รีวิวโครงการ

รีวิวตึกเสร็จ Marvest หัวหิน คอนโด Low Rise ใจกลางเมืองหัวหิน ติดถนนเพชรเกษม จาก Major Development [รีวิวฉบับที่ 2094]

11 กรกฎาคม 2020

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1630 … สวัสดีครับวันนี้พาไปรีวิวโครงการ Marvest หัวหิน จาก Major Development เป็นคอนโด Low rise 8 ชั้น ตั้งอยู่ในตัวเมือง อ.หัวหิน ติดถนนเพชรเกษม ออกแบบด้วยแนวคิด “Modern Coastal” มีความเรียบง่ายที่ทันสมัย เน้นการอยู่อาศัยและการพักผ่อน ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกในตัวเมืองหัวหิน ในราคาเริ่มต้น 2.3 ล้านบาท โครงการจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลยครับ

Fact @ 12 July 2018

  • Marvest Hua Hin (มาร์เวสท์ หัวหิน)
  • Major Development
  • MAIN – UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร 336 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 26 ยูนิตที่อาคาร A และ B
  • ที่จอดรถประมาณ 78 คันคิดเป็น 23% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 30%
  • ที่ดินประมาณ 3 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง :  ก.ค. 2561
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ธ.ค. 2562
  • 1 Bedroom 30 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.3 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 39 ตร.ม. ราคา 3.8 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 40 ตร.ม. ราคา n/a ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 60 ตร.ม. ราคา 6 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.3 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 90,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด n/a บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 086-842-9922

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 12.566473, 99.958402

แผนที่จากทางโครงการครับ ตั้งบนถนนเพชรเกษม อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

จุดเริ่มต้นของเขตอำเภอ “หัวหิน” เริ่มจากอุโมงค์รันเวย์ท่าอากาศยานหัวหินเป็นต้นมา ซึ่งจะเป็นชุมชนแนวราบดั่งเดิมที่ไม่หนาแน่นมากสลับกับที่ดินว่างเปล่ารอการพัฒนา รวมถึงเป็นช่วงที่มีโรงแรม รีสอร์ท เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ และคอนโดมิเนียมอยู่บ้างพอสมควร แต่เมื่อพ้นเขตพระราชวังไกลกังวลเข้ามาจะเริ่มเห็นถึงความแตกต่างของอาคารบ้านเรือนที่เริ่มหนาแน่นมากขึ้น ประกอบกับเริ่มมีตลาด โรงพยาบาล และห้างสรรพสินค้าต่างๆเกิดขึ้นในบริเวณนี้ แสดงให้เห็นว่าเริ่มเข้าเขตตัวเมืองแล้ว โดยที่ซุ้มประตู ป้ายซอย อาคารต่างๆ และส่วนที่เป็นส่วนราชการ จะมีเอกลักษณ์ที่เป็นแนวอนุรักษ์สไตล์โคโลเนียล ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเมืองหัวหิน

ด้านความอุดมสมบูรณ์ของอำเภอหัวหินส่วนใหญ่จะเกาะอยู่ตามเส้นถนนเพชรเกษม ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญต่างๆจะอยู่ไม่ไกลจากกันมาก ได้แก่ เพลินวาน ตลาดโต้รุ่งหัวหิน , Cicada market , สวนน้ำ Vananava และห้างสรรพสินค้าเปิดใหม่อย่างบลูพอร์ต เป็นต้น สำหรับชายหาดบริเวณโครงการนี้ถือว่าดี เดินเล่นได้ ว่ายน้ำได้ไม่สกปรกเหมือนหาดในเมือง และค่อนข้างสงบเป็นส่วนตัว จะเหมาะกับคนที่มาตากอากาศพักผ่อน ในส่วนภาพรวมของหัวหินทางเรามีวิเคราะห์ไว้บ้างแล้วอยากให้เข้าไปอ่านบริบทดูกันสักเล็กน้อยเพื่อเข้าใจว่ามีอะไรบ้าง คลิกที่นี่

ที่ตั้งของตัวโครงการถือว่าอยู่ในตัวเมืองที่แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญได้แก่ โรงพยาบาลซานเปาโลที่ห่างออกไปเพียงแค่ 300 m. ซึ่งเป็นระยะที่เดินถึงได้สบายๆ หรือจะเป็นสถานที่ยอดฮิตที่คนที่เดินทางมาหัวหินจะต้องแวะได้แก่ สถานีรถไฟหัวหินที่ห่างจากโครงการเพียง 600 m. ชายหาดหัวหินห่างจากตัวโครงการเพียง 700 m. หรือจะเป็นที่จับจ่ายใช้สอยอย่างตลาดโต้รุ่งหัวหิน ตลาดฉัตรไชย และตลาดฉัตรศิลา ที่ห่างจากโครงการเพียง 750 m. เท่านั้น ถือว่าเป็นระยะที่ไม่ไกลมาก ซึ่งถ้าขยันเดินหรือเดินเก่งๆก็จะสามารถเดินไปถึงได้เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีแหล่งช้อปปิ้งให้ได้เดินซื้อของในแอร์ชิวๆอย่าง Market Village ซึ่งห่างจากโครงการเพียง 1 km. อีกด้วย

มีภาพตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงโครงการมาให้ดู ที่สามารถเดินทางถึงได้ในระยะทางไม่เกิน 1 km. ประกอบด้วย สถานีรถไฟหัวหิน ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปและยังเปิดใช้งานรถไฟอยู่จริงในปัจจุบันด้วย ส่วนบริเวณสี่แยกซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างตลาดโต้รุ่งหัวหิน ตลาดฉัตรไชย และตลาดฉัตรศิลา จะมีร้านค้า ร้านอาหาร และในตอนเย็นๆจะมีเต็นท์มาจัดตลาดขายของกันจนถึงดึกอย่างคึกคัก ถือว่าเป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอยที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของหัวหิน รวมถึงชายหาดหัวหินซึ่งเป็นจุดพักผ่อนที่สำคัญที่สุดอีกแห่งหนึ่ง สามารถไปเดินกินลมชิวๆ นั่งตากลมเล่น ทานอาหารริมทะเล หรือลงเล่นน้ำทะเลก็ได้เพราะชายหาดตื้นและน้ำทะเลไม่ลึก

วันนี้เราเริ่มต้นการเดินทางกันที่ท่าอากาศยานหัวหินซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเข้าเขตอำเภอหัวหิน ขับรถมาตามถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าลงใต้มาเรื่อยๆ ระยะทางประมาณ 8.5 km. จะเจอที่ตั้งโครงการอยู่ทางขวามือ

เริ่มต้นเข้าเขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้ขับรถตรงไปมุ่งหน้าลงใต้อีกประมาณ 8.5 km.

ทางซ้ายมือเราจะเจอกับท่าอากาศยานหัวหิน ให้ขับรถมุ่งหน้าตรงต่อไป

ทางขวามือเราจะเจอกับแม็คโครหัวหิน ถ้าใครชอบซื้อของยกแพ็คและอาหารสดสำหรับปาร์ตี้หรือท่องเที่ยวในห้างที่มีแอร์เย็นๆ ก็สามารถมาซื้อที่นี่ได้นะ จากตรงนี้ก็ให้ขับรถตรงต่อไป

ทางขวามือเราจะเจอกับโรงพยาบาลหัวหิน เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็สามารถมาที่นี่ได้ จากตรงนี้ก็ให้ขับตรงไปอีก

ถัดมาอีกหน่อยเราจะเจอเพลินวานอยู่ทางขวามือ เป็นแหล่งท่องเที่ยวซื้อของฝากซึ่งจำลองบรรยากาศของตลาดไทยสมัยก่อน ให้เราขับรถตรงต่อไป

ทางซ้ายมือเป็นวังไกลกังวลซึ่งเป็นเขตพระราชฐาน มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ จากตรงนี้ให้มุ่งหน้าตรงต่อไปอีก

ขับตรงต่อมาอีกนิดจะเจอกับสี่แยก ทางซายเป็นซอยหัวหิน 55 ส่วนทางขวาเป็นซอยหัวหิน 70 ซึ่งเป็นเส้นทางไปตลาดโต้รุ่งหัวหิน ตลาดฉัตรไชย และตลาดฉัตรศิลา เป็นแหล่งซื้อจับจ่ายใช้สอยที่ใหญ่ที่สุดของย่านนี้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโครงการ จากตรงนี้ให้ขับตรงต่อไปอีกประมาณ 750 m.

ทางซ้ายมือเราจะขับผ่านวัดหัวหิน ให้เราขับตรงต่อไปอีกครับ

ขับมาอีกนิดจะเจอกับอีกหนึ่งสี่แยก ทางซ้ายมือเป็นซอยหัวหิน 61 สามารถไปยังชายหาดหัวหินได้ ส่วนทางขวามือเป็นซอยหัวหิน 76 สามารถไปยังสถานีรถไฟหัวหินได้ จากสี่แยกนี้ให้ขับตรงไปต่อครับ

ขับตรงมาอีกนิดเราจะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางขวามือ สามารถเลี้ยวขวาเพื่อเข้าสู่โครงการได้เลยครับ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการจะเห็นได้ว่าเต็มไปด้วยชุมชนและบ้านพักอาศัย โดยจะมีอาคารสูง 3 – 8 ชั้น อยู่ในระยะใกล้เคียงอยู่บ้าง สามารถสรุปได้ ดังนี้

  • ด้านทิศเหนือ ติดกับ อาคารสูง 1 – 3 ชั้นตรงบริเวณด้านหน้าโครงการ และส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยสูง 1 – 2 ชั้น มีอาคารสูง 8 ชั้นและ 3 ชั้น อยู่บริเวณช่วงกลางของโครงการ รวมถึงในซอยหัวหิน 78 ยังมีการก่อสร้างอาคารใหม่ คาดว่าน่ามีความสูงประมาณ 8 ชั้น
  • ด้านทิศใต้ ติดกับ อาครสูง 2 ชั้นตรงบริเวณด้านหน้าโครงการ และส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยสูง 1 – 2 ชั้น มีบ้านสูง 3 ชั้น อยู่บริเวณด้านหน้าและด้านหลังโครงการ รวมถึงในซอยหัวหิน 80 ยังมีอาคารสูง 3 – 4 ชั้นอยู่บริเวณต้นซอยด้วย
  • ด้านทิศตะวันออก ติดกับ ถนนเพชรเกษม เป็นถนนขนาด 4 เลน มีความกว้างกว่า 20 m. ซึ่งเป็นด้านหน้าและเป็นทางเข้า-ออกหลักของโครงการ ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารสูง 2 – 3 ชั้นและอาคารสูง 5 ชั้นตั้งอยู่
  • ด้านทิศตะวันตก ติดกับ ที่ว่างรอการพัฒนา และจะมองเห็นภูเขาสีเขียวที่อยู่ไกลออกไปได้

เราลองมาเดินดูรอบๆโครงการกันบ้างครับ ด้านหน้าโครงการติดถนนใหญ่เพชรเกษม โดยจะมี Sale Gallery ตั้งอยู่ทางด้านหน้าเลย

เดินมาดูทางด้านขวาของโครงการกันก่อน เป็นอาคารสูง 1 – 2 ชั้น เปิดเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวปลาเล็กๆ และร้านอาหารนานาชาติ ถัดไปเป็นอาคารสูง 3 ชั้น ซึ่งเปิดเป็นติวเตอร์สอนหนังสือด้วย

โดยทางด้านขวานี้จะมีซอยหัวหิน 78 ซึ่งเป็นซอยลึกเลียบไปตามความยาวของที่ดินโครงการ

ถนนภายในซอยมีขนาด 2 เลน และเป็นแหล่งชุมชน มีบ้านพักอาศัยสูง 1 – 2 ชั้น และมีโรงแรม Hua Hin Loft สูง 8 ชั้นตั้งอยู่ในซอย รวมถึงมีอาคารกำลังก่อสร้างใหม่ตรงบริเวณหน้าปากซอย คาดว่าน่าจะมีความสูงประมาณ 8 ชั้นเช่นกัน

เรามาดูทางด้านซ้ายของโครงการกันบ้าง เป็นอาคารสูง 2 ชั้น ติดกับทางเข้าโครงการจะมีร้านก๋วยเตี๋ยว และถัดออกไปจะมีร้านนวดสปา

เดินต่อมาอีกหน่อยจะเจอกับซอยหัวหิน 80 ซึ่งหน้าปากซอยฝั่งซ้ายจะมีเซเว่นและวินมอไซค์อยู่ด้วย

ถ่ายอัตราค่าโดยสารวินมอไซค์มาฝาก ซึ่งถ้าเราจะไปสถานีรถไฟหัวหินจะมีค่าบริการอยู่ที่ 30 บาท ส่วนถ้าเราจะไปห้างใหญ่อย่างบลูพอร์ตจะมีอัตราค่าบริการอยู่ที่ 50 บาทครับ

ต่อไปเรามาดูภายในซอยหัวหิน 80 กันบ้าง ถนนซอยมีขนาด 2 เลนและมีผิวถนนที่ดีกว่าซอย 78 เมื่อสักครู่

ซึ่งภายในซอยทางด้านขวามือเป็นบ้านพักอาศัยสูง 1 – 2 ชั้น และทางด้านซ้ายเป็นอาคารสูง 3 – 4 ชั้น ด้านล่างเปิดเป็นร้านนั่งชิลล์และมีชาวต่างชาติภายในซอยค่อนข้างเยอะ

กลับมาที่ด้านหน้าโครงการฝั่งตรงข้ามจะมีอาคารสูง 5 ชั้นตั้งอยู่ และด้านข้างเป็นอาคารสูง 2 – 3 ชั้น ถนนเพชรเกษมมีความกว้างกว่า 20 m. ไม่มีเกาะกลางถนน

หันมามองทางด้านซ้ายมือเป็นถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้าเมือง ฝั่งตรงข้ามยังคงเป็นอาคารสูง 3 – 4 ชั้นยาวตลอดแนว

ส่วนทางด้านขวาจะเป็นถนนเพชรเกษมฝั่งขาออก ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารสูง 2 – 3 ชั้นยาวตลอดแนว ซึ่งด้านล่างเปิดเป็นร้านอาหารข้าวหน้าเป็ดและก๋วยเตี๋ยวเป็ด 2 ร้าน สามารถเดินข้ามถนนไปทานได้ไม่ยาก ถัดไปอีกหน่อยมีธนาคารกรุงไทยสาขาหัวหินตั้งอยู่ด้วย

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงพยาบาลซานเปาโล 300 m.
  • สถานีรถไฟหัวหิน 600 m.
  • ชายหาดหัวหิน 700 m.
  • วัดหัวหิน 700 m.
  • ตลาดโต้รุ่งหัวหิน ตลาดฉัตรไชย ตลาดฉัตรศิลา 750 m.
  • Market Village 1 km.
  • วังไกลกังวล 2.5 km.
  • เพลินวาน 3.3 km.
  • บลูพอร์ต 4 km.
  • Cicada Market 4.6 km.
  • โรงพยาบาลหัวหิน 4.9 km.
  • Vana nava 5.1 km.
  • Makro 6.4 km.
  • ท่าอากาศยานหัวหิน 7.5 km.
  • วัดเขาตะเกียบ 7.7 km.
  • The Venezie 9.6 km.
  • FN Factory 11.4 km.
  • ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม 12.3 km.
  • Black Mountain 12.5 km.
  • อุทยานราชภักดิ์ 12.5 km.
  • หาดเขาเต่า 14 km.
  • ม.ศิลปากรวิทยาเขตสารสนเทศเพชรบุรี 21.1 km.


เจาะลึกตัวโครงการ

ภาพจำลองบรรยากาศโครงการ Marvest หัวหิน เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร 336 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 3 ไร่ ด้านหน้าโครงการติดถนนใหญ่เพชรเกษม โดยมีการทำป้ายชื่อโครงการขนาดใหญ่ชัดเจนอยู่ทางด้านหน้า และมีทางเข้า-ออกหลักสำหรับรถยนต์อยู่ทางด้านซ้าย สามารถจอดรถได้ประมาณ 30% รวมซ้อนคัน รูปแบบโครงการออกแบบด้วยแนวคิด “Modern Coastal” มีความเรียบง่ายที่ทันสมัย เน้นการอยู่อาศัยและการพักผ่อน ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกในตัวอำเภอหัวหิน จัดวางอาคารเป็นตอนลึกเป็นรูปตัว L ทั้งสองอาคารยาวเข้าไปด้านในขนานไปกับพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ

ภาพบรรยากาศบริเวณ Lobby ของโครงการ จัดตกแต่งสไตล์รีสอร์ทริมทะเลในบรรยากาศสบายๆ เหมาะแก่การมาพักผ่อน มีที่นั่งเป็นโซฟาตัวยาวที่ตกแต่งด้วยซุ้มไม้ฉลุลายธรรมชาติทางด้านซ้ายมือ และมีที่นั่งแบบชิงช้าเอาไว้นั่งเล่นชิลๆอยู่ทางด้านขวา ด้านข้างจัดเป็นสวนให้ร่มเงาและให้ได้บรรยากาศการพักผ่อนที่ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณส่วนกลาง ซึ่งจุดเด่นของโครงการอยู่ที่สระว่างน้ำส่วนกลางซึ่งมีความยาว 50 m. เท่ากับขนาดสระโอลิมปิก สามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้จริงจัง ที่ปลายสระมีการทำเป็นม่านน้ำตกที่เรียกว่า Rain Curtain ประดับอยู่ทั้งสองฝั่งของสระว่ายน้ำ ด้านซ้ายปลูกแนวต้นไม้เป็นกำแพงช่วยบังสายตาจากชั้นจอดรถใต้อาคารทำให้มีความเป็นส่วนตัว ทางด้านขวาก็มีการปลูกแนวต้นไม้เช่นกันและยังมีไม้ยืนต้นทำให้ได้บรรยากาศสไตล์รีสอร์ท นอกจากนี้ยังช่วยบังสายตาจากอาคารบ้านพักอาศัยภายนอกโครงการทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น รวมถึงมี Sculpture เป็นงานประติมากรรมต่างๆประดับอยู่รอบๆสระทำให้มีความสวยงามเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยห้องพักที่อยู่ทางฝั่งนี้ก็จะได้วิวสระว่ายน้ำซึ่งยาวตลอดแนวอาคาร และก็จะได้วิวสวนส่วนกลางซึ่งทางโครงการได้จัดเอาไว้ด้วย

ภาพบรรยากาศจำลองห้องออกกำลังกาย ซึ่งจะอยู่ด้านในสุดของตัวโครงการที่ใต้อาคาร B โดยทางด้านขวาเป็นพื้นที่นั่งคอยหรือนั่งพักผ่อนระหว่างออกกำลังกายได้ ส่วนทางด้านซ้ายเป็นผนังกระจกซึ่งมองออกไปเห็นสวนภายนอก ทำให้ได้วิวและบรรยากาศที่เปิดโล่งไม่อึดอัด ภายในมีเครื่องออกกำลังกายหันหน้าออกไปทางฝั่งผนังกระจก สามารถ Take View ภายนอกในระหว่างออกกำลังกายจะได้ไม่เบื่อ

เรามาดู Master plan กันครับ เริ่มจากทางเข้าด้านหน้าติดถนนใหญ่เพชรเกษมและจะมีป้ายชื่อโครงการขนาดใหญ่เห็นได้ชัดเจน เมื่อเข้ามาจะสามารถวนรถไปที่วงเวียนทางขวาเพื่อจอดรถรับ-ส่งบริเวณ Lobby ซึ่งมีพื้นที่เชื่อมต่อกับพื้นที่สวนส่วนกลางได้ และถ้าขับรถเข้ามาด้านในจะเป็นการขับไปจอดรถใต้อาคาร ทั้งอาคาร A  ทางด้านหน้าและอาคาร B ที่อยู่ทางด้านใน โดยที่ทั้งสองอาคารจะมีโถงลิฟต์แยกการใช้งานออกจากกันต่างหากเพื่อความเป็นส่วนตัว

ส่วนกลางของอาคารถูกจัดไว้ด้านหนึ่งของโครงการซึ่งขนานไปตามความยาวของตัวอาคารที่มีลักษณะเป็นรูปตัว L ทั้งสองอาคาร ทำให้ห้องที่หันไปทางทิศเหนือสามารถมองเห็นสวนและสระว่ายน้ำของพื้นที่ส่วนกลางได้ โดยทำสวนและกำแพงต้นไม้เพื่อช่วยบังสายตาจากที่จอดรถใต้อาคารและบ้านพักอาศัยข้างเคียงเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นและให้อารมณ์สไตล์รีสอร์ท มีสระว่ายน้ำมีความยาว 50 m. อยู่ตรงกลางทำให้สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริงจัง มี Jacuzzi สามารถแช่ตัวเพื่อความผ่อนคลายได้ และมีพื้นที่ Pool Seat สำหรับนั่งพักผ่อนริมสระ พื้นที่สวนโดยรอบสามารถใช้เป็นลานอเนกประสงค์ไว้จัดกิจกรรมกลางแจ้งได้ มี Pavilion ไว้นั่งพักผ่อนในสวน และด้านในสุดใต้อาคาร B มีห้องออกกำลังกายที่มีผนังกระจกสามารถ Take View สวนภายในโครงการได้

แปลนอาคารชั้น 2 – 6 จะมีลักษณะและตำแหน่งห้องต่างๆ เหมือนกันทั้งสองอาคาร โดยมีการวางโถงลิฟต์และส่วนงานระบบเอาไว้ตรงกลางของอาคาร มีบันไดหนีไฟอาคารละ 2 ตำแหน่ง และมีจำนวนยูนิตพักอาศัยต่อชั้นทั้งหมด 26 ยูนิต มีลิฟต์โดยสารอาคารละ 2 ตัว โดยมีอัตราส่วนลิฟต์ต่ออาคารอยู่ที่ 84:1 ซึ่งถือว่าไม่หนาแน่น โดยรูปแบบห้องในชั้นนี้ของแต่ละอาคารประกอบไปด้วย

  • 1 Bedroom : 30 ตารางเมตร จำนวน 22 ห้อง
  • 1 Bedroom : 30 ตารางเมตร (ห้องมุม) จำนวน 1 ห้อง
  • 1 Bedroom : 39 ตารางเมตร จำนวน 1 ห้อง
  • 1 Bedroom : 39 ตารางเมตร (ห้องมุม) จำนวน 1 ห้อง
  • 1 Bedroom : 40 ตารางเมตร (ห้องมุม) จำนวน 1 ห้อง

และห้องของอาคารส่วนใหญ่จะหันไปทางทิศเหนือกับทิศใต้ มีห้องบางส่วนที่หันไปทางทิศตะวันออกกับตะวันตก โดยห้องที่หันไปทางทิศเหนือจะมองเห็นสวนส่วนกลางและสระว่ายน้ำของโครงการ ส่วนภายนอกโครงการจะมองเห็นบ้านพักอาศัยสูง 1 – 2 ชั้น กับอาคารสูง 3 ชั้นและ 8 ชั้น ซึ่งจะไม่ได้อยู่ในระยะประชิดเพราะมีส่วนกลางคั่น ประกอบกับไม่ใช่โครงการนี้อาคารสูงจึงไม่กระทบเรื่องวิวมากนัก โดยทางด้านนี้จะเป็นถนนซอยหัวหิน 78 เป็นซอยชุมชนค่อนข้างเงียบสงบ ห้องพักทางด้านนี้จึงเหมาะสำหรับซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง

ส่วนห้องที่หันไปทางทิศใต้จะมองเห็นบ้านพักอาศัย 1 – 2 ชั้น และอาคารสูง 3 – 4 ชั้นอยู่บ้าง โดยด้านนี้จะเป็นซอยหัวหิน 80 ภายในซอยจะมีร้านเหล้าและร้านบาร์นั่งดื่มอยู่หลายร้าน ซึ่งจะมีเงียบสงบน้อยกว่าห้องที่หันไปทางทิศเหนือ แต่ถ้าซื้อเพื่ออยู่เป็นครั้งคราวนานๆมาทีหรือจะปล่อยเช่ารายวันสำหรับนักท่องเที่ยวก็อาจเหมาะสมครับ

ต่อไปคือห้องที่หันไปทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นด้านหน้าโครงการติดถนนหลักเพชรเกษมมีขนาด 4 เลนและกว้างกว่า 20 m. ที่อาจมีเสียงจากการจราจรบ้างเล็กน้อย ฝั่งตรงห้ามมองเห็นอาคารสูง 3 – 4 ชั้นยาวต่อเนื่องกัน ส่วนห้องที่หันไปทางทิศตะวันตกซึ่งอยู่ทางด้านหลังโครงการ ในปัจจุบันพื้นที่ด้านหลังเป็นที่ว่างจึงทำให้ได้วิวที่เปิดโล่งสามารถมองเห็นไปถึงภูเขาที่อยู่ไกลออกไปได้

ส่วนแปลนอาคารชั้น 7 – 8 ก็จะมีลักษณะและตำแหน่งห้องต่างๆ เหมือนกันทั้งสองอาคารเช่นเดิม แต่จะมีรูปแบบห้องที่แตกต่างจากห้องชั้น 2 – 6 คือเริ่มมีห้อง 2 Bedroom ในชั้นนี้ด้วย โดยมีการวางโถงลิฟต์และส่วนงานระบบเอาไว้ตรงกลางของอาคาร มีบันไดหนีไฟอาคารละ 2 ตำแหน่ง และมีจำนวนยูนิตพักอาศัยต่อชั้นทั้งหมด 19 ยูนิต มีลิฟต์โดยสารอาคารละ 2 ตัว โดยมีอัตราส่วนลิฟต์ต่ออาคารอยู่ที่ 84:1 ซึ่งถือว่าไม่หนาแน่น โดยรูปแบบห้องในชั้นนี้ของทั้งสองอาคารประกอบไปด้วย

  • 1 Bedroom : 30 ตารางเมตร จำนวน 9 ห้อง
  • 1 Bedroom : 39 ตารางเมตร จำนวน 1 ห้อง
  • 1 Bedroom : 39 ตารางเมตร (ห้องมุม) จำนวน 1 ห้อง
  • 1 Bedroom : 40 ตารางเมตร (ห้องมุม) จำนวน 1 ห้อง
  • 2 Bedroom : 60 ตารางเมตร จำนวน 6 ห้อง
  • 2 Bedroom : 60 ตารางเมตร (ห้องมุม) จำนวน 1 ห้อง

** หมายเหตุ : ห้องทุกขนาดและทุก Type สามารถ Combine กันได้ ซึ่งจะต้องแจ้งกับทางโครงการล่วงหน้าก่อน โดยทางโครงการจะนำเอาผนังตรงกลางที่กั้นระหว่างห้องออก จะทำให้ได้ห้องที่พื้นที่ Common area ที่มีขนาดใหญ่และกว้างมากขึ้นเหมือนกับห้อง 2 Bedroom เลยครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • Project Signage (ป้ายชื่อโครงการขนาดใหญ่)
  • Arrival Drop-Off
  • สระว่ายน้ำจำนวน 1 สระ ขนาด 50 x 5 เมตร ระบบเกลือ
  • Pool Seat
  • Jacuzzi
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • ศาลาอเนกประสงค์
  • สนามหญ้าอเนกประสงค์
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 84 :  1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 84 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 84 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 78 คันคิดเป็น 23% รวมจอดซ้อนคัน 100 คัน คิดเป็น 30%
  • ระบบ CCTV / ระบบทางเข้า-ออกโครงการ (n/a)


Product Walkthrough

สำหรับแบบห้องของโครงการนี้จะมีให้เลือกทั้งหมด 2 แบบ คือ 1 Bedroom และ 2 Bedroom ขายแบบ Fully Fitted คือมีชุดเคาน์เตอร์ครัวของ Starmark , Hop&Hood และ อ่างล้างจาน ของ Teka , เครื่องปรับอากาศ ของ Daikin หรือเทียบเท่า, Digital door lock และเครื่องสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำทั้งหมดของ Mogen ซึ่งห้องพักจะมีให้เลือกดังนี้

  • 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 30 ตารางเมตร
  • 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 39 ตารางเมตร
  • 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 40 ตารางเมตร
  • 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 60 ตารางเมตร

โดยทางโครงการมีห้องตัวอย่างให้ดู 2 แบบ คือ 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 30 ตารางเมตร และห้อง 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 60 ตารางเมตรครับ

ห้องตัวอย่างห้องแรกเป็น 1 Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาภายในห้องจะพบกับพื้นที่ Common area ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างห้องครัวกับห้องนั่งเล่นทำให้มีความโปร่งโล่งมากขึ้น โดยพื้นที่แรกที่เข้ามาจะเป็นห้องครัวซึ่งจะได้เป็นพื้นที่ครัวเปิดไม่มีฉากหรือผนังกั้น จึงเหมาะกับคนที่ไม่เน้นทำครัวจริงจัง ทางด้านขวามีเคาน์เตอร์ครัว Built in มาให้พร้อมใช้งาน ส่วนทางด้านซ้ายเป็นพื้นที่โต๊ะรับประทานอาหารและมีพื้นที่เว้าเข้าไปในผนังไว้วางตู้เย็นได้ พื้นที่ถัดเข้ามาภายในเป็นห้องนั่งเล่นสามารถติดทีวีแขวนผนังและวางโซฟาได้ ติดกันเป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่เปิดออกไปใช้งานระเบียงได้และยังช่วยดึงแสงสว่างเข้ามาภายในห้องทำให้ห้องโปร่งโล่งไม่อึดอัด

ส่วนห้องนอนถูกกั้นฟังก์ชันออกจาก Common area ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ข้อดีคือเมื่อเปิดประตูออกจะได้พื้นที่ที่เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่ ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้น และสามารถเลื่อนปิดประตูเพื่อกั้นและแยกพื้นที่การใช้งานออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วนได้ ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้กลางห้องและมีพื้นที่เหลือรอบเตียงสามารถเดินผ่านได้สะดวก ด้านซ้ายของเตียงเป็นชุดหน้าต่างช่วยดึงแสงสว่างภายนอกเข้ามาภายในห้องทำให้ห้องสว่างไม่อึดอัดและสามารถเปิดหน้าต่างบานเลื่อนเพื่อให้มีอากาศถ่ายเทได้ด้วย ปลายเตียงสามารถติดทีวีแขวนผนังได้โดยที่ยังสามารถเดินผ่านได้สะดวก เหมาะกับคนที่ชอบนอนดูทีวีในห้องนอน และทางด้านซ้ายเป็นพื้นที่ตู้เสื้อผ้า มีพื้นที่หน้าตู้สามารถยืนแต่งตัวได้สะดวก ติดกันเป็นทางเข้าห้องน้ำซึ่งภายในมีการแบ่งแยกพื้นที่ส่วนเปียกกันส่วนแห้งออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน โดยที่พื้นที่การใช้งานส่วนแห้งจะได้เป็นรูปตัว L และภายในมีสุขภัณฑ์ต่างๆพร้อมใช้งาน

เมื่อเข้ามาภายในห้องเราจะพบกับพื้นที่ Common Area เป็นพื้นที่ครัวเชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนั่งเล่น ทำให้ได้บรรยากาศที่ค่อนข้างโปร่งโล่งไม่อึดอัด พื้นห้องปูด้วยกระเบื้องยางไวนิล ซึ่งทนน้ำและความชื้นได้ดีกว่าพื้นลามิเนต ทำให้สามารถใช้พื้นตรงนี้ทำครัวได้จริง มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.4 m. และผนังได้เป็นฉาบเรียบทาสี

มองย้อนกลับมาที่ทางเข้าห้อง ซึ่งทางโครงการไม่ได้ติดประตูมาให้ดู แต่ในห้องจริงจะได้เป็นประตูไม้บานทึบพร้อม Digital Door Lock ทางด้านซ้ายเป็นเคาน์เตอร์ครัว ส่วนทางด้านขวาเป็นพื้นที่วางตู้เย็นและโต๊ะรับประทานอาหาร

มาเริ่มที่ทางด้านซ้ายกันก่อน โดยเราจะได้เคาน์เตอร์ครัวของ Starmark ซึ่งจะ Built in มาให้ทั้งชิ้นและได้หน้าบานตู้ด้านบนเป็นไฮกลอสเงาสีขาวแบบนี้เลย

ตู้ด้านบนเมื่อเปิดออกมาภายในทำเป็นชั้นวางของไว้ 3 ชั้น สามารถเก็บของได้เยอะพอสมควร

บานเปิดติดตั้งระบบ Solf close ช่วยป้องกันการกระแทกเวลาเปิด-ปิด และบานขวาสุดเป็นบานเปิดแบบกดกระเด้งทำให้สะดวกต่อการใช้งาน

Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์ มีความทนทานต่อความร้อนและกรดด่างได้ดี ตรงกลางมีพื้นที่ทำอาหารเยอะพอสมควร และแนะนำให้กรุผนังกระเบื้องเพิ่มเติมตามเส้นประในรูป เพื่อเวลาประกอบอาหารจะได้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

อ่างล้างจานเป็นขนาดกลางแบบฝังเคาน์เตอร์ของ Teka มีพื้นที่โดยรอบและด้านข้างเหลือสามารถวางจานชามได้

ส่วน Hob & Hood ก็ได้เป็นของ Teka เช่นกัน โดยจะได้เป็นเตาขนาด 2 หัว และมีพื้นที่ด้านข้างเหลือสามารถประกอบอาหารได้สะดวก

ตู้ด้านล่างสามารถเก็บของได้ค่อนข้างเยอะ มีถังขยะ Built ติดมากับบานตู้สามารถใช้งานได้สะดวกและช่วยทำให้ห้องดูเรียบร้อยมากขึ้น ภายในลิ้นชักมีถาดใส่ช้อนซ้อมและที่คว่ำจานชามหรืออุปกรณ์ทำครัวมาให้พร้อมใช้งาน

โดยที่ลิ้นชักของ Stramark จะมีการติดตั้งโช๊คมาให้ ซึ่งช่วยลดแรงกระแทกเวลาใช้งานได้ดี และมีช่องสำหรับวางเครื่องไมโครเวฟอยู่ทางด้านล่างทำให้คนตัวเล็กก็สามาถใช้งานได้ดี ส่วนคนตัวสูงอาจต้องก้มสักเล็กน้อยซึ่งก็มีระยะการใช้งานกว้างมากพอที่จะก้มได้สะดวก ภายในติดตั้งปลั๊กมาให้พร้อมใช้งาน จะได้ไม่ต้องลากสายไฟออกมาเสียบด้านนอกทำให้เป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น

พื้นที่ครัวมีความกว้างจากเคาน์เตอร์ถึงผนังประมาณ 1.7 m. สามารถใช้งานได้สะดวก และถ้าจะตั้งโต๊ะรับประทานอาหารจะเหมาะกับ 2 นั่งในพื้นที่ประมาณนี้

ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่วางตู้เย็นและโต๊ะรับประทานอาหาร ซึ่งเป็นฟังก์ชันการใช้งานที่เชื่อมต่อกับครัวได้ดี

พื้นที่วางทีวีจะเป็นช่องเว้าเข้าไปในผนัง มีขนาดประมาณ 85 x 65 cm. ส่วนตู้ด้านบนทางโครงการจะไม่ได้แถมมาให้ แต่สามารถนำมาเป็นไอเดียในการ Built ตู้เพิ่มพื้นที่เก็บของได้ดี หรือสามารถซื้อตู้เย็นที่มีความสูงมากกว่าในห้องตัวอย่างนี้มาใช้ก็ได้ครับ

ส่วนพื้นที่รับประทานอาหาร ทางโครงการได้วางโต๊ะขนาด 2 ที่นั่งเอาไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง

ถัดเข้ามาด้านในเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นซึ่งมีพื้นที่ติดกับระเบียงและเชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนอน ของจริงเราจะได้เป็นพื้นที่โล่งๆจะไม่มีโซฟาหรือโต๊ะกลาง และชั้นวางทีวีแบบนี้นะ แต่จะมีปลั๊กไฟและเคเบิ้ลทีวีติดตั้งเอาไว้ให้พร้อมใช้งาน และได้เครื่องปรับอากาศเป็นของยี่ห้อ Daikin หรือเทียบเท่า ขนาด 12,000 BTU

ระยะดูทีวีกว้างประมาณ 2 m. ซึ่งเราสามารถซื้อทีวีขนาด 40 – 42 นิ้วมาดูได้ โดยชุดเฟอร์นิเจอร์ต่างๆเหล่านี้ทางโครงการไม่ได้แถมมาให้ เราสามารถเลือกซื้อเป็นโซฟาทรงเหลี่ยมธรรมดาขนาด 2 ที่นั่งมาวางได้ โดยยังต้องมีพื้นที่เหลือพอให้เดินเข้าห้องนอนได้ด้วยนะ

ฝ้าเพดานของจริงจะได้เป็นฉาบเรียบทาสี และได้ไฟดาวน์ไลท์ LED แบบฝังฝ้ามาให้ พร้อมติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัยมาด้วย 2 จุด

พื้นที่ห้องนั่งเล่นมีประตูกระจกบานเลื่อนที่ช่วยดึงแสงสว่างเข้ามาภายในห้อง และสามารถเปิดออกไปใช้งานพื้นที่ระเบียงภายนอกได้จากประตูทางด้านขวา ส่วนประตูทางด้านซ้ายเป็นบาน Fixed ไม่สามารถเปิดได้ครับ

ประตูกระจกบานเลื่อนกรอบอลูมิเนียมสีดำ ที่ขอบกรอบบานจะติดผ้ากำมะหยี่ช่วยกันเสียง ฝุ่น และแมลงได้ กระจกเป็นสีเทาตัดแสง และพื้นระเบียงมีการลดระดับจากพื้นห้อง ช่วยป้องกันเวลาฝนสาดกระเด็นหรือน้ำไหลซึมเข้าสู่ตัวห้องได้

พื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 2 x 1.3 m. สามารถออกไปใช้งานได้จริง พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 cm. ทางด้านซ้ายบริเวณใต้ Condensing unit ของจริงจะมีก๊อกน้ำติดตั้งเอาไว้ และเดินระบบท่อน้ำสำหรับวางเครื่องซักผ้าเอาไว้ให้ โดยเครื่องซักผ้าที่ใช้ควรเป็นแบบเปิดฝาหน้าจะได้ไม่ชนกับ Condensing unit ด้านบน

ราวกันตกจะได้เป็นเหล็กโปร่งพ่นสีดำสูง 1.1 m. และทางด้านซ้ายฝั่งที่มี Condensing uint แขวนอยู่จะได้เป็นระแนงเหล็กโปร่งที่มีความสูงจากพื้นถึงฝ้า ช่วยพรางสายตาจากภายนอกทำให้ดูเรียบร้อยมากขึ้น

Condensing unit เป่าลมร้อนออกมาทางด้านข้าง แนะนำให้ติดกริลดันลมร้อนออกไปด้านนอกจะทำให้ระเบียงไม่ร้อน สามารถออกมาใช้งานได้จริง ส่วนฝ้าจะได้เป็นฉาบเรียบทาสี ติดไฟดาวน์ไลท์ LED แบบฝังฝ้ามาให้ 1 จุด

พื้นที่ต่อไปเป็นห้องนอนซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนบานใหญ่ ซึ่งเมื่อเปิดออกจะทำให้พื้นที่การใช้งานภายในห้องเชื่อมต่อกันและทำให้ห้องดูโปร่งมากขึ้น สามารถเลื่อนปิดได้เมื่อต้องการแยกพื้นที่การใช้งานและต้องการความเป็นส่วนตัว หรือถ้าอยากเป็นส่วนตัวมากขึ้นอาจทำเป็นกระจกฝ้าหรือติดม่านเพิ่มเติมได้ครับ และอย่างที่บอกว่าการเลือกซื้อโซฟาของห้องนี้อย่าเลือกโซฟาที่มีขนาดใหญ่เกินไป เพราะจะขวางทางเดินเข้า-ออกห้องนอนได้นะ

กรอบประตูกระจกบานเลื่อนได้เป็น UPVC สีขาว กระจกใสธรรมดา มีตัวล็อคที่สามารถล็อคได้จากภายในและมีที่ไขกุญแจได้จากภายนอก

เดินรางประตูเอาไว้ด้านบนทำให้พื้นด้านล่างไม่มีรางให้เดินสะดุดหรือเก็บฝุ่นตามร่อง ซึ่งง่ายต่อการทำความสะอาด

ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้กลางห้อง และมีพื้นที่การใช้งานรอบเตียงให้เดินได้สะดวก

ทางด้านขวาของเตียงติดตั้งชุดหน้าต่างบานใหญ่มีความสูงจากพื้นเกือบถึงฝ้า ช่วยดึงแสงจากภายนอกเข้ามาและช่องหน้าต่างด้านบนสามารถเปิดระบายอากาศได้ 1 ข้าง และเป็นบาน Fixed อีก 1 ข้าง รวมถึงผนังที่ปลายเตียงมีการเตรียมปลั๊กไฟและเคเบิ้ลทีวีเอาไว้พร้อมใช้งาน สามารถติดทีวีปลายเตียงที่ผนังได้

พื้นที่ข้างเตียงทางด้านขวามีความกว้างประมาณ 80 cm. สามารถเดินผ่านหรือลุกออกจากเตียงได้สะดวก และสามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้ด้วย

พื้นที่ปลายเตียงมีความกว้างประมาณ 70 cm. ซึ่งการแขวนทีวีกับผนังจะทำให้มีระยะเดินใช้งานได้สะดวก

ส่วนพื้นที่ข้างเตียงทางด้านซ้ายมีความกว้างประมาณ 95 cm. สามารถใช้งานแต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้าได้สะดวก และสามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้ ซึ่งถ้าหากจะวางโต๊ะข้างจริงๆ แนะนำให้ใช้ตู้เสื้อผ้าประตูบานเลื่อน เพราะถ้าเป็นบานสวิงจะเปิดมาชนโต๊ะข้างเตียงทำให้ใช้งานได้ไม่สะดวก

ส่วนตู้เสื้อผ้าเราจะไม่ได้นะครับ ของจริงจะเป็นช่องเว้าเข้าไปมีขนาดประมาณ 0.5 x 1.2 m. โดยถ้า Built in เต็มพื้นที่ ก็จะได้ตู้เสื้อผ้าขนาดประมาณนี้

ส่วนฝ้าเพดานในห้องนี้ก็จะได้เป็นฉาบเรียบทาสี ได้ไฟดาวน์ไลท์ LED แบบฝังฝ้า และมีระบบป้องกันอัคคีภัยติดตั้งมาให้อีก 1 จุด เครื่องปรับอากาศเป็นของยี่ห้อ Daikin หรือเทียบเท่า ขนาด 9,000 BTU

ส่วนต่อไปเป็นห้องน้ำซึ่งสามารถเข้าได้จากทางห้องนอนและเป็นฟังก์ชันการใช้งานต่อเนื่องกับพื้นที่แต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้า สามารถใช้งานได้สะดวก

ภายในห้องมีการแยกฟังก์ชันการใช้งานพื้นที่ส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน และมีการแยก Layer ของผนังโดยพื้นที่ส่วนแห้งจะทาสีกันความชื้นเป็นสีครีมมาให้แบบนี้ ส่วนพื้นที่ส่วนเปียกใน Sower box จะกรุผนังกระเบื้องลายแบบนี้มาให้

พื้นที่ห้องน้ำจะมีลักษณะเป็นรูปตัว L และมีทางเดินกว้างประมาณ 70 cm. สามารถเดินผ่านได้สะดวก และปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 cm.

ชุดเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็นแนวยาวและติดกระจกเงาทรงกลมมาให้แบบนี้เลย แต่ตู้ติดผนังทางด้านซ้ายเราจะไม่ได้นะครับ ทางโครงการทำไว้ให้ดูเป็นไอเดียเพิ่มพื้นที่เก็บของในห้องน้ำ

อ่างล้างหน้าเป็นไฟเบอร์กลาสแบบหล่อสำเร็จรูปทั้งชิ้นของ Mogen มีขนาด 0.45 x 1 m. มีพื้นที่ด้านข้างเหลือสามารถวางของได้เยอะและด้านล่างมีช่องสำหรับเก็บของใช้ต่างๆที่จำเป็นในห้องน้ำได้ด้วย

ส่วนด้านใต้อ่างล้างหน้ามี Junction สำหรับต่อเครื่องทำน้ำร้อนเอาไว้ให้ ซึ่งโครงการได้เดินระบบท่อน้ำร้อนเอาไว้ภายในผนังทำให้ก๊อกน้ำหรือฝักบัวภายในห้องน้ำสามารถปรับอุณหภูมิได้ด้วย

ส่วนโถสุขภัณฑ์จะอยู่ด้านในสุด ได้เป็นของยี่ห้อ Mogen ติดสายชำระเอาไว้ที่ด้านหลังทางซ้ายและที่แขวนกระดาษชำระไว้ด้านข้างใช้งานได้สะดวก

สายชำระมีขนาดพอดีมือ และติดที่แขวนกระดาษชำระหน้าตาแบบนี้มาให้

ส่วนสุดท้ายเป็นพื้นที่อาบน้ำซึ่งจะได้ฉากกั้นเป็นกระจกนิรภัย Tempered Glass มาให้ และที่จับออกแบบมาให้สามารถแขวนผ้าเช็ดตัวได้

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 85 x 95 cm. มีพื้นที่ใช้งานได้แบบพอดีตัว บานประตูผลักเข้าไปด้านในและที่มุมผนังด้านขวาจะติดที่วางสบู่มาด้วย ทำให้การเปิดเข้าออกยากหน่อย เพราะมีระยะยืนน้อย ส่วนพื้นมีการยกขอบขึ้นมาสูงประมาณ 4 cm. เพื่อป้องกันน้ำไหลซึมเข้ามายังส่วนแห้งได้ และไม่มี Stopper ประตูมาให้ เวลาเปิดระวังประตูกระแทกกับชุดฝักบัวด้วยนะ

ชุดฝักบัวจะได้เป็น Hand shower ที่สามารถปรับระดับความสูงได้ และได้ Rain shower ของ Mogen หน้าตาแบบนี้ ก๊อกน้ำแบบก้านโยกปรับระดับแรงดันน้ำและสามารถปรับอุณหภูมิน้ำได้

ตัว Hand shower ของ Mogen เป็นหัวสี่เหลี่ยมและมีด้ามจับขนาดพอดีมือ

และอย่างที่บอกว่าผนังอีกด้านใน Shower box จะมีที่วางสบู่แบบฝังผนังของ Mogen ติดตั้งมาให้ด้วยครับ

ส่วนเวลาจะออกจาก Shower box จะมีที่จับเล็กๆจากภายในสามารถเปิดออกได้แบบนี้

และฝ้าเพดานในห้องน้ำจะได้เป็นฉาบเรียบทาสีกันความชื้น มีการดรอปฝ้าบางส่วน และติดตั้งไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้ามาให้ทั้งพื้นที่ส่วนแห้งและพื้นที่ส่วนเปียก รวมถึงได้เครื่องดูดอากาศแบบฝังฝ้าของ Panasonic

ส่วนสวิตไฟและปลั๊กจะเป็นของ Panasonic หน้าตาแบบนี้ครับ

ห้องตัวอย่างห้องที่สองเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 60 ตารางเมตร ซึ่งรูปแบบห้องจะคล้ายๆกับการนำห้อง 1 Bedroom 2 ห้องมารวมกันนั่นเอง เมื่อเข้ามาภายในห้องจะพบกับพื้นที่ Common area ขนาดใหญ่ ประกอบด้วยเคาน์เตอร์ครัวทางด้านซ้ายซึ่งมีความยาวตลอดแนวผนังทำให้มีพื้นที่เตรียมอาหารและสามารถเก็บของได้มากขึ้น ติดกันมีพื้นที่วางตู้เย็น และจะมีช่องเล็กๆทางซ้ายตรงประตูทางเข้าห้องสามารถ Built เป็นตู้เก็บของอเนกประสงค์ได้ ส่วนพื้นที่กลางห้องสามารถวางโซฟาขนาดใหญ่ได้ เนื่องจากเป็นห้องที่อาจมีสมาชิกครอบครัวขนาดใหญ่มาพักอาศัยกันหลายคน และมีพื้นที่หลังโซฟาสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหาร ทำให้สามารถทานอาหารไปและดูทีวีไปพร้อมๆกันได้ ติดกันเป็นประตูกระจกบานเลื่อนซึ่งสามารถเปิดออกไปใช้งานระเบียงได้ทั้งสองฝั่ง แล้วยังเปิดระบายอากาศและช่วยดึงแสงภายนอกเข้ามาภายในทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น ข้อเสียคือจะมีเสาตรงกลางทำให้ไม่ได้ผนังกระจกที่เปิดโล่งยาวตลอดแนว และภายนอกระเบียงก็มีความยาวต่อเนื่องกับภายในห้อง สามารถออกมาใช้งานได้

ห้องนอนมี 2 ห้องอยู่แยกกันคนละฝั่ง ซึ่งมีขนาดที่เท่ากันและมีห้องน้ำในตัวเหมือนกัน แตกต่างกันที่ประตูทางเข้าห้องทางขวาจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนซึ่งทำให้ได้ความรู้สึกที่เปิดโล่งและเชื่อมต่อพื้นที่การใช้งานกับห้องนั่งเล่นได้เหมือนกับห้องตัวอย่างแบบ 1 Bedroom ส่วนห้องนอนทางซ้ายจะได้เป็นประตูไม้บานทึบซึ่งจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า จึงอาจเหมาะทำเป็นห้องนอนจริงจังหรือห้อง Master Bedroom โดยห้องนอนทั้งสองสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้กลางห้องและมีพื้นที่รอบเตียงสามารถเดินผ่านได้สะดวก มีช่องหน้าต่างช่วยดึงแสงภายนอกเข้ามาทำให้ห้องสว่าง ดูโปร่งโล่งมากขึ้น และสามารถเปิดระบายอากาศได้ ภายในห้องจะมีห้องน้ำในตัวซึ่งมีการแยกพื้นที่ส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน และมีพื้นที่การใช้งานส่วนแห้งเป็นรูปตัว L เช่นกัน มีสุขภัณฑ์ต่างๆพร้อมใช้งานเหมือนห้องตัวอย่างแรก แต่จะมีพื้นที่อาบน้ำที่กว้างขึ้น สามารถใช้งานได้สะดวกมากขึ้น

สำหรับห้อง 2 Bedroom เมื่อเข้ามาภายในห้องจะพบกับพื้นที่ Common area ขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วยพื้นที่ห้องนั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร มีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ชุด ช่วยดึงแสงภายนอกเข้ามาทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้น พื้นเป็นกระเบื้องยางไวนิลเหมือนกับห้องตัวอย่างแรก ฝ้าสูง 2.4 m. ผนังฉาบเรียบทาสี และได้เครื่องปรับอากาศยี่ห้อ Daikin หรือเทียบเท่า ขนาด 18,000 BTU

ระยะดูทีวีประมาณ 3 m. สามารถติดทีวีจอใหญ่ขนาด 46 – 50 นิ้วได้ ซึ่งก็มีพื้นที่เหลือเฟือสามารถ Built ชั้นวางทีวีหรือจะแขวนผนังก็ได้ ส่วนโซฟาสามารถใช้โซฟาขนาดใหญ่หรือจะเป็นโซฟารูปตัว L ได้ เพราะยังมีพื้นที่ด้านข้างเหลืออีกมากและเป็นห้องที่เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกหลายคน

ด้านหลังโซฟาจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารทรงกลมขนาด 3 ที่นั่งมาให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่ในห้องจริงจะไม่มีชุดโต๊ะนี้ให้ เราสามารถเลือกจัดการใช้งานตามความชอบได้ และติดกับพื้นที่ Common area จะมีประตูกระจกบานเลื่อนสามารถเปิดออกไปที่ระเบียงได้

ภายนอกจะได้ระเบียงยาวต่อเนื่องกัน มีขนาดประมาณ 4.6 x 1.2 m. พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้และได้ราวกันตกเหล็กโปร่งพ่นสีดำเหมือนกับห้องตัวอย่างแรก

แขวน Condensing unit เอาไว้ด้านบนทั้ง 2 ฝั่ง เป่าลมร้อนออกมาด้านข้างซึ่งก็แนะนำให้ติดกริลดันลมร้อนออกไปด้านนอกเช่นเคย ระเบียงจะได้ไม่ร้อนและราวระเบียงตรงส่วนนี้จะได้สูงจากพื้นถึงฝ้าเหมือนห้องตัวอย่างห้องแรก เพื่อช่วยพรางสายตาทำให้ดูเรียบร้อยมากขึ้น

กลับเข้ามาในห้องอีกด้านหนึ่งจะเป็นพื้นที่ครัวยาวตลอดแนวผนังซึ่งจะได้เป็นครัวเปิด

พื้นที่ทำครัวมีขนาดใหญ่สามารถใช้งานได้สะดวกหรือจะเพิ่มฟังก์ชันโต๊ะเคาน์เตอร์บาร์ยาวๆเล็กๆ เอาไว้นั่งหรือยืนจิบเครื่องดื่ม และยังทำให้ฟังก์ชันห้องดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น แต่ยังคงได้พื้นที่เปิดโล่งที่เชื่อมถึงกันอยู่

เคาน์เตอร์ครัวจะได้เป็นชุด Built in ของ Stramark แบบเดียวกับของห้องตัวอย่างห้องแรกเลย แต่จะมีขนาดที่กว้างขึ้น และได้ตู้แขวนผนังด้านบนตู้เย็นด้วยนะ

เมื่อห้องกว้างขึ้นจึงสามารถ Built ตู้ที่มีพื้นที่เก็บของได้มากขึ้นกว่าห้องตัวอย่างแรก สามารถเก็บของได้เยอะมากเลยทีเดียว

Top เคาน์เตอร์ยังคงได้เป็นหินสังเคราะห์เช่นเดิม แต่จะมีพื้นที่ประกอบอาหารที่เพิ่มมากขึ้น และแนะนำให้กรุผนังกระเบื้องเพิ่มเติมเช่นเคยเพื่อง่ายต่อการทำความสะอาด

Hob & Hood ก็ได้เป็นของ Teka แต่จะได้เตาเพิ่มเป็น 4 หัว สามารถทำอาหารได้มากขึ้นครับ

อ่างล้างจานของ Teka เหมือนเดิม แต่จะมีพื้นที่ด้านข้างทั้งสองข้างเพิ่มมากขึ้น สามารถประกอบอาหารหรือวางจานชามได้เยอะขึ้น

ตู้ด้านล่างมีฟังก์ชันเหมือนเดิม แต่พื้นที่เก็บของจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าเดิม สามารถเก็บของได้มากขึ้นครับ

ติดกันมีพื้นที่วางตู้เย็นอยู่ด้านข้างซึ่งเป็นฟังก์ชันการใช้งานที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ครัวทำให้ใช้งานได้สะดวก มีขนาดช่องเท่ากันกับห้องตัวอย่างแรกคือ 85 x 65 cm. แต่สำหรับห้องนี้จะถูกจำกัดในเรื่องความสูง เนื่องจากทางโครงการมีตู้ Built แขวนผนังมาให้ด้วย ทำให้ใช้ตู้เย็นที่มีขนาดและความสูงได้ตามห้องตัวอย่างเลยครับ

ส่วนตรงประตูทางเข้าห้องทางด้านซ้ายจะมีช่องเว้าเข้าไป สามารถ Built เป็นตู้เก็บรองเท้า หรือจะเป็นตู้เก็บของที่ภายในมีช่องทรงสูงสามารถเก็บของชิ้นใหญ่ๆเช่น ถุงกอล์ฟ หรือ อุปกรณ์ทำความสะอาดได้ ซึ่งอันนี้แล้วแต่ Lifestyle ของแต่ละคนเลยครับ

ส่วนฝ้าเพดานในห้องนี้จะได้เป็นฉาบเรียบทาสี ได้ไฟดาวน์ไลท์ LED แบบฝังฝ้า และมีอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยติดตั้งมาให้ 2 จุด

ต่อไปทางด้านซ้ายเป็นพื้นที่ห้องนอนห้องแรก ซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเหมือนกับห้องตัวอย่างห้องแรก กรอบเป็น UPVC สีขาว เดินรางไว้ด้านบนและสามารถล็อคประตูได้จากด้านใน มีรูกุญแจไขได้จากทางด้านนอก ซึ่งประตูกระจกทำให้ได้พื้นที่เชื่อมต่อกันและรู้สึกโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น ถ้าจะทำให้เป็นส่วนตัวอาจปรับทำเป็นกระจกฝ้าหรือติดม่านเพิ่มเติมได้ครับ

ภายในห้องสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้กลางห้อง มีพื้นที่รอบเตียงสามารถเดินผ่านได้สะดวก

ด้านขวาของเตียงมีชุดหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ ความสูงจากพื้นเกือบถึงฝ้า ช่วยดึงสว่างภายนอกเข้ามาและสามารถเปิดระบายอากาศได้ รวมถึงสามารถติดทีวีปลายเตียงได้โดยที่มีปลั๊กและเคเบิ้ลทีวีเตรียมเอาไว้ให้พร้อมใช้งาน และได้เครื่องปรับอากาศของยี่ห้อ Daikin หรือเทียบเท่า ขนาด 9,000 BTU

พื้นที่ทางด้านขวามีความกว้างประมาณ 65 cm. สามารถใช้งานเดินผ่านหรือลุกจากเตียงได้สะดวก และสามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้

พื้นที่ปลายเตียงมีความกว้างประมาณ 85 cm. ควรจะแขวน TV บนผนังแบบนี้จะได้เดินผ่านได้สะดวก

ฝั่งซ้ายของห้องจะมีพื้นที่ตู้เสื้อผ้าและประตูทางเข้าห้องน้ำในตัว

ส่วนพื้นที่ข้างเตียงทางซ้ายมีความกว้างประมาณ 1 m. สามารถใช้ยืนแต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้าได้สะดวกและวางโต๊ะข้างเตียงได้

ซึ่งตู้เสื้อผ้านี้เราจะไม่ได้นะ แต่จะเป็นพื้นที่เว้าเข้าไปเป็นช่องขนาดประมาณ 0.5 x 1.2 m. เหมือนห้องตัวอย่างห้องแรกเลยครับ โดยห้องนี้จัดวางเตียงให้มีพื้นที่ทางซ้ายหน้าตู้เสื้อผ้าที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้มีระยะมากพอที่จะเปิดประตูตู้เสื้อผ้าแบบบานสวิงได้ทั้ง 2 ฝั่งครับ

ฝ้าเพดานของห้องนี้ก็จะเป็นฉาบเรียบทาสี ไฟดาวน์ไลท์ LED แบบฝั่งฝ้า และมีอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยติดตั้งมาให้ 1 จุด

ส่วนภายในห้องน้ำก็จะมีการแยกพื้นที่ส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกจากกันอย่างชัดเจน มีฟังก์ชันการใช้งาน วัสดุอุปกรณ์และการตกแต่งเหมือนกับห้องตัวอย่างห้องแรกแต่งจะแตกต่างกันที่ขนาดพื้นที่ที่กว้างมากขึ้นเล็กน้อย

พื้นที่ห้องน้ำยังคงเป็นรูปตัว L เช่นเคย ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้และของจริงจะมีการลดระดับพื้นห้องน้ำลงจากพื้นห้องด้วย

เคาน์เตอร์ครัวจะได้เป็นของ Mogen หน้าตาวัสดุและฟังก์ชั่นการใช้งานเหมือนเดิมทุกอย่าง เดินงานระบบท่อน้ำร้อนเอาไว้ในผนังสามารถต่อเครื่องทำน้ำร้อนได้ที่ใต้อ่างล้างหน้า และไม่ได้ให้ตู้ทางด้านซ้ายเช่นเคย

โถสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆจะอยู่ทางด้านในสุด ใช้เป็นห้อง Mogen มีพื้นที่โดยรอบใช้งานได้สะดวก

ส่วนพื้นที่อาบน้ำก็จะได้ฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass ที่จับออกแบบให้แขวนผ้าเช็ดตัวได้

สิ่งที่เห็นแตกต่างจากห้องตัวอย่างแรกอย่างเห็นได้ชัดคือมีพื้นที่อาบน้ำเพิ่มมากขึ้น และประตูเปิดออกมาด้านนอกทำให้ใช้งานเปิดเข้า-ออกได้สะดวกมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกมากับอาจมีหยดน้ำที่หยดลงมาจากประตูกระจกทำให้พื้นตรงส่วนแห้งบริเวณนี้เปียกได้ ส่วนธรณีก็ยกขอบสูงประมาณ 4 cm. ช่วยกันน้ำกระเด็นหรือไหลซึมออกมาที่พื้นที่ส่วนแห้งภายนอกได้

ภายในก็มีฟังก์ชันมาตรฐานเหมือนเดิม ได้ทั้ง Hand shower และ Rain shower ที่ปรับระดับแรงดันน้ำและปรับอุณหภูมิได้ รวมถึงมีที่วางสบู่แบบฝังผนังมาให้อีกเช่นเคย

ฝ้าเพดานยังคงได้เป็นฉาบเรียบทาสีกันความชื้น ติดไฟดาวน์ไลท์ LED แบบฝังฝ้ามาให้ และมีการดรอปความสูงฝ้าบางส่วน

ห้องสุดท้ายเป็นห้องนอนที่สองซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่ง โดยประตูทางเข้าจะเปลี่ยนจากประตูกระจกบานเลื่อนเป็นประตูไม้บานทึบขนาด Oversize ซึ่งจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องนอนห้องแรก

ภายในห้องตัวอย่างจัดเป็นห้องนอนสำหรับเด็ก มีเตียง 2 ชั้นวางให้ดูเป็นตัวอย่าง

ซึ่งในความเป็นจริงแล้วห้องนอนนี้จะมีขนาดพื้นที่เท่ากับห้องนอนห้องแรกเมื่อสักครู่ ทำให้เราอาจสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตและจัดวางฟังก์ชันในตำแหน่งเหมือนกับห้องแรกเพื่อทำเป็นห้องนอนจริงจังได้เพิ่มอีกห้อง หรือจะใช้ห้องนี้เป็น Master Bedroom เลยก็ได้เพราะมีความเป็นส่วนตัวที่มากกว่าห้องเมื่อสักครู่

โดยห้องนี้ก็มีชุดหน้าต่างขนาดใหญ่ช่วยดึงแสงเข้ามาและเปิดระบายอากาศได้เช่นกัน ปลายเตียงก็ติดทีวีได้มีปลั๊กกับเคเบิ้ลเตรียมไว้พร้อมใช้งาน เครื่องปรับอากาศที่ได้เป็นยี่ห้อ Daikin หรือเทียบเท่า ขนาด 9,000 BTU

และอีกฝั่งก็เป็นช่องเว้าเข้าไปเพื่อสามารถทำเป็นตู้เสื้อผ้าได้ มีขนาดพื้นที่เท่าเดิมและมีทางเข้าห้องน้ำในตัว

ฝ้าเพดานก็จะได้เป็นฉาบเรียบทาสี ไฟดาวน์ไลท์ LED แบบฝังฝ้าและติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยมาให้ 1 จุด

ภายในห้องน้ำก็ได้ฟังก์ชั่นและการตกแต่งเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้เลยครับ

ส่วนขนาดพื้นที่และรูปร่างห้องน้ำก็จะได้เหมือนกับห้องน้ำของห้องแรกเมื่อสักครู่เลยครับ

ส่วนห้อง Type อื่นๆ ของโครงการมีดังนี้ครับ

ห้อง Type A แบบ 1 Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร ซึ่งมีเป็นห้องตัวอย่างที่ได้พาไปดูกันมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่จะมีห้องอีกแบบหนึ่งซึ่งเป็นห้องมุม โดยเราจะได้หน้าต่างด้านข้างบริเวณห้องนอนเพิ่มอีก 1 จุด ทำให้ห้องสว่างและมีความโปร่งโล่งมากขึ้น แล้วยังทำให้เกิด Ventilation สามารถระบายอากาศได้ดีขึ้นด้วย

ห้อง Type B แบบ 1 Bedroom ขนาด 39 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาภายในจะพบกันพื้นที่ครัวที่ด้านหนึ่งเป็นเคาร์เตอร์ครัวและอีกด้านหนึ่งเป็นช่องที่เว้าเข้าไปสำหรับวางตู้เย็น ถัดเข้ามาด้านในห้องเราจะเจอกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ซึ่งใช้งานร่วมกับพื้นที่ทานอาหารและรายล้อมไปด้วยประตูกระจกถึง 3 ด้านทำให้มีความโปร่งโล่งมากขึ้น ติดกันด้านหนึ่งเป็นประตูกระจกบานเลื่อนกว้าง 3 ตอนช่วยดึงแสงภายนอกเข้ามาทำให้ห้องสว่างและสามารถเปิดออกไปใช้งานพื้นที่ระเบียงภายนอกได้ อีกด้านหนึ่งยังมีห้องพิเศษเพิ่มอีก 1 ห้อง ที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน เมื่อเปิดประตูออกจะได้พื้นที่เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นทำให้ห้องดูโปร่งโล่งและกว้างขวางมากยิ่งขึ้น และเมื่อปิดประตูก็จะได้พื้นที่ที่แยกฟังก์ชันการใช้งานออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วนมากขึ้น สามารถใช้เป็นห้องอเนกประสงค์ได้ โดยที่ในส่วนนี้ห้องมุมจะได้ช่องหน้าต่างเพิ่มอีก 1 จุด จะยิ่งทำให้ห้องนี้ดูกว้างและโปร่งมากขึ้นด้วย จึงทำให้ห้อง Type นี้เหมาะกับคนที่ชอบห้องที่มีพื้นที่กว้างและโปร่งโล่ง เหมาะสำหรับทั้งการอยู่อาศัยและการพักผ่อน

ส่วนอีกด้านเป็นห้องนอนซึ่งกั้นด้วยประตูประจกบานเลื่อนเช่นกัน ภายในห้องสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต – 6 ฟุต ไว้กลางห้องได้ ผนังด้านหนึ่งมีชุดหน้าต่างช่วยดึงแสงภายนอกเข้ามาทำให้ห้องสว่างและโปร่งโล่งมากขึ้น และสามารถเปิดระบายอากาศได้ ส่วนอีกฝั่งของเตียงมีช่องเว้าเข้าไปในผนังไว้สำหรับ Built ตู้เสื้อผ้า และมีพื้นที่แต่งตัวหน้าตู้ได้ ติดกันเป็นห้องน้ำซึ่งภายในมีการแยกฟังก์ชันการใช้งานพื้นที่ส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน และได้สุขภัณฑ์ครบพร้อมใช้งาน

และมีห้อง Type B อีกแบบหนึ่ง เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 40 ตารางเมตร โดยที่มีฟังก์ชันการใช้งานเหมือนห้องตัวอย่าง Type A แบบ 1 Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตรที่ได้พาไปดูกันมาแล้ว แต่จะมีความแตกต่างกันที่ขนาดพื้นที่ที่มีความกว้างขวางมากขึ้นและเป็นห้องมุมมีช่องหน้าต่างเพิ่มอีก 1 จุดในห้องนอน จึงเหมาะกับคนที่ชอบฟังก์ชันการใช้งานแบบห้อง Type A แต่อยากได้ห้องที่มีขนาดพื้นที่การใช้งานที่กว้างขึ้น และต้องการห้องที่ดูโปร่งโล่งมากขึ้น สามารถ Ventilation ระบายอากาศภายในได้ดีมากขึ้น

ส่วนห้องแบบสุดท้ายเป็นห้อง Type แบบ 2 Bedroom ขนาด 60 ตารางเมตร ซึ่งเป็นห้องตัวอย่างที่ได้พาไปดูกันมาแล้วเช่นกัน มีลักษณะเหมือนนำห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร มารวมกัน 2 ห้อง จึงทำให้ได้พื้นที่ Common area ขนาดใหญ่ มีระเบียงที่กว้างและยาว มีห้องนอน 2 ห้องและมีห้องน้ำในตัว ห้องแบบนี้จึงเหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่หรือมีสมาชิกครอบครัวหลายคน ซึ่งแต่ละคนจะมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองซึ่งแยกออกเป็นสัดส่วนและมีพื้นที่ใช้งานร่วมกันขนาดใหญ่ รวมถึงมีห้องมุมซึ่งจะได้ช่องหน้าต่างเพิ่มที่ห้องนอนด้านหนึ่ง ทำให้ห้องมี Ventilation ที่ดีและมีบรรยากาศที่โปร่งโล่งมากขึ้น

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 12 July 2018

  • 1 Bedroom ห้อง A-2-A1-02 ชั้น 2 ขนาด 30 ตร.ม. ราคา 2.37 ล้านบาท หรือ 79,000 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom ห้อง A-3-A1-07 ชั้น 3 ขนาด 30 ตร.ม. ราคา 2.55 ล้านบาท หรือ 85,000 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom ห้อง A-2-B1-17 ชั้น 2 ขนาด 39 ตร.ม. ราคา 3.80 ล้านบาท หรือ 97,500 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom ห้อง A-4-B1-17 ชั้น 2 ขนาด 39 ตร.ม. ราคา 4.29 ล้านบาท หรือ 110,000 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom ห้อง A-7-C1-06 ชั้น 7 ขนาด 60 ตร.ม. ราคา 6 ล้านบาท หรือ 101,000 บาท/ตร.ม.

  • Fully Fitted
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • เครื่องปรับอากาศ
  • จอง 30,000บาท
  • ทำสัญญา 10% ของราคาห้อง
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน
  • ทางโครงการ Marvest Hua Hin จะการมีออกบูธที่ BluPort หัวหิน ระหว่างวันที่ 27 ก.ค.- 2 ส.ค. โดยมี Promotion Fully Furnished หรือ ส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล – หัวหินเป็นเมืองท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ มีทั้งที่อยู่อาศัยแนวราบซึ่งเป็นชุมชนดั่งเดิม โรงแรม รีสอร์ท และเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ รวมถึงเริ่มมีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นในย่านนี้อยู่บ้างพอสมควร นอกจากนี้เมืองหัวหินยังมีจุดเด่นของสถาปัตยกรรมและการตกแต่งที่มีเอกลักษณ์ เป็นแนวอนุรักษ์สไตล์โคโลเนียล ด้านความอุดมสมบูรณ์ของอำเภอหัวหินส่วนใหญ่จะเกาะอยู่ตามเส้นถนนเพชรเกษม ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญต่างๆจะอยู่ไม่ไกลกันมากนัก โดยที่ตั้งของตัวโครงการถือว่าอยู่ในตัวเมืองที่แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญได้แก่ โรงพยาบาลซานเปาโลที่ห่างออกไปเพียงแค่ 300 m. เป็นระยะที่เดินถึงได้สบายๆ หรือจะเป็นสถานที่ยอดฮิตอย่าง สถานีรถไฟหัวหิน ชายหาดหัวหิน ตลาดโต้รุ่งหัวหิน ตลาดฉัตรไชย และตลาดฉัตรศิลา ที่ห่างจากโครงการเพียง 600 – 750 m. เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นระยะที่ไม่ไกลมาก นอกจากนี้ยังมีแหล่งช้อปปิ้งให้ได้เดินซื้อของในแอร์ชิวๆอย่าง Market Village ในระยะเพียง 1 km. อีกด้วย

การเดินทาง – โครงการอยู่ติดกับถนนเพชรเกษม ระหว่างซอยหัวหิน 78 กับซอยหัวหิน 80 และหน้าปากซอยนี้ยังมีวินมอไซค์สามารถเดินไปใช้บริการได้ในระยะเดินถึงสบายๆ จัดเป็นทำเลใจกลางเมืองหัวหินที่เดินทางสะดวก รถสามารถเลี้ยวเข้าสู่ตัวโครงการได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลาไปกลับรถ อยู่ใกล้กับโรงพยาบาล และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญต่างๆในระยะไม่กี่ร้อยเมตร ซึ่งถ้าขยันหน่อยก็สามารถเดินไปถึงได้เลยทีเดียว หรือจะขับรถไปได้ง่ายๆในเวลาไม่กี่นาที และตัวโครงการมีที่จอดรถประมาณ 30% รวมซ้อนคัน

การออกแบบโครงการ  – รูปแบบโครงการออกแบบแนวคิด “Modern Coastal” มีความเรียบง่ายที่ทันสมัย เน้นการอยู่อาศัยและการพักผ่อน จัดวางตัวอาคารเป็นรูปตัว L เป็นแนวลึกต่อกันเข้าไปด้านในทำให้อาคารไม่บังวิวกันเอง มีวงเวียนที่เป็นจุด Drop – Off อยู่ทางด้านหน้าสามารถวนรถเพื่อรับส่งคนที่ Lobby ได้โดยไม่เข้าไปรบกวนพื้นที่ภายใน ตัวโครงการจัดวางอาคารทั้งสองต่อกันเป็นแนวยาวให้ชิดด้านหนึ่ง และมีพื้นที่อีกด้านหนึ่งสามารถทำเป็นพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่และทำสระว่ายน้ำยาวๆได้ด้วย ตัวอาคารมีการจัดวางห้องให้หันไปทางทิศเหนือ-ใต้ โดยทางด้านทิศเหนือมาสามารถมองเห็นสวนและสระว่ายน้ำได้ยาวตลอดแนว ตัวสระว่ายน้ำรายล้อมไปด้วยสวนและแนวต้นไม้ให้อารมณ์สไตล์รีสอร์ทและช่วยบังสายตาจากที่จอดรถใต้อาคารและอาคารบ้านพักอาศัยโดยรอบทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น รวมถึงมีประติมากรรมและของประดับตกแต่งอย่างสวยงาม ส่วนทางทิศใต้จะได้ลมผ่านดีตลอดปี

การออกแบบห้องพักอาศัย  – ถือว่าออกแบบมาได้ลงตัว เน้นการพักผ่อนในห้องที่มีพื้นที่กว้างขวางและโปร่งโล่ง สำหรับห้อง 1 Bedroom เหมาะกับการพักอาศัย 1 – 2 คน ได้เป็นพื้นที่ครัวเปิดที่ไม่เน้นการทำอาหารจริงจัง และได้ห้องนั่งเล่นที่มีพื้นที่เชื่อมต่อกับส่วนอื่นๆโดยไม่มีผนังทึบกั้นจึงทำให้ห้องรู้สึกโปร่งโล่งมากขึ้น นอกจากนี้ห้องแบบ 1 Bedroom ทุกๆขนาดยังสามารถ Combine กันโดยการเอาผนังตรงกลางออกจะทำให้ได้พื้นที่ Common area ที่กว้างมากขึ้นอีกด้วย ส่วนห้อง 2 Bedroom ก็เหมาะกับครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยหรือมีสมาชิกอยู่อาศัยกันหลายคน โดยที่ทุกคนในครอบครัวจะมีพื้นที่ใช้งานร่วมกันขนาดใหญ่ สามารถจัดฟังก์ชันได้หลากหลายตามความเหมาะสม และยังได้ห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัวแยกออกจากกันทำให้ได้ความเป็นส่วนตัว โดยที่ห้องนอนห้องหนึ่งยังคงได้เป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่สามารถเชื่อมต่อพื้นที่การใช้งานกับห้องนั่งเล่นทำให้ห้องดูกว้างมากขึ้น ส่วนห้องนอนอีกห้องจะได้เป็นผนังทึบเหมาะสำหรับทำเป็นห้องนอนที่เป็นส่วนตัว รวมถึงห้องนอนทุกห้องสามารถติดทีวีปลายเตียงได้จึงเหมาะกับคนที่ชอบนอนดูทีวีในห้องนอนอีกด้วย

วัสดุ – ถือว่าให้มาดีตามมาตรฐานคอนโดระดับนี้ พื้นห้องเป็นกระเบื้องยางไวนิล , ประตูมี Digital Door Lock , ชุดเคาน์เตอร์ครัวเป็นของ Starmark , หน้าบานไฮกลอส ติดตั้งระบบ Solf close และมีโช๊คที่ลิ้นชัก , Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์ , อ่างล้างจานและ Hop&Hood ของ Teka , ชุดประตูหน้าต่างระเบียงกรอบอลูมิเนียมสีดำ กระจกเทาตัดแสง , พื้นระเบียงและห้องน้ำเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ , ประตูบานเลื่อนห้องนอนบานใหญ่กรอบ UPVC สีขาว กระจกใสธรรมดาแต่เดินรางด้านบน , ได้เครื่องปรับอากาศ Daikin หรือเทียบเท่า , ฝ้าเพดานห้องฉาบเรียบทาสี ติดไฟดาวน์ไลท์ LED แบบฝังฝ้าพร้อมอุปกรณ์ระบบป้องกันอัคคีภัย , ผนังและฟ้าเพดานห้องน้ำทาสีกันความชื้น , ติดตั้งพัดลมดูดอากาศของ Panasonic ในห้องน้ำ , ชุดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ Mogen ครบพร้อมใช้งาน

สาธารณูปโภค – ถือว่าให้มาครบและออกแบบได้สวยงามน่าใช้งาน โครงการมีการวางพื้นที่ส่วนกลางไว้ตรงกลางซึ่งโอบล้อมไปด้วยอาคารรูปตัว L ทั้งสอง ภายในมีสระว่ายน้ำความยาว 50 m. ใช้งานว่ายได้จริง มี Jacuzzi และ Pool Seat สำหรับนั่งพักผ่อนริมสระ ประดับตกแต่งส่วนกลางด้วยงานประติมากรรมและมี Rain Curtain เป็นจุดเด่นสวยงาม มีพื้นที่สวนโดยรอบใช้เป็นลานอเนกประสงค์และนั่งพักผ่อนใน Pavilion ได้ รวมถึงมีห้อง Fitness ที่มีผนังกระจกเปิดรับวิวสวนส่วนกลางของโครงการได้ รวมถึงมีลิฟต์โดยสารอาคารละ 2 ตัว อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการอยู่ที่ 84 :  1 ซึ่งถือว่าไม่หนาแน่น

Judgement

สำหรับโครงการ Marvest หัวหิน เราจะไม่มีการให้คะแนนนะครับ เนื่องจากโครงการประเภทตากอากาศ มีปัจจัยในการตัดสินใจเลือกซื้อที่แตกต่างจากคอนโดเพื่อการอยู่อาศัยทั่วไปที่ต้องมีเรื่องของความคุ้มค่าทางการเงินและความคุ้มค่าทางอารมณ์ผนวกกันครับ เป็นการซื้อเพื่อพักผ่อนหย่อนใจมากกว่า ทำให้บรรทัดฐานการให้คะแนนแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลทั้งผู้อ่านและผู้รีวิวครับ

BOTTOM LINE

Marvest หัวหิน เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดพักอาศัยหรือคอนโดตากอากาศไว้สำหรับพักผ่อน ทำเลใจกลางเมืองหัวหิน ไม่ไกลจากทะเล เดินทางง่ายติดถนนหลัก ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกและสถานที่ท่องเที่ยว ตัวห้องจัดพื้นที่ลงตัวเป็นสัดส่วน พื้นที่สวนกลางสวยครบใช้งานได้จริง ในราคาเริ่มต้น 2.3 ล้านบาท หรือผ่อนต่อเดือนเริ่มต้น 16,000 บาท/เดือน