Autumn Hua Hin - 210

รีวิวฉบับที่ 748 … สวัสดีปีใหม่ครับทุกท่าน วันนี้ผมกลับมาที่หัวหินกันอีกครั้งนะครับ กับโครงการ Autumn Hua Hin (ออทัมน์ หัวหิน) คอนโดตากอากาศวิวสนามกอล์ฟสวนสน จากค่ายแสนสิริ ที่เราเคยไปรีวิวกันมาแล้วรอบหนึ่ง ปัจจุบันตึกนี้สร้างเสร็จเรียบร้อยกำลังเริ่มขั้นตอนการตรวจรับห้องและทยอยโอนกัน วันที่ผมเข้าไปเก็บข้อมูลนั้นตึกยังไม่เสร็จ 100% นะครับ บางส่วนยังอยู่ในขั้นตอนการเก็บงาน ดังนั้นอาจจะมีสีเลอะบ้าง ไม่เรียบร้อยบ้าง ไม่ว่ากันนะครับ

Fact @ 7 January 2015

  • Autumn Hua Hin (ออทัมน์ หัวหิน)
  • บริษัท แสนสิริ จำกัด มหาชน
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน ต. หนองแก อ. หัวหิน จ. ประจวบคีรีขันธ์
  • คอนโด Low Rise 7 ชั้น 1 อาคาร และ 4 ชั้น 1 อาคาร รวม 192 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 22 ยูนิตที่อาคาร A
  • ที่จอดรถประมาณ 57 คันคิดเป็น 30% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 3-3-98.5 ไร่
  • สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ม.ค. 2558
  • 1 Bedroom 39.5 – 50 ตารางเมตร
  • 2 Bedrooms 62.5 – 75.5 ตารางเมตร
  • 2 Bedrooms Duplex 83.5 – 88 ตารางเมตร
  • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 3.46 ล้านบาทหรือประมาณ 82,000 บาทต่อตารางเมตร
  • http://www.sansiri.com
  • โทร 1685

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ

เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

ทำเลโครงการเราเคยพูดถึงไปครั้งหนึ่งแล้วใน รีวิว Autumn Hua Hin ช่วงที่ยังเป็นสำนักงานขาย อยู่นะครับ ดังนั้นเราจะขอข้ามในภาพรวมเรื่องทำเลไปก่อน ใครอยากทราบรายละเอียดในส่วนนี้ก็สามารถย้อนกลับไปอ่านรีวิวฉบับเดิมได้นะครับ


เจาะลึกตัวโครงการ

เริ่มกันที่หน้าป้ายโครงการนะครับ ตัวหนังสือโลหะยื่นออกมาจากผนังลายหินดูแล้วสวยงาม แต่สีของตัวอักษรจะกลืนๆกับผนังไปหน่อยทำให้มองไม่ค่อยชัด และถ้ามีไฟส่องให้โลหะสะท้อนแสงจะช่วยได้มากในช่วงกลางคืนครับ

ขับรถมาถึงปุ๊บผมก็เข้าไปจอดในที่จอดรถ จอดได้ราวๆ 30% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งที่จอดรถตรงนี้เป็นแนวยาวแบบเส้นก๋วยเตี๋ยวทำให้จอดซ้อนคันได้อีกเยอะก็น่าจะจอดได้ถึง 40% กว่าๆครับ ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาลที่ลูกบ้านทุกคนพร้อมใจจะมาเที่ยวหัวหิน ผมว่าก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก

ทางเข้าโครงการช่วงด้านหน้าจะติดกับ Lobby ของตึก A (7 ชั้น) และตึก B (4 ชั้น) โดยเป็นพื้นคอนกรีตสแตมป์ลายสี่เหลี่ยม ตัวคอนโดยกขึ้นสูงไปจากพื้นถนนทางเข้าอีกประมาณ 4-5 ขั้นบันได ป้องกันเหตุน้ำท่วมจากพวกฝนตกแล้วระบายน้ำไม่ทัน

ทางเข้าตึก A จะอยู่ฝั่งซ้ายและทางเข้าตึก B คือฝั่งขวานะครับ โดยทั้งสองตึกเป็นรูปตัว L ล็อคเข้าหากัน โดยมีสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลาง

แผนผัง Master Plan ของโครงการนะครับ แสดงภาพตึกรูปตัว L สองตึกล็อคเข้าหากันและที่จอดรถแนวยาวทางฝั่งซ้ายของตึก A

 

ทีนี้เรามาดู Floor Plan กันบ้าง ชั้นล่างสุดเป็นพื้นที่จอดรถ และมีห้องพวกที่เป็น Pool Access ได้อยู่ด้านใน ในขณะที่ห้องด้านนอกก็จะได้สวนรอบๆ ซึ่งชั้น 1 ก็ไม่ต้องหวังเรื่องวิวอะไรมากนะครับ แค่รั้วโครงการตัวเองก็มองไม่พ้นแล้ว

 

มาดูแนวชั้นบนๆกันบ้าง ด้านหลังโครงการจะได้เป็น Single Loaded Corridor ด้วย เห็นวิวหมู่บ้าน ส่วนด้านหน้าจะได้วิวสนามกอล์ฟ โดยชั้น 5-7 น่าจะเป็นตำแหน่งห้องที่น่าสนใจที่สุดของโครงการนี้ละ

ผังชั้น 4 ที่หยิบมาให้ดูเพื่อที่จะได้เห็นว่ามียูนิต Duplex อยู่ด้านบนสุดของชั้น 4 ตึก B สามารถเดินขึ้นมาจากบ้านตัวเอง เปิดไปนั่งชมวิวได้ที่สวนส่วนกลางที่จัดไว้ให้ เป็นยูนิตพิเศษอีกชุดหนึ่งครับ (เดี๋ยวมีภาพให้ชมว่าเป็นอย่างไร)

เรามาดูสถานที่จริงกันบ้าง เริ่มจาก Lobby ตึก A ก่อน เป็นส่วนแรกสุดที่เอาไว้ต้อนรับแขกเหรื่อหรือลูกบ้านที่จะมาเข้าใช้คอนโดมิเนียม

ขนาดตัว Lobby ของตึก A ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากเท่าไร เพียงพอสำหรับการวางชุดรับแขก Grand Sofa 1 ชุด เฟอร์นิเจอร์แนวหวายเทียมแต่งสีโทนน้ำตาลตามคอนเซปท์ของชื่อ Autumn

ข้อดีของ Lobby ตึก A อยู่ตรงที่ได้เพดานสูง จะดูโปร่ง ไม่ทึบและอึดอัด

ซึ่งสาเหตุที่พื้นที่ของ Lobby ตึก A ไม่ใหญ่มากนักเป็นเพราะต้องแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งไปทำสำนักงานนิติบุคคล หรือ Juristic Office ครับ

หากเดินออกจาก Lobby ตึก A ไปยังตึก B ก็จะผ่านโซนส่วนกลาง เอาภาพมาให้ดูเป็นน้ำจิ้มนิดหน่อยก่อนที่จะลงรายละเอียดกัน

เราไปที่ Lobby ตึก B กันก่อน ซึ่งมีขนาดกว้างขวางและโอ่โถงกว่า Lobby ตึก A มาก มีส่วนที่เป็นชุดโต๊ะเก้าอี้เล็กๆ และชุดโซฟา, Arm Chair

การตกแต่งทำได้สวยงามใน Concept ของ Autumn หรือฤดูใบไม้ร่วงเช่นกัน แต่ Lobby ของตึก B จะเตี้ย ไม่เหมือนตึก A ที่เปิดเพดานสูง 2 ชั้นนะครับ

ถัดมาเป็นส่วนของสระว่ายน้ำส่วนกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ Court รูปสี่เหลี่ยมกลางคอนโดมิเนียมทั้งสองตึก มีห้องบางห้องที่เปิดให้เดินลงสระว่ายน้ำได้จากระเบียงเลย ยกตัวอย่างเช่นห้องทางขวาในรูปภาพด้านบน เป็นแบบ Pool Access ของตึก B ครับ

เนื่องจากตึก B เป็นตึกที่มีความสูงเพียง 4 ชั้น และมีห้องพักแค่ชั้น 1-3 เท่านั้น การเดินขึ้นส่วนใหญ่จึงจะใช้เป็นบันได ซึ่งแนวทางการออกแบบบันไดจากชั้น 2 ไปชั้น 3 ทำเป็นขั้นที่ยื่นออกมาจากตึก แบบนี้ละ

คอนโดตากอากาศที่มีจำนวนชั้นเพียง 4 ชั้น และอยู่อาศัยเพียง 3 ชั้นแบบนี้ ก็ดูไม่ค่อยแออัดดีนะครับ

ถัดมาเราจะพาชมสระว่ายน้ำกันบ้าง จุดเด่นของสระว่ายน้ำที่นี่คือการออกแบบรูปใบไม้ ที่แทบทุกจุดของสระว่ายน้ำได้ถูกดีไซน์มาเป็นรูปกลีบใบไม้ทั้งสิ้น ตั้งแต่สเต็ปทางเดิน กระถางใส่ต้นไม้ ตัวสระน้ำบางส่วน เด็คไม้ หรือแม้กระทั่ง Shade บังแดด

ที่บังแดดนั้นไม่ใช่ทึบนะครับ ด้านบนเป็นไม้ซี่ๆ ยอมให้แสงผ่านได้ แต่จะช่วยกันแสงจากบางมุมที่ส่องมากระทบ ไม่ให้ร้อนมากเกินไป

สระ Jacuzzi ที่ออกแบบมาเป็นรูปกลีบใบไม้ซ้อนๆกัน สวยครับๆ

มองไปที่ตึก B ที่มี 3 ชั้น ตามขอบสระมีแนวไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่บางส่วน ช่วยเพิ่มความร่มรื่นให้กับโครงการ

โดยสรุปแม้ว่าตัวสวนส่วนกลางจะยังไม่เสร็จดี แต่ผมค่อนข้างชอบการออกแบบส่วนกลางที่นี่ครับ ได้คอนเซปท์ตรงกับคำว่า Autumn เป็นอย่างดี

เดี๋ยวเราเดินขึ้นไปยังชั้น 2 ของตึก B กันดูดีกว่า

ชั้น 2 เหนือ Lobby เป็นส่วนของ Fitness Centre

ด้านในมีเครื่องออกกำลังกายประมาณ 5-6 เครื่อง พร้อม Set ดัมเบลสำหรับ Weight Training

วิ่งไปก็ดูวิวสนามกอล์ฟไป ไม่เหมือนมาทะเลเลย

ขนาดห้องไม่กว้างเท่าไร แต่ใช้งานได้ พร้อมติดแอร์เรียบร้อย

ด้านนอกของห้อง Fitness ก็มี Deck Outdoor สามารถมานั่งได้

มองออกไปจะเห็นภาพส่วนกลางของที่ Autumn ทั้งหมด เป็นตามนี้ครับ มีสระว่ายน้ำให้ออกกำลังกายได้อยู่ทางขวามือเป็นสระหลัก นอกนั้นเป็นสระย่อยๆ ที่ว่ายน้ำไม่ได้นะครับ

จากจุดนี้เดินขึ้นไปที่ Rooftop Garden บริเวณชั้น 4F ของตึก B

ก่อนถึง Rooftop Garden บริเวณชั้น 3F ก็จะมีที่นั่งพัก ชมวิวได้อีกที่หนึ่ง

วิวที่มองออกไปเห็นผมว่าก็สวยดีนะครับ สนามกอล์ฟเขียวๆแปลกตา เห็นทะเลอยู่ลิบๆ

ด้านบนดาดฟ้าเป็นสวนสาธารณะกว้างๆ มีการจัดวางที่นั่งเป็นซุ้มเลียนแบบลายใบไม้ไว้ให้แล้ว โดยรวมผมว่าสวยดีแต่หลังคาไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร น่าจะทำทึบๆหน่อยไม่อย่างนั้นจะร้อนแดดมาก ใช้งานได้เฉพาะหลัง 4-5 โมงเย็น

มองไปยังทะเลนะครับ … คอนโดสีขาวด้านข้างที่เห็นเป็นตึก The Sanctuary Hua Hin

แม้ว่าทะเลจะอยู่ไกลไปหน่อย แต่เรามองเห็นวิวสนามกอล์ฟพร้อมทะเลที่จรดเส้นขอบฟ้าได้อยู่นะ

ส่วนด้านหลังเป็นวิวภูเขา … มองจากมุมนี้ใครๆก็ไม่นึกว่าเป็นหัวหินครับ

ข้างๆสวนส่วนกลาง Rooftop Garden เป็นพื้นที่สวนส่วนตัวของ Duplex Unit … ที่สามารถเปิดระเบียงเดินออกมาได้แบบนี้

โดยตัว Duplex Unit นี้จะเข้าจากชั้น 3 ของตึก B และขึ้นมายังชั้น 4 ได้ แต่จะไม่มีทางเชื่อมกับสวนส่วนกลาง ดังนั้นคนนอกก็จะไม่สามารถเข้าไปได้นะครับ

ถัดจากส่วนกลางเราจะไปดูวิวรอบๆโครงการกันบ้างนะครับ นอกจากฝั่งด้านหน้า (ทิศใต้) ที่เห็นสนามกอล์ฟกับทะเลแล้ว ทิศอื่นจะเป็นอย่างไร

จุดแรกเรามาดูทิศตะวันตกเฉียงใต้กันก่อน ทางซ้ายของภาพยังเห็นแนวสนามกอล์ฟอยู่บ้าง โดยไกลลิบๆไปจะเป็นภูเขาแบบนี้ วิวนี้จะเห็นได้จากตึก A ชั้นสูงๆเท่านั้น

ฝั่งนี้เป็นตะวันตกเฉียงเหนือ ได้วิวภูเขาเช่นกันครับ

ทางเดินของตึก A มีการตัดห้องออกไปบางส่วน เปิดเป็นช่องแสงและลมธรรมชาติ ไม่ให้ดูทึบเกินไป

ทิศเหนือจะได้วิวหมู่บ้านหลังคาส้มๆ ค่อนข้างแน่ใจได้ว่าจะไม่มีตึกมาขึ้นบังสายตา

ทิศใต้ของตึก A ก็จะมองข้ามหัวตึก B และสวนส่วนกลางไปยังสนามกอล์ฟและทะเลได้

และสุดท้ายทิศตะวันออกที่มีความไม่แน่นอนที่สุด ว่าที่ดินข้างๆจะกลายเป็นตึกอีกหรือไม่ … จากเท่าที่ดูก็มีลุ้นเยอะเลยครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ตรงกลางชั้น G
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ที่ตึก B ชั้น 2F
  • ที่นั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจที่ตึก B ชั้น 2F และ 3F
  • สวนหย่อมรอบโครงการ และ Rooftop Garden ที่ตึก B ชั้น 4F
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวที่อาคาร A และ 1 ตัวที่อาคาร B อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 64:1
  • Service Lift ไม่มี
  • ที่จอดรถ 57 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 30% ของจำนวนยูนิต
  • ระบบ CCTV / Access Card


Product Walkthrough

ห้องแรกที่เราจะพาไปดูเป็นห้อง 1 Bedroom แนวลึก กว้าง 5.1 x ลึก 8.1 เมตร พื้นที่ประมาณ 42.32 ตารางเมตร เป็นห้องชั้น G ของตึก A บริเวณขอบตึกริมสวนด้านท้ายโครงการครับ

ห้องตัวอย่างแต่งออกมาในโทนสีน้ำตาล เช่นเดียว Lobby เพื่อให้คงคอนเซปท์ของคำว่า Autumn ไว้ โดยมุมแรกที่เดินเข้าห้องไปก็จะถึงห้องนั่งเล่นก่อน

เนื่องจากเป็นห้องพักตากอากาศที่กว้าง 42 ตารางเมตร พื้นที่ห้องนั่งเล่นจึงได้ใหญ่สมใจ

ระยะดูทีวีไม่มีปัญหา วางโซฟาเพิ่มแล้วนั่งเล่นได้ 4-5 คนสบายๆ

พื้นที่ด้านข้างค่อนข้างเหลือใช้ ถ้าวางเพิ่มอีกก็ยังไม่เกะกะ แต่จะเปิดประตูห้องนอนยากหน่อยเท่านั้นเอง

ชุดครัวออกแบบชิดผนังเป็นครัวเปิด ไม่เน้นทำกับข้าวมากนักเพราะเป็นบ้านตากอากาศ ฟังก์ชั่นนี้จึงไม่ต้องเน้นมากเท่าไร

แต่พื้นที่เก็บของตามตู้ต่างๆก็ให้มาครบถ้วนเรียกว่าเก็บได้เยอะมากๆเลยทีเดียว

ดีไซน์แปลกๆที่เราไม่ค่อยเห็นกันก็คือการเอาโต๊ะกินข้าววางชิดหลังโซฟา … ตรงนี้จะทำให้นั่งได้เพียง 2 คน แต่จะมีข้อดีตรงที่โต๊ะหันไปทางทีวี นั่งกินไปดูไปได้สะดวก ไม่ต้องมานั่งกินข้าวบนโซฟานะครับ

ห้องนอนอยู่ติดกับห้องนั่งเล่นเลย เป็นบานเลื่อนเปิดลึกเข้าไปในตัวยูนิต

โดยห้องนอนมีขนาดใหญ่พอประมาณ วางเตียง King หรือ Queen Size ก็ได้ จะไม่อึดอัด แต่ถ้าวาง King Size อาจจะต้องเสียพื้นที่วางโต๊ะข้างหัวเตียงไปเล็กน้อย

ปลายเตียงเป็นที่วางตู้เสื้อผ้า ซึ่งสำหรับบ้านตากอากาศก็ไม่ได้ต้องการพื้นที่เก็บเสื้อผ้าอะไรมากขนาดนั้น

ปลายสุดของห้องเป็นส่วนของระเบียงที่สามารถออกไปนั่งเล่นได้

ตัวระเบียงกว้างประมาณ 1.2 เมตร ทำให้วางชุดน้ำชากาแฟนั่งได้สบาย มีประตูหลังสามารถเดินออกไปยังสวนหย่อมด้านนอกได้ด้วย

ระยะระเบียงทั้งหมดประมาณนี้นะครับ นั่งสองคนหันเข้าหากันจะโอเค แต่ถ้าเกินสองคนจะไม่ได้ละ อึดอัด

มองจากระเบียงผ่านห้องนอนไปยังห้องรับแขก เวลาต้องการพื้นที่มากๆ โล่งๆ อย่างเช่นช่วงกลางวัน ก็เปิดห้องนอนเชื่อมกับห้องรับแขกเสีย จะได้ไม่ทึบ และได้แสงธรรมชาติส่องผ่านมาจากระเบียงด้วย

ห้องน้ำของยูนิตนี้อยู่ในห้องรับแขก ถ้าใครชอบห้องน้ำในห้องนอนก็ต้องบอกว่าเสียใจด้วยนะครับ

ฟังก์ชั่นต่างๆทำออกมาได้ครบถ้วน มีอ่างล้างมือ, โถสุขภัณฑ์และ Shower Box เรียบร้อย

ที่อาบน้ำติดตั้งฝักบัวแบบ Hand และ Rain Shower พร้อมกระจกนิรภัย

สุดท้ายคือเวลานอนก็ควรจะปิดบานเลื่อน 3 ตอนแบบนี้ เพื่อประหยัดแอร์และความเป็นส่วนตัวจากสมาชิกในครอบครัวที่ยังนั่งคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นนะครับ 🙂

ห้องที่สองที่จะพามาดูเป็นห้อง 2 Bedrooms ขนาด 64.52 ตารางเมตร ระยะคร่าวๆคือหน้ากว้าง 10 เมตรลึก 6.6 เมตร โดยมีส่วนระเบียงยื่นออกไปนิดหน่อยตามภาพ Unit Plan ด้านบนครับ

ประตูหน้าห้องเป็นแบบนี้ ดูหน้าตาสวยงามแข็งแรงดี

พอเปิดเข้าไปก็จะพบกับห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับครัว โต๊ะทานข้าว ชุดโซฟา ชั้นวางทีวี และห้องนอนเล็ก

พอรวมพื้นที่ในส่วนของห้องนอนเล็กเข้ามาด้วยแล้ว ทำให้ห้องโถงกลางดูกว้างมาก สามารถนั่งเล่นรวมกันได้ 6 คนสบายๆ

ส่วนของโต๊ะทานข้าวกับครัวจะอยู่ด้านหน้า โต๊ะทานข้าวเป็นแบบ 4 ที่นั่ง ถ้าจะต่อหัวท้ายอีกก็ได้ 6 ที่นั่ง หรือจะใช้โต๊ะใหญ่กว่านี้หน่อยก็ไม่มีปัญหาอะไร

ห้องนอนเล็กเชื่อมต่อด้วยบานเลื่อนกับห้องนั่งเล่น คล้ายๆกับห้องนอนใน 1 Bedroom ห้องที่ผ่านมา

จะต่างกันตรงที่ห้องนี้เป็นห้องหน้ากว้าง ดังนั้นทั้งห้องนอนใหญ่ ห้องนั่งเล่นและห้องนอนเล็ก ต่างก็มีหน้าต่างของตัวเอง สามารถรับแสงธรรมชาติได้ … จะเห็นว่าระยะดูทีวีก็กว้างขวาง สบายๆครับ

ระเบียงค่อนข้างกว้างมาก ยาวจากห้องเล่นเล่นไปจรดห้องนอนเล็ก โดยมีทางเข้าออกที่สวนส่วนกลางด้วย

ด้านข้างโต๊ะรับประทานอาหารเปิดประตูเข้าไปเป็นห้องนอนใหญ่  ซึ่งกั้นด้วยประตูบานสวิงสามารถปิดมิดชิด ต่างจากห้องนอนบานเลื่อน

ห้องนี้ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า เหมาะกับผู้ใหญ่ ส่วนเด็กๆลูกๆหลานๆก็ส่งไปนอนห้องนอนเล็กโลด

ห้องนอนใหญ่มีขนาดใหญ่สมชื่อม สามารถวางเตียง 6 ฟุตแล้วเหลือพื้นที่อีกเยอะแยะ ปลายเตียงก็สามารถวางชั้นวางทีวีได้

ข้อเสียนิดหน่อยก็คือเรื่องของเสาอาคารที่โผล่มาบริเวณหัวเตียงพอดี วิธีแก้คงจะต้องเบิ้ลผนังขึ้นมาให้เรียบ ซึ่งอาจจะเสียพื้นที่ไปประมาณ 5 – 10 เซ็นติเมตร แต่ก็ยังดีกว่านอนให้มีเสายื่นๆออกมาแบบนี้ครับ

มุมมองจากหน้าต่างที่เปิดไปรับส่วนกลาง บริเวณสระจากุซซี่รูปใบไม้พอดี

ห้องน้ำมีฟังก์ชั่นเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนทรงการจัดวางตามแบบแปลนต่างๆ โดยห้องน้ำนั้นมี 2 ห้อง อยู่ในห้องนอนใหญ่และห้องนอนเล็ก

ที่อาบน้ำเป็นซอกเข้าไปนิดนึง ไม่กว้างแต่ลึก

โถสุขภัณฑ์ก็จัดชิดๆกับอ่างอาบน้ำ เพราะเหลือพื้นที่ในห้องน้ำไม่มาก ถ้าเป็นคนตัวใหญ่ก็อาจจะไม่สะดวกเท่าไร

ซึ่งห้องน้ำอีกห้องที่อยู่ในห้องนอนเล็กมีลักษณะคล้ายๆกัน เราจะขอข้ามไปนะครับ

สุดท้ายจบที่ครัวของห้องแบบ 2 Bedrooms ซึ่งผมว่าเล็กกว่าแบบ 1 Bedroom ที่ไปดูมาอีก เพราะมีเสาโผล่มาตรงกลาง ทำให้ใช้งานพื้นที่ตัว L ได้ไม่เต็มที่ แต่อย่างไรก็ตาม ครัวบ้านตากอากาศไม่ต้องจริงจัง นานๆทำครั้งหนึ่ง ไม่ซีเรียสครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 7 Jan 2015

  • 1 Bedroom เนื้อที่ 42.32 ตารางเมตร ราคา 3.893 ล้านบาท Fully Furnished หรือ 92,000 บาทต่อตารางเมตร
  • 1 Bedroom เนื้อที่ 42.32 ตารางเมตร ราคา 3.458 ล้านบาท Non Furnished หรือ 82,000 บาทต่อตารางเมตร
  • 2 Bedrooms เนื้อที่ 64.52 ตารางเมตร ราคา 6.88 ล้านบาท Fully Furnished หรือ 106,600 บาทต่อตารางเมตร
  • 2 Bedrooms เนื้อที่ 64.52 ตารางเมตร ราคา 5.99 ล้านบาท (Non Furnished) หรือ 92,800 บาทต่อตารางเมตร

  • Fully Furnished / Fully Fitted
  • เพดานสูง 2.6 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง 30,000 – 50,000 บาท
  • ทำสัญญา 50,000 – 80,000 บาท
  • ยูนิตพร้อมโอน
  • ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 50 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

เจาะลึกรวบยอด

ทำเลของ Autumn หัวหิน ตั้งอยู่บนทำเลเขาตะเกียบ ใกล้สนามกอล์ฟ ซึ่งมีจุดเด่นคือเป็นตึกเตี้ยที่สามารถมองวิวจากมุมสูงได้ เนื่องเพราะพื้นที่บริเวณที่ตั้งของโครงการใกล้ๆสวนสนนั้นเป็นเนินขึ้นไป อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลอยู่บ้าง ทำให้เราสามารถมองวิวระยะไกลได้แม้ว่าจะอยู่แค่ชั้น 2 หรือชั้น 3 แต่คงจะไม่มีทางที่จะได้วิวมุมสูงเหมือนกับคอนโดตึกสูงนะครับ

ข้างๆมีตึก The Sanctuary อยู่ทางทิศตะวันออก อาจจะโดนบังบ้างบางมุมนะ ส่วนวิวจากทิศอื่นๆก็จัดว่าโอเค ด้านทิศเหนือมองเห็นหมู่บ้านหลังคาสีส้มๆ ได้ Backgrond เป็นภูเขา ทิศใต้จะมองเห็นสนามกอล์ฟทั้งแผงและเห็นทะเลบ้างในบางมุม ทิศตะวันตกจะมองผ่านสถานีรถไฟสวนสนไปเห็นวิวภูเขา และวิวส่วนกลางที่มองกันเองในตึกก็จัดว่าพอใช้ได้ครับ

Autumn ไม่ค่อยเน้นเรื่องทะเลเท่าไร ชายหาดและการเล่นน้ำแทบจะไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเลือกบ้านพักตากอากาศแห่งนี้ แต่เป็นการพิจารณาในเรื่องของสภาพโครงการ คอนเซปท์ของตัวตึก วิวจากระเบียง สนามกอล์ฟ และการพักผ่อนในมุมสงบมากกว่า เพราะทำเลเขาตะเกียบตรงนี้ห่างจากตัวเมืองหัวหินมามากพอสมควร แต่ในขณะเดียวกันก็ยังไม่ใช่สถานที่ที่ไร้แสงสีแบบเขาเต่า บริเวณโดยรอบยังพอจะหาร้านค้า ร้านอาหาร หรือ Lounge ต่างๆตามรีสอร์ทนั่งชิลได้ ไม่ได้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกจนเกินไป

วัสดุอุปกรณ์ต่างๆให้มาโอเคใช้ได้ พื้นจัดเป็นกระเบื้องไว้นิล วงกบตามหน้าต่างก็ใช้ไวนิล ให้กระจก Tempered Glass กั้นห้องอาบน้ำบางส่วน สุขภัณฑ์หน้าตาดี ซึ่งถ้าเป็นห้อง Fully Furnished แล้วราคาจะค่อนข้างโดด แต่ก็มีการตกแต่งตามสไตล์​ Autumn มาให้ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการจะคิดวุ่นวาย

การออกแบบห้องทำออกมาดีเช่นกัน เหมาะกับการพักผ่อนตากอากาศชั่วครั้งคราว ดีไซน์ห้อง 2 Bedrooms ให้ยุบรวมพื้นที่ห้องนอนเล็กและห้องนั่งเล่นเข้าด้วยกันได้ เหมาะสำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ ความหนาแน่นกลางๆ ไม่มากจนเกินไป อยู่ที่ไม่ถึง 200 ห้องทั้งโครงการ ซึ่งคงจะไม่มีคนมาใช้บริการพร้อมๆกันอยู่แล้วนอกเสียจากหน้าเทศกาล ซึ่งจากประสบการณ์และสถิติคอนโดตากอากาศต่างๆ อย่างมากที่สุดผู้เข้าพักก็แค่ 30-40% ของจำนวนยูนิตเท่านั้นละครับ

สาธารณูปโภคหลักคือสระว่ายน้ำที่อยู่กลาง Court ของสองตึก และมีจุดชมวิวอยู่บนชั้น 4 ของอาคารตึกเตี้ย จะติดนิดหน่อยตรงลิฟท์ของตึกเตี้ยที่มีเพียง 1 ตัว อาจจะต้องรอกันบ้าง แต่อย่าลืมว่าตึกนี้มี 4 ชั้นก็จริง แต่ห้องพักมีเพียงชั้น 1-3 นะครับ ดังนั้นเราก็เดินไหวอยู่แล้ว มาพักผ่อนก็ออกกำลังกายขากันบ้าง เว้นเสียแต่ว่าจะมีผู้ใหญ่ที่มากประสบการณ์มากๆมาด้วยน่ะสิ

สุดท้ายคงจะเป็นเรื่องของอารมณ์หรือ Feeling ที่เราได้มาเยือนสถานที่พักผ่อนตากอากาศแห่งนี้แล้วรู้สึกอย่างไร ผมเชียร์ให้ไปดูก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ต้องเห็นที่ดิน เห็นสภาพแวดล้อม เห็นบรรยากาศรอบข้าง แล้วดูว่าเหมาะกับเราหรือครอบครัวเราไหม ถ้าชอบก็ตัดสินใจตามราคาที่รับได้ ถ้าไม่ชอบก็ลองช็อปปิ้งคอนโดต่อก็ได้ครับ หัวหินมีหลายโปรเจค เฉพาะแสนสิริอย่างเดียวก็ว่าเข้าไปราวๆ 10 โครงการแล้วละ

Judgement

เราไม่มีคะแนนให้กับโครงการบ้านพักตากอากาศที่จะต้องใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ วัดเป็นคุณค่าทางจิตใจที่เราจะได้มาพักผ่อนในสถานที่ที่เราชอบ ต่างจากโครงการบ้านพักอาศัยทั่วไปนะครับ

  • MAIN CLASS
  • NOT JUDGE

BOTTOM LINE

โครงการ Autumn เป็นบ้านพักตากอากาศบนทำเลหัวหิน-เขาตะเกียบ ที่ได้วิวสนามกอล์ฟสวนสนควบคู่ไปกับวิวทะเล เน้นการพักผ่อนแบบนั่งชมวิวอยู่ในห้องหรือเป็นบ้านพักสำหรับคนที่มาตีกอล์ฟชมบรรยากาศ มากกว่าการลงไปเดินชายหาดเล่นน้ำทะเลครับ

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ