT YOUR OWN RISK หรือมีความเสี่ยงครับ

Update Dec 2014

Fact: โครงการมีการดำเนินงานไปมากขึ้น Sport Complex เป็นรูปเป็นร่างแต่ยังเก็บงานไม่จบ คอนโดสร้างเป็นตึกๆขึ้นมาแล้วแต่ยังไม่เรียบร้อย

1) Sport Complex ไม่เกี่ยวกับคอนโด สร้างเสร็จก็เป็นของเจ้าของโครงการ ส่วนนี้จะไม่นำมาพิจารณา ตั้งแต่การรีวิวไปครั้งแรก

2) งานคอนโดนั้นช้ามาก คอนโดไม่เกิน 8 ชั้น เปิดโปรเจคตั้งแต่ปี 2011 ควรจะเสร็จเรียบร้อยภายในปี 2013 ตอนนี้จะขึ้น 2015 แล้วยังไม่เสร็จ ลากยาว 4 ปีกว่า จากที่เห็นและประเมินด้วยตา มี.ค. 2015 ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะโอนได้หรือไม่ ตรงนี้ตราบใดที่ยังไม่โอนก็ถือว่าโครงการนี้ยังสร้างไม่เสร็จอยู่ดี แต่ปรับตัวไปในทางที่ดีขึ้น

3) บทสรุปยังคงให้เป็น AT YOUR OWN RISK จนกว่าจะมีการโอนกรรมสิทธิ์อย่างน้อย 30% ของโครงการ

4) คะแนนถ้าปรับได้คงจะปรับให้น้อยลงเพราะสร้างช้าเกินไป เงินลูกค้าที่ผ่อนไปตั้งแต่ปี 2011 หากเอาไปซื้อตึกอื่นก็คงได้เข้าอยู่ไปนานแล้ว ยกตัวอย่าง บ้านแสนคราม ที่อยู่ใกล้กัน เปิดตัวพร้อมๆกัน สามารถเข้าอยู่ได้เป็นปีและสามารถปล่อยเช่าได้หมดแล้ว ขนาดบ้านแสนงาม หรือ The Trust หัวหิน ที่เปิดช้ากว่าก็ยังเสร็จไปแล้วเลย

5) เราไม่ได้ว่าตึกนี้หรือโครงการนี้ว่าเป็นโครงการที่ดีหรือไม่ดี แต่เราไม่ต้องการรับผิดชอบเรื่องความเสี่ยงใดๆที่อาจจะมีปัญหาตามมาในอนาคต … ทันทีที่โปรเจคนี้สร้างเสร็จ โอนได้ พร้อมเข้าอยู่ 30% ของโครงการขึ้นไป เราก็ยินดีที่จะแก้คะแนนกลับมา ซึ่งผมมองว่าเรื่องชื่อเสียงของเวปไซต์เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับเงินหลักล้านที่ลูกค้าแต่ละคนจะวางลงไป

ผมจึงให้เกรดรวมๆ ไว้ประมาณนี้ครับ

  • Grade B+ (8.25 – 8.5)
  • Grade C+ (7.5 – 7.75)
  • AT YOUR OWN RISK (มีความเสี่ยง)

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ