นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่าแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทยังมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่อีก 13 โครงการ โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 7 โครงการ และโครงการแนวราบอีก 6 โครงการ ทั้งนี้จากความสำเร็จในการเปิดตัวคอนโดมิเนียมในช่วงที่ผ่านมาซึ่งได้รับการตอบรับจากลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี ล่าสุดบริษัทยังได้เตรียมเปิดการขายโมริ เฮาส์ คอนโดมิเนียมใหม่ล่าสุดในพื้นที่ T77 บนถนนสุขุมวิท77 ซึ่งสร้างยอดขายพรีเซลส์จากลูกค้าต่างชาติไปแล้วกว่า 700 ล้านบาท จากความเชื่อถือในแบรนด์แสนสิริในตลาดต่างชาติอย่างเป็นทางการ โดยจะเปิดพรีเซลล์ ในวันที่ 6 -7 สิงหาคมนี้
นอกจากนี้ในไตรมาส 3 บริษัทยังได้เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ภายใต้แบรนด์ “เดอะ เบส” โครงการล่าสุด ในชื่อโครงการ “เดอะ เบส การ์เดน – พระราม 9” ในทำเลพระราม 9 หลังจากเดอะ เบส พระราม 9 – รามคำแหง โครงการแรกปิดการขาย รวมทั้งเปิดตัวโครงการแนวราบต่อเนื่องอีก 6 โครงการ ในกรุงเทพฯ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว เศรษฐสิริ ปิ่นเกล้า – กาญจนาภิเษก มูลค่าโครงการ 1,181 ล้านบาท, โครงการบ้านเดี่ยว บุราสิริ ราชพฤกษ์ – 345 มูลค่าโครงการ 2,380 ล้านบาท, โครงการบ้านเดี่ยว คณาสิริ รังสิต คลอง 2 มูลค่าโครงการ 1,012 ล้านบาท, รวมทั้งโครงการทาวน์เฮาส์ ช้อปเฮาส์และโฮมออฟฟิศภายใต้แบรนด์แสนสิริด้วยกันอีก 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1,470 ล้านบาท
รวมทั้งบริษัทยังได้เตรียมเปิดตัวแคมเปญที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ในช่วงไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการต่างเร่งทำการตลาดและร่วมมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า นับเป็นเวลาที่ดีที่ลูกค้าจะเลือกซื้อที่อยู่อาศัย บริษัทจึงได้เปิดตัวแคมเปญ ในชื่อ “Good Move ได้เวลาย้าย ขยายความสุข” กับบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ยูนิตสวยที่มาพร้อมราคาและข้อเสนอสุดพิเศษ พร้อมลุ้นรับบัตรเติมน้ำมันฟรีตลอดปี 2559 โดยแคมเปญจะเริ่มในวันที่ 15 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2559
ขณะที่ผลการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 บริษัทมียอดขาย(พรีเซล) แล้วประมาณ 13,000 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่และจากการที่ลูกค้าให้การตอบรับโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ของแสนสิริเป็นอย่างดี โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS โครงการล่าสุด เดอะ ไลน์ อโศก – รัชดา มูลค่า 2,900 ล้านบาทซึ่งปิดการขายทันทีในช่วงพรีเซลล์ รวมถึงการสร้างยอดขายที่ดีจากคอนโดมิเนียมพร้อมเข้าอยู่ 2 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการ ดีคอนโด แคมปัส รังสิต มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท และโครงการ ดีคอนโด นิม เชียงใหม่ มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท อีกทั้งยอดขายจากตลาดต่างชาติจากการโรดโชว์โครงการคอนโดมิเนียม โมริ เฮาส์ ที่ประเทศฮ่องกง สิงคโปร์ และญี่ปุ่น ในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้บริษัทยังประสบความสำเร็จจากการเปิดการขายโครงการแนวราบต่างๆ อาทิ บ้านเดี่ยวโครงการเศรษฐสิริ พัฒนาการ, เศรษฐสิริ วงแหวน – ลำลูกกา และ บุราสิริ รังสิต รวมถึงความสำเร็จจากการจัดงานกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยส่งท้ายมาตรการรัฐในช่วงไตรมาสแรก “ช้าหมดอดมาตรการ” การจัดแคมเปญ Uniquely You เหมือนคุณไม่เหมือนใคร ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า และการใช้กลยุทธ์ตอกย้ำจุดเด่นของแบรนด์บ้านเดี่ยว ด้วยการเปิดตัวแคมเปญ “แสนสิริ บ้านที่ใช่ในทุกความรู้สึก” เพื่อชูความโดดเด่นของ 5 แบรนด์ “นาราสิริ–เศรษฐสิริ–บุราสิริ–สราญสิริ –คณาสิริ” ซึ่งปรากฎว่าลูกค้าให้การตอบรับที่ดี
“ปัจจุบันบริษัทมียอดรอรับรู้รายได้ (Presale Backlog) กว่า 21,517 ล้านบาท ทั้งนี้จากการที่ลูกค้าตอบรับโอนที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมียอดรอรับรู้รายได้ในปีนี้ไปแล้วถึง 72% จากเป้ารายได้จากการขาย 32,000 ล้านบาทในระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งนับเป็น presale backlog ที่สามารถ secure เป้ารายได้ที่สูงมาก ดังนั้นจึงยังคงเหลือยอดขายและยอดโอนที่จะต้องทำให้ได้ตามเป้าหมายอีกเพียง 28% บริษัทจึงมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายรายได้ที่วางไว้ ทั้งนี้บริษัทยังได้เตรียมส่งมอบคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จให้แก่ลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอีกถึง 29 โครงการทั่วประเทศ รวมถึงโครงการใหม่ซึ่งจะพร้อมโอนในปีนี้อีก 8 โครงการ อาทิ คอนโดมิเนียมโครงการ 98 Wireless (ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส), The XXXIX (เดอะ เทอร์ทีไนน์) และ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71 ซึ่งจะเป็นคอนโดมิเนียมโครงการแรกภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่สร้างเสร็จ 100% และพร้อมโอน พร้อมให้ลูกค้าเข้าพักอาศัยหรือลงทุนปล่อยเช่าได้ในเดือนพฤศจิกายน 2559 นี้” นายเศรษฐา กล่าว